ความคิดเห็นที่ 1 มาต่อกันเลยนะครับ ในท่ามกลางความมืดมิดแบบนี้  มีแต่รางกับรางครับ  นี่ผมใช้แฟลชถ่าย นะครับ ถึงได้มองเห็น เพราะลำพัง ไฟฉายจิ๋วในมือ ไม่สามารถทำให้กล้องมองเห็นได้เลย แต่สำหรับสายตา นั้นพอมองเห็นได้ในระยะไม่กี่เมตรเอง  ทำให้นึกกลัวสัตว์ต่างๆ ที่มาอาศัยอยู่ในอุโมงค์ ครับ  ไม่กลัวรถไฟ เพราะรถไฟจะต้องมีเสียงล่วงหน้ามาก่อน และตามด้วยแสงไฟหน้าขบวนครับ จากรูป ยืนยันว่าเป็นเวลากลางวันบ่ายสองโมง มีแดดด้วย แต่ในอุโมงค์มืดมิด ประดุจกลางป่า ยามเที่ยงคืนเลยครับ  แต่กลิ่นน้ำมันเครื่อง เหม็นสุดๆ ครับ ถ้าเดินไปจนทะลุอีกด้าน อาจคลื่นไส้ เวียนหัว เดินกลับมาไม่ได้ ก็เป็นได้ครับ ขอเตือนไว้ก่อนว่า ทางที่ดี น่าจะหา ถังอ๊อกซิเจน ปิดจมูก เดินไปก็ดีครับ ฮิฮิ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:57:41

ความคิดเห็นที่ 2 ผมสงสัยมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วครับ ปัจจุบันเส้นทางนี้ยังมีรถให้บริการคนทั่วไปหรือเปล่า จากคุณ : แก่ กรุงเก่า เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:01:50

ความคิดเห็นที่ 3 ผมหันกลับไปมองทางปากอุโมงค์อีก ก็จะเห็นว่า มีความมืดมากกว่า ความสว่างแล้ว   ตอนนี้ ถ้าหากมีเหตุฉุกเฉินอะไร ก็คงมาช่วยผมไม่ทันแน่นอน......  เพราะอีกด้านมีแต่ความมืดมิด ในขณะที่พื้นทางเดินก็ไม่เรียบ แถมตรงทางเดินก็เป็นฝาปิดท่อระบายน้ำ ที่ถูกเปิดๆ ปิดๆ ไม่เป็นระเบียบอีก... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:03:56

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับ คุณแก่ กรุงเก่า  ทางรถไฟสายนี้ ไม่เปิดให้บริการทางด้านโดยสาร ครับ มีเฉพาะขบวนขนสินค้าเท่านั้น เพียงแต่ กลุ่มคณะ รถไฟดอทคอม เคยเหมาขบวนไปเที่ยว เมื่อ เดือน มิย. 51 ครั้งนั้นครับ ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2741&postdays=0&postorder=asc&start=10 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:11:11

ความคิดเห็นที่ 5 นี่เป็นสภาพทางเดินภายในอุโมงค์ครับ เดินๆ ไปกลัวมีอะไรโผล่ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:13:02

ความคิดเห็นที่ 6 เจอแล้วครับ......  สิ่งแปลกปลอมในอุโมงค์...  ไม่ได้แปลกอะไรมาก เพียงแต่ เทียบกับ ผิวอุโมงเรียบๆ ก็มาเจอเข้ากับแผงสวิทช์ไฟฟ้าครับ ซึ่งน่าจะเลิกใช้แล้ว   แหม..ถ้าหากใช้เปิดไฟในอุโมงค์ได้ ล่ะก็เป็นพระคุณเลย ผมจะเดินไปให้ถึงอีกด้านแบบสว่างๆ  แต่จะว่าไปแล้ว สร้างเสร็จตอนปี พ.ศ.2537 เอง แค่ 15 ปี ดูสภาพเก่ายังกับเป็นร้อยปีเลย... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:19:26

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากๆครับผม เสียดายที่เส้นทางนี้ไม่มีเปิดให้การโดยสารเสียที หวังว่าอนาคต พอทำทางคู่ช่วง แก่งคอย-คลองสิบเก้า-ฉะเชิงเทรา เสร็จแล้ว จะเปิดขบวนรถโดยสารมั่งก็จะดีครับ เผื่อจะมีขบวนโดยสาร พัทยา-ชุมทางถนนจิระมั่ง จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:19:54

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับ คุณ อุ้ย (digimontamer)  แสดงว่าในอนาคตจะมีทางรถไฟทางคู่ จริงๆ แล้วตรงอุโมงค์นี้หล่ะ  ดูอย่างไรก็วิ่งได้ทีละขบวน ยกเว้นว่าจะทำอุโมงค์เพิ่มอีกช่อง หรือขยายขนาดอุโมงค์ให้กว้างขึ้นนะครับ  ขอเอาใจช่วยด้วยคน ว่าถ้าหากเปิดให้มี รถโดยสารบ้าง ก็ดี จะช่วยให้คนที่อยู่แถวๆ ฝั่งตะวันออก เดินทางไปยัง ตะวันออกเฉียงเหนือได้โดยตรง ไม่ต้องย้อนไปเริ่มต้นที่กรุงเทพฯใหม่ อีกทีครับ มาถึงช่องหลบรถไฟอันแรกแล้วครับ  บรื๋อยย์...ดูไม่น่าเข้าไปเลย เหมือนกับว่าจะมีหลืบถ้ำ เข้าไปลึกๆ ได้อีก แล้วมี สัตว์ประหลาด เอ๊ย..สัตว์ป่า ประเภทตัวยาวๆ ขดซ่อนตัวอยู่... ว่าแต่... ตรงข้างล่างมีอะไรยาวๆ ดำๆ เต็มไปหมด หรือจะเป็นคราบงู หรือพืชชนิดหนึ่ง หรือเปล่านี่ ลองเข้าไปดูกันใกล้ๆ กันหน่อยนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:33:02

ความคิดเห็นที่ 9 เอากล้องไปจ่อใกล้ๆ เพื่อถ่ายภาพชัดๆ ดู ในความมืด  ด้วยความรู้สึกเสียวๆ ว่าจะมีอะไรโผล่ขึ้นมาเป็นแท่งๆ หรือเปล่า   ยิ่งดูคล้ายงูด้วย อ๋อ... ปลอกสายไฟขนาดใหญ่ นั่นเอง ว่าแต่เขาเอามากองไว้ทำไมในช่องหลบรถนะ   ตอนกลับออกมา ได้คุยกับ นายสถานี ท่านบอกว่า เป็นปลอกสายไฟของการรถไฟที่ถูกจารกรรม โดยคนท้องที่ หลังจากตัดสายไฟ เขาก็ลอกเอาปลอกออกเลย แล้วนำสายทองแดงออกไปขาย  สาเหตุที่เขาไม่ไปลอกที่บ้านเขา ก็คงกลัวว่าจะมีหลักฐาน และถ้ายิ่งนำไปเผาไฟก็จะมีกลิ่นแรง จนทำให้ถูกสงสัยได้ง่ายอีก  เลยเป็นที่มาของกองปลอกสายไฟ จำนวนมากแบบนี้.....  ฮื่อ...ทางรถไฟก็ไม่ขนย้ายออกไปนะครับ หรือว่ากำลังเป็นความดำเนินคดีอยู่  ถือเป็นของกลางก็ได้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:45:56

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณที่เอามาให้ชม ไม่รู้นะเนี่ย มีวิ่งด้วยหรือ โห  เล่น เหมาขบวนกันไปด้วย....ท่าจะมันส์ จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:46:24

ความคิดเห็นที่ 11 ตามมาชมครับ จากคุณ : ว่าที่ลูกเรือ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:51:41

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ คุณ ถนนสายนี้เปรี้ยว กลุ่มรถไฟดอทคอมเขาเหมาขบวนไป ดูท่าทางจะสนุกจริงๆ เพราะมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่เงียบเหงา เหมือนทริปของผมเลย...แง... แต่ก็ได้สัมผัสธรรมชาติ ไปอีกแบบนะครับ ผมคิดว่าจะหยุดสำรวจ ณ. ตรงนี้ไปก่อน เพราะดูๆ แล้วชักจะเสียวๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ  ไม่ใช่อะไรหรอก ก็ ง..อู..งู ไงล่ะ  อาจแอบซ่อนตรงทางเดินที่มีฝาปิดไม่สนิทก็ได้ นึกทีไรก็ขนลุกครับ แถมมืด และเหม็นน้ำมันเครื่องตลอดเวลา  แต่ที่ชอบคือเสียงก้องในอุโมงค์ ชวนให้พูดคนเดียวได้เพลินไปเหมือนกัน...ฮัลโหลเทส...ฮัลโหลเทส.... แปลกดีครับ  อ้อ..อากาศก็ไม่ร้อน แต่ชื้นมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:52:40

