ความคิดเห็นที่ 1 ชาวอินเดียเรียกพระขันธกุมารว่า Lord Murugan (พระมุรุกัน)  ตอนที่ไปถึงก็ถามคนแถวนั้นว่ารูปปั้นนี้คือเทพองค์ใด เค้าก็บอกว่า Lord Murugan ฟังชื่อแล้วไม่คุ้นเลย ผมก็เดาไปเรื่อยว่าใช่องค์นั้นองค์นี้หรือเปล่า เค้าก็ส่ายหัวลูกเดียว  จนกลับมาค้นจากวิกิพีเดียว่าเป็นพระขันธกุมารนั่นเอง  พระองค์เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากของชาวอินเดียตอนใต้โดยเฉพาะพวกทมิฬ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:05:11

ความคิดเห็นที่ 2 วัดฮินดูของชาวอินเดียใต้จะประดับประดาไปด้วยรูปปั้นของเทพต่าง ๆ ตามหลังคาหรือซุ้มประตู   ผมจึงจะขอเล่าประวัติของพระขันธกุมารประกอบไปด้วย พระขันธกุมารเป็นพระโอรสของพระอิศวรและพระอุมา  และเป็นพี่ชายของพระพิฆเณศวร์หรือพระคเณศ (บางตำนานบอกว่าเป็นน้องชาย) ในรูปจากซ้ายไปขวา  พระคเณศ (พาหนะคือหนู) พระอิศวร (พาหนะคือโคนนทิ)  พระอุมา พระขันธกุมาร (พาหนะคือนกยูง) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:06:32

ความคิดเห็นที่ 3 ตำนานเล่ากำเนิดของพระขันธกุมารไว้ดังนี้  ครั้งนั้นพระอิศวรถูกกีดกันดูถูกดูแคลนจากพระทักษะผู้เป็นพ่อตาจนทำให้พระมเหสีของพระองค์คือพระสตีน้อยพระทัยจึงทำลายพระชนม์ชีพ  พระอิศวรเศร้าโศกเสียพระทัย   จึงทรงบำเพ็ญพรตยังเชิงเขาหิมาลัย   ขณะนั้นมียักษ์ตนหนึ่งชื่อตารกะ (ในรามเกียรติ์เรียกตรีปุรัม) บำเพ็ญตบะขอพรจากเทพเจ้า จนได้รับพรว่าจะไม่ถูกสังหารด้วยเทพองค์ใด ๆ ที่มีอยู่   (ถ้าใครเคยดูหนังแขกพวกเทพเจ้า พวกยักษ์ที่บำเพ็ญเพียรอ้อนวอนขอพรจากพระเจ้ามักได้รับพรให้ฆ่าไม่ตาย แต่ก็ต้องมีข้อยกเว้นเสมอ  แล้วยักษ์พวกนี้เมื่อได้รับพรก็ชอบสร้างความวุ่นวายเสมอ ๆ)  ตารกาสูรสร้างความเดือนร้อนไปทั่วและไม่มีใครปราบได้เนื่องด้วยพรที่ได้รับ  เหล่าเทวดาจึงเห็นว่าจำเป็นต้องมีเทพเกิดขึ้นใหม่เพื่อที่จะสามารถปราบอสูรตนนี้ได้ ขณะเดียวกันพระสตีได้ไปเกิดใหม่เป็นพระอุมา  เหล่าปวงเทพเห็นเป็นโอกาสดีให้พระอิศวรกับพระอุมาได้ประสบพบรักกัน  จึงให้กามเทพไปแผลงศรใส่พระอิศวรเพื่อให้บังเกิดความรักต่อพระอุมา   พระอิศวรกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ เมื่อกามเทพแผลงศรไปโดน จึงลืมพระเนตรที่สามกลางหน้าผากเผาไหม้กามเทพเป็นจุล   กามเทพเป็นไม่มีรูปกายตั้งแต่นั้นมา   พระโอรสของพระอิศวรและพระอุมาคือพระขันธกุมารจึงได้เสด็จไปปราบอสูรตารกะเป็นผลสำเร็จ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:09:55

ความคิดเห็นที่ 4 พระลักษมี พระคเณศ พระสรัสวดี เป็นตรีเอกานุภาพ หรือ Triad ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในศาสนาฮินดูปัจจุบันมักบูชาร่วมกันเพื่อให้เกิดสิริมงคล   พระคเณศ คือความสำเร็จและการชนะอุปสรรคทั้งปวง พระลักษมี คือความเป็นสิริมงคล และความร่ำรวย พระสรัสวดี คือความฉลาดรอบรู้ และปัญญา จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:12:12

