ความคิดเห็นที่ 1   วันที่ห้า 9 สิงหาคม (โอตารุ - ซัปโปโร) เช้าวันนี้ ผมยังอยู่ที่โรงแรม Hakodate Ekimae นะคับ ผมวางแผนไว้แล้วคับว่าวันนี้ต้องตื่นเช้าหน่อย มีรถไฟจากฮาโกะดาเตะไปซัปโปโร เป็นรถไฟ Super Hokuto เที่ยวเวลา 8:30 คับ แต่ผมมีภาระกิจกับตลาดสดยามเช้า อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนที่แล้ว ซึ่งตลาดสดอะซาอิชิ (Asa-ichi Morning Market) แห่งนี้เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งของเมืองฮาโกะดาเตะเลยคับ ตลาดแห่งนี้อยู่ข้าง ๆ สถานีรถไฟฮาโกะดาเตะคับ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลเลย ดังนั้น ผมเดินออกจากโรงแรมไปถึงตลาดภายใน 5 นาทีได้คับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:06:33

ความคิดเห็นที่ 2   เดินสำรวจตลาดสักพัก ก็ไปเจอร้านไอศกรีมร้านหนึ่ง น่ากินมาก ๆ คับ ผมเลือกไอศกรีมโคนมา 1 รส คือ รสเมลอน อร่อยมากคับ เนื้อไอศกรีมแน่นดีด้วย ยังคับยัง นี่ยังไม่ใช่อาหารเช้าสำหรับผมแน่นอน จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:07:14

ความคิดเห็นที่ 3   ผมเดินไปเจอร้านหนึ่งในตลาดคับ ซึ่งในไกด์บุ๊คบอกว่าเป็นร้านที่มีการฆาตกรรมหมู่คับ แต่เป็นการฆาตกรรมปลาหมึกคับ เจ้าของร้านจะส่งคันเบ็ดพร้อมสายให้กับลูกค้า โดยปลายเบ็ดจะเป็นเข็มงอจำนวนมาก คล้ายสมอเรืออันเล็ก ๆ หลาย ๆ อัน ซ้อน ๆ กัน พอเบ็ดนี้ไปโดนตัวปลาหมึก มันก็จะติดเบ็ดขึ้นมาทันที ดังนั้นพอลูกค้าสนใจปลาหมึกตัวไหน ก็จะเอาเบ็ดนี้ละคับ ไปเกี่ยวหมึกผู้โชคร้ายตัวนั้นขึ้นมา จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:08:07

ความคิดเห็นที่ 4   หลังจากนั้น ทางร้านจะนำหมึกตัวดังกล่าว ไปชันสูตร เอ๊ย!! ไปทำให้ชิ้นเล็กลงน่ะคับ แต่วิธีการหรือขั้นตอนนั้น อาจจะดูโหดร้ายไปหน่อยเท่านั้นเอง แล้วทางร้านจะนำมาเสิร์ฟแบบสด ๆ พร้อมเครื่องเคียงในจาน ให้กับลูกค้าที่เกี่ยวหมึกเสร็จ แล้วกลับไปนั่งรอที่โต๊ะคับ ผมได้แต่ดูแล้วเดินผ่านคับ แบบว่า เหลือแต่หนวดยังกระดุกกระดิกได้เลย อิอิ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:08:40

ความคิดเห็นที่ 5   ตลาดสดภาคเช้าของที่นี่ขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถเดินทั่วได้ภายในเวลา 10 – 20 นาทีคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:09:15

ความคิดเห็นที่ 6   นอกจากปลาหมึกแล้ว ที่นี่ยังมีปูยักษ์คับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:10:10

ความคิดเห็นที่ 7   หลังจากเดินวกไปวนมาในตลาดสักพักผมก็เจอร้านที่ต้องชะตากันแล้วคับ ร้านนี้ชื่อ ดอนบุรียา ชื่อนี้จริง ๆ คับ ก็ภาษาอังกฤษเขียนว่า Donburiya อ่ะคับ (จริง ๆ แล้วน่าจะชื่อ ด้งบูริยะ นะคับ) จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:10:51