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเดินกลับออกมาทางปากอุโมงค์ ท่ามกลางการถอนใจของเด็กๆ ที่ยืนรอปากอุโมงค์ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:58:19

ความคิดเห็นที่ 14 ออกมาหน้าอุโมงค์ ก้มลงดูตัวเลขที่ไม้หมอนรถไฟ (ทำด้วยคอนกรีต) จะระบุระยะทาง เหมือนหลักกิโลเมตรบนถนน ว่า 148 กม. กับอีก 325 เมตร (แหม..ละเอียดจริงๆ) ซึ่งน่าจะนับจาก ด้านใต้ ที่มาจาก จ.ฉะเชิงเทรา  เมื่อค้นหาจากในเน็ต จึงพบว่า เป็นการนับระยะทางจาก กรุงเทพฯ เลยนะครับ โดย ตรง สถานีฉะเชิงเทรา เป็นหลักกิโลเมตร 60.99 กม.  ซึ่งไปแยกตรงสถานีคลองสิบเก้า ที่หลักกิโลเมตร 85.60 กม. ครับ (ถ้าหากไม่แยกมาทางนี้ รถไฟก็จะตรงไปยัง อรัญประเทศ โน้นเลยครับ) แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 17:00:22 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:10:07

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นผมไม่เข้าดีกว่า จากคุณ : แมงปอบินเดี่ยว เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:22:48

ความคิดเห็นที่ 16 โอวววว์ ตัดหญ้าโล่งแล้ว น่าไปถ่ายรูปอีกที จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:40:09

ความคิดเห็นที่ 17 ตามไปดูด้วยคน ตื่นเต้นดีแฮะ จากคุณ : ขอบคุณ1000ครั้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:42:17

ความคิดเห็นที่ 18 ปากทางเข้าอุโมงค์ดูเก่าคลาสสิกดีนะครับ ตอนรถไฟมาถ้าอยู่ในอุโมงค์จะหลบรถไฟพ้นไหมครับเนี่ย จากคุณ : NET-MANIA เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:50:28

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าเป็นเป็นผม  คงได้ยืนอยู่ปากถ้ำกับเจ้าตัวเล็กแน่นอนครับ  อะไรที่มันมืดๆมันน่ากลัวเนอะ เคยไปแค่พระพุทธฉาย แต่ไม่เคยไปถึงบุใหญ่เลยครับ  ขอบคุณกับที่ท่องเที่ยวใหม่ๆน่ะครับผม//thailand จากคุณ : -อุ่นอารี- เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:00:52

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาดูต่อภาค2ค่ะ ..เมื่อวานเข้าไปดูในเว็บของรถไฟดอทคอมมาเหมือนกันค่ะ เห็นมีคนเจองูด้วย .. -*-' ทำให้ต้องมาลุ้นว่าเจ้าของกระทู้จะเจออะไร ^^ ..เดินสำรวจถ้ำ ถ้าไปหลายๆคน และมีไฟฉายไปพร้อมก็น่าไปนะคะ แถมลุ้นอีกว่า จะไปจ๊ะเอ๋ กะรถไฟข้างในถ้ำรึเปล่า.. ขอบคุณนะคะ จากคุณ : teddydoll เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:01:00

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีครับ คุณ แมงปอบินเดี่ยว  อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะครับ แบบว่าชอบอะไรแปลกๆ เสียวๆ หน่อย  และบังเอิญก็มีตัวอย่างในเว็บ แล้วครับ ถ้าหากนายสถานีบอกห้ามไว้ ก็คงไม่กล้าเดินเข้าไปแน่นอนครับ สวัสดีคุณ Alderwood ที่คิดถึงครับ สำหรับ กระทู้เกี่ยวกับรถไฟ เที่ยวนี้ก็ไม่พลาดเช่นกัน  คงหมายถึงหญ้าตรงปากอุโมงค์ใช่ไหมครับ  เอ...ฝั่งสถานี ข้างบนดูรก แต่อีกฝั่งก็ดูโล่งดีครับ  แต่ถึงอย่างไรก็ยังเสียวๆ เจ้าจงอาง อยู่เหมือนกันครับ สวัสดีครับ คุณ ขอบคุณ1000ครั้ง ยินดีด้วยครับที่เข้ามาเที่ยวกัน สวัสดีครับ คุณ NET-MANIA  ผมกลับคิดว่า ดูทันสมัยมากกว่า เมื่อเทียบกับ อุโมงค์รถไฟอื่นๆ อาทิเช่น อุโมงค์ขุนตาน ที่ดูเป็นอิฐสีแดงเก่าๆ ครับ  อุโมงค์นี้ ถ้าหากไม่มีรางรถไฟ ก็คงคิดว่าเป็นอุโมงท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ แบบในต่างประเทศ หรือไม่ก็อุโมงค์รถยนต์ลอดครับ สวัสดีครับคุณ -อุ่นอารี- สถานีบุใหญ่ เป็นสถานี ที่ค่อนข้างจะลับแล ครับ ไม่มีป้าย หรือข้อความใดๆ บอกเส้นทางเลย อาจะเป็นเพราะไม่ใช่ทางรถไฟที่มีการโดยสารผู้คน ครับ  เหมือนทางรถไฟที่ไปเหมืองแร่ หรือท่าเรือเดินทะเล อย่างไรก็มาชม บรรยากาศปากอุโมงค์กันหน่อย ตอนที่ผมกำลังจะเข้าไปครับ ให้สังเกตุเสียงก้องของผมครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:04:54

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับ คุณ teddydoll  ที่ติดตามมาจากตอนแรก ตอนนี้คงทราบแล้วนะครับว่าผมเจออะไร งูตัวดำๆ อื๋อ.... ปลอกสายไฟ ที่เขาลอกทิ้งไว้เป็นกอง นั่นแหละ แหม..ถ้าหากมีงูแฝงตัวอยู่ในกองสายไฟ ก็อาจเป็นได้  ถ้าหากมีรถไฟวิ่งสวนมา ผมยอมยืนเบียดผนังอุโมงค์ หรือวิ่งออกมา ดีกว่าเข้าไปหลบในช่อง เสียวขา จริงๆ ครับ ข้างล่างนี่ก็เป็น คลิ๊ปวิดีโอ ขณะเดินเข้าไปในอุโมงค์ครับ จะสังเกตุเห็นได้จากแสงไฟฉายเท่านั้น นอกนั้นมืดตึ๊ดตื๋อ เลย  คราวหน้า ถ้ามีโอกาสเข้าอุโมงค์แบบนี้อีก ก็จะต้องเตรียมไฟฉายดวงโตๆ และควรมีไฟฉายอันเล็กไว้สำรองด้วย กันเสีย หรือไฟหมด กระทันหัน ครับ ให้สังเกตุเสียงเดิน เหมือนกับในภาพยนต์เลยนะนี่..... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:13:55

ความคิดเห็นที่ 23 เคยถามนายสถานีเรื่องงูครับ ต้องระวังมากๆเลยครับ เคยมีงูจงอางลงมาแถวๆสถานีด้วยครับ นายสถานีก็เล่าอีกว่า ในอุโมงค์กำลังมีรถไฟวิ่งเข้ามา เจองูจงอางกำลังแผ่แม่เบี้ยชูคอขึ้นจะฉกรถไฟครับ แต่ก็โดนรถไฟเหยียบครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 15:02:03 จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:17:20

ความคิดเห็นที่ 24 กลับมาชมบรรยากาศ ตอนเดินกลับสถานีบุใหญ่ต่อ  นึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว อยู่ๆ ก็มีเสียงปู๊นๆ มาแต่ไกล เหลือบเห็นกลุ่มควันโขมงตรงสถานีบุใหญ่  ใช่แล้ว กำลังจะมีรถไฟมาเข้าอุโมงค์ ได้การล่ะ ผมหยุดเดินกลับ และยืนรอให้รถไฟมา เพื่อจะได้เก็บภาพ รถไฟเข้าอุโมงค์ ซึ่งจะน่าดูกว่าอุโมงค์เปล่าๆ แต่ ปัญหาคือ รถไฟกลับไม่มาสักที  เอ๊ะ..เขาจะรอให้เราเดินกลับไปสถานีก่อนหรือ แต่ก็ไม่มีโทรศัพท์มาสักกริ๊งเลย  ไม่รู้ว่าต่างคนต่างรอกันหรือเปล่านะ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:18:14

