ความคิดเห็นที่ 1   จากนั้นผมต่อรถไฟ Hakucho เพื่อขึ้นเหนือต่อไปที่เมืองฮาโกะดาเตะ (Hakodate) เมืองที่มีวิวยามค่ำคืน สวยติดระดับ 1 ใน 3 ของโลก ร่วมกับผู้เข้าประกวดอีก 2 แห่งได้แก่ เกาะฮ่องกง และเนเปิลประเทศอิตาลี คืนนี้แหละคับ ผมจะได้เห็นว่ามันสวยแค่ไหน นอกจากนี้แล้ว การขึ้นรถไฟจากอาโอโมริไปฮาโกะดาเตะจะทำให้ผมได้นั่งรถไฟลอดอุโมงค์เซคัง (Seikan Tunnel) อุโมงค์ลอดใต้ทะเลที่ยาวที่สุดในโลกด้วยระยะทางเกือบ 54 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเกาะฮอนชู ไปยังเกาะฮอกไกโด วิวทิวทัศน์ข้างทางก็สวยงามตลอดทาง ความจริงระยะทางในอุโมงค์เกือบ 54 กิโลเมตรนั้น ใช้เวลาไม่นานเท่าไรนักคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:42:49

ความคิดเห็นที่ 2   และในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงเมืองฮาโกะดาเตะแล้วคับ สถานีรถไฟที่นี่ค่อนข้างใหม่และสวยงามทีเดียว ผมเดินเข้าไปที่ Tourist Information ก่อนเลยคับ เพื่อขอแผนที่ภาษาอังกฤษสักอัน ซึ่งได้รวบรวมสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองนี้ไว้ด้วยคับ รูปนี้ล่ะคับ สถานีรถไฟ JR ที่ฮาโกะดาเตะ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:45:01

ความคิดเห็นที่ 3   ฮาโกะดาเตะเป็นเมืองท่าทางใต้ของเกาะฮอกไกโด แต่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจพอสมควร และเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ก็อย่างที่บอกไปแล้วคับ เมืองนี้มีวิวสวยงามยามค่ำคืนเป็นไฮไลท์หนึ่งที่ผู้คนมากมายทั่วโลกต่างมาเยี่ยมชม และวันนี้เป็นวันแรกของงานฉลองครบรอบ 150 ปีของท่าเรือฮาโกะดาเตะด้วยคับ มีงานนิทรรศกาลที่ท่าเรือและมีร้านค้าด้วยเช่นกัน โดยผู้เข้าชมงานจะต้องนำเงินเยนไปแลกเป็นตั๋วเงินพิเศษสำหรับใช้ในงานนี้เท่านั้น จะใช้เงินเยนซื้อของหรือบริการต่างๆ ภายในงานไม่ได้คับ และการเดินทางเข้างาน มีรถบริการรับส่งฟรีจากหน้าสถานีฮาโกะดาเตะเลยคับ แต่ก่อนอื่นผมต้องหาที่ฝากกระเป๋าก่อนน่ะคับ ทั้งใหญ่ทั้งหนัก อิอิ ก็ถามกับเจ้าหน้าที่ว่าโรงแรม Hakodate Ekimae อยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็ชี้ไปที่ตึกสีเหลือง ๆ ซึ่งอยู่เยื้อง ๆ กับสถานีรถไฟฮาโกะดาเตะนั่นเอง เดินไปประมาณไม่เกิน 100 เมตรได้คับ ความจริงต้องบอกว่าอยู่ตรงข้ามที่จอดรถของสถานีรถไฟด้วยซ้ำไป ผมเข้าไปโรงแรมเพื่อฝากกระเป๋าไว้คับ เพราะว่ายังไม่สามารถเช็คอินได้นั่นเอง ต้องรอเวลาบ่ายโมงคับ อาคารเหลือง ๆ นี้ล่ะัคับ โรงแรมที่ใกล้มาก ๆ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:46:10

ความคิดเห็นที่ 4   จากนั้นผมก็ตรงไปที่จอดรถบัสเพื่อเดินทางไปยังท่าเรือทันที โดยงานนี้ใช้ชื่องานว่า Dreambox150 ซึ่งทำไมใช้คำว่า Dreambox ผมก็ไม่ทราบเช่นกันคับ แต่ตัวเลข 150 คงเป็นเลขครบรอบ 150 ปีนั่นเองคับ ขึ้นคันนี้เลยคับ มีป้ายหน้ารถเขียนว่า Dreambox150 ขึ้นได้เลย ไม่ผิดชัวร์ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:46:56

