ความคิดเห็นที่ 1 วันนี้เป็นวันที่ 7 แล้วที่เราอยู่ใน Sydney ครับ วันนี้เราวางแผนกันว่าจะไปซื้อ day tour ไปเที่ยว Canberra ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ Australia กันครับ วันนี้เราแอบพกเสบียงไปด้วยครับเผื่อหิวระหว่างทางครับ แล้วก้อเช่นเคยครับ รถ shuttle bus ของ AAT Kings มารับที่หน้าโรงแรมเวลา 7.45 น. เป๊ะๆ ตามเคย แล้วนำเรามาส่งที่ Star City Casino ซึ่งเป็น terminal หลักของ Day tour ทุกๆบริษัท วันนี้เรามีพี่ไกด์เป็นหนุ่มสายเลือดอิตาเลียนชื่อพี่จอห์น ครับผม วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นสบายดีจริงๆครับ เราเริ่มเดินทางกันเวลา 8.00 น. เป๊ะครับ วันนี้เราต้องเดินทางประมาณ 300 กิโลเมตรทีเดียวครับ ตอนนี้เราออกจากตัวเมือง Sydney มาไกลโขแล้วครับเป็นเขตที่อยู่อาศัยแล้ว ร้าน hardware store อย่าง Bunnings นี่มีทั่วประเทศครับ ผมชอบนะครับ อยากให้เมืองไทยมีบ้างจัง hardware store แบบ DIY (Do It Your own) นี้ ช่วยให้คนที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสามารถที่จะซ่อมบ้านง่ายๆ เช่นซ่อมกระเบื้องห้องน้ำ หรือ ซ่อมหลอดไฟ ได้โดยไม่ต้องพึ่งช่าง เพราะค่าช่างที่ออสเตรเลียแพงมากๆเลยครับแถมยังต้องนัดวันล่วงหน้าอีกตะหาก จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 13:51:18

ความคิดเห็นที่ 2 เมืองแบบบ้านน๊อกกกก ... บ้านนอก .... ครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 13:53:32 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 13:52:59

ความคิดเห็นที่ 3 Bowling Club ที่พบเห็นได้ทั่วไปในออสเตรเลียครับ bowling ที่ผมพูดถึงนี่เป็น Lawn Bowling ที่เล่นกันกลางสนามซึ่งเป็นกีฬาของอังกฤษนะคับ ไม่ใช่ lane bowling ที่เห็นกันตามห้างในกรุงเทพครับ กีฬา Lawn Bowling นี่ส่วนมากจะเป็นกีฬาของคนสูงอายุที่ไม่ได้ไปทำงานแล้วครับ ที่ Club ก็จะมีร้านอาหาร ที่บางแห่งมีบุฟเฟต์บริการตอนกลางคืนด้วย (ขอบอกว่าอร่อยมากๆครับ) มีตู้สล็อตเอาไว้กินเงินมี nightclub เล็กๆเอาไว้ออกลีลา ห้าง Big W นี่รู้จักกันดีในหมู่นักเรียนครับ เพราะว่าขายสินค้าราคาถูกโดยเฉพาะพวกเสื้อผ้าและของใช้ในบ้าน จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 13:54:14

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนนี้เรามาได้ครึ่งทางแล้วครับ เราจะแวะพักที่เมืองเล็กๆที่ชื่อ Berrima กันครับ เมือง Berrima นี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ ค.ศ. 1829 โน่นแน่ะครับ เมื่อก่อนนี้ค่อนข้างจะคึกคักทีเดียวเพราะถือว่าเป็นจุดพักครึ่งทางก่อนที่จะถึง Blue Mountain แต่หลังจากที่ได้มีการตัดรางรถไฟห่างออกจากเมืองนี้ไป Berrima ก็เงียบเหงาลงจนแทบจะกลายเป็นเมืองร้างเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:06:55

ความคิดเห็นที่ 5 พี่จอห์นให้เรามาแวะทาน coffee break กันที่ร้านคอฟฟี่ชอปเล็กๆร้านนี้ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:07:40

ความคิดเห็นที่ 6 ร้านนี้เป็นแบบ self service ครับต้องเดินมาสั่งที่เค้าเตอร์คับ ไหนดูซิครับว่ามีอะไรน่าทานบ้างงง ร้านนี้มีขนมหลายอย่างเลยครับทั้งประเภทพายต่างๆครับ แซนวิชสูงประมาณตึก 7 ชั้นครับ อ่าๆๆๆ แล้วก้อยังมีขนมประจำชาติครับเค้าเรียกว่า ฟลาน ครับทำจากแป้ง อัลมอนด์มิลล์ หรือ เม็ดอัลมอลด์บดละเอียด น้ำตาล น้ำเชื่อม ใส่กลิ่นตามชอบครับ มัฟฟิ่น ขนมประจำชาติอีกอย่างหนึ่งคับ ส่วนอันนี้เป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศแม่ .. อังกฤษ ครับ ... สกอน ... กรุณาอ่านว่า สะ – กอน นะครับ ผมเคยออกเสียงว่า สะ – โกน แล้ว โดนคุณป้าที่เสิร์ฟอาหารที่ร้าน Miss Marple’s บน Mt. Dandenong ดุเอาครับ ป้าแกบอกว่าต้องออกเสียงว่า “สะ – กอน” นะจ๊ะ !!! สะกอน นี่มี 2 แบบครับ คือแบบธรรมดาเรียกว่า Plain หรือแบบผสมผลไม้พวกลูกเกดหรือผลไม้แห้งครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:10:01

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆแล้วในร้านก้อมีที่นั่งเหลือเยอะแยะเลยครับแต่ว่าวันนี้อากาศดีซะเหลือเกินครับเราออกไปจิบกาแฟกลางแดดอุ่นๆกันดีกว่าครับ Hot Lattee กับ พายใส้ฟักทองอบกับชีสที่จกมาจากเค้าเตอร์ ... อืมมมม ..... ยัมมี่ !!! จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:10:45

