ความคิดเห็นที่ 1 ลูเซิร์นเป็นสถานีรถไฟที่ค่อนข้างใหญ่ ท่าเทียบกับสถานีอื่นๆ ที่เราเดินทางผ่านมา คนค่อนข้างเยอะ พลุกพล่านเลยทีเดียว เนื่องจากเราต้องลากกระเป๋าหนักๆ และต้องหาทางไปโรงแรมที่จองไว้ ก็เลยวุ่นวายดูแผนที่ หาทางไปโรงแรม ทำให้พลาดที่จะออกไปดู + ถ่ายรูปหน้าสถานี ซึ่งพอกลับมาค้นข้อมูลอีกที เห็นว่าเป็นจุดที่น่าชมเหมือนกัน เดี๋ยวท้ายกระทู้จะพูดถึงสิ่งที่พลาด ในเมืองลูเซิร์นนี้นะครับ พลาดไม่ได้ไปดูหลายที่ทีเดียว ระหว่างทางที่เดินจากสถานีรถไฟ ไปโรงแรม พอดีว่าได้คนสวิสใจดี เห็นเรากำลังดูแผนที่ + ชะเง้อหาทางไปโรงแรม ก็เลยอาสามาช่วยพาไป พอดีบ้านเค้าอยู่ทางเดียวกับโรงแรมที่เราจะไปพักพอดี ก็เลยเดินไปด้วยกัน ระหว่างทางเค้าก็ซักถามว่ามาจากไหน มาอยู่กี่วัน จะไปไหนต่อ เค้าบอกว่าเสียดายที่เราจะอยู่ที่ลูเซิร์นไม่นาน เค้าอยากให้ขึ้นเข้า Pilatus บอกว่าวิวสวย มองเห็นเมืองลูเซิร์น จริงๆ ที่ถ้ามีเวลา เราก็อยากขึ้นครับ แต่นัดเพื่อนฝรั่งไว้วันรุ่งขึ้นที่ซูริค ก็เลยคงได้แค่เดินเที่ยวเล่นในเมืองเก่าลูเซิร์นแค่นั้น จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 11:57:49

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงโรงแรมแล้วครับ โรงแรมชื่อ Hotel Alpha เป็นโรงแรมเล็กๆ ที่ให้อารมณ์เป็น hostel มากกว่า โรงแรมนี้สร้างมาได้ร้อยกว่าปีแล้ว แต่เพิ่งปรับปรุงใหม่ไปเมื่อไม่นานนี้ ตกแต่งสไตล์ minimalist คือเรียบๆ สะอาดๆ ขาวๆ รีวิวและเรตติ้งในเว็บจองโรงแรมหลายๆ เว็บให้เรตโรงแรมนี้ค่อนข้างสูง (แปดสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป) มาดูเองก็ค่อนข้างประทับใจในความสะอาดนะครับ โรงแรมมีลิฟต์ด้วย ไม่ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันได ราคาก็โอเค ไม่แพง พนักงานก็พูดจาดี ช่วยเหลือดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และพูดอังกฤษได้ดีครับ เสียอยู่อย่างเดียว โรงแรมอยู่ไกลจากสถานีรถไฟไปนิดครับ ใช้เวลาเดิน (แบบตัวเปล่า ไม่มีกระเป๋า) ประมาณ 15 นาทีได้ http://www.hotelalpha.ch/ นี่ห้องนอนที่พักครับ เป็นห้องแบบไม่มีห้องน้ำในตัว (ถูกกว่า) แต่มีอ่างล้างหน้าในห้องครับ ห้องแต่งแบบเรียบๆ เรียบมาก แต่สะอาดมากเช่นกัน จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 11:59:16

ความคิดเห็นที่ 3 ห้องอาบน้ำ อันนี้ห้องอาบน้ำชาย ครับ ในนั้นจะซอยเป็นห้องย่อยๆ 3-4 ห้อง แต่เอาเข้าจริงๆ ชั้นที่ผมพักคงมีคนพักไม่เยอะ ไม่เคยเจอใครในห้องอาบน้ำเลยครับ (ใช้อาบ 2 ครั้ง ก่อนนอน กับเช้าวันรุ่งขึ้น) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:00:07

ความคิดเห็นที่ 4 ห้องส้วมครับ ทั้งห้องส้วมและห้องน้ำ จะให้อารมณ์โรงพยาบาล หรือหอพักมาก คือขาวๆ สะอาดๆ ไม่ตกแต่งอะไร จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:01:15

ความคิดเห็นที่ 5 โถงทางเดินหน้าห้อง สะอาดเรียบๆ และเงียบมาก จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:01:46