ความคิดเห็นที่ 5   ในงานมีการจัดนิทรรศการและการออกร้านต่าง ๆ มีไม่เยอะเท่าไรคับ แต่ว่าคนเยอะพอสมควร ถึงแม้อากาศจะค่อนข้างร้อนและแดดแรงมาก จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:47:27

ความคิดเห็นที่ 6   ผมเดินไปทางด้านท่าเทียบเรือเพื่อถ่ายรูปเมืองฮาโกะดาเตะด้วยคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:48:33

ความคิดเห็นที่ 7   และยังมีกิจกรรมทางน้ำ ให้กับผู้เข้าชมงานได้ร่วมทำด้วยคับ อย่างเช่นรูปนี้มีให้นั่งถีบเรือชมอ่าวด้วยนะคับ แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 52 16:49:58 จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:49:38

ความคิดเห็นที่ 8   อย่างที่บอกไว้ตอนต้นน่ะคับ ต้องเอาเงินเยนญี่ปุ่นมาแลกเป็นเงินสำหรับในงาน ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นคูปองน่ะคับ แต่ว่าผมไม่ได้สนใจ และไม่ได้ไปแลกด้วยคับ เคาท์เตอร์แลกเงินอยู่นี่ไง จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:51:21

ความคิดเห็นที่ 9   จากนั้นมารอรถกลับไปยังสถานีฮาโกะดาเตะ แต่ว่าค่อนข้างนานคับ คนจำนวนมากรอต่อแถวอยู่ กว่าจะถึงคิวผมได้ขึ้นรถคงต้องรออีกสองคัน ผมเลยหยิบแผนที่มาดูอีกครั้งและพบว่า ผมสามารถที่จะเดินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ ๆ ได้คับ จำพวกพิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์ สวนสวยงาม แล้วจะรอช้าไปทำไม อิอิ ผมจึงตัดสินใจเดินออกมาจากท่าเรือนั้นคับ แล้วตรงไปยังสถานที่ที่ตั้งใจจะไปถ่ายรูป จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:52:09

ความคิดเห็นที่ 10   มีพิพิธภัณฑ์อยู่ 2 – 3 แห่งน่ะคับ แต่ว่าผมไม่ได้เข้าไปดูนะคับ เพราะว่าเริ่มเวียนหัวกับพิพิธภัณฑ์ และสถานที่ประวัติศาสตร์พอสมควรน่ะคับ แหะ ๆ ๆ ก็ได้แต่ถ่ายรูปอยู่ด้านนอกล่ะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:53:01

ความคิดเห็นที่ 11   นี่ก็อีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งคับ อยู่ใกล้ ๆ กันหมดเลยคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:53:35

ความคิดเห็นที่ 12   ผมเดินวนเวียนถ่ายรูปบริเวณดังกล่าวสักพัก ก็ขึ้นรถรางประจำเมืองของที่นี่เลยคับ ซึ่งเรียกกันว่า Street Car โดยผมกลับมาลงที่สถานี Hakodate Ekimae ซึ่งเป็นสถานีที่ติดกับสถานีรถไฟฮาโกะดาเตะเลยคับ โดยการขึ้นรถ Street Car ที่นี่ ต้องขึ้นที่ประตูกลางรถ และรับตั๋วตอนขึ้นรถด้วยคับ นี่ละคับ ขึ้นรถปุ๊บต้องรอรับบัตรโดยสาร จากเจ้านี่ล่ะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:55:35

