ความคิดเห็นที่ 1 1,219 โค้งกับหนทางที่ขึ้นชื่อว่าหินที่สุดสายหนึ่งของเมืองไทย พาคนไทย ฝรั่งหรือชาวกะเหรี่ยงอ้วกแตกกันมานักต่อนัก ฉาญาของถนนที่เราต้องพิชิตคือ "ถนนกะเหรี่ยงลอยฟ้า" เมื่อพร้อมเดินทางแล้ว รถสองแถวเที่ยวแรก 7.00 น. ก็ออกเดินทางพร้อมกับลุงคนขับที่เราจำเป็นต้องฝากชีวิตไว้กับเขา ขณะที่คุณลุงก็ดูชิวๆกว่าจะเดินทางจริงๆก็พาไปรับคนนู้นคนนี้ แบกของฝากลากถุงปุ๋ยกันให้เต็มคันรถ แถมยังจะจอดพักกินข้าวอีกแหนะ... จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:36:27

ความคิดเห็นที่ 2 หูอื้อจากระดับความสูงที่ไต่ขึ้นอย่างรวดเร็วของรถสองแถวที่มีคุณลุงผู้ชำนาญบังคับ เมื่อถึงครึ่งทางแล้วมองลงไปยังหุบเขาเบื้องล่างก็พบพื้นที่สี่เหลี่ยมน้อยใหญ่ ที่แบ่งไว้สำหรับการเกษตรของผู้อพยพจากสงครามชนกลุ่มน้อยในพม่า หากมีคำถามในใจอยู่ว่า ป่าไม้นั้นไปไหน? จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:37:12

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่ออยู่ใกล้ชายแดน ก็ย่อมมีปัญหาเรื่องลักลอบเข้าเมือง ทหารเหล่านี้ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ คอยตรวจบัตรและใบอนุญาต ซึ่งมี 4 - 5 จุดด้วยกัน ตัวเราเองกับผู้ร่วมเดินทางก็ไม่เว้น ต้องควักบัตรประชาชนแข็งๆใบเล็กๆออกมาให้ตรวจจนเป็นที่รำคาญใจไปบ้าง แต่ก็นั่นแหละ เพราะสิ่งนี้ก็เป็นการบอกว่าเราเองนั้นเป็นคนไทยโดยแท้ สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในราชอาณาจักรแห่งนี้ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:37:51

ความคิดเห็นที่ 4 หมู่บ้านของผู้อพยพ มากมายสุดสายตากว่าที่คิด ขณะผ่านหมู่บ้านนี้ก็มีผู้อพยพเหล่านี้ขึ้นมาเต็มรถเลย แต่ละคนไม่ว่าจะสาวหรือแก่ ต่างกระเตงลูกมาละคนสองคน เด็กที่เติบโตที่นี่ เค้าจะคิดว่าเค้าเป็นคนไทยไหมนะ? จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:38:28

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าหากว่าเขาอยากจะมีสัญชาติบนดินแดนที่เขาถือกำเนิด คนของแผ่นดินนี้จะต้อนรับเขาไหมนะ? หรือว่าจะต้องกลับไปเสี่ยงตายยังแผ่นดินอื่น หรือมันไม่มีทางใดๆ จำต้องอยู่ตรงกลางแบบนี้ตลอดไป จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:39:10

ความคิดเห็นที่ 6 รู้สึกโลกหมุนไปหมุนมาอยู่ชาตินึง ก็ถึงแล้ว ประมาณเที่ยงครึ่งได้ นั่งจนก้นบาน ถึงรีสอร์ทได้ไม่เท่าไหร่ ทางผู้จัดการก็ส่งลงแพยางทันที เพราะกลัวเข้าป่าไม่ทัน อาหารใส่กล่องเตรียมพร้อมโยนลงเรือเรียบร้อย ยังไม่ทันได้รูปรีสอร์ทเลย... ทริปนี้เข้าป่าไปกัน แค่ 2 คนเท่านั้น มานี่ก็เหมือนเหมารีสอร์ทเลย ก่อนมานี่ก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน เพราะที่นี่ก็ได้ยินกิตติศัพท์จาก pantip มาพอควร แต่ก็ต้องมาอะนะเพราะซื้อ package ไว้แล้ว แต่พอมาจริงๆก็มีการบริการที่ดีใช้ได้เลยหละ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:41:40

ความคิดเห็นที่ 7 ระวัง! ชนหน้าผา แม่น้ำสายนี้ชื่อ"แม่กลอง" ซึ่งมันก็จะไหลไปเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้าน ผ่านป่า แล้วก็ไปออกถึงอัมพวานู่น ไกลดีมั้ยหละ ขอบคุณแม่น้ำสายนี้ที่ให้กำเนิดแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมากมาย ทิวทัศน์บริเวณนี้มีหน้าผาสูงชันอยู่ริมน้ำ อากาศเย็นๆ ฉ่ำๆหลังฝนตก ล่องเรือไปกับคนรู้ใจ ฟังเสียงนก เสียงแมลง เสียงน้ำ เป็นบทเพลงแห่งธรรมชาติ แล้วชีวิตยังต้องการอะไรอีก จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:48:08

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่นานเราก็ล่องมาถึงน้ำตก"ทีลอจ่อ" ซึ่งแปลว่าน้ำตกสายฝน หากมาในเวลาที่แสงตกกระทบในช่วงสาย สีทั้งเจ็ดของรุ้งกินน้ำจะปรากฏ แต่ตอนที่เราไปมันบ่ายแล้วไงเลยอด ก็ถ่ายรูปไปขอบอกว่ายากมากมาย เพราะต้องห่วงว่ากล้องใหม่จะเปียกน้ำ(เพิ่งไปถอยมา) แถมบนเรือมันนิ่งซะที่ไหนหละ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:52:06

