|
ความคิดเห็นที่ 21 |
ใครจะส่งภาพเข้าประกวดก็คิดให้ดีละกันครับ โดยเฉพาะคนที่อยู่ไกล ๆ
เพราะข้อ 9 บอกว่า ต้องส่งภาพเข้าประกวดด้วยตัวเองที่ทำการปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช หรืออุทยานแห่งชาติเขาหลวง หรือที่อำเภอนบพิตำ (ผมตีความอย่างนี้เพราะไม่เห็นมีตรงไหนบอกว่าส่งทางไปรษณีย์ได้) และถ้าเกิดท่านได้รางวัล ไม่แน่ท่านอาจจะต้องเดินทางไปรับด้วยตัวเองอีกรอบ
เงื่อนไขหลายอย่างของการประกวดนี้มันดูพิลึก ๆ จะมองให้เป็นความบกพร่องโดยสุจริต และเป็นเรื่องขำก็ได้ (ผมหัวเราะไปหลายรอบแล้ว) หรือถ้าใครอยากมองว่ามันมีเล่ห์เหลี่ยมฉ้อฉลแบบทฤษฎีสมคบคิดก็ได้ (แต่ผมขอเอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นก่อน 555)
ส่วนเรื่องที่ว่าโครงการนี้จะทำให้มีการรบกวนนกมากขึ้นนั้น ผมยังพอมองในแง่ดีได้ว่า คงจะไม่มีการรบกวนนกในช่วงนี้มากซักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะระยะเวลาสั้นเหลือเกิน วันที่ 13 กันยาก็ปิดรับแล้ว ประกอบกับเงินรางวัลแค่ 5,000
คนที่ยังไม่มีรูปนกสองชนิดนี้ ถ้าหวังเงิน 5,000 แล้วลงทุนเดินทางไปถึงกรุงชิง ผมว่าคงตลกมาก เพราะค่าน้ำมันไปกลับก็เกือบ 5,000 แล้ว คนที่จะทำอย่างนั้นได้ก็มีแต่คนที่อยู่ใกล้ ๆ แต่ผมว่าคนสุราษฎร์ นครฯ ที่มีอุปกรณ์ถ่ายนกหวังเอารางวัลได้ก็คงมีจำนวนนับหัวได้
นี่ยังไม่พูดถึงความไม่แน่นอนที่จะถ่ายรูปนกสองชนิดนี้นะครับ คอสามสียังร้องหาคู่และถ่ายง่ายเหมือนเดือนเมษา-พฤษภารึเปล่า อันนี้ผมไม่รู้ แต่เดาว่าไม่แล้ว ปากกบถ้าช่วงนี้ไม่มีรัง โอกาสถ่ายรูปได้ก็น้อยกว่า 50-50 อีก
ดังนั้นในช่วงเวลาจากวันนี้ถึง 13 กันยา โอกาสที่คนจะแห่กันไปเยอะแยะเพื่อถ่ายนกสองชนิดนี้ส่งประกวดผมว่ามีน้อยครับ ผมคิดว่ายังไงคนก็คงไม่ลงไปเยอะเท่าช่วงเมษา-พฤษภาที่เป็นช่วงคอสามสีฟีเวอร์หรอก (ผมเชื่อว่าภาพคอสามสีเกือบ 100% ที่ส่งเข้าประกวดก็น่าจะมาจากช่วงนั้นแหละ เพราะดูเหมือนจะถ่ายกันไปร่วมครึ่งค่อนวงการถ่ายภาพนกแล้วมั้ง ชัด ๆ แจ่ม ๆ ทั้งนั้นด้วย)
ส่วนเรื่องวัตถุประสงค์ขัดกับวิธีการ หรือวิธีการไม่ล้อกับวัตถุประสงค์ ผมว่าเป็นเรื่องปกติของโครงการของหน่วยราชการครับ 555
ที่จริงเมื่อกี๊นึกเรื่องที่จะคุยได้มากกว่านี้ พิมพ์ ๆ ไปชักง่วง ถ้าพรุ่งนี้นึกออกจะมาต่อครับ
แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 23:51:40
จากคุณ |
:
จะละเม็ดดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ส.ค. 52 23:47:49
|
|
|
|
|