ความคิดเห็นที่ 6 ห้องนั่งเล่น เป็น common room เอาไว้ใช้ร่วมกัน ไม่แน่ใจว่ามีชั้นละห้องหรือเปล่า เพราะไม่ได้เดินไปดูชั้นอื่นครับ ห้องนี้อยู่ชั้นเดียวกับห้องที่เราพัก มีเก้าอี้ให้นั่งสบายๆ มีโต๊ะ มีอินเตอร์เน็ต มีคอมพิวเตอร์+ปริ้นท์เตอร์ให้ใช้ (เสียตังค์) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:02:29

ความคิดเห็นที่ 7 มุมนั่งเล่น เราเข้ามาดู + สำรวจสองรอบ เย็นวันแรก กับเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไม่เห็นมีใครใช้ห้องนะครับ (รูปสลับกันกับข้อความที่แล้วแฮะ แฮ่ๆ) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:03:19

ความคิดเห็นที่ 8 ตึกฝั่งตรงข้ามโรงแรม อันนี้มองออกจากหน้าต่างห้องเลยครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:04:03

ความคิดเห็นที่ 9 มองไปห้องข้างๆ เค้ามีระเบียงด้วย แต่ห้องที่ผมพักไม่มี จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:04:50

ความคิดเห็นที่ 10 ถนนหน้าโรงแรม แถบนี้เงียบมาก นานๆ รถยนต์ผ่านที จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:05:18

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากพักเหนื่อยแป๊บนึง ล้างหน้าล้างตากันแล้ว เราก็ออกสำรวจเมืองลูเซิร์นครับ นี่เป็นทางเดินจากโรงแรมเพื่อไปในเมือง แถบนี้เงียบสงบ บ้านสวย สวนสวย อากาศก็ไม่ร้อนครับ แต่อย่างว่า นี่มันเย็นมากแล้ว จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:05:58

ความคิดเห็นที่ 12 เดินไปเรื่อยๆ รถเริ่มพลุกพล่านเพราะเป็นถนนเส้นหลักที่ไปสถานีรถไฟ (Pilatusstrasse) ในภาพเป็นรถรางไฟฟ้า (แต่ไม่ได้วิ่งบนราง) นอกจากการที่ประชากรในเมืองใหญ่ๆ ในยุโรปไม่เยอะมาก การพยายามใช้ขนส่งมวลชนที่ใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมัน อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่อากาศที่นี่ค่อนข้างดีครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:06:31

ความคิดเห็นที่ 13 โรงหนัง กำลังฉายแฮรี่ พอตเตอร์ภาค 6 กันอยู่พอดี โรงหนังที่นี่ดูขลังมาก จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:07:13

ความคิดเห็นที่ 14 ร้านหนังสือ ex libris (เป็นภาษาละติน แปลว่า "book from..." หรือหมายถึงตราปั๊มหรือสัญลักษณ์ที่ใช้พิมพ์ในหนังสือโบราณในยุโรป เพื่อบอกเจ้าของ) เป็นร้านหนังสือในเครือ Migros มีอยู่ทั่วไปในสวิส เดินผ่านแล้วเห็นแต่หนังสือภาษาเยอรมัน เลยไม่ได้เข้าไปสำรวจ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:07:50

ความคิดเห็นที่ 15 ว่าแล้วก็เลี้ยวซ้าย ดูจากแผนที่แล้วเป็นทางลัดจะไปเมืองเก่า เลี้ยวซ้า คนแถวนี้เค้าชอบนั่งกินอาหารกันนอกร้านกันจริงๆ จะว่าไปก็เข้าใจได้ เพราะอากาศมันก็ดี เย็นๆ แล้วแดดก็ไม่ร้อน (ถึงร้อนก็ยังเห็นฝรั่งยอมตากแดดร้อนๆ นั่งอยู่ดี) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:08:39

ความคิดเห็นที่ 16 และแล้ว เราก็มาถึง สถานที่ที่มีคนถ่ายรูปมากที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์ สัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:10:05

ความคิดเห็นที่ 17 มันคือ Kapellbrucke (Chapel Bridge) และ Wasserturm (Water Tower) นั่นเอง Kapellbrucke เป็นสะพานไม้แบบมีหลังคา (covered bridge) ยาว 204 เมตร สร้างข้ามแม่น้ำ Reuss ในอดีตใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันเมือง สะพานนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1333 (เกือบเจ็ดร้อยปีก่อน สมัยเดียวกับพญาเลอไทอาณาจักรสุโขไทโน่นแน่ะ) ว่ากันว่า (นั่นคือไม่คอนเฟิร์มนั่นเอง) เป็นสะพานไม้แบบมีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปกันเลยทีเดียว น่าเสียดายที่สะพานเดิมโดนไฟเผาไป 2 ใน 3 เหลือแค่ส่วนที่เป็นเสา หอคอย และฐานราก ไฟไหมไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 1993 ที่เห็นอยู่นี่ คือของใหม่ ที่สร้างขึ้นเลียนของเดิมครับ (ถึงว่าสิ ไม้มันใหม่มาก) http://travelguide.all-about-switzerland.info/lucerne-chapelbridge-watertower.html http://www.luzern.com/en/navpage-ExcursionsLU-SightseeingLU-71745.html ส่วนหอคอย Wasserturm เป็นหอคอยสูง 34.5 เมตร เส้นรอบวง 38 เมตร (ดังนั้นเส้นรอบวงมากกว่าความสูง !!!) รูปทรง 6 เหลี่ยม ในสมัยโบราณใช้เป็นหอสังเกตการณ์ ที่เก็บสมบัติ คุก และที่ทรมานนักโทษ http://www.luzern.com/en/navpage-ExcursionsLU-SightseeingLU-72029.html http://en.wikipedia.org/wiki/Kapellbr%C3%BCcke จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:10:43