ความคิดเห็นที่ 9 ตามมาให้กำลัง จขกท. ก่อนนอนครับ .. จากคุณ : ว่าที่ลูกเรือ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:54:41

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ^ ขอบคุณครับ คุณว่าที่ลูกเรือ ผ่านมาไม่เกินร้อยเมตรก็จะพบกับอีกน้ำตกหนึ่งชื่อว่า"น้ำตกสายรุ้ง" ตรงนี้ละอองน้ำเข้าเต็มๆ ไม่ห่วงไม่เสียดายชักกล้องมาถ่ายทั้งอย่างงั้นเลย ฮ่าๆๆ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:56:51

ความคิดเห็นที่ 11 อีกมุมหนึ่งของน้ำตก ได้ภาพของมอสปกคลุมหนาเชียว จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:02:28

ความคิดเห็นที่ 12 เดินทางกันมานาน นั่งจนเกือบหลับละ คนพายก็จอดให้เราขึ้นไปชม บ่อน้ำร้อน ไอ้เราที่กลัวเปียกเมื่อกี้หลบน้ำตกแทบตาย สุดท้ายก็ต้องมาแช่น้ำร้อนตามคำเชิญชวนที่แรงกล้าของผู้ร่วมเดินทาง และแน่นอนตอนนี้บ่อน้ำร้อนกลางป่านี้ก็มีแค่เราสอง จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:06:17

ความคิดเห็นที่ 13 ตามมาระลึก ความหลัง จากคุณ : สอง (kemmika) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:06:53

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ ความหลังอะไรคร้าบบ ผีเสื้อน้อยมาเกาะแขนของใคร??? อิๆ ขี้เล่นจริงนะ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:10:18

ความคิดเห็นที่ 15 ล่องเรือมา 3 ชั่วโมงกำลังจะหลับ ก็มาถึงท่าทราย การจะไปต่อคือ ต้องเดินไปเท่านั้น ในช่วงฤดูฝนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะไม่เปิดให้รถเข้าไปถึงข้างในได้เนื่องจากเกรงอันตราย ต้องเดินไปตามถนนลูกรังขึ้นเขาลงห้วยเป็นลูกๆ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:11:14

ความคิดเห็นที่ 16 ตั๊กแตนสวยๆ ระหว่างการเดินทางไปเรื่อยๆเฉื่อยๆ ก็ถ่ายรูปไปด้วย ณ ตอนนี้ยังมีความสุนทรีย์อยู่ เห็นอะไรแปลกๆมากมายแต่ถ่ายไม่ทันก็มาก แต่พอเริ่มเหนื่อยก็เริ่มไม่ไหวและ ไอ้กล้องนี่ก็หนักเหลือเกิน เป้นี่ก็อีก คิดถึงเคาน์เตอร์ฝากของหน้าซุปเปอร์มาเก็ตขึ้นมาทันที จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:11:55

ความคิดเห็นที่ 17 เชื่อไหมว่านี่เป็นผีเสื้อ แต่เป็นผีเสื้อที่แปลกมากๆ ขี้อาย หลบๆหน้าไม่ยอมสู้กล้องเลย จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:12:31

ความคิดเห็นที่ 18 ฝูงแมลงมีปีก?? มันตอมอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าช็อตนี้โกรธผู้ร่วมเดินทางมาก ด้วยความมือบอนชอบเขี่ยนู่นนี่ของผู้ร่วมเดินทาง ทำเอาต้องรวบรวมกำลังที่มีอยู่น้อยนิดวิ่งหนี ไอ้พวกนี้ที่มันบินตามมาเป็นพรวน จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:13:10

ความคิดเห็นที่ 19 ถึงแล้ว การเดินทาง 1 คืน กับ อีก 1 วัน T-T ชั้นมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ไกลซะ ก่อนจะถึงนี่เล่นเอาเครียดเลยนะ เพราะฟ้ามืดลงทุกขณะ แล้วคนนำทางก็เดินซะเร็วหายไปนานมากๆ นึกโกรธอยู่นะตอนนั้น แล้วด้วยใจที่คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงซะทีเนี่ย บวกกับเหนื่อยจากการเดินไกลๆในป่าที่มีคนกรุงอยู่ 2 คนนี่ อันตรายอยู่พอสมควรเลย แต่สุดท้ายก็ถึงจนได้ 10 กิโลที่เดินมา เล่นเอาเหนื่อยพอสมควร ไม่สิ เหนื่อยมากกกกกกก วันนี้จัดแจงอาบน้ำ กินอาหารที่ไม่อยากเชื่อว่าจะได้กินในป่า พี่ๆเขาทำมาให้กินมากมายอิ่มหนำหลับปุ๋ยเลยทีเดียวเชียว จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:13:52

ความคิดเห็นที่ 20 ตื่นแต่เช้าตรู่ ก็เดินทางเข้าน้ำตกกันเลย เหลืออีก 1 กม. เอง อุตส่าห์หอบตัวเองมาถึงนี่ได้ ประตูทางเข้านี้ ห้ามขยะ ยาสระผม ขวดน้ำ มีด และอีกมากมายผ่านเข้าไปนะครับ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติให้อยู่ชั่วลูกหลาน เราก็ควรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ที่นี่จะเปิดตั้งแต่ 8.00 - 17.00 น. นะครับ แล้วน้ำตกก็ควรเข้าไปชมแต่เช้าๆเพราะแสงแดดจะส่องมาทางทิศที่ตรงข้ามกับน้ำตกพอดี จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:14:39