ความคิดเห็นที่ 13   จากนั้น พอจะลงรถก็สอดตั๋วเข้าไป เครื่องจะโชว์จำนวนเงินที่ต้องชำระเป็นค่ารถคับ โดยเริ่มที่ 200 เยนคับผม สำหรับผมพอจะลง ผมก็แค่บอกคนขับว่า ขอซื้อตั๋ว 1-Day Pass สำหรับ Street Car อย่างเดียว ซึ่งราคา 600 เยนคับ ขึ้นลง Street Car กี่รอบก็ได้คับ จริง ๆ แล้วมีตั๋ว 1-Day Pass สำหรับรถบัส และมีตั๋วรวมทั้งบัสและ Street Car ด้วยเช่นกัน ผมจึงต้องระบุไปคับว่า ผมจะเอาแต่ Street Car อย่างเดียวค้าบบบบ ผมลงจาก Street Car ประมาณบ่ายโมงเศษ ๆ ได้คับ กลับไปที่โรงแรมอีกครั้งเพื่อเช็คอิน เมื่อไปถึงพนักงานโรงแรมนำกระเป๋าของผมไปเก็บไว้บนห้องให้เรียบร้อยแล้วคับ บริการดีมาก ๆ เลยคับ เด๋วก่อนจบตอนที่สี่นี้ จะมารีวิวเรื่องโรงแรมให้น่ะคับ หลังจากเข้าห้องเคลียร์กระเป๋าเรียบร้อย ตอนนี้เริ่มหิวแล้วล่ะสิคับ เปิดดูแผนที่ดีกว่าว่าแถวนี้มีร้านอาหารอะไรแนะนำไว้บ้าง เจอแล้วคับ!! มีเขียนไว้ว่าเป็นถนนอาหารด้วยคับ อยู่ใกล้สถานีฮาโกะดาเตะเลยคับ เดินตามเส้นทาง Street Car ขึ้นมาอีกนิดเดียวเองคับ ที่เรียกว่า Daimon Yokocho Restaurant Street จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:56:44

ความคิดเห็นที่ 14   ผมเดินเข้าไปดู เห็นมีร้านเปิดแค่เพียงสองสามร้านเท่านั้นเองคับ ส่วนร้านอื่นคาดว่าคงจะเปิดในช่วงค่ำน่ะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:57:09

ความคิดเห็นที่ 15   ผมเลือกเข้าร้านราเมงคับ และชี้รูปอาหารที่จะสั่ง ซึ่งเป็นวิธีการสั่งอาหารของผมทุกมื้อเลยคับ ก็แหม ถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ผมคงสั่งได้สบายแล้วล่ะคับ วันนี้ผมเลือกทานราเมงที่มีเขียนภาษาอังกฤษว่า Miso เพราะน่าจะเป็นราเมงในซุปมิโซะ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:57:39

ความคิดเห็นที่ 16   นั่งรอสักพัก ราเมงมิโซะก็มาเสิร์ฟถึงที่เลยคับ หน้าตาอย่างในรูปนี่แหละคับ ชามใหญ่มาก ๆ เลยคับ ผมนึกหวั่น ๆ อยู่ว่าจะกินไม่หมด ขณะกำลังถ่ายรูปราเมงชามโต ก็มีลูกค้าชาย 4 คนมานั่งต่อข้าง ๆ ผมเลยคับ สั่งราเมงมาทานกันทั้งหมด ผมนั่งทานไปอย่างเรียบร้อย คีบเส้นราเมงใส่ช้อนและกินอย่างสุภาพ สักพักพอราเมงมาเสิร์ฟให้ลูกค้าข้าง ๆ ผมทั้ง 4 คน จากนั้นคับ ผมอึ้งเล็กน้อย นึกว่าเค้าลืมให้ช้อนกับพี่ทั้งสี่ เพราะพี่ๆเหล่านี้ คีบเส้น เป่าปู้ด ๆ และสูดเส้นเข้าปาก ส้วบ ๆ ๆ อย่างเต็มที่ (เสียงนะคับ) ประมาณว่า แข่งกันกินให้มีเสียงดัง พี่ ๆ เค้าไม่มีเกรงใจกะเหรี่ยงไทยอย่างผมเล้ยยย แหม เจออย่างนี้ นึกว่าผมจะยอมเหรอคับ เอาบ้างเลยคับ ร่วมประชันเสียงแข่งกันอย่างอึกทึก อิอิอิ สุดท้าย ราเมงมิโซะ ในชามผมก็หมดลงในพริบตา ด้วยเพราะความอร่อยในน้ำซุปมิโซะ และการได้ทานอย่างสนุกสนานของผม อิอิอิ อ้าวว อิ่มไปอีกมื้อล่ะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:58:14

ความคิดเห็นที่ 17   ออกจากร้านราเมงปุ๊บ ผมเดินกลับมาที่ Street Car ป้าย Hakodate Ekimae ซึ่งอยู่หน้าสถานีฮาโกะดาเตะเลยคับ ผมขึ้นรถสาย 2 เพื่อไปลงที่ Yashingagira เพราะที่นั่นมี Onsen ให้ผมได้ไปใช้บริการ ตามแผนการเดินทางที่วางไว้เป๊ะเลยคับ หลังจากลงรถที่สถานี Yashigagira ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ตรงนั้นมีร้านขายของที่สำนึก เอ๊ย ของที่ระลึกคับ ผมเข้าไปซื้อโปสการ์ด 2 ใบ ราคาใบละ 105 เยนคับ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังออนเซน ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก เดินไม่ถึง 5 นาทีเลยคับ นี่ละคับ Street Car ที่จะไปส่งผม Yashigagira จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 16:59:21

