เอาเรื่อง " เอลนีโญ " มาให้อ่านกัน เพื่อจะได้วางแผนเที่ยว
|
|
แนวโน้มของปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2552 (ฤดูหนาว พ.ศ.2552-2553)
ภาวะปกติของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรเริ่มมีความผิดปกติขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฏาคม อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางcละด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรสูงกว่าปกติ ประมาณ 1 องศาเซลเซียส (รูปที่ 1) ใช่แต่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่อุ่นกว่าปกติ อุณหภูมิกึ่งผิวน้ำทะเลที่อยู่ลึกลงไปถึงชั้นน้ำเทอร์โมไคล์น(Thermocline*)ยังอุ่นกว่าปกติอีกด้วย (รูปที่2 ) อีกทั้งลมที่พัดปกคลุมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรอ่อนกว่าปกติ (รูปที่ 3และ 4)
จากหลาย ๆ ปัจจัย บ่งบอกภาวะเอลนีโญกำลังจะพัฒนาขึ้นในระยะอันใกล้ ประกอบกับผลการคาดการณ์ที่ได้จากรูปแบบจำลอง ฯ (รูปที่ 5) พบว่า อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร (Nino 3.4) สูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง
***ดูรูปได้จากลิงก์ล่างสุด***
รูปที่ 1 แสดงอุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน - 18 กรกฏาคม 2552 สูงกว่าปกติประมาณ 1 องศาเซลซียส
*Thermocline คือ ชั้นน้ำที่อยู่ระหว่างชั้นผสมผิวหน้าน้ำ (mixed layer) กับชั้นน้ำลึก (deep water) ที่ผิวหน้าน้ำและชั้นน้ำลึกอุณหภูมิจะเกือบคงที่ โดยผิวน้ำจะมีอุณหภูมิสูงกว่าชั้นน้ำลึก ส่วนที่เทอร์โมไคลน์อุณหภูมิของน้ำจะลดลงอย่างรวดเร็วตามความลึก
รูปที่2 ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงต้นเดือนกรกฏาคม 2552 อุณหภูมิใต้ผิวทะเลสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก และในช่วงกลางเดือนกรกฏาคม 2552 อุณหภูมิใต้ผิวน้ำทะเลสูงกว่าปกติมากขึ้น และลึกลงไปมากกว่า 50เมตร โดยเฉพาะด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร
รูปที่ 3 ลมที่ระดับ 850 มิลลิบาร์ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน-17 กรกฏาคม 2552 ลมที่พัดปกคลุมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรใกล้เคียงปกติ มีเพียงบางพื้นที่เป็นลมตะวันตกและมีกำลังแรงมากกว่าปกติเล็กน้อยโดยเฉพาะด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก ลมชั้นบนที่ระดับ 200 มิลลิบาร์ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน – 17 กรกฏาคม 2552 ลมที่พัดปกคลุมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรใกล้เคียงปกติ
รูปที่ 4 ภาพตัดขวางแสดงทิศทางและความเร็วลมที่ผิดปกติที่ระดับ 850 hPa พื้นที่เฉลี่ยบริเวณ 5 N - 5 S ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมถึงวันที่ 1 กรกฏาคม 2552 พบว่าในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ที่ระดับ 850 hPa ลมตะวันออกมีกำลังแรงผิดปกติบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2552 พบว่ามีการสลับทิศลมตะวันตกและตะวันออกอย่างชัดเจนซึ่งสัมพันธ์กับ MJO* และตั้งแต่นั้น มาปรากฏการณ์ MJO มีกำลังอ่อนลง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ลมตะวันตกมีกำลังแรงผิดปกติและพัดปกคลุมหลายพื้นที่ในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรยกเว้นบริเวณใกล้เส้นแบ่งวันสีแดงและสีส้มแสดงลมตะวันตกที่ผิดปกติ สีน้ำเงินแสดงลมตะวันออกที่ผิดปกติ
* MJO (Madden-Jullian Oscillation) ความผันแปรที่เกิดขึ้นในช่วง 30-60 วัน หรือ 40-50 วัน เป็นความผันแปรที่อธิบายลักษณะอากาศแปรปรวนในเขตร้อน มีผลมากในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก จากอิทธิพลของลม อุณหภูมิน้ำทะเล เมฆ และฝน และปัจจัยอื่นๆ
รูปที่ 5 ผลจากการคาดการณ์อุณหภูมิน้ำทะเลบริเวณตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร (Nino3.4) จากศูนย์พยากรณ์ต่างๆ พบว่า อุณหภูมิน้ำทะเลสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่องจนถึงต้นปี พ.ศ. 2553
การคาดหมาย จากปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้น คาดว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญจะมีการพัฒนาขึ้นได้ในระยะปลายปีนี้ (ฤดูหนาว 2552-2553)
ผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย หากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลอุ่นกว่าปกติอย่างต่อเนื่องและบ่งบอกว่าเป็นปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลให้อุณหภูมิในช่วงฤดูหนาวสูงกว่าปกติ และปริมาณฝนของภาคใต้จะน้อยกว่าปกติ
หมายเหตุ กรมอุตุนิยมวิทยาจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญ / ลานีญา อย่างใกล้ชิด และจะเผยแพร่ข่าวความคืบหน้าให้ประชาชนได้ทราบเป็นระยะๆ จึงขอให้ติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาต่อไปด้วย
จาก เวปของกรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th/programs%5Cuploads%5Cphenomena%5C%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%8D-2009.pdf
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 52 20:54:30
จากคุณ |
:
ต้นโพธิ์ต้นไทร
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ส.ค. 52 20:50:41
|
|
|
|