ความคิดเห็นที่ 1 ลงชื่อ ตามมาดักดูรถจักรไอน้ำด้วยคนครับ จากคุณ : หินสอ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 17:11:34

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่นผมต้องไปสืบค้นหาก่อนว่า บริเวณที่ใดที่ผมจะไปถ่ายภาพขณะรถไฟวิ่งเร็วๆได้ก่อน  ผมได้รับคำแนะนำจาก คุณ Alderwood ว่าที่สถานี เชียงราก รถไฟจะวิ่งเร็ว เพราะไม่ได้จอดที่สถานีแห่งนี้   แต่ในใจผมคิดว่า นอกสถานี น่าจะวิ่งเร็วกว่า เพราะรถไฟอาจชลอความเร็วลงเล็กน้อย เมื่อผ่านสถานีเพื่อความปลอดภัย และถ้าบังเอิญไปเจอรถสวน รถไฟก็ต้องจอดรอแน่นอน  ผมไม่อยากเสี่ยง เพราะนานๆ ที จะมี รถจักรไอน้ำมากรีดกรายให้เห็น แค่แว๊บเดียว  เลยนึกขึ้นได้ว่า ช่วงระยะทางระหว่าง กรุงเทพฯ กับ อยุธยา ของ รถไฟจักรไอน้ำนำเที่ยว ในวันสำคัญๆ นี้ ช่วงทางเรียบๆ ก็น่าจะเป็นแถวๆ เชียงรากนั่นแหละ แต่จะเป็นตรงไหน กันแน่นะ..... ก็มานึกได้ว่า ตอนที่ผมไปต่างจังหวัดใช้ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ผมเหลือบเห็น รางรถไฟ ยาวๆ ตรงๆ แถวๆ ใกล้แยกบางปะอิน (ที่ไป สระบุรี กับ อยุธยา)  ตรงสะพานข้ามทางรถไฟ ก็เลยตั้งใจไว้ว่า น่าจะไปดักรอรถไฟตรงจุดนี้ดีกว่า จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 17:18:49

ความคิดเห็นที่ 3 ตามมาดูโด้ยยยยยย....  น้องจาย จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 17:21:25

ความคิดเห็นที่ 4 โดดขึ้นรถไฟด้วยคนค่า.... ปู๊น ปู๊น ฉึก ฉัก ฉึก ฉัก ..... จากคุณ : หมอกหนาว เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 17:33:01

ความคิดเห็นที่ 5 ZZZZZZZzzzzzzzzzzzzzzzzzzzz ไปตีแบดกะลูกก่อนเน้อ ปะเด๋วจะปิ๊กมาผ่อ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 17:42:55

ความคิดเห็นที่ 6 พี่ mirajj ยังตามดูรถไฟไอน้ำอยู่ จุดที่พี่ไปเฝ้าอยู่ รถไฟมาเร็วมาก อาจได้ภาพไม่มาก ส่วนใหญ่ที่เขาไปถ่ายภาพกัน มักเป็นโค้งสวย ๆ เช่น โค้งดอนเมือง โค้งทางไปวัดพนัญเชิง โค้งก่อนเข้าสถานีอยุธยา ยังไม่รู้ว่า รถจักรไอน้ำชุดนี้ จะวิ่งได้อีกกี่ปี เนื่องจากการขาดแคลนอะไหล่ และ พนักงานขับรถจะเกษียณ ทุกปี เป็นความทรงจำ ที่ต้องไปเก็บภาพกันครับ จากคุณ : หมอดาริน เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 18:08:55

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับ คุณ หินสอ ครับ เชิญติดตามมาได้เลยครับ สวัสดีครับ คุณ หมอดาริน   แฟนประจำรถไฟไอน้ำ  ขอบคุณที่ส่งภาพมาแจมครับ (ครั้งนี้ไม่ค่อยมีภาพจริงๆ ก็ด้วยสาเหตุที่คุณบอกนั่นแหละ)  แต่ด้วยความอยากดูว่า รถไฟจักรไอน้ำนี่ เวลาวิ่งเร็วๆ จะเป็นอย่างไรกัน ซึ่งผมก็ต้องใช้กล้องถ่ายโหมดวิดีโอ เพราะรู้ว่าอย่างไรก็ถ่ายไม่ทันอยู่ดี  (ภาพเปิดกระทู้ ก็ Capture มาจากไฟล์วิดีโอของผมนั่นแหละครับ) สวัสดีจ้า คุณ แม่ซากานะ  พี่สาวคนดี ที่ไม่ได้ทักทายกันน๊านนาน... ครับ สวัสดีครับ คุณ หมอกหนาว อ๊ะๆ ผมต้องขอโทษ ที่งานนี้ไม่ได้ขึ้นรถไฟ แต่ลงมาเดินย่ำต๊อกอยู่ข้างๆ รางรถไฟครับ สวัสดีครับ คุณ หมอดาริน   แฟนประจำรถไฟไอน้ำ  ขอบคุณที่ส่งภาพมาแจมครับ (ครั้งนี้ไม่ค่อยมีภาพจริงๆ ก็ด้วยสาเหตุที่คุณบอกนั่นแหละ)  แต่ด้วยความอยากดูว่า รถไฟจักรไอน้ำนี่ เวลาวิ่งเร็วๆ จะเป็นอย่างไรกัน ซึ่งผมก็ต้องใช้กล้องถ่ายโหมดวิดีโอ เพราะรู้ว่าอย่างไรก็ถ่ายไม่ทันอยู่ดี  (ภาพเปิดกระทู้ ก็ Capture มาจากไฟล์วิดีโอของผมนั่นแหละครับ) จากแผนที่ข้างบนใน คห.2 นั้นไม่จุใจ ต้องลากเอง  ทริปนี้ ผมเลยได้ข้อมูล และบรรยากาศแถวๆ นั้นด้วย โดยไม่ได้ตั้งใจ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 18:26:01