ความคิดเห็นที่ 21 ขอโทษคุณสมบูรณ์จากจันทบุรีด้วยนะครับที่ต้องเอาชื่อของคุณมาเป็นแบบที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างของการทำลายทัศนียภาพ แม้ว่าต้นไผ่ต้นนี้คงไม่ตาย และธรรมชาติก็คงไม่เสียหายมากนัก แต่มันก็บ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของคนบางคนที่ไม่รู้จักรักและหวงแหนธรรมชาติ สักแต่ว่าเที่ยวไปให้รู้เห็นและสลักชื่อไว้เป็นที่ระลึกประหนึ่งตัวเองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว หารู้ไม่ว่ากลับเป็นการทิ้งชื่อให้คนที่มาทีหลังได้ด่าถูกคน และที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือ คนที่เข้ามาที่นี่ก็มากมายหลายเชื้อชาติ แต่กลับเห็นข้อความพวกนี้เป็นภาษาไทยทั้งนั้น คนไทยหนอคนไทย ฝรั่งมังค่าเขาดั้นด้นมาจากแดนไกลเพื่อมาชมของดีบ้านเรา แต่ของของเราแท้ๆกลับจะทำลายได้ลงอย่างหน้าตาเฉย จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:15:17

ความคิดเห็นที่ 22 แม้บนป้ายศึกษาธรรมชาติก็มีธรรมชาติให้ศึกษา จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:16:01

ความคิดเห็นที่ 23 คนล้มอย่าข้าม ไม้ล้มจึงข้าม แต่ไม้ใหญ่ๆแบบนี้ก็ข้ามยากนะ แม้ใหญ่แค่ไหนก็มีวันล้ม คมไหมหละ ถึงตรงนี้ได้ยินเสียงน้ำตกครืนครันมา ใกล้แล้ว จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:16:38

ความคิดเห็นที่ 24 เสียงครืนครันกระทบหูเป็นอย่างที่หนึ่ง สัมผัสของละอองน้ำเย็นฉ่ำบนใบหน้าเป็นที่สอง แล้วสายตาก็ได้เปิดสู่ภาพอันน่ามหัศจรรย์เป็นอย่างสุดท้าย เกิดเป็นความรู้สึกทึ่ง ต่อด้วยความประทับใจ จนคำพร่ำพรรณนาใดๆไม่ต้องเอ่ยออกมา เหลือเพียงคำอุทานแค่คำเดียว กล้องถูกยกขึ้น เก็บภาพแรกและต่อๆมาอีกมากมาย โดยไม่ยี่หระต่อความเสียหายของกล้องเลย จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:17:17

ความคิดเห็นที่ 25 มีคติประจำใจว่า จริงอยู่กล้องก็ต้องรักษาในระดับหนึ่ง แต่อย่าไปกลัวมาก ถ่ายๆไปเถอะ ให้มันทำหน้าที่ของมันเถอะ น้ำตกทีลอซู เป็นชื่อในภาษากระเหรี่ยงซึ่งแปลได้ความว่า น้ำตกดำ เพราะความมลังเมลืองของตัวน้ำตก ว่ากันว่ายิ่งใหญ่ระดับ 6 ของโลก นี้ก็จึงไม่เป็นที่น่าสงสัย เคยถามตัวเองว่าทำไมต้องดั้นด้นมาตอนหน้าฝนนี้ด้วย ทั้งๆที่หน้าแล้งนั่งรถมาสบายกว่าเยอะ แน่นอนว่าคำตอบมันอยู่ในนี้ เราอยากมาเห็นความงดงามที่เปล่งปลั่งที่สุดยามนี้ ที่สุดของที่สุดไงหละ น้ำตกทีลอซู เกิดจากห้วยกล้อทอ มีความสูงกว่า 300 เมตร เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพิ้งค้นพบมาเมื่อยี่สิบสามสิบปีมานี้เอง แต่พอน้ำตกนี้ได้เป็นที่เผยแพร่ออกไป ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามา สร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนท้องถิ่นมากมาย ก็ได้แต่หวังว่าที่แห่งนี้จะคงความงดงามอย่างนี้ตลอดไป จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:19:17

ความคิดเห็นที่ 26 หลังจากทึ่งได้ที่แล้ว เราก็มาปีนน้ำตกเล่นกัน ระหว่างทางเจอใยแมงมุมสะท้อนแสงเข้าโดยบังเอิญ ทั้งๆที่ตอนนี้ขาก็แช่น้ำอยู่นะ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:22:30

ความคิดเห็นที่ 27 บนธารน้ำตกชั้นบนนี้ เรากับผู้ร่วมเดินทางนั่งมองขึ้นไปยังน้ำที่ทะยานลงมาจากเบื้องบนผ่านแมกไม้ที่เหลือแต่กิ่งก้าน ท่ามกลางป่าผืนใหญ่และลึกลับ เราสองคนตระหนักถึงข้อคิดที่ว่า มนุษย์เราก็ตัวเล็กนิดเดียว อย่าริอาจทำลายธรรมชาติเลย ขอบคุณนะที่พากันมาถึงตรงนี้ได้ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:23:13

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพสุดท้ายก่อนกลับ หวังว่าจะได้มาเยือนอีกนะ ทีลอซู อย่าได้ตายไปก่อนซะหละ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:23:53

ความคิดเห็นที่ 29 ผีเสื้อบนโต๊ะอาหาร มันคงอยากจะมากินข้าวกลางวันกับเรา ช่วงสายๆผีเสื้อเยอะมากเลย มาเป็นฝูง จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:26:33

ความคิดเห็นที่ 30 ชะอุ๋ย! ไม่ใช่แมลงสาบนะครับ แต่ว่า มันเป็นแมลงอะไรหละ เหอๆ ภาพนี้ถ้าผู้ร่วมทางมาเห็นเข้าละก็ โดนสั่งลบแหงแซะ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:27:10

