ความคิดเห็นที่ 1 การเดินทางนี้เริ่มต้นด้วยการขึ้นเรือเฟอร์รี่จากเมืองคีล ไปออสโล ของบริษัท color line ราคาก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล เพราะเราเอารถไปด้วย จ่ายไปประมาณสี่ร้อยเจ็ดสิบยูโร เป็นตั๋วไปกลับ เเนะนำว่า ควรจะจองตั๋วล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือน เเละลองเช็คดูว่าซื้อไปกลับจะถูกกว่ารึเปล่า เพราะว่าช่วงที่เราไปเนี่ย ถ้าเราซื้อไปขาเดียวราคาประมาณห้าร้อยสามสิบเเน่ะ เเต่ว่าขากลับเรากับเพื่อนขับรถกลับกันมาเอง เวลาการเดินทางด้วยเรือประมาณยี่สิบสองชั่วโมง ออกจากท่าเรือที่เยอรมันตอนบ่ายสองไปถึงสิบโมงเช้า ส่วนสารธารณูปโภคในเรือก็มีทุกอย่างเหมือนเรือสำราญ สระว่ายน้ำ คาซิโน โรงหนัง ร้านอาหาร ร้านขายของ สำหรับคนที่เดินทางจากเมืองไทย ก็สามารถบินตรงกรุงเทพ ออสโลได้เลย เพราะทริปเราก็เริ่มต้นที่ออสโลเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 19:57:44 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 19:56:01

ความคิดเห็นที่ 2 ที่ออสโล เราเลือกที่จะไม่นอนโฮสเทล เพราะอ่านจากฟี๊ดเเบ็คในอินเตอร์เนตเเล้วค่อนข้างเเย่ เเละก่อนที่เราจะต้องไปนอนเต๊นท์ นอนกางดิน กินกลางทราย เราเลยขอนอนโรงเเรมสบายๆซักสองคืน ซึ่งโรงเเรมก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งเเต่ดาวน้อย ไปจนถึงห้าดาวอย่างเอสเอเอสเรดิสัน เเต่เนื่องจากต้องการประหยัดงบ เราเลยจองโรงเเรมในเครือ ช๊อยส์โฮเทล อยู่นอกเมืองไปนิด เเต่ราคารวมอาหารเช้า ที่จอดรถฟรี มีรถเมโทรเข้าเมือง ก็ถือว่าโอเค คำเเนะนำ โรงเเรมส่วนใหญ่จะมีเรทสำหรับจองที่ต่างกัน flex- , flex+ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่ถ้ารู้เเน่ๆว่าคุณจะไปพักวันไหน เเนะนำให้จองไปเลยเเบบที่เเคนเซิลไม่ได้ หรือจ่ายตังค์ ณ วันที่จอง เพราะจะช่วยให้ประหยัดไปได้เยอะทีเดียว จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:03:19

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ออสโล ที่เที่ยวหลักๆ ก็มีท่าเรือ พระราชวัง มี vigeland park พาร์คที่มี sculptures หน้าตาเเปลกๆ มี Holmenkollen ที่เป็นจุดที่ใช้เเข่ง ski jumping เเละเป็นจุดชมวิวของออสโล เเต่ช่วงที่เราไป มีการก่อสร้างเยอะเเยะเต็มไปหมด เลยได้เห็นเเต่เศษหินเศษปูนเเละรถเครน สำหรับการท่องเที่ยวในเมือง จริงๆ สามารถเดินเที่ยวได้โดยไม่ต้องพึ่งเมโทร หรือเเทรม เเต่ถ้าเป็นคนไม่ชอบเดิน ก็ต้องลองคำนวณดูว่าถ้าซื้อตั๋ววันจะใช้คุ้มมั๊ย ต้องขึ้นรถกี่รอบ ถ้าไม่คุ้มก็ซื้อตั๋วธรรมดาเป็นโซนๆไป ถนนในเมืองออสโล เเละข้างหลังคือ royal palace ที่เป็นที่อยู่ของกษัตริย์นอร์เวย์จริงๆ เเต่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ ค่าตั๋วเข้าไปประมาณเก้าสิบโครน เเต่ได้เเค่ไปเดินดูรอบๆ เเละกลิ้งเกลือกอยู่ที่ปาร์กเเถวนั้น เลยบอกไม่ได้ว่าควรเข้าไปดูข้างในหรือไม่ควร แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 20:13:04 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:11:19

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนนี่ก็คือ vigeland park ที่ว่า เป็นพาร์คที่ศิลปินชาวนอร์เวย์อุทิศให้กับเมือง ช่วงที่ไปเป็นเรคคอร์ดซัมเมอร์ ปลายเดือนมิถุุนา อากาศร้อนมากๆ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:15:29

ความคิดเห็นที่ 5 ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ไม่ค่อยเห็นใครรีวิวประเทศนี้สักที ตามชมต่อนะคะ จากคุณ : route rover เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:15:37

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามารอดู รอชมครับ จากคุณ : คนสองภาค เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:17:35

ความคิดเห็นที่ 7 เเละนี่คือไฮไลท์ของพาร์ค ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เเต่ดูเเล้วผิดหวังพอๆกับเด็กฉี่ที่เบลเยี่ยม เเละเมอร์เมดที่เดนมาร์กเลย จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:18:03

