ความคิดเห็นที่ 1 ความเจริญทางวัตถุมันล้ำหน้าไปมากกว่าความรักธรรมชาติ บวกกับการใช้ธรรมชาติเป็นเครื่องมือในการกอบโกยเงินของนายทุนเงินหนา ก็เลยปรากฎภาพที่เราเห็นๆ กันอยู่ ผมยังเสียดายอ่าวกิ่ว ที่เกาะเสม็ดมากๆ อ่าวกิ่วเมื่อ 20 กว่าปีทีแล้ว กับภาพในวันนี้ช่างต่างกันมากมาย มีเงินมากพอ ผมก็ไม่ไปพักหรอกครับ เสียดายตังส์ จากคุณ : ทะเลระยอง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 20:07:19

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับ จขกท เป็นอย่างยิ่ง ทำไมคนไทยอย่างเราๆถึงต้องจ่ายค่าท่องเที่ยวหฤโหด หรือว่าคนยึดติดวัตถุกันมากขึ้น จึงลืมธรรมชาติไป จากคุณ : เอพีไอ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 20:10:04

ความคิดเห็นที่ 3 ขอยืมคำพูดของคุณทะเลระยอง แต่เปลี่ยนจากอ่าวกิ่วเป็นสมุย ... ที่ ๆ เราไม่ไปเหยียบอีกเลยค่ะ เจ็บปวดจริง ๆ ปล. ไม่ได้แต่การท่องเที่ยวหรอกค่ะเราว่า มันสะท้อนออกมาตั้งแต่การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้และบรรดาสภาพแวดล้อมทั้งมวลเต็ม ๆ จากคุณ : Kikkawa เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 20:59:28

ความคิดเห็นที่ 4 คนเที่ยวตามกระแสมากขึ้น ผู้ประกอบการก็ต้องหวังผลกำไรเป็นธรรมดา แอบคิดเหมือน จขกท.ค่ะ ทุกวันนี้เวลาออกจากบ้านทีต้องนับเงินในกระเป๋าหลายรอบ ยังดีที่เราชอบเที่ยวแบบสวนกระแส ก็เลยไม่ค่อยเจ็บตัว เท่าไหร่ ไอ้ที่เค้าฮิตๆเราก็ไม่ไป  ถ้าจะไปก็ไปหน้าโลว์ หรือไม่ก็วันธรรมดา รีสอร์ตแบบหรูๆ ไม่พักค่ะ ขอแค่ปลอดภัย สะอาด ก็พอแล้ว เอาเงินไปหนักกับค่ากิน ค่าเครื่องดื่มซะมากกว่า จากคุณ : prettyguide เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:04:27

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาเชียร์กระทู้ด้วยคน สมัยเรียนผมไปเกาะช้าง ยังไม่มีทางแบบเดี๋ยวนี้ กว่าจะถึงหาดไก่แบ้ ต้องนั่งเรือจากฝั่งไปถึงสามชั่วโมง เรือตังเกจะจอดแวะ ทีละหาดๆ ไก่แบ้อยู่หาดสุดท้าย นั่งกันจนตูดบาน แต่บรรยากาศ ธรรมชาติสุดๆครับ ค่าห้องนอนถูกมาก ไฟฟ้าได้จากเครื่องปั่นไฟ อีกทีผมไปเกาะหวาย นอนบ้านกระต๊อบ ได้บรรยากาศแบบคนละโลกกับกรุงเทพเลย ไม่มีพัดลม ไม่มีไฟฟ้า กลางคืนจุดเทียนขวดน้ำ ฟังเสียงคลืน นอนดูดาว แต่เดี๋ยวนี้ที่พักแต่ละที่ ห้องแอร์ น้ำอุ่น คนเที่ยวยุคนี้เที่ยวเหมือนอยากยกบ้านตามไปด้วย ทางผู้ประกอบการก็จัดให้ แต่คนอยากนอนกระต๊อบ จุดเทียน ฟังเสียงคลื่น หาที่นอนแทบไม่ได้แล้วครับ ผมคิดเอาเองว่า ถ้าเราขายธรรมชาติแบบนี้ อีกไม่นานมันก็หมดเสน่ห์ ถ้าที่พักยังเป็นกระต๊อบ ไกลแสงสี เราจะหาอยู่หากินแบบนี้ได้อีกยืนยาว แต่ถ้าตึกรกป่ารุกทะเล  มีไฟฟ้า แอร์ น้ำอุ่น โทรทัศน์ ดีวีดี ธรรมชาติเขาอยู่ไม่ได้ สุดท้ายการไปเที่ยวก็คือการเปลี่ยนที่นอนเท่านั้น ไม่ได้ไปเพื่อออกจากโลกที่เราเคยชิน ไปดื่มด่ำกับธรรมชาติ เติมพลังให้กับชีวิต เพื่อกลับมาต่อสู้ในโลกต่อไป แต่พวกเขาไปโดยแบกเอาสิ่งที่อยากมีตามไปด้วย โดยมีผู้ทำธุรกิจคอยสนอง เมื่อถึีงวันที่สิ่งก่อสร้างอำนวยความสะดวกมันเต็มไปหมด ถึงมีเงิน ก็ไม่อาจซื้อคืน น่าสงสารฟากฟ้า ป่า ทะเล และผมสงสารตัวเองด้วย ว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพแบบที่เคยเห็นอย่างนั้นอีกแล้ว แต่ก็นึกโชคดีที่เกิดมาทันเวลานะ ^.^ จากคุณ : PedDg เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:07:07

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาเห็นด้วยกับพี่เพด คห.5 เมื่อก่อนไปเกาะช้าง ต้องนั่งเรือประมงดัดแปลงจากแหลมงอบ เฟอรรี่เป็นยังไง ไม่เคยรู้จัก  นั่งเรืออ้อมเกาะไป เมาคลื่นไป สนุกเหลือเกิน จากคุณ : prettyguide เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:20:05

ความคิดเห็นที่ 7 เราก็รู้สึกเหมือนกันคะ เฮ้อ... จากคุณ : Valily เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:28:00

ความคิดเห็นที่ 8 ::: แค่เอ่ยถึงความเจริญ ความเสื่อมโทรมก็วิ่งล้ำหน้าไปไกลแล้ว ::: จากคุณ : คนสองภาค เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:39:00

ความคิดเห็นที่ 9   เดี๋ยวนี้ความสะดวกสบายมาก่อนครับ และอีกหลายคนก็ชอบการเที่ยวแบบสะดวกสบายด้วยครับ ผมเคยไปเกาะช้างเมื่อปี 2539 การเดินทางลำบากสุดๆ ช่วงนั้นกำลังสร้างถนนหนทางพอดี แต่ยอมรับว่าวิวสวยมากและธรรมชาติเหลือเกิน แต่พอมาครั้งหลังๆทางเสร็จเรียบร้อย มีเรือเฟอร์รี่ขนรถข้ามมาเที่ยวได้สะดวกสบาย คนก็หลั่งไหลเข้ามา เงินทองก็เข้ากระเป๋าคนบนเกาะ ไม่ว่าจะเป็นการขายที่บนเกาะ หรือการขายของและทำกิจการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่ธรรมชาติเริ่มเสียหายและร่อยหลอลงไปทั้งการทำลายทางตรงและทางอ้อม การบุกรุกที่ การปล่อยของเสีย น้ำเสียลงแม่น้ำลำคลองและัทะเล การถมที่ปิดทางน้ำ เป็นต้น ตราบใดที่คนเรายังต้องการเที่ยวอย่างสะดวกสบาย ใช้เงินซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ นายทุนเขาก็ตอบสนองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน ผมเชื่อเอาเองว่า ยิ่งมนุษย์ต้องการความสะดวกสบายมากเท่าไร ก็ยิ่งเบียดเบียนธรรมชาติมากเท่านั้น น่ะครับ จากคุณ : โอเค เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:45:31 A:110.164.115.16 X: TicketID:218507

