ความคิดเห็นที่ 1 สืบเนื่องมาจาก เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสดู ภาพยนต์เรื่อง "โอเค เบตง" จากแผ่น CD ที่ซื้ออย่างถูกลิขสิทธิ์ (เป็นตัวอย่างที่ดี....อิอิ) เป็นการดูซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่เคยเช่าแผ่นมาดู สมัยเมื่อตอนที่ออกจากโรงใหม่ๆโน้น   ที่จริงอยากจะดูบรรยากาศเมือง เบตง อีกครั้ง เพราะช่วงนี้ไม่ง่ายที่จะได้ไป เนื่องจากปัญหาก่อการร้าย ดังที่ทราบกัน มีอุโมงค์หลักๆ 2 แห่งคือ อุโมงค์รถยนต์ลอด - อุโมงเบตงมงคลฤทธิ์ กับ อุโมงค์ฐานปฏิบัติการโจรคอมมิวนิสต์มลายา - อุโมงปิยะมิตร แต่กลับไปสะดุดตา อีกเรื่องคือ ฉากรถไฟโดนวางระเบิด ที่สถานีแห่งหนึ่งในภาคใต้   ซึ่งดูแล้วก็คิดว่าอยู่ในภาคใต้จริงๆ  จนดูหนังจบ ก็มาเห็น เครดิต ชื่อว่า "สถานีบุใหญ่" ชื่อก็น่าจะเป็นภาษาใต้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 18:04:10

ความคิดเห็นที่ 2 ก็เลยคลิ๊กเข้าไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานีแห่งนี้ ในกูเกิ้ล พระเอกตัวเก่งของเรา เลยได้ข้อมูลชัดๆ จาก กลุ่มชาวเว็บรถไฟไทยดอทคอม ข้างล่างนี้ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1388 พอใช้นำทางไปสู่สถานีแห่งนี้ได้  อ้อ..สถานีแห่งนี้อยู่ที่ จ.สระบุรี นี้เอง ไม่ได้อยู่ที่ภาคใต้ อย่างที่ภาพยนต์พยายามสื่อให้เราคิดไปเช่นนั้น จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 18:14:20

ความคิดเห็นที่ 3 แถมยังมีฉากรถไฟวิ่งออกจากอุโมงค์ทรงรูปไข่ด้วย    ทีแรกก็คิดว่าอยู่คนละสถานที่  แต่พอมาดูในเว็บของคุณ nOo-Neung แล้ว จึงทราบว่า อุโมงค์แห่งนี้ก็อยู่ใกล้ๆ กับสถานีบุใหญ่ ที่ใช้เป็นฉากตามรูป คห.2 นั่นแหละครับ ชักน่าสนแล้วซี  นอกจากจะจับผิดภาพยนต์ได้แล้ว ยังได้ไปเที่ยวชมสถานีรถไฟกลางป่า และผจญภัย อุโมงค์รถไฟได้อีก น่าตื่นเต้นเลยซิครับ.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 18:26:02

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากฉากระเบิดรถไฟแล้ว ในภาพยนต์ได้สื่อให้เห็นถึงว่าสถานีบุใหญ่แห่งนี้อยู่ในภาคใต้จริงๆ เพราะนอกจากการแต่งกายของชาวมุสลิม และทหารที่ไปประจำการณ์ในภาคใต้ด้วย.....  ถือว่ายังทันสมัย ในเหตุการณ์ปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ภาพยนต์เรื่องนี้ ฉายตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 โน้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 18:34:49

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนออกเดินทาง ก็ต้องขอกางแผนที่ตามระเบียบ นายมิราชช ก่อนนะครับ ว่า สถานีบุใหญ่ นั้นตั้งอยู่ แห่งหนตำบลไหน.... จากรูปข้างล่าง จะเห็นว่า อยู่ใกล้ถนนอ้อมเมืองสระบุรี ที่จะไป โคราช พอดีครับ เป็นถนนสร้างใหม่ ยังไม่มีอยู่ในแผนที่ GPS Map ของผมเลย เป็นทางเข้าใหม่ ที่จะไปยัง อช.พุทธฉาย(น้ำตกสามหลั่น) ด้วย  ซึ่งระหว่างทางเข้าไป เราก็จะสังเกตุเห็น เจดีย์บนยอดเขาสูง ของ วัดพระพุทธฉาย ด้านขวามือด้วย อ้อ...ช่วงสองสามวันนี้ เส้นทางนี้ไปไม่ได้นะครับ เพราะมีม๊อบปิดถนนอยู่ปากทางแยกถนนอ้อมเมืองพอดิบพอดี ถ้าจะไปสระบุรีต้องใช้เส้นทางลัด ไปหนองแซง แล้วเลี้ยวขวาไป เสาไห้ วกกลับเข้าเมืองสระบุรี  หรือถ้าจะไปโคราช ก็เลี้ยวขวาตรงหินกอง ไปเลี้ยวซ้ายตรง บ้านนา เพื่อวกขึ้น แก่งคอย ถ.มิตรภาพ ต่อไป ครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 18:50:47 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 18:48:32

ความคิดเห็นที่ 6 ขยายแผนที่ เข้าไปใกล้ อีกหน่อย ก็จะเห็นลักษณะเส้นทางที่เข้าไปครับ คือมีทั้งถนนราดยางมะตอย และถนนลูกรังบางส่วน  ตอนที่เข้าไป มีน้ำขังเป็นบางช่วงแต่ไม่ลื่น ไม่มีโคลน แค่ล้อเปียกน้ำเท่านั้น  เพียงแต่ ถ้าเลยสถานีไปแล้ว นายสถานีบอกว่า ไม่น่าไป เพราะเป็นทางลาดชัน ถนนลูกรังเป็นร่อง มีก้อนหินสูงๆ ต่ำๆ ต้องรถขับเคลื่อนสี่ล้อสูงๆ เท่านั้น ทางแคบแถมกลับรถไม่ได้อีกด้วย (เลยเป็นเหตุให้ผมต้องไปตามล่าหาทางออกอุโมงค์อีกด้านด้วยครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 19:04:47

ความคิดเห็นที่ 7 ต่อไปก็จะเป็นภาพถ่ายจากสถานที่จริงแล้วนะครับ  เลี้ยวขวาจากถนนพหลโยธินที่มุ่งหน้าไปยัง จ.สระบุรี ไปยังถนนอ้อมเมือง มุ่งไปโคราชโน้น แค่เพียงไม่กี่กม. สังเกตุด้านขวามือจะเห็นเจดีย์สวยๆบนเนินเขา  ทางที่เราจะไปต้องผ่านทางขึ้นเจดีย์นี้นะครับ  ไม่ต้องกังวล มีทางแยกสัญญาณไฟจราจรรอเลี้ยวขวาให้ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 19:32:37