ความคิดเห็นที่ 8   ผมสั่งข้าวมาหนึ่งจาน เป็นหน้าไข่ปลา หอย และหอยเม่น (มันคือหอยเม่นมั้ย ใครรู้บอกทีคับ เพราะเปลือกมันสีดำ มีแหลม ๆ รอบตัว) ดูจากรูปได้เลยคับ อยากจะบอกว่าเป็นมื้อที่เหมือนจะอร่อยคับ แต่ผมว่าค่อนข้างดิบเกินไปหน่อยสำหรับมื้อเช้าวันนี้ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:11:23

ความคิดเห็นที่ 9   ก่อนจบเรื่องตลาดนี้ ขออนุญาตตั้งชื่อเจ้าหมึกโชคร้ายนั้นว่า “หมึกอะซาอิชิ” คับ เหมือนกับหอยยักษ์ที่ผมเคยเจอที่ตลาดซึกิจิในโตเกียวเมื่อตอนมาญี่ปุ่นครั้งที่แล้วกับเพื่อน ๆ และพวกเราก็ตั้งชื่อมันว่า “หอยซึกิจิ” เพราะความใหญ่โต อย่างที่ไม่เคยเห็นในเมืองไทย และมันมีอยู่ทั่วตลาดเลยคับ เจ้าหมึกอะซาอิชิ ก็เช่นกัน มีขายหลายร้านเลยล่ะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:12:03

ความคิดเห็นที่ 10   และเมื่อผมอิ่มจากอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็เดินกลับโรงแรม ทำการเช็คเอาท์คับ โดยไม่ลืมที่จะรบกวนพนักงานรีเซฟชั่นของโรงแรมช่วยส่งโปสการ์ดให้ จากนั้นผมก็มาที่สถานีรถไฟ Hakodate เพื่อรอขึ้นรถ Super Hokuto เที่ยวเวลา 8:30 ที่จองไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้คับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:14:21

ความคิดเห็นที่ 11   ซึ่งการจองที่นั่งบนรถไฟ ทำให้เราไม่ต้องไปวิ่งหาว่าตู้ไหน Non-Reserve คับ เพราะว่าตั๋วที่เราจองที่นั่งไว้ จะระบุหมายเลขตู้ (Car) และที่นั่งให้เลยคับ เรามีหน้าที่แค่ ทำหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ไปยืนรอให้ตรงกับเลข Car บนตั๋วเท่านั้นเองคับ แหะ ๆ ๆ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:15:02

ความคิดเห็นที่ 12   Super Hokuto พาผมเลาะริมฝั่งทะเล ได้วิวสวยงามเลยคับ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ผมก็มาถึงซัปโปโร แล้วล่ะคับ แต่ที่นี่ยังไม่ใช่ปลายทางของวันนี้คับ ผมฝากสัมภาระไว้ที่ Coin Locker คราวนี้ผมลดขนาดจาก Locker ราคา 600 เยน มาเป็นขนาดราคา 500 เยนคับ จับทุกอย่างยัดรวมกันไว้ใน Locker จากนั้นนั่งรถต่อไปยังเมืองโอตารุคับ เมืองที่ผมเกริ่นไว้เมื่อตอนที่แล้วว่า เป็นเมืองที่มีบรรยากาศโรแมนติกขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ผมไปด้วยรถไฟ JR เช่นเดิมคับ สาย Hakodate Line ผมได้รถ Airport Rapid รอบเวลา 12:14 ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโอตารุแล้วคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:16:24