ความคิดเห็นที่ 8 จิบกาแฟ แทะเล็ม พายใส้ฟักทองอบกับชีสที่จกมาจากเค้าเตอร์ไป ชมวิวรอบไปด้วย ช่วงนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วนะครับ ต้นไม้บางประเภทก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีส้มๆ แดงๆ หรือ เหลืองบ้างแล้ว วิวสวยๆแบบนี้จะมีเฉพาะที่ Canberra / บางเมืองในรัฐ New South Wales / Victoria และ ที่ Tasmania เท่านั้นครับ เพราะเมืองในรัฐเหล่านี้จะมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นในหน้าหนาวครับ มองไปมองมา ... พี่ปลาทูถามว่าไอ้ตัว P ที่ติดอยู่ที่ท้ายรถนี่แปลว่าอะไรเหรอ .. ไหนอ่ะครับพี่ ... นี่ไงๆ ที่ติดอยู่ท้ายรถสีเขียวนี่ไง .... อ้อๆๆ ... แปลว่าคนขับรถคันนี้เพิ่งได้ไปขับขี่ครับ กะลัง “ฝึก” ขับครับ รู้สึกว่าถ้ากะลังเรียนอยู่เค้าจะติดตัว “L” นะครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:11:51

ความคิดเห็นที่ 9 นี่ๆๆ ป้ายทะเบียนแบบออริจินัลของ NSW ครับ เหลืองเชียว SA นี่ มาจาก South Australia ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:12:32

ความคิดเห็นที่ 10 เล็งทะเบียนรถไปมาซักพักก็ได้เวลาเดินทางกันต่อคับ ผมว่าเมือง Berima นี่น่ารักดีนะครับมีอะไรให้ดูเยอะทีเดียวถ้ามีเวลาเหลือผมแนะนำให้แวะพักที่เมืองนี้เลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:13:01

ความคิดเห็นที่ 11 คราวนี้เรามุ่งตรงเข้าเขต Australian Capital Territory กันครับ ถนนเส้นนี้ ถ้าจำไม่ผิดเค้าจะเรียกว่า Federal Highway ครับ เป็นถนนเส้นตรงๆ ยาวๆวิ่งเข้าสู่รัฐ ACT หรือ Australian Capital Territory ครับ พี่จอห์นชี้ให้ดูที่พักสองข้างทาง (Rest Area) ที่ตั้งชื่อตามทหารผ่านศึกของ Australia ที่ได้รับเหรียญกล้าหาญที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ผมถ่ายรูปมาไม่ทันซักกะทีครับ สองข้างทาง Federal Highway เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆแห้งๆครับ ที่เห็นเป็นแปลงต้นไม้เขียวๆนี่ถือว่าเป็นเขตปลูกต้นไม้ของรัฐบาลของรัฐครับ พอปลูกจนโตได้ที่ก็จะให้คนมาประมูลเอาไปขายได้ เรียกว่า State Plantation ครับ ตอนนี้เราเข้าเขตรัฐ ACT หรือ Australian Capital Territory กันแล้วครับ เย้ๆ ในที่สุด .... หลังจากที่ใช้ความพยายามมาร่วมชั่วโมง ผมก้อสามารถถ่ายรูป Rest Area ที่มีชื่อทหารผ่านศึกสำเร็จครับ Rest Area นี้ชื่อว่า Hughie Edwards VC ตัวย่อ VC ข้างหลังชื่อเป็นชื่อย่อของเหรียญกล้าหาญที่ได้รับครับ รู้สึกว่าคุณ Hughie Edwards จะได้รับเหรียญกล้าหาญชั้น Victoria ครับ   ในที่สุดเราก็เข้าเขต Canberra แล้วครับผม จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:14:43

ความคิดเห็นที่ 12 ถึงแม้ว่า Canberra จะเป็นเมืองหลวงของประเทศ และเป็นเมืองหลวงของ ACT แต่ Canberra ก็ไม่คึกคักเหมือนกับเมืองหลวงของรัฐอื่นๆอย่าง Sydney หรือ Melbourne อาจจะเป็นเพราะว่า Canberra ไม่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจเลย ส่วนเรื่องการเมืองนั้นก็มีความสำคัญแค่เป็นเมืองหลวงของประเทศ และเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานของรัฐบาลกลางเท่านั้น แต่การบริหารประเทศจริงๆส่วนมากจะเกิดขึ้นที่ Sydney ครับ Canberra จึงแลดูเงียบๆ เหงาๆ หรือว่าจะเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันธรรมดาก็ได้นะครับคนถึงไม่คึกคักเหมือนวันเสาร์ – อาทิตย์ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:15:21

ความคิดเห็นที่ 13 เราผ่านตึกสองหลังนี้ที่มีชื่อว่า Sydney และ Melbourne แหม!! มันช่างเป็นกุศโลบายของผู้ที่ตั้งเมืองนี้เป็นเมืองหลวงจริงๆนะครับ ตอนที่ Australia มีการรวมประเทศเมิ่อ 200 ปีที่แล้วและมีการคิดกันว่าจะสร้างเมืองหลวงใหม่ก็เกิดเสียงคัดค้านโดยทั่วไปครับว่าน่าจะตั้ง Sydney หรือไม่ก็ Melbourne เป็นเมืองหลวง แต่ทีนี้คณะกรรมการตัดสินใจว่าจะตั้งเมืองหลวงใหม่ ปัญหาก็คือว่าจะตั้งเมืองอะไรดี จนสุดท้ายมาพบพื้นที่โล่งแถวนี้ แถมยังอยู่ห่างจก Sydney เป็นระยะทางพอๆกันกับ Melbourne ซะด้วย จึงสถาปนาเป็นเมืองหลวงขึ้น และเพื่อที่ไม่ให้รัฐไหนเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงเลยจึงตั้งเขตปกครองพิเศษขึ้นชื่อว่า ACT (Australian Capital Territory) จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:16:17