ความคิดเห็นที่ 18   เมื่อลงจากรถ ผมก็เิดินต่อคับ ตามแผนที่ที่ได้จาก Tourist Information จนในที่สุดก็เจอสถานที่ที่ต้องการคับ Yashigagira Onsen จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 17:01:05

ความคิดเห็นที่ 19   คราวนี้ผมต้องใช้วิชามั่ว ๆ แล้วคับ เพราะว่าไม่มีภาษาอังกฤษสักตัวเลยคับที่นี่ เข้าไปถึง เจอ Locker ก่อนคับ สำหรับถอดรองเท้าเก็บให้เรียบร้อย ผมถอดถุงเท้ารวมไว้ด้วยกันเลยคับ และต้องเก็บกุญแจให้ดีนะ ถ้าหายล่ะงานเข้าหนักเลยทีนี้ หลังจากเอาเกิบ (รองเท้า) ของเราเข้านอนเรียบร้อยในล็อกเกอร์ เราก็ต้องมาเลือกรายการล่ะคับ ว่าจะเอารายการไหน ราคาเท่าไร โดยมีตู้ให้หยอดเหรียญหรือสอดธนบัตรเข้าไปแล้วเลือกรายการที่ต้องการจะใช้บริการ ซึ่งมีอะไรบ้างผมไม่รู้หรอกคับ ก็มันมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมดเลยน่ะ จะทำไงดีล่ะ กดอะไรก็ไม่รู้สิ แต่บังเอิญจริง ๆ มีคุณป้าคนหนึ่งมาต่อคิวผม ผมเลยบอกให้แกใช้ก่อน เพราะผมใช้ไม่เป็น ป้าแกก็ใจดีนะคับ พูดอังกฤษกับผมไม่ได้เลย ฟังก็ไม่ออกด้วย แต่แกคงรู้ว่าผมไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ผมเลยส่งเงินให้แกช่วยจัดการให้ ได้กระดาษเล็ก ๆ ออกมา 1 ใบ แล้วคุณป้าก็ชี้มือไปทางด้านใน ให้ผมเดินเอาตั๋วที่ได้จากเครื่องเมื่อสักครู่ เข้าไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้านในน่ะคับ ผมก็ต้องซื้อผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ เพิ่มอีก 120 เยน จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 17:03:22

ความคิดเห็นที่ 20   พอขึ้นมาชั้นสอง คราวนี้แยกเป็นสองทาง ด้านซ้ายมีประตูและม่านผ้าสีน้ำเงิน ด้านขวาก็มีประตูเหมือนกัน แต่ม่านผ้าเป็นสีแดง เข้าอันไหนดีละ มันต้องแยกชายด้านหนึ่ง และหญิงอีกด้านหนึ่งแน่ ๆ แล้วมันด้านไหนกันหนอ ผมยืนงงไม่นานคับ มีคุณลุงท่านหนึ่งเดินผ่านหลังผมไปเข้าด้านสีน้ำเงิน ผมก็เดินตามไปเลยคับ นี่ละคับ ม่านสีน้ำเงินที่เป็นของฝ่ายชาย อิอิอิ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 17:04:07

ความคิดเห็นที่ 21   ด้านในมี Locker ให้อีกสำหรับเก็บเสื้อผ้าของเรา ซึ่งจะต้องถอดทุกชิ้นและถือผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ เข้าไปได้อันเดียวเท่านั้นคับ ด้านในซึ่งเป็นส่วนสำหรับอาบน้ำ แช่น้ำนั้น มีลุง ๆ ปู่ ๆ จำนวนหลายท่านกำลังใช้บริการอยู่ มีฝักบัวสำหรับนั่งอาบเรียงรายกันเกือบรอบห้อง มีฝักบัวยืนอาบอยู่ไม่กี่อันเท่านั้น ตรงกลางเป็นบ่อน้ำร้อนสามบ่อ และมีประตูสำหรับไปลงในบ่อที่เป็น Outdoor ด้วยนะคับ ลูกค้าที่มาใช้บริการต้องอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วค่อย ๆ เดินลงบ่อคับ ควรจะหย่อนขาลงไปก่อน แล้วค่อย ๆ นั่งลงไปครึ่งตัว จากนั้นก็ลงไปให้หมดเหลือส่วนหัวเอาไว้ ผ้าที่เอามาก็ต้องพับแล้ววางไว้บนหัว อย่าให้เปียกน้ำในบ่อนะคับ เพราะมันเป็นสีเหลือง ๆ ส้ม ๆ ซึ่งคงเป็นเพราะในน้ำแร่นั้นมีธาตุกำมะถันอยู่พอสมควร ทีนี้ก็ตามสะดวกเลยคับ จะแช่บ่อนั้น ย้ายไปบ่อนี้ ขึ้นไปอาบน้ำ แล้วกลับมาลงอีกบ่อ หรือออกไปบ่อ Outdoor ก็แล้วแต่สะดวกเลยคับ ด้านนอกมีที่พักให้ด้วยคับ สำหรับนั่งเล่น และมีตู้กดน้ำ สารพัดน้ำให้เลือกดื่มคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 17:05:35