ความคิดเห็นที่ 13   โอตารุเป็นเมืองท่าแห่งหนึ่ง มีชื่อเสียงในด้านการทำเครื่องแก้ว และกล่องดนตรี เราสามารถเดินเที่ยวชมคลองโอตารุได้และเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกได้ภายในครึ่งวันนะคับ เพราะผมคิดว่า เดินมากกว่านั้น คงจะขาหักแน่ ๆ เลยคับ ส่วนคลองโอตารุในปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งสำหรับผู้มาเยือนฮอกไกโด โดยนักท่องเที่ยวจะมาถ่ายรูปกับคลองแห่งนี้ ซึ่งมีแบ๊กกราวด์เป็นอาคารอิฐสีแดง ซึ่งในอดีตเป็นโกดังเก็บสินค้าแต่ในปัจุบันได้รักษาอาคารเอาไว้ แต่ภายในปรับปรุงเป็นร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก และบรรยากาศเหล่านี้เอง ในยามค่ำคืน มีหิมะโปรยปราย แสงไฟประดับทางเลียบคลองโอตารุ เป็นภาพที่ได้รับการกล่าวขวัญว่า สวยงาม และโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยคับ ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะมากันในฤดูหนาวคับ แต่ว่าผมมาในฤดูร้อน เด๋วมาดูกันคับว่า ภาพบรรยากาศจะแตกต่างกันอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ไม่ต้องทนหนาวเวลาเดินท้องถนนคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:18:26

ความคิดเห็นที่ 14   ผมเดินลงมาตามถนน Chuo-Dori ซึ่งเป็นถนนใหญ่สายหลักจากหน้าสถานีโอตารุมุ่ง่ตรงสู่คลองโอตารุ จนถึงท่าเรือ โดยระหว่างทางผมได้แวะถ่ายรูปถนน Miyako Arcade ซึ่งผมจะมาเดินชมสินค้าเป็นที่สุดท้ายของโอตารุวันนี้ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:21:22

ความคิดเห็นที่ 15   ผมเดินต่อมาอีกสักพักก็แวะถ่ายรูปกับรางรถไฟสายเก่าไว้ด้วยคับ ซึ่งในปัจจุบันเลิกใช้แล้ว อากาศในฤดูร้อนที่นี่ ผมว่าแทบจะไม่ต่างไปจากบ้านเราเลยคับ แดดแรงมากพอสมควร ผมต้องหลบแดดเป็นระยะ ๆ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:22:45

ความคิดเห็นที่ 16   หลังจากเดินมาจนถนนเลียบคลองโอตารุ ผมก็เห็นอาคารหลังหนึ่ง มีสถาปัตยกรรมแปลกตาไปจากอาคารรอบข้าง ที่นี่เรียกว่า Canal Plaza คับ ภายในมีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:23:24

ความคิดเห็นที่ 17   ผมเข้าไปนั่งพักและซื้อโปสการ์ด จากนั้นก็นั่งเขียนโปสการ์ดและส่งได้ทันทีได้เลยคับ เพราะใน Canal Plaza มีตู้ไปรษณีย์บริการให้พร้อมเลยคับ สำหรับสแตมป์ก็ซื้อได้ที่ร้านขายโปสการ์ดนั่นเองคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:23:45

ความคิดเห็นที่ 18   เมื่อผมออกจาก Canal Plaza แล้ว ผมตั้งใจว่า จะพยายามเดินไปทางพิพิธภัณฑ์ Otaru Museum แต่ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกลและอากาศก็ร้อนมาก ผมเลยปลอบใจตัวเองว่า "เดินไปก็เหนื่อยแย่ ไปถึงก็แค่ถ่ายรูปเท่านั้น" อิอิอิ เวลาที่เรารู้สึกเหนื่อย เราจะขี้เกียจทันที แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 52 22:25:39 จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:24:28

ความคิดเห็นที่ 19   ผมจึงเดินย้อนกลับลงมาทางเดิมคับ โดยเดินบนถนนทางเท้าซึ่งทำเลียบคลองโอตารุไว้ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:25:18