ความคิดเห็นที่ 5 ด้านข้างมีรูปปั้นพระพิฆเนศเรียงรายในปางต่าง ๆ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:14:56

ความคิดเห็นที่ 6 ทางขึ้นไปสู่ถ้ำด้านบนต้องไต่บันได 272 ขั้น ดูเหมือนเยอะ แต่เดินจริง ๆ ไม่เท่าไหร่ครับ  นี่คือประตูทางขึ้น มีรูปปั้นอีกแล้ว จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:18:50

ความคิดเห็นที่ 7 พระขันธกุมารขนาบด้วยพระชายาสององค์คือนางเทวยานีทางขวาและนางวัลลีทางซ้าย  นางเทวยานีเป็นพระธิดาของพระอินทร์ (สีเขียวทางด้านขวา) ส่วนนางวัลลีเป็นลูกนายพรานป่า (ทางด้านซ้าย)  เรื่องชายาทั้งสองขอยกไว้ในรูปถัดไป ตรงกลางคือพระขันธกุมารทรงนกยูงเป็นพาหนะ ท่านมีพระเศียร 6 เศียร ตำนานเล่าว่าเมื่อพระอิศวรลืมพระเนตรที่สาม ไฟจากพระเนตรที่เผาผลาญกามเทพมีความรุนแรงมาก  จึงได้แตกออกเป็น 6 ส่วนและได้ไปบังเกิดเป็นเด็กทารก 6 คน พระกฤตติกา (ดาวลูกไก่) เอาไปเลี้ยงไว้  ต่อมาพระอุมานำเด็กทั้งหกมารวมเป็นหนึ่งเดียวกลายเป็นพระขันธกุมาร ท่านจึงมี 6 เศียร จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:22:42

ความคิดเห็นที่ 8 พระขันธกุมารกับพระชายาทั้งสององค์คือนางเทวยานีและนางวัลลี  ตามตำนานบอกว่านางเทวยานีและนางวัลลีในชาติก่อนเป็นพี่น้องกัน และได้สวดอ้อนวอนแด่องค์พระขันธกุมารเพื่อขอเป็นชายาของพระองค์  พระขันธกุมารพอพระทัยในการสวดอ้อนวอนจึงให้พรว่าในชาติต่อไปจะได้แต่งงานกับพระองค์ทั้งคู่ แต่นางเทวยานีมาเกิดใหม่เป็นพระธิดาของพระอินทร์ ขณะที่นางวัลลีมาเกิดใหม่เป็นบุตรสาวของนายพรานป่า จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:27:18

ความคิดเห็นที่ 9 ด้านหลังซุ้มประตูทางขึ้นด้านล่าง มีรูปปั้นเพื่อแสดงพิธีอภิเษกของพระขันธกุมารกับนางวัลลี ลูกสาวนายพรานป่า จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:29:21

ความคิดเห็นที่ 10 บันไดทางขึ้นมีเจ้าจ๋อเพียบ แอบน่ากลัวเล็กน้อย จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:31:59

ความคิดเห็นที่ 11 ล ลิง ไต่ราว จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:32:36

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อไต่บันได 272 ขั้น จะถึงซุ้มประตูด้านบน ซึ่งเปรียบเหมือนชั้นสวรรค์  ด้านบนซุ้มประตู ผมเดาว่าน่าจะเป็นรูปปั้นแสดงการอภิเษกสมรสของพระขันธกุมารกับนางเทวยานี พระธิดาของพระอินทร์  นางวัลลีเป็นมนุษย์ ฉากแต่งงานจึงอยู่ด้านล่าง ซึ่งเปรียบเหมือนโลก  แต่นางเทวยานีเป็นเทพจึงแต่งงานบนสวรรค์   (ขออภัยรูปเบลอมาก ตอนแรกไม่กะจะเอามาลง  แต่พอไปค้นข้อมูลแล้วดูรูปประกอบจึงเห็นว่าน่าจะลงภาพด้วยเพื่อความสมบูรณ์ของเรื่องราว) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:34:46

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อเดินขึ้นมาถึงด้านบน จะเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็นช่องเปิด มองเห็นท้องฟ้าได้ ประดับประดาไปด้วยรูปปั้นตามซอกหินต่าง ๆ มีวิหารใหญ่น้อย  แต่ช่วงที่ไปฝนตกครับ แสงน้อยมากถ่ายรูปมาไม่ค่อยได้ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:37:58