ความคิดเห็นที่ 8 อย่างง ตรงหน้าวัดพระพุทธฉายนะครับ ให้วิ่งรถผ่านด้านหน้าซุ้มประตูทางขึ้นเจดีย์ไปทางขวามือเลย (อย่าเผลอเข้าไปนะครับ) พ้นจากบริเวณวัดก็จะเริ่มพบกับธรรมชาติแบบนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 19:38:04

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าขับเพลินไป จะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายไปยัง โรงเรียนป่าไม้พระฉาย ด้านขวามือ (ผมเองก็เกือบจะเลยเหมือนกันครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 19:55:17

ความคิดเห็นที่ 10 มาถึงแล้วครับ โรงเรียนบ้านป่าไม้พระฉาย  ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับกรมป่าไม้หรือเปล่า  แต่ที่แน่ๆ คือเข้าไปไม่ได้ ใช้เป็นแค่จุดอ้างอิง แต่นัดพบไม่ได้ เพราะทางเข้ามีเครื่องกั้นล๊อคกุญแจแน่นหนา! โรงเรียนจะอยู่หัวมุมทางแยกพอดี ให้เลี้ยวซ้ายผ่านหน้าโรงเรียนไปเลยนะครับ (โดยไม่มีป้ายบอกทางไปสถานีบุใหญ่แต่อย่างใด หยิ่ง ไม่ถามชาวบ้านสักคำ เพราะผมมีแผนที่บน GPS Pocket PC อยู่) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:05:43

ความคิดเห็นที่ 11 เส้นทางก็มาเป็นแบบเข้าดงไม้ อีกแล้ว  ตอนกลางคืนน่าจะเปลี่ยวมากเลยนะนี่... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:08:11

ความคิดเห็นที่ 12 เจอโค้งด้านหน้า ข้างบนมีทางรถไฟวิ่งอยู่เหนือหัวเลย   ไม่ต้องกลัว ทางลอดนี้สูงพอที่รถสูงๆ จะวิ่งผ่านได้ (ไม่เหมือนกับ ทางลอดรถไฟตรงสถานีเชียงราก  ที่ลอดได้เฉพาะรถเก๋ง และมอเตอร์ไซด์ รถผมเองยังลอดไม่ได้เลย) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:14:25

ความคิดเห็นที่ 13 ตามไปด้วยครับผม จากคุณ : the_marker เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:18:16

ความคิดเห็นที่ 14 ลอดทางรถไฟไปแล้วก็จะเริ่มเป็นถนนดินลูกรัง   จากภาพข้างล่าง ให้ตรงไปนะครับ   ยืนยันไม่ใช่ทางเข้าไปบ้านคน แต่เป็นทางไปยังสถานีบุใหญ่จริงๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:19:49

ความคิดเห็นที่ 15 อุ๊ยหยา!  เจออุปสรรคเข้าแล้วซี หล่มน้ำเบ้อเร่อเลย แม้ผมจะมาคันเดียว แต่รถผมสามารถปรับให้ขับเคลื่อนสี่ล้อได้ เลยลุยสบายๆ โดยยังใช้ขับสองล้อเหมือนเดิม  แค่หลอกๆ วัดใจเท่านั้นเอง...ฮา แต่...แหม  ดูรูปการณ์ไม่น่าเป็นไปได้เลยนะ  สถานีรถไฟ ชื่อก็ใหญ่ แต่ทำไมทางเข้าช่างเล็กเสียจริงๆ นะ เหมือนเข้าป่าจริงๆเลยนี่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:23:38

ความคิดเห็นที่ 16 หันไปดูทางขวามือ ก็จะเห็นทางรถไฟวิ่งขนานไปกับเราตลอด นับเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่ไม่มีแผนที่ GPS นำทาง ว่าไม่หลงแน่นอน แต่จะถึงแบบไหน ก็ยังไม่มีใครรู้ ต้องลุ้นกันต่อไปครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:28:01

ความคิดเห็นที่ 17 ข้างหน้า ดูเหมือนจะเข้ารกเข้าพงจริงๆ มองไม่เห็นทางเลยว่าจะไปสถานีรถไฟได้อย่างไรกัน เหมือนกำลังจะวิ่งเข้าสวนของชาวบ้านเลย...หึหึ นี่ถ้ามากับคนที่ไม่ชอบการเดินทางแบบนี้ คงบอกให้เลี้ยวกลับแล้วละ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:31:30

ความคิดเห็นที่ 18 เอ้า...กลับมาเป็นป่าทึบอีกแล้ว  ระยะทางบนแผนที่ GPS ไม่ไกลมาก แต่ทำไมถึงดูไกลจังเลยนะนี่.....  ไม่รู้ว่าขับๆอยู่ จะไปโผล่ที่เขาใหญ่หรือเปล่านี่..ฮา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:33:53

ความคิดเห็นที่ 19 ถึงแล้วครับ สถานีรถไฟบุใหญ่ ท่ามกลางธรรมชาติที่แวดล้อม อย่างสงบเงียบ (ยกเว้นเวลารถไฟวิ่งผ่านมา)  จริงๆนะครับ ขอยืนยัน เพราะปกติจะไม่ค่อยมีรถไฟวิ่ง จะเงียบสุดๆ เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:42:02

ความคิดเห็นที่ 20 จอดรถยนต์ไว้หลังสถานีรถไฟ แล้วเดินข้ามรางมาถ่ายภาพกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:46:55

ความคิดเห็นที่ 21 มุมนี้จะมองเห็นอุโมงค์พระฉายอยู่ไกลๆ  ครับ   ที่จริงก็ไม่ไกลมาก แค่ 700 เมตรเอง... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:50:35

ความคิดเห็นที่ 22 หันไปอีกด้านหนึ่ง ก็ดูเรียบๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ  สังเกตุเห็นอาคารด้านขวามือ เป็นบ้านพักพนักงานรถไฟ ที่ตอนแรกๆ ที่ขับรถเข้ามาจะเห็นก่อนตัวสถานี ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:55:38

ความคิดเห็นที่ 23 มองเข้าไปในสถานี  ต้องรู้สึกแปลกใจว่า เอ๊ะ! ทำไมเงียบจัง  ที่เห็นยืนๆ เดินๆ นั่นนะ คณะของผมเองนะครับ  ไม่เห็นเป็นอย่างที่คิดไว้เลย ว่าต้องมีผู้โดยสารมายืนรอ มีร้านค้าขายขนมน้ำ ด้วย  เรื่องมันเป็นมาอย่างไร เดี๋ยวต้องเข้าไปสืบดู...... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:02:33