ความคิดเห็นที่ 18 ไฟไหม้เมื่อกลางดึก (เช้ามืด) 18 สิงหาคม 1993 สาเหตุสันนิษฐานว่า เกิดจากก้นบุหรี่ -_-"" จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:12:26

ความคิดเห็นที่ 19 บนสะพาน จะมีภาพเขียนโบราณ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียว เป็นภาพเขียนเล่าเรื่องตำนานและประวัติศาสตร์ของสวิสเซอร์แลนด์ และรัฐลูเซิร์น ภาพเขียนพวกนี้ส่วนใหญ่ (85 จาก 110 ภาพ) โดนทำลายเสียหายจากไฟไหม้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ดังนั้นภาพส่วนที่เห็นปัจจุบันนี้เป็นของทำเลียนขึ้นมา (โปรดสังเกต ไม้ใหม่มาก) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:13:37

ความคิดเห็นที่ 20 ตัวอย่างภาพเขียนครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:14:22

ความคิดเห็นที่ 21 ในช่วงเดือนที่มีการจัดงาน Fasnacht (Carnival) ของเมือง (แต่ละปีไม่ตรงกัน ขึ้นอยู่กับปฏิทินทางจันทรคติ) ภาพเขียนเหล่านี้จะถูกแทนที่ด้วยงานศิลปะ (ภาพเขียน) สมัยใหม่ เพื่อโปรโมทงานคาร์นิวัลครับ http://wikitravel.org/en/Luzern จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:17:01

ความคิดเห็นที่ 22 ฝั่งตรงข้าม มองจากสะพาน จะเห็น Rathausquai (ถนนศาลาว่าการเมือง) เป็นถนนริมแม่น้ำ ที่ชื่อแบบนี้ เพราะมีอาคาร Rathau (ศาลาว่าการเมือง) ตั้งอยู่ (ตึกทางซ้ายที่มีธง และมีหอนาฬิกาสูงๆ น่ะครับ) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:17:55

ความคิดเห็นที่ 23 จากสะพาน มองตาม Rathausquai ไป จะเห็นยอดแหลมๆ คือหอคอยที่จตุรัส Schwanenplatz (จตุรัสหงส์) และถ้ามองเลยไปอีกหน่อย จะเห็นยอดแหลมคู่ นั่นคือ Hofkirche หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Church of St. Leodegar (นักบุญประจำเมืองลูเซิร์น) เป็นโบสถ์ที่เก่าที่สุดในลูเซิร์น แรกเริ่มแล้วสร้างตั้งแต่ปี 735 (พันกว่าปี แต่โบสถ์ปัจจุบันอายุสามร้อยกว่าปี) เสียดาย พลาด (อีกแล้ว) ไม่ได้เดินไปดู จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:18:30

ความคิดเห็นที่ 24 บนสะพาน มีคนเซ็นชื่อไว้ เอาล่ะ อันนี้พูดตรงๆ ว่าไม่ทราบว่าเป็นธรรมเนียม ประเพณี หรืออะไร ที่ว่าไปเที่ยวในสถานที่ประวัติศาสตร์ ต้องเซ็นชื่อไว้ (เห็นที่เวโรนา และที่อินสบรุคก็มี) ส่วนตัวคิดว่าไม่ควร มันดูสกปรก เลอะเทอะ ไม่ชอบเลย และจะไม่ทำด้วยครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:19:39

ความคิดเห็นที่ 25 หึหึ บอกที่เรียนด้วยนะ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:20:10

ความคิดเห็นที่ 26 ผมคิดว่าไม่เหมาะ และไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเค้าทำกันเป็นประเพณีที่นั่น ก็ทำไป (แต่ผมไม่ทำ และจะสอนคนอื่นๆ ให้ไม่ทำด้วย) ยังไงซะอย่ามาทำที่เมืองไทยก็แล้วกัน จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:21:02

ความคิดเห็นที่ 27 ในแม่น้ำ เต็มไปด้วยหงส์ มีคนมาให้อาหารเป็นระยะๆ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:21:51