ความคิดเห็นที่ 10 เกาะเสม็ดเมื่อประมาณเกือบ 30 ปีที่แล้วที่ได้ไปมา ตรงหาดทรายแก้วที่พักเป็นเพิงมุงจาก มีอยู่สามสี่หลัง เวลานอนต้องกางมุ้ง น้ำจืดต้องตักจากบ่อน้ำขึ้นมาอาบเอง ไฟฟ้าไม่มีต้องใช้เทียนหรือตะเกียง ได้สัมผัสกับคำว่าธรรมชาติจริงๆ ภาพแบบนี้เราจะหาที่ไหนได้อีกในเมืองไทย จากคุณ : เอพีไอ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:51:23

ความคิดเห็นที่ 11   เสริมต่อจากคห.9 ปาย ก็เป็นอีกที่นึง เมื่อก่อนตอนปี 2539-40 หลงไป มีแต่ฝรั่งแบกเป้ที่ชอบธรรมชาติเงียบสงบและบรรยากาศทุ่งนา ป่าเขาของเมืองไทย เที่ยวกันเยอะแบบบอกกันปากต่อปาก มีนักท่องเที่ยวชาวไทยต่างถิ่นน้อยมากๆเพราะสิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่มีมากนัก แต่เดี๋ยวนี้สิ่้งอำนวยความสะดวกเยอะแยะ มีรีสอร์ทสวยๆเพียบ มีกิจกรรมต่างๆมากมาย คนก็เลยหลั่งไหลกันไปจนเกิดเหตุการณ์ ปายแตก เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งครับ จากคุณ : โอเค เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 21:53:15 A:110.164.115.16 X: TicketID:218507

ความคิดเห็นที่ 12 อยากให้give จขกท.มากๆ เขียนได้โดนใจสุดๆ ผมนึกถึงชาวบ้านธรรมดา หาเช้ากินค่ำ จะไปนอนพักที่ที่ราคาพอสมควร ติดริมทะเล เดี๋ยวนี้หายากแล้ว ผมไปเกาะช้างเมื่อสี่ห้าปีก่อน แบบไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย ผมหาที่ลงทะเลไม่เจอครับ เพราะมันเป็นหาดส่วนตัวบังหมดเลย  ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นไปได้ก็ไม่รู้ นึกถึงไปเกาะเสม็ดกับเพื่อนตอนมัธยม มีแต่เงินค่ารถค่าเรือไป ค่าอย่างอื่นไม่มี  มีเต้นท์เล็กๆอันเดียว นอนกันไม่พอ เลยไปนอนบนก้อนหินริมทะเลจนถึงเช้า สนุกมากๆ  อาหารก็เอาอาหารกระป๋องไปกินกันเอง เงินไม่มี   ผมว่าเที่ยวแบบนั้น มันเข้าถึงดี  แม้จะไม่สบายแต่ก็สนุกมาก ว่ายน้ำเล่นทะเลกันทั้งวันแบบไม่กลัวผิวเสียกันเลย  กลับบ้าน จมูกหนังลอกไปเลย ดำไปเป็นเดือนๆ แต่สมัยนี้  ไปทะเล คนก็ไม่ว่ายน้ำทะเลกันแต่ต้องหารีสอร์ทที่มีสระว่ายน้ำ เพราะกลัวโน่นกลัวนี่ กลัวผิวเสีย  แปลกดีแล้วจะมาทะเลทำไมนะ ว่ายอยู่ในเมืองก็ได้ นึกถึงคลองแถวบ้านสมัยเด็กๆ แม้มันจะไม่ใส แต่มันก็ไม่สกปรกเหม็นเหมือนเดี๋ยวนี้ สมัยก่อนเล่นน้ำคลองบ่อยมาก  เดี๋ยวนี้แถวๆบ้านไม่มีเด็กเล่นน้ำคลองกันเลย เพราะมันเหม็นเน่าไปแล้ว จากคุณ : seven-elephant เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 22:09:14

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นคำถามที่แปลกมาก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรเที่ยงแท้อยู่แล้วนี่ ชีวิตคนเรา แค่ 5 นาทีที่แล้ว เรายังกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ดีกว่า จากคุณ : winnie20f เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 22:17:15

ความคิดเห็นที่ 14 ประเด็นของเจ้าของกระทู้ คือตอนนี้จะไปเที่ยวที่ใดในประเทศไทย ราคาสูงขึ้นกว่าสองสามปีที่แล้วมาก ถ้าเจ้าของกระทู้เปรียบเทียบเลยไปว่า เมื่อห้าหกปีที่แล้ว ผมคงมีคำตอบให้ได้ไม่ยาก แต่นี่ ท่านเทียบแค่สองปีที่ผ่านมาหรือผ่านไป ผมนึกไม่ออกจริงจริงว่า มันแพงขึ้น ราคาสูงขึ้นได้อย่างไร ทั้งทั้งที่ค่าของเงินเองก็ไม่เปลี่ยนไปเท่าไร อัตราแลกเปลี่ยนยังเกือบคงเดิม แต่ค่าที่พักถีบตัวสูงขึ้นไปหลายเท่า หรืออย่างน้อยครึ่งเท่าได้อย่างไร นอกจากที่พักในไทยปัจจุบัน เดินตามกระแส ที่ให้ไทยเที่ยวไทย กับกระแสงานไทยเที่ยวไทยที่จัดกันถี่ขึ้น คนไทยก็เที่ยวไทยกันมากขึ้น และแข่งกันจ่ายเงินนับหมื่นบาท เพื่อเป็นค่าที่พัก จะได้เอ่ามาอวดเพื่อนพ้องน้องพี่ว่า ได้พักที่ราคาแพงมาแล้ว ทั้งที่พักเพียงแค่วันเดียว พักยังไม่ทันใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของที่พักครบเลยสักแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องทำ เพราะคนอื่นเขาทำกัน ------------------ ทำไปทำไมครัับ เพียงแค่คนอื่นเขาทำกัน พันทิปห้อง BP นี่แหละ สอนให้คนฟุ้งเฟ้อ เพราะกระแส ใช่หรือไม่ ไม่อธิบาย ขี้เกียจครับ จากคุณ : xebec เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 22:24:11

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าเดี๋ยวนี้ คนเที่ยวตามกระแสครับ เพื่อนผมจะไปเที่ยวที่ที่นึง แถวๆภาคเหนือ ผมเลยถามว่า จะไปเที่ยวอะไร หาข้อมูลยัง? เค้าบอกว่า ก็เห็นเค้าไปกันนี่ !!! จากคุณ : Meditube (tatatube) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 22:35:38