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบพระคุณมากๆครับผม ขอตามมานั่งด้วยคน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 18:29:17

ความคิดเห็นที่ 9 เอาล่ะ เริ่มเดินทางกันเสียที   ตอนแรกผมคิดว่าจะไปถ่ายตอนเช้า ช่วงที่รถไฟออกจากกรุงเทพฯ ไปอยุธยา ซึ่งคำนวณเวลาแล้ว น่าจะผ่านจุดดักรอประมาณ 9 โมงเช้ากว่าๆเล็กน้อย แต่ต้องทำธุระของครอบครัวก่อน เลยต้องคำนวณเวลาที่รถไฟวิ่งกลับจาก อยุธยา มากรุงเทพฯ ซึ่งจะผ่านจุดนั้นประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ เล็กน้อยเช่นกัน (คำนวณเวลาเทียบจาก สถานี บางปะอิน กับ เชียงรากน้อย)  ออกจากบ้านย่านบางบอนก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว เลยต้องลุ้น กันหน่อย ระยะทางก็ไกลไม่น้อยเชียว (เกือบเจ็ดสิบกิโลเมตรเลย) แต่เพื่อความตื่นเต้น ก็ต้องลองกันดูครับ ผมได้มาถึงจุดดักรอรถไฟ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นครึ่งแล้ว ใจก็คิดว่าเหลือเวลามากเลย  ก็ขับเลยไปหาจุดกลับรถมา ต้องรู้สึกกังวล เพราะกว่าจะถึงที่กลับรถ นั้น ไกลม๊ากมาก  เกือบ 7 กิโลเมตรโน่น (ตรงแยกต่างระดับบางปะอินไม่มีช่องทางกลับรถให้?  ต้องเลี้ยวไปทางอยุธยา 3 กิโลถึงจะเจอ) แถมเกือบกลับไม่ทันอีก เพราะมีขบวนรถบรรทุกด้านซ้ายบังไว้) กว่าจะมาถึงจุดดักรอรถไฟ ตรงใต้สะพานข้าม ก็เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว  ผมเผลอจอดไกลก่อนถึงทางกลับรถเข้าใต้สะพาน เพราะไม่อยากไปกลับรถอีก ยอมเดินกว่า 400 เมตร กว่าจะถึงรางรถไฟ ดันเจอปัญหาที่คาดไม่ถึง! คือ มีคูน้ำขวางกั้นระหว่าง ทางที่ผมยืนอยู่กับรางรถไฟ  เอาไง? คราวนี้จะถอยไปหาจุดอื่นก็ไม่ทันแล้ว เพราะ 6 โมงเย็นแล้ว  จะยืนถ่ายภาพตรงนั้นก็ไกลจากราง วนสักพัก เกือบหมดหวัง ก็เหลือบเห็น ทางเดินในพงหญ้าเล็กๆ พอลัดเลาะไปยัง รางรถไฟได้ (ไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดูกัน)  เดินไปก็เสียวน่องไปว่าจะมี งู ตะขาบ ซ่อนอยู่ หรือเปล่า  อ้อ...งานนี้ ผมไปคนเดียวด้วย แบบว่า ลุยเดี่ยว วัดความตั้งใจกันเลยครับ ไม่อยากชวนใคร เพราะกลัวเขาจะเบื่อ  แฟนยังบอกว่า "ลงทุนจังเลยนะ แค่ไปดูรถไฟแป๊บเดียว ต้องขับรถไปกลับ ร้อยกว่ากิโล" ในที่สุดผมก็มาถึงจุดดักรอรถไฟ ตามใจปรารถนาแล้วครับ จากรูปข้างล่างเกือบจะถึงแล้วครับ จุดสังเกตุการณ์รถไฟ เอาแบบโล่งๆ ไม่มีอะไรบังเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 18:48:28

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณ อุ้ย (digimontamer)  แฟนประจำรถไฟ ครับ เชิญติดตามได้เลยครับ จากรูปข้างบน ผมหันกลับไปมอง ทางที่เดินมา ซึ่งก็จะเห็นสะพานข้ามทางรถไฟ ซึ่งก็คือ ถนนวงแหวนฝั่งตะวันตก(กาญจนาภิเษก) นั่นเอง   เงียบ และโล่งดีไหมครับ   สาเหตุหนึ่งที่ผมต้องเดินออกมาไกลๆ จาก สะพานข้ามหน่อย ก็คือ เสียงรถยนต์ที่วิ่งข้ามสะพานดังเกือบตลอดเวลา เดี๋ยวจะไปรบกวนเสียงรถไฟจักรไอน้ำ ที่ผมตั้งใจมาฟังใกล้ๆ นะครับ....ฮิฮิ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 18:51:51