ความคิดเห็นที่ 28 ในทะเลสาบที่ยุโรปนี่ เห็นหงส์บ่อยมากครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:22:37

ความคิดเห็นที่ 29 Rathausquai ตอนเย็นจะเป็นร้านอาหาร เค้าว่าบางวันในสัปดาห์จะเป็นตลาดนัด (วันไหนไม่ทราบ เดาว่าอังคารกับเสาร์) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:23:11

ความคิดเห็นที่ 30 สะพาน Chapel Bridge อีกสักรอบ จะเห็นเขา Pilatus (2,120 m) อยู่หลังหอคอยลางๆ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:23:49

ความคิดเห็นที่ 31 อาคาร Zur Gilgen Haus และหอคอยที่ปลายสะพาน ในสมัยโบราณใช้เก็บธัญพืช จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:24:28

ความคิดเห็นที่ 32 ถนนในเขตเมืองเก่า (Altstadt) จะเป็นถนนปูด้วยหินแบบนี้ เมืองเก่าในยุโรป มักจะเป็นถนนลักษณะนี้แหละครับ คือปูด้วยหิน (หรือไม้) และมักจะมีอายุหลายร้อยปี บางที่จะมีอายุเป็นพันปีเลยทีเดียว หลังสงครามโลก ถนนเหล่านี้ถูกทำลายลงไปเยอะ รัฐบาลหลายประเทศก็ใช้ยางมะตอย ซึ่งถูกและทนราดทับไปหลายแห่ง เพื่อการบูรณะประเทศหลังสงคราม แต่หลังจากนั้นก็ต้องมาทุบออก แล้วพยายามบูรณะถนนดั้งเดิมแบบนี้ครับ เพราะเล็งเห็นความสำคัญทางประวัติศาสตร์ (และมันสวยกว่าด้วย) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:24:56

ความคิดเห็นที่ 33 ผนังข้างโบสถ์เซ้นต์ปีเตอร์ มีภาพเขียนเฟรสโก้ประดับอยู่ เมืองลูเซิร์น เด่นมากเรื่องภาพเขียนผนังประดับอาคารในเขตเมืองเก่านะครับ ดังนั้น ใครจะไป ห้ามพลาดเด็ดขาด ควรเดินสำรวจให้ทั่วเมือง จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:25:53

ความคิดเห็นที่ 34 Kapellplatz (Chapel Plaza) อยู่ใกล้ๆ โบสถ์เซ้นต์ปีเตอร์ มีน้ำพุสีสันสวยสดตั้งอยู่กลางจตุรัส จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:26:17

ความคิดเห็นที่ 35 น้ำพุนี้คือ Fritschibrunnen (Fritschi fountain) จริงๆ แล้วน้ำพุนี้สร้างเมื่อไม่นานมานี้เอง (ปี 1918 ไม่ถึงร้อยปี) แต่เป็นน้ำพุที่เด่น เพราะสีสันสวยงาม และมีรูปปั้นบุคคลสำคัญอยู่ที่ยอด ตามสไตล์น้ำพุยุคเรเนอซองส์ (ศิลปะโกธิค) (น้ำพุลักษณะนี้พบได้ทั่วไปที่เมืองใหญ่ๆ ในสวิส เช่นที่เบิร์น) ประวัติของน้ำพุนี้ก็คือว่า ในสมัยก่อนบริเวณนี้เป็นสุสานของโบสถ์เซ้นต์ปีเตอร์ (ที่อยู่ติดกัน) น้ำพุนี้สร้างทับบนหลุมศพของ Fritschi ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในตำนานของเมือง Fritschi เป็นชาวนาที่ร่ำรวย บริจาคเงินเพื่อให้ทานแจกไวน์ฟรีกับคนทั่วไปเมื่อเมืองมีงานคาร์นิวัล จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:27:13

ความคิดเห็นที่ 36 น้ำสามารถดื่มได้ เช่นเดียวกับน้ำพุส่วนใหญ่ในสวิส จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:27:59

ความคิดเห็นที่ 37 ท่อปล่อยน้ำเป็นรูปตัวตลกสวมหน้ากากในงานคาร์นิวัล (เพราะ Fritschi เป็นตำนานที่เกี่ยวข้องกับงานคาร์นิวัล) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:29:04

ความคิดเห็นที่ 38 หน้ากากตระกูล Fritschi จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:29:32

ความคิดเห็นที่ 39 น้ำพุ และโบสถ์เซ้นต์ปีเตอร์ โบสถ์นี้เป็นโบสถ์แห่งแรกในเขตกำแพงเมือง (โบสถ์ Hofkirche อยู่นอกกำแพงเมือง) สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1178 (แปดร้อยกว่าปี ก่อนสมัยสุโขทัย) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:30:21

ความคิดเห็นที่ 40 ถนนในเขตเมืองเก่า (ในรูปคือ Kapellgasse หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ Chapel Alley) ปัจจุบันเป็นร้านค้ามากมาย จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:33:18