ความคิดเห็นที่ 8 มาลงชื่อ ขอไปด้วยคนคร้าบบบ จากคุณ : Title_boy เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:22:44

ความคิดเห็นที่ 9 ปายด้วยยยย จากคุณ : narawen เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:31:53

ความคิดเห็นที่ 10 ออสโลจริงๆ ใช้เวลาเที่ยวสองวันน่าจะพอ สำหรับคนที่ไม่ชอบเข้ามิวเซี่ยมเท่าไหร่ หลังจากนั้นเป้าหมายหลักๆของนักท่องเที่ยวที่ไปนอร์เวย์คือเมือง Bergen เป็นเมืองอยู่ฝั่งตะวันตกสุดของนอร์เวย์ เนื่องจากเราเอารถไปเอง เลยลัดเลาะ เเวะรายทางไปเรื่อยเปื่อย กว่าจะไปถึงเเบร์กเก้นก็ใช้เวลาไปถึงสองวัน ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไปกันเอง สามารถซื้อเป็นทัวร์ไปก็ได้ สามารถดูข้อมูลได้ใน http://www.norwaynutshell.com/default.asp อันนี้เป็นทัวร์เเบบ Roundtrip เเละได้เห็นทุกอย่างในนอร์เวย์ที่ควรเห็น นั่นก็คือ Oslo, Bergen, Flam ได้นั่งรถไฟ Flambana เเละเห็นฟยอร์ดต่างๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอยากให้ลองเทียบราคาดู ว่าถ้าซื้อตั๋วรถไฟไปเองจะถูกกว่าทัวร์มั๊ย เเละการไปทัวร์ด้วยตัวเอง เวลาค่อนข้างยืดหยุ่นได้ เเต่ต้องขยันหาข้อมูลนิดนึง ในรูปคือถนนหนทางในนอร์เวย์ เราเลือกที่จะไม่ใช้ไฮเวย์ เพราะจะได้ดูวิวทิวทัศน์ข้างทาง เเละก็ต้องบอกว่า สวยจริงๆ อารมณ์เป็น country road มากๆ นานๆทีจะมีรถสวนมาซักคัน เเต่ก็อย่าคิดว่าจะขับเร็วเหยียบได้เต็มที่ เพราะถ้าโดนตำรวจจับได้เนี่ย ต้องจ่ายตังค์ ณ เดี๋ยวนั้นไม่มีข้อโต้เเย้ง ราคาค่าปรับอยู่ที่ประมาณหกร้อยยูโร เเละถ้าขับรถไม่เปิดไฟปรับหกสิบยูโรค่ะ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:32:05

ความคิดเห็นที่ 11 เส้นทางผ่านเหมือนกัน อุทธยานเเห่งชาติ Hardangervidda ตลอดทางสามารถจอดรถลงไปถ่ายรูปเล่นได้ เนืองจากการจราจรเบาบางเหลือเกิน ในบางจุดหิมะก็ยังไม่ละลาย สามารถไปเล่นหิมะได้ในเสื้อยืด กางเกงขาสั้น จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:37:32

ความคิดเห็นที่ 12 สวยยยยยย ปาดดดดดด จากคุณ : ป่านปั๊น เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:41:35

ความคิดเห็นที่ 13 Bergen เเละไฮไลท์ของเมือง Bryggen บ้านไม้เก่าๆที่่ท่าเรือ ยูเนสโก้จัดให้เป็นมรดกโลกด้วยน๊า ไปเมืองนี้ทางที่ดี ต้องพกร่มไปด้วย เพราะเเบร์กเก้นเป้นเมืองที่ฝนตกบ่อยที่สุดในยุโรป ชนะอังกฤษมาได้ไงเนี่ย ฝนตกต่อปีประมาณ 248 วัน จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:43:18

ความคิดเห็นที่ 14 เเละเซียนนักชิมไม่ควรพลาด คือเนื้อปลาวาฬรมควัน มีให้ชิมฟรีๆ โดยไม่ต้องซื้อก็ได้ เพราะพ่อค้าเเม่ค้าจะเรียกคุณไปชิมเอง ไม่ซื้อไม่ถูกใจ ไม่ว่ากัน ตอนนี้ไม่ค่อยมีปลาสดๆขายเเล้วเพราะว่านักท่องเที่ยวซื้อกลับไปไม่ได้ เเต่ใครที่ชอบปลารมควัน ไข่ปลา เค้ามีเเพ็คสุญญากาศขาย สามารถเก็บได้ถึงสองสามวันทีเดียว อ่อ หลายคนอาจจะเเอนตี้กับการล่าปลาวาฬเหมือนกลุ่มกรีนพีช เเต่ที่นอร์เวย์เนี่ย ยังถือว่าเป็นประเพณีที่มีมาเป็นร้อยๆปี เเละนอร์เวย์เองก็ออกมาบอกว่าชนิดของปลาวาฬที่ถูกล่านั้น ไม่ได้อยู่เป็นชนิดที่ใกล้จะสูญพันธฺุ์ ชาวนอร์เวย์ก็เลยยังนิยมบริโภคเนื้อปลาวาฬมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนรสชาติเนื้อปลาวาฬเนี่ย ออกไปเเนวๆเนื้อเเดดเดียว มากกว่าที่จะเป็นเนื้อปลา เเต่ก็อร่อยใช้ได้ เสียดายไม่มีข้าวเหนียวติดมาด้วย แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 20:54:55 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:53:19