ความคิดเห็นที่ 14 พระศิวะและครอบครัว จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:40:01

ความคิดเห็นที่ 15 พระศิวะหรือพระอิศวรกำลังอุ้มทารกน้อย ซึ่งคือพระขันธกุมาร ด้านขวาคือพระพรหม ด้านซ้ายคือพระฤาษีนารทมุนี มือขวาถือพิณ มือซ้ายถือกรับ (ถ้าใครเคยดูหนังแขกบ่อย ๆ จะเห็นพระมุนีองค์นี้ชอบร้องว่า นาร้าย นารายณ์ และคอยเอาข่าวจากเทพองค์นึงไปบอกอีกองค์นึงหรือบอกพวกยักษ์ซึ่งเป็นผู้ร้ายตลอดกาล แล้วนำไปสู่การสู้รบกันเนือง ๆ  ถือเป็นสีสันของหนังแขกแนวเทพเจ้าเลยทีเดียว) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:46:47

ความคิดเห็นที่ 16 รูปนี้พระอิศวรอยู่ตรงกลาง เบื้องซ้ายของพระองค์คือพระอุมา เบื้องขวาคือพระขันธกุมารวัยหนุ่ม จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:49:38

ความคิดเห็นที่ 17 รูปนี้จนปัญญา รอผู้รู้ช่วยที จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:51:24

ความคิดเห็นที่ 18 ศิวะนาฏราช รอผู้รู้มาขยายความครับ (เดี๋ยวไปอัญเชิญก่อน โอมจงมา ๆๆ) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:54:42

ความคิดเห็นที่ 19 ลงมาถึงด้านล่าง ไปทางซ้ายจะมีถ้ำรามเกียรติ์ ระหว่างทางจะมีรูปปั้นหนุมานสูง 15 เมตร สูงใหญ่ทีเดียว จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:56:09

ความคิดเห็นที่ 20 วิหารหนุมาน ด้านบนมีรูปปั้นหนุมานทรงเครื่องรบชุดใหญ่ แสดงฐานะของเทพผู้พิทักษ์ทุกสิ่งทั้งปวง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:58:28

ความคิดเห็นที่ 21 มาปาดเป็นกำลังใจให้ค่ะ อยู่เป็นเพื่อนตอนเกือบๆจะรุ่งสางแบบนี้เป็นเพื่อน จขกท.^^ จากคุณ : YourGirl เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:59:42

ความคิดเห็นที่ 22 ทราบหรือไม่ครับว่าพระขันธกุมาคือหนึ่งในสองของพระจตุคามรามเทพ  ผมก็เพิ่งทราบจากคุณหนอนดาวเรืองนี่เอง ขออนุญาตยกทั้งข้อความมาลงเลยนะครับ พระขันธกุมารตามคติ นี้ มีศาลใหญ่อยู่ในศรีลังกา เรียกว่า เทวาลัยกัตรคาม  (Kataragama) และเรียกเทวรูปพระขันธกุมารในเทวาลัยนั้นว่า พระกัตรคาม ต่อมาได้รับการนับถือเป็นเทพผู้พิทักษ์พุทธศาสนาหนึ่งใน ๔ องค์ของเกาะลังกา และไทยเราได้รับคติการบูชาเทพองค์นี้มาพร้อมกับพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์ พร้อมกับรับเทพผู้พิทักษ์พุทธศาสนาประจำเกาะลังกาอีกองค์หนึ่งมาด้วยกัน คือพระราม พระกัตรคาม ในภาษาบาลีเขียนว่า ขัตตุคาม ส่วนพระราม เรียกกันว่าพระรามเทพ เทพคู่นี้ยังคงได้รับการนับถือกันต่อมาที่เมืองนครศรีธรรมราช ปรากฏเป็นเทวรูปอยู่ที่วิหารพระมหาภิเนษกรมณ์ หรือวิหารพระทรงม้า ซึ่งกำกับทางขึ้นลานประทักษิณพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ต่อมา พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้เรียกชื่อเทพคู่นี้ใหม่ว่า จตุคามรามเทพ ตามที่รู้จักกันในปัจจุบันนี้ อ่านเพิ่มเติมได้จาก "จตุคามรามเทพ-ค้นหาตำนาน Catugamaramadeva-In Search of Origins" คอลัมน์ ฝรั่งมองไทย โดย ไมเคิล ไรท์ นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4-10 พฤษภาคม 2550 จบแล้วครับ แวะเข้ามาอ่านก็ทักทายกันซักนิดนะครับ สวัสดีครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 04:05:12

