Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
<<< +++ ปิ๊ดจะลิวคืนรัง กรงไม่ใช่บ้าน +++ >>>  

ปิ๊ดจะลิวคืนรัง กรงไม่ใช่บ้าน

ข่าวสดรายวัน วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

คอลัมน์ สดจากเยาวชน

ภัทรภร ยอดนครจง

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNVEU0TURrMU1nPT0=&sectionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBd09TMHdPUzB4T0E9PQ==


ครั้งหนึ่งนกปรอดหัวโขน หรือนกปิ๊ดจะลิวเมืองเชียงใหม่เคยส่งเสียงร้อง "วิด วิด ปิ๊ดจะลิ่ว" ขับขานบทเพลงอิสระ โผบินอย่างเสรี

คน เชียงใหม่เห็นนกปิ๊ดจะลิวจนชินตา แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับนกตัวน้อย ปิ๊ดจะลิวไปไหน นกน้อยหรือจะกลายเป็นสินค้ามีชีวิตถูกเรียกขานในนามนกกรงหัวจุกไปเสียหมด แล้ว

ข่าวประกวด "นกกรงหัวจุก" ครั้งยิ่งใหญ่ในเชียงใหม่เมื่อปี 2542 คุณหมอหม่อง น.พ. รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ และเพื่อนพ้องสมาชิกชมรม เป็นแกนนำต่อต้านการประกวดครั้งนี้ เพราะเป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากนกปิ๊ดจะลิวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดครอบครอง

น่า ยินดีที่การต่อสู้ครั้งนั้นได้รับการยอมรับ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แจ้งยกเลิกการประกวดนกปิ๊ดจะลิวในงานล้านนา พฤกษาชาติ ทำให้สามารถช่วยกันทำงานอนุรักษ์นกให้คงอยู่ต่อไปได้

หลัง จากนั้นการอนุรักษ์นกปิ๊ดจะลิวอย่างจริงจังก็เริ่มต้นขึ้น ชมรมริเริ่มสำรวจประชากร นกปิ๊ดจะลิว (และนกอื่นๆ) ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อนำข้อมูลมาบ่งบอกสถานภาพของนกในตัวเมืองเชียงใหม่ และจัดขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ชมรมจัดโครงการสำรวจนกปิ๊ดจะลิวภายในคูเมืองเชียงใหม่ขึ้นอีกครั้ง แบ่งเส้นทางการสำรวจออกเป็น 5 เส้นทางภายในเขตคูเมือง หรือใจกลางเมืองเชียงใหม่ กระจายกันไปตามวัดต่างๆ คือ กลุ่มวัดพันอ้น กลุ่มวัดเจดีย์หลวง กลุ่มวัดพระสิงห์ กลุ่มวัดเชียงมั่น กลุ่มอนุสาวรีย์สามกษัตริย์



แต่ ละเส้นทางมีเด็กๆ มาร่วมเดินสำรวจหลายคน บางคนมากับโรงเรียน บางคนมากับครอบ ครัว อย่างน้องเอิงเอย ด.ญ.บุญญากร ไชยองค์การ ก็มาร่วมสำรวจนกกับครอบครัว

น้องเอิงเอยเข้าร่วมในเส้นทางวัดพัน อ้นกับคุณหมอหม่องและเพื่อนๆ น้องเอิงเอยเล่าว่า "เรามานับนกปิ๊ดจะลิวในเมือง เราจะได้รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติ จะได้รู้ว่าปิ๊ดจะลิวในเมืองเชียงใหม่ลดลงแค่ไหน ถ้านับได้มากก็แสดงว่าสิ่งแวดล้อมยังอุดมสมบูรณ์"

นกปรอดหัวโขน หรือนกปิ๊ดจะลิวที่คนเชียงใหม่มักเรียกขานตามเสียงร้อง มีถิ่นที่อยู่อาศัยในแถบเอเชีย ในกลุ่มประเทศที่มีสภาพภูมิประเทศร้อนชื้น เช่น จีน อินเดีย สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา และไทย ลักษณะเด่นของนกปิ๊ดจะลิวจะมีแก้มสีแดง ขนส่วนหัวจะรวมกันเป็นหน่อตั้งอยู่บนหัวสูงขึ้นไปเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น แต่นกปิ๊ดจะลิวก็มีฝาแฝดที่คล้ายกันอย่างมากนั่นคือ นกปรอดหัวสีเขม่า

เอิง เอยอธิบายวิธีสังเกตว่า "ลักษณะเด่นของนกปิ๊ดจะลิวใต้ตาจะมีสีแดง หงอนตั้ง ก้นสีแดง ถ้าแก้มไม่แดงก้นไม่แดง แสดงว่ายังเป็นนกปิ๊ดจะลิววัยเด็ก ถ้าก้นเป็นสีแดงอ่อนๆ แสดงว่าเป็นนกวัยรุ่น ถ้าโตเต็มที่เป็นวัยผู้ใหญ่ก้นจะมีสีแดงเข้ม ส่วนนกที่เหมือนนกปิ๊ดจะลิว บางครั้งอาจสับสนมีชื่อว่านกปรอดหัวสีเขม่า นกปรอดหัวสีเขม่าเป็นนกป่าเสื่อมโทรม มันจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ก้นมันจะสีซีดกว่านกปิ๊ดจะลิว หัวไม่ตั้ง จะพบได้ในเมือง ถ้ามีนกปรอดหัวสีเขม่าเยอะ แสดงว่าสภาพแวดล้อมในเมืองไม่ดี นกอื่นๆ หายไป แต่นกปรอดหัวสีเขม่าก็ยังอยู่ได้"