ความคิดเห็นที่ 31 ผีเสื้อส้มๆ กำลังตอมขี้หมาอยู่ เห้ย จริงดิ จะมามีสุนัขบนนี้ได้ไง แต่เมื่อมาลองสังเกตดูดีๆแล้ว ผีเสื้อพวกนี้มันชอบตอมอะไรแบบนี้นะ สงสัยช่วงนี้ไม่ค่อยมีดอกไม้ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:27:43

ความคิดเห็นที่ 32 บนใบไม้ก็มีผีเสื้อนะ ตอนนี้มันอยู่รอบกายเต็มไปหมด จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:28:20

ความคิดเห็นที่ 33 ผีเสื้อหางมังกร เคยมาเมื่อครั้งก่อนก็เจอเจ้าตัวนี้นะ มันบินเร็วมาก แล้วเวลาขยับปีก ตรงหางที่ยาวๆของมันจะพลิ้วเหมือนผ้าเลย จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:28:59

ความคิดเห็นที่ 34 "กระสุนพระอินทร์" อันนี้ผู้ร่วมทางเรียกแล้วว่า "ดูสิ นี่มันเป็นสิ่งมีชีวิตนะ" เราก็หยิบขึ้นมาดูแล้วว่า "เออ แล้วมันเป็นผลของต้นอะไรหละ" เค้าก็บอกว่า ไม่ใช่ๆ มันเป็นสัตว์ เราก็เลยตกใจทิ้งมันลงพื้นเลย ผู้ร่วมเดินทางโวยวายใหญ่บอก สงสารมัน มันอาจแตกได้นะ เออ จะรู้ไหมหละ บอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิต แล้วใครจะรู้ว่าจริงๆมันเป็นตัวคลานยึกหยึย แล้วก็จะขดเป็นวงถ้าโดนอันตราย จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:29:36

ความคิดเห็นที่ 35 ขากลับเดินทางรากเลือด กลับมานั่งเรือยางเหมือนเดิม คราวนี้ล่องไปอีกทางนึง ขณะที่กำลังจะหลับอยู่นั้น เรือก็ผ่านแก่งอีก เล่นเอาโคลงเคลง ตื่นแทบไม่ทัน จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:30:12

ความคิดเห็นที่ 36 กลับมาถึงอุ้มผางก็เย็นพอดี พวกเรายืมมอเตอร์ไซด์ของไกด์นั่นแหละมาปั่นชมเมืองเล่น ไปหยุดที่ทุ่งนาข้าวซะได้ อุ้มผางในสมัยก่อนเป็นด่านชายแดน เวลาส่งสารจะเอาสารนั้นใส่ในกระบอกไม้ไผ่เพื่อกันความเสียหายและจะมาเปิดที่นี่เรียกว่า "อุมผะ" หลังๆเพี้ยนเป็นอุ้มผาง สมัยก่อนมีแต่ชนกลุ่มน้อยพวกกระเหรี่ยงหรือปกากะญอ ชาวเขาเผ่าต่างๆ ภาษากระเหรี่ยงจึงเรียกว่า"เพอะพะ"แปลว่า มากมาย ภายหลังจึงเพี้ยนเป็น อ.พบพระ ในปัจจุบัน คนที่นี่จะกินข้าวเจ้า ไม่ใช่ข้าวเหนียวเหมือนทางเหนือหรืออีสาน แต่ต่อมาก็มีคนเหนืออพยพลงมามากขึ้น จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:31:04

ความคิดเห็นที่ 37 สุนัขตัวนี้ชื่อ เจ้าชินจัง เป็นหมาที่รีสอร์ท เซื่องๆ ดีใจแต่พองามไม่รบกวนแขก สมเป็นหมารีสอร์ทจริงๆ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:31:32

ความคิดเห็นที่ 38 ค่ำคืนที่รีสอร์ท กับอาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างดี ผู้จัดการพยายามจัดให้ดูโรแมนติค แสงไฟสีสวย และเพลง"ไอ้หนุ่มดอยเต่า" ที่เปิดคลอก็ช่างเข้ากับบรรยากาศจริงจริ๊งงง ได้อ่านประวัติบนแผ่นป้าย พร้อมเหล้าข้าวเหนียว ดีกรีสูงขนาดติดไฟได้ ก็ทำเราซึมซับถึงบรรยากาศในดินแดนที่ไกลปืนเที่ยงแห่งนี้ ดินแดนที่ครั้งหนึ่งประชาชนเคยผวาว่าจะถูกตัดขาดจากแผ่นดินไทย เมื่อประมาณ 100 กว่าปีก่อน ข้าราชการที่จะมาประจำพื้นที่แห่งนี้ จำต้องทำใจฝากฝังให้ญาติมารอเก็บกระดูกได้เลย เนื่องจากการเดินทางที่ต้องนั่งช้างเข้ามา 15 วัน เสี่ยงต่อไข้ป่า และสัตว์ป่าที่อันตราย จวบจนกระทั่งปี พ.ศ. 2510 ได้มีการคิดสร้างทาง ขณะที่กำลังเริ่มอยู่นั้น สงครามกับ ผกค.ก็อุบัติขึ้น เสียงปืนสนั่นทำให้ชาวบ้านอยู่ด้วยความหวาดระแวงไม่ปลอดภัย ทำมาหากินด้วยความหวาดกลัว การสร้างทางกว่า 164 กม. จากแม่สอดนั้นก็ชะงัก แม้มีการเกณฑ์ทหารมารักษาความปลอดภัยแก่วิศวกรและคนงาน แต่ก็ไม่สามารถสร้างได้สำเร็จ สุดท้ายด้วยนโยบายการเมืองนำการทหาร ทำให้สงครามยุติในที่สุด ถนนก็สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2529 รวมเวลาการสร้างยาวนานถึง 19 ปี จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:32:08