ความคิดเห็นที่ 11 เนื้อความ ตัวอักษรเยอะ รูปน้อยไปหน่อย ก็เพราะไม่ค่อยได้ถ่ายนะครับ แต่มีความในใจอยากระบายให้ฟังเยอะ...ครับ (เห็นใจ คนเริ่มแก่หน่อย อยากหาคนมารับเคราะห์ เอ๊ย...รับฟัง ครับ) ไปถึงจุดนั้นปุ๊บก็มีรถไฟธรรมดาวิ่งผ่าน  ไม่ได้ถ่ายภาพอะไร  ใจก็รู้สึกกังวลๆ เหมือนกันว่า จุดที่ผมยื่นนั้นถือว่าโล่งโจ่งจริงๆ ไร้สิ่งบดบังใดๆ  ชักรู้สึกอายนิดๆ เหมือนกันว่า "เจ้าหมอนี่มายืนทำอะไรตรงนี้ เอ้า..ถือกล้องด้วย คงจะมาจากดงไหนกัน ไม่เคยเห็นรถไฟหรือไง"  แถมยังรู้สึกว่า ผิดกฏระเบียบอะไรหรือเปล่า ที่มาเดินในเขตทางรถไฟ ที่มีอุปกรณ์สื่อสารอยู่แถวๆ นั้นด้วย (เสาในรูป คห.9)  อะอะ...จะมาจารกรรม อะไรหรือเปล่านี่  ใจผมก็คิดไปต่างๆ นาๆ  ระหว่างยืนรอรถไฟคนเดียว ในบรรยากาศแสนเปลี่ยวอย่างนี้ ยืนเกือบเพลินไป เหลือบเห็นควันดำๆ โชยมาแต่ไกล  นั่นไง......สิ่งที่ผมกำลังรอคอยได้มาถึงแล้ว  มาแบบเงียบๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย ก็เพราะไม่ใช่สถานี จึงไม่มีสัญญาณใดๆ แจ้งให้ทราบ จากรูป เป็นภาพแรกที่ถ่ายรถไฟ เมื่อเห็นแต่ไกล  เพราะก่อนหน้านี้ยังดูไม่ออกว่าเป็นกองไฟข้างรางรถไฟ หรือเปล่าครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:00:05

ความคิดเห็นที่ 12 จากรูปเปิดกระทู้ นั้นจะมองเห็นว่า หัวรถจักรนั้นดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย เหมือนแท่งดำๆ ตั้งอยู่บนรางค่อยๆ เคลื่อนที่มาอย่างเงียบ อารมณ์เหมือนกับการมองดูท้ายขบวนรถไฟ ที่ค่อยๆ ถอยหลังมาเลยครับ จนรถไฟวิ่งมาใกล้แล้ว  ซึ่งตอนนั้นผมคิดว่า รถไฟจะวิ่งมาทางรางด้านขวามือ เหมือนกับรถไฟขบวนที่ผมเห็นก่อนหน้านั้น แต่ไม่ใช่ ดันมารางซ้ายมือผม ทำให้ผมต้องข้ามรางรถไฟไปเพื่อถ่ายภาพอีกด้าน เพราะกลัวว่า จะย้อนแสงอาทิตย์ถ้ายืนถ่ายภาพตรงนี้ แต่พอข้ามไปแล้วเหลือบเห็นรถไฟอีกขบวนกำลังวิ่งสวนมาไกลๆ ตรงรางที่ผมยืน ผมเลยต้องเปลี่ยนใจข้ามรางรถไฟกลับมายังที่เดิมอีก ด้วยใจระทึก.......   กลัวพขร.เขาจะบีบแตร เอ๊ย เปิดหวูดด่าเอา ว่ารถไฟใกล้จะมาถึงแล้วดันมัวแต่ เดินข้ามรางไปๆ มาๆ   (แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าหากเปิดหวูดก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้เพิ่มอารมณ์รถไฟวิ่งอีกด้วย) สรุปคือ ผมเลยได้ภาพรถไฟที่ค่อนข้างใกล้แล้ว  ดังแสดงในรูปเปิดกระทู้ครับ และข้างล่างนี้ คือ คลิ๊ปวิดีโอ ขณะรถไฟจักรไอน้ำกำลังวิ่งผ่านผมด้วยความเร็วสูง!  อย่ากระพริบตานะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:09:31

ความคิดเห็นที่ 13   โหย ถึงเก่าแต่ก็แรงดีนะครับ สุดยอดๆ จากคุณ : หนุ่มลำปางตามแฟนน เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:15:58

ความคิดเห็นที่ 14 ไปแล้วครับ รถไฟจักรไอน้ำที่รอคอย.....  ถ้าจะเห็นอีกต้องรอ วันปิยะมหาราช ครับ  แล้วถัดไปก็วันพ่อ ครับ ต้นปีก็วันสถาปนารถไฟไทย 26 มีนาคม รวมหนึ่งปี วิ่ง 4 เที่ยวที่จัดให้วิ่งบริการนำเที่ยว จ.อยุธยา ครับ จากรูปจะเห็นกลุ่มควันดำโขมง ตามธรรมชาติของเขาครับ  แต่น่าแปลก เวลาที่อยู่ใกล้ๆ ผมกลับไม่สังเกตุเห็น หรือรู้สึกว่า มีควันไฟเลย ครับ  อาจเป็นเพราะว่า ภาพที่เห็นไกลๆ นั้นเป็นการรวบรวมควันไฟในแนวราบกับพื้น สะสมกันไปตามทิศทางที่เห็น (ทั้งขาไปและขากลับ) เลยมองดูว่า ดำน่าสำลัก เวลาหายใจ (แต่ที่จริง ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย อากาศก็ปลอดโปร่งดี) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:19:56

ความคิดเห็นที่ 15 ระหว่างที่จะเดินกลับ ก็ได้เห็นรถไฟธรรมดา วิ่งสวนมาอีกขบวน เลยถ่ายคลิ๊ปมาให้ดูเทียบกันว่า เร็วกว่ากันมากแค่ไหน ซึ่งผมดูๆ แล้วก็ไม่ต่างกันมากนักเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:22:46

