 |
ความคิดเห็นที่ 22 |
และเมื่อวาน (วันจันทร์ตอนเย็น) ทางสมาคมอนุรักษ์นกฯ ได้จัดแถลงกับผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนกแสก จนได้เนื้อที่ข่าวมาพอสมควรอย่างที่คุณแม่ซากานะบอกค่ะ เช่น รายการข่าว 3 มิติ, ข่าวข้นคนข่าว, เรื่องเล่าเช้านี้, และน่าจะเป็นรายการ "ตาสว่าง" ด้วย .. ยังไม่รวมสื่อวิทยุที่มีสัมภาษณ์นักดูนกและนักวิชาการ และมีการแก้ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับแล้วด้วยค่ะ
ขอก็อปข้อความจาก Press release ที่สมาคมนกฯ จัดทำมาให้อ่านนะคะ ...
14 กันยายน 2552
แถลงข้อเท็จจริงเรื่องนกแสก (สำหรับสื่อมวลชน)
เนื่องจากในวันที่ 14 กันยายน 2552 ได้มีสื่อหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวเกี่ยวกับนกแสกที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยา พร้อมกับรายงานความเห็นของชาวบ้านบางคนในละแวกนั้นซึ่งมองว่านกแสกมีความเกี่ยวข้องกับความตายแบบปัจจุบันทันด่วนของมนุษย์
สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทยมีความกังวลเรื่องการเสนอข่าวลักษณะดังกล่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากนกแสกเป็นนกที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ อีกทั้งยังเป็นนกที่ทำประโยชน์ให้แก่มนุษย์มาตลอด แต่เนื่องจากมนุษย์ไม่ทราบถึงประโยชน์ที่พวกมันทำ ประกอบกับความเชื่อโดยปราศจากข้อมูลที่ถูกต้อง นกแสกจึงมักจะถูกมนุษย์คุกคาม จนจำนวนประชากรนกแสกในหลายพื้นที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลร้ายทั้งต่อตัวนกแสกเอง และต่อระบบนิเวศที่พวกมันอาศัยอยู่
ทางสมาคมฯจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนกแสก เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้:
นกแสกเป็นนกกลางคืนที่ใกล้ชิดกับนกฮูกและนกเค้าแมว มีขนาดใหญ่ปานกลางคือยาวประมาณ 34-36 เซนติเมตร ใบหน้าเป็นรูปหัวใจสีขาวตัดกับลูกตากลม ๆ สีน้ำตาล ซึ่งหลายคนที่ได้เห็นชัด ๆ ในตอนกลางวันก็ให้ความเห็นว่านกแสกเป็นนกที่หน้าตาน่ารัก ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด (อนึ่ง ข้อมูลในข่าวที่ระบุว่านกแสกตาแดงนั้น เป็นเพราะแสงที่ไปกระทบกับจอตาของนกแสกและสะท้อนออกมา การถ่ายภาพนกกลางคืนด้วยแสงแฟลชหรือไฟฉายตรง ๆ จะทำให้เห็นตานกเป็นสีแดงเสมอ)
ปีกและขนของนกแสกมีลักษณะพิเศษทำให้มันสามารถบินได้อย่างเงียบเชียบ แต่บางครั้งมันจะส่งเสียงร้องแหลม ๆ แหบ ๆ ซึ่งอาจฟังดูน่ากลัวสำหรับคนที่ไม่รู้จักวิถีชีวิตของนกชนิดนี้ อาหารหลักของนกแสกคือสัตว์ฟันแทะขนาดเล็กจำพวกหนู นกแสกเป็นนักล่าหนูที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นบทบาทสำคัญของนกแสกในระบบนิเวศก็คือการช่วยควบคุมประชากรของหนู ซึ่งเป็นการทำประโยชน์ให้มนุษย์เราอย่างมาก ทั้งในแง่การลดความสูญเสียของพืชผลทางการเกษตรที่ถูกหนูทำลาย และการลดจำนวนพาหะนำโรค ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ได้มีการทดลองนำนกแสกไปใช้ในการกำจัดศัตรูพืชตามแนวทางแบบชีวภาพ โดยไม่ต้องใช้สารเคมีจำพวกยาเบื่อหนู ผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจ โดยที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพร ได้มีการทดลองใช้นกแสกในสวนปาล์มน้ำมันพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ และนกแสกประมาณ 700 ตัวสามารถกำจัดหนูได้ปีละ 245,000-490,00 ตัว ลดความเสียหายที่เกิดแก่ทะลายปาล์มได้อย่างน่าพอใจ
ไม่มีรายงานทางวิทยาศาสตร์ หรือรายงานที่น่าเชื่อถือใด ๆ ที่ยืนยันความเกี่ยวข้องระหว่างนกแสกกับความตายแบบปัจจุบันทันด่วนของมนุษย์ และการที่ผู้คนด่วนสรุปไปว่านกแสกคือสาเหตุของการตาย ย่อมมีแนวโน้มที่จะทำให้คนมองข้ามสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้ไม่มีการแก้ไขหรือป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต รวมทั้งทำให้แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ประชากรของนกแสกในหลายพื้นที่ของประเทศไทยกำลังลดลงอย่างน่าเป็นห่วง ทั้งจากสาเหตุโดยตรงคือการล่าและการทำร้าย เพราะความเชื่อที่ว่าพวกมันเป็นตัวนำโชคร้าย และสาเหตุโดยอ้อม เช่นการตัดต้นไม้ใหญ่ ตลอดจนการใช้ยาเบื่อหนู (นกแสกที่กินหนูซึ่งโดนยาเบื่อก็จะเสียชีวิตไปด้วย)
นกแสกเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า การล่า ซึ่งหมายถึงการเก็บ ดัก จับ ยิง ฆ่า หรือทำอันตราย มีความผิดตามกฎหมาย โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านสื่อมวลชนจะช่วยให้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนผู้รับสื่อ และสมาคมฯแน่ใจว่าข้อเท็จจริงที่ถูกต้องนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อประชาชนเอง และต่อระบบนิเวศซึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงอยู่แล้วในปัจจุบัน
ด้วยความเคารพอย่างสูง สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย 173/9 ซอยพหลโยธิน 44 แยก 1 ถ.พหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 02-691-4816, 02-691-5976, 081-353-9654 แฟกซ์ 02-691-4493
จากคุณ |
:
โป่งวิด
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ก.ย. 52 16:48:03
|
|
|
|
 |