ความคิดเห็นที่ 15 เเละอย่างที่บอกว่าทริปนี้ไปเเบบลุยๆ เเบ็คเเพ็ค นอนเต๊นท์ ค่ำไหนนอนนั่น ก็เลยขอเอารูปเต๊นท์มาให้ดูซะหน่อย จริงๆที่นอร์เวย์มีกฎที่เรียกว่า everyone's right น่านก็คือคุณสามารถไปตั้งเต้นท์นอนที่ไหนก็ได้ โดยต้องห่างจากบ้านชาวบ้านออกไปห้าสิบเมตร เเละเป็นที่ที่ไม่มีเจ้าของ เเต่การจากไปเเล้วพบว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะทำอย่างนั้นได้ เพราะถ้ามันไม่ใช่เป็นป่า มันก็เป็นที่เกษตรกรรมของชาวนา หรือไม่ก็ต้องเป็นพื้่นที่บนภูเขาห่างไกลความเจริญ ซึ่งตอนกลางคืนก็ต้องผจญกับความหนาวเเละสัตว์ป่า งานนี้เราเลยขอไปนอนเเคมป์กราวน์ดีกว่า ราคาก็ไม่เเพงมาก อยู่ที่ร้อย สองร้อยโครน เเล้วเเต่จำนวนดาว ซึ่งข้อมูลเเคมป์กราวน์สามารถไปขอได้ที่ทัวริสต์อินโฟ เค้ามีไว้เเจกเล่มเบ้อเริ่ม มีข้อมูลทุกอย่าง ว่าเเคมป์ไหนอยู่ที่ไหน ราคาเท่าไหร่ มี facilities อะไรให้บ้าง สำหรับคนที่ไปกันเองจากเมืองไทย หอบเต้นท์ไปคงไม่สะดวก สามารถหาที่พักถูกๆ ได้ตาม youth hostel หรือที่นอร์เวย์เรียกว่า vandrerhejm เเต่หลายๆเเคมป์กราวน์ ก็มีที่พักที่เรียกว่า Hytte น่านคือกระต๊อบ หรือกระท่อมเล็กๆ สำหรับอยู่สองคน สี่คน หรือหก ราคาก็เเพงขึ้นมาหน่อย เเต่ไม่ต้องกางเต้นท์ เเละไม่ต้องกลัวเวลาฝนตกตอนกลางคืน จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:06:23

ความคิดเห็นที่ 16 เเต่ไฮไลท์ของนอร์เวย์ ไม่ได้จบอยู่เเค่ ออสโล เเละเเบร์กเก้น เมืองที่ควรไปอีกเมือง คือเมือง Flam ซึ่งเป็นเมืองที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่รักธรรมชาติ เเละอยากเที่ยวดูฟยอร์ดอย่างเต็มอิ่ม ตัวเมืองเฟลมเอง เป็นเมืองที่ขนาดเล็กมาก ถึงมากที่สุด เพราะมีประชาชนประมาณห้าร้อยคน เเต่เนื่องด้วยทำเลที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง Oslo - Bergen สามารถเดินทางไปถึงได้สะดวกด้วยรถไฟ ดูข้อมูลเส้นทางรถไฟได้ที่ http://www.nsb.no/home/ เเละตัวเมืองเฟลมก็ติดอยู่กับฟยอร์ด (หรือส่วนหนึ่ง)ของ Aurlandsfjorden วันดีคืนดีก็จะมีเรือสำราญลำโตมาจอดให้ได้ชืนชมเล่นๆ อธิเช่นในรูป แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 21:13:20 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:12:11

ความคิดเห็นที่ 17 เเละไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาด คือการนั่งรถไฟ Flambana เป็นรถไฟโบราณ เค้าบอกว่าเก่าพอดู เเต่เราดูยังไง๊ยังไง ก็ใหม่กว่าของบ้านเราเเฮะ เส้นทางสุดฮิตคือ Flam - Myrdal ซึ่งบอกได้เลยว่าควรค่าอย่างยิ่ง ค่าตั๋วไปกลับประมาณ 330 โครน เส้นทางรถไฟสายนี้ จะพาคุณผ่านป่าเขา ลำเนาไพร ผ่านภูเขา น้ำตก ผ่านอุโมงค์ ประมาณยี่สิบอุโมงค์ได้ เเละเป็นเส้นทางรถไฟที่ชันติดอันดับของโลก จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:20:05

ความคิดเห็นที่ 18 อีกซักรูปกะ Flambana จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:21:39