ความคิดเห็นที่ 24 โชคดีครับ ที่ได้มาพบ นายสถานีใจดีมีมิตรภาพ  ท่านเดินเข้ามาต้อนรับ ตั้งแต่รถผมจอดใหม่ๆ และเปิดการสนทนา ให้ข้อมูลต่างๆ ตลอดทริปการเที่ยวชมสถานีเลย...นับว่ายอดจริงๆ  (เมื่อคราวที่ไปสถานีผาเสด็จ ยังไม่พบการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้เลย) ต้องขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ เห็นทีแรก ก็ไม่แน่ใจ เพราะท่านมาในชุดนอกเครื่องแบบ  คงเป็นเพราะว่า วันนี้เป็นวันหยุดราชการนะครับ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:10:53

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อมูลจากท่านนายสถานี ได้บอกว่า สถานีแห่งนี้ได้ถูกนำมาเป็นฉากในภาพยนต์แล้วหลายเรื่อง  โดยเฉพาะเรื่อง "โอเคเบตง" นั้นได้จำลองว่าเป็นสถานีแห่งหนึ่งในภาคใต้ ซึ่งถ้าติดตามข่าวในช่วงปี 2546 นั้น ก็น่าจะเป็นสถานีหาดใหญ่ ที่มีการวางระเบิด มีคนเสียชีวิต ซึ่ง ตามในภาพยนต์ พี่สาวพระเอกชื่อ "ธรรม" ก็ได้เสียชีวิตที่สถานีแห่งนั้น จากฉากสถานีในภาพยนต์ว่ามีร้านขายของนั้น ไม่มีจริง เป็นการจำลองขึ้นมาเท่านั้น! ตามรูปข้างล่าง  แหม... เลยทำให้คณะของผมต้องอดหิว และกระหายกันต่อไป  เพราะทีแรกก็กะมาซื้อขนม ซื้อน้ำที่สถานีแห่งนี้นั่นแหละ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:22:51

ความคิดเห็นที่ 26 ว้าวๆๆ ผ่านมาดู เพิ่งรู้เลยนะเนี่ย จากคุณ : คืนนี้ที่เบตง เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:34:31

ความคิดเห็นที่ 27 เดินเข้าไปด้านใน ตรงจุดที่เคยมีร้านขายขนมจำลอง แล้วมองออกไปตรงหน้าสถานี ก็จะเห็นแต่ป่าครับ  ช่างดูเงียบเหงาจริงๆ  พวกเราไปเที่ยวชม ท่านนายสถานีเลยได้คลายเหงากันไปเลยครับ  ท่านบอกว่า ตอนมาประจำที่สถานีแห่งนี้ใหม่ๆ รู้สึกเหงามาก เพราะตกค่ำจะเงียบ และมองไปทางไหนก็มืดไปหมดครับ  จะไปไหนก็ต้องขึ้นรถไฟเท่านั้น ทางรถยนต์แต่ก่อนแย่กว่านี้อีก... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:34:35

ความคิดเห็นที่ 28 ตามดูครับ.... จากคุณ : น้าโต้ง69 (น้าโต้ง69) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:40:29

ความคิดเห็นที่ 29 เกือบลืมทักทายไป สวัสดีครับคุณ the_marker คุณ คืนนี้ที่เบตง และ คุณ น้าโต้ง69 (น้าโต้ง69)  ครับ ขอบคุณที่เข้ามาทักทายแก้เหงากันหน่อยครับ (สำหรับคนโพสกระทู้นะครับ) มาดูกันอีกมุมหนึ่ง ภาพถ่ายจากสถานที่จริง ที่แสดงให้เห็นว่าเงียบขนาดไหน เปรียบเทียบกับฉากในภาพยนต์เรื่อง "โอเคเบตง" ที่มีคนพลุกพล่าน เหมือนบรรยากาศ สถานีรถไฟสมัยก่อนๆ ตอนที่ผมยังเด็ก ครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 22:01:29 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:46:29

ความคิดเห็นที่ 30 นี่เป็นมุมมองด้านหลังสถานี ครับ ที่ดูๆแล้วก็น่าจะเป็นสถานีที่มีผู้คนไม่น้อยนะครับ ไม่น่าจะเป็นแค่สถานีสับหลีกขบวนรถเท่านั้น จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:49:58

ความคิดเห็นที่ 31 มีรูปคนอื่นเยอะ ขอมีรูปผมกับเขาสักรูปนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:52:43

ความคิดเห็นที่ 32 เดินไปเดินมา ก็ได้พบกับสิ่งประดิษฐ์แห่งมันสมองมนุษย์ ที่คาดไม่ถึง  (ต้องยอมรับว่าคาดไม่ถึงจริงๆ ตอนที่เห็นก็คิดว่าเป็นการตากไม้เฉยๆ เพิ่งมาสังเกตุตอนโพสกระทู้ว่า นี่คือ ม้านั่งประดิษฐ์ ครับ) ต่อให้รู้ว่าเป็นม้านั่ง ก่อนจะนั่งคงต้องคิดให้ดีก่อนว่าจะหล่นมาทับขาหรือไม่...ฮา..... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:57:12

ความคิดเห็นที่ 33   อ่านสนุกดีครับ ทีแรก อ่านหัวข้อกระทู้ นึกว่า เป็นกระทู้ตั้งคำถาม เลยไม่ได้แวะมาดู ถ้าบอกสักนิด ไม่ให้เข้าใจผิดว่าเป็นกระทู้ตั้งคำถาม คงแวะมาชมเร็วกว่านี้ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : TeaforFive เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:59:08

ความคิดเห็นที่ 34 นี่เป็นภาพภายในห้องควบคุมการเดินรถครับ (ไม่รู้ว่าเขาห้ามถ่ายหรือเปล่านะ...)  แต่ดูๆ แล้วน่าจะทันสมัยขึ้นกว่าเดิมนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 22:00:09

ความคิดเห็นที่ 35 ด้านหน้าห้องควบคุมการเดินรถ นี้มีการจัดสวนเล็กๆ โดยมีช้างไม้ ตั้งอยู่เป็นประธาน มีประวัติความเป็นมาเล็กน้อยเกี่ยวกับช้างตัวนี้ครับ (ถ้าสนใจก็สอบถามกับท่านนายสถานีได้ครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 22:04:25