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับ คุณ หนุ่มลำปางตามแฟนน มาร่วมชมความเร็ว ด้วยกันครับ ทีแรกผมยังคิดว่า รถไฟจักรไอน้ำจะวิ่งช้าๆ และมีเสียงดัง ฟึบฟับๆ แต่อย่างที่เพื่อนๆ ชมในคลิ๊ปวิดีโอของผม คห.12 ไม่ใช่เลยนะครับ ฟังแล้วก็คล้ายๆ กับ รถไฟธรรมดา ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล  ที่จริงเสียงล้อกระทบรางยังดังกว่ากันเยอะเลยครับ เสร็จจากความตื่นเต้นแล้วก็มาหาความเงียบสงบกันต่อ..... ไม่ใช่ครับ  พอมีเวลาเหลือ ไหนๆ ก็มาแถวนี้แล้ว อยากจะไปเที่ยวดู สถานีเชียงรากกันหน่อยครับ  มี 2 แห่ง คือ เชียงรากน้อย กับเชียงรากเฉยๆ  ตำแหน่งก็ตามแผนที่ ในรูป คห.7 ครับ โดยมองดูตามเส้นทางรถไฟสีดำ  ผมพยายามหาถนนที่วิ่งเลียบใกล้ทางรถไฟให้มากที่สุด ก็มาได้ถนนเลียบคลองเปรมประชากรนี่แหละ ที่ถือว่าวิ่งเลียบทางรถไฟมาตลอดจนถึง ดอนเมืองเลยครับ  แทบไม่น่าเชื่อว่า คลองเปรมประชากรนี้แหละ คือคลองเดียวกับที่ มาผ่านทำเนียบรัฐบาล ระยะทางยาว เกือบ 50 กิโลเมตรแบบค่อนข้างตรง (มีเลี้ยวตรง ดอนเมืองเท่านั้น)  ในช่วงแรกๆ ผมกลับชอบสมบุกสมบัน เลี้ยวข้ามคลองเปรม ไปวิ่งบนถนนลูกรัง คู่ขนานคลองฯ อีกฝั่งหนึ่ง ใกล้กับรางรถไฟมาก (ห่างแค่ร้อยกว่าเมตรเอง) ตื่นเต้นเหมือนกัน เหมือนได้ย้อนยุคไปในสมัย ก่อนปี 2500 โน้นครับ ถนนลูกรังนี้ยาวไปเรื่อยๆ จนถึงสถานี เชียงรากน้อย ครับ (ไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดู) ก็มีสะพานข้ามคลองเปรมฯ อีกครั้ง ซึ่งผมก็เลี้ยวไป เที่ยวดู สถานีเชียงรากน้อยก่อนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:34:41

ความคิดเห็นที่ 17 หันไปดูอีกด้านก็คือตัวสถานีครับ เล็กๆ เงียบๆ แต่ก็มีคนมารอขึ้นรถไฟ นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:37:57

ความคิดเห็นที่ 18 ขณะนั้นมีรถไฟกำลังเข้าสถานีพอดี จากภาพข้างบน จะเห็นแสงสว่างจ้ามาแต่ไกลครับ  ตอนนี้กำลังเทียบสถานีอยู่ครับ  เป็นหัวจักรแบบธรรมดา ที่รู้สึกคุ้นตามากที่สุด รุ่น ALSTHOM ครับ  ซึ่งรุ่นนี้ ผมเคยเห็นตอนเด็กๆ แล้วรู้สึกว่า ดูเท่ห์ ทันสมัย ก็ด้วยรูปทรงแบบเหลี่ยมนี่แหละ ที่ผมชอบ (ต่างจากหัวรถจักรรุ่นก่อนหน้า ซึ่งมักมนๆ โค้งๆ ดูคลาสสิคไป) แต่จากในรูปนี้จะเห็นว่ามีสภาพเก่ามาก ถูกใช้งานมาอย่างโชกโชน ถ้าหากเป็นคนก็น่าจะย่างเข้าวัยทองแล้ว ครับ (แต่ถ้าเป็นหัวรถจักรไอน้ำนั้น ถือว่า ชราภาพแล้ว) ผมไม่ได้ขึ้นรถไฟมานานแล้ว ตั้งแต่ซื้อรถคันแรก เจ้ามิราช คันเก่งคู่ชีพของผมเมื่อปี พ.ศ.2536 โน้นครับ   เดี๋ยวนี้พอเห็นรถไฟก็เลยรู้สึกคิดถึงครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:44:35

ความคิดเห็นที่ 19 ถ่ายรูปพอใจแล้วก็ออกเดินทางต่อ (พร้อมๆ กับการออกตัวของหัวจักรรถไฟเลย)  ไปตามถนนเลียบคลองเปรมประชากรครับ (อีกฝั่งคลองไม่มีทางให้วิ่งแล้ว) บรรยากาศก็เริ่มมืด...... ไปคนเดียวด้วย.... ไม่กลัวหลง เพราะมีเจ้า GPS Pocket PC คอยนำทางให้ตลอดครับ จากแผนที่ ใน คห.7 มา Crop ให้ดูว่า เส้นทางที่ผมวิ่งนั้น คู่ขนานกับหลายสิ่งหลายอย่าง  แทบไม่น่าเชื่อว่า ใกล้ๆกันแค่ 4 กม. ก็มีถนนพหลโยธิน สายใหญ่ แสงไฟสว่างจ้า รถพลุกพล่านเหมือนโลกสมัยใหม่แล้ว แต่ ถนนตรงหน้าผมนี่ เหมือนอยู่ในต่างจังหวัดเลย (ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาวิ่งดูตอนค่ำๆ ก็ได้ครับ)  อีกด้านก็ทางด่วนห่างแค่ครึ่งกิโลเมตรเอง  หรือถนนใกล้สุดก็ สาย 347 (ปทุมธานี-บางปะหัน) ที่ห่างแค่ กิโลเมตรกว่าๆ   มีทั้งคลอง รางรถไฟ  ด้วย นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้เข้ากรุงเทพฯ ทางนี้ครับ (ไม่นึกว่าจะมีเหมือนกัน) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:53:36