ความคิดเห็นที่ 19 เเละเเนะนำอย่างยิ่งคือ เมื่อไปถึง Myrdal สถานีปลายทางเเล้ว ควรจะลองเดินป่ากันดู เค้ามีเส้นทาง มีป้ายบอกทิศทางไว้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหลงทาง สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะเหนื่อยนิดนึงเเต่ไม่ถึงขนาดลำบากลำบนนะคะ ระยะจาก Myrdal ไป Flam รวมๆเเล้วประมาณสิบสี่กิโลเมตร เเต่ถ้ากลัวเดินไม่ไหว ก็ซื้อตั๋วไปกลับไว้ เเล้วเดินถึงสถานีไหนก็โดดขึ้นรถไฟสถานีนั้น เราเองก็เดินได้ประมาณเจ็ดกิโลเมตรก็หอบเเห่กๆ ได้ขึ้นรถไฟกลับเเทน จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:28:53

ความคิดเห็นที่ 20 มองเห็นรถไฟกันมั๊ยเอ่ย สีสันกลมกลินกับธรรมชาติทีเดียว แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 14:24:07 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:30:45

ความคิดเห็นที่ 21 ระหว่างทางเดินก็จะได้เห็นวิวเเนวๆนี้ ป่าเขา ลำเนาไพร เเละน้ำตก จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:32:52

ความคิดเห็นที่ 22 เเละอย่างนี้เป็นต้น จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:35:23

ความคิดเห็นที่ 23 อย่างที่บอกไว้ ถ้าเดินไม่ไหวก็สามารถกระโดดขึ้นรถไฟได้ทุกป้าย เเต่ปลายเล็กๆ รถไฟจะจอด on demand น่านก็คือต้องไปโบกรถไฟเอาเอง ไอ้เราก็บ้าจี้ กะว่าขับขับรถไฟต้องมองไม่เห็นเราเเน่ๆ หรือระยะเบรกต้องไกล กลัวรถจอดเกินป้ายเหมือนรถเมล์เมืองไทย เลยรีบไปโบกรอตั้งเเต่รถไฟโผล่หัวออกมาจากอุโมงค์ เเต่ก็ได้ผลเเฮะ รถจอดด้วย เเต่พอก้าวขึ้นไปเท่านั้นเเหละ ลุงคนตรวจตั๋วเเละคนในรถขำกันกระจาย อายสุดๆ เเต่คิดว่าชีวิตนี้เจอกันครั้งเดียว ปล่อยเค้าขำไป แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 21:40:51 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:40:16

ความคิดเห็นที่ 24 นอกจาก Flambana เเล้ว จากที่เมืองเฟลมสามารถบุ๊คทัวร์ไปเที่ยวฟยอร์ดได้ มีทั้งเเบบเป็นล่องเรือไปตามฟยอร์ด พายเรือเเคนูทัวร์ลัดเลาะไปตามฟยอร์ด เเละเรือเร็วที่เรียกว่าฟยอร์ดซาฟารี หรือถ้าอยากไปเที่ยวบนภูเขา ไปดูวิว ก็สามารถบุ๊คทัวร์ไปได้เหมือนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าต่อ วันนี้ขอตัวไปฟิตเนสก่อน แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 21:46:06 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:45:43

ความคิดเห็นที่ 25 รออ่านนะคะ เดือนหน้าก็จะไปเที่ยวเหมือนกัน จากคุณ : kutearmy เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 23:19:47

ความคิดเห็นที่ 26 ท๊อปทิปคนที่มีรถ หรือไปเช่ารถขับเที่ยวด้วยตัวเอง ขอเเนะนำถนนสวยๆ เหมาะมากๆสำหรับคนที่ชอบขับรถกินลมชมวิว ถึงงานนี้คนขับจะไม่ค่อยได้ชมวิวเท่าไหร่ เพราะถนนค่อนข้างเเคบ ถึงจะไม่ค่อยมีรถพลุกพล่าน เเต่ถ้าเเอบเหม่อเเล้วเจอรถสวนทางมาเนี่ย ไม่อยากจะคิดเลย จะเละกันขนาดไหน ถึงขับเร็วได้มากสุดเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงก็เหอะ ถนนที่อยากเเนะนำคือ Flam - Aurland ขับลัดเลาะขึ้นเขา เพื่อไปดูจุดชมวิว Aurlandsfjords จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 01:01:26

ความคิดเห็นที่ 27 เเละถ้าขับต่อๆไป ก็จะเริ่มเห็นภูมิประเทศที่เเตกต่างออกไป คือเริ่มไม่มีต้นไม้ ลักษณะคล้ายบนโลกพระจันทร์ เเต่เราว่าภูเขาที่นอร์เวย์ถ้าเทียบกับเยอรมันเเล้ว ดูไม่สูงมาก เเต่อากาศร้อนเเล้วก็ยังมีหิมะ (glacier) หลงเหลือให้เห็น แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 01:12:39 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 01:12:04

ความคิดเห็นที่ 28 เเละด้วยความหิวบวกบ้าจี้ ก็เลยไปต้มมาม่ากินกันที่ที่พักริมทาง จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 01:13:41

ความคิดเห็นที่ 29 เเละก็ไม่ใช่เราคนเดียว มีนักท่องเที่ยวเอาเก้าอี้ไปกางอาบเเดด หรือไปนอนอ่านหนังสือเยอะเเยะ เเต่ดีหน่อยที่บนถนนสายนี้มีที่พักริมทางเยอะ ไม่ถูกใจตรงนี้ขับต่อไปอีกนิด ก็เจอที่ใหม่เเล้ว จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 01:15:43