ความคิดเห็นที่ 14 เราวิ่งมาตาม Commomwealth Avenue เห็น Captain Cook War Memorial Jet เด่นเป็นสง่าเลยครับ น้ำพุนี้สามารถพ่นน้ำถึง 6 ตัน สูง 147 เมตร หรือ 500 ลิตรต่อวินาที เชียวครับ แถมยังมีสวิชต์ปิดอันโนมัติเมื่อมีลมแรงๆด้วยครับ ถนน Commomwealth Avenue สร้างข้าม Lake Burley Griffit ครับเป็นทะเลสาบคนสร้างโดยทำการกั้นแม่น้ำ  Molonglo ตั้งชื่อตามสถาปนิกที่สร้างเมืองนี้ขึ้น จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:17:15

ความคิดเห็นที่ 15 รอบๆทะเลสาบนี้มีสถานที่สำคัญมากมายเลยครับ อย่างแรกก็   Captain Cook War Memorial Jet  ที่เราผ่านมาเมื่อกี๊ครับ แล้วยังมี Natioanl Capital Exhibition ที่เป็นที่จัดแสดงประวัติของเมือง Canberra ซึ่งอยู่ติดกับ Commomwealth Park นอกจากนั้นยังมี Blundell’s Cottage ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1860 ซึ่งเคยเป็นที่พักของคนงานของเจ้าของที่ดินที่อยู่บริเวณนี้ครับ ปัจจุบันเป็นศูนย์ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเกษตรครับ และที่อยู่ไกลออกไปบนเกาะ Aspend คือหอนาฬิกา หรือ National Callion ที่เป็นของขวัญจากประเทศแม่ในโอกาสที่ Canberra ครบรอบ 50 ปีในปี 1963 แต่ได้มีพิธืเปิด 7 ปีให้หลังคับครับ ในหอนาฬิกามีระฆัง 55 ใบ หนักตั้งแต่  7 กิโลกรัม จนถึง 7 ตันครับ ก่อนอื่นเลยเดี๋ยวเราไปเที่ยว National Museum of Australia กันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:17:45

ความคิดเห็นที่ 16 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ทันสมัยที่สุด ใช้จินตนาการของผู้เข้าชมในการชมสิ่งของที่จัดแสดงครับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร มีความรู้เกี่ยวกับออสเตรเลียหรือไม่ไม่เป็นปัญหาครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:18:48

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนแสดงจะมีตั้งแต่เรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ของดินแดน เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:19:28

ความคิดเห็นที่ 18 ดูรูปกันไปเรื่อยๆครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:20:06

ความคิดเห็นที่ 19 อีกรูปครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:20:41

ความคิดเห็นที่ 20 อีกรูปน่า จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:21:14

ความคิดเห็นที่ 21 สุดท้ายแระ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:21:54

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนชั้นที่สองจะเป็นส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับชนเผ่าอะบอริจินครับ ชาวอะบอรินจินนี่มีหลายกลุ่มนะครับเค้าจะเรียกกันว่า Clan แต่ละ Clan ก็มีวัฒนธรรมประเพณีแตกต่างกันออกไป การแต่งตัวก็ต่างกัน จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:22:28

ความคิดเห็นที่ 23 จากนั้นเราออกมาที่ลานกว้างของพิพิธภัณฑ์ ลานนี้เป็นเหมือนลานที่ให้แสดงไอเดียแปลกๆมากมาย ซึ่งเป็นการนำเสนองานศิลปะที่เกี่ยวกับ Australia แบบ abstract ครับ นอกจากนั้นยังมีคำที่มีความหมายว่า “สวัสดี” ที่เขียนขึ้นหลายๆภาษา ใครหาคำว่าสวัสดีเจอบ้างครับ......... ถ้าเจอก้อแปลกแล้ว เพราะผมไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ อิอิอิอิ จากตรงนี้ก็ถือได้ว่าการเข้าชม National Museum of Australia อย่างเร็วๆ ก้อจบลงอย่างเร็วๆครับ ถ้ามีเวลา ค่อยเดินดูแต่ละ Gallery ไปนี่ยะผมว่าใช้เวลาเป็นวันๆสบายเลยครับ โดยเฉพาะคนที่สมใจความเป็นมาของประเทศ Australia และความเป็นอยู่ของคนเผ่าอะบอริจิน พี่จอห์นให้เรามีเวลาพักอีกเล็กน้อยก่อนจะต้อนเราไปขึ้นรถที่จอดรอเราอยู่ทางด้านหน้าครับ เราต้องเร่งทำเวลานิดนึงครับเพราะเรายังมีสถานที่ที่จะต้องไปอีก 3-4 ที่ครับ ขนาดอาหารกลางวันพี่จอห์นยังให้เราซื้อแซนวิชมากินบนรถเลยครับ แต่เรามีผลไม้ที่เราติดมาจากที่พักด้วยแล้วครับเราก็เลยซื้อแซนวิชง่ายๆมากินกันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:23:18

ความคิดเห็นที่ 24 พี่จอห์นพาเราขับรถแบบอ้อมๆเพื่อให้ได้ชม Captain Cook War Memorial Jet อย่างเต็มๆ อีกครั้งหนึ่ง เห็น Old  Parliament ไกลๆครับเดี๋ยวเราค่อยไปชมกันใกล้ๆครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:24:12

ความคิดเห็นที่ 25 พี่จอห์นพาเรามาถึงสถานที่ที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของวันนี้ครับ Parliament House ครับหลังจากที่จอดรถที่ชั้นใต้ดินลงไป 1 ชั้น เสร็จก้อนัดแนะทุกคนให้ไปพบกันที่ forecourt ของ Parliament House ซึ่งเป็นที่ที่เราจะได้เริ่มทัวร์ของเรากันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:25:09

ความคิดเห็นที่ 26 ที่ forecourt ของ Parliament House นี้มีงานศิลปะหนึ่งชิ้นที่มีความสำคัญค่อนข้างมากเลยครับคือ โมเสกจำนวนกว่า 90,000 ชิ้นที่เป็นผลงานของ Micheal Nelson Tjakamarra ที่มีชื่อว่า “Meeting Place” จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:26:04