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณ คุณ Alderwood อีกครั้ง ที่ให้คำแนะนำเพิ่มเติมครับ   นายสถานีท่านก็ได้บอกว่า เคยพบงูจงอาง มานานแล้ว ตั้งหัวแผ่แม่เบี้ยสูงเท่าตัวคน  น่ากลัวจริงๆ  (ปกติงูทั่วไป จะตั้งหัวไม่สูงนัก ขนาดงูเห่าจะสูงแค่ฟุตเดียว)  ถ้าเจอก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปรอดได้อย่างไร ในสภาพพื้นอุโมงค์แบบนั้น  ก็คงต้องสู้กันหน่อยละ (การสู้กับงู ต้องใช้วิธีโยนสิ่งของออกจากตัวไปดึงความสนใจเขาไปที่อื่น แล้วค่อยหนี โดยอย่าหันหลังให้  ถ้างูยังตามมา ก็ต้องโยนสิ่งของกันไปเรื่อยๆ  ที่นิยมคือ โยนเสื้อ ครับ เพราะกลิ่นตัวเรา จะทำให้งูคิดว่า เป็นตัวเรา ปัญหาคือ คุณมีเสื้อกี่ตัว และจะถอดทันหรือไม่....) ผมยืนรอรถไฟมา นานเป็นสิบนาทีเลย และในที่สุด การรอผมเป็นผลแล้ว รถไฟก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานีบุใหญ่แล้ว....  (จากรูป ผมได้ใช้กล้องซูมเข้าไปดูนะครับ ที่จริง ก็ไกลมาก ลิบๆ เลยละ) แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 14:26:14 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:24:40

ความคิดเห็นที่ 26 ..ดูจากวิดิโอแล้ว บรรยากาศวังเวงมากๆเลยค่ะ ชวนให้นึกถึงหนังที่มีสัตว์ประหลาดโผล่มากลางทาง -*-' (ดูหนังมากไปรึเปล่าเนี่ยย..) จากคุณ : teddydoll เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:29:02

ความคิดเห็นที่ 27 ในขณะที่รถไฟกำลังจะมา เจ้าตัวเล็กของผม ก็รู้สึกกลัวอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ อยู่ข้างนอกอุโมงค์ และมีที่ยืนหลบ แถมบ้านก็อยู่ใกล้ๆ ทางรถไฟสายมหาชัย  ไม่น่ารู้สึกกลัวเลย แปลกจริงๆ นะ.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:29:06

ความคิดเห็นที่ 28 ครับ คุณ  teddydoll  วังเวงจริงๆ แต่ก็เป็นการฝึกจิตใจ ให้รู้สึกสงบ และท้าทายกับบรรยากาศแบบนี้ นะครับ พอรถไฟออกมาสักพัก พวกเราก็รู้ว่าจะใช้รางด้านฝั่งสถานี ผมเลยย้ายมายืนที่รางอีกด้าน เพื่อจะได้ลดความเสียว   แต่รถก็วิ่งช้าจังเลย แถม พขร. ก็ส่งยิ้ม โบกมือให้ด้วยครับ นับเป็นบรรยากาศมิตรภาพดี (ไม่เหมือน ตอนไปยืนถ่ายภาพรถจักรไอน้ำเลย)  หรือเป็นเพราะว่า มีน้องสาวๆ ไปกับผม ด้วยนะ.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:37:44

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นว่าช่วงที่จะผ่านเขาพระฉาย เขาจะวางเส้นทางสำหรับอีกรางให้อ้อมไปไกลขึ้นจากจุดเดิมอีกหน่อยหน่ะครับ เพราะไม่อยากเจาะอุโมงค์เพิ่ม เนื่องจากเขาบอกว่า จะไปกระทบกันสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาได้ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 14:47:56 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:40:10

ความคิดเห็นที่ 30 ตอนนี้ หัวรถจักร ก็กำลังเข้าไปในอุโมงค์แล้ว.....  ดูจากรูปแล้ว ไม่น่าลอดได้เลยนะ รูอุโมงค์ดำๆ นี้ เล็กนิดเดียว.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:40:57

ความคิดเห็นที่ 31   ติดตามมาตั้งแต่กระทู้แรกแล้วครับ จากคุณ : หนุ่มลำปางตามแฟนน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:44:12

ความคิดเห็นที่ 32 ออกมาปากอุโมงค์ หายใจโล่งเลยค่ะ จากคุณ : บัวนลิน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:44:31

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณ คุณ digimontamer ครับ ที่ได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเรา แต่คิดว่า อุโมงค์คงจะสั้นกว่านี้นะครับ เพราะไหนๆ ก็อ้อมไปทางอื่นแล้ว ก็น่าจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างครับ ตอนนี้ หัวจักรกำลังจะเข้ารู เอ๊ย..อุโมงค์แล้ว   ผมใช้กล้องซูมนะครับ เพราะเดินออกมาไกลพอควรแล้ว ในระดับที่มองเห็นสถานีได้ลิบๆ (ไม่อยากเดินกลับไปรอใกล้ๆ อุโมงค์ เพราะกลัว ทางนายสถานี จะคิดว่า พวกผมยังไม่ออกมาจากอุโมงค์ แล้วจะไม่ปล่อยรถเข้าไป ทำให้เสียเวลากันไปทั้งสองฝ่าย) แหม..ดูจากรูปนี้ ก็ยังคิดว่า ไม่น่าลอดได้เลยนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:49:38

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีครับ คุณ หนุ่มลำปางตามแฟนน และ คุณบัวนลิน  วันนี้ ครึกครื้นดีครับ มีเพื่อนๆ เข้ามาแวะชมทักทายกัน จนหายง่วงเลยละ ครับ  โพสไปก็สนุกไปด้วย "เหมือนได้ไปเที่ยวอีกรอบ" จากรูปข้างล่างจะเห็นขนาดช่องว่างระหว่างผนังอุโมงค์ กับตัวรถไฟ ซึ่งดูแล้วก็ไม่น้อย  จากสเปค ของหัวจักรรถไฟ รุ่น อัลสตอร์ม  (ข้อมูลจากเว็บ การรถไฟแห่งประเทศไทย) มีขนาดกว้าง 2.80 เมตร สูง 3.88 เมตร ในขณะที่ อุโมงค์พระพุทธฉายนี้ กว้าง 7 เมตร สูง 7 เมตร ก็จะเหลือช่องว่างด้านบน Up = 3.12 เมตร และช่องว่างด้านข้างด้านละ 2.1 เมตร (แต่ในความเป็นจริงฝั่งทางเดิน จะกว้างกว่าอีกด้านเล็กน้อย ก็น่าจะกว้างสัก 3 เมตร = Side) แต่ถ้ามองด้วยสายตา ก็น่าจะมีขนาดที่เล็กกว่าที่คำนวณไว้  ขนาดของอุโมงค์ คงจะไม่ได้หัก ความหนาของพื้นผิวคอนกรีต นะครับ  แต่ถึงอย่างไรก็ดูปลอดภัย ถ้าหากยืนชิดผนังอุโมงค์ขณะที่รถไฟวิ่งผ่าน โดยไม่ต้องเข้าไปในช่องหลบรถไฟ  ต่างจาก อุโมงค์ขุนตาน ที่กว้างเพียง 5.2 เมตร ซึ่งจากประสบการณ์ที่เคยนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตาน คิดว่า คงจะเสียวมากๆ ซึ่งก็ต้องเข้าไปหลบในช่องหลบรถไฟ เท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:12:26

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนนี้ รถไฟก็เข้าอุโมงค์เกือบมิดคันแล้วครับ  ตรงตู้ท้าย จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย และได้โบกมือทักทายพวกเราอีกเช่นกันครับ...ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:15:56

ความคิดเห็นที่ 36 ต่อไป ก็เดินกลับมาที่สถานีบุใหญ่ กันนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:19:15

ความคิดเห็นที่ 37 ระหว่างทางเดินกลับ เกือบจะถึงสถานี เหลือบไปดูริมทาง ฝั่งสถานี เห็นฝูงควายมายืนหากิน ยังกับสัตว์ป่าสงวนเลย... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:22:47

ความคิดเห็นที่ 38 มาถึงสถานี พบว่า ท่านนายสถานีกับ คณะของเรา (มีแต่ผู้ใหญ่ๆ ทั้งน้าน) ยังคุยกันไม่หยุดเลย  นับเป็นไมตรี ที่หายากเหมือนกัน กับ อคันตุกะ ที่ไม่ได้นัดหมายอย่างเรา ครับ ความจริงสถานีรถไฟแห่งนี้ ก็น่าจะพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้เหมือนกัน นะครับ เพียงจัดให้มีบอร์ดแสดงข้อมูล ตำแหน่งสถานที่เที่ยวชม ประวัติที่มา และมีไฟส่องทางในอุโมงค์ แบบส่องเฉพาะทางเดินต่ำๆ ก็ได้  อาจทำให้มีชื่อเสียง ได้ไม่แพ้ สะพานข้ามแม่น้ำแคว นะครับ.....ฮิฮิ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:28:13