ความคิดเห็นที่ 20 ผมมาถึง สถานีเชียงราก แล้วครับ (แปลกดี ที่ชื่อสถานี ไม่มีคำว่า ใหญ่ ต่อท้ายเหมือนกับ ชื่อตำบลเชียงรากใหญ่ ตอนนี้เวลาประมาณ 1 ทุ่มครับ) เงียบ และเริ่มมืด ด้วยครับ บรื๊อย์..... เดี๋ยวจะนำชมครับ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 52 19:57:19 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 19:56:15

ความคิดเห็นที่ 21 สถานีเชียงรากนี้ จัดว่าเป็นสถานีใหญ่ เกือบระดับชุมทางเลย (จากสายตาที่เห็น) แต่น่าแปลกที่ รถไฟโดยสารส่วนใหญ่ไม่จอด เลยดูเงียบสงัดมาก เหมือนกับเป็นเมืองร้างเลยครับ ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพฯมาก จุดจอดรถยนต์นั้นจะอยู่ฝั่งชานชาลาจอดรถไฟ ส่วนตัวสถานีจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับราง ทีแรกเห็นรั้วกั้น นึกว่าต้องเดินขึ้นสะพานลอยแบบ สถานีสามเสนแล้ว แต่ไม่ต้อง.... เพราะ มีประตูเล็กๆ เปิดช่องให้เดินบนรางได้ 2 ช่อง (ด้านเหนือกับด้านใต้) จากรูป จะเป็นชานชาลาฝั่งสถานี ซึ่งดูจากสภาพรางแล้ว เหมือนกับว่าไม่ค่อยได้ใช้งาน จึงคิดว่า ถ้าหากรถไฟมาเทียบ น่าจะไปเทียบที่ฝั่งตรงข้ามโน้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:03:48

ความคิดเห็นที่ 22 นี่เป็นภาพขณะเดินข้ามทางรถไฟ ซึ่งจะเห็น เสาไฟสัญญาณหางปลา(ขอแก้เป็น เสาไฟสัญญาณสามท่า) ที่ใช้บอก พขร.รถไฟว่า ไปได้หรือไม่ เหมือนกับ ไฟจราจรตามสี่แยกนั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 52 21:28:19 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:06:33

ความคิดเห็นที่ 23 ข้ามกลับมายังชานชาลาฝั่งตรงข้ามสถานี ที่ผมจอดรถไว้ครับ  (ที่จริง ฝั่งสถานีก็มีลานจอดรถเหมือนกัน ผมได้เดินไปสำรวจแล้ว) เลยคิดว่า รถยนต์ต้องข้ามทางรถไฟมาได้แน่นอน เลยเกิดความคิดว่า น่าจะลองข้ามไปบ้างนะ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:08:34

ความคิดเห็นที่ 24 ยอดเยี่ยมมากครับ.... จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:39:41

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดบรรเจิด เลยลองขับรถตามแผนที่ เลียบทางรถไฟ ไปเรื่อยๆ จนถึงทางเลี้ยวเข้าไปยังทางรถไฟ เพื่อ...ลอด! ใต้ทางรถไฟครับ  ทางตรงนั้นทั้งมืด และแคบ มีหญ้าขึ้นข้างทางรก เป็นทางลูกรังด้วย บรื๊อย์...หาเรื่องแล้วไหมล่ะเรา อยู่ดีๆ ไม่ว่า  รถผมต้องสะดุดตรงเกือบถึง คานสะพานทางรถไฟ ที่จะมาใกล้กระจกหน้ารถ อึ๋บ!.....  เตี้ยจริงๆ นะสะพานนี่  ผมรีบจอดรถลงมาดู โอ้โฮ สูงกว่าหัวผมแค่ฝ่ามือเดียว! คือประมาณ 175 เซนติเมตร   ลำพังแค่หลังคารถก็พอลอดได้ แต่รถผมมี ตระแกรงวางของบนหลังคารถอีก คงไม่ผ่านแน่แท้  ผมเลยต้องตัดสินใจถอยหลังอย่างลำบากสุดๆ ไหนจะมืด ไหนจะแคบ รกอีก แล้วสักพักก็มีมอเตอร์ไซด์มารออีกหลายคัน เล่นเอาแย่เลยครับ ต้องถอยหยุดๆ ตลอด ถ้าเผลออาจมีอันต้องตกท้องร่องลงไปในพงหญ้าสูงๆ แน่ๆ เลย.... ผมคิดว่า ทางลอดต่ำนี้ น่าจะทำไว้เฉพาะรถเก๋ง รถกระบะเปล่าๆ และมอเตอร์ไซด์เท่านั้น รถผมยกสูงนิดหน่อยเลยลอดไม่ได้...เข็ดเลยครับ ใครอยากลองพิสูจน์ดู ก็มาลองได้นะครับ ที่ สถานีรถไฟ เชียงราก นี่แหละ อ้าว...อย่างงี้ แล้วรถใหญ่ๆ เช่นรถบันทุกเขามายังสถานีรถไฟได้อย่างไร ผมก็มาเปิดแผนที่ดู อ้อ...เขาเข้ามาทาง ถนน ธรรมศาสตร์อีกด้านครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:47:11

ความคิดเห็นที่ 26 หลังจากพ้นวิกฤต ทางลอดต่ำมาแล้ว ผมก็เตรียมจะเดินทางต่อ (กลับบ้านละ) ก็ต้องมีอันตกใจอย่างสุดๆ แทบดิ้นเลย คือ มีเสียงดังกัมปนาท พร้อมแสงสว่างอย่างไม่รู้ตัวในระยะใกล้ๆ แค่ ไม่กี่สิบเมตรข้างหน้า ตรง สนามกีฬาโรงเรียนวัดเวฬุวันใกล้ถนนข้างหน้าผมนี่เอง  คือมีการจุดพลุครับ ปั่งๆ โป้งๆๆ  ดังที่เห็นในรูปข้างล่างนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:51:21