ความคิดเห็นที่ 27 พี่ Micheal Nelson Tjakamarra ได้จินตนาการมาจากความฝันของตัวพอสซั่ม กับวาลลาบี้ อิอิอิ  งานศิลปะของคนเผ่าอะบอริจินมักจะจินตนาการถึงสัตว์อย่างนี้ละครับ เนื่องจากพวกเค้ามีชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากก็เลยมักจะจินตนาการถึงสัตว์ หรือ พืช หรือสิ่งต่างๆตามธรรมชาติครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:26:35

ความคิดเห็นที่ 28 อีกส่วนนึงที่น่าสนใจไม่แพ้กันงานศิลปะของพี่ Micheal Nelson Tjakamarra ก็คือ “Great Varandha” ซึ่งก้อคือส่วนนอกสุดของอาคาร Parliament House ครับ ใช้หินอ่อนอิตาลีสีขาวล้วนสร้างแสดงให้เห็นถึง “บ้าน” ของชาว Aussie ที่มีชานรอบบ้านไว้รับแขกก่อนที่จะเข้าไปในตัวบ้านครับ ด้านบนสุดของด้านหน้าของ Great Varandha จะเป็น Code of Arm ของ Australia หรือสัญลักษณ์ของประเทศครับ ด้านหนึ่งเป็นจิงโจ้ อีกด้านหนึ่งเป็นนกอีมู สื่อให้เห็นถึงสัตว์ทั้งสองประเภทที่อาศัยอยู่ดินแดนแถบนี้มานานแล้วนอกจากนั้นยังสื่อให้เห็นถึงความอดทนต่อความยากลำบากในการต่อสู้กับความแห้งแล้งของสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ด้วยครับ เคยเชื่อกันว่าที่เอาสัตว์ทั้งสองมาเป็นตราของประเทศเนื่องจากสัตว์ทั้งสองไม่เคยเดินถอยหลัง อันนี้จริงหรือเปล่าไม่รู้ครับ อิอิอิ สิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างจิงโจ้ และนกอีมูเป็น Code of Arm ของ Australia จริงๆ จะมีตราของรัฐทั้ง 6 อยู่ครับ ทำไมถึงมีแค่ 6 รัฐล่ะ เพราะว่าตอนที่รวมประเทศนั้นยังมีรัฐแค่ 6 รัฐครับ มี Victoria (VIC) New South Wales (NSW) Tasmania (TAS) South Australia (SA) Queensland (QLD) และ Western Australia (WA) ครับ ตอนนั้นยังไม่มี Australian Capital Territory (ACT) และ Northern Territory (NT) ครับ โดยตราของรัฐ Victoria (VIC)จะเป็นรูปกลุ่มดาว Southern Cross และมงกุฎพระราชินีครอบอยู่ (กลางแถวบน) (ตราของมหาลัย Monash ของผมก็เป็น กลุ่มรูปดาว Southern Cross เหมือนกันครับ ) โดยตราของรัฐ Queensland (QLD) จะเป็นแถบริบบิ้นเป็นรูปกากบาทและมีมงกุฎพระราชินีครอบอยู่ครับ (มุมขวาบน) โดยตราของรัฐ New South Wales (NSW) จะอยู่มุมบนซ้าย ตราของรัฐ Tasmania (TAS) เป็นรูปสิงโต (มุมล่างขวามือสุด) ตราของรัฐ Western Australia (WA) เป็นรูปหงส์ ดำรู้สึกว่าจะเป็น(มุมล่างซ้ายมือสุด) ส่วนตราของรัฐ South Australia (SA) จำไม่ได้แน่ว่าเป็นรูปอะไรแต่เหลืออันเดียวแล้วเลยเดาได้ครับ อิอิอิ เหนือ Code of Armขึ้นไปเป็นรูปดาว 7 แฉก หรือ Commonwealth Star หรือ Star of Federation แฉกทั้ง 6 หมายถึงรัฐทั้ง 6 รัฐที่มารวมกัน ส่วนแฉกที่ 7 หมายถึงรัฐหรือ Territory ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับ ถ้าเรายืนอยู่ตรงนี้จะมองเห็นเสาธงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 82 เมตร ผืนธงมีขนาดใหญ่พอที่จะคลุมรถบัสสองชั้นได้ ว่ากับว่าแสดงให้เห็นถึงหลังบ้านของชาว Aussie ที่จะมีธงชาติแทบทุกบ้านครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:27:24

ความคิดเห็นที่ 29 พี่จอห์นได้เล่าประวัติความเป็นมาของ Parliament House ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Australia ให้เราฟังว่า เป็นความฝันของ พณ ฯ ท่าน Walter Burley Griffin เลยครับที่ต้องการจะมีอาคารที่ทำการรัฐสภาที่ยิ่งใหญ่ให้สมกับที่เป็นที่ทำการรัฐสภาของสาธารณรัฐโดยใช้งบประมาณในการสร้างทั้งสิ้นถึง 1.1 พันล้านเหรียญออสเตรเลียเชียวครับ ใช้เวลาในการสร้างทั้งหมด 8 ปี เริ่มเปิดทำการเมื่อปี 1988 นี้เองครับ เค้าต้องย้ายที่ทำการของรัฐสภาจาก Old  Parliament ที่ใช้งานมานานถึง 66 ปี จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะใช้งานแค่ 50 ปี มาที่ Parliament House อันนี้ครับ ก่อนที่จะสร้าง Parliament House เค้าได้มีการประกวดการออกแบบกันอย่างเป็นทางการเลยครับ โดยมีผู้เข้าเริ่มประกวดกัน 329 คน จาก 28 ประเทศ และผู้ที่อกแบบชนะเลิศก็คือ Romaldo Guirgula จากบริษัทสถาปนิก  Mitchell, Guirgula & Thorp โดยผสมผสานการใช้ไม้พื้นเมืองเข้ามาในการออกแบบด้วย Parliament House นี้ถูกสร้างให้มีลักษณคล้ายๆเนินเตี้ยๆ ปกคลุมด้วยหญ้าทางด้านบนมองเผินๆคล้ายกับเนินเขาเตี้ยๆ ตรงส่วนที่เป็น foyer ที่เรายืนอยูตรงนี้จะเป็นเส้นกึ่งกลางแบ่งระหว่าง House of Representative ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกและ House of Senate ที่อยู่ทางด้านตะวันตกครับ เส้นแบ่งครึ่ง Parliament House แบ่งตามแนวเหนือ-ใต้จะสามารถลากไปจนถึง Old  Parliament Australian War Memorial และ ไปสุดที่ Mt. Ainslie ครับ เดี๋ยวเราจะเดินเข้าไปชม the Geart Hall กันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:28:19