ความคิดเห็นที่ 36 เนื่องจากผมได้พูดคุยกับ ท่านนายสถานีเกี่ยวกับเรื่องการมาเที่ยวชมอุโมงค์รถไฟ ท่านเลยเล่าถึงประวัติความเป็นมา ของคนที่มาชมอุโมงค์ แล้วนำไปเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ  "คุณวันชัย ธีมะสุนทร"  บังเอิญ ผมไม่ค่อยมีเวลานัก เลยดูคร่าวๆ ไม่ได้เจาะลงไปในรายละเอียด และก็ไม่กล้ารับเอาไปเอง เดี๋ยว ท่านนายสถานีจะไม่มีเก็บไว้อ่านครับ  (ใจผมก็คิดว่า คงหาจากอินเตอร์เน็ตได้ แต่เท่าที่ค้นก็ไม่พบครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 22:12:53

ความคิดเห็นที่ 37 ตอนนี้ หลานผม กำลังรอไปเที่ยวชมอุโมงค์แล้วละครับ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาท่านไปชมอุโมงค์รถไฟ ที่มีความยาวเป็นอันดับสองของประเทศไทย กันใกล้ๆ เลยครับ คอยติดตามชมนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 22:16:17

ความคิดเห็นที่ 38 มารอชมครับ.... จะได้เข้าอุโมงค์ด้วยคนป่าวน้อ จากคุณ : tr_lastsuper เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 23:17:08

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีครับผม รอชมครับ และนับถือในการเสาะแสวงหาในสถานที่ดีๆแบบนี้ครับ จากคุณ : นายนัทผัดเผ็ด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 02:38:41

ความคิดเห็นที่ 40 มาเข้าคิวเข้าอุโมงค์ด้วยคนค่ะ กระทู้น่ารักมากๆค่ะ ชอบ จากคุณ : มาเรีย ณ ไกลบ้าน เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 05:16:57

ความคิดเห็นที่ 41 ที่เงียบเหงา เพราะเส้นทางนี้ไม่มีรถโดยสารวิ่งครับ จะมีเฉพาะรถสินค้าจากภาคเหนือ หรืออีสาน วิ่งลัดไปฉะเชิงเทรา ต่อไปท่าเรือแหลมฉบังเท่านั้น จากคุณ : โปรดใช้บริการช่องถัดไป เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 08:10:45

ความคิดเห็นที่ 42 กระทู้นี้น่ารักครับ ไม่ปวดใจเหมือนรีวิวโรงแรมครับ อันนั้นทุกข์ใจมากมาย จากคุณ : ลุงเรืองฯ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 14:01:00

ความคิดเห็นที่ 43 สวัสดีครับ ที่แวะเข้ามาทักทายกันเยอะเลย คุณ tr_lastsuper เชิญติดตามชมต่อได้แล้วครับ คุณ นายนัทผัดเผ็ด ขอบคุณที่ชม ครับ ก็เป็นที่สนุกตื่นเต้นดีครับ ที่ได้มีโอกาสไปลองค้นหาสถานที่ จากในภาพยนต์ หรือ มิวสิควิดิโอ (คราวก่อน ก็ที่ ดอยแม่สลอง ตรงแม่สลองรีสอร์ทโน้น) คุณ มาเรีย ณ ไกลบ้าน ยินดีครับ ผมลองคลิ๊กเข้าไปในBlog ของคุณ ทำได้สวยมากเลยครับ  (ผมยังทำไม่เป็นเลย) จัดหมวดหมู่ได้สะอาดตาดีครับ คุณ โปรดใช้บริการช่องถัดไป ขอบคุณที่ช่วยเพิ่มเติมข้อมูลให้ครับ ก่อนจะไปที่ถ้ำพระฉาย ผมขอเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับ ทางรถไฟสายนี้กันหน่อยครับ คือ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้เหมือนกันว่ามีทางรถไฟเส้นนี้เลย เพราะปกติแล้ว ทางรถไฟบ้านเราจะมีแนวเส้นทางการเดินรถแผ่กระจายออกไปจากกรุงเทพฯ ที่เป็นส่วนกลาง คล้ายกับดาว  แต่ ทางรถไฟสายนี้ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เป็นในลักษณะวงแหวน เชื่อมต่อเส้นทางระหว่าง สายตะวันออก กับ ตะวันออกเฉียงเหนือ ลองค้นเข้าไปหาแผนที่รถไฟทั้งประเทศจากเว็บ รถไฟไทยดอทคอม ก็ได้มาดังแสดงในรูปข้างล่าง ซึ่งผมได้แสดงด้วยเส้นสีชมพู แล้ว มาขยายให้เห็นแต่ละสถานีชัดๆ ว่ามีเพียง 5 สถานีเท่านั้น คือ แก่งคอย บุใหญ่ วิหารแดง องครักษ์ และ คลองสิบเก้า  ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่มีขบวนรถโดยสารเลย  มีเพียงรถสินค้าเท่านั้น (เพิ่งทราบเหมือนกัน ทีแรกก็แปลกใจ เพราะเคยเห็นสมาชิกรถไฟดอทคอม เขาไปมา พอมาเปิดเว็บอีกที ก็เลยบังอ้อ...ครับ คือเป็นรถไฟเที่ยวเหมา เฉพาะกิจครับ ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ) http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=News&file=article&sid=113 นับเป็นทางรถไฟสายลับแล จริงๆ อ้อ....ระหว่างนี้ผมยังได้ค้นเจอว่า เมื่อปลายปี พ.ศ. 2551 ทางการรถไฟมีโครงการจะปรับปรุงเส้นทางรถไฟสายนี้ให้เป็นระบบรางคู่ แต่ผลการศึกษา พบว่าอาจมีผลต่อธรรมชาติ แถวนั้น จึงยังไม่สรุปว่าจะสร้างเมื่อใดครับ ที่มาตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ http://www.thaicontractors.com/content/news/1747.html จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 17:23:50