ความคิดเห็นที่ 16   เราเองจ่ายได้ สำหรับห้องพักหมื่นนึง เดือนละครั้ง แต่เรางงว่า ...เราพักห้องหมื่นนึง...เราจะต้องดอมดม /ถ่ายรูปทุกตารางนิ้วเลยมั๊ง ถึงจะคุ้ม ให้เราเข้าพัก 14 น. ออก 12 น. เราแทบไม่อยากนอนหลับเลย เดี๋ยวไม่คุ้ม แต่เนื่องจากตนเองอายุเยอะขึ้น และมีลูกซนๆ จึงเผลองีบหลับไปทุกที่ แล้วก้อตกใจว่า....ตายแล้ว หายไปสามชั่วโมง (ไม่นับนอน สี่ทุ่ม ถึงแปดโมงเช้าอีก สิบชั่วโมง)... อิอิอิ ไปซื้อกรรม หรือเปล่าหนอ ???? จากคุณ : จขกท. เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 22:37:24 A:124.122.93.124 X: TicketID:229555

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยเลยครับ ปายอีกที่นึง จากคุณ : prapasawat เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 22:40:37

ความคิดเห็นที่ 18 ::: นั่นเป็นเพราะว่า....การท่องเที่ยวไทย มันถูกบิดเบือนจาก "การสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามของไทย" กลายเป็น "Facility การก่อสร้างการตกแต่งที่งดงามเกินความจำเป็น" ::: ขออนุญาตยกประโยคนี้มา คือมันโดนใจอย่างแร็งงง ยอมรับว่า เห็นความ Luxury วิว ซึ่งมองออกไปเห็นทะเลเวิ้งว้าง มันงามจับตา ยวนใจจริงๆ    แต่พอได้ถอยออกจากตรงนั้น แล้วมองในมุมกลับ  ภูเขาที่ด่างดวงเต็มไปด้วยความ Luxury ของสิ่งปลูกสร้างเมื่อครู่ ซึ่งมีต้นไม้เหลือน้อยลงทุกที   มันช่างเป็นสถานก่อสร้างที่ Ugly หาที่สุดมิได้เช่นกัน   เฮ้อ................ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น (ความคิดส่วนตัว ไม่ขอข้องแวะกะใคร) คิดว่าหากผู้ประกอบการรายย่อยจับทิศ ตีโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวแตก ................ ขออภัยชั่วโมงเน็ตหมด.... คิดว่าความ Luxury หาได้ในเมืองก็น่าจะพอแล้ว เพราะในเมืองมันไม่มีธรรมชาติสวยงามเชิญชวน    แต่เมื่อไปธรรมชาติ ทุกคนมุ่งไปเพื่อสัมผัสธรรมชาติ ก็จงรักษาความเป็นธรรมชาติ ................... หมดเวลา จากคุณ : คนสองภาค เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 23:01:50

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยอย่างมากค่ะ ตามกระแสนิยม  สำหรับเรา คิดเสมอว่าไปเที่ยวคือได้สัมผัสทุกอย่างของสถานที่นั่น เรื่องโรงแรม ไม่ต้องหรูหรา แค่สะดวก สะอาด และปลอดภัย เพราะเวลาส่วยใหญ่จะออกไปข้างนอกอยู่แล้ว  โรงแรมมีไว้นอนเท่านั้น เลยหาโรงแรมถูกๆเสมอๆค่ะ จากคุณ : Bee1st เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 23:07:45

ความคิดเห็นที่ 20 โดนใจมากๆครับ อยากให้ give จขกท บ้าง แต่ไม่สามารถ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 23:22:00

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนเราเด็กๆ เราก้อคิดแบบ จขกท แหละ ว่าทำไมเราไปเที่ยวเราต้องไปนอนที่แพงๆ หรู ทำไมไม่นอนแบบที่เป็นธรรมชาติจริงๆ เอาบรรยากาศ นอนคืนละห้าร้อย แต่ขอให้อยู่ติดหาดนอนฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งเราก้อพอใจแล้ว แต่พอโตขึ้น หรือโลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เราแค่อยากนอนที่สบายๆ สงบๆ  ไม่ต้องไปไหน ขอนอนพักผ่อนอย่างเดียวพอ อยู่ในห้องทั้งวันก้อได้ เพราะธรรมชาติเราก้อสัมผัสมาแล้ว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนอนโรงแรมเกินสองพันเลย เสียดายเงินมาก เราว่าพวกที่ทำหรูๆ สวยๆ เค้าทำตามดีมาน ซัพพลายอะ แบบถูกก้อมี แต่เราหาไม่เจอกันเอง เลยเจอแต่ที่แพงๆ ลองไปในที่ที่ยังไม่เป็นที่นิยมซิ คุณอาจจะเจอที่พักแบบธรรมชาติ เหมือนเมื่อครั้งยังเยาว์วัย จากคุณ : Perfect Day : P-Blur เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 23:35:28

ความคิดเห็นที่ 22 จะเปลี่ยนไปแค่ไหน เราก็ยังนิยมนอนเต็นท์เหมือนเดิม จากคุณ : คนหัวฟู เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 23:39:05

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นเรื่องธรรมชาติครับ 15 ปีที่แล้วจบปริญญาตรี ทำงานสตาร์ทที่เท่าไหร่ครับ ปัจจุบันเท่าไหร่ 15 ปีที่แล้วข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ชามละเท่าไหร่ ปัจจุบันเท่าไหร่ ค่าของเงินมันลดลงไปเรื่อยๆ ตามธรรมชาติ รุ่นแม่ของเราไม่บ่นกว่านี้หรือครับ ผมว่าความหรูหรา หรือธรรมชาติ มันก็อยู่ที่คนชอบนะครับ บางคนชอบอย่าง บางคนชอบอีกอย่าง ผมว่าเราสามารถเลือกเองได้ และปัจจุบันทางเลือกก็ให้โอกาสเยอะขึ้น ตอบสนองความต้องการแต่ละคนได้เลย ดูแต่โรลออนซิครับ เดี๋ยวนี้ยังแยกเพศ อันไหน ยี่ห้อไหน ของชาย ของหญิง ชัดเจนเลย รสนิยมใครรสนิยมมัน เห็นต่างกันได้ครับ บางคนการพักผ่อนคือ การไปนั่งๆ นอนๆ สะบายๆ ในสถานที่สวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวกครบ (ภรรยาผมเป็นแบบนี้) บางคนการพักผ่อนคือ การท่องเที่ยว ผจญภัย เรียนรู้ พบเห็น สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวัน (ผมเองเป็นแบบนี้) แต่ก็อยู่ด้วยกันได้นะครับ รสนิยมต่างกัน แฟนผมขับ audi a8 รุ่นใหม่ ผมขับแค่ honda jazz รุ่นเก่า แฟนผมไปส่งลูกตอนเช้า "โอ้โหคุณหนูมีคุณแม่มาส่งตอนเช้า" ตอนเย็นผมไปรับ "อ้าว สงสัยคุณแม่ไม่ว่าง คนสวนเลยมารับแทน" 555 อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ท่องไว้ครับ จากคุณ : yahee เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 23:54:43