ความคิดเห็นที่ 30 the Geart Hall เป็นห้องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่มากกกกก จุคนได้เป็นพันเลยครับ ที่ปลายห้องแขวนรูปวาดเป็นรูปคล้ายๆป่ายูคาลิปตัสฝีมือของ Arthur Boyd เฟอร์นิเจอร์หรือไม้ที่นำมาประดับจะเป็นไม้จากต้น Gum ทั้งนั้นครับ และที่เก้าอี้ทุกตัวยังมี Code of Arm ของ Australia ติดอยู่ด้วยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:29:14

ความคิดเห็นที่ 31 รูปวาดป่ายูคาลิปตัสฝีมือของ Arthur Boyd ชัดๆครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:30:22

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนนี้เรามายืนอยู่ตรงเส้นแบ่งครึ่ง House of Representative ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกและ House of Senate แล้วครับ ตรงนี้มีภาพปัก 2 ภาพ ที่ปักโดย Enbroiders Guild of Australia ที่ปักเป็นรูปสัตว์ในน้ำของออสเตรเลียรูปนึง อีกรูปนึงจะเป็นรูปนกต่างๆครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:31:07

ความคิดเห็นที่ 33 เราค่อยๆย้ายเข้าไปในส่นของห้องประชุมของ House of Representative กันครับ ส่วนของ House of Representative จะถูกตกแต่งด้วยด้วยสีเขียวเนื่องจาก House of Representative จะอยูใกล้ประชาชนากที่สุดก้อเลยให้มีสีเหมือนกับพื้นดินครับ จะมีโต๊ะประชุมต่างๆเป็นที่นั่งประจำของรัฐมนตรีต่างๆครับ ตอนนี้ห่างหายจากการเมืองออสซี่ไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าใครดำรงตำแหน่งอะไรกันบ้างก้อเลยไม่ค่อยรู้เรื่อที่เค้าเล่ามุขต่างเกี่ยวกับรัฐมนตรีต่างของออสซี่เค้าครับ  ก้อเลยถ่ารรูปลูกเดียวครับ ด้านบนจะมีที่นั่งให้ประชาชนที่สนใจเข้าฟังได้ด้วยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:31:50

ความคิดเห็นที่ 34 เราออกมาจากห้องประชุมของ House of Representative แล้วมาต่อที่ House of Senate กันครับ ก็แค่เดินมาอีกฝั่งนึงเท่านั้นครับ เราก็มาอยู่ในเขตแดนของ House of Senate แล้วครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:32:38

ความคิดเห็นที่ 35 House of Senate จะตกแต่งด้วยสีแดงทั้งหมดไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษครับแต่คงให้แตกต่างกับ House of Representative ที่เป็นสีเขียวละมั้งครับ ที่นี่ไม่ค่อยมีเรื่องเล่าอะไรเท่าไหร่ เพราะวุฒิสมาชิกของออสเตรเลียเค้าทำตัวดีกันครับ ออิอิอิ พอจบจาก House of Senate ก้อถือว่าจบทัวร์ Parliament House ของเราครับ ผมว่ามันเป็น 45 นาทีที่คุ้มมากๆเลยครับ มันทำให้ผมรำลึกความหลังตอนที่เรียน Australian Legal System ซึ่งเป็นวิชาบังคับให้นักเรียนต่างชาติทุกคนต้องเรียนสมัยที่ผมเรียนปริญญาโทอยู่ที่โมนาชครับ กระซิบดังๆว่าผมซิว High Distinction (คะแนนดีมาก) มาด้วยครับ ถ่านใดที่มาเที่ยว Canberra แล้วสนใจทัวร์ Parliament House ติดต่อได้ที่ Information Desk ตลอดเวลานะครับเค้าจะจัดเป็นรอบทุกครึ่งชั่วโมงรอบๆละ 45 นาทีครับ แต่ถ้าเค้ามีประชุมกันจะเหลือรอบละ 20 นาทีครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:33:42

ความคิดเห็นที่ 36 จากนั้นพี่จอห์นก้อพวกเราไปขึ้นรถแล้วขับพาเราไปชม Old  Parliament แบบในรถกันครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:34:31

ความคิดเห็นที่ 37 ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ลงไปชม Old  Parliament แต่พี่จอห์นก็เล่าประวัติให้เราฟังว่า Old  Parliament ได้ใช้เป็นที่ประชุมของรัฐบาล commonwealth ตั้งแต่ปี1927 ซึ่งก่อนหน้านี้เค้าจะประชุมกันที่เมลเบิร์นครับ จนถึงปี 1988 ตัวอาคารสร้างเป็นแบบนีโอคลาสสิค รัฐสภาแห่งนี้ได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญๆของประวัติศาสตร์ออสเตรเลียหลายเหตุการณ์ เช่น การประกาศสงครามในปี 1939 ข่าวการทิ้งระเบิดทางชายหาดทางเหนือของออเตรเลียโดยทหารญี่ปุ่น ในปี 1942 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:35:16