ความคิดเห็นที่ 30 รูปวิวอีกนิดละกัน เเต่อย่าถามนะ ว่าเค้าเอาหินไปเรียงๆกันเพื่ออะไร เเต่เท่าที่เห็น มันมีอยู่เยอะเเยะจนนับไม่ถ้วน บางจุดมีคนเอากระดาษไปวางไว้ข้างใต้พร้อมกับเขียนข้อความทิ้งไว้ว่าเคยมาเเล้ว เห็นมีภาษาไทยด้วยล่ะ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 01:18:16

ความคิดเห็นที่ 31 เเละก็วิวอีกที คิดว่ากำลังเดินไปหาที่ pipi แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 14:23:26 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 01:18:55

ความคิดเห็นที่ 32 พอเริ่มลงเขา ก็ได้เห็นต้นไม้ ใบหญ้าสีเขียวๆซักที เเละบนภูเขาก็จะมีกระต๊อบ กระท่อมเเบบนี้เยอะมาก เค้าว่ากันว่าคนนอร์เวย์เนี่ยความเป็นอยู่ดีมากๆ หลายๆคนนอกจากจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองในเมืองเเล้ว ยังมีกระท่อมน้อยไว้เป็นบ้านพักสำหรับตากอากาศ หน้าร้อนไปกระท่อมริมทะเลสาบ หน้าหนาวไปบนภูเขา เห็นเเล้วก็ ... อยากจะหาหนุ่มนอร์เวย์มาเป็นเเฟนจริงจริ๊ง อิอิ อันนี้ล้อเล่นนะคะ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 01:25:59 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 01:23:14

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาให้กำลังใจคนรีวิวครั้งแรกครับ ไม่แน่ปีหน้าเดี๋ยวจะตามรอยไปเที่ยวแถวสแกนบ้าง จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:19:39

ความคิดเห็นที่ 34 ออกจาก Flam ก็ขับรถต่อไปที่เมือง Gudvangen ห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตร เพือจะให้ขึ้นเรือเฟอร์รี่ล่องไปตาม Naeroyfjord เป็นฟยอร์ดเเคบๆเล็กๆ เเต่ยูเนสโก้จัดให้เป็นมรดกโลก เเละNaeroyfjord นี้ก็ไปเชื่อมต่อกับ Sognefjord ฟยอร์ดที่ใหญ่เเละลึกที่สุดของประเทศนอร์เวย์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถ ก็ไม่ต้องกลัวนะคะ ว่าจะไม่ได้ไปเห็น สามารถบุ๊คทัวร์จากที่ Flam ไปได้ ไปถามข้อมูลที่ทัวริสต์อินโฟได้ เค้าบริการเเละให้ข้อมูลได้ดีมาก จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:20:40

ความคิดเห็นที่ 35 อ่อ ลืมบอกไป ถ้าไปขับรถกินลมชมวิวถนนสวย Aurland - Laerdal เเล้วขากลับอยากลองเส้นทางใหม่ เเนะนำให้ไปเส้นทางที่ลอดผ่านอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในนอร์เวย์ ยาวที่สุดในโลกด้วยป่าวไม่รู้ เเต่ยี่สิบห้ากิโลเมตร เเทบหลับคาพวงมาลัย จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:22:20

ความคิดเห็นที่ 36 เเละคนทำถนนก็ช่างคิด สงสัยจะกลัวคนหลับ เลยทำไฟสีๆเป็นระยะๆ ให้ตื่นตาตื่นใจกันเล่นๆ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:23:26

ความคิดเห็นที่ 37 เเละนี่ก็คือบรรยากาศตอนเช้าๆที่นารอยฟยอร์ด จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:25:10

ความคิดเห็นที่ 38 เเละบรรยากาศบนเรือ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:27:49

ความคิดเห็นที่ 39 เเหะๆ ลืมใส่รูป มัวเเต่ดูบอล Audi Cup ไปด้วย วันนี้คู่เเรก เเมนยู เจอ โบก้า เเละตอนนี้บาร์เยิร์น เตะกะเอซีมิลาน แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 14:24:59 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:29:10

ความคิดเห็นที่ 40 เเละบนเรืออีกที จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:29:36

ความคิดเห็นที่ 41 เเละก็เรือลำอื่นๆ รู้สึกว่า เลดี้อลิซาเบธ จะมาจาก flam จากตัวเมือง Bergen เองก็สามารถซื้อทัวร์เพื่อไปเที่ยวนารอยฟยอร์ดได้เหมือนกัน จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:30:38

ความคิดเห็นที่ 42 เเล้วก็เหมือนกับทุกทริปในยุโรปที่ต้องเข้าไปดูโบสถ์ เเต่โบสถ์ที่นอร์เวย์ ค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เรียกว่า Stave church ซึ่งโบสถ์เก่าสไตล์นี้ เอาเเบบเก่าจริงๆเลยนะ มีอยู่ 28 เเห่งในนอร์เวย์ เเละที่ Stave church ที่เมือง Urnes ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกว่าเป็นมรดกโลก เเต่ในรูปที่เห็นเป็นของอีกเมืองนะคะ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:36:16

