ความคิดเห็นที่ 1 กินกันจนอิ่มก็ออกเดินตามรีวิววันที่ 2 ของคุณแอบเบอร์ เริ่มต้นด้วยการมารอรถเมล์เพื่อไป A-Ma Temple วิธีการที่ทำให้แน่ใจว่าขึ้นรถถูกคันแน่ คือเอารูปสถานที่ที่จะไปให้คนขับรถดู ซึ่งก็ขึ้นถูกคันทุกครั้ง ข้อดีอีกอย่างคือ พอถึงป้ายที่เราต้องลง คนขับก็จะร้องบอก ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมากมาย วัดอาม่าหรือศาลเจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่บริเวณเขาบาร์รา สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับอาม่า องคืเทพธิดาแห่งท้องทะเล ภายในศาลเจ้าและก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เป็นสัญญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าบริเวณนี้ คือจุดแรกที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าขึ้นสู่ผืนดินมาเก๊า  (จากหนังสือคู่มือท่องเที่ยวมาเก๊า) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 07:19:36 จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:19:07

ความคิดเห็นที่ 2 นั่งรถไปชะเง้อกันไปว่าถึงลานกว้าง ๆ ตามรูปแล้วยัง เห็นแล้วกดกริ่งไม่ทัน เพราะหากริ่งไม่เจอ แต่มีคนลงที่ป้ายนี้หลายคน เราเลยรอดตัวไป จากป้ายรถเมล์เดินไปนิดเดียวก็เห็นวัดแล้ว แต่ก็มีรายการเดินขึ้นเนิน ขึ้นบันได เพราะวัดมีหลายชั้น ให้เมื่อยได้พอประมาณ เดินไป หยุดถ่ายรูปไป ไม่หนักหนาจนเกินเหตุ ถ่ายรูปยากพอใช้ เพราะผู้คนมากมาย ต้องรอจังหวะจนพอว่าง ถึงจะได้ถ่ายรูปได้ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:20:44

ความคิดเห็นที่ 3 บริเวณด้านหน้าวัดมีรูปปั้นสิงห์โตหินอยู่ 2 ตัว เชื่อกันว่าหากใครได้หมุนลูกแก้วที่อยู่ในปากสิงห์โตไปทางขวา 3 ครั้ง พร้อมกับตั้งจิตอธิฐานแล้ว จะสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา  (จากหนังสือคู่มือท่องเที่ยวมาเก๊า) หินที่มีรูปสลักเรือสำเภา จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:21:25

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจากนั้นยังมีความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาภอีกมากมาย อย่างเช่นชาวมาเก๊าจะใช้เหรียญลูบหลังเต่า แล้วทำท่าเก็บเงินเข้ากระเป๋า เพราะเช่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ (จากหนังสือคู่มือท่องเที่ยวมาเก๊า) หินอีกก้อนที่มีรูปเรือเช่นกัน จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:21:55

ความคิดเห็นที่ 5 วัดอาม่า คือวัดเก่าแก่ที่สุดและเก็บรักษาศิลปะวัตถุเก่าแก่ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลไว้มากมาย เป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่คงอยู่มาได้ยาวนานที่สุดของมาเก๊า (จากมาเก๊า มรดกโลก) อาคารแห่งหนึ่งในบริเวณวัด จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:23:00

ความคิดเห็นที่ 6 มองผ่านจากด้านหน้ากำแพง จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:23:38

ความคิดเห็นที่ 7 ปูนแกะส่วนบนของกำแพงกั้น จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:24:04

ความคิดเห็นที่ 8 สาวท่านนี้ มีตากล้องวีดีโอประจำตัวเลยค่ะ เดินตามถ่ายวีดีโอตลอด จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:24:54

ความคิดเห็นที่ 9 รูปปั้นภายในศาล  ที่ชั้นบนสุดของวัด จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:25:36

ความคิดเห็นที่ 10 รูปปั้นพระสังฆจาย จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:26:23

ความคิดเห็นที่ 11 ธูปแบบนี้มีทั้งขดเล็กและขดใหญ่ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:27:02

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านไม่ออก แต่คิดว่าน่าจะสำคัญ เพราะมีคนถ่ายรูปจุดนี้หลายคนค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:27:31

ความคิดเห็นที่ 13 วิวจากชั้นบนสุดของวัดอาม่า จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:28:01