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีครับ ลุงเรืองฯ  เอ.... ผมจำไม่ได้ว่า กระทู้รีวิวโรงแรม นั่นที่ไหน ใช่ที่ตะพานหินหรือเปล่าครับ.... ที่เกี่ยวข้องกับรถไฟเหมือนกัน เอาล่ะ...มาต่อกันแล้วนะครับ หลังจากว่าทฤษฎีไปพักใหญ่  แต่ก็คุ้มค่ากับการที่ทำให้ ทางรถไฟสายนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป อย่างน้อยก็เพื่อนๆ ในห้องนี้นะครับ  ถ้าอยากไป ก็ไปไม่ยากแล้วนะซีครับ โดยเฉพาะถ้าหากได้ไปไหว้พระพุทธฉาย ก็ไม่ไกล ถ้ามีเวลาก็แวะไปชมธรรมชาติกันได้ ก่อนอื่นขอถ่ายภาพ สมาชิกที่จะไปลุยกันในวันนี้  มีสาวๆ สองท่านกับกระผมเท่านั้น ส่วนผู้ใหญ่คนอื่น ขอบายนั่งคุยกับนายสถานีต่อไปครับ จากรูปนี้ จะสังเกตุเป็นปากอุโมงค์อยู่ลิบๆ สีดำโน้น   ตอนดูจากเว็บของคนอื่น ไม่ยักกะเห็น เลยคิดว่าต้องเป็นทางโค้ง และไกลลับตา   แต่พอมาเห็นจริงก็ไม่ไกลเท่าที่คิด  (แต่ตอนเดิน ก็ไม่หมู เดี๋ยวคอยดู......) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 17:38:57

ความคิดเห็นที่ 45 นี่เป็นภาพที่น้องสองคนมองกลับมาเห็นตัวสถานีบุใหญ่ นะครับ   ในรูปจะเห็นคุณพ่อท่านยืนมองอยู่ ใจคงคิดว่า "จะไปกันได้หรือนี่ ไกลก็ไกลนะ" จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 17:43:09

ความคิดเห็นที่ 46 ลงมาบนรางเสียที  มัวแต่โม้อยู่นั่นแหละ....ฮึฮึ    มองเห็นรู เอ๊ย อุโมงค์อยู่ลิบๆ ปลายรางนั่นเอง นี่เป็นมุมมองของเจ้าตูบนะครับ (หมายถึง การตั้งกล้องให้ต่ำๆ ระดับเรี่ยพื้นดิน) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 17:46:56

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนนั้น แดดจ้าพอประมาณ แต่ก็ยังดีกว่ามีฝน เพราะจะทำให้เดินบริเวณรางยาก อาจลื่นได้ง่าย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 17:49:53

ความคิดเห็นที่ 48 เนื่องจาก เราไม่ใช่รถไฟ  ทางรถไฟจึงไม่ใช่ทางเดินที่สะดวก จึงขอย้ายลงมาเดินตรงข้างทางดีกว่า แต่กลับมาเจอปัญหาดงไม้เตี้ยๆ อีก สะดุดเอาบ่อยๆ กลัวรองเท้าฉีก ในที่สุดก็ต้องขึ้นไปเดินบนรางอย่างเดิม.....เฮ้อ. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 17:53:30

ความคิดเห็นที่ 49 หันไปดูอุโมงค์บ้าง เดินมาสักพัก ก็ยังอยู่ไกล  ดังคำพังเพยว่า "ใกล้ตา ไกลต..อี..น" ครับ  แค่ 700 เมตรเอง... นี่ถ้าหากเป็นทางเดินเรียบๆ ก็หมูไปแล้ว แล้วดันเอารองเท้าแตะมาด้วย เดินบนหินกรวด ก็ยากพอๆ กับเดินบนไม้หมอนนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 17:59:51

ความคิดเห็นที่ 50 หันกลับไปมองเด็กๆ ร่วมทาง รู้สึกว่าทั้งสองจะคิดผิดหรือเปล่าที่ดันหลวมตัวมาเข้าขบวนการชมอุโมงค์ครั้งนี้  ขนาดลูกผมยังไม่ยอมมาเข้าร่วมเลย  คงคิดได้.....ฮิฮิ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:03:35

ความคิดเห็นที่ 51 ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จต้องอยู่ที่นั่น  คำพังเพย นี้เป็นจริงเสมอครับ ใกล้เข้ามาแล้ว อุโมงค์แห่งความหวัง.....เอ๊ย..อุโมงค์แห่งเป้าหมายการเดินทางครับ  ผมเคยไปค้นหาอุโมงค์ขุนตาน ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมาแล้วนะครับ เป็นทริปแรกของชีวิต ในการเดินทางคนเดียว ด้วยการขี่มอเตอร์ไซด์จาก เชียงใหม่ มายังสถานีขุนตาน จ.ลำปาง ครับ  ตอนมาถึงสถานี รู้สึกประทับใจมาก เพราะตัวสถานีอยู่สูงกว่าทางรถยนต์ อย่างคาดไม่ถึง มองหาอย่างไรก็ไม่เจอ...ครับ   แต่ทริปนั้นก็ไม่ได้ถ่ายภาพใดๆ เพราะเดินทางคนเดียว กลัวกล้องเสียหาย  เลยได้ไปยืนหน้าอุโมงค์อย่าง ที่ต้องการ  รู้สึกว่าจะมองเห็นปลายอุโมงค์อีกด้านเป็นจุดสว่างเล็กๆ เพราะเป็นอุโมงค์ตรง ต่างจากอุโมงพระฉายแห่งนี้ที่จะมีแต่ความมืดมิด ทั้งๆ ที่สั้นกว่าอุโมงขุนตาน นั่นเป็นเพราะ อุโมงค์นี้มีความโค้งไม่เป็นเส้นตรงครับ การเดินเข้าไป ให้ทะลุอีกด้าน ไม่ง่ายครับ..... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:10:44

ความคิดเห็นที่ 52 ขอย้ายมาถ่ายภาพ ตรงๆ หน่อย  ให้อุโมงค์อยู่ตรงกลางระหว่างเสาสัญญาณ ทั้งสองต้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:13:33

ความคิดเห็นที่ 53 ก้มลงดูรางข้างหน้า มีสายสัญญาณ ตรวจสอบว่ามีรถไฟผ่านจุดนี้หรือเปล่า โดยใช้หลักการความต้านทานระหว่างราง ครับ  คือปล่อยไฟฟ้าคร่อมราง ด้วยแรงดันต่ำ ถ้าหากมีรถไฟวิ่งผ่านมา ล้อรถไฟและตัวรถไฟ ที่เป็นเหล็กจะนำไฟฟ้า ทำให้ ความต้านทานไฟต่ำลง สามารถตรวจสอบได้ว่า มีรถไฟอยู่ตรงนี้ครับ...เป็นระบบตรวจสอบรถไฟแบบไฟฟ้า ที่สมัยก่อนไม่มี ต้องขึ้นหอสูงส่องกล้องดูอย่างเดียว ดังนั้น เพื่อนๆ เวลาเดินบนไม้หมอนรถไฟต้องระวังเข้าสายไฟนี้ด้วยนะครับ นอกจาก จะทำให้สะดุดหกล้มได้ แถมอาจทำให้ระบบตรวจรถไฟเขามีปัญหาชำรุดด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:20:48