ความคิดเห็นที่ 27 นี่เป็นแสงสว่างหลังจากพลุระเบิดบนท้องฟ้าแล้วครับ  แดงโร่เลย  ใครไม่เคยมีประสบการณ์อยู่ใกล้ ที่ตั้งพลุ คงไม่ทราบ  ปกติ เป็นการยากเหมือนกันที่จะได้ไปดูใกล้ๆ ที่จุดพลุ แต่วันนี้ฟลุ๊ค เลยทำอะไรไม่ถูก รีบปรับกล้อง แล้วถ่ายๆ แต่ได้น้อยมาก (การถ่ายภาพพลุนั้นไม่ใช่ง่าย เพราะเราไม่รู้เวลาล่วงหน้า ยิ่งเป็นกล้องดิจิตอล ที่มีเวลาหน่วงก่อนชัตเตอร์ทำงานด้วยละก็ถือว่าเป็นไปไม่ได้เลย) กลับมาได้จากการถ่ายภาพแบบคลิ๊ปวิดีโอมากกว่า จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:56:12

ความคิดเห็นที่ 28 ขออนุญาตครับ จาก คห.ที่ 21 และ คห.ที่ 22 สัญญาณที่เห็นนั่น คือสัญญาณไฟสีชนิดสามท่าหนะครับ ส่วนสัญญาณหางปลา จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้ตามสถานีต่างจังหวัดหลายๆแห่ง เช่น ลำปาง อุตรดิตถ์ ฯลฯ  และในกรุงเทพฯ มีเพียงแห่งเดียว คือที่สถานี ธนบุรี ครับ สถานีเชียงราก เดิมทีเดียวก็เป็นสถานีเล็กๆครับ  แต่เนื่องจากกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี 2541 สถานีแห่งนี้ก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับการเดินทางโดยรถไฟในการไปชมกีฬาที่จัดขึ้้น ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) อาคารสถานีหลังเดิมอยู่ฝั่งตรงกันข้ามอาคารในปัจจุบันนี่หละครับ ที่เห็นเป็นหลังคาคลุมโล่งๆนั่นเอง (ฝั่งวัดเวฬุวัน) หลังจากกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ สถานีเชียงรากก็กลับมาเงียบเหงาตามเดิม รถที่จอดรับส่งผู้โดยสารที่นี่ ยังคงเป็นรถธรรมดาและรถชานเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีรถเร็วจอดบ้างบางขบวนครับ ขออนุญาตแจมหนึ่งรูป ถ่ายไว้ที่สถานีเชียงรากนี่หละครับ (ในช่วงเช้า) แต่ไม่ค่อยสวยอย่างที่ใจหวังสักเท่าไหร่ครับ แหะๆ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 52 20:59:14 จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:57:58

ความคิดเห็นที่ 29 และนี่ก็เป็นภาพ Crop มาจาก คลิ๊ปวิดีโอครับ จะเห็นเป็นพลุเป็นดอกสีแดงๆ สวยมาก คล้ายกาแลกซี่ ในอวกาศเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 20:58:36

ความคิดเห็นที่ 30 สวัสดีคุณ สัญญาณหางปลา ครับ แหม..ชื่อก็บอกว่า เชี่ยวชาญในเรื่องรถไฟดี..ฮิฮิ   ผมเลยลองค้นหาภาพ เสาสัญญาณหางปลาดู มาเทียบกัน (ต้องขออภัยที่ บอกผิด เพราะเห็นคล้ายหางยาวๆ ดำๆ ด้านบนเสาก็คิดว่าเป็น เสาสัญญาณหางปลาไปหมด) จะว่าไปแล้ว เสาสัญญาณหางปลานี่ก็ดูคล้ายกับจราจรมายืนกั้นรถนะครับ ว่าถ้า ห้ามไป ก็ขวาง  ถ้าอนุญาต ก็ยกมือ (แต่สำหรับเสาหางปลานั้นจะยกเฉียงๆแทน)   การควบคุมนี่ ใช้แบบสายลวดดึงได้ด้วย เป็น แมคเคนิคส์ (กล) ล้วนๆ เลย  ต่างจาก เสาสัญญาณไฟสี ที่ใช้ไฟฟ้าควบคุม  ตอนกลางวันแดดจัดๆ นี่ เสาสัญญาณหางปลานี้เห็นชัดกว่า ครับ ขอบคุณที่เพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับ สถานีเชียงราก ครับ อ้อ..เกือบลืมไป ว่า  ทางสถานี เขาน่าจะมีป้ายเตือนสำหรับรถยนต์ที่จะไปลอดทางรถไฟ ด้วยนะครับว่า ต้องมีความสูงไม่เกิน 175 ซม. ครับ กลัวว่า ถ้าหากเป็นตอนกลางวันรถเยอะ แล้วมีรถสูงๆ เผลอผ่านเข้าไป ต้องถอยกลับ จะเกิดการจราจรติดขัดอย่างมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 21:17:45

ความคิดเห็นที่ 31 อีกรูป สำหรับพลุสวยๆ ในวันแม่แห่งชาติ ปี 2552 ครับ  รูปนี้ดูเหมือนกับดอกกล้วยไม้เลยครับ ต้องขอบอกอีกครั้งว่า รูปเหล่านี้ ถ่ายใกล้มาก แทบจะถือว่าอยู่ในอ้อมกอดของพลุเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 21:19:48

