Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ถนนสายเมือกปลา – เรื่องเล่าวันไปหัวหิน ฝากเตือนเมื่อใช้เส้น ถนนพระราม 2  

พอดีเรื่องนี้เกิดกับเพื่อนเราเองค่ะ
เขาตั้งใจจะเดินทางไปทางหัวหินกัน
แล้วเจออุบัติเหตุ ก็เลยเขียนมาเล่าให้ฟังทางเมล์
เพื่อให้ระมัดระวังการขับรถบนถนนสายนี้ค่ะ

เลยขออนุญาตตัดบางส่วนมาบอกกล่าวต่อเพื่อน ๆ ที่นี่
เพื่อจะได้ระมัดระวังกันด้วยนะคะ

ฟังดูอันตรายนะคะ เพราะวันที่เกิดอุบัติเหตุนี้
เขาบอกว่า เป็นวันฟ้าใส แดดจ้า
ไม่ใช่วันฟ้ามืดฝนพรำแต่อย่างใดเลยค่ะ

เรื่องก็มีอยู่อย่างนี้ค่ะว่า...

- - -
เหตุเกิด :

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประมาณ 8 โมงเช้า
คณะเราได้เดินทางโดยตั้งใจจะไปทางน้ำตกป่าละอู หัวหินกัน
โดยใช้เส้นทาง พระราม 2 วิ่งไปเพชรบุรี

พอมาถึงแถวบุญถาวร ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น
รถชนกัน 3 คันซ้อน โดยรถเราเป็นคันหลังสุด
คันกลางเป็นรถเบนซ์ คันหน้าสุดเป็นกระบะวีโก้

ส่วนหนึ่งเพราะถนนเส้นนั้น
ขึ้นชื่อเรื่องลื่นเพราะเมือกปลาและสัตว์ทะเล
ที่มีการขนส่งลำเลียงกันเป็นประจำโดยรถบรรทุก
ซึ่งน้ำบนรถขนส่งดังกล่าวจะไหลลงถนนและเคลือบผิวถนนไว้


(ได้ข่าวจากลุงรถยกว่า ด้านหน้าไม่ไกลก็ชนกัน 2 คันอยู่ก่อนแล้ว)

หลังจากตรวจสอบว่าคนในรถ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแล้ว
(ในรถ 3 คนหลังไถลไปด้านหน้า เพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย
เพราะยังประมาทในชีวิตอยู่นั่นแหละค่ะ
ก็เลยมีแผลนิดหน่อย เคล็ดขัดยอกกันบ้างเล็กน้อย)
เราก็ลงจากรถมาดูสภาพรถ

คันเรา กระโปรงหน้ารถพับครึ่ง หม้อน้ำแตก
ประตูคนขับเปิดออกไม่ได้
พลาสติกตรงกระจกข้างหลุดออก
กันชนหน้าและโครงรถด้านหน้าเคลื่อนเข้ามาหาตัวรถ
และมีแก๊สรั่ว (เพราะรถเราใช้แก๊ส) เบื้องต้นจึงต้องรีบปิดระบบแก๊สในรถก่อน

มองไปที่ รถเบนซ์คันหน้า กันชนหลังไม่เป็นอะไรเลย
ไม่ยุบ ไม่บุบ มีแต่รอยสีถลอกนิดหน่อยเท่านั้น
แต่ก็ทำให้กระโปรงหลังเปิดปิดไม่ได้เหมือนเดิม
ส่วนกระโปรงหน้ารถพับเช่นกัน เนื่องจากไหลไปชนท้ายวีโก้
ซึ่งรถวีโก้จะสูงกว่าจึงทำให้กระโปรงหน้ารถเบนซ์เข้าไปเสยใต้ท้ายรถวีโก้
และพับงอขึ้นมา หม้อน้ำแตก

คนในรถทั้ง 3 ท่านปลอดภัยดี (เป็นพ่อแม่ลูกที่จะไปเที่ยวหัวหิน)

คันหน้าสุด วีโก้ กันชนหลังบุบอย่างเดียวเลย คนในรถก็ปลอดภัยเช่นกัน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ทำไงกันต่อ :

หลังจากเกิดเหตุ รถทั้ง 3 คัน มีประกันภัยทั้ง 3 คัน
จึงติดตามเรียกประกันฯของตนให้มาที่เกิดเหตุ

ระหว่างรอประกัน เนื่องจากเหตุชนเกิดในเลนขวาสุดของถนน
(จากถนน 3 เลน) ซึ่งเป็นเลนที่รถวิ่งกันเร็วมาก
ปกติจะเมื่อตำรวจมาถึง ก็จะมีการยกรถเข้าข้างทางให้เร็วที่สุด เนื่องจากรถเยอะ

รอกันประมาณ 20 - 30 นาที
ระหว่างนั้นโทร.ตามประกันไป 2 รอบ ก็ยังมาไม่ถึง
ตำรวจก็มาถึงและฉีดพ่นสเปรย์ตรงล้อรถ
และสั่งการให้เคลื่อนย้ายรถเข้าข้างทางทันที

คันเราโชคดีที่มีลุงรถยกคันหนึ่งผ่านมาเส้นนั้นพอดี
ช่วยยกเข้าข้างทางให้ทันเหตุการณ์

(เราโชคดีกันอีกต่อ คือรถทั้ง 3 คันที่ลงมาคุย
ไม่มีใครวีนแตกกันเลย โดยเฉพาะพี่เบนซ์ เงียบ สุขุม
ไม่โวยวายเหมือนคนขับเบนซ์ที่เราเคยเจอมาเลย)