ความคิดเห็นที่ 54 ตรงจุดนี้ มองกลับไปที่สถานี ก็แทบไม่เห็นแล้ว ถ้ามีเรื่องร้ายอะไร ก็ต้องช่วยตัวเองกันแล้วนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:23:46

ความคิดเห็นที่ 55 ข้างหน้าก็คือ รางรถไฟที่ทอดยาวไปรวมกัน ก่อนเข้าอุโมงค์   ให้สังเกตุดีๆ ว่ารางด้านซ้ายจะมีกล่องสีดำ ที่บอกทิศทางว่า รางตอนนี้กำลังต่อเชื่อมไปทิศทางใด เพื่อให้ พนักงานขับรถไฟ ได้ระมัดระวัง (ทำนองว่า ถ้าเป็นทางตรงก็วิ่งได้เร็วเต็มที่ แต่ถ้าเปลี่ยนช่องทางต้องค่อยๆ...มิฉะนั้นรถอาจปีนรางได้) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:30:06

ความคิดเห็นที่ 56 ตรงจุดร่วมราง นี้เรียกว่า ตะเข้ ครับ เพราะดูแล้วเหมือนตะเข้ อ้าปาก (ต้อง  จินตนาการกันหน่อยนะครับ)  พบได้ทั่วไปตรงจุดต่อเชื่อมรางสองทิศทาง แต่ที่ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะเห็นว่าแปลกดี เป็นเหล็กตันหล่อระหว่างรางทั้งสองเลย  ไม่ได้เป็นรางแยกกัน เหมือนที่เคยเห็นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:45:04

ความคิดเห็นที่ 57 มาถึงตรงนี้ ก็คือ หัวประแจครับ เป็นจุดที่สามารถควบคุมรถไฟให้วิ่งไปรางอื่นได้ โดยการเลื่อนปลายรางเล็กๆ ไปให้ติดกับด้านในของรางด้านนอก แต่ละด้าน แล้วรถไฟก็จะวิ่งไปโดยอาศัย ใบมีดล้อรถ เกาะขอบรางด้านในไปครับ จุดนี้ นับเป็นจุดอันตรายสำหรับคนเดินบนรางครับ อย่าไปใกล้ เพราะอาจมีการเคลื่อนหัวประแจไปหนีบเท้าได้ ถ้าโชคร้ายหนีบแล้วไม่หลุด ท่านก็จะถูกยึดไว้ให้รถไฟที่วิ่งมาชนสบายๆ ครับ  (ผมเคยเห็นภาพวาดเตือนในสถานีตะพานหินว่า "ระวังประแจหนีบ") จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:02:51

ความคิดเห็นที่ 58 ลองมาดูหัวประแจกันใกล้ๆ สักครั้งไหม  (ก่อนเข้าอุโมงค์)  จะมีโครงสร้างการทำงานง่ายๆ แต่แม่นยำ ข้อควรระวังก็คือ ประแจจะหนีบได้ ถ้าหากมีการสับรางขณะที่เราเดินผ่านไปพอดี ให้ห่างๆ เข้าไว้ เป็นปลอดภัยครับ (ตอนเด็กๆ ผมก็กลัวตรงนี้แหละ มันดูเหมือนมีชีวิต และมันทำงานโดย ที่เจ้าหน้าที่ผู้สับรางมองไม่เห็นด้วย สมัยก่อนจะใช้ลวดสลิงดึงจาก สถานี แต่ปัจจุบันได้ใช้ระบบไฟฟ้า อาจทำให้เจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าที่หัวประแจมีอะไรติดอยู่ แต่ในใจผมคิดเองว่า ระบบนี้น่าจะมีอะไรที่ตรวจสอบได้ว่า ประแจไม่สนิท เพราะนั่นหมายถึงอันตรายต่อขบวนรถไฟเช่นกันครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:13:25

ความคิดเห็นที่ 59 หันมองกลับไปทางสถานีบุใหญ่  เพื่อจะได้เห็นภาพการทำงานของหัวประแจสับราง เปลี่ยนทิศทางการเดินรถไฟ ได้ชัดๆ ว่า รถไฟต้องวิ่งผ่านสองจุดนี้เสมอ คือ ตะเข้ กับ หัวประแจ แล้วแต่ว่าจะผ่านตรงไหนก่อนกัน แต่สำหรับจุดที่เห็นในรูปข้างล่าง นั้นจะมีหัวประแจอีกชุดหนึ่ง อยู่ด้านขวา เพื่อสับรางให้รถวิ่งไปในรางด้านขวาได้ อันจะเป็นจุดพักรถ เพราะเป็นทางตัน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:23:08

ความคิดเห็นที่ 60 ต่อจากนี้เป็นรางตรงๆ ไปสู่หน้าอุโมงค์แล้วครับ  น่าเสียดายภาพไหวไปหน่อย แต่ขอให้ดูเป็นภาพศิลป์ หน่อยละกัน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:27:27

ความคิดเห็นที่ 61 มาถึงแล้วจ้า... ปากอุโมงค์รถไฟ พระฉาย ด้านสถานี (ต้องบอกไว้ให้ทราบ เพราะเดี๋ยวตอนท้ายผมจะพาท่านไปพิสูจน์ ปากอุโมงค์อีกด้าน สนุกตื่นเต้น แกมหวาดเสียว ด้วยครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:30:52