ความคิดเห็นที่ 41 มีทั้งร้านของฝาก ร้านเสื้อผ้า ฯลฯ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:33:52

ความคิดเห็นที่ 42 และอย่างที่บอก เมืองนี้เด่นเรื่องภาพเขียนประดับผนังอาคาร พวกภาพเขียนนี้ส่วนมากเป็นของเก่าทั้งนั้นครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:34:36

ความคิดเห็นที่ 43 Kornmarkt (grain market plaza) ในสมัยโบราณ จตุรัสตรงนี้จะเป็นตลาดขายพวกข้าวโพดและธัญญพืช ทางซ้ายมือคืออาคาร Rathaus (Town Hall) หรือที่ว่าการเมืองหลังเก่า อาคารที่เห็นนี้ เป็นอาคารใหม่ (แล้วนะ) อายุ 400 ปี (ตรงกับสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ) ปัจจุบันไม่ได้ใช้เป็นศาลาว่าการเมืองแล้วครับ http://www.luzern.com/en/navpage-ExcursionsLU-SightseeingLU-72074.html เห็นอาคารทาสีสวยๆ ตรงกลางภาพมั้ยครับ มันคือ Zunfthaus zur Pfistern (Pfistern Guild House) สมัยก่อนเป็นสมาคมคนทำขนมปัง (Pfister เป็นภาษาเยอรมันเก่า แปลว่า baker) ตอนนี้เป็นร้านอาหาร http://www.zunfthaus-zu-pfistern.ch ภาพเขียนบนผนังสวยมาก ห้ามพลาด (ผมไม่ได้ถ่ายรูปแบบเต็มๆ มาซะด้วย) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:35:59

ความคิดเห็นที่ 44 Rathaus จะมีหอนาฬิกาขนาดใหญ่ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:36:59

ความคิดเห็นที่ 45 ทุ่มกว่าจะสองทุ่มแล้วยังสว่างจ้าอยู่เลย จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:37:30

ความคิดเห็นที่ 46 Kornmarkt และ Rathaus อีกรูปครับ อ่อ ธงของรัฐเบิร์นเป็นธงสีฟ้าขาว ตาม coat of arms ของเมืองครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:38:56

ความคิดเห็นที่ 47 เดินไปอีกหน่อย เจอ Hirschenplatz (Deer Plaza) ตอนแรกเข้าใจว่าเคยเป็นตลาดค้ากวางมาก่อน แต่มาอ่านเจอว่า ตั้งชื่อตามโรงแรมเก่าแก่ที่อยู่ตรงนี้ครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:39:41

ความคิดเห็นที่ 48 คิดว่าคืออาคารหลังนี้ครับ ป้ายหน้าร้าน (ที่เป็นเหล็กดัดปิดทองสวยๆ) เป็นรูปกวางกระโดด จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:40:24

ความคิดเห็นที่ 49 Von-Laufen Haus ยังค้นประวัติไม่ได้ ค้นเจอแต่ชื่อ Laufen = วิ่ง ที่ชั้นบนมีตุ๊กตาคนวิ่งสีทองอยู่ ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:42:08

ความคิดเห็นที่ 50 ช่วงที่ไป ไมเคิ้ล แจ็กสัน เพิ่งตาย ก็อย่างที่เห็นแหละครับ มีขายโปสเตอร์ด้วย ดูด้านบนที่ขอบภาพครับ เห็นภาพวาดขาคนมั้ยครับ เสียดายผมไม่ได้ถ่ายมาเต็มๆ มันเป็นรูปคน แล้วเขียนไว้ว่า "J. WolfGang Von Goethe Logierte Hier 1779" แปลได้ว่า J. WolfGang Von Goethe เคยพักอยู่ที่นี่ปี 1779 http://goeurope.about.com/od/lucerne/ig/Lucerne-Pictures/lucerne-street-scene.htm จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:43:00

ความคิดเห็นที่ 51 นี่แหละครับ อาคารหลังทางขวา ที่มีป้ายเป็นรูปนกสองหัวนี่แหละ (ที่ว่าเกอเธ่เคยมาพัก) ผมไม่แน่ใจว่าทำไมใช้สัญลักษณ์นกสองหัวนะครับ เพราะปกติสัญลักษณ์นี้เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ของออสเตรีย-ฮังการี (นกสองหัวหมายถึง หัวนึงคือออสเตรีย อีกหัวคือฮังการี) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:45:00

ความคิดเห็นที่ 52 ร้านกิ๊ฟต์ช็อป จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:45:42

ความคิดเห็นที่ 53 Von-Laufen Haus อีกที จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:46:16