ความคิดเห็นที่ 20   สักพักผมก็เดินผ่านหน้า Canal Plaza อีกครั้ง และเริ่มเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านขวาของ Chuo-Dori คับ คือถ้ามาจากถนน Chuo-Dori เมื่อมาถึงคลองแล้วให้เลี้ยวขวา แล้วเราจะพบร้านค้าต่าง ๆ มากมาย ริมถนน และบริเวณทางเท้าเลียบคลองโอตารุ จะมีจิตรกร นำผลงานภาพวาด ภาพถ่าย และงานศิลปะต่างๆ มาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 52 22:26:59 จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:26:35

ความคิดเห็นที่ 21   ผมเดินมาจนถึงจุดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังถ่ายรูป ซึ่งอยู่บนสะพานข้ามคลอง เบื้องหลังเป็นอาคารเก็บสินเค้าเก่า มีไม้เลี้อยปกคลุมทั่วอาคาร บรรยากาศจะแตกต่างกับในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม ที่หลายๆท่านอาจจะเคยได้พบเห็น แต่ก็สวยงามในแบบของความสดใสคับ ผมเก็บบรรยากาศสดใสริมคลองโอตารุสักพัก ก็เดินข้ามถนน เข้าสู่ดินแดนร้านค้าเครื่องแก้วต่าง ๆ มากมาย จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:27:38

ความคิดเห็นที่ 22   เริ่มจากร้านแรกเลยคับ ภายนอกเป็นอาคารเดี่ยว ๆ ซึ่งมีไม้เลื้อยปกคลุมทั้งอาคาร ภายในอากาศเย็นสบาย มีสินค้าเครื่องแก้วแบบต่างๆ ให้เลือกชมมากมายคับ ผมแทบจะอดใจซื้อไม่ไหวอยู่หลายครั้ง เพราะงานแต่ละชิ้นนั้น น่าจับจองเป็นเจ้าของ หรือนำไปเป็นของฝากของที่ระลึกมาก ๆ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:28:25

ความคิดเห็นที่ 23   ผมออกจากร้านนี้ทั้ง ๆ โดยที่ยังไม่เสียเงินสักเยน เพราะไม่กล้าซื้อหรอกคับ กลัวมันเสียหายระหว่างทาง ผมแบบว่าเป็นคนซุ่มซ่ามมาก ๆ อยู่แล้วด้วย จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:28:52

ความคิดเห็นที่ 24   หลังจากออกจากร้านแรก ผมก็เดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนน Sakaimachihon-Dori ซึ่งเป็นถนนที่รายล้อมไปด้วยร้านค้า ของที่ระลึก มากมาย ถือเป็นย่านสยามสแควร์ของโอตารุเลยก็ว่าได้คับ มีรูปปั้นแปลก ๆ ตั้งอยู่หน้าร้านด้วยคับ อย่างเช่นรูปนี้คับ เหมือนเป็นรูปปั้นหลวงจีน กับหลวงจีนน้อย จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:30:08

ความคิดเห็นที่ 25   เดินชมของไปสักพัก ผมก็มาถึงตรอกไดแอก้อน แหะ ๆ ๆ ไม่ใช่หรอกคับ เห็นเป็นตรอกเล็ก ๆ เลยนึกถึงตรอกไดแอก้อนในแฮรี่ พอตเตอร์ อิอิอิ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:30:39

ความคิดเห็นที่ 26   ตรอกนี้มีสินค้าพื้นเมืองและสินค้าจำพวกเครื่องแก้ว เลยเดินเข้าไปดูน่ะคับ มีผลไม้แก้วสวยงามจับตาทีเดียว จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:31:06

ความคิดเห็นที่ 27   ออกจากตรอกไดแอก้อน ผมก็เดินชมร้านค้าต่าง ๆ จนมาถึงร้าน K’s Blowing ซึ่งเป็นร้านที่สาธิตการเป่าแก้ว โดยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการทำแก้วด้วยคับ จำได้ว่า เคยดูรายการเจ๊ติ๊ก Say Hi! เคยมาถ่ายทำในโรงเป่าแก้วด้วยคับ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นที่นีรึป่าว ใครรู้บอกหน่อยนะคับ อยากโทรไปถามเจ๊ติ๊กเหมือนกัน แหะ ๆ ๆ แต่ไม่มีเบอร์เค้านะสิคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:31:53