ความคิดเห็นที่ 14 จาก A-Ma Temple เราก็ออกเดินตาม booklet เพิ่อไปยัง Moorish Barracks ทางเดินเริ่มโหดเล็ก ๆ   เพราะเป็นการเดินขึ้นตลอด นับว่าเป็นการซ้อมใหญ่ที่ดีมาก ๆ ระหว่างเดิน ผ่านร้านนี้แวะชิมโน่น ชิมนี่ ห้องน้ำสะอาดอีกต่างหาก เลยแก้เขินด้วยการซื้อบ๊วยต่าง ๆ มาเป็นของฝาก แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 07:30:28 จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:28:48

ความคิดเห็นที่ 15 ทางเดิน เป็นการเดินขึ้น แบบนี้ค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:29:27

ความคิดเห็นที่ 16 จนถึงค่ายทหารมัวร์ (Moorish Barracks) ก็ยังเป็นการเดินขึ้นอยู่นั่นเอง จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:30:09

ความคิดเห็นที่ 17 ค่ายทหารมัวร์สร้างในปี 1874 โดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อ คาสซูโต (Cassuto) แต่เดิมใช้เป็นที่พักอาศัยของกองทหารชาวอินเดียจากเมืองกัว (จากมาเก๊ามรดกโลก) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:31:10

ความคิดเห็นที่ 18 แต่ทุกวันนี้ได้กลายเป็นสำนักงานขององค์การบริหารการเดินเรือมาเก๊า (Macau Maritime Administration) ตัวอาคารแสดงให้เห็นอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อการออกแบบ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:31:47

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ได้เดินขึ้นไป ก็ขอส่องหน้าต่างสักบาน จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:32:16

ความคิดเห็นที่ 20 วันนี้ฟ้าสวยมาก  ไม่มีวี่แววของพายุที่เข้าเมื่อสองวันก่อนเลย จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:32:46

ความคิดเห็นที่ 21 เก็บรูปและพักขากันพอประมาณก็เดินไป คฤหาสน์ขุนนางจีน (Mandarin’s House) ระหว่างเดิน ชอบหน้าต่างนี้มาก เลยถ่ายรูปไว้ เพื่อจะมารู้ทีหลังว่าคือหน้าต่าง (บานหนึ่ง) ของ คฤหาสน์ขุนนางจีน คฤหาสน์ขุนนางจีนสร้างในปี 1881 คฤหาสน์หลังนี้เป็นที่พักอาศัยของเฉิน กวน ยิ่ง (Zheng Guanying) นักคิดชาวจีนผู้มีชื่อเสียง (จากมาเก๊ามรดกโลก) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:33:35

ความคิดเห็นที่ 22 โดยสร้างตามสไตล์จีนโบราณ เห็นได้จากการใช้หน้าต่างหลากหลายรูปแบบ หลังคา โครงสร้างส่วนบ วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ แต่มีการนำสไตล์ต่างประเทศเข้ามาใช้ร่วมด้วย เห็นได้จากการใช้อิฐสีเทา เพดานที่ออกแบบตามสไตล์อินเดีย ส่วนบนที่ขอบประตูและหน้าต่างที่เป็นรูปโค้ง (มาเก๊ามรดกโลก) ชอบกำแพงที่มีตะใคร่แบบนี้ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:34:12

ความคิดเห็นที่ 23 หลังจากเดินจนเจอ ก็พบว่าปิดซ่อมแซม อย่างไม่มีกำหนดว่าจะเปิดเมื่อไหร่ค่ะ (ถามจากเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าประตู) ได้มาแค่รูปหน้าบ้านจริง ๆ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:35:01

ความคิดเห็นที่ 24 จุดหมายต่อไปคือจตุรัสลีเลา (Lilau Sqaure ) ที่ทำให้เรางงกันไปพักหนึ่ง เพราะไม่เหลือรูปร่างของจตุรัสในรูป เนื่องจากกำลังทำการปรับปรุงและก่อสร้างเพิ่มเติม   จัตุรัสลีเลา แปลว่า ‘น้ำพุบนภูเขา’ แต่เดิมที่นี่คือแหล่งน้ำหลักสำหรับมาเก๊า เนื่องจากอยู่ใกล้ท่าเรือใน (Inner Harbour) ผู้ตั้งถิ่นซานชาวโปรตุเกสรุ่นแรกได้มาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ มีภาษิตภาษาโปรตุเกสกล่าวไว้ว่า “ผู้ใดที่ดื่มน้ำจากลีเลาแล้วจะไม่มีวันลืมมาเก๊า หากไม่ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นี่ ก็จะต้องกลับมาอีกครั้งอยู่ดี”  ซึ่งแสดงถึงความผูกพันของชาวท้องถิ่นที่มีต่อจตุรัสนี้ได้เป็นอย่างดี (มาเก๊ามรดกโลก) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:36:04