ความคิดเห็นที่ 54 อาคารอีกหลังที่ Hirschenplatz อาคารนี้คือ Dornach house สร้างราวปี 1900 ศิลปยุคนีโอโกธิค หลังจากตรงนี้ไป เราก็ไปเจอ COOP ร้านใหญ่ครับ ใหญ่มาก แวะชอปปิ้งของฝาก (โดยเฉพาะช็อคโกแลต) กันประมาณชั่วโมงกว่า ที่ต้องซื้อที่นี่เพราะรุ่งขึ้นก็เป็นซูริค และนัดเจอเพื่อน กลัวว่าจะไม่มีเวลาซื้อ เลยซื้อมันซะเลย ปรากฏว่า หามีดสวิสที่นี่ยาก และหารุ่นได้ไม่ครบเท่ากับที่อินเตอร์ลาเก้น เอาล่ะสิ จะซื้อได้มั้ย จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:47:15

ความคิดเห็นที่ 55 หลังจากช็อปปิ้งกันเสร็จก็ออกมาเดินเล่นต่อ อาคารนี้ผมยังหาชื่อและประวัติไม่เจอ ที่ถ่ายมาเพราะประตูสวยครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:48:05

ความคิดเห็นที่ 56 เดินออกมาที่สะพาน Reussbrucke มองเห็น Chapel Bridge และฉากหลังเป็นยอดเขา Rigi (1,797 m) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:48:46

ความคิดเห็นที่ 57 น้ำในแม่น้ำ Reuss ใสแจ๋ว ใสมากๆ และท่าทางจะเย็นมากๆ ด้วย จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:49:15

ความคิดเห็นที่ 58 ริมฝั่งแม่น้ำ ใกล้ๆ กับสะพาน Chapel Bridge มีโบสถ์รูปทรงแปลกๆ อยู่ นั่นคือโบสถ์ Jesuitenkirche (Jesuit Church) เป็นโบสถ์ในนิกาย Jesuit (เรียกนิกายไม่รู้ถูกหรือเปล่า เพราะ Jesuit เป็นแคทอลิก) Jesuit เป็น order (ไม่น่าจะแปลว่านิกาย แปลว่าอะไรดี) หนึ่งของศาสนาคริสต์นิกายโรมันแคทอลิก ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นกองกำลังใช้ต่อต้านนิกายโปรเตสแตนท์ในศตวรรษที่ 16 ลูเซิร์นเป็นเมืองเดียวในสมัยนั้นที่ยังเป็นแคทอลิกอยู่ ในขณะที่สวิสอื่นๆ (เจนีวา เบิร์น) เปลี่ยนเป็นโปรเตสแตนท์แล้ว ทางสภาเมืองเลยก่อตั้งวิทยาลัย Jesuit ขึ้นที่เมืองนี้ ส่วนโบสถ์เยซูอิตแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี 1666 โดยใช้ศิลปะบาโรก (ด้านนอก) และรอคโคโค่ (ด้านใน) http://travelguide.all-about-switzerland.info/lucerne-jesuitchurch.html เป็นอีกที่หนึ่งที่ผมพลาด ไม่ได้เข้าไปดูครับ (มันค่ำและเหนื่อยแล้วน่ะนะ) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:49:53

ความคิดเห็นที่ 59 มีที่นั่งว่างบนสะพาน Reussbrucke นั่งพักกินเชอรี่กับสตรอเบอรี่ และช็อกโกแลต ที่ซื้อมาจาก COOP จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:50:17

ความคิดเห็นที่ 60 นั่งอยู่กลางสะพาน อากาศไม่ร้อน มีคนเดินเล่นกันเยอะทีเดียว จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:50:44

ความคิดเห็นที่ 61 นั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง กินขนมกันจนอิ่ม ก็ลุกขึ้นเดินกลับไปทางเมืองเก่าต่อ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:51:21

ความคิดเห็นที่ 62 เดินมาจนถึงจตุรัสแห่งหนึ่ง ชื่อ Weinmarkt (Wine Market) พอจะเดาได้ใช่มั้ยครับ ว่าสมัยก่อนเป็นตลาดค้าไวน์ และสมัยก่อน บริเวณนี้ยังเป็นที่ว่าการเมืองดั้งเดิมด้วย เดินผ่านโรงแรม Des Balances http://www.balances.ch/ อายุ 200 ปี เป็นโรงแรมเก่าแก่ และแพงน่าดูทีเดียวครับ ภาพเขียน (facade) ด้านหน้าโรงแรมสวยมากครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:52:42

ความคิดเห็นที่ 63 บริเวณเดียวกัน ก็มีร้านอาหาร zur Linde (ร้านต้น Linden) บริเวณนี้มีต้น Linden ซึ่งในสมัยก่อนเป็นเหมือนสัญลักษณืของจตุรัสศูนย์กลางของเมือง หน้าต่างทาสีฟ้าขาวตามสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:53:25

ความคิดเห็นที่ 64 อาคารรอบๆ จตุรัส Weinmarkt จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:55:58