ความคิดเห็นที่ 28   ผมยืนดูการสาธิตเป่าแก้วสักพัก ก็เดินต่อเรื่อยมาจนถึงร้านเครื่องแก้วร้านใหญ่อีกร้านหนึ่งคับ ซึ่งก็คือร้าน Kitaichi Venetian Art Museum ในร้านนี้มีเรือกอนโดล่า ประดับประดาด้วยแก้วเจียรไน และที่นั่งบุหนังสุดหรู วางโชว์อยู่กลางร้านชั้นล่างเลยคับ และผลิตภัณฑ์อีกอย่างหนึ่งที่ร้านนี้ค่อนข้างจะโปรโมต คือ ปากกาแก้วคับ เป็นปากกาที่หล่อจากแก้วทั้งด้ามเลยคับ วิธีใช้ คือ ต้องเอาหัวปากกาไปจุ่มหมึกเพื่อจะเขียนได้คับ ซึ่งผมเห็นแล้วแปลกดีคับ ถือเป็นสินค้า OTOP ของที่นี่ได้เช่นกัน เพราะว่าน้ำหมึกที่ติดอยู่บนปลายปากกาด้านนอก สามารถไหลซึมผ่านปลายปากกาที่ทำเป็นเกลียวเส้นเล็กๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ ดูน่าทึ่งคับ ทั้ง ๆ ที่อยากซื้อมาลองสักอัน แต่ก็ต้องตัดใจคับ อยู่กับคนซุ่มซ่ามผม เจ้าปากกาแก้วคงได้แตกหักในเร็ววันแน่ ๆ คับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:33:11

ความคิดเห็นที่ 29   ร้านสินค้าส่วนใหญ่ที่นี่ จะมีส่วนที่เป็นร้านกาแฟด้วยในตัวเลยคับ สำหรับลูกค้าที่มาชมสินค้า สามารถนั่งทานกาแฟและชมสินค้าได้ในร้านเดียวกันคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:33:44

ความคิดเห็นที่ 30   เอาละคับ ออกจากร้านที่มีเรือกอนโดลาสุดหรู ก็มาถึงร้านช็อกโกแลต ชื่อดังของที่นี่คับ นั่นคือร้าน Le TAO โดยชั้นบนเป็นส่วนของร้านกาแฟ และเบเกอรี่ ลูกค้าค่อนข้างเยอะเชียวคับ มีแจกให้ชิมช็อคโกแลตฟรีหน้าร้านด้วยเช่นกัน จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:34:57

ความคิดเห็นที่ 31   ผมตั้งใจว่าจะแวะพักขาสักครู่ กับกาแฟเย็นสักที่ร้านนี้ แต่เมื่อเดินขึ้นไปชั้น 2 ในส่วนที่เป็นร้านกาแฟ ผมก็ต้องถอยกลับละคับ เพราะว่า คิวรอต่อที่นั่งนั้นเลี้อยยาวขึ้นไปถึงชั้นสามแล้วคับ จะว่าไป ชาวญี่ปุ่น ค่อนข้างมีความตั้งใจสูงมาก ถ้าอยากทานอะไรร้านไหน ต่อให้คิวยาวแค่ไหนก็จะรอ เหมือนอย่างแถวยากิโซบะที่ผมเคยรีวิวไปเมื่ออยู่ในงานเทศกาลเนบุตะที่อาโอโมริล่ะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:35:43