ความคิดเห็นที่ 43 พอไปขึ้นฝั่งที่เมือง Kaupanger ก็บึ่งรถต่อไปเมือง Sogndal พักที่เเคมป์กราวน์อีกตามเคย เเละก็ขอยกนิ้วโป้งให้สำหรับความสะอาดเเละความสะดวกสบาย เเละวิวสวยๆติดฟยอร์ด สมเเล้วที่เป็นเเคมป์กราวน์สี่ดาว เเต่เเล้ววิวสวยๆก็หายไป เนื่องจากเจอเจ้ารถบัส จริงๆก็คือไอ้รถบ้าน moter camp มาจอดบัง เเต่บ่นมากไม่ได้ คนบ้านใกล้เรียนเคียง มาจากเมืองใกล้มิวนิคนี่เอง จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:43:01

ความคิดเห็นที่ 44 เเละก็ได้ไปเดินป่าอีกเเล้ว จุดที่ไปเป็นส่วนหนึ่งของอุทธยานเเห่งชาติ Jostedalsbreen เเต่รอบนี้ง่ายๆ สบายๆ เด็กๆหรือผู้สูงอายุก็เดินได้ เพราะเป็นทางราบ ไม่มีขึ้นเขา ลงห้วย เวลาเดินจากจุดเริ่มต้น ไปถึง glacier ประมาณสองถึงสามชั่วโมง จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:53:12

ความคิดเห็นที่ 45 หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เข้าไปใกล้จุดหมายอีกนิด จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:54:22

ความคิดเห็นที่ 46 เเละก็กระเถิบเข้าไปอีกหน่อย จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:55:03

ความคิดเห็นที่ 47 เเต่ว่าเข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้อีกเเล้ว เพราะนี่คือป้ายเตือน ธารน้ำเเข็งเเบบนี้ มีการเคลื่อนที่เปลีย่นเเปลงอยู่ตลอดเวลา จะกลายเป็นหิมะถล่ม หินถล่ม ลงมาตอนไหนก็ไม่รู้ น่ากลัวมากมาย จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:57:00

ความคิดเห็นที่ 48 หลังจากนั้นก็ขับรถกินลมชมวิวอีกรอบ จากเมือง turtago ไป over ardal ถนนสายนี้ต้องจ่ายค่าผ่านทาง ห้าสิบโครนด้วย จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 03:02:43

ความคิดเห็นที่ 49 ไปทริปนี้ เราไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์เที่ยงคืน เนื่องจากระยะทางไปถึงนอร์ทเคปไกลมากๆ ไม่คุ้มค่ากับการเดินทางเเละเวลาไม่พอ เลยไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์เที่ยงคืน เเต่จะเที่ยงคืนเเล้วก็ยังไม่มืดเลย จริงๆตีหนึ่ง ตีสอง มันก็ยังคงสลัวๆเเบบนี้ ชอบมากเลยลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ไม่ต้องใช้ไฟฉาย ไม่ต้องกลัวผี จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 03:04:43

ความคิดเห็นที่ 50 เเละเป็นที่รู้กัน ว่าอากาศที่ประเทศเเถวสเเกนดิเนเวียนเนี่ย ค่อนข้างผีเข้าผีออก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หน้าหนาวก็หนาวจับใจ เเต่ช่วงที่เราไป (ปลายเดือนมิถุนา ต้นกรกฎา )เป็นซัมเมอร์เรคคอร์ด อุณหภูมิสูงสุดในรอบสิบกว่าปี เเละเเทบจะไม่เจอฝนตกเลย รูปนี้ถ่ายมาจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นค่ะ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 03:07:30

ความคิดเห็นที่ 51 last but not least ไฮไลท์สุดท้ายที่เห็นในนอร์เวย์ ก็เจ้าสัตว์ประจำชาติ ที่พบเห็นได้ทั่วไปตามป้ายเตือนตามท้องถนน ตามของที่ระลึก ไม่ว่าจะเป็นเเม่เหล็กติดตู้เย็น พวงกุญเเจ ตามเสื้อผ้า เข็มกลัด หมวก เเต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นมันตามธรรมชาติจริงๆ เราไปเที่ยวนอร์เวย์ รวมระยะเวลาก็เกือบๆสองอาทิตย์ ไปบุกป่าฝ่าดง ขับรถตามถนนบ้านนอกก็บ่อย เห็นป้ายเตือนบ่อยมากๆ ว่าให้ระวังเจ้าตัวนี้ เเต่จนเเล้วจนรอดเราก็ไม่เจอ จนวันสุดท้ายที่กำลังมุ่งหน้าไปสวีเดน ไปสต๊อกโฮล์ม เพิ่งคุยกับเพื่อนว่าใครเจอตัว Elk คนเเรกได้กินข้าวฟรี เเล้วสองนาทีหลังจากนั้นเราก็ได้เห็นมันอยู่ข้างถนน E 16 รีบกลับรถกันจ้าละหวั่นเพื่อมาถ่ายรูป ถ่ายจากบนรถซูมเข้าไปเต็มที่ คงมองเห็นกันเนอะ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 03:14:12