ความคิดเห็นที่ 39 ตื่นแต่เช้ามืด(เกือบไม่ตื่น เพราะเมาเล็กๆ) นั่งท้ายกระบะโต้ลมไปชมทะเลหมอกที่"ดอยหัวหมด" ที่ได้ชื่อนี้เพราะดอยนี้เหี้ยนเตียนมีแต่ต้นไม้เตี้ยๆนั่นเอง ภาพแรกที่เห็น เป็นหมอกละเลียดสันเขา จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:32:49

ความคิดเห็นที่ 40 ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:33:41

ความคิดเห็นที่ 41 หน้าฝนนี้ จะมีดอกไม้ชูช่ออยู่ทั่วไป แลดูสวยงามดี แต่อย่าไว้ใจไป อันตรายอาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:34:23

ความคิดเห็นที่ 42 ตัวนี้มันกางใยของมันโต้ลมบนจุดสูงสุดของดอยเลย แม้แต่ค้างคาวก็ยังเป็นเหยื่อของมัน จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:35:00

ความคิดเห็นที่ 43 "บ้านครูซัน" ครูผู้นี้ได้อุทิศตนนำเด็กชาวเขามาให้การศึกษา และแต่งเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอุ้มผาง ปัจจุบันครูเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ได้เปิดร้านขายของที่ระลึกในตัวอำเภอ มีหนังสือประวัติของที่นี่ เพื่อคนรุ่นหลังจะได้ไม่ลืมเลือน มีประกาศนียบัตรด้วยนะ เขียนว่ามาถึงทีลอซูแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ ยังไม่ส่งมาให้เลย สงสัยคงลืม จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:37:45

ความคิดเห็นที่ 44 กลับมาเก็บภาพบรรยากาศห้องพักภายในรีสอร์ท อยู่ริมน้ำเลย จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:38:31

ความคิดเห็นที่ 45 แสงแดดที่ส่องลงมาผ่านรูเล็กๆ บ่งบอกถึงเวลาเที่ยงวันแล้ว จำเป็นต้องกลับได้ เฮ้อ กลับสู่ความจริง จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:39:14

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้วยกาแฟริมหน้าต่าง ลาทีอุ้มผาง จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:39:48

ความคิดเห็นที่ 47 เด็ก ในหมู่บ้านกลางป่าเขาอ่อนเพลียจากการที่ต้องนั่งรถ 4 ชั่วโมง ออกมาสู่โลกภายนอก ใครจะรู้ไหมนะว่า ตอนที่ไม่มีถนนสายนี้ ข้าราชการต้องเดินทางเข้าแม่สอดเพื่อไปรับเงินเดือน 3 วัน กลับอีก 3 วัน ต้องเดินทางเข้าพม่า แล้วมาเข้าดินแดนไทยอีกที ใครจะรู้ว่าอำเภอนี้ เคยขึ้นกับจังหวัด อุทัยธานี กำแพงเพชร และสุดท้ายที่จังหวัดตาก คล้ายกับอำเภอที่ไม่มีใครต้องการ แต่ณ เวลานี้ ที่นี่กลับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:40:15

ความคิดเห็นที่ 48 มาถึงแม่สอดทั้งที ก็น่าจะไปเดินเล่นแถวตลาดริมเมยเสียหน่อย แต่เมื่อไปแล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่รู้จะซื้ออะไร + กับช่างเงียบเหงาจริงๆ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:40:59

ความคิดเห็นที่ 49 "เมียวดี" เป็นเมืองหนึ่งที่วุ่นวายมาก ต่างจากประเทศเราพอควร คนที่นี่ขับรถแย่มากๆ บีบแตรมาแต่ไกลเลย แถมถนนก็ค่อนข้างแย่พอสมควร จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:41:38

ความคิดเห็นที่ 50 มีรถถีบอยู่เต็มไปหมด แต่เรากระแดะไม่ขึ้นเอง ฮ่าๆๆ ก็เลยต้องเดินมั่วๆจนขาลาก รู้สึกแปลกๆเพราะมีแต่คนมองเต็มไปหมด เดินจนเหนื่อย ก็หิวน้ำเพราะร้อนมาก มาเจอร้านชากาแฟอยู่เจ้านึง เข้าไปนั่งหวังจะคลายร้อน ปรากฏว่าร้านนี้ไม่มีพัดลมขะรับ จะสั่งน้ำก็เดินไปหาคุณลุง บอกว่าจะเอาชานี่ แกก็ไม่รู้เรื่อง เราก็นึกขึ้นได้ว่าเออ พม่าเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษนี่นา ก็เลย สั่งเลย Tea Tea ปรากฏแกงงกว่าเดิม จะบอกว่าเอาเหมือนโต๊ะนู้น ก็ยังงง ยอมแพ้ ว่าจะไม่กินแล้ว พอดีมีลูกสาวแก(มั้ง) เดินออกมาจากร้านเขาพูดไทยได้ ก็เลยรอดไป แต่ที่เซ็งก็คือไม่มีน้ำแข็งนี่สิ เราก็แบบว่า เออ ถ้าไม่เย็นนี่เราก็อาจตายได้นะ เค้าก็ไปขุดน้ำแข็งมาจากไหนมาใส่ก็ไม่รู้(คาดว่าถังน้ำแข็งแช่อาหาร) กินไปก็อร่อยดี ชาพม่า จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:42:17

ความคิดเห็นที่ 51 เด็กพม่าในร้านชา ชอบทาแป้งขาวๆบนใบหน้า จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:42:50