ความคิดเห็นที่ 32   ผมเลยเดินออกจาก Le TAO และมาถึงร้านสุดท้ายบนถนนสายนี้คับ ซึ่งเป็นร้าน Music Box ขายกล่องดนตรีอย่างเดียวทั้งร้านเลยคับ และเป็นร้านที่ค่อนข้างใหญ่ หน้าร้านมีหอนาฬิกาเล็ก ๆ ซึ่งจะส่งเสียงดังกังวานเมื่อครบเวลาทุกชั่วโมง จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:36:22

ความคิดเห็นที่ 33   ผมเดินดูหลาย ๆ อย่าง และถ่ายรูปพอสมควรภายในร้านกล่องดนตรีนี้ ซึ่่งมีกล่องดนตรีรูปแบบต่าง ๆ มากมายนับไม่ถ้วนเลยคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:37:45

ความคิดเห็นที่ 34   ถ่ายให้ชมกันจุใจนิดนึงในร้านนี้คับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:38:15

ความคิดเห็นที่ 35   ที่เห็นทั้งหมดนี่ เป็นกล่องดนตรีทั้งน้านนนนน จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:38:50

ความคิดเห็นที่ 36   ดูสิคับ เยอะจิง ๆ ร้านนี้มีทั้งหมด สามชั้นคับ และมีโปรโมชั่น ซื้อครบยอด จับฉลากแลกรางวัลได้อีกคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:39:42

ความคิดเห็นที่ 37   และตอนนี้ก็เวลาเกือบจะสี่โมงแล้วคับ รู้สึกหิวมาก ๆ เพราะยังไม่ได้ทานอะไรเลย งานเข้าสิคับ กองทัพต้องเดินด้วยท้องแล้วล่ะคับ ผมเดินหาร้านอาหารทันที และในที่สุดก็มาถึงร้านเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง เป็นร้านที่ภายนอกไม่ได้ตกแต่งอะไร ลักษณะน่าจะเป็นชาวบ้านที่นี่จริง ๆ และเปิดร้านมานาน จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:40:20

ความคิดเห็นที่ 38   มองเข้าไปภายในมีลูกค้าเพียงสองโต๊ะเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่จะบอกว่า ร้านนี้ไม่อร่อย เอาล่ะคับ ผมเดินเข้าไปนั่งในร้าน และสั่งอาหารทันทีด้วยพลังดัชนีของผมนั่นเอง ชี้ไปคับ ชี้ไปที่รูปที่เราเห็นว่ามันน่าทาน ซึ่งก็คือ ข้าวหน้าหมู อิอิอิ รอสักอึดใจเดียว ข้าวหน้าหมู ก็มารออยู่ตรงหน้าละคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:41:12

ความคิดเห็นที่ 39   หลังจากอิ่มอร่อยในราคาไม่หนักหนานัก ผมก็มีแรงเดินต่อละคับ มาถึงอีกร้านหนึ่ง ซึ่ง Tourist Information บอกว่า โรแมนติก มั่ก ๆ เพราะเป็นร้านกาแฟ และจำหน่ายอาหารญี่ปุ่น ชื่อร้าน Kitaichi Hall หรือ Fantastic Cafe Hall คับ ภายในประดับประดาด้วยตะเกียงเจ้าพายุ โดยห้ามใช้แฟลชถ่ายรูปคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:45:44

ความคิดเห็นที่ 40   ร้านเค้กโรล ก็มีนะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:49:05

ความคิดเห็นที่ 41   ทีนี้คงต้องเป็นการเดินกลับไปที่สถานีรถไฟโอตารุ โดยผมจะเดินผ่านถนนช็อปปิ้งทั้งสองสาย นั่นคือ Sun Mall Arcade และ Miyako Arcade คับ โดยบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:50:12

ความคิดเห็นที่ 42   และระหว่างเดินผ่าน Miyako Arcade ก่อนจะเข้าสู่ถนน Chuo-Dori ผมเห็นมีร้านสำหรับเล่นปาจิงโกะคับ ร้าน Budokun เลยคิดอยากจะเดินเข้าไปดูสักหน่อยว่าเค้าเล่นกันอย่างไร แต่ว่าเข้าไปได้ไม่นานคับ ก็ต้องรีบออกมา เพราะว่าควันบุหรี่ท่วมเลยคับ เฮ้อ… อดดูเลยเรา จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:51:13