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนนี้ พวกเราก็จะกลับออกจาก สถานบุใหญ่แล้วละ  ท่านนายสถานีก็ใจดีมาส่งพวกเรา แถมยังให้คำอธิบายเพิ่มเติมด้วย เพราะทีแรกผมกะจะลองวิ่งถนนลัดจาก สถานีไปออก วิหารแดง ท่านบอกว่า เส้นทางขรุขระ เป็นร่องลึก ทางแคบ มีก้อนหินระเกะระกะมาก เพราะเนื่องจากเป็นหน้าฝน ผมจึงได้เปลี่ยนใจ ขับรถกลับออกมาทางเดิม (ผ่าน วัดพระพุทธฉาย) ไปสู่ถนนอ้อมเมือง เช่นเดิม ครับ ต้องขอบคุณ ท่านนายสถานี บุใหญ่ มา ในที่นี้ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:33:00

ความคิดเห็นที่ 40 คุณมิราชช เป็นนักสำรวจอีกแล้ว เข้าใจหาเรื่องมาให้ดูอยู่เรื่อยๆ  เข้าถ้ำคนเดียวไม่มีเพื่อนไปด้วยอันตรายนะครับ  สำหรับ คห.14 น่าจะเป็น กม.148 นะครับ ไม่ใช่ 184  เดี๋ยวจะไกลเกินไป จากคุณ : ทุ่งสีกัน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:31:12

ความคิดเห็นที่ 41 สวัสดีครับ คุณ ทุ่งสีกัน ครับ ขอบคุณมากที่เตือน และ ช่วยบอกจุดผิดพลาดให้ สงสัยจะง่วงไปหน่อย...เลยพิมพ์สลับกันเข้าให้ แก้ไขแล้วนะครับ ปกติผมก็เป็นคนขี้กลัวไม่น้อย ไม่ใช่แค่ถ้ำ เท่านั้น ขนาดในป่าโล่งๆ เดินล้ำหน้าคณะไปแค่ลับโค้ง ก็รู้สึกเสียว แล้ว แต่บังเอิญที่อุโมงค์นี้ มีใหญ่ โล่ง ไม่เหมือนถ้ำตามธรรมชาติ( แต่จะว่าไปแล้ว ผมก็เคยเข้าไปในถ้ำเชียงดาวคนเดียว เลย เดินไปได้แค่ครึ่งทางที่มีไฟนีออนติด ไฟฟ้าก็ดับ อย่างอัศจรรย์ เลยต้องรอให้ไฟติด แล้วพอดีมี กลุ่มคนอื่นเดินเข้าไป จึงตามเข้าไปอีกที ระทึกสมัยหนุ่มๆ ครับ) แต่ผมก็เข้าไปแต่ 50 เมตรเอง ยังเหลืออีก กิโลกว่าๆ เทียบกันไม่ได้เลยครับ... ขอบคุณอีกครั้งครับในไมตรีจิตร ขอแนบรูปนี้เพื่อพักสายตาเพื่อนๆ ครับ ทริปสำรวจของผมยังไม่จบครับ  ยังมีต่อ สำหรับปากอุโมงค์อีกด้านครับ   เพียงแต่ตอนนี้ ขอพักไปทานข้าวที่ ศูนย์อาหารริมถนนอ้อมเมือง สระบุรีก่อน  ศูนย์อาหารนี้ก็อยู่ต้นๆ ถนนเลย เลี้ยวขวาจากกรุงเทพฯเข้าไปแค่กิโลกว่าๆ ก็มองเห็นด้านซ้ายมือเลย ด้านหลังตรงห้องสุขา มีวิวเขียวๆ ของทุ่งนา เลยคว้ากล้องถ่ายมาเล่นๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:17:01

ความคิดเห็นที่ 42 ตามมาชมค่ะ อยากให้การรถไฟเปิดเส้นทางเพิ่มเติมบ้าง จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:51:30

ความคิดเห็นที่ 43   สนุกดีครับ จากคุณ : Napsterio เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:20:51

ความคิดเห็นที่ 44 มาติดตามชมด้วยคน ได้ดูทีี่แปลกๆ ที่หาดูไม่ได้ง่ายๆแบบนี้ แถมได้ความรู้ประกอบมากมายด้วย ขอบคุณคุณ มิราชช มากๆครับ จากคุณ : Onnchon เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:49:33

ความคิดเห็นที่ 45 ตามมาเที่ยวต่อครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:10:53

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีครับ คุณ เด็กศิลป์ (Artiste) เห็นด้วยครับ ที่ประเทศเราจะนำระบบรางมาใช้ให้เป็นที่แพร่หลาย ไม่ใช่นับวันจะลดน้อยถอยลง กลายเป็น การให้บริการคุณภาพต่ำ ระดับชาวบ้านไป  น่าจะมีการพัฒนา ปรับปรุงมานานแล้ว อย่างน้อย พวกเรานักเที่ยวก็จะได้ลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางไกลๆ แล้วไปเช่ารถเอาข้างหน้า  และอีกประเภทหนึ่ง ก็คือรถไฟเพื่อท่องเที่ยว ในสถานที่แปลก เช่น อุโมงค์พระพุทธฉายนี้ก็ดี  ความจริงในเส้นทางรถไฟ ก็ยังมีจุดน่าท่องเที่ยวอีกเยอะ นะครับ เช่น อุโมงค์ขุนตาน  สะพานข้ามเหวลึกที่เลยไปจากอุโมงค์ขุนตานด้านใต้ (มี 3 แห่งคือ ปางยางเหนือ-2 หอ  ปางยางใต้-3 หอ  และปางหละ)  กับ สะพานทาชมภู ครับ สำหรับสะพานข้ามเหวลึก นั้น พอดีเข้าไปค้นในเว็บ รถไฟดอทคอม http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1386&postdays=0&postorder=asc&start=10 ได้รูปมาให้ดูข้างล่างครับ เสียวสุดๆ แทนเลยครับ สวัสดีคุณ Napsterio ยินดีที่มาร่วมสนุกด้วยกันครับ วันนี้ผมขอพักก่อนนะครับ  เอาไว้พรุ่งนี้มาลุยต่อกันที่ปากอุโมงค์อีกด้าน ฝั่งวิหารแดงครับ  งานนี้ต้องอาศัยแผนที่บน GPS Map Pocket PC ล้วนๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:20:51

ความคิดเห็นที่ 47   คิดว่าไม่มีใครรีวิวแบบนี้แน่นอนค่ะ "อะไรอยู่ในอุโมงค์" ...โอ้ว้าว...ช่างกล้านะคะ .. .. ขอบคุณที่เสี่ยงเข้าไปนะคะ แต่คราวหน้าไม่ต้องเสี่ยงแล้วก็ได้นะคะ เป็นห่วงอ่ะค่ะ จากคุณ : pao_nowara เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:26:22

ความคิดเห็นที่ 48   ว่าแต่แผนที่ค่ายไหนคับพี่ จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:09:55 A:210.246.64.51 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 49 สะพานปางหละหรือสะพาน 5 หอนั้น ปัจจุบันเหลือแค่ร่องรอยตอม่อครับ ทุกวันนี้ใช้สะพานคอมโพสิตแทนครับ ============================================= กลับเข้าเรื่องอุโมงค์พระพุทธฉายต่อครับ มีคลิปมาฝาก ไม่มีอุโมงค์ไหนในไทยที่รถไฟวิ่งได้เต็มที่ขนาดนี้ครับ และก่อนเข้าอุโมงค์จะเห็นทางแยกเพื่อนำรถขนหินเข้าไปรับหินและขนไปสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิครับ http://s956.photobucket.com/albums/ae43/na_maew/?action=view&current=MOV03457.flv แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 21:35:27 จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:31:48