ความคิดเห็นที่ 65 โรงแรม Krone (Crown) http://www.krone-luzern.ch สังเกตว่าป้ายร้านในเมืองเก่ายุโรป นอกจากที่เขียนด้วยตัวหนังสือแล้ว จะมีสัญลักษณ์ทำสวยๆ แขวนอยู่ด้วย ที่ต้องทำอย่างนั้นก็เพราะว่า ในสมัยโบราณ หาคนที่รู้หนังสือ อ่านหนังสือออกได้ไม่ง่ายนัก ดังนั้นร้านค้า โรงแรม ฯลฯ เลยต้องทำสัญลักษณ์ให้คนที่อ่านหนังสือไม่ออกสามารถเข้าใจ และรู้จักได้ เช่น โรงแรม Krone (มงกุฎ) ก็ทำเป็นรูปมงกุฎ โรงแรม Linde ก็ทำเป็นรูปต้น Linden อะไรทำนองนี้ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:56:35

ความคิดเห็นที่ 66 น้ำพุกลางจตุรัส Weinmarkt สร้างแบบศิลปะ Late Gothic เมื่อปี 1481 จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:57:05

ความคิดเห็นที่ 67 น้ำใส เย็น ดื่มได้ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:57:33

ความคิดเห็นที่ 68 เดินกลับมาที่ Kornmarkt เพื่อข้ามสะพานกลับไปฝั่งโรงแรม จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:57:57

ความคิดเห็นที่ 69 ริมน้ำ เค้าก็นั่งกินข้าวกัน ร้านอาหารเต็มไปหมด จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:58:39

ความคิดเห็นที่ 70 หน้า Town Hall (Rathaus) หลังเก่า คนเค้าก็นั่งเล่นให้อาหารหงส์กันไป จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:59:08

ความคิดเห็นที่ 71 เดินข้ามมาอีกฝั่ง เจอรูปหล่อโลหะ เข้าใจว่าเป็นงานสมัยใหม่ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร หมายความว่าอะไร และใครทำ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:59:34

ความคิดเห็นที่ 72 ระหว่างทางกลับไปโรงแรม เห็นอาคารเก่า เป็นกึ่งไม้กึ่งปูน (Timber framing หรือภาษาเยอรมันเรียกว่า Fachwerk) ส่วนที่เป็นสีแดงๆ คือไม้ ทำเป็นโครง แล้วปิดผนังด้วยอิฐและปลาสเตอร์ ยุคกลางในยุโรปนิยมสร้างบ้านสไตล์นี้กัน จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:00:04

ความคิดเห็นที่ 73 อาคารที่พักอาศัยบริเวณใกล้ถึงโรงแรม อาคารพวกนี้อายุเกินร้อยปีทั้งนั้นครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:00:31

ความคิดเห็นที่ 74 กลับมาถึงโรงแรม อาบน้ำแล้วสลบ ฟ้ามืดแล้วด้วย จริงๆ แล้วน่าจะอยู่รอให้มืดแถวๆ สะพาน Chapel Bridge เหมือนกันครับ เค้าน่าจะเปิดไฟประดับ นี่หน้าโรงแรมครับ โรงแรมไม่มีแอร์ เปิดหน้าต่างนอน อากาศไม่หนาว ค่อนไปทางร้อนๆ ด้วยซ้ำ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:00:54

ความคิดเห็นที่ 75 เข้าใจว่าที่มันร้อนเพราะฝนมันจะตกในวันรุ่งขึ้นครับ ตื่นเช้ามาฝนตก พรำๆ ฟ้าครึ้มเลยทีเดียว จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:01:33

ความคิดเห็นที่ 76 นี่บริเวณหน้าโรงแรม ถ่ายออกมาจากห้องอาหารของโรงแรม จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:01:59

ความคิดเห็นที่ 77 ห้องอาหารครับ มีแขกทะยอยมากินอาหารเช้ากัน อาหารเค้าก็ธรรมดา พนักงานเอามาเติมเรื่อยๆ ห้องอาหารค่อนข้างสะอาดทีเดียว อารมณ์คล้ายๆ ห้องอาหารในหอพักเยาวชน จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:02:50

ความคิดเห็นที่ 78 อาหารเช้าค่อนข้างธรรมดาแหละครับ มีพวกขนมปัง ไข่ แฮม ชีส กาแฟ น้ำผลไม้ นม ซีเรียล ฯลฯ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:03:15

ความคิดเห็นที่ 79 เตรียมตัวเช็คเอ้าท์ นี่มองออกจากในโรงแรม มีสวนด้านหลัง สวยดี จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:03:40

ความคิดเห็นที่ 80 สี่แยกหน้าโรงแรม เราก็เดินกางร่ม + ใส่เสื้อฝน + ลากกระเป๋ากันออกมาจากโรงแรม เพื่อไปขึ้นรถไฟ ฝนพรำๆ อากาศเย็นดีครับ หลังจากที่เจอร้อนมา 2 วันติด จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:04:07