ความคิดเห็นที่ 52 หลังจากนั้น เราก็ไปทัวร์สต๊อกโฮล์ม กับโคเปนเฮเก้น ก่อนที่จะขับรถกลับลงมาผ่านฮัมบวร์กเเละถึงบ้านที่มิวนิคโดยสวัสดิภาพ ใช้เวลารวมทั้งทริปสามอาทิตย์เต็มๆ เหนื่อยเเต่ก็สนุกมากๆ จากที่เคยคิดว่าในยุโรปคงไม่อยากไปเที่ยวไปดูอะไรเเล้ว เพราะมันก็เเพทเทิร์นคล้ายๆกัน เมืองเก่า โบสถ์ ถนนช๊อปปิ้ง มิวเซี่ยม เเต่พอไปเห็นอร์เวย์เเล้ว โหย ประทับใจมากมาย อยากไปอีกจังเลย เเอบเขียนส่งเรียงความของการบินไทยเหมือนกัน เเต่คิดว่าคงไม่ได้ ไม่เชื่อก็ลองดูจากภาษาที่ใช้สิคะ เเย่มากๆ กลุ้มใจตัวเองเหมือนกัน หวังว่าคงจะได้ปลุกกระเเสนอร์เวย์ เเละเพิ่มเเรงบันดาลใจให้คนไปเที่ยวกันนะคะ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ส่งบทความก็รีบๆเข้า อีกสองวันจะหมดเขตเเล้วน๊า ส่วนเราตอนนี้อยากไปเที่ยวโปรตุเกสมากมาย เเต่คงหมดโอกาสซะเเล้วสิ อีกสองเดือนจะได้กลับบ้านถาวรเเล้ว ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เฮ้อ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 03:22:02 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 03:20:53

ความคิดเห็นที่ 53 danke sehr..es ist wunderschoennnnnnnnnn จากคุณ : vc (vacheron) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 04:32:49

ความคิดเห็นที่ 54 รูปสวยมากมายค่ะ อิฉันไม่เคยไปเหยียบแถบสแกนดิเนเวียเลย เห็นแบบนี้ต้องรีบเก็บตังค์ซะแล้ว ขอบคุณที่พาเที่ยวค่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:28:15

ความคิดเห็นที่ 55   เห็นรีวิว  แล้ว นึกถึงตอนไปเที่ยวเลยค่ะ  นานหลายปีแล้ว    ลืมไปแล้วด้วยว่า   พาร์คที่เห็น  (มีแต่รูปคนเปลือยปีนเกาะๆกันเนอะ เป็นศิลปะอย่างหนึง) เป็นของนอร์เวย์     แต่จำได้ว่า  บรรยากาศดี  ชอบมีพ่อแม่พาเด็กๆ   นั่งรถเข็นเด็กมานั่งรถชมวิวกัน   คนเยอะมากๆ     สนุกไปอีกแบบ    ยังแอบถ่ายรูปเด็กเล็กๆมาด้วย  เค้านั่งรถเข็นแฝดน่ะค่ะ ตอนนั้นเที่ยวหลายประเทศค่ะ    แถบสแกนนี่แหละ    ยังขึ้นเรือ จากโคเปนเฮนเก้น     เป็นเรือ สแกนดิเนเวียซีเวย์     1คืนค่ะ    สนุกมากๆ คุณจขกท   นำรีวิวมาลง     เห็นแล้วนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ    แล้วก็อยากไปในที่ใหม่ๆด้วย     พากันเกิดกิเลสเนอะ     ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : เฮ้าส์1 (เฮ้าส์1) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 13:56:19

ความคิดเห็นที่ 56 ขอเเถมอีกนิด พอดีช่วงที่จะออกจากเยอรมันไปออสโล ที่เมือง Kiel เค้ามีเทศกาล Kieler Woche ที่จัดประมาณปลายเดือนมิถุนา เลยได้เห็นบรรยากาศเรือใบ เรือสำเภาจากมุมสูงๆ จนออกไปสู่ทะเลใหญ่ก็จะเห็นเเต่เรือเดินสมุทรใหญ่ๆอย่างเดียว แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 14:32:44 จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 14:31:52

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดเห็นที่ 7: His name is Sinnataggen. He is always angry :-) Some years ago someone cut his leg and stole it from the park. Also some years ago someone sprayed him in pink. ความคิดเห็นที่ 35: Lardalstunnelen is the longest tunnel in the world krab. I personally love this part of Norway a lot. Next time, you should try to drive from Oslo-Lillehammer-Dombaas-Aandalsnes-Geiranger-Stryn-Voss-Eidsfjord-Hardangervidda-Geilo-Oslo!! จากคุณ : ingenioer student เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:24:13

ความคิดเห็นที่ 58   คิดถึง Norway เหมือนกันค่ะ คิดถึงธรรมชาติที่สวยงาม อยากกลับไปอีก ยังหาเวลาไม่ได้เลยอ่ะ ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆ นะคะ คุณ จขกท ;-) จากคุณ : Teddy Bear(I luv U) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:20:52 A:192.168.1.115 X:58.8.186.223 TicketID:109021