ความคิดเห็นที่ 43   ผมเดินกลับมาถึงสถานทีรถไฟโอตารุ จากนั้นก็นั่งรถไฟ JR สาย Hakodate กลับมาที่ Sapporo คับ กระเป๋าผมยังอยู่ใน Locker 500 เยน ที่สถานี JR Sapporo อยู่เลยคับ แต่เมื่อผมมาถึงแล้ว ผมเดินไปที่จองตั๋ว JR เป็นอันดับแรก ขอจองเพื่อเข้ามาจองที่นั่งรถไฟ Hanamasu เที่ยวเวลา 22:00 สำหรับวันพรุ่งนี้ ปรากฎว่า เบาะสำหรับนอนได้เต็มคับ งานเข้าล่ะสิ เลยจำต้องนั่งเบาะนั่งปกติคับ ซึ่งปรับเอนนอนได้เล็กน้อยเท่านั้น เอาล่ะคับ งานนี้มีได้ปวดหลังแน่ ๆ แต่ทำไงได้คับ ถ้าเปลี่ยนไปเป็นรถตู้นอนสาย Hokutosei ผมจะต้องเพิ่มเงิน อีกเจ็ดพันกว่าเยน ซึ่งไม่คุ้มแน่ ๆ ไหน ๆ ก็ตั้งใจจะนั่งรถไฟข้ามคืนแล้ว ผมเลยจองที่นั่งปกติไปล่ะคับ จากสถานีรถไฟซัปโปโร ผมนั่งรถไฟใต้ดินคับต่อคับ โดยใช้รถไฟใต้ดินสาย Nanboku จาก Sapporo Station มาลงที่สถานี Nakajima Koen ใช้เวลา ประมาณ 7 นาทีคับ เพราะนั่งมาเพียง 3 สถานีเท่านั้น หลังจากออกจากประตู ซึ่งก็มั่วเอาคับ ว่าเป็น Exit 1 แล้วก็ดูแผนที่ไปพลาง มองสภาพแวดล้อมไป พลาง ไม่ใช่อะไรหรอกคับ คือกำลังงงกับสถานที่ และทำความเข้าใจกับแผนที่ ในมือด้วย ว่าเราอยู่ตรงไหน จะได้เดินไปโรงแรมได้ถูกทาง ซึ่งก็ใช้เวลาเดิน เพียงแค่ประมาณ 5 – 10 นาทีเท่านั้น ผมก็เดินมาถึงโรงแรม Marks Inn Sapporo หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ผมก็เก็บสัมภาระ และ Refresh ตัวเองนิดหน่อย เพราะเดินมาเยอะและเมื่อยขามาก ๆ นะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:54:53

ความคิดเห็นที่ 44   จริง ๆ แล้วผมจองที่พักผ่าน Hostelworld.com เวปเดียวกับที่พักที่ Nikko ในคืนแรกเลยคับ (ย้อนกลับไปอ่านได้จากตอนที่ 1 คับผม) ทำให้ผมเข้าใจว่าที่นี่น่าจะเป็น Hostel มากกว่า Hotel แต่ความจริงแล้ว ที่นี่เป็นโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งคับ ราคา 4000 เยนที่จ่ายสำหรับค่าที่พัก ผมคิดว่าไม่แพงเลย เพราะได้รวมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ในห้องพักก็มีอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมคับ ดูสะอาดและคุณภาพใกล้เคียงกับที่ Hakodate Ekimae Hotel เลยคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:57:13

ความคิดเห็นที่ 45   มีชุึดยูกาตะสำหรับใส่นอน มีสายสำหรับต่ออินเตอร์เนตความเร็วสูงพร้อมใช้เลยคับ ทีวีจอแบนด้วยนะคับ แต่ต้องเสียเงินสำหรับดูทีวีคับผม จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:57:54