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีคุณ pao_nowara  ที่จริงก็ไม่น่ากลัวอะไรมากนัก เพราะไม่ใช่อุโมงค์ร้าง หรือถ้ำตามธรรมชาติ ที่จะมีสัตว์เข้าไปอาศัยอยู่ แต่ที่รู้สึกน่ากลัวกว่า คือ กลิ่นน้ำมันเครื่องที่เรี่ยราดด้านข้างราง นั้นจะรบกวนจมูกมาก ถ้าหากร่างกายไม่แข็งแรง ก็อาจทำให้ ปวดหัว มึนงง จนถึงอาจเป็นลมได้ ครับ สวัสดีคุณ x ครับ โปรแกรมแผนที่ ที่ผมใช้นั้นคือ Garmin Que เป็นของบริษัท Garmin ,ESRI (Thailand) ทำงานบน GPS Pocket PC ที่สามารถบอกตำแหน่งปัจจุบัน ของเครื่องได้ โดยรับสัญญาจากดาวเทียม GPS ครับ  มีความละเอียดสูงดี ขนาดถนนในชนบท ยังแสดงให้เห็นครับ ดังในรูปข้างล่างนี้ ขอบคุณ คุณ Alderwood ครับ ที่เพิ่มเติมข้อมูลให้ คุณเคยไปเที่ยวสะพานปาหละ หรือเปล่าครับ ผมดูจากเว็บของ รถไฟดอทคอม ในคห.46  สะพานหอ 3 กลับเป็นสะพานที่ดูแล้วหวาดเสียวที่สุด เพราะพื้นสะพานมีแต่ไม้เรียงกัน โปร่งๆ ทำให้มองเห็นก้นเหวตลอดเวลา ในขณะที่สะพานปาหละ-5 หอ นั้น มีการปูพื้นดินเต็มพื้นที่ เดินอาจไม่รู้สึกเสียว ถ้าหากไม่ไปชะโงกดูข้างๆ สะพาน อ้อ..ลิ้งค์ที่ให้ไปนั้นผมเข้าไปดูไม่ได้ครับ  และทางแยกเข้าไปขนหิน ใช่อยู่ปากอุโมงค์ด้านวิหารแดงหรือเปล่าครับ เพราะผมเองก็ได้เห็นมาแล้ว เดี๋ยวจะรีวิวต่อให้ดูกันเลย สงสัยเหมือนกันทางรถไฟแยกไปไหน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 12:19:12

ความคิดเห็นที่ 51 วันนี้มาต่อกันครับ หลังจากเติมพลังแล้ว ก็เริ่มดำเนินการสำรวจต่อไป  เป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาในขณะนั้นเลย คือเปลี่ยนจากเดิมที่ ตอนแรกตั้งใจจะไป สถานีผาเสด็จอีก เพื่อไปถ่ายภาพช่องเขา ด้านทิศเหนือ  แต่กลับมานึกได้ว่า น่าจะลองไปค้นหาปากอุโมงค์อีกด้านดีกว่า เพราะท่านนายสถานี ไม่ให้ขับรถไปในเส้นทางคู่ขนานรางรถไฟ ที่เป็นทางลูกรังชำรุด สูงชัน ผมก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายอย่างทันที แล้วมาตามล่า ค้นหาปากอุโมงค์อีกด้านดีกว่า เพื่อทริปนี้จะได้เสร็จอย่างสมบูรณ์เลย แต่ก็ต้องรีบๆ ทำ เพราะต่อจากนี้ ผมก็จะต้องมีหน้าที่ พาคณะไปดูต้นลาน ต้นไม้ที่ออกดอกครั้งแล้ว แล้ว ตาย  แต่อยู่ที่ อ.วังน้ำเขียวโน่นครับ จากแผนที่ในรูปข้างล่างนี้ จะเห็นเส้นทางการเดินทาง ที่วนอ้อม ลงไปข้างล่าง แวะเลี้ยวที่ แยกหินกอง ตรงไปยัง วิหารแดง แล้ววกขึ้นมาเลียบทางรถไฟ เพื่อมาหา ปากอุโมงค์อีกด้านครับ เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กๆ แล้วนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 12:59:12

ความคิดเห็นที่ 52 สะพานปางหละผมเกิดไม่ทันตอนที่รื้อครับ เลยไม่ได้เดิน แต่เดินสองหอ สามหอ แล้วก็คอมโพสิตมาแล้วครับ ตอนที่ไปครั้งล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้วก็ไปถ่ายรูปนี้มาครับ ต้องมีถ่ายซ่อมแน่ๆ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 13:48:04

ความคิดเห็นที่ 53 ส่วนรูปนี้ ทางซ้ายคือสะพานคอมโพสิตที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบัน ทางขวาจะเป็นสะพานปางหละ หรือ ห้าหอ ซึ่งได้รื้อออกไปแล้วครับ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 13:56:26

ความคิดเห็นที่ 54 โอ้โฮ...สมเป็นแฟนพันธุ์แท้รถไฟจริงๆครับ คุณ Alderwood ที่ได้มีโอกาสไปเดินข้ามสะพานทั้งสามแล้ว แถมยังหารูป สะพานห้าหอมาให้ดูได้อีก  โอ้โฮ.. ถ้าเกิดทัน แล้วไปได้เดิน ก็คงจะเสียวที่สุด ทั้งโค้ง ทั้งสูง เลย โดยมีสภาพสะพานโปร่ง..ดังในรูปข้างบน   โครงเหล็กที่ต่อเพิ่มเข้ามาด้านข้างคงจะมีไว้ใช้สำหรับหลบรถไฟ ขณะที่มีการบำรุงรักษานะครับ ถ้าเป็นแค่ไม้รองรางรถไฟตามในรูป คห.46 คงหลบไม่พ้นรถไฟแน่นอนครับ อ้อ...คุณ Alderwood ครับ จากรูปข้างบน คห.52  แนวสะพานปางหละเก่า น่าจะอยู่ด้านซ้ายมือใช่ไหมครับ  คงเป็นคนละมุมมอง คห.53 นะครับ  หรือพูดง่ายๆ คือ จุดตั้งกล้องของ คห.52 ก็คือเนินเขา ตามรูปข้างล่างนี้หรือเปล่าครับ เพราะดูแปลกตาไปจาก ที่เคยเห็น  นึกสงสัยว่า คุณไปปีนขึ้นตรงไหน? ครับ เจ๋งจริงๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:16:08

ความคิดเห็นที่ 55 มาต่อกันครับ หลังจาก ไปเติมพลังงานข้าวเที่ยงกันมาแล้ว (หมายถึงผมเพิ่งกินข้าวมาจริงๆ ก่อนที่จะโพสความเห็นนี้ครับ)   จากแผนผังใน คห.51 ผมได้มาถึง วิหารแดง แล้วเลี้ยวซ้ายเลียบทางรถไฟไป เป็นถนนโรยกรวด เงียบๆ ไม่มีรถวิ่ง สงบดี ครับ (ในขณะที่ถนน อีกเส้นที่คู่ขนานกัน มีบ้านคนเป็นระยะๆ มีรถวิ่งเกือบตลอดเวลาครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:21:07

ความคิดเห็นที่ 56 ขับรถเข้าไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ สักพักก็เจอถนนข้ามหัว และเห็นทางรถไฟด้านซ้ายมือ ที่เริ่มเพิ่มระดับความสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:25:58

ความคิดเห็นที่ 57 ตอนนี้ ทางรถไฟได้ยกระดับขึ้นไปสูงมาก ขนาดรถยนต์ลอดได้สบายๆเลยครับ และตลอดทาง ก็จะพบทางลอดเล็กๆ ไปฝั่งโน้น หลายจุด บางจุดมีน้ำท่วมขัง บางจุดแคบมากจนเฉพาะรถเก๋งคันเล็กๆ หรือรถตุ๊กๆ เท่านั้นที่จะลอดได้ครับ จากในรูป พอดีมีรถไฟวิ่งผ่านอยู่ข้างบน   จะว่าไปแล้ว ที่ต่างจังหวัดนี่ก็มีรถไฟยกระดับเหมือนทางด่วนเลยนะ  แหม.... ทางการรถไฟน่าจะทำทางรถไฟแบบนี้ ในช่วงระหว่าง สถานีหัวลำโพง กับ สถานีดอนเมืองนะครับ เพราะรถจะได้ไม่ต้องจอดรถข้ามทางรถไฟ เนื่องจาก ในแต่ละวันจะมีรถไฟมาเข้าสถานีหัวลำโพงมาก โดยเฉพาะจุดตัดสะพานยมราช เคยมีคนคำนวณไว้ว่า ในเวลาช่วงเช้ากับช่วงเย็น ถ้าปิด-เปิดทีละขบวน ก็เกือบตลอดเวลาที่มีรถไฟผ่าน  แต่ทางปฏิบัติ เขาใช้วิธีปิดแล้วปล่อยทีละหลายขบวน  ผมชอบเรียกว่า เบิ้ลขบวน หรือ ไตรเปิ้ลขบวน( กั้นแล้วปล่อยทีละ 3 ขบวน) เป็นศัพท์เฉพาะที่ผมคิดขึ้นมาเองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:34:47