เส้น ทางสำรวจนกกลุ่มวัดพันอ้นเป็นเส้นทางร่มรื่น มีลูกโพธิ์กำลังสุก ภายในวัดจัดสภาพแวดล้อมให้ร่มรื่นชวนนกให้มาอยู่ เด็กๆ และคุณหมอหม่องปักหลักกันเงียบๆ ใต้ต้นโพธิ์ ไม่นานพระเอกของเรื่องก็ปรากฏตัว สร้างความตื่นเต้นให้กับนักดูนกตัวเล็กทั้งหลาย

ในสมุดบันทึกเล่ม เล็กของเอิงเอย และเพื่อนๆ มีรูปนกปิ๊ดจะลิวในอากัปกิริยาที่น่ารักตามที่ได้พบเห็น นอกจากนกปิ๊ดจะลิวจะปรากฏตัวที่วัดพันอ้นแล้ว ตลอดเส้นทางสำรวจนกเด็กๆ ยังพบนกอีกหลายชนิด

รายชื่อและจำนวนของคณะนักสำรวจแต่ละสายที่พบนก แต่ละชนิด ได้รับการรวบรวมและประเมินสถานการณ์สิ่งแวดล้อม และสถานการณ์การมีอยู่ของนกปิ๊ดจะลิวในเมืองเชียงใหม่

พบนกปิ๊ดจะลิว 140 ตัว และนกอื่นๆ 5 อันดับ เช่น นกพิราบ 508 ตัว นกกระจอก 296 ตัว นกแอ่นบ้าน 88 ตัว นกเขาใหญ่ 81 ตัว

2 ชั่วโมงของการสำรวจ ถือว่าได้เจอนกปิ๊ดจะลิวไม่น้อย บ่งบอกได้ว่าสภาพแวดล้อมของเมืองเชียงใหม่ยังดีอยู่ เพราะนกปิ๊ดจะลิวเป็นนกที่กินทั้งผลไม้และแมลงเป็นอาหาร อาหารเหล่านั้นจะได้จากพื้นที่สีเขียว บ่งบอกว่าเมืองเชียงใหม่ยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างไทร โพธิ์ หว้า หรือตะขบ ที่ให้ผลไม้เป็นอาหารของนกอยู่มากเพียงพอ

คณะสำรวจยังพบนกอื่นๆ อีก เช่น นกกินปลีอกเหลือง นกสีชมพูสวน นกกระจิบธรรมดา นกกวัก นกแอ่นพง นกแอ่นตาล นกเค้าแมว นกกะปูดเล็ก นกกะปูดใหญ่ นกกางเขนบ้าน นกปรอดหัวสีเขม่า นกปรอดสวน นกตีทอง นกเอี้ยงหงอน นกเอี้ยงสาลิกา นกกระจอกใหญ่

ในเส้นทางการสำรวจ เรายังพบเห็นนกปิ๊ดจะลิวในกรงขัง ดูเศร้าสร้อย ไม่เบิกบาน เป็นที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง ไม่ว่านกชนิดใดล้วนแต่เป็นสัตว์คุ้มครองห้ามจับ ห้ามจำหน่าย จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าคนเราเลือกเชยชมความงามและเสียงใสๆ ของนกได้อีกทาง โดยไม่ต้องจับนกขังกรง

"เวลาเห็นนกปิ๊ดจะลิวบินอยู่ในธรรมชาติแล้ว มีความสุข ไม่เหมือนอยู่ในกรง ถ้าเราอยู่ในกรงเราก็คงไม่มีความสุขเหมือนกัน นกปิ๊ดจะลิวที่พบเป็นตัวบ่งชี้ว่าเมืองเชียงใหม่มีอากาศดี ยังอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปปิ๊ดจะลิวก็จะน้อยลง"

"ถ้าไม่มีนก เราอาจเสียใจว่านกหายไปไหน จริงๆ นกไม่ใช่ของใครเลย นกกับคนเป็นเพื่อนกันได้ คนปลูกต้นไม้ ผลไม้ นกก็ได้กินน้ำหวาน กินผลไม้จากต้นไม้ที่คนปลูก นกปิ๊ดจะลิวลดลงเพราะคนจับ เวลาเห็นนกในกรงหนูรู้สึกว่าเขาจับมันมาทำไม คนขายบอกว่ามันจะได้อยู่กับเรานานๆ มันน่าเศร้ามากเลยค่ะ" น้องเอิงเอยสะท้อนแนวคิด


ร่วมออกตามหานกปิ๊ดจะลิวในเมืองเชียงใหม่ กับชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนาพร้อมกัน ในรายการทุ่งแสงตะวัน ตอนตามหาปิ๊ดจะลิว เช้าวันเสาร์ที่ 19 ก.ย. เวลา 06.25 น. ทางช่อง 3 www.payai.com

 
 

จากคุณ : ยุง บิน ชุม
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 12:56:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com