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ YourGirl มาปาดได้ทันเวลาพอดี ^^  ยังไม่นอนเหรอครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 04:06:25

ความคิดเห็นที่ 24 อ้อ ต้องขอบอกไว้นิดว่าข้อมูลทั้งหมดมาจากการสอบถามผู้รู้และค้นคว้าจากหนังสือและอินเทอร์เน็ต ผิดถูกประการใดผมน้อมรับไว้เพียงผู้เดียวและฝากช่วยชี้แนะแก้ไขด้วยครับ  ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 04:17:27

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อมูลแน่นมาก ขอบคุณค่ะ ทั้งสนุกทั้งได้ความรู้ ไป KL เดือนตุลาถ้ามีโอกาสจะได้แวะไปชมกับตา จากคุณ : Mrs-Ginna เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 05:49:11

ความคิดเห็นที่ 26 อรุณสวัสดิ์ครับพี่เชอร์ จากคุณ : 16เมษา เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 06:51:49

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีตอนเช้าๆ คะพี่เซอร์ น้องเคยไปมาเลเซียมาหลายหน  แต่ไม่เคยไปที่นี่เลย สงสัยจะไปไม่ถึง... แปร่วววววว จากคุณ : น้องพีวี เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 06:59:19

ความคิดเห็นที่ 28 ตามไปเที่ยวและ ขอบคุณสำหรับความรู้คะ จากคุณ : Appy เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 07:20:05

ความคิดเห็นที่ 29 พิมพ์ผิด อิอิ หวัดดีอีกครั้งคะพี่เซอร์ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 07:43:23 จากคุณ : น้องพีวี เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 07:42:00

ความคิดเห็นที่ 30 สองปีก่อนเคยมีโอกาสไปเที่ยวเหมือนกันค่ะ  ... แต่คงทำรีวิวที่มีข้อมูลแน่นปึ้กเหมือนคุณเชอร์ไม่ได้แบบนี้   .. จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 07:45:43

ความคิดเห็นที่ 31 แวะมาชมภาพสวย ๆ พร้อมข้อมูลแน่นปึ้กค่ะ จากคุณ : suvimon เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 08:28:35

ความคิดเห็นที่ 32 ยังไม่เคยไปเลย   ตามพี่เชอร์ไปเที่ยวดีกว่า ^^ จากคุณ : khewbaa เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 09:07:43

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามายิ้มม สวยค่ะ น่าไปเนอะ จากคุณ : เข็มซ่อนปลาย เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 09:46:35

ความคิดเห็นที่ 34 ฺBATU Cave เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของการเยือน KL ขับรถผ่านทีไรมองเข้าไปเห็นบันไดสูงแบบนั้นก็ถอดใจแล้ว ของคุณมากที่นำภาพมาให้ชม  คราวหน้าก็จะขับผ่านต่อไป จากคุณ : Skinny Pig เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:34:12

ความคิดเห็นที่ 35   ตามมาดูค่ะ นับถือพระพิฆเนศอยู่แล้ว เห็นแล้วอยากไปเที่ยว สวยงามมาก....น่าตื่นเต้น แล้ว..เค้ามีให้เช่าพระมาบูชาบ้างมั้ยคะ จากคุณ : j_lucky เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 12:01:15

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นรูปแล้ว อยากกลับไปเที่ยวอีกจังครับ เมื่อปีก่อนไป ไม่ได้เอากล้องติดไปด้วย ไปแบบ งงๆ ไม่นึกว่าเพื่อนชาวมาเลย์จะพาไปเลยไม่ได้เตรียมตัว บันไดที่เห็นสูงๆ เดินขึ้นแป็บเดวเอง แต่ทำเอาเหนื่อยมากๆ แต่มีคนเดินขึ้นลงตลอดนะ :D จากคุณ : Cutejung เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 12:03:32

ความคิดเห็นที่ 37 ตามมาดูค่ะ จากคุณ : กระดาษเปื้อนยิ้ม เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 14:50:06

ความคิดเห็นที่ 38 ของเค้าดีจริงๆ^^ จากคุณ : YourGirl เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 16:24:18

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณครับสำหรับเรื่อราวดีๆที่นำมาเสนอเช่นเคย.. จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 20:45:43

ความคิดเห็นที่ 40 เกาะตามไปด้วยคนค่าา พี่เชอร์ จากคุณ : GoYai เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 21:43:55