ความคิดเห็นที่ 81 แถมท้าย... รวบรวมสิ่งที่ไม่ควรพลาดที่เมืองลูเซิร์น (แล้วผมพลาด) 1. สิงโตแห่งลูเซิร์น (Lowendenkmal) สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารรับจ้างสวิส ที่โดนฆ่าตายหมู่ (หลังจากยอมวางอาวุธตามคำสั่งของกษัตริย์) เพื่อปกป้องพระราชวัง Tuileries และพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จากการบุกเข้ายึดของชาวฝรั่งเศสในการปฏิวัติฝรั่งเศส เหตุการณ์ครั้งนั้นมีทหารสวิสตายไป 760 คน (600 คนโดนฆ่าตายหมู่หลังจากยอมวางอาวุธแล้วภายในวันเดียว ที่เหลือโดนส่งเข้ากิโยติน) รูปสลักเป็นรูปสิงโตบาดเจ็บกำลังปกป้องโล่ห์ที่มีสัญลักษณ์ fleur-de-lis ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ฝรั่งเศส ฝีมือการออกแบบของศิลปินชาวเดนมาร์ก Bertel Thorvaldsen แต่ Thorvaldsen เสียชีวิตก่อน งานจึงเสร็จได้ด้วยฝีมือของ Lukas Ahorn ศิลปินอีกคนหนึ่ง มีตำนานเล่าว่า Ahorn ไม่พอใจที่ทางเมืองลูเซิร์นไม่ยอมเปลี่ยนแบบเป็นแบบที่เค้าออกแบบ แต่ให้เค้าทำตามแบบเดิมของ Thorvaldsen ด้วยความไม่พอใจ Ahorn จึงสลักรูปสิงโตให้อยู่ในโครงร่างรูปหมู (ลองสังเกตถ้ำที่สิงโตนอนอยู่ ด้านซ้ายเป็นจมูกหมู เหนือหัวสิงโตมีหูหมู) ทั้งนี้ ไม่คอนเฟิร์มว่าจริงหรือแค่เป็นเหตุบังเอิญ http://en.wikipedia.org/wiki/Lion_Monument จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:04:42

ความคิดเห็นที่ 82 2. กำแพงเมือง และป้อมของเมืองลูเซิร์น (Musegg Wall) เมืองลูเซิร์นยังมีป้อมและกำแพงเมืองหลงเหลืออยู่ในสภาพดี (จริงๆ แล้ว Water Tower ก็เป็นหนึ่งใน 9 ป้อมที่เหลืออยู่) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:05:28

ความคิดเห็นที่ 83 3. Spreuer Bridge และภาพวาด Dance of Death Spreuer Bridge เป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาหกร้อยกว่าปีแล้ว (ร่วมสมัยกับอยุธยาตอนต้น) บนสะพาน มีภาพเขียน 67 ภาพ อายุประมาณเกือบสี่ร้อยปี เป็นภาพวาดเกี่ยวกับความตาย (แทนด้วยโครงกระดูก) สื่อว่าคนเรา ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็หนีความตายไม่พ้น (โดยเฉพาะเมื่อเกิดโรคระบาดใหญ่จากกาฬโรคในยุคกลางของยุโรป) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:05:54

ความคิดเห็นที่ 84 โอ่ว แม่เจ้า อยากไปบ้างจังเลยค่ะ จากคุณ : anyarat_postharvestcmu เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:06:21

ความคิดเห็นที่ 85 นอกจากนี้ เมืองลูเซิร์นยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีก เช่น พิพิธภัณฑ์การขนส่ง พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ่ ผมว่าถ้าใครสนใจก็น่าจะแวะเข้าไปดู อ่อ และที่ไม่ควรพลาดคือควรเดินดูเมืองเก่าให้ทั่ว เพราะอาคารเก่าและภาพเขียนยังมีอื่นๆ อีกมาก ที่ผมพลาดไปครับ เช่นอันนี้ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:06:41

ความคิดเห็นที่ 86 #84 คุณ anyarat_postharvestcmu สวัสดีครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:07:19

ความคิดเห็นที่ 87 สุดท้ายของกระทู้นี้ เราเดินลากกระเป๋าฝ่าฝนพรำๆ เดินไปที่สถานีรถไฟ เพื่อรีบขึ้นรถไปซูริคต่อ เพราะเรานัดเพื่อนฝรั่งเอาไว้ที่นั่นครับ เจอกันกระทู้หน้า ที่ซูริคครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:08:41

ความคิดเห็นที่ 88  ขอเก็บสตอร์เบอร์รี่ไปกินระหว่างทางไปซูริค ได้ไม๊คะ อิอิ จากคุณ : อะตอม (atom magazine) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 13:14:22