ความคิดเห็นที่ 22   ผมใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่นาน ก็เดินออกไปทางด้านหลังของ onsen เพื่อไปที่ Cape Tachimachi คับ แต่ว่าสุดท้ายก็ไปไม่ถึง เพราะเจ็บเท้าน่ะคับ สงสัยใส่รองเท้ารัดเกินไป เลยไปได้แค่สุสานของตระกูลทากุโบกุ อิชิกาว่า เท่านั้น ก็ต้องกลับมาที่ Street Car เพื่อกลับมาที่โรงแรมคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 17:10:03

ความคิดเห็นที่ 23   ผมกลับมาที่โรงแรม เพื่อเตรียมของสำหรับขึ้นไปดูวิวบนเขาฮาโกะดาเตะคับ กะว่าจะไปเร็วหน่อย แล้วเตรียม Labtop ไปนั่งจิบกาแฟ และทำงานไปด้วย แต่แล้วความวิตกกังวลก็ประดังประเดเข้ามาทันทีคับ เพราะเมื่อผมมาถึงโรงแรม ขณะนั้นเวลาประมาณ 4:00 คับ มีหมอกปกคลุมไปทั่วเมืองเลยคับ เป็นหมอกขาว ๆ ทำให้มองเห็นในระยะไกลไม่ได้เลยคับ และความกังวลของผมก็อยู่ตรงนี้ละคับ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อจะมีโอกาสได้ดูวิวยามค่ำคืนบนเขาฮาโกะดาเตะ แต่แล้วกลับมาติดอากาศซะอีก อย่างนี้ที่ทำงานผมเค้าเรียกว่า WOW (Wait on Weather) แล้วหมอกอย่างนี้ มันจะอยู่นานมั้ย แล้วจะทำอย่างไร ผมจะได้เห็นวิวสวย ๆ รึป่าวคับเนีย่ ... ติดตามภาคจบของตอนที่ 4 ได้เร็วๆ นี้คับ ... ตอนจบ ลงมาที่ Tourist Information อีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลการเดินทางขึ้นเขา และข้อมูลอากาศ ที่มีหมอกลง มานั่งร้านกาแฟ รอเวลา หกโมงครึ่ง ขึ้นรถ Street Car ไปลง Jujigai เดินไปดูสถานี Rope Way ที่เป็นเคเบิ้ลคาร์ขึ้นยอดเขา นั่ง Street Car กลับมาที่ห้อง หมอกเริ่มจาง สองทุ่มอากาศเริ่มสดใสมากขึ้น มองเห็นได้ระยะไกล มารอรถบัสรอบสองทุ่มครึ่ง พนักงานบนรถบอกว่า ... แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 52 17:12:46 จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 17:12:04

ความคิดเห็นที่ 24 อิจฉา จขกท อยาไปบ้างจัง จากคุณ : Warm Chocolate เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 20:08:30

ความคิดเห็นที่ 25 มารอชมวิวบนเขาฮาโกะดาเตะค่ะ ^^ จากคุณ : redpink เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 20:32:46

ความคิดเห็นที่ 26 Hakodate เป็นอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ใน List ที่จะต้องไปให้ได้ จากคุณ : ptalk67 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 21:20:33

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณ จขกท. นะคะ บรรยายสนุกดีค่ะ ถ่ายรูปเเละเล่าเรื่องเยอะๆอีกนะคะ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ จากคุณ : Beverage Menu เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:03:28

ความคิดเห็นที่ 28 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 01:01:39

ความคิดเห็นที่ 29   ขอบคุณทุึกความเห็นคับผม จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 23:55:57