ความคิดเห็นที่ 24 นึกออกเลยครับ เพราะเมื่อก่อน ก็ไปแบบนั้นแหละ ที่ที่มันดัง มันก็เปลี่ยนไปตามสภาพ ตามกาลเวลา อยากได้ธรรมชาติ ก็ต้องหาที่เที่ยวใหม่ๆ ที่คนไม่ไปกันครับ บางครั้งรู้สึกโชคดี ว่าได้ไปที่นู้นที่นี่ ตั้งแต่มันยังไม่ดัง (เอาไว้โม้ได้ 555) ก็รู้สึกดีครับ พอดังแล้ว กลับไปดู มันไม่เหมือนเดิมเลยเนอะ ก็คงต้องเสาะแสวงหา ที่ใหม่ๆกันไปครับ จากคุณ : ax เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 23:57:51

ความคิดเห็นที่ 25 เสียดายที่ไม่มีโอกาสเห็นธรรมชาติที่สวยเหมือนที่พวกพี่ ๆ เคยเห็น ต้นปี 52 นี้ ไปเกาะนางยวนมากรู้สึกมันสวยมาก ๆ มีปลาสวย ๆ ปะการัง อยู่ใกล้หาดมาก ๆ เลย แต่ก็พอดูรู้ว่าปะการังเสื่อมโทรมเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อ 10 ปีก่อนนู้นสวยขนาดไหนนะ จากคุณ : Moo Jew Eed เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 01:05:06

ความคิดเห็นที่ 26 เราก็รู้สึกค่ะ ว่าสมัยนี้แนวทางการท่องเที่ยวมันเปลี่ยนไปจริง ๆ ดูจากหลาย ๆ Review ให้ห้อง Blueplanet ก็พอจะรู้ได้ ส่วนใหญ่จะมีแต่ Review ห้องพักราคาแพง ทำให้เพื่อน ๆ หลายคนที่อยากจะ Review ห้องพักราคากันเอง ไม่กล้าที่จะ Review เราก็เป็นคนชอบเที่ยว ไปแทบจะทุกเดือน ตอนไปเที่ยวสมัย 4-5 ปี ก่อน อายุยังน้อย เราก็แค่ขอให้ที่พักสบาย สะอาด ปลอดภัย ลำบากได้นิดหน่อย ไม่ต้องหรูหรา ขอให้สนุกสนาน เฮฮาไว้ก่อน พออายุมากขึ้นก็ขอที่สบายขึ้นอีกนิด สะอาดขึ้นหน่อย ปลอดภัยมาก ๆ ไม่ลำบากก็ยิ่งดี แต่ยังคงไม่ต้องหรูหรา บางครั้งเห็น Review ที่พักราคาแพงหลาย ๆ พัน จนไปถึงหลาย ๆ หมื่น เราเองก็ยังมานั่งนึกว่าจะไปบ้างดีหรือเปล่า แต่พอมา ๆ คิด ๆ ดู ค่าที่พักที่จะจ่ายสำหรับ 1 คืน สามารถเอาไปซื้อของได้หลายอย่าง บางทีซื้อ LCD TV เครื่องใหม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าจะเอาไปทานอาหารตามห้องอาหารดี ๆ ก็ได้หลายมื้อ บ้านเราเองก็มีครบใช่จะอยู่สบายน้อยกว่าห้องพักหรู ๆ สระว่ายน้ำเราก็มีว่าย ไม่ต้องอาศัยไปที่โรงแรมอยู่แล้ว แล้วเรากำลังจะไปทำอะไรที่นั่น ถ้าไม่ได้ไปหาธรรมชาติ เราก็เลยตัดใจไม่ลงซะที สุดท้ายถ้าจะไปก็พักที่พักกลาง ๆ (เต็มที่ไม่เกิน 5,000 บาท ถ้าพาผู้ใหญ่ไปด้วย ถ้าไปเองก็ไม่เกิน 3,000 บาท) และถ้าไม่ใช่ช่วงมรสุมก็จะไปแต่สถานที่เที่ยวที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่บ้าง อย่างหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะตะรุเตา เท่านั้น ไม่ไปที่อื่น รู้สึกได้เลยว่า นี่แหละ สิ่งที่ค้นหามานาน สิ่งที่ผ่านไปหลายปี แม้สถานที่เหล่านี้จะมีความเจริญเข้ามาบ้าง แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติให้สุขใจทุกครั้งที่ได้ไป สำหรับคนที่อยากจะไปเพื่อพักห้องพักหรูเพื่อความสุขกาย สบายใจ เราก็ไม่ได้เห็นแย้งอะไรนะคะ การไปเที่ยวมันเป็นความสุขจริง ๆ เมื่อก่อนข้อสอบ Essay TOEFL ยังมีหัวข้อถามเลยว่า ถ้าหากต้องใช้เงินก้อนหนึ่งไปกับการท่องเที่ยว หรือการซื้อรถ คุณจะเลือกอะไร เพราะอะไร เราก็เลือกท่องเที่ยวค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 52 01:40:28 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 52 01:39:08 จากคุณ : Love Me Tender เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 01:30:08

ความคิดเห็นที่ 27 ออกตัวก่อนว่า "หนูยังไม่แก่นะ" อิอิ (แค่ออกเที่ยวแต่เด็กเเท่านั้นเอง) เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าแตกต่างมากๆค่ะ แต่ที่ชัดๆในสายตามากที่สุด คงจะเป็นเกาะเสม็ดค่ะ เรียกได้เต็มปากเลยว่า ตอนนี้เสม็ดน้ำไม่ใสเหมือนก่อนอีกแล้ว จากคุณ : EdiBLE เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 01:38:16

ความคิดเห็นที่ 28   ผมคนนึงล่ะที่ไปทะเล แล้วไม่เล่นน้ำทะเลแน่ๆ ว่ายมันสระโรงแรมนั่นล่ะ ไม่ได้กลัวผิวเสียหรือแดดไหม้เลยครับ เรื่องสิวๆ แต่...ผมกลัวน้ำทะเลเน่าครับ เดี๋ยวนี้แข่งกันสร้างรีสอร์ทโรงแรมร้านอาหารอัดแน่นหาดจนหมด น้ำทิ้งน้ำเสีย อึฉี่ ก็ปล่อยลงทะเลอ่ะดิครับ หลายที่ก็ปล่อยเนียนเดินท่อลงไปในทะเลใต้หาดทราย แต่ความเน่าของหาดและฟองคลื่นมันฟ้องอ่ะคับ คือ ผมไปแค่หัวหินและรับรู้ว่าวันนี้มันเน่าเท่าพัทยาแล้ว เรียบร้อย สิบกว่าปีก่อน น้ำทะเลเขาตะเกียบไสปิ๊ง ทรายขาวบริสุทธิ์ ถ้าค่าพักรีสอร์ทคืนละหมื่นกับน้ำเน่าริมทะเล ผมก็ไม่อาวววเหมือนกัน จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 02:28:03 A:210.246.64.59 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นด้วยกับ จขกทครับ ...ราคาบ้าจริง ๆ จากคุณ : Birdysiam เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 02:31:19