ความคิดเห็นที่ 52 ร้านตัดผมริมทาง ต้องตัดแบบนี้แหละนะ ช่างตัดผมคงแปลกใจว่า ไอ้ 2 คนนี้มาทำอะไร ก็เลยหันมามองขวับ ไม่รู้ว่าผมลูกค้าเค้าจะแหว่งไหมนี่ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:43:16

ความคิดเห็นที่ 53 ขอตั้งชื่อภาพนี้ว่า"รถถีบกับสาวอ้วน 2 คน" เหอๆ เป็นการตั้งชื่อภาพที่อนาถมาก ขณะที่เดินเล่นอยู่ในเมือง เราสองคนมีดำริว่าจะไปเที่ยววัดวาอารามของเมืองนี้ซะหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเดินกันขาลากมาก เดินๆอยู่มีรถถีบของคุณพี่คนนึงเข้ามาทาบทามว่าจะพาไปเที่ยวมั้ย เราก็กลัวโดนโขกราคาตามประสาคนขี้กลัวโดนหลอก ก็ตกลงราคากันดีๆว่า จะไปส่งถึงวัดนั้นถึงวัดนี้ อะไรยังไง ดีที่เขาพูดไทยได้บ้าง ก็ตกลงกันว่า ราคานี้ รวม 2 คนนะ ไป-กลับนะ ก็สรุปได้ว่าไป 1 วัด คนละ 20 บาท ไป 2 วัด แล้วก็ถีบกลับด่าน 2 คน ก็ 80 บาท เราก็ตกลง จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:44:13

ความคิดเห็นที่ 54 อยากจะแซ่บเข้าไปถ่ายรูปบ้านของคนอื่นมากมาย ผู้ร่วมเดินทางซึ่งตอนนี้กลายเป็นตากล้องไปแล้ว(เพราะเราเองเจ็บขาจนไม่มีอารมณ์ถ่ายรูป) เป็นบ้านที่อยู่ข้างโรงเรียน ตอนแรกเราก็กลัวว่าเค้าจะว่าไรไหมหว่า แต่อย่ากระนั้นเลย เสียงตะโกนจากในบ้านว่า Welcome Welcome ของเจ้าของบ้านทำให้เรายิ้มออกมากว้างๆ เขาถามว่ามาจากไหน แล้วก็ให้ถ่ายรูปด้วย แหม คนพม่าเขาก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนในหนังสือประวัติศาสตร์สมัยประถมซะที่ไหน ชาวพม่าลำบากกันมาก ถนนก็ไม่ดี รถราก็เก่า ฝุ่นควัน ความสะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างแอร์ก็อย่าได้หวัง คิดๆไปแล้วเพราะความขัดแย้งและเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนของใครบางคนนั่นแหละที่ทำให้ประชาชนต้องลำบากขนาดนี้ ดูแล้วก็รู้สึกสงสารและดีใจขึ้นมาว่าเราเกิดอยู่ฝั่งไทย ไม่ใช่ฝั่งนี้ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:44:46

ความคิดเห็นที่ 55 วัดจระเข้ ถามโชเฟอร์(คนถีบรถ)ว่าชิ่ออะไร ปรากฏภาษาพม่ามาเลย ไอ้เราก็งงสิ เลยไม่รู้เลยว่าชื่อจริงคือวัดอะไร แต่ก็แปลกดี ที่สำคัญผู้ร่วมทางของข้าพเจ้าชอบมาก เพราะเขาชอบจระเข้อยู่แล้ว จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:45:27

ความคิดเห็นที่ 56 "พระธาตุเจดีย์ชเวเมียนโหว่น" ปูชนียสถานอายุกว่า 1,200 ปี เป็นพระธาตุที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ประดิษฐานพระพุทธรูปอันมีนามเป็นมงคลทั้ง 4 ทิศ เจดีย์นี้ตั้งเด่นเป็นสง่ามาก ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมาวัดนี้ แต่โชเฟอร์เผอิญถีบผ่านมองเห็นเจดีย์ไกลๆ ก็เลยบอกให้มุ่งไปเลย ชอบอยู่แล้วสถานที่โบราณเปี่ยมมนต์ขลังเช่นนี้ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:46:03

ความคิดเห็นที่ 57 ยอดเจดีย์ประดับอัญมณีมากมาย จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:46:39

ความคิดเห็นที่ 58 หนึ่งในพระพุทธรูปในวิหารทั้ง 4 จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:47:18

ความคิดเห็นที่ 59 ร้านกาแฟที่หรูที่สุดในแม่สอด Hazel taste กว่าจะหาเจอแทบตาย ร้านบรรยากาศดีแต่ราคานี่ กรุงเทพฯชัดๆ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:48:06

ความคิดเห็นที่ 60 ก่อนกลับก็แวะตากแอร์กินขนมสักเล็กน้อย เฮ้อ สิ้นสุดแล้วสินะ ทริปนี้ ไวเหมือนโกหก ขอบคุณอีกครั้งสำหรับผู้ร่วมเดินทางอีกเช่นเคยที่ทำให้ทริปนี้ถือกำเนิดขึ้น(ดันไปซื้อทริปในงานไทยเที่ยวไทยแล้วไม่มีใครไป T-T) ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าโชคดีที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย ขอบคุณที่ฝนไม่ตกเลยทั้งๆที่หน้าฝนแท้ๆ ขอบคุณที่ทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี มีเจ็บขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไร นะ หืม ทริปหน้าเอาโหดกว่านี้มั้ยอะหรอ เอ่อม ก็ เดี๋ยวคิดดูก่อนนะ ลองไปที่ที่มีบันไดเลื่อนเข้าถึงก็ดีนะ ... สวัสดี จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 02:49:13

ความคิดเห็นที่ 61   รูปสวย เทพมากๆครับ จากคุณ : theeradol เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 04:20:24