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

คนที่คุณก็รู้ว่าใคร (ตำรวจ) :

เมื่อนำรถเข้าข้างทางได้เรียบร้อย
โดยรถยกคันเราและคันเบนซ์ ส่วนคันวีโก้เขาขับต่อได้

เราถามคุณตำรวจว่า ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
เขาก็ขอใบขับขี่คนขับ และถามว่าประกันของที่ไหน

พอเราบอกชื่อบริษัทประกัน เขาเบือนหน้า
เราจึงถามว่า ไม่ดีหรือ เขาตอบว่า เจ้านี้ไม่เคลมให้
ที่เขาทำงานมา เจ้านี้ไม่รับใบเคลม เราจึงงง ว่าเขาหมายถึงอะไร

สักพัก คุณตำรวจจะให้คู่กรณีไปที่ สภอ.
เราโชคดีกันมากที่ คันวีโก้ และ พี่เบนซ์ ไม่มีใครตกลงไปเลย
(ตรงนี้ เป็นเรื่องทางแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของเอกชนด้วยกันเอง
เราจึงสามารถแสดงออกกับเจ้าหน้าที่ร่วมกันได้ว่าไม่ต้องการไป สภอ.)

คุณตำฯเขาก็โน้มน้าวให้พี่เบนซ์ไปสภอ.
พี่เบนซ์ใจดียืนยันทั้งครอบครัวว่าไม่ไป พี่วีโก้ก็ไม่ไป
(คือถ้าคันหน้าเขาไปกันคันใดคันหนึ่ง เราก็ต้องไป
แม้ไม่อยากไปเพราะคันหลังสุดยังไงเบื้องต้นก็ผิดเต็มๆ
(แถมพี่วีโก้ แกมากระซิบด้วยว่า ไปก็จ่ายค่าปรับให้คุณตำฯ
หนักเลยแล้วกว่าจะเสร็จเรื่อง เย็นล่ะมั้ง)
พี่วีโก้เคยมีประสบการณ์มาแล้วกับคุณตำฯเนี่ย

ระหว่างรอประกันทั้ง 3 บริษัท พวกเราก็แยกย้ายกัน
คุยซึ่งกันและกัน พร้อมดูสถานการณ์ของบุคคลและสิ่งแวดล้อม
ว่าจะพาเราไปในทิศทางไหนกันบ้าง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ประกันภัยรถยนต์:

เพื่อนเราติดต่อไปหาพนักงานประกันของคันเราประมาณ 3 - 5 ครั้งได้
โดย 2 - 3 ครั้งแรกคุยผ่านศูนย์ฯ ต่อมาเห็นว่ามาไม่ถึงง่าย
จึงขอเบอร์ติดต่อโดยตรงกับพนักงานที่รับผิดชอบเลย

เมื่อพนักงานประกันฯ มาถึง โดยยังไม่มาสอบถามข้อมูลว่าเหตุเกิดเพราะอะไร
เขาฟันธงทันทีว่า ผมไม่เคลมให้ทั้ง 2 คัน
(งานจึงเข้าทันที ตามที่คุณตำฯบอกเลย -_-''')

เราจึงเริ่มบทนางมาร เข้าไปหาเขา แล้วถามว่า ทำไมจึงไม่เคลมให้
เขาบอกว่า รถเบนซ์กันชนหลังไม่เป็นอะไรเลย

เราจึงบอกว่า รถเบนซ์ไม่เป็นอะไร แต่เราไปชนเขา เห็นด้านหน้าไหม
กระโปรงเขาพับได้รับความเสียหาย อีกอย่างถ้าคันเราไม่ได้ชนเขา
กระโปรงรถด้านหน้าของเราจะพับ หม้อน้ำจะแตก ฯลฯ หรือ? ให้ดูให้ดีนะ

ครั้งแรก เขายังยืนยันไม่เคลมให้เหมือนเดิม
เราก็ยังยืนยันประโยคเดิม พูดซ้ำๆประโยคเดิม
ว่าเขาเสียหายอย่างไร ทำไมเขาจึงควรได้รับการเคลม

เขาจึงเริ่มต่อสายโทร.ไปที่หัวหน้าเขา
ระหว่างนั้น เราก็ยังไม่หยุดพูดยังพูดให้เขาเคลมให้ได้

เขาจึงให้เราคุยกับหัวหน้าเขา ซึ่งหัวหน้าเขาก็บอกจะไม่เคลมให้
เพราะรถเบนซ์กันชนหลังไม่บุบ จึงแสดงว่าเราไม่ชนเขา  

เราก็ยืนยันกับหัวหน้าเขาซ้ำประโยคเดิมว่า ถ้าเราไม่ไปชนเขา
สภาพรถเราจะมีการเสียหายขนาดนั้นๆได้ยังไง
อีกอย่างรถเบนซ์ราคาสูงกว่ามิสซูฯนะ
คุณจะเทียบคุณภาพกันได้อย่างไร (ตรงนี้คุยกับเขาอยู่ประโยคเดิม
คือเปรียบเทียบให้เขาฟัง ว่าด้วยราคา คุณภาพของโครงรถ
วัสดุที่ใช้ประกอบเป็นรถขึ้นมา เขาจะตัดสินแค่ว่าบุบหรือไม่ไม่ได้เลย)

จนหัวหน้าฯเขาคงจนใจกับความแรงของเราเต็มที เขาก็ขอสายลูกน้องเขา
ในที่สุด เขาก็นำเอกสารมาเคลมให้ทั้ง 2 คัน ทั้งวีโก้และเบนซ์

แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 09:32:09

จากคุณ : ปุญญ์
เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 22:38:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com