ความคิดเห็นที่ 25   Interesting trip. Pls also paste link of the first day at the kratoo head, and that would be great. จากคุณ : กินนรเริงร่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:36:33

ความคิดเห็นที่ 26 อาคารรอบจตุรัสลีเลาส่วนใหญ่เป็นอพาร์ตเมนต์ ซึ่งออกแบบและตกแต่งตามสไตล์โปรตุเกสให้บรรยากาศยุโรปทางใต้ (มาเก๊ามรดกโลก) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:37:03

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีค่ะคุณ กินนรเริงร่า  ใส่ link ให้แล้วค่ะ ขอบพระคุณที่เตือนมา ตามมาเลยค่ะ มาเดินเมื่อนเป็นเพื่อนกัน จากนั้นการเดินอย่างโหดที่แท้จริงก็เริ่มขึ้น ทางเดินไปโบสถ์เพนญ่า (Penha Church) เป็นการเดินขึ้นอย่างเดียว มีทั้งทางเดินขึ้นและขึ้นบันได จากการเดินเป็นกลุ่มอย่างใกล้ชิดมาตลอด ก็เริ่มมีการทิ้งห่างกัน ทำให้ต้องหยุดรอ (พักเหนื่อย) กันเป็นระยะ ๆ ตามประสาทัวร์สว. แต่ก็ขึ้นมาถึงจนได้ Prnha Church ตั้งอยูบนเนินเขาที่ชื่อ Colina da Penha หรือ Penha Hill, หรือที่เรียกกันว่า Bishop Hill เพราะท่านบิชอบเคยใช้ที่นี่เป็นที่พัก ชื่อเต็ม ๆ คือ Chapel of Our Lady of Penha สร้างขึ้นในปี 1622 ลูกเรือและผู้โดยสารของเรือลำที่รอดจากการอัปปางอย่างหวุดหวิด ร่วมกันสร้างโบสถ์หลังแรกขึ้น และต่อมาโบสถ์แห่งนี้ ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเรือที่จะออกเดินทาง โบสถ์ในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี 1873 พร้อม ๆ กับที่พักของท่านบิชอป    (จาก www.olamacauguide.com) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:41:32

ความคิดเห็นที่ 28 รูปโบสถ์จากลานหน้าอาคาร จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:42:06

ความคิดเห็นที่ 29 ที่ลานกว้างด้านหนึ่งของโบสถ์มีรูปปั้นหินอ่อนของพระแม่มาเรีย (Blessed Virgin Mary) ที่หันหน้าไปทางแผ่นดินใหญ่ เสมือนกับว่ากำลังภาวนาให้ที่นั่น และการภาวนานี้ก็น่าจะมีผล เพราะปัจจุบัน ชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลายหมื่นคน เดินทางมาสักการะที่โบสถ์แห่งนี้   (จาก www.olamacauguide.com) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:42:46

ความคิดเห็นที่ 30 รูปปั้นพระนางมาเรีย ภายในโบสถ์ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:43:19

ความคิดเห็นที่ 31 รูปปั้น  พระบุตรเจ้า ในโบสถ์ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:44:09

ความคิดเห็นที่ 32 ลืมจดมาว่าเป็นนักบุญท่านใดค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:44:41

ความคิดเห็นที่ 33 เดินขึ้นแล้วก็ต้องเดินลง เพื่อกลับมาที่ Lilau Square อีกครั้ง จากจุดนี้เราเดินต่อไปยัง St. Lawrence Church ซึ่งเป็นการเดินที่สบาย ๆ เมื่อเทียบกับที่ผ่านมาแล้ว โบสถ์สร้างตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 16 ละเป็นหนึ่งในสามโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของมาเก๊า ดบสถ์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน มาจากการบูรณะในปี 1846  บริเวณรอบ ๆ โบสถ์เคยเป็นย่านคนร่ำรวย เห็นได้จากตัวอาคารที่หรูหรา ส่วนภายนอกอาคารนั้นอยู่ในสไตล์นีโอคลาสสิค เจือด้วยสไตล์บารอก  (มาเก๊ามรดกโลก) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:45:27

ความคิดเห็นที่ 34 โบสถ์เดิมสร้างโดยคณะนักบวชเบซูอิต ที่นี่เป็นที่ที่ครอบครัวของเหล่ากลาสีมักมารวมตัวกันที่บันไดหน้าโบสถ์ เพื่อสวดมนต์และเฝ้ารอการกลับมาของคนรัก จึงมีอีกชื่อว่า ‘หอแห่งสายลมปลอบประโลม” (Fen Shun Tang-Hall of the Soothing Winds)  (คู่มือท่องเที่ยวมาเก๊า) ภายในโบสถ์ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:46:11