ความคิดเห็นที่ 62   ชอบภาพclose up = สวย จากคุณ : derpaitawan เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 07:45:24

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณครับ ที่นำภาพสวยๆมาให้ดูกัน ^^ จากคุณ : เด็กชายวัยชรา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 08:13:48

ความคิดเห็นที่ 64 วางแผนจะไปเหมือนกันค่ะ ^^ จองไว้แล้วจากงานท่องเที่ยว แต่ไม่รู้เวลาจะได้ไปเมื่อไหร่ อิอิ จากคุณ : ยูโด เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 08:35:13

ความคิดเห็นที่ 65 มาชมครับ   จากคุณ : Draught Beer เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 08:36:24

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆ ครับ... เห็นแล้วอยากกลับไปเที่ยวอีกรอบ ทีลอซูเป็นไม่กี่ที่ที่ผมไปแล้วรู้สึกสวยเกินความคาดหมายมากๆ... จากคุณ : ผู้ก่อการร้ายทางความคิด เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 09:15:54

ความคิดเห็นที่ 67 รีสอร์ทที่พักชื่ออะไรเหรอคะ  ว่าจะไปอยู่เหมือนกัน แต่ยังหาที่พักไม่ได้เลย ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : costarica เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 09:24:23

ความคิดเห็นที่ 68 แพคเกจแพงไหมคะ... อิอิ สนใจๆ จากคุณ : nonnoiGiwGiw เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 09:27:39

ความคิดเห็นที่ 69 สมัยก่อนเคยฝันจะไปเป็นครูที่อุ้มผางค่ะ เคยอ่านมาว่า กว่าจะได้รับเงินเดือน ต้องเดินเข้าออกหลายวัน แต่ฝันไม่เป็นจริง... ริมเมยไม่มีสินค้าน่าสนใจเลยเหรอคะ สมัยก่อนเกือบยี่สิบปีที่แล้ว เคยไปเดินเล่นครั้งนึง ยังซื้อวิทยุเทปมาเครื่องนึงเลยค่ะ สินค้าสมัยนั้นน่าสนใจมากมาย บรรยายอ่านเพลิน ขอบคุณที่นำภาพและเรื่องราวมาเผื่อแผ่นะคะ จากคุณ : บัวนลิน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 09:28:31

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบคำบรรยายครับ   อ่านเพลินเลย  รูปสวยด้วย จากคุณ : แมวควัก เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 09:50:11

ความคิดเห็นที่ 71 สวยซะ ผมอยากไปบ้างอ่า จากคุณ : punyee เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 10:04:35

ความคิดเห็นที่ 72 เห็นแล้วทึ่ง น้ำตกสวยมาก ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย ปีที่แล้วไปแวะตากสองวัน ว่างๆ เลยขับรถเล่นไปแม่สอด ก็เห็นว่าห่างไปไม่กี่กิโล แต่พอผ่านไปหลายโค้งชักมึน ระยะทางไม่ไกลก็จริง แต่ทางน่ะมีแต่ขึ้นกับลงเขา สนุกสนานเมารถกันไป ไปถึงแค่ริมเมยค่ะ ซื้อของ กินข้าวไป ดูชาวพม่าไป น่ารักดี จากคุณ : Amecchi เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 10:41:41

ความคิดเห็นที่ 73 ทีลอซู คงไกลเกินที่จะไป อ่านบรรยายแล้วคงต้องขอบาย เพราะด้วยอายุ และน้ำหนักแล้วเนี่ย คงเดินป่าไม่ไหวแน่ ๆ 555 ขอบคุณสำหรับรีวิวและรูปถ่ายสวย ๆ นะค๊ะ จากคุณ : ครอบครัวตัว ป เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 10:51:11

ความคิดเห็นที่ 74   เคยไปแต่ตอนหน้าหนาวอ่ะ  น้ำไม่เยอะเท่านี้ แต่เป็นสีฟ้าสวยเชียวค่ะ หน้าฝนนี่ดูยิ่งใหญ่กว่ามากมายเลยค่ะ จากคุณ : mamomay เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 11:20:24

ความคิดเห็นที่ 75 เอาไว้โต นะโมจะให้พ่อกับแม่พาไปแอ่ว จากคุณ : กิมน่ารัก เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 11:34:48

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยจริงจริง นะคะ อืม   @^_^@ จากคุณ : CX gal เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 11:58:51

ความคิดเห็นที่ 77 ภาพสวย ธรรมชาติมากๆ อยากไปมาตั้งแต่เด็กๆ นะ ตอนนี้แก่ละ ก็ยังไม่ได้ไป ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้ไปป่าว แต่ได้ชมภาพแล้วสวยมากค่ะ ยิ่งทำให้อยากไปเพิ่มขึ้นอีก ^_^ จากคุณ : +G@To+ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 12:22:34

ความคิดเห็นที่ 78 ชอบคำบรรยายครับ รูปถ่ายได้อารมณ์ดีครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : ศิษย์สำนักสุมาเต็กโช เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 12:57:26

ความคิดเห็นที่ 79   จะตามไปเที่ยวมั่งครับ ปลายตุลา จากคุณ : คนหน้าตาดีอยู่ตรงนี้อีกคน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:04:29

ความคิดเห็นที่ 80 รูปสวยโฮกกกกกกก ชินจังน่ารักตาแป๋วเชียว ตอนไปจำได้ว่าปวดเศียรเวียนเก้ามั่กๆแต่พอถึงแล้วก้อคุ้มค่ากะที่นั่งมา ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆให้นึกถึงสมัยเดะๆนะคะ ปล.ชอบชื่อจขกทจังคำพูดติดปากหนูเลยนะนั่น^^ จากคุณ : LeKkAeY เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 19:21:06