ความคิดเห็นที่ 58 ตอนนี้ผมก็มาถึง เนินเขาที่น่าจะเป็นปากทางเข้าอุโมงค์พระพุทธฉายแล้ว เพราะจากที่เห็น รถไฟไม่น่าจะมีทางไปได้อีก  แต่มีต้นไม้บดบัง และมีเหว ด้านซ้ายลงไปข้างล่างด้วย สาเหตุหนึ่งที่ผมแน่ใจว่า ถ้ามาฝั่งนี้ น่าจะได้เจอปากทางอุโมงค์แน่นอน ก็เพราะท่านนายสถานี ได้บอกไว้ว่า ทางปากอุโมงค์ฝั่งนี้ มีความเจริญของชุมชนมาก  ทำให้คนที่จารกรรม สายไฟฟ้าภายในอุโมงค์ สามารถใช้รถเข้ามาขนได้เลย  ก็เลยคิดว่าต้องมีถนนที่อยู่ใกล้รางแน่นอนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 15:12:51

ความคิดเห็นที่ 59 สูงไปครับ ที่ขึ้นไปแค่นี้เองครับ ก็ค่อยๆปีนขึ้นไปครับ แต่ต้องระวังตอนปีนครับ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 15:13:57

ความคิดเห็นที่ 60 โอ้โฮ...คุณ Alderwood นี่ใจถึงจริง แค่มองตรงนั้นก็เป็นหน้าผาสูงชันแล้ว  นิยมความเสียวเหมือนกับผมเลย......  คงต้องมีเวลานานพอควรนะครับ ถึงจะได้ภาพดีๆ แบบนี้  ไมใช่แค่ไอเดียดี ใจกล้า แต่ร่างกายต้องแข็งแรงดีด้วย ผมขอลากแผนที่ให้ดูอีกครั้ง ตรงจุดจอดรถที่จะเข้าไปดูปากอุโมงค์ด้านวิหารแดง และถนนวิบากที่ลัดข้ามเขาไปยังสถานีบุใหญ่ ได้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:04:22

ความคิดเห็นที่ 61 ผมขับรถเลย จุดจอดรถไปเล็กน้อย แล้ววกกลับมา เพื่อค้นหา ทางลัดไปยังสถานีบุใหญ่  ว่าเส้นทางโหดแค่ไหน.. อือม์..ทางแคบและชันไม่น้อย ถ้าเป็นหน้าแล้ง ผมกะจะลุยไป  แต่นี่เป็นหน้าฝน กลัวเส้นทางพังทะลาย แล้วไปติดอยู่ข้างในครับ  แต่ถ้าผ่านได้ก็ร่นระยะทางไปได้เยอะ แค่ 2 กิโลเมตรกว่าๆ เอง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:15:17

ความคิดเห็นที่ 62 ตอนนี้กลับมาที่จุดจอดรถ เพื่อเดินข้ามไปยังรางรถไฟแล้วครับ  ตรงนั้นจะมีทางแยก ที่มีราง พุ่งลงไปข้างล่าง และมีเครื่องกั้น  ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งขุดหินที่ไปทำ สนามบินสุวรรณภูมินะครับ (ตามที่ คุณ Alderwood บอกครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:23:44

ความคิดเห็นที่ 63 ตอนนี้เดินข้ามมายังรางประธานแล้วละครับ  รู้สึกเสียวๆ นิดๆ เพราะทราบดีว่าเป็นรางที่มีรถไฟวิ่งเป็นประจำ มาคนเดียวด้วย ไม่รู้ว่า ถ้ามีรถไฟวิ่งมาจะตกใจหรือเปล่า... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:31:12

ความคิดเห็นที่ 64 เอาล่ะ...หันไปทางปากอุโมงค์ได้แล้ว  มองไม่เห็นเลย ทั้งๆ ที่อยู่แค่ 300 กว่าเมตรเอง ใกล้กว่า ด้านสถานีบุใหญ่มาก (ไกลประมาณ 700 เมตร)  แต่เนื่องจากเป็นทางโค้ง จึงมองไม่เห็น  กลัวรถไฟจะโผล่มาเหมือนกัน มันดูลับๆ อย่างไงชอบกลครับ จากรูปจะเห็นผิวถนนที่วิ่งเคียงข้างไปอีกเล็กน้อย  ก่อนที่รางจะโค้งไปทางซ้าย ตามแผนที่ใน คห.60   แต่...มองไม่เห็นรางที่ตรงไปยังลานขนหินแล้ว เพราะเป็นทางลาดลงไปข้างล่าง (ทีแรกยังเข้าใจผิดเหมือนกัน ว่าเป็นทางไปยังปากอุโมงค์พระพุทธฉาย) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:39:21

ความคิดเห็นที่ 65 ใจร้อนครับ อยากให้ถึงปากอุโมงค์เร็ว ไหนจะกลัวรถไฟผ่านมา และไหนจะต้องทำเวลา ไป วังน้ำเขียวอีก ตอนนั้นก็ 4 โมงเย็นกว่าๆ แล้ว เลยตัดสินใจวิ่งเลยครับ วิ่งบนไม้หมอนเข้าไปเลย แต่ก็ยังช้าเหลือใจเลย  โบราณเขาเรียกกว่า "ใกล้ตาไกลTEEN" ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:51:25

ความคิดเห็นที่ 66 หินที่ขนลงรถไฟเพื่อไปก่อสร้างสนามบิน เป็นหินจากที่อื่นครับ แต่ตรงนี้ผมไม่มีข้อมูลว่ารับหินมาจากแหล่งไหนครับ เมื่อรถบรรทุกขนมาถึงที่นี่แล้ว ก็จะทำการเทหินเข้าที่อุปกรณ์รับหิน เพื่อเทต่อลงไปยังรถไฟที่บรรทุกหินอีกทีครับ ปลายทางของขบวนจะอยู่ที่สถานีลาดกระบังครับ ทุกวันนี้ยังเห็นร่องรอยรางรถไฟที่ไว้เทหินเพื่อขนถ่ายไปยังสุวรรณภูมิด้วยครับ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:55:42

ความคิดเห็นที่ 67 แต่ก็ยังไม่ลืม ที่จะหันกลับไปมองข้างหลังอีกครั้ง  ซึ่งตรงนี้จะเห็นรถยนต์ของผมจอดอยู่พอดี ไม่ไกลนักเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:57:02

ความคิดเห็นที่ 68 ถึงว่าซีครับ คุณ Alderwood  ผมถึงเห็นโครงเหล็กขนาดใหญ่ เรียงรายกันตลอดแนวถนน ลึกลงไปข้างล่างด้วย  ทำให้ดูทีแรกนึกว่าเป็นทางเข้าอุโมงค์เสียอีก  แต่ดูๆ แล้วก็รู้สึกเสียวเหมือนกัน ไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ กลัวตกลงไปข้างล่างครับ ผมหันกลับมาวิ่งต่อ อีกนิดก็เริ่มมองเห็นปากอุโมงค์แล้วครับ แบบว่าค่อยๆ แย้มมาให้เห็น ตามแนวโค้งของรางรถไฟเลย... ตื่นเต้นครับ กลัวว่าจะมีรถไฟแถมออกมาให้ด้วย....ฮา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:03:56

ความคิดเห็นที่ 69 ตอนนี้เห็นปากอุโมงค์เต็มๆ แล้ว แต่ดูเล็กจังเลย น่าจะเล็กกว่าทางด้านสถานีบุใหญ่นะ... แต่ที่จริงเท่ากันอยู่แล้ว ครับ เพียงแต่เมื่อมองเทียบกับสภาพภูมิประเทศด้านข้าง ก็ดูเล็กไปถนัดใจ น่าจะแค่รถเต๋า วิ่งออกมาได้เท่านั้นเอง...ฮา.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:08:13

ความคิดเห็นที่ 70 มุมนี้เห็นรายละเอียดด้านหน้าปากอุโมงค์เต็มๆ ครับ  แทบไม่น่าเชื่อว่ามีถนนราดยางมะตอย พาดอยู่ข้างบน ด้วย เพราะดูตรงนี้จะเห็นว่าเป็นป่ารกทึบมาก (บังเอิญผมเลี้ยวผิด ข้ามไปมาแล้ว เพราะทีแรกคิดว่าเป็นทางลัดไป ยังสถานีบุใหญ่ ที่จริงไม่ใช่ เส้นทางนั้นได้วกกลับมาทางใต้อีก แต่ผมไม่ได้ไปต่อ และแผนที่ GPS Map ก็ไม่ได้ระบุด้วยว่ามีถนนเส้นนี้) แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 17:20:37 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:18:25