ความคิดเห็นที่ 62 แหม..ข้างๆ อุโมงค์ดูรกไม่น้อย เขาว่าเป็นดงงูจงอางสมัยก่อนด้วย บรื๊อยย์..เสียวน่องจริงๆ   ไม่กล้าลุยป่าเลยงานนี้  ถ้าเจอพวกเขาก็เป็นอันจบ จบชีวิต ไงล่ะครับ ก่อนอื่นก็ขอถ่ายภาพป้ายข้อมูลหน้าอุโมงค์ก่อน เผื่อใครอยากจะทราบว่ามีรายละเอียดเช่นใด อุโมงค์ยาว 1,197 เมตร  น้อยกว่า อุโมงขุนตานเล็กน้อย ที่ยาวเป็นอันดับหนึ่งของไทย คือ 1,352 เมตร  แต่มีความกว้างมากกว่า อุโมงค์ขุนตาน (อันนี้เอามาจากเว็บวิกิพีเดีย ครับ) คือ กว้าง 7 เมตร สูง 7 เมตร สามารถเดินอยู่ในอุโมงค์ขณะรถไฟวิ่งได้ (แต่คงรู้สึกเสียวสุดๆ อันนี้ ไม่อยากมีประสบการณ์) แต่ อุโมงค์ขุนตานกว้างเพียง 5.2 เมตร สูง 5.5 เมตร ครับ อุโมงค์นี้ใช้เวลาสร้างเพียง 1 ปีครึ่ง ต่างกับ อุโมงค์ขุนตานที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 11 ปี  นั่นอาจเป็นเทคโนโลยีที่ต่างกัน และความยากลำบากของภูมิประเทศ ที่ ขุนตาน อยู่บนภูเขาสูงคดเคี้ยว ห่างไกลจากกรุงเทพฯมาก อุโมงค์นี้สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2537 คือ 15 ปีมาแล้ว แต่ อุโมงค์ขุนตาลสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2461 คือ 91 ปีมาแล้ว  อ้อ..แต่ อุโมงค์นี้ เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย คือสร้างโดยนายช่างไทย ต่างจากอุโมงค์ขุนตาน สร้างโดยนายช่างชาวเยอรมันครับ ขอเพิ่มเติมอีกนิด เรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอุโมงค์นี้ คือ 127 ล้านกว่าบาท ในขณะที่ อุโมงค์ขุนตานนั้น ใช้งบเพียง 1 ล้านกว่าบาท! คือ 1,362,050 บาท (อ้างอิงจาก วิกิพีเดีย)  ไม่ต้องแปลกใจครับ เมื่อ 91 ที่แล้วค่าเงินของเราแข็งกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่าครับ แหม...ผมเอาข้อมูลมาใส่ให้หนักหัวกันอีกแล้วละซี... แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 23:24:22 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:47:59

ความคิดเห็นที่ 63 มองเข้าไป ชวนให้รู้สึกเสียวๆ เหมือนกันว่าจะมีรถไฟพุ่งออกมาอย่างฉับพลันจนหลบไม่ทัน  ความรู้สึกนี้ เจ้าตัวเล็ก เขากลัวไม่น้อยครับ  แต่ผมคิดว่า ปกติรถไฟจะไม่เงียบ ต้องส่งเสียงดังตลอด น่าจะได้ยินล่วงหน้านะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:51:52

ความคิดเห็นที่ 64 เอาหน้าตรงสักรูป  เสียวดี...ถ้ามีรถไฟกำลังวิ่งมา...อิอิ  แหม..ดูจากภาพแล้วรู้สึกว่าอุโมงค์ไม่ใหญ่เท่าใดนัก อาจเป็นเพราะผมเคยชินกับอุโมงรถยนต์ที่ลอดทางแยกในกทม.นะครับ ว่าทั้งกว้างและสูงกว่านี้เยอะ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:59:11

ความคิดเห็นที่ 65 ก่อนเข้าอุโมงค์ ให้สังเกตุสีหน้า เจ้าตัวเล็กดูซีครับ เริ่มเบะ แล้ว บอกว่าขออยู่ตรงนั้นดีกว่า นอกจากรถไฟแล้ว อาจกลัวสัตว์ป่า หรือสิ่งลึกลับในอุโมงค์นี้นะครับ....อาจเป็นเสือ มาคาบเอาไป....บรื๊อยย์..... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:15:07

ความคิดเห็นที่ 66 ว่าแต่ อุโมงค์ก็มืดจริงๆนะครับ มองไม่เห็นอะไรเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:17:53

ความคิดเห็นที่ 67 ขอนำภาพจากในเว็บคนเชียงรายครับ http://www.chiangraifocus.com/webboard/view.php?Qid=9900&cat=1 ว่า ลักษณะอุโมงค์ขุนตานนั้นเป็นแนวตรง ทำให้มองแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อีกด้านครับ ดูไม่น่ากลัวเหมือนอุโมงค์แห่งนี้ ที่ดูมืดมิด สิ้นไร้หนทางออก (จริงๆ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:25:20

ความคิดเห็นที่ 68 น่าลุ้นครับ สถานีบุใหญ่ และอุโมงค์พระพุทธฉาย เป็นฉากในภาพยนตรหลายเรื่อง ๙ พระคุ้มครอง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : หมอดาริน เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:27:43

ความคิดเห็นที่ 69 แต่ยังโชคดีที่ มีเพื่อนๆ ในเว็บรถไฟดอทคอมเตือนไว้ว่าต้องมีไฟฉายครับ ซึ่งผมได้นำเอาติดตัวมาด้วย แต่อันเล็กเกินไป เลยใช้ได้แค่ส่องทางสำหรับเดิน ไม่สามารถส่องไฟเพื่อถ่ายภาพได้เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:27:53

ความคิดเห็นที่ 70 สวัสดีครับ คุณหมอดาริน แวะมาทักทายกันหน่อย  ผมลองคลิ๊กเข้าไปค้นดูภาพตัวอย่าง ในภาพยนต์เรื่อง 9 พระคุ้มครอง ก็มีฉากอุโมงค์รถไฟเหมือนกันเลยครับ  ดังที่ นายสถานีบุใหญ่ บอกว่า มีภาพยนต์หลายเรื่องมาใช้ที่นี่เป็นฉาก  อาจเป็นเพราะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และยังมีภูมิประเทศป่าเขาโดยรอบที่สามารถใช้เป็นฉากได้ด้วย จากภาพข้างล่างนี้ดูสว่างขึ้น ไม่ใช่เพราะไฟฉายตัวน้อยของผมนะครับ เป็นเพราะผมปรับกล้องให้ทำงานช้าลง (Low Speed)   พอมองเห็นสภาพพื้นผิวอุโมงค์ โดยเฉพาะเพดาน ผนังด้านข้างชัดขึ้นบ้าง  แต่จากข้อมูลในเว็บรถไฟไทยดอทคอม(อีกแล้วละครับท่าน)ของคุณ black_express ที่บอกว่า จะเป็นแบบนี้แค่ มีเพียงระยะ 350 เมตรเอง ต่อจากนั้นก็จะเป็นผนังฉีดซีเมนต์ ยาว 680 เมตร ไปจนจะออกจากปากอุโมงค์อีกด้าน ก็จะกลับมาเป็นผนังแบบนี้ แต่ยาวเพียง 167 เมตร (เก่งจริงๆ รู้ได้อย่างไรกันนี่) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:43:41

ความคิดเห็นที่ 71 เนื่องจากผมได้เข้าไปคนเดียว จึงไม่สามารถเข้าไปลึกๆ ได้ เพราะอาจมีอันตรายแอบแฝงอยู่ ผมจึงขอนำภาพผนังฉีดซีเมนต์ด้านใน มาให้ชมกัน โดยนำมาจากของคุณ black_express คนเดิมครับ บรื๊อยย์...ดูจากรูปแล้ว ทำให้นึกถึง ผิวงูยักษ์เลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:48:34