ความคิดเห็นที่ 81   อืมมมม สวยจริงนะ อืมมมม .. ธรรมชาติสุดๆเลยค่ะ ชอบรูป คห.25 จัง ดูอลังการดีค่ะ ขอบคุณที่ลุยไปถ่ายรูปมาให้ชม ในสถานที่ที่บันไดเลื่อนเข้าไม่ถึงนะคะ....อิอิอิอิ จากคุณ : pao_nowara เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 19:42:16

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณครับ สำหรับภาพสวยๆ รายละเอียดเยี่ยม จากคุณ : Daikoro เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 20:33:50

ความคิดเห็นที่ 83   ขอบคุณมากที่พาไปเที่ยว ปกติจะไปแม่สอดบ่อยเพราะอยู่ไม่ไกลจังหวัดป้า (180 ก.ม.) แค่คุณเล่าเรื่องการเดินทางไปกว่าจะถึงทีลอซู ก็เล่นเอาป้าหันกลับมามองสังขารตัวเองตั้งแต่ออกเดินทางจากแม่สอดแล้ว สงสัยชาตินี้คงมีวาสนาแค่ได้เที่ยวกะรีวิวแหงเลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  ว่าแต่ทริปนี้หายเมื่อยหรือยังล่ะ  อิ อิ จากคุณ : BLooMing BLosSom เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 21:19:59

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณสำหรับรีวิวและรูปสวยๆนะครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 23:50:14

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้เกียรติเข้ามาชมนะครับ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนชมมากขนาดนี้ เป็นกำลังใจให้ผมมากๆเลย ตอบความเห็นที่ 67 และ 68 ครับ ตอนนั้นจองที่งานไทยเที่ยวไทยเมื่อเดือนมีนาคมครับ คนละ 1,900 บาท มัดจำไว้ 200 บาท ครับ แต่ถ้าไม่ได้ซื้อในงานรู้สึกจะประมาณ 2,400 ได้ครับ ราคานี้ต้องไปอุ้มผางเองนะครับ ค่ารถสองแถวคนละ 120 บาท ครับ ชื่อรีสอร์ท "อุ้มผางคันทรีฮัท"ครับ มีคนเคยรีวิวในห้องนี้ไปแล้วบ้าง ซึ่งก็มีทั้งดีและเสียนะครับ โดยส่วนตัวแล้วที่นี่บริการเรื่องอาหารการกินและสิ่งอำนวยความสะดวกได้ดีทีเดียว แต่สถานที่พักยังมีข้อเสียอยู่บ้างคือ มีน้ำอุ่นเฉพาะบางห้องเท่านั้น และห้องที่ไปพักตอนนั้นมีรูใหญ่ๆส่องถึงห้องข้างๆได้เลย --" ที่นอนกับผ้าห่มก็ธรรมดาๆครับ พอนอนได้ จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 00:43:01

ความคิดเห็นที่ 86 แอบคิดถึง ความอลังการ ความสวยงามของน้ำตก ความตื่นเต้น ความเหนื่อย ตลอดระยะเวลาการเดินเท้า เกือบๆ 30 กิโล เมื่อ 20 ปีก่อน !! สมัยยังเป็นน้ำตกที่ผู้คนรู้จักกันไม่มากนัก ในตอนที่เราไปน้ำตกทีลอซูครั้งแรก นึกถึงทีไร... ก็ประทับใจทุกครั้ง... จากคุณ : Mareeya เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 11:26:28

ความคิดเห็นที่ 87 แว่ะมาเก็บข้อมูลค่ะ  จะไปๆ  ^_^ ...คห.ที่ 34  กระสุนพระอินทร์  แถวบ้านเรียกว่า "กิ่งกือป้อม" (ภาษาถิ่นอะค่ะ)  เพราะเวลามันรู้สึกว่ามีภัยมาใกล้ตัวก็จะขดตัว  แต่พอคลายตัวออก  ตัวก็คล้ายกิ่งกือตัวสั้นๆ ตัวหนึ่งค่ะ  เคยเอามาเล่นตอนเด็กๆ  แต่เดี๋ยวนี้ธรรมชาติเปลี่ยนไป  สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป  แล้วมันก็หายไป... แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 14:17:51 จากคุณ : >>> (เม็ดมะขาม) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 14:10:38

ความคิดเห็นที่ 88 ไปตอนหน้าหนาว น้ำไม่เยอะเท่าที่เห็นนี่เลย สุดยอดจริง ทีลอซู ที่รัก คิดว่าถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีก ชอบมากๆ จากคุณ : Kimmu เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 15:21:30

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณ จขกท นะคะ อยากไปเที่ยวบ้างจัง ไม่เคยไปสักทีเลย มีโอกาสได้ไปบ่อยนะคะ จังหวัดตากอ่ะ จากคุณ : Mint ToP (Mint ToP) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:17:39

ความคิดเห็นที่ 90   ภาพสวยมากเลยครับ จากคุณ : งูย่อง (ง.งูเดินย่อง) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:11:53

ความคิดเห็นที่ 91 จขกท. บรรยายสนุกค่ะ   ภาพก็สวย  ขอบคุึณสำหรับรีวิวสวย ๆ และรายละเอียดที่ชัดเจนมากค่ะ จากคุณ : เรือไม้ไผ่ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 00:03:57

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณค่ะ ชอบคำบรรยายจัง สวยมากๆ อยากไปพิชิตทีลอซูบ้าง แต่เห็นการเดินทางแล้ว คิดหนักเลย เอิ๊กๆ จากคุณ : keaboom เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:32:27

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณสำหรับรีวิวสวย ๆ นะคะ จากคุณ : babypoohka เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 15:44:41