ความคิดเห็นที่ 59 จริงๆ ก็ไปเส้นทางนั้นเหมือนกันอ่ะค่ะ Oslo - Geilo พักที่ Geilo หนึ่งคืน เเล้วจาก Geilo ก็ขับผ่าน hardangvidda ผ่าน Eidfjord เเล้วก็ไปวนรอบ Sorfjorden จากฝั่งขวาไปฝั่งซ้าย (เเต่ดีหน่อย ขับช้าๆไม่เปลืองน้ำมัน) เเล้วก็ไปพักที่ Utne ที่พักเจ๋งมาก ติดฟยอร์ดเลย ได้ลงเล่นน้ำด้วย หลังจากนั้น ก็เอารถไปขึ้นเรือ ข้ามไปอีกฝั่งขับรถไป Bergen เที่ยวที่นั่นประมาณหนึ่งวัน เเล้วตอนเย็นก็บึ่งรถไปพักที่ Voss จาก Voss ก็ขับรถต่อไป Flam พักที่เฟลมสองคืน เพราะเเถวนั้นที่เที่ยวเยอะ เเล้วก็ขับรถเที่ยว Aurland - laerdal เเต่ขากลับ กลับด้วยโอโมงค์ จากนั้นก็เอารถขึ้นเรือจาก Gudvangen ไป Kaupanger ล่องไปตาม Naeroyfjord เเล้วก็ไป Sogndal ที่พักติดฟยอร์ดอีกเเล้ว ชอบๆ จากนั้นก็ไปอุทธยานเเห่งชาติไป Josterdalbreen ก่อนจะไป Lusterfjord พักที่ Skojodalen หนึ่งคืน ขับรถถนนสวยอีกที จาก Turtoga ไป Over ardal เเต่บอกตรงๆ ว่าเข้าวันที่สิบ วันที่สิบเอ็ดในนอร์เวย์ เริ่มรู้สึก ฟยอร์ดอีกเเล้วหรอ น้ำตกอีกเเล้วหรอ เริ่มไม่ตื่นตาตื่นใจ เลยคิดว่าตัด Geirangerfjord ออกไปดีกว่า บวกกับอากาศเริ่มไม่ดีด้วย มรสุมเข้า ก็เลยขับรถไปทางออสโล ถนน E 16 พักที่ Aurdal หนึ่งคืน เเล้วก็ขับยาวไปถึง Karlsted ที่สวีเดนเลย เเต่ก็เป็นข้อดีของการไปเที่ยวเเบบมีรถ เพราะ flexibility มากกว่า เเละสามารถปรับเเผนให้เข้ากับอากาศได้ เเต่งานนี้รถเยินกลับมา มีรอยข่วนนิดๆ ต้องเอาเข้าอู่ เเต่ประกันจ่ายเลยสบายใจไปได้ ว่าเเต่มีใครไปนอร์ทเเคปมาบ้างป่ะคะ อยากรู้ว่ามันคุ้มมั๊ยที่จะถ่อไปดูพระอาทิตย์เที่ยงคืน คือเห็นในโปสการ์ด มันก็น่าจะเจ๋งดี เเต่เห็นระยะทางเเล้วก็เหนื่อย จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 18:10:38

ความคิดเห็นที่ 60 ohhhhh you should not cut out the route to Geiranger!!!! That is the most beautiful fjord in the world!!!!! จากคุณ : ingenioer student เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 02:55:30

ความคิดเห็นที่ 61 งั๊นคงต้องรอลุ้นให้ได้ตั๋วเครื่องบินการบินไทยก่อนล่ะค่ะ จะได้ไปอีกรอบ จะได้ไปเก็บตกให้ทั่ว Telemarkt, Geiranger อิอิ จากคุณ : gEiL giRL เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 13:49:21

ความคิดเห็นที่ 62 ไปทางเดียวกันเลย แต่เรามีเวลาแค่สี่วันเอง จากคุณ : Kallt Vatten เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 00:25:48

ความคิดเห็นที่ 63   เห้นด้วย กับคุณ ingenioer student เป็นอย่างยิ่งค่ะ Geiranger Fjord นี่ ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งนะคะ Geiranger Fjord เป็น Fjord ที่สวยงามถึงขนาด UNESCO จัดให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของ Norway เลยค่ะ บริเวณใกล้เคียงก็มีที่เที่ยว สวยงามมากมายเลยค่ะ ถ้ามีเวลามาก ลองเดินเท้าขึ้นไปค่ะ ถึงด้านบนสุด แล้วมองลงมาข้างล่าง งดงาม จนบอกไม่ถูกเลย แนะนำนะคะ และอีก ที่ที่หนึ่ง ที่ไม่ควรพลาด อยู่ไม่ไกลกัน คือ Trollstigen Road ค่ะ เส้นทาง คดเคี้ยว สุดยอด ทแยงมุมเลย อิอิ เราว่า พี่ๆ Snake Pass เลยดีกว่า ;-) จากคุณ : Teddy Bear(I luv U) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 11:14:33 A:192.168.1.115 X:58.8.185.158 TicketID:109021