ความคิดเห็นที่ 38 กลับมาเล่าประวัติเมือง Canberra กันต่ออีกหน่อยระหว่างทางนะครับ  ในปี 1911 รัฐบาลออสเตรเลียซึ่งตอนนั้นตั้งอยู่มราเมืองเมลเบิร์นได้ตัดสินใจที่จะสร้างเมืองหลวงของประเทศขึ้น โดยเมือง Canberra ที่สร้างขึ้นนี้เป็นเมือง man – made ทั้งหมดโดยมีผู้เข้าประกวดการอกแบบเมืองจากหลายประเทศ โดยผู้ชนะคือ สถาปนิกชาวอเมริกัน Walter Burley Griffin โดยเมือง Canberra นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชวังแวร์ซาย Walter Burley Griffin ตั้งใจจะให้ Canberra เป็นเมืองแห่งสวนสาธารณะ ทะเลสาบ โดยมี Parliament House เป็นจุดสำคัญของเมืองที่ตั้งอยู่บน Capital Hill จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:35:53

ความคิดเห็นที่ 39 ได้มีการวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 1913 โดยนายกรัฐมนตรี Andrew Fisher นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น หลังจากนั้นไม่กี่ปี ในปี 1921 Walter Burley Griffin ก็ถูกปลดออกจากโปรเจค แต่เค้าก็ยังอยู่ในออสเตรเลียจนถึงปี 1935 ต่อมาเค้าได้ย้ายไปอยู่อินเดีย และเสียชีวิตลงในปี 1937ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:36:25

ความคิดเห็นที่ 40 หลังจากที่พี่จอห์นขับรถวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ก้อมาถึงจุดที่สำคัญอีกจุดนึงของ Walter Burley Griffin ที่แห่งนี้เราก็ไม่ได้แวะลงอีกแล้วครับได้แต่ถ่ายรูปกันบนรถ ที่นี่คือ Yarralumba ครับ ที่นี่ถือว่าเป็น suburb ที่สำคัญของ Canberra เลยก็ว่าได้ ที่ว่าสำคัญก็เพราะว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของสถานทูตต่างๆ ครับ สถานทูตทุกแห่งจะมาตั้งอยู่ที่นี่ทั้งหมดครับแต่ละสถาทูตก็พยายามที่จะนำเอกลักษณ์ของประเทศตนเองมาสร้างเป็นอาคารที่ทำการและที่พัก อย่างเช่น สถานทูตปาปัวนิวกีนี  กรีก อินเดีย สถานทูตอเมริกา ดูเหมือนว่าจะมีทำเลที่ดีที่สุดและก้อมีขนาดใหญ่ที่สุดครับ สร้างเป็นแบบบ้านพักแบบคันทรี่ๆครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:37:21

ความคิดเห็นที่ 41 แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเห็นจะป็นสถานทูตไทยของเราครับที่สร้างอาคารตึกแต่หลังคาเป็นทรงไทยจ๋าเลยสวยมากครับ พี่จอห์นถึงกับจอดรถให้ถ่ายรูปเลยนะครับทำเอาผมแอบภูมิใจเล็กๆครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:37:57

ความคิดเห็นที่ 42 แต่สังเกตได้ว่าที่นี่ไม่มีสถานทูตอังกฤษอยู่นะครับ เพราะอะไรเหรอครับ? ก้อเพราะว่าออสเตรเลียยังไม่หลุดพ้นการเป็นอาณานิคมของอังกฤษนะสิครับ ถึงแม้ว่าประเทศจะได้เอกราชและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็นประเทศหนึ่งแล้วแต่ความผูกพันกับประเทศแม่ยังไม่หมดไปเป็นประเทศอาณานิคมกลายๆครับดังนั้นอังกฤษจึงต้องส่ง High Commissioner มาดูแลคราวละ 1 คนครับมาอยู่ที่เมลเบิร์นครับ ว่ากันว่ากระแสการต้องการที่จะหลุดจากการเป็นประเทศอาณานิคมนี้เมื่อหลายปีที่แล้วก่อนที่ผมไปเรียนมีมากครับ ถึงขั้นมีการทำประชาพิจารณ์ทั้งประเทศว่าต้องการจะ  หลุดจากการเป็นประเทศอาณานิคมหรือไม่ ปรากฎว่ากระแสที่ต้องการจะหลุดจากการเป็นประเทศอาณานิคมแพ้ครับ ฮ่าๆๆๆ แต่แพ้ไปนิดเดียวครับ แสดงว่าคนรุ่นใหม่ๆต้องการจะหลุดจากการเป็นประเทศอาณานิคมแล้วแต่คนรุ่นเก่าๆยังไม่ต้องการ เค้าบอกว่าต้องรอคนรุ่นเก่าตายหมดซะก่อนถึงจะทำได้ครับ ฮ่ะๆๆๆๆ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:38:30

ความคิดเห็นที่ 43 เรานั่งรถข้ามทะเลสาป man - made มาอีกฝั่งนึงครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:39:52

ความคิดเห็นที่ 44 แล้วพี่จอห์นก้อพาเรามาถึงที่ก่อนสุดท้ายสำหรับวันนี้ครับนั่นคือ Australian War Memorial หรืออนุสาวรีย์ทหารอาสาครับ  Australian War Memorial ตั้งอยู่สุดปลายด้านหนึ่งของเมืองเป็นเส้นตรงเดียวกันกับ Old  Parliament Parliament และ Mt. Ainslie ถ้ายืนอยู่ที่ Australian War Memorial จะมองเห็นชัดๆเลยครับว่าเป็นเส้นตรงเดียวกัน จาก Australian War Memorialจะเห็นว่า ถนน Anzac Parade เป็นถนนเส้นตรงๆตามแกนที่ Walter Burley Griffin ได้วางไว้สองข้างทางจะเป็นอนุเสารีย์เล็กรำลึกถึงสมรภูมิต่างๆที่ออสเตรเลียได้เคยเข้าร่วม ถ้าเป็นวัน Anzac (25 เมษายน ของทุปี) เหล่าทหารอาสาที่ยังมีชีวิตอยู่หรือลูกๆหลานๆจะมีการเดินพาเหรดขึ้นมาที่ Australian War Memorial แห่งนี้แล้วมาวางพวงมาลาตามสมรภูมิที่ได้เคยเข้าร่วม ผมมายืนตรงจุดนี้แล้วน้ำตามันพาลจะไหนอกมาให้ได้เพราะคนออสซี่เค้าช่างให้ความสำคัญกับความกล้าหาญของเหล่าทหารหาญนี้มากเหมือเกิน ครั้งหนึ่งในวัน Anzac Day ผมได้ไปร่วมชมขบวนพาเหรดที่เมลเบิร์น พอยืนๆไปน้ำตามันไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ปลื้มครับที่เค้าช่างให้ความสำคัญกับความรู้สึกของทหาร และครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต จนคุณป้าออสซี่ที่อยู่ข้างๆหันมาถามผมว่า “ หนูมีใครที่เสียชีวิตในสมรภูมิไหนหรือ” “เปล่าจ๊ะปร้า ผมซึ้งมากๆเท่านั้นเอง” จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:41:06