ความคิดเห็นที่ 71 หันกลับไปมอง ทางด้าน วิหารแดงดู เป็นภาพที่ดูสงบเงียบมาก ดูเหมือนอยู่ในป่า ที่ไม่มีถนนหนทางใดๆ เลย (นี่ถ้าหากเดินลอดอุโมงค์มา ก็อาจไม่ทราบว่ามีถนนอยู่ใกล้ๆ นะครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:24:45

ความคิดเห็นที่ 72 นี่เป็นภาพ หน้าอุโมงค์ ด้านวิหารแดง ที่มองเห็นยอดเขาข้างบนครบ เพราะถ้าเข้าไปใกล้กว่านี้จะเห็นเฉพาะต้นไม้เล็กๆข้างบน ดังในรูปภาพเปิดกระทู้ครับ และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องขุดอุโมงค์ เพราะต้องลอดเนินเขา  ไม่งั้นก็ใช้วิธีเจาะช่องเขาแทนแล้ว จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:32:01

ความคิดเห็นที่ 73 ตอนนี้ผมมาอยู่ประจันหน้ากับ ปากอุโมงค์พระพุทธฉาย ฝั่งวิหารแดง แล้วครับ ความตื่นเต้นได้กลับมาเริ่มอีกครั้ง และรู้สึกน่ากลัวกว่าปากทางด้านโน้นมากเลยครับ เพราะเนื่องจากผมมาคนเดียว และเจ้าหน้าที่รถไฟไม่ทราบด้วยว่ามีคนอยู่ปากทางฝั่งนี้  งานนี้ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมครับ  ไหนจะกลัวสัตว์ อาทิเช่น งู เข้ามาอาศัยด้วย เพราะด้านนี้ มีแต่ธรรมชาติ เงียบเชียบครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:39:37

ความคิดเห็นที่ 74 เข้าไปใกล้ๆหน่อย แล้วแหงนหน้าขึ้นไปถ่ายภาพ ความโค้งของอุโมงค์ด้านบน  ดูแปลกตาดี จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:52:38

ความคิดเห็นที่ 75 เข้าไปถ่ายในอุโมงค์นิดหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้ว แต่บอกได้ว่าเสียวกว่าทางปากอุโมงค์ด้านโน้นเยอะ และดูๆแล้วก็เห็นเป็นทางโค้งหลบเข้าไปเลย ในขณะที่ถ่ายภาพ หูผมก็เริ่มได้ยินเสียงครางหึ่งๆ มาจากในถ้ำ.....เอ๊ะ....ท่าไม่ดีแล้วเรา อาจมีรถไฟกำลังมาก็ได้ เลยต้องรีบๆ กดกล้องถ่ายภาพ ไม่ได้พิถีพิถันมากนัก  คนยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:58:03

ความคิดเห็นที่ 76 ถ่ายย้อนออกมาปากอุโมงค์ ด้านนี้ ไม่มีเสาสัญญาณใดๆ เหมือนฝั่ง สถานีบุใหญ่ ดูเรียบๆ แต่ความโค้งมนสวยใช้ได้เลยครับ ภาพฝั่งนี้ ถ้าไม่รักชอบกันจริง ก็ไม่ได้มาเห็นหรอกครับ เพราะลำพังจะเดินเท้าลอดอุโมงค์มานั้น ทำไม่ได้อยู่แล้วคนเดียว ต้องใช้วิธีนี้ ครับ  แถมยังได้รู้ว่า ออกจากอุโมงค์แล้ว จะไปถนนข้างนอกได้อย่างไร จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:03:01

ความคิดเห็นที่ 77 ส่วนรูปนี้ ไม่ต้องตกใจว่า กบที่ไหนมาอ้าปากให้ดู ครับ เนื่องจากมาคนเดียว ก็ใช้วิธีถ่ายภาพตัวเองแบบนี้แหละครับ  ต้องเร็วด้วย รู้สึกว่าได้ยินเสียงหึ่งๆ ใกล้เข้ามาแล้ว....  (หน้าตาก็เลยออกมาแบบนี้ไง) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:11:44

ความคิดเห็นที่ 78 ตอนนี้เสียงก็ใกล้เข้ามามากแล้ว ต้องหาช่องทางหลบรถไฟกันล่ะ (แทบไม่น่าเชื่อว่าจะฟลุ๊คขนาดนี้  ตอนที่อยู่ฝั่งสถานีบุใหญ่ เดินกันตั้งนาน ก็ไม่เห็นมีรถไฟผ่านมาเลย พอมาอยู่ตรงนี้ แค่แป๊บเดียวก็มาแล้ว กลัวคณะที่ไปด้วย เขาจะกังวลว่าผมจะหลบรถไฟทันหรือเปล่า  เพราะเขาอยู่กันในรถไม่ได้ลงมาด้วย) ผมเลยมองหาที่เหมาะๆ สำหรับยืน ให้ห่างรถไฟเข้าไว้ ก็คือ ตรงหน้าป้ายขาวๆ หน้าอุโมงค์ด้านซ้าย (ในรูป เปิดกระทู้) พอมีที่ยืน แล้วปรับกล้องเป็นวิดิโอ เพื่อจะได้บันทึกเสียง ความรู้สึกตอนนั้นได้เต็มที่ครับ ลองฟังดูซีครับ หายเหงาเลย.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:17:43

ความคิดเห็นที่ 79 แหม... พขร.อัดมาซะเร็วเต็มที่เลย ต่างกับขบวนที่ผมเห็นฝั่งโน้น ลากตู้โบกี้น้ำมันเพียบ เลยวิ่งช้ายังกับเต่า..  น่ากลัวเหมือนกันครับ เพราะทีแรกคิดว่าจะวิ่งช้าๆ  แต่ที่ไหนได้เร็วยังกับจรวดเลย  เพราะวิ่งหัวจักรเปล่าๆ ไม่ได้ลากตู้อะไรเลย วิ่งไปแล้วก็หายลับเงียบเลย เหมือนไม่เคยมีรถไฟวิ่งผ่าน  ตอนแรกผมก็กะจะเดินกลับไปที่รถ เพราะกลัวคณะที่มาจะเป็นห่วง เนื่องจากโทรศัพท์ช่วงนั้นไม่มีสัญญาณ.....  แต่  สักครู่ ลูกก็โทรมาถาม ว่าเป็นอย่างไร เลยบอกว่าไม่เป็นไร  เพราะพวกเขาจะเห็นเฉพาะหัวรถจักรที่วิ่งออกไปอย่างเร็วเท่านั้น ไม่เห็นผม จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:25:27

ความคิดเห็นที่ 80 ตอนนี้ ได้ลดความกังวลของคณะที่มาด้วยกันไปแล้ว ก็เลยนึกสนุก จำได้ว่า คณะรถไฟดอทคอมเขามาฝั่งนี้ และได้ซนปีนขึ้นไปบนป้าย ผมก็เลยคิดว่า เอ๊ะ..เขาขึ้นไปได้อย่างไรกันนี่ ขอบอุโมงค์ทำด้วยปูนสากๆ เอียงๆ แบบนี้จะขึ้นได้อย่างไรกัน  ส่วนทางขวามือเป็นพุ่มต้นไม้ น่ากลัวงูไปซ่อนอยู่  คิดไปคิดมาว่าพวกเขาขึ้นไปได้อย่างไรกันนะ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:30:17

ความคิดเห็นที่ 81 ลองถอดลองเท้าดู ปรากฏว่า สามารถไต่ขึ้นไปได้จริง โดยไม่ต้องไปเดินตามพุ่มไม้ข้างทาง แต่ก็ต้องใช้หลักการทางวิศวกรรมเรื่องถ่ายโอนน้ำหนักบ้าง  ตื่นเต้นดี เป็นสีสรรก่อนกลับ  ต้องใช้ความระมัดระวังมากๆ เนื่องจากปากอุโมงค์เป็นรูปโค้ง เราอาจลื่นตกลงมาที่ขอบได้ ต้องเกาะต้นไม้ด้านข้างบ้าง แต่ก็กลัวงูอีก ต้องใช้เสียงไล่ล่วงหน้าไปก่อน  ท้าทายดี แบบห้ามพลาด... สงสัยเป็นการเติมเต็ม ประสบการณ์ในวัยเด็กนะครับ ที่ผมถูกห้ามเล่นซนแบบนี้ พอโตขึ้นมา เลยชอบปีนป่าย แต่ใช้ความระมัดระวัง และความรู้ด้าน วิศวกรรมกลศาสตร์เข้ามาช่วยด้วยเพื่อความปลอดภัย  (ที่จริงก็รู้สึกกลัวไม่น้อยครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:36:59