ความคิดเห็นที่ 32 คห.สุดท้ายนี้.....เป็นคลิ๊ปวิดีโออีกครับ ซึ่งผมขอนำท่านไปสัมผัสอ้อมกอดของพลุ ในวันแม่แห่งชาติ ที่จุดโดย โรงเรียนวัดเวฬุวัน ตำบลบางพูด เมือง ปทุมธานี ครับ   ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน  ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 21:25:07

ความคิดเห็นที่ 33 พอเห็นมีเรื่องรถไฟ ผมเองก็อดใจที่เข้ามาชมไม่ได้หนะครับ อิอิ ----- ไอ้เจ้าสีดำๆ ที่อยู่เหนือสัญญาณไฟสี นั้น จะมีก็ต่อเมื่อ จะมีประแจ หรือทางแยกครับ โดยเจ้าแถบสีดำๆนั้น จะหันไปในทิศทางเดียวกับทางแยก เช่น ถ้าข้างหน้ามีทางแยกซ้าย ก็จะหันไปทางซ้าย หรือถ้าแยกขวา ก็จะหันไปทางขวา และถ้ามีทางแยกซ้ายขวาติดๆหรือใกล้ๆกัน ก็จะมีเจ้าแถบสีดำนี่หันไปทั้งสองทางครับ  โดยบนนั้นจะมีไฟสีขาวเรียงกัน 5 ดวง และไฟสีขาวก็จะติดถ้ากำหนดให้รถไฟต้องเลี้ยวเมื่อถึงทางแยกข้างหน้าครับ พนักงานขับรถเห็นก็จะทราบทันทีว่าข้างหน้ามีประแจ และต้องเลี้ยว เพื่อจะได้เตรียมตัว เช่น ชะลอความเร็วลง เพราะโดยทั่วไป เมื่อถึงประแจ(ทางแยก) และรถต้องเลี้ยว จะสามารถใช้ความเร็วได้ประมาณ 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 21:34:21

ความคิดเห็นที่ 34 แค่รถไฟจักรไอน้ำ วิ่งปีละไม่กีครั้ง ในโอกาสพิเศษต่างๆ วิ่งไปตามสถานี เล็กๆ ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวอะไรซะหน่อย แต่ คุณมิราชช  (vilaithong) จขกท.  เอามาทำกระทู้ สนุก น่าสนใจ  ได้ความรู้ ก็ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากคุณ : วิทยาการ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 22:25:59

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาชมค่ะ  ไม่เคยนั่งรถจักรไอน้ำเลย พอเห็นรูปแล้วอยากลองนั่งมั่งจัง นับถือคุณvilaithong ความพยายามสุดยอดมากเลย จากคุณ : Dark Edition เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 23:41:22

ความคิดเห็นที่ 36   พลาดครับ พลาด ตอนแรกผมกะจะไปดัก ชมรถจักไอน้ำที่สถานีบางเขนเหมือนกันครับ แต่ตื่นสายซะงั้น  อดเลยครับ จากคุณ : Napsterio เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 11:09:07

ความคิดเห็นที่ 37 มีเสน่ห์ดีนะครับ รถไฟจักรไอน้ำ ชอบครับ ขอปรบมือให้กับความตั้งใจของจขกท.นะครับ ที่ไปดักรถไฟในหลายๆlocation ถ่ายรูปมาฝากกัน สุโค่ยยยยยย จากคุณ : dellucky เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 20:49:33

ความคิดเห็นที่ 38   ขอปรบมือให้ จขกท. อีก 1 เสียงนะครับ อยากไปเก็บภาพ บ้างจังเลย แวะมาแจมรูปด้วยนะครับ รถจักรไอน้ำ เมื่อวันแม่นะครับ <a href="http://s201.photobucket.com/albums/aa183/fimmaster/aug2009/?action=view&current=DSCF1058.jpg" target="_blank"><img src="http://i201.photobucket.com/albums/aa183/fimmaster/aug2009/DSCF1058.jpg" border="0" alt="Photobucket"></a> เครดิต จากอากู๋ ครับ จากคุณ : {R.}estaurant {F.}ood {T.}hai เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:13:54 A:124.120.245.90 X: TicketID:227418

ความคิดเห็นที่ 39 มาแจมบ้าง 12 สิงหาคมเป็นวันเดียวในรอบ 4 ครั้งของรถจักรไอน้ำที่แดดเข้าหน้าขบวนครับ รูปนี้ถ่ายแถวๆโรงแรมมิราเคิล หลักสี่ครับ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 10:18:11

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วก็โค้งก่อนถึงวัดพนัญเชิงครับ รูปเดิมที่เคยถ่ายไว้ http://gallery.rotfaithai.com/details.php?image_id=3085 ส่วนข้างล่างนี้เพิ่งถ่ายมา มุมเดียวกันแต่กล้องคนละตัวครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 10:37:02 จากคุณ : น้าแมว (Alderwood) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 10:21:32