ความคิดเห็นที่ 45 พี่จอห์นให้เราเดินเที่ยวกันอย่างสบายๆ บอกว่าอีกชั่วโมงครึ่งเรามาเจอกันที่ที่จอดรถนะ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:41:46

ความคิดเห็นที่ 46 Australian War Memorial สร้างขึ้นเมื่อปี 1941 เพื่อเป็นอนุเสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงเหล่าทหารหาญทั้งที่ทราบชื่อและไม่ทราบชื่อ จากทางเข้าตรงหน้าของเราคือ Pool of Reflection เป็นสระน้ำตื้นๆยาวๆ ปลายด้านหนึ่งจะมี Eternal Flam หรือดวงไฟนิรันดร์ ที่จะจุดไว้ตลอดเพื่อรำลึกถึง เหล่าทหารหาญ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:42:16

ความคิดเห็นที่ 47 ด้านข้างบนอีกชั้นนึงเป็น Roll of Honour ซึ่งเป็นระเบียงยาวๆ 2 ด้านที่จะสลักชื่อ ทหารหาญชาวออสเตรเลียนบนแผ่นป้ายทองเหลือง จำนวน 102,000 คนที่เสียชีวิตในสงครามต่างๆ จะเห็นได้ว่ามีคน...ก็คงจะเป็นญาติ หรือเพื่อนๆ ของทหารที่เสียชีวิตเอาดอกป๊อบปี้ไปเสียบเอาไว้เพื่อเป็นการรำลึกถึงครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:43:01

ความคิดเห็นที่ 48 ด้านในสุดคือ Hall of Memory ภายในเป็นโดมเขียนประดับโมเสกสีทอง ถือว่าเป็นโดมประดับโมเสกที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงสงครามครับ ภายในโดมจะมีกระจกประดับสีสี่บานที่ทำเป็นรูปชีวิตเหล่าทหารในตอนสงคราม และมีรูปวาดของทหารจำนวน 4 คนอยู่ด้วยครับ ภายในโดมที่สร้างด้วยหินอ่อนสีแดงนี้ เป็นที่ฝังศพของทหารนิรนามที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:43:53

ความคิดเห็นที่ 49 ส่วนด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ครับ โดยด้านซ้ายในสุดเป็นพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 1 ด้านขวาในสุดเป็นพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ด้านในสุดจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บเครื่องบินรบหลายๆแบบ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:44:28

ความคิดเห็นที่ 50 เราเดินเล่นดูสักพักผมเริ่มทนไม่ได้ครับ มันหดหู่ใจยังไงบอกไม่ถูกก้อเลยบอกพี่ปลาทูว่าผมจะออกไปรอข้างนอกก้อแล้วกัน พี่ปลาทูก้อเลยตามมาด้วยครับ เราเดินดูรอบๆจนทั่ว จนได้เวลา 6 โมงเย็น ก็จะมีคนเป่าปี่สก็อต 1 คนออกมาเป่าถามเจ้าหน้าที่ดูได้ความว่าจะมีอย่างนี้ทุก 6 โมงเช้า และ 6 โมงเย็นทุกวัน เสียงปี่สก็อตมันโหยหวนมากๆครับ ประกอบกับบรรยากาศแบบพระอาทิตย์ตกแบบนี้ด้วยผมเห็นหลายคนน้ำตาไหลพรากๆเลยครับ ..... ผมก็เหมือนกันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:45:04

ความคิดเห็นที่ 51 จากนั้นพี่จอห์นก็พาเรามาดูอาทิตย์ตกที่ Mt. Anislie กันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:45:59

ความคิดเห็นที่ 52 Mt. Anislie เป็นภูเขาลูกเตี้ยๆ สูง 843 เมตร อยู่ทางเหนือสุดของ Canberra ครับ ที่ Mt. Anislie นี้เองครับที่ Walter Burley Griffin ได้ขึ้นมาดูวิวของ Canberra ทั้งหมดก่อนที่จะออกแบบสร้างเมืองแห่งนี้ บน Mt. Anislie นี่ยังมีแผนที่ Canberra จำลองจากแผนที่อันแรกที่ Walter Burley Griffin ได้วาดขึ้นเป็นครั้งแรกครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:46:26

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้าเราขึ้นมายืนบน Mt. Anislie นี่เราจะมองเห็นได้ชัดเลยนะครับว่าเมืองนี้สร้างบนความสมมาตรครับ โดยมี Mt. Anislie เป็นจุดเริ่มต้นของแกน ผ่าน Australian War Memorial แล้วข้าม Lake Burley Griffit ไปจนถึง Parliament House และ  Old  Parliament ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:46:58

ความคิดเห็นที่ 54 เรายืนดูพระอาทิตย์จบลับขอบฟ้าแล้วจึงขึ้นรถกลับซิดนีย์ครับ วันนี้เหนื่อมากๆครับ แต่ก้อเที่ยวกันจนคุ้มเลยครับ ติดตามวันต่อไปนะครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:47:30

ความคิดเห็นที่ 55 ไปเที่ยว ดาวน์ อันเดอร์ ด้วยคนค่า แต่แหม ... บ้านนอกจริงๆด้วยแฮะ <<<<<เค้าอยากกินขนมบ้านนอก หง่ะ>>>>>> จากคุณ : cultureclub เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:48:06