ความคิดเห็นที่ 72 หันกลับไปมองปากอุโมงค์ ดูแล้วเป็นรูปไข่ เหมือนกับในภาพยนต์เรื่อง "โอเคเบตง" ในรูปคห.ที่ 3 ของผมเลย  แต่เด็กๆ ยืนรอที่ปากอุโมงค์ ไม่กล้าเดินเข้ามาครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:53:53

ความคิดเห็นที่ 73 เอ้า...กล้าๆ หน่อย เข้ามาอีกนิด เพื่อจะได้ภาพวงรี ปากอุโมงค์ไปเป็นที่ระลึก... ต้องใช้แฟลชช่วยหน่อยครับ  ดูหน้าเจ้าตัวเล็ก ก็ยังรู้สึกกลัวๆอยู่ดี ทั้งๆ ที่หันหน้าเข้าถ้ำตลอดเวลา นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:58:21

ความคิดเห็นที่ 74 เอาตรงๆ อีกสักภาพ จากในอุโมงค์มาข้างนอก  แหม..กว่าจะมาถึงได้ ต้องถ่ายให้คุ้มครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 21:02:47

ความคิดเห็นที่ 75 ผมเดินเข้าไปในอุโมงค์อีกนิด ในขณะที่เด็กๆ ได้ออกไปรอที่ปากอุโมงค์ คงจะรู้สึกเสียวๆ เหมือนกับไปยืนริมหน้าผานะครับ  แหม..บรรยากาศในนี้ช่างเริ่มอับ และมีกลิ่นน้ำมันเครื่องเหม็นฟุ้งไปหมด จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 21:07:28

ความคิดเห็นที่ 76 ตอนนี้ข้างหน้าผมก็คือ รางที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดละครับ  ผมจะลองเดินเข้าไปจนรู้สึกว่าทนไม่ได้ ก็จะหยุดแค่นั้น.........ไม่รู้ว่าผมจะทนได้แค่ไหนครับ กับความมืด ในสภาพคนเดียว Alone แบบนี้....บรื๊อยย์.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 21:11:08

ความคิดเห็นที่ 77 เข้ามาสักพัก ก็เริ่มปรับตาได้ แต่ก็ยังมองไม่เห็นอยู่ดีครับ เพราะมีแค่ไฟฉายกระบอกจิ๋วเท่านั้น มองเห็นเป็นแค่จุดสว่างเล็กๆ เท่านั้น..... วันนี้ขอพักแค่นี้ก่อนครับ เดี่ยวสัปดาห์หน้าจะมาต่อกันว่า ผมได้พบอะไรในอุโมงค์แห่งนี้บ้าง  บรื๊อยย์...เสียงพูดนี้ก้องตลอดเลยครับ  ถ้ามีรถไฟมา ผมต้องได้ยินก่อน และโดยปกติเขาต้องเปิดไฟวิ่งอยู่แล้ว  แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ สัตว์ตามธรรมชาติครับ อาทิเช่น งู ดังที่ คณะรถไฟดอทคอมไปเจอมาแล้วครับ  คอยติดตามในกระทู้ตอนสองนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 21:16:16

ความคิดเห็นที่ 78 รอลุ้นด้วยคนครับว่าจะไปเจออะไรบ้าง ว่างๆผมก็จะไปลองดูอุโมงค์ที่นี่อยู่เช่นกันครับ แต่ก็ยังดีครับ อุโมงค์นี้มีที่หลบรถไฟอยู่เป็นระยะๆ (แต่สภาพไม่น่าเข้าไปหลบเลย) จากคุณ : นายนัทผัดเผ็ด เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 03:45:42

ความคิดเห็นที่ 79 รีวิวสนุกมากค่ะ ลุ้นไปด้วยเลยค่ะว่าจะเจออะไร แล้วจะมีรถไฟวิ่งสวนมารึเปล่า.. แถมได้ความรู้เรื่องรถไฟเพิ่มมาอีกเยอะเลย ^^ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อยากอ่านต่อไวๆ รีบๆมาต่อเร็วๆนะคะ จากคุณ : teddydoll เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 15:36:35

ความคิดเห็นที่ 80 ตามมาเที่ยวด้วยครับ สนุกสนานตื่นเต้นเหมือนหนังทัวี.twilight zone เลย จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 22:59:28

ความคิดเห็นที่ 81 สวัสดีครับ คุณ นายนัทผัดเผ็ด คุณเคยเข้ามาแล้วหรือครับ จึงทราบว่ามีที่หลบรถไฟอยู่เป็นระยะ  ซึ่งผมได้เข้าไปเห็นเพียงจุดเดียว ก็ได้พบกับสิ่งที่คาดไม่ถึง แล้วครับ สวัสดีคุณ teddydoll,  Red Fox ยินดีด้วยครับที่สนุก ลองติดตามชมตอนต่อไป ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8370565/E8370565.html จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:50:42

ความคิดเห็นที่ 82 สุดยอดไปเลยครับ จากคุณ : ว่าที่ลูกเรือ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:58:18

ความคิดเห็นที่ 83 เรื่องช่องหลบภัยในอุโมงค์นั้น จะมีทุกอุโมงค์ครับ ทุกระยะ 100 เมตรจะมี 1 ช่อง ยกเว้นบางอุโมงค์ที่สั้นครับ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:36:58

ความคิดเห็นที่ 84 ตื่นเต้นค่ะ จะได้พบอะไรกันหนอ จากคุณ : บัวนลิน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:34:07

ความคิดเห็นที่ 85 สนุกจังเลยค่ะ ตื่นเต้นดี จากคุณ : lovin's sea เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 02:09:58

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีครับ คุณ ว่าที่ลูกเรือ ขอบคุณที่ชมครับ สวัสดีครับ คุณAlderwood  ที่หลบรถไฟ หรือหลบภัย นั้น ถ้าหากไปไม่ทันใช้วิธียืนพิงผนังก็น่าจะปลอดภัยใช่ไหมครับ เพียงแต่ อาจเสียวกว่า แต่ถ้าหากมีเครื่องจักรชิ้นโตๆ ก็อาจจะมีอันตรายถึงการเฉี่ยวชนได้ จึงต้องมี ที่หลบภัย สวัสดีครับ คุณ บัวนลิน  เชิญติดตามต่อได้ในตอนสองครับ สวัสดีครับ คุณ lovin's sea ยินดีครับที่ดูแล้วสนุก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 15:55:25

ความคิดเห็นที่ 87 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 13:48:33