ความคิดเห็นที่ 30   เรื่องราคาโรงแรมที่แพงเว่อร์นั่นเห็นว่าบางแห่งแพงเว่อร์ แต่ผมว่ามันก็เป็นกระแสของทั้งโลกนี้ไม่ใช่แค่เมืองไทย เราว่าของเราแพงแล้ว หรูแล้ว เกินจำเป็น แต่ไปประเทศอื่น อย่างบาหลีหรือที่ไหนก็ตามก็แพงทั้งนั้น เพราะมันมีความต้องการเค้าถึงขายแพงได้ ถ้าจะให้บอกว่าความต้องการห้องหรูมากๆ แพงๆ ผิดไหม ก็คงไม่ผิด เพราะแพงหรือไม่แพงอยู่ที่ความพอใจของคนซื้อและกำลังทรัพย์ เมื่อประเทศไทยเดินในแนวทางใช้การท่องเที่ยวนำเศรษฐกิจแบบนี้ ก็คงต้องยอมรับกับราคาการท่องเที่ยวที่แพงขึ้นด้วย แต่อย่างน้อยแนวทางนี้ก็ทำให้เงินตราต่างประเทศไหลเข้าไทยอย่างมหาศาล และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น การปรับตัวของคนไทยจึงจำเป็น หากอยากได้ธรรมชาติในราคาประหยัดก็คงต้องไปในที่ๆคนยังไม่นิยมมากนักอย่างที่คุณจขกท.กำลังเสาะแสวงหา หรือไม่ก็ไปในช่วงเวลาที่คนต่างชาติมากันน้อยอย่างที่คุณไกด์สาวสวยทำอยู่ กลับกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศชาติได้ทำมาหากิน ส่วนเรื่องที่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวสะดวกสบายมากขึ้นแล้วไม่ชอบ นี่ก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่เห็นต่าง ส่วนตัวผมเองแล้วชอบที่การท่องเที่ยวไปที่ต่างๆสะดวกสบายขึ้น คนอยากเที่ยวไม่ได้มีแต่หนุ่มสาวที่แข็งแรง คนมีอายุ คนสูงอายุก็อยากเที่ยวพักผ่อนด้วย การมีถนนที่เรียบ กว้าง และปลอดภัย การมีโรงแรมที่กว้างขวางเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เราอาจจะนึกย้อนหลังถึงวันวานแบบนอสตลาเจีย แต่อย่าลืมว่าเราเก็บสิ่งต่างๆให้เหมือนเดิมแบบที่หยุดเวลานั้นไม่ได้และไม่ควรเพราะโลกนี้ประเทศนี้ไม่ได้เป็นของเราคนเดียว คนท้องถิ่นคนในพื้นที่ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน และย่อมมีสิทธิที่จะเพิ่มความสะดวกสบายแก่ตัวเองตามสมควร ปายเป็นกรณีที่ผมเห็นต่างกับคนอื่น ผมไม่แคร์ที่ปายจะเจริญขึ้นและมีโรงแรม ร้านอาหารเพิ่มขึ้นมากมาย เพียงแต่ทำยังไงให้มันเป็นระเบียบก็เท่านั้น ทำอย่างไรให้มันกลมกลืนกับวิถีชีวิตของชาวบ้านก็เท่านั้น และผมก็ไม่แคร์ที่วิถีชีวิตชองชาวบ้านจะเปลี่ยนไป เพราะนั่่นคือธรรมชาติของโลก ผมไม่ค่อยชอบเวลาที่คนกรุงเทพไปตจว.แล้วก็บ่นว่าที่นั่นที่นี่เปลี่ยนไป เชียงใหม่เปลี่ยนไปแล้ว ปายไม่เหมือนเดิม เชียงคานกำลังจะเปลี่ยนไป ฯลฯ เพราะมันทำให้รู้สึกว่าปกติคุณก็รับประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงในกทม.อย่างเต็มที่ แต่ปีนึงจะมีสักครั้งนึงที่จะไปเที่ยวแล้วคุณก็ไปบังคับไม่ให้เมืองตจว.เจริญขึ้น อยากจะเก็บเมืองนั้นไว้เป็นชนบทๆ ธรรมชาติๆ เหมือนเดิมเพื่อให้คุณได้ไปเที่ยวปีละครั้งสองครั้ง ความเจริญไม่ใช่สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับเสน่ห์ของเมืองเสมอไป ในยุโรป ในญี่ปุ่น ก็ยังมีเสน่ห์ในเมืองเก่าๆซึ่งก็เจริญมากๆเหมือนกัน เค้าทำได้เพราะทำอย่างถูกต้อง ของเราก็ควรทำได้แต่ทำไม่ดี จากคุณ : RoppongiHills เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 03:17:15 A:124.121.176.4 X: TicketID:001902

ความคิดเห็นที่ 31 ขนาดผมจ่ายได้นะ ไอ้แพงๆ เนี่ย ยังทำใจจ่ายไม่ค่อยจะลงเลย เพราะมันแค่คืนเดียวเอง แป๊ปๆ ก็ออกแล้ว จากคุณ : ihoo_ihoo เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 04:49:28

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาเห็นด้วยคับบ...... อย่างหัวหินเมื่อ6-7ปีก่อน.... 7-11มีนับสาขาได้เลยนะ.... สตาร์บัค ร้านบู๊ท วัทสัน วิลล่ามาร์เก็ต วิลเลจ โลตัส ก็ไม่มี .... รีสอร์ทก็ไม่เยอะ และแพงขนาดนี้....แต่ก่อนแค่ โซฟิเทล ฮิลตัน กบาลทมอ หรือคาซาร์ เดอ มาเร ก็หรูมากๆแล้ว เดี่ยวนี้เหรอ?.......รีสอร์ท/โรงแรมเปิดกับยังกะเห็ด แถมราคา.....ก็ไม่เป็นมิตรเลย.... จากคุณ : Hottest เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 05:15:50

ความคิดเห็นที่ 33   เห็นด้วยค่ะ จำได้ว่าสมัยสิบกว่าปีก่อนไปเที่ยวหัวหิน รุ้สึกว่านั่งรถไกลมาก แถมไม่เจริญเหมือนแถวพัทยาหรือบางแสนที่พ่อกับแม่เคยพาไป แต่ทุกวันนี้หัวหิน จะเป็นSt.Tropez เขียนถูกไม่รู้ไปแล้ว มีทุกอย่างฝรั่งเพียบที่พักก็หรู เกินไปมั้ยคะ ยอมรับว่าทำงานโรงแรมได้เจอห้องหรูๆมาเยอะ แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว เจอห้องสวยๆ ตกแต่งดีๆ ก็จมมันอยู่แต่ในห้อง จนลืมจุดประสงค์ในการมาเที่ยวไปเลยว่าเฮ้ย ฉันอยากเล่นน้ำทะเล ชั้นอยากเล่นบอลชายหาด เหมือนอยากอยู่ในห้องให้คุ้มที่สุด ขนาดเราได้เรทที่แสนถูกเรายังคิดว่านี่ลดแล้วเหรอ แล้วคนที่เค้าต้องจ่ายราคาเต็มนี่เงินเดือนเท่าไหร่กันหว่า เคยเปรียบเทียบระหว่างไปเที่ยวภูเก็ต กับ ไปฮ่องกง เสียเงินเท่ากันค่ะ แต่ไปฮ่องกงได้ของกลับมาเพียบ ตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกง สายการบินอื่น แต่ถูกและดี กว่าสายกินบินแห่งชาติที่ลงแค่ภูเก็ตอีกค่ะ แล้วจะรณรงค์ไทยเที่ยวไทยทำไมเนี่ย จากคุณ : เข็นครกลงภูเขา เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 10:25:42