ความคิดเห็นที่ 56 เหอ เหอ เหอ ที่ว่ามหาโหด สงสัยเพราะกินจนพุงแตก จากคุณ : มณีสยาม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:59:37

ความคิดเห็นที่ 57 ดีใจจังที่กลับมารีวิวต่อค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 15:41:17

ความคิดเห็นที่ 58 นึกว่าจบไปแล้วซะอีกเนี่ย เชื่อแล้วว่าเป็นแฟนห้องบีพี แฟนบีพีของแท้ ต้องมีดอง อิอิ   จากคุณ : Invisible Angel เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 15:42:03

ความคิดเห็นที่ 59 พี่นาจ๋า.... ฟลานน่ะอร่อยมากกกกกก สะกอนน่ะไม่เท่าไหร่ครับ แต่มันดูไฮโซมากตอนสั่งมากิน อิอิอิ แม่มณีจ๋า..... หายไปเลยอ่ะ ไม่ค่อยเห็นมาตอบกระทู้เลยครับ หวัดดีจ้าพี่ตุ้ม..... เดี๋ยวอาทิตย์หน้าขอลาไปเที่ยวพัทยาหน่อยนะครับสงสันจะขาดตอนอีกละ อิอิอิอิ คุณ Invisible Angel  ...... กระทู้นี้ทั้งเปรี้ยวทั้งเค็ม ถ้าเป็นของหมักของดองละก้อต้องเป็นปลาร้าค้างปีครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 17:12:54

ความคิดเห็นที่ 60   หูยย บรรยายได้ยังกะไกด์เลยครับ สถานทูตไทยคล้ายๆศาลาวัดเลยอ่ะ ยังไม่เคยไปแคนเบอรร่าซักที อยากไปเที่ยวมั่งจัง จากคุณ : noobface เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 17:15:41

ความคิดเห็นที่ 61 ได้ฤกษ์เบิกชัย  เริ่มพาทนายอ้วนไปเที่ยวแล้วครับ ขอ warm up เที่ยวเมืองไทยก่อนละกัน เริ่มด้วยอาทิตย์หน้า ไปพักผ่อนที่พัทยากันก่อน โทษฐาน ได้ที่พักฟรี จากการ register จากเว้บ Pattaya City...อิอิอิ คงได้ดอง review กันอีกนานเลย....555 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 18:21:18 จากคุณ : plateau เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:20:33

ความคิดเห็นที่ 62 เกาะหลัง เกาะไหล่  หนุ่มบอลมาเที่ยวค่ะ   ... จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:42:49

ความคิดเห็นที่ 63   ขอให้สุขภาพดีกลับมาเหมือนเดิมนะคะ Add To  Favorite เรียบร้อยแล้วคะ จะตามรอยไปเดือน ธันวาคม นี้คะ จะกลับมารีวิวให้ดูนะคะ ภาพสวยงามมากคะ  แต่ตอนแรกงงๆเพราะพ.ศ.เปลี่ยนไป แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วคะ Thank Yoy จากคุณ : ป้าแหม่ม540 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:55:42

ความคิดเห็นที่ 64 เย้ยยยยยย.......... พี่ปลาทูมาได้ไงเนี่ยะ เปิดตัวเลยดีมะพี่ อิอิอิ หวัดดีจ้าปร้าเกษคนจ๋วย..... ไม่มีรูป xxx มาฝากน้องฝากนุ่งแล้วเหรอ อิอิอิอิ คุณป้าแหม่ม540  ---- รับรองว่ารีวิวเสร็จก่อนเดือนธันวาแน่นอนครับ ขอบคุณนะครับที่ Add To  Favorite ให้ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:22:27

ความคิดเห็นที่ 65   ไปเที่ยวบ้านน๊อก บ้านนอก ด้วยคนค่ะ แต่เมื่อกี้ชะแว้บไปดูกระทู้เก่า โห..เฮะ..ท่าทางจะเค็มจริงแฮะ.. ^^ ขอให้สุขภาพแข็งแรงไว ๆ นะคะ จากคุณ : หนูกิต เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:47:07

ความคิดเห็นที่ 66 หายวันหายคืนนะคะ  จะได้ทำอาหารและไปเที่ยวได้บ่อยๆ จากคุณ : Red-Rose-14Feb เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 00:12:59

ความคิดเห็นที่ 67 หายดีแล้วซิเนี่ย เตรียมตัวเที่ยวได้แล้ว ไชโย ไชโย ไชโย จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:06:47

ความคิดเห็นที่ 68 ว้าว ขอบคุณสำหรับรีวิว สวยๆๆ  และก็ต้องขอบคุณคุณทนายอ้วนมากกอีกรอบนะคะ ที่ตอนเราไปออสเตรเลียก็ได้ ลายแทงดีดี จากคุณทนายอ้วนเช่นเคย จากคุณ : Party_Rainny เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:40:01

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ตามมาเที่ยวแบบรวบยอดทีเดียวเลย ขอให้มีสุขภาพดีดั่งเดิมในเร็ววันนะครับ.... จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:50:53

ความคิดเห็นที่ 70 ผมกำลังคิดจะไป Canberra สุดสัปดาห์นี้น่ะครับ อยากจะถามว่านอกจากที่คุณทนายอ้วนไปมา มีที่อื่นๆที่น่าสนใจหรือป่าวครับ ผมกะจะไปสักสองคืนน่ะ ไม่ทราบว่ามันนานเกินไปหรือป่าว เพราะเห็นคุณไปวันเดียวเอง อีกอย่างคือผมควรจะซื้อเป็นทัวร์แบบนี้หรือป่าวครับ เพราะผมไปคนเดียว ขอบคุณครับ จากคุณ : นายหัวยุ่ง เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 14:30:13

ความคิดเห็นที่ 71 ตอบแทนคุณทนายอ้วนครับ  Canberra  ไม่ค่อยมีสถานที่เที่ยวครับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่ราชการครับ ไป 2 คืน ผมว่านานไปนะครับ  เกรงว่าจะเบื่อซะก่อน...อิอิอิ จากคุณ : plateau เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 21:11:55