ความคิดเห็นที่ 82 ขึ้นมาหน้ายิ้มหน้าแป้นข้างบนแล้ว....... มาคนเดียวก็ต้องถ่ายภาพลักษณะนี้ตลอด.....เฮ้อ..เสียวก็เสียวนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:40:01

ความคิดเห็นที่ 83 ได้ภาพมุมสูง แบบนี้ลงมากับเขาเหมือนกัน.... นี่ถ้าหากมีรถไฟกำลังวิ่งมา คงได้ดมกลิ่นควันท่อไอเสียเต็มๆ นะครับ....ฮี่ฮี่  (ซนเหมือนเด็กเลยเรา  โตแล้วไม่มีพ่อแม่คอยห้าม คอยตี....ต้องรับผิดชอบตัวเอง) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:43:10

ความคิดเห็นที่ 84 นี่เป็นการชะโงกกล้องนะครับ ไม่ใช่ผมไปชะโงกเอง เดี๋ยวอาจตกลงไปได้ เสียวครับ เรียกอัตราการเต้นของหัวใจได้ดีเลย ภาพนี้(คำเตือน ผู้ที่เป็นโรคหัวใจไม่ควรดู ให้หลับตาปี๋...นะครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:46:24

ความคิดเห็นที่ 85 ตอนนี้ก็ถึงเวลาลงแล้วครับ  น่ากลัวกว่าที่คิด ครับ เพราะเป็นทางลาดแถมโค้งไปทางซ้ายด้วย ไม่สามารถใช้วิธีไถลตัวลงได้ปกติ อาจพลาดหล่นไปทางขอบปากอุโมงค์ได้ ต้องใช้มือดึงกอหญ้าด้านซ้ายมือช่วย และเกาะขอบปูนด้านซ้ายไว้ตลอด แล้วค่อยๆ ไถลตัวลงแบบไม่ต้องเสียดายกางเกงครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:49:50

ความคิดเห็นที่ 86 ส่วนรูปนี้ ลงมาได้นิดหน่อยแล้ว ต้องขออภัยที่ติดภาพเท้าของกระผม เพราะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ.....แต่เพื่อถ่ายทอดความเสียวให้สมจริง เลยต้องกดกล้องทั้งๆ ที่อยู่บนทางลาดชัน (แต่จุดนี้ได้ผ่านพ้นขอบอุโมงค์ด้านบนแล้ว) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:53:05

ความคิดเห็นที่ 87 ตอนนี้ลงมาได้โดยสวัสดิภาพแล้ว....โล่งอก...ครับ  ข้างหน้าก็คือทางกลับออกไปที่รถครับ ถือว่าเสร็จสิ้นภาระกิจ ครั้งนี้แล้วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:57:49

ความคิดเห็นที่ 88 จากจุดนี้ ผมได้รีบไป อ.วังน้ำเขียว โดยใช้เส้นทาง บ้านนา นครนายก กบินทร์บุรี กว่าจะถึงได้ก็ปาเข้าไปตั้งทุ่มครึ่งแล้ว โชคดีที่ มีต้นลานอยู่ริมถนน ไม่ต้องแวะเข้าไปที่ สวนห้อม อช.ทับลาน2 ซึ่งก็เข้าไปไม่ได้อยู่แล้วเนื่องจากมืดค่ำแล้ว จึงได้ใช้ไฟฉายส่องให้ดูริมถนน ต้นเบ้อเริ่ม แต่ถ่ายรูปมาได้แค่นี้ เพราะไกลเกินระยะแฟลช ครับ  แหม...อุตส่าห์ขับรถไปตั้ง 2 ชั่วโมง  ขากลับวนมาทาง ปักธงชัย มาออกที่ สี่คิ้ว ปากช่อง ยิ่งใช้เวลามากขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัว ถึงบ้านเกือบตีหนึ่งโน้น... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 19:36:59

ความคิดเห็นที่ 89 จากรูปข้างบนมองไม่เห็นดอกต้นลานเลย ผมขอค้นหาเอาจากในเว็บนี่แหละ http://www.siamensis.org/oldboard/4461.html เป็นต้นไม้แปลก ที่จะออกดอกเพียงครั้งเดียว แล้วตายเลย  แต่กว่าจะออกดอกก็นานประมาณ 30 - 60 ปี โน้น ครับ  ที่สำคัญเราจะไม่ทราบเลยว่า เขาจะออกดอกเมื่อใด  และในปีนี้ ที่ อช.ทับลาน2 สวนห้อม อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเขามีต้นลานเยอะ ก็ได้มีการออกดอกกันพรึบ ซึ่งในปีหน้าก็จะตายหมด ถ้าใครอยากดู ก็ให้รีบไปดูในช่วงนี้เลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 19:54:53

ความคิดเห็นที่ 90 ต้นลานพบได้ที่ อ.วังน้ำเขียวมาก โดยเฉพาะใน อช.ทับลาน จนอาจกลายเป็นที่มาของชื่อทับลาน (หรือเปล่าก็ไม่ทราบ) มาจากเว็บ http://www.tat8.com/thai/pj/p_tablan.htm จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 20:06:19

ความคิดเห็นที่ 91 ปกติต้นลานนี้ ถ้าหากไม่ออกดอก ก็ดูเหมือนต้นปาล์มบางชนิด ตามรูปข้างล่าง ที่มา http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=news&s=detail&news_id=8259 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 20:11:52

ความคิดเห็นที่ 92 หรือบางต้นก็ดูคล้ายกับ ต้นตาลไปเลย (แสดงตามรูปข้างล่าง ที่มา http://www.rspg.thaigov.net/plants_data/use/palm.htm ) แต่พอออกดอก ที่ยอด ซึ่งดูเหมือนสิ่งแปลกปลอม ถ้าหากใครไม่รู้จักก็คิดว่ามีต้นไม้ชนิดอื่นแซมขึ้นมา  ถ้าใครผ่านไปแถว อ.วังน้ำเขียวจะพบมากครับ แล้วอย่าไปคิดว่าเป็นต้นตาลนะครับ สวัสดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 20:14:43

ความคิดเห็นที่ 93 ขบวนที่เห็นลอดอุโมงค์ใน #33 - #35 เป็นรถก๊าซครับ ถังเปล่า ส่วนด้านหน้าเป็นรถ TPI ทีฝากมากับขบวนครับ จะไปตัดทิ้งไว้ที่ฉฉะเชิงเทรา แล้วรอขบวนมาลากไปส่งที่สถานีเปรงครับ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 22:47:58

ความคิดเห็นที่ 94 ตอนเล็กๆเวลานั่งรถไฟ พอใกล้จะเข้าอุโมงค์ทีไรตื่นเต้นทุกทีค่ะ จากคุณ : lovin's sea เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 02:06:47

ความคิดเห็นที่ 95 คุณ Alderwood ครับ ลิ้งค์ใน คห.49 ผมเข้าไปไม่ได้ แม้จะสมัครสมาชิกเว็บเขาแล้วครับ เว็บฟ้องว่า Incorrect Password ดังในรูปข้างล่างครับ พอมีลิ้งค์ใหม่ ไหมครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:22:11

ความคิดเห็นที่ 96 สวัสดีครับ คุณ  lovin's sea  เช่นกันครับ ขนาดโตแล้ว ตอนสมัยเรียน มช. เมื่อรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตาน ก็ชอบโผล่ไปแอบดูครับ ตื่นเต้นดี  ยังจำภาพนั้นไม่ลืมครับ ที่รถไฟลอดอุโมงค์ขุนตานตอนกลางคืน(ใกล้รุ่งเช้า) แสงไฟจากหน้าต่างรถไฟก็ส่องไปกระทบผนังอุโมงค์ ทำให้เกิดภาพสี่เหลี่ยมแต่ละหน้าต่าง ที่กระพริบเรียงๆ กัน ดูแปลกดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:35:01

ความคิดเห็นที่ 97 ตามตอนสองค่ะ ... ขอบคุณจขกท.ที่ค้นคว้าค้นหามาให้ชมกันค่ะ จากคุณ : มาเรีย ณ ไกลบ้าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:46:12

ความคิดเห็นที่ 98 สวัสดีครับ คุณ ว่าที่ลูกเรือ ขอบคุณที่ชม ตั้งแต่ตอนแรก ครับ สวัสดีครับ คุณ มาเรีย ณ ไกลบ้าน ยินดีที่ชอบครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 15:42:07

ความคิดเห็นที่ 99 เข้าดูเฉพาะส่วนที่ผมลิงค์ไว้ให้ได้ครับ โดยไม่ต้องใช้รหัส ลองดูแล้วครับ ดูได้ ยกเว้นว่าเปิดดูทั้งอัลบั้ม ซึ่งตรงนี้ขออนุญาตไม่ให้รหัสนะครับ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 20:38:23