ความคิดเห็นที่ 34 ก็แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคน มุมมองของแต่ละคนครับ สำหรับโดนส่วนตัว ดูคนรอบข้างที่ไปกับเราในทริปนั้นครับ กับเพื่อน ก็รูปแบบนึง กับพ่อแม่พี่น้อง ก็อีกรูปแบบนึง กับคนรู้ใจ ก็อีกรูปแบบนึง แต่ทุกๆ ทริป จะเน้นความปลอดภัย ความสบายใจ เป็นหลัก เรื่องราคาต้องทำใจครับ สำหรับ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง และยิ่งช่วงไฮซีซั้น ถ้าไม่อยากเจอราคาสูง ก็เลี่ยงไปเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น แทนสิครับ หรือไปช่วงวันธรรมดา หรือไม่ก็คอยเช็คกับทางโรงแรมว่ามีโปรอะไรบ้าง เกิดมาชีวิตนึง เที่ยวให้คุ้ม ไปเที่ยวให้สนุกและสบาย ครับ ตายไป เงินนะเอาไปด้วยไม่ได้นะครับ จากคุณ : แกร๊กกูล่า เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 10:32:29

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนนี้รู้สึกแบบนี้กับ ปาย มาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : นางมารร้ายนั่งดีดพิณบนเนินเขา เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 10:46:07

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ ดีนะ ยังเคยไปอ่าวอิ่ว+อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ตั้งแต่10ปีก่อน เพราะ ณ วันนี้ คงไม่มีโอกาสได้ไปเหยียบ เพราะแพงเกิ๊น =_=" ส่วนเกาะช้างนี่ ครั้งแรกที่ไปเมื่อ 10 ปีก่อน กับ ณ วันนี้ที่ได้ไป ต้องเรียกว่า amazing มากๆ เพราะมันเปลี่ยนไปมากกกกก.ก..ก..กกก.. ยังนึกไม่ออกเลยนะ ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า เราๆ จะหาคำว่าธรรมชาติ ได้จากที่ไหนในเมืองไทยได้อีก? ... จากคุณ : Spirited A's way เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 11:11:48

ความคิดเห็นที่ 37 โลกนี้มีความเปลี่ยนแปลงละค่ะ  มันเป็นกฎของธรรมชาติ ที่เดียวกันที่เราเคยไป เอาแค่ 3 ปี ผ่านไปมันยังไม่เหมือนเดิมแล้วเลย อย่างปาย... เคยไปเมื่อ 10 ปีก่อน 7-11 ยังบุกไปไม่ถึงเมืองนี้ ตู้เอทีเอ็มมีของกรุงไทยที่เดียวทั้งเมือง ถนนหนทางยังแอบดิบๆ อยู่ ถึงตอนนี้มันต่างกันลิบลับ  ทุกอย่างมันเป็นเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จริงๆ ส่วนเรื่องราคา   ทำธุรกิจ เรื่อง demand-supply และการทำตลาดของแต่ละผุ้ประกอบการ  มันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ออก   ถือเสียว่า มันก็เป็นงานของเค้า... เค้าก็ทำเพื่อให้เค้าอยู่รอด สิ่งเดียวที่เราทำได้จริงๆ ก็คือ ใช้กลไกตลาดนั่นแหละให้เป็นประโยชน์ เพราะไม่ว่าผู้ประกอบการจะกำหนดราคามหาโหดขนาดไหน ท้ายที่สุดกลไกราคาจะทำหน้าที่ของมัน เค้าขายแพง แต่เรากัดฟันซื้อ สิ่งที่จะเกิดก็คือ เราก็ต้องทนซื้อของแพงไปเรื่อย แต่ถ้าหันมามองอีกมุม ที่พักดีๆ มีอยู่ถมเถ แค่เจ้าของเค้าอาจจะไม่มีตังค์มาออกบูธ เราจะต้องมาจ่ายแพงทำไม แค่มีเวลาทำการบ้านเพิ่มหน่อย ไม่ต้องใช้แบบ one stop shopping แบบนี้ ก็ยังมีทางให้เลือกอีกตั้งเยอะ นี่พูดในมุมของคนที่ยังเชื่อในอำนาจของผู้บริโภคนะคะ ยังไงซะ ทางที่ดี ตั้งเป้าไว้ว่าไปเที่ยวแต่ละคราวจะเอาอะไร เดี๋ยวเราก็หาทางตอบโจทย์นั้นได้เองค่ะ เพราะโจทย์ของแต่ละคน และบางทีโจทย์ของแต่ละคราวที่เราอยากก้าวออกไปท่องเที่ยวมันอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ลงท้าย... ดิฉันว่า สิ่งที่เราอยากได้มันไม่ต่างกันเท่าไหร่ คือ เราหวังความสุขใจ... คิดให้สุข...เราก็สุข ก็เราเลือกเองได้นี่คะ จากคุณ : ช่างเที่ยว (Kp_Spin) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 12:12:22

ความคิดเห็นที่ 38 เจ้าของกระทู้พูดได้โดนใจมากค่ะ เห็นด้วยทุกประการ เราเป็นอีกคนนึงที่รู้สึกว่า แพคเกจท่องเที่ยวไทยเวลานี้เป็นเรื่องของธุรกิจเกือบ100% คือเม็ดเงิน ผลกำไรของโรงแรมหรูๆที่จะได้มากกว่า ไม่รู้ว่ามีใครคิด(มาก)เหมือนเรารึเปล่านะคะว่า เวลาดูโรงแรมรีสอร์ตหรูๆแล้วอยากรู้ว่าเป็นของคนไทยหรือต่างชาติที่มาลงทุนสร้างไว้? เรากำลังจะเอาเงินไปให้ใครกัน? คือเรารู้สึกว่าเงินมันหมุนเวียนอยู่แค่ในกลุ่มผู้ประกอบการใหญ่ๆมากกว่าที่จะลงมาหมุนอยู่ในมือของคนที่เป็นเจ้าของชุมชนนั้นอย่างแท้จริง อีกอย่างนึง การมาออกบูธก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ เพราะฉะนั้นเค้าเอาคืนจากเราเยอะแน่ ถึงได้เจอเรื่องหมกเม็ดกันบ่อยๆไงคะ ทำให้ช่วงหลังเราแทบไม่ได้ไปเดินดูงานท่องเที่ยวเลย รู้สึกถึงความเป็นธุรกิจมากไปเลยเบื่อๆค่ะ..ที่พูดแบบนี้ก็ไม่ใช่จะว่าแย่ไปทั้งหมดหรอกนะคะ ที่ดีๆราคาสมเหตุสมผลก็มีไม่นอย ที่ให้ความรู้สึกว่าไปแล้วเราได้สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวนั้นแบบที่เป็นตัวตนของที่นั้นๆ ตอนนี้เราอยากเที่ยวแบบพักโรงแรมดีๆที่มีอยู่แล้ว ถ้าคนท้องถิ่นเป็นเจ้าของก็ยิ่งดีเลย(ลงลึกไปถึงประวัติโรงแรมกันเลยละค่ะ) อยากไปเที่ยวไหนก็นั่งรถรับจ้างของของชุมชนนั้นๆเข้าไป เที่ยวให้พอใจแล้วก็ออกมา  ถ้าจะไปพักรีสอร์ตในนั้นก็ขอดูหน่อยว่า ตั้งอยู่ใกล้ธรรมชาติเกินไปจนเป็นการ รบกวนเค้ามั๊ย ธรรมชาติเองเค้าก็ต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกันนะคะ เราไม่ปฏิเสธว่าก็ชอบที่พักติดหรูพอสมควร แต่เราไม่ขอเลือกรีสอร์ตที่ทำลายระบบนิเวศคือรุกล้ำเข้าไปสร้างในที่ๆเคยสวยงามตามธรรมชาติ ทุกอย่างควรพอเพียงตามที่ควรจะเป็นน่าจะดีที่สุดค่ะ จากคุณ : แม่หญิงพิมาลา เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 13:24:18