ความคิดเห็นที่ 41 ตามมาดูด้วยคน พร้อมเก็บข้อมูล กำลังจะไป ไม่ทราบว่า ต้องเดินทางอย่างไร ถ้าจะไปจาก KL หรือ ถ้าลงจาก Genting จะแวะได้อย่างไร ก่อนเข้า KL แต่ต้องแบกกระเป๋านี่จิ คิดหนักเลยเรา ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : ^gismo^ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 22:03:40

ความคิดเห็นที่ 42   ^___'^ มาดู มาดู ค่ะ จากคุณ : ยาโยยจัง (ยาโยยจัง) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 22:11:08

ความคิดเห็นที่ 43 ตามมาเที่ยวและเก็บความรู้ค่ะพี่เชอรื ขอบคุณสำหรับข้อมูลเนื้อหาแน่นแน่นเหมือนเคยนะคะ อยากไปเที่ยว ไปเห็นสถานที่จริงมั่งจัง จากคุณ : asp_ash เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 22:55:11

ความคิดเห็นที่ 44 Mrs-Ginna - ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ ใช้เวลาซัก 2-3 ชั่วโมงก็พอ 16เมษา - ทักทายกันแต่เช้า นอนหรือยังเนี่ย น้องพีวี - สวัสดีครับคุณน้อง สงสัยมัวแต่ไปคิดเลขเร็วอยู่แถวเกนติ้งหล่ะสิ อิอิ Appy - ขอบคุณสำหรับโปสการ์ดจาก Panama City นะครับ นึกว่าไปประเทศปานามาซะอีก ป้าเกษ - ตอนผมไปนี่ไม่รู้อะไรทั้งนั้นครับ กลับมาค่อยค้นข้อมูลจนเป็นเรื่องราว ถ้ารู้ก่อนไปคงสนุกกว่านี้ suvimon - ขอบคุณที่แวะมาชมครับ khewbaa - ยินดีครับผม เข็มซ่อนปลาย - สวยน่าไปครับ ยิ่งใหญ่อลังการมาก Skinny Pig - อ้าว อยู่ที่โน่นไม่ลองแวะไปหน่อยเหรอครับ ค่อย ๆ เดินขึ้นไม่เหนื่อยหรอกครับ j_lucky - รู้สึกว่ามีให้เช่าบูชาเหมือนกันนะครับ แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องการบูชาที่ถูกวิธี เลยไม่กล้าเช่าหรือซื้ออะไรมา Cutejung - บันไดดูเหมือนสูง แต่ค่อย ๆ เดิน แป๊บเดียวก็ถึงเนอะ กระดาษเปื้อนยิ้ม - ตามมา ๆ YourGirl  - ^_^ Red Fox - ขอบคุณครับพี่เจี๊ยบที่ติดตามกันมาตลอด GoYai - เชิญครับโกว ^gismo^ - เดี๋ยวตอบให้อีกคูหาข้างล่างนะครับ ยาโยยจัง - ขอบคุณที่แวะมาดูครับ asp_ash - ไปไม่ยากครับสุทธิ คอยดูโปรโมชัน Air Asia ไว้ ค่าครองชีพก็พอ ๆ กับบ้านเรา จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 23:36:40

ความคิดเห็นที่ 45 การเดินทางไปที่ถ้ำบาตูจากในเมือง KL มีสองวิธี ถ้าเอาสะดวกสุดคือเรียกแท็กซี่ ราคาน่าจะประมาณ 15 RM หรือจะขึ้นรถบัสก็ได้ที่หน้าธนาคารกรุงเทพใน KL ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง  แต่ผมไปกันสี่คนเลยเรียกแท็กซี่สะดวกดีครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 23:40:57

ความคิดเห็นที่ 46   ข้อมูลแน่นเอี๊ยดเลย... เห็นแล้ว อยากไปเยือนบ้าง ขอบคุณที่นำมาฝากนะคะ จากคุณ : _iOFFer_ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 00:52:04

ความคิดเห็นที่ 47 ตามมาเที่ยวและเก็บข้อมูลค่ะพี่เชอร์ ...ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ก้านกล้วยสีสด เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 01:10:07

ความคิดเห็นที่ 48 สุดยอดครับ ตามมาชมด้วยคนครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองใต้ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 17:14:33

ความคิดเห็นที่ 49 เรื่องสนุกดีเนาะ สถานที่ก็แปลกตา ขอบคุณค่ะ จากคุณ : squashmania เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:03:06