ความคิดเห็นที่ 46   ผมพักผ่อนสบาย ๆ อยู่ในห้อง นั่งรีวิวทริปนี้ไปสักพัก จนเวลาผ่านไปสู่ยามค่ำคืน ประมาณสักสามทุ่มเศษ ผมหยิบแผนที่มาดูอีกครั้ง ก็เลยรู้ว่าโรงแรมนี้อยู่ใกล้ ๆ กับ Susukino ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับ Night Life ของซัปโปโรเลยคับ ว่าแล้วจะช้า อยู่ทำไม ผมรีบคว้ากล้องและเดินออกจากโรงแรมทันทีคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:58:40

ความคิดเห็นที่ 47   โรงแรม Marks Inn Sapporo อยู่ระหว่างสถานี Nakajima Koen กับสถานที Susukino คับ ดังนั้น เมื่อผมออกจากโรงแรมแล้ว ผมจึงเดินย้อนกลับมาทางสถานี Susukino แล้วก็ถ่ายภาพความงามยามค่ำคืนของซัปโปโร สักพักก็เดินกลับคับ แต่แวะซื้อขนมปังและชานมรองท้องก่อนเข้าโรงแรมคับผม จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:59:27

ความคิดเห็นที่ 48   พรุ่งนี้คาดว่าจะตื่นสายสบาย ๆ สักวันคับ เพราะดูโปรแกรมแล้วเที่ยวในเมืองซัปโปโรอย่างเดียวเลยคับ โดยจับรถไฟใต้ดินเป็นหลักคับผม ขอจบซัปโปโรยามค่ำคืนวันนี้เพียงเท่านี้คับ พรุ่งนี้ จะพาไปชมวิวสวย ๆ ยามค่ำคืนของซัปโปโรแบบ bird eye view ทดแทนการพลาด Hakodate คับผม จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 23:01:29

ความคิดเห็นที่ 49 ^_^ ขอบคุณสำหรับการรีวิวครับ จากคุณ : หมีหุหุ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 23:23:17

ความคิดเห็นที่ 50 ได้กินอะไรบ้างไหมเนี่ย จากคุณ : แม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 23:37:49

ความคิดเห็นที่ 51 ความคิดเห็นที่ 8 ที่ถาม สีเหลือง ๆ นั่นคือ ไข่หอยเม่นครับ คนญี่ปุ่นเรียกว่า Uni อุนิ เป็นอาหารที่เขานิยมกินกันครับ ราคาแพงมากด้วยนะครับ ถ้ามากินที่โตเกียว จากคุณ : toytrip เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 00:20:55

ความคิดเห็นที่ 52 เดินเก่งจริงๆค่ะ  แรงดีไม่มีตกเลย ยังคงติดตามต่อค่ะ  ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Ebony เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 07:29:35

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 08:20:56

ความคิดเห็นที่ 54 มาติดตามชมรีวิวด้วย อยากไปซับโปโรค่ะ จากคุณ : ไข่จังน้อย เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 12:17:43

ความคิดเห็นที่ 55   ตอนที่ 6 เร็ว ๆ นี้นะคับ รอติดตาม ขอบคุณ ทุกความเห็นคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 12:51:27

ความคิดเห็นที่ 56 โหดจังค่ะ ฆ่าปลาหมึกกันแต่เช้า ฮิๆๆๆ จากคุณ : ก่วยก๊วยตาลสด เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 14:27:37

ความคิดเห็นที่ 57 อยากไปอีกๆๆๆๆๆ     จากคุณ : soomchon เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 14:46:50

ความคิดเห็นที่ 58   ถ่ายได้สวยคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 00:56:57

ความคิดเห็นที่ 59   ขอบคุณทุกความเห็นนะคับ จากคุณ : ธันว์ธาดา เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 23:56:56