ความคิดเห็นที่ 39   ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนไปตามกระแสโลก กระแสทุนนิยม กระแสโลกาภิวัฒณ์ อยู่ที่เราจะรับการเปลี่ยนแปลงนั้นได้หรือเปล่า ปี 37 ค่าแรงเริ่มต้นที่เดือนละ 4500 บาท ข้าวจานละ 12 บาท ปีนี้ เริ่มที่ 9000 ข้าวจานละ 40 ต่ำกว่านั้นจ้างแรงงานต่างด้าว อะไรๆ อะไรมันก็เปลี่ยน ปล่อยมันไปเถอะ อย่าไปฝืน สัตว์โลกย่อมเปลี่ยนไปตามกาล ชายหาดสมัยก่อน อุ๊ย ไปนอนได้สบาย ๆ ประเทศยากจน คนไร้งาน เดี๋ยวนี้มีรีสอร์ทเข้ามา พนักงาน 50 คน แรงงานก็ขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ ไม่ต้องอดอยากเหมือนเมือ่ก่อน แรงงานนั้นก็เอาเงินไปเที่ยว ไปใช้หมุนกลับมาในระบบ 7-11 ที่ปาย พูดกันจัง จะไม่ยอมให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากบ้างหรือไร ลูกหลานจบมาให้เข้าหางานทำที่กรุงเทพอย่างเดียวหรือไร มองกว้างๆ เข้าไว้ การพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุดสักแต่ว่า จะพัฒนาไปในทางไหนแค่นั้นเอง ค่าห้องแพง ก็นอนกางเต็น เกสเฮาท์ เยอะแยะไป ความชอบ ความมี แตกต่างกัน ก็เลือกต่างกัน ไม่เห็นจะมีอะไรให้ต้องเครียด ชีวิตเรา เราเลือกได้ จากคุณ : ผ่านๆ มาอ่าน เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 15:13:26 A:117.47.206.192 X: TicketID:180727

ความคิดเห็นที่ 40   ไม่ใช่ว่า ไม่ควรปรับปรุงสถานที่นะคะ แต่ขอเน้นบางประเด็น เช่น *** การท่องเที่ยวไทย มันถูกบิดเบือนจาก "การสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามของไทย" กลายเป็น "การเที่ยวรีสอร์ท ที่มี Facility การก่อสร้างการตกแต่งที่งดงามเกินความจำเป็น" และ Facility ที่เกินจำเป็น..มันทำให้แพงเกินจำเป็นค่ะ (โดยไม่เจอธรรมชาติที่อยากจะไปดู)**** *** ค่าท่องเที่ยวไทยตอนนี้...เริ่มแพงเกินคนไทยส่วนใหญ่ เต็มใจจะไปเที่ยวแล้ว *** *** ธรรมชาติที่สวยงาม ถูกทำลายทิ้งไปหมดแล้ว เหลือแต่ซากปรักหักพัง *** *** พื้นที่สวยๆ เช่น ทะเลน้ำใสๆ ทรายสวยๆ กลับถูกจับจองโดยรีสอร์ทไฮเอนด์ ที่คนไทยน้อยคนจะได้ไปดื่มด่ำจริงๆ **** *** ตอนนี้เราพยายามหาทะเลที่ยังธรรมชาติอยู่ แม้จ่ายแพงกว่าก้อยอมค่ะ...เพื่อให้ลูกชายได้รู้จัก ก่อนที่มันจะสูญพันธุ์ ซึ่งต้องทำการบ้านอย่างหนัก...กว่าจะหาเจอสักที่นึง ..ข้อมูลมันน้อยเหลือเกิน แต่ข้อมูลของรีสอร์ทที่มีจากุชชี่ สระในวิลล่า เรนชาวเวอร์ ไอพ๊อต มันเยอะกว่ามาก **************************************************** สมัยเด็กๆ เราไปทะเลที่ไหน ไม่ว่า พัทยา บางแสน หัวหิน จะมีปูลมเต็มหาดไปหมด ตอนนี้ทุกคนรุกล้ำชายหาด ...เหลือหาดแค่ 4 เมตร แต่เต็มไปด้วยเตียงผ้าใบ ร้านค้า ขยะ เจ็ตโบ๊ต ห่วงยาง.... .......... ปูลมไร้ที่อยู่แล้ว............. สมัยก่อน...ไปทะเล จะเจอ "อีแปะทะเล/เหรียญทะเล" (เป็นตระกูลเดียวกับ ปลาดาว ลักษณะกลมๆ เป็นแผ่นขาวๆเหมือนเหรียญ ขนาด 2-5นิ้ว มีลายดาวตรงกลาง....มีหลายสีหลายลาย).... ตอนนี้คงกลายเป็น "ตำนาน" ที่พบเห็นในสารานุกรม / Google อีกสิบปี...ปูลม ก้อคงเป็นตำนาน...ที่พ่อเล่าให้ลูกฟัง (เทียบกับยูนิคอร์น สัตว์ในตำนาน อิอิ) ใช่ค่ะ ใครใคร่เที่ยวแบบไหน..เที่ยว ใครใคร่ค้าช้างค้า ใครใคร่ค้าม้าค้า เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว (ปล. วันนี้วันเกิดอายุ 36 ปี...อดระลึกเสียดายอดีต..เฮ้อ) จากคุณ : จขกท. เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 18:26:11 A:124.121.228.223 X: TicketID:229555