ความคิดเห็นที่ 41 โอ้โฮ...หยุดพักไป 1 วัน มีเพื่อนๆ เข้ามาแวะทักทายและให้ Give กันพอควรเลยครับ ขอบคุณ คุณ สัญญาณหางปลา ที่เข้ามาเพิ่มเติมความรู้เรื่อง เสาสัญญาณไฟสีสามท่า แก่พวกเราครับ คุณช่างเดาใจผมได้เก่งจริงๆ ว่าผมต้องรู้สึกคาใจเล็กๆ ตอนปิดกระทู้ไปว่า เข้าแท่งดำๆ เหนือเสาสัญญาณไฟฯ นั้น มีไว้เพื่ออะไร ตอนนั้นผมคิดเอาเองว่า น่าจะเป็นตัวบอกว่า รางไหน ให้ปฏิบัติตามเสาสัญญาณต้นนี้ (เพราะตอนใกล้ถึงประแจ มักมีรางหลายอัน จะทำให้ พขร.ดูแล้วงง ไม่รู้ว่า เขาจะฟังสัญญาณจากเสาไฟต้นไหน) แต่ที่จริงไม่ใช่ กลับเป็นเรื่อง ทางแยกที่จะมีข้างหน้าว่าจะแยกไปทางไหน ให้ระวังล่วงหน้า ส่วนจะเลี้ยวไปทางไหนจริงๆ ก็ให้ดูที่กล่องแสดงสัญญาณที่ประแจราง (ตอนเด็กๆ ผมชอบเรียกว่า กล่องสป๊อกสแป๊ก เพราะเวลารถวิ่งผ่านจะมีเสียง ป๊อกๆ แป๊กๆ ไม่เหมือนกับเสียงวิ่งปกติ ซึ่งมักพบแถวๆ สถานีใกล้ๆ จะถึง หัวลำโพง) ตามรูปที่แนบมานี้ครับ :-)...เกือบลืมอ้างอิงที่มาของภาพครับ  เพราะไป Search จาก Google เพลินๆ เลยจำไม่ได้ แต่เท่าที่สังเกตุจากมุมของภาพเป็นของคุณ Nirakan ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 13:39:17 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 12:26:43

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีคุณ วิทยาการ ครับ สำหรับผมคิดว่า รถไฟจักรไอน้ำ นั้นมีอะไรที่แปลก แอบแฝงอยู่นะครับ บางทีก็เหมือนกับว่าเราได้เดินย้อนไปในอดีต เหมือนภาพยนต์เรื่อง จูราสสิคปาร์ค เลยครับ  และการได้เข้ามาสนใจในเรื่องรถไฟ นั้นก็ทำให้ได้รู้เรื่องแปลกๆ ที่อยู่ใกล้ตัว(ไม่เคยสนใจมาก่อน) ทั้งคำศัพท์ที่ใช้ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เห็นรอบๆ รางด้วย สวัสดีคุณ  Dark Edition ครับ  ผมเองก็ไม่เคยนั่ง เพราะเกิดไม่ทัน เขาเลิกใช้สำหรับโดยสารไปก่อนแล้ว (ก่อนปีพ.ศ.2500 ด้วยซ้ำ เพียงแต่หลังจากนั้น ได้นำมาใช้เฉพาะรถสินค้า และลากจูงบริเวณสถานี)  ขอบคุณที่ชม ก็ทำไปด้วยใจ ตามประสาคนว่างงาน เอ๊ย..มีเวลาว่างเยอะ.. สวัสดีคุณ Napsterio ครับ พลาดแล้วไม่เป็นไรครับ อีก 2 เดือนก็จะมีวิ่งอีก ในวันปิยมหาราช ครับ  ถ้าพลาดก็รอไปอีก 2 เดือน ก็วันพ่อ นะครับ  ที่จริงตอนผ่านสถานีบางเขน ก็เกือบสามโมงเช้าแล้วนา...  ถ้าหากรอขากลับก็เกือบทุ่มไปเหมือนกัน สวัสดีคุณ dellucky ครับ ขอบคุณที่ชมครับ จะว่าไปแล้ว ผมจะเริ่มเหมือนกับพวกล่า สุริยคราส ขึ้นมานิดๆ แล้วละซี (มีคนกลุ่มหนึ่งที่ ยอมเดินทางไปชมสุริยคราสเต็มดวง ในประเทศต่างๆ ตามที่ นักดาราศาสตร์ได้ทำนายล่วงหน้าไว้แล้ว)   เอ....ไม่รู้ว่า ครั้งหน้านี่ ผมจะไปหาจุดไหนอีก เพราะส่วนใหญ่ ก็มีคนได้ถ่ายไว้แล้วหลายสถานที่ครับ ซึ่งผมก็ต้องหาที่แปลกๆ ไปกว่านั้นอีก สวัสดีคุณ {R.}estaurant {F.}ood {T.}hai ครับ ขอบคุณที่ชมครับ แต่ภาพที่ให้ URL มาไม่สามารถเข้าไปดูได้ครับ สวัสดีครับ คุณ Alderwood นึกว่าจะพลาดกระทู้นี้ซะแล้วครับ  จากคห.ของคุณ แสดงว่า ในเดือน สิงหาคมนี้ พระอาทิตย์ขึ้นค่อนข้างทิศเหนือ เลยส่องหัวขบวนขณะที่เริ่มออกจาก กรุงเทพฯ  แอบเห็นชื่อ ที่มุมภาพของคุณ คงจะเป็นนามจริงนะครับ ลองคลิ๊กเข้าไปดูใน URL ที่แนะนำมา  อู้ฮู..มีภาพในเว็บ รถไฟไทยเยอะแยะเลย (อยากดู ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปยืนรอถ่ายเองที่สถานีต่างๆแล้ว ยกเว้นว่า อยากจะรับบรรยากาศด้วยตัวเอง) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:11:56

ความคิดเห็นที่ 43 555 จขกท. พูดซะเห็นภาพเลย... แต่คนที่ล่าสุริยคราสนี่ก็ใจรักจริงๆนะครับ เพราะนานๆทีปีหน และต้องใจเย็นมากๆ เรื่องสภาพอากาศก็สำคัญ ผมก็เข้าเว็บ rft บ่อยนะ ชอบดูภาพจาก Gellary ที่เพื่อนๆไปสำรวจเส้นทางเก่าๆที่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ไม่ได้สมัครสมาชิกหน่ะครับ เพราะเขาเคยปิดรับไปช่วงนึง ไม่รู้ตอนนี้เปิดรับหรือยัง จากคุณ : dellucky เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 17:00:41