ความคิดเห็นที่ 41 เข้ามาสุขสันต์วันเกิด จขกท ครับ ^.^ ผมว่าต้นเหตุเกิดจาก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เมื่อคนต้องการให้มันเป็นอุตสาหกรรม มันก็คือต้องการขายให้ได้มากๆ แต่อุตสาหกรรมมักมาพร้อมการทำลายธรรมชาติเสมอ นิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่หลายที่ ตั้งอยู่บนผืนดินที่เดิมเป็นนาข้าว บางแห่งตั้งอยู่ติดทะเล อุตสาหรรมกลืนกินธรรมชาติทุกที่ๆมันไป ผมเคยมองเห็นนักท่องเที่ยวเป็นเหมือนฝูงตั้กแตนปาทังก้า ทุกที่ๆฝูงปาทังก้าแห่กันไป พืชพันธุ์แหลกสลาย จากนั้นก็จะแห่กันไปรุมทิ้งที่อื่นอีกเรื่อยไป ไม่มีวันหยุด เกาะช้างก่อนนั้นเป็นกระต๊อบริมทะเล ยามที่เรือตังเกล่องไป เราเคยหย่อมบ้านพักตามแต่ละหาด เดี๋ยวนี้คนขับรถขึ้นไป แทบมองไม่เห็นทะเล กำแพงคอนกรีทโรงแรม แผงของบ้านพักติดแอร์เย็นฉ่ำ กำแพงผีทะเล สูงเหมือนกำแพงคุกกักขังสายตาคนไม่ให้มองเห็นผืนทะเล ชายหาดที่เคยทอดตัวยาวสุดตา ใครอยากจะเดินไปก็ได้ตราบที่ขามีแรง ถูกขีดกั้นเป็นเขต"เฉพาะลูกค้า" ภูกระดึงป่าสูงบนหลังแป เป็นที่ๆเด็กทุกคนในวัยนักศึกษากล่าวขวัญถึง ไปภูกระดึงพิสูจน์รัก บางคนอกหักเพราะปีนภู แต่เพื่อนผมได้แฟนลงมาจากภูคนนึง ตอนนี้บนลานสน มีเต๊นท์ถาวรกางอยู่เป็นแถวยาว มองดูอย่างกับโรงแรมม่านรูด มีคนหัวใสอยากเอากระเช้าขึ้นภู เผื่อว่าคนจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักมากขึ้น แต่ภูกระดึงไม่ใช่ที่ๆต้องการคนมากกว่านี้ คนขึ้นภูมากเสียจนภูรับไม่ไหวแล้วต่างหาก แต่คนคิดโครงการยังพอมีสติ ไม่เสนอให้สร้างถนนขึ้นภู ตั้กแตนบินไกลไปถึงหลวงพระบาง ก่อนนี้หลวงพระบางเงียบสงบ คนไปแทบจะสัมผัสถึงนิพพานได้เลย วัดวาอารามมากมายแบบกำแพงวัดติดกัน พระ-เณรเดินเป็นแถวยาวเหยียดทุกเช้า ให้สาธุชนได้ใส่บาตรข้าวเหนียว เดี๋ยวนี้ร้านขายเบียร์ สุรา เปิดเพลงเคลิ้มๆฟังแล้วอยากเมา ผุดโผล่ขึ้นมากมายหลายแห่ง หลวงพระบางที่เคยนอนหัวค่ำ ตอนนี้แทบไม่อยากจะหลับใหล ความโชคดีที่สุดของหลวงพระบางคือเป็นมรดกโลก คนไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเพราะยันต์กันผีแผ่นนั้น ตั๊กแตนเริ่มบินไปถึงเชียงคานแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ผมคิดว่าผมมองผิด ตั๊กแตนอาจไม่ได้ทำลายแหล่งท่องเที่ยวดอก คนที่ไปสร้างสิ่งต่างๆรองรับ และหวังโกยเงินให้ได้มากๆเหล่านั้นต่างหาก ที่เป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย ทั้งหมดล้วนเป็นความเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงไปเพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้ได้มากๆ ทำอย่างไรก็ได้ เพื่อขายทุกสิ่งที่มีในวันนี้ วันข้างหน้าคงสุดแท้แต่บุญกรรม ผมขอไว้อาลัยให้กับคนที่คิดคำว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แหม..มันน่าหมั่นไส้! สุขสันต์วันเกิด จขกท อีกทีครับ ^.^ จากคุณ : PedDg เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 21:42:51

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ด้วยคนค่า จากคุณ : pinkyjung เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 22:00:52

ความคิดเห็นที่ 43 หน่วยงานภาครัฐพยายามส่งเสริมให้คนไทยเดินท่องเที่ยวในประเทศให้มากกว่าการเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศในปัจจุบันนี้  สูงไล่เลี่ยกับการเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง นอกจากนี้  ในบางสถานที่ท่องเที่ยว  ผู้ประกอบการบางราย ยังแสดงออกค่อนข้างชัดเจนว่า อยากจะต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ มากกว่านักท่องเที่ยวชาวไทยเสียอีก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว  หากมีโอกาสเลือกระหว่างท่องเที่ยวในประเทศ กับท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยมีอัตราค่าใช้จ่ายที่ใกล้เคียงกันมากแล้ว  จะมีสักกี่คน  ที่จะเลือกท่องเที่ยวในประเทศ จากคุณ : jackal_pj เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 02:12:17

ความคิดเห็นที่ 44 วันก่อนเปิดไปเจอรายการนึง คุยกับฝรั่งที่เป็นคนเขียน Lonely Planet Thailand พิธีกรถามคำถามนึงว่า มาประเทศไทยผิดหวังกับอะไรมากที่สุด เค้าตอบว่า... "ผิดหวังที่เจริญเกินไป" ขนาดฝรั่งยังรู้สึกเลย ว่าแล้วก็อิจฉาคนที่มีโอกาสเที่ยวสมัยก่อนมากๆค่ะ เราเกิดไม่ทัน ครั้งแรกที่ไปเสม็ดมันก็เป็นแบบนี้แล้ว T_T จากคุณ : ranmachan เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 18:06:38

ความคิดเห็นที่ 45   ท่องเที่ยวเชียงคานhttp://www.chiangkhan.com/group/localtalk/forum/topics/2066709:Topic:88913 ข้อมูลท่องเที่ยวเชียงคาน http://www.chiangkhan.com จากคุณ : qaza เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 09:18:45

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นด้วยอย่างมากมายค่ะ เดี๋ยวนี้จ่ายเงินจองห้องพักไม่ต่ำกว่าคืนละสองพัน ไปเล่าให้แม่ฟังแล้วแม่ตกใจทุกที จากคุณ : ชลันธ์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 11:32:08

ความคิดเห็นที่ 47 จริงค่ะ ตอนนี้เลิกความคิดที่จะพักแบบหรูๆ แล้ว (ยกเว้นมีคนจ่ายให้) หันกลับไปนอนเต๊นท์ บ้านพักอุทยานบ้าง เน้นแบบขอธรรมชาติสวยไว้ก่อน แล้วยิ่งตอนนี้มีลูกแล้ว ยิ่งอยากให้ลูกติดดินมากๆค่ะ ไม่ใช่พักแบบไฮโซตลอด ที่พักอยากให้สวยขนาดไหนเราสร้างได้ แต่ธรรมชาติต่อให้มีเงินหมื่นล้านก็สร้างให้สวยอย่างที่ตัวมันเองสร้างไม่ได้ จากคุณ : เด็กวิศวะเหมือนกัน (สวยตั้งแต่เกิด) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 12:39:17

ความคิดเห็นที่ 48 แค่เพียงคุณลองถอดแว่นสายตากุชชีแล้วเมียงมองให้เลยถัดจากโรงแรมที่คุณพูดถึงว่าคืนละเป็นหมื่นออกไปอีกไม่กี่บล็อค คุณก็อาจจะยังเห็นที่พักราคาหลักร้อยถึงพันต้นๆซึ่งก็ยังแข่งกันเอาเป็นเอาตายตรึงราคาแบบนี้กันมาเป็นสิบปี ก็ยังมีอยู่ดาษดื่นนะครับ อิอิ จากคุณ : i_saw_u_standing_alone เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 18:04:04

ความคิดเห็นที่ 49 สมัยนั้น น้ำมันราคา  15 บาทมั้ง......เกิดไม่ทัน จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 19:20:13

ความคิดเห็นที่ 50   เงิน เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ห่างไกลจากธรรมชาติ จากคุณ : หนุ่มค้างปี เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 19:49:45