ความคิดเห็นที่ 35 ภายในโบสถ์อีกรูป จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:46:56

ความคิดเห็นที่ 36 พระนางมาเรียและพระบุตรเจ้า จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:47:29

ความคิดเห็นที่ 37 รูปปั้นในโบสถ์อีกรูปค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:48:13

ความคิดเห็นที่ 38 ในโบสถ์อีกรูป จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:48:41

ความคิดเห็นที่ 39 อีกรูป จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:49:23

ความคิดเห็นที่ 40 รูปปั้นในโบสถ์สวยและสงบเย็นมากค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:50:11

ความคิดเห็นที่ 41 กระจกสีสวย ๆ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:50:45

ความคิดเห็นที่ 42 อีกบานค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:51:27

ความคิดเห็นที่ 43 รูปสุดท้ายของที่ โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์ค่ะ เข้ามานั่งเงียบ ๆ ก็รับรู้ได้ถึงความสงบ ได้ความรู้สึกเดิม ๆ ที่คุ้นเคยเมื่อวัยเยากลับมาอีกครั้งหนึ่ง จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:53:20

ความคิดเห็นที่ 44 ระหว่างทางเดินไป Dom Pedro V Theatre เราเดินผ่านร้านนี้ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับ McDonald’s ดูน่าสนใจกว่า  เลยสั่งน้ำปั่นบ้าง ไม่ปั่นบ้างมาทาน อร่อยและชื่นใจมากค่ะ   ตอนแวะคิดว่าอร่อย เพราะนักเรียนเข้าคิวซื้อเลยค่ะ ในขณะที่ร้านที่ห่างออกไปอีกหน่อย ไม่มีคนเลย ขอตัวไปทำงานก่อนค่ะ ค่ำ ๆ มาต่อ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 07:55:09

ความคิดเห็นที่ 45 ป๊าดดด ค้าบบบบบบบ ไปมาเก๊าแล้วข้ามไปฮ่องกงต่อไม๊อ่าคับ^^ จากคุณ : หลานยายจุล เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 08:03:29

ความคิดเห็นที่ 46 ตามพี่ตุ้มไปเดินเล่นด้วยนะครับ จากคุณ : Draught Beer เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 08:14:54

ความคิดเห็นที่ 47 ตามปร้าตุ้ม ตะลุยต่างแดดต่อเลยครับ จากคุณ : 3KKK เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 08:23:53

ความคิดเห็นที่ 48 ตามมาชมต่อครับ จากคุณ : HV111 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 08:33:51

ความคิดเห็นที่ 49 มาเที่ยวด้วยคนค่ะ ตอนที่ไป ได้แวะแค่วัดอาม่า กะว่าจะเดินเที่ยวต่อเรื่อย ๆ ไปยังจตุรัสลีเลา แต่ฝนตกเลยอด ขอเกาะกระทู้ชมไปก่อนนะค่ะ จากคุณ : Invisible Angel เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 09:15:04

ความคิดเห็นที่ 50 เต้ย ไม่ไปฮ่องกงค่ะ ทริปนี้ไปมาเก๊าแห่งเีดียว คุณ Draught Beer ตามมาเลยค่ะ คุณ 3KKK รูปไม่สวยนะคะ แแต่ถ่ายด้วยหัวใจ กร๊าก คุณ HV111 ตอบคำถามไปแล้วค่ะ ใกล้จบวันมีรูปให้ดู คุณ Invisible Angel ตอนไปก็กลัวฝนค่ะ เพราะพายุเพิ่งเข้าได้ 2-3 วัน แต่ฟ้าใสมากเลย แดดเปรี้ยงอีกต่างหาก ขอบคุณที่แวะทักทายค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 09:35:09

ความคิดเห็นที่ 51 ว๊าว ๆ  มาเก๊า  อยากไป ๆ อิอิ จากคุณ : นายฟ้าใส เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 09:52:06

ความคิดเห็นที่ 52 น่าเสียใจที่ Dom Pedro V Theatre ปิดซ่อม มีตาข่ายสีเขียวคลุม แต่ยังพอมองลอด  ๆ ตาข่ายเห็นอาคารสีเขียว ตามรูปใน booklet ของคุณแอมเบอร์ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:28:24

ความคิดเห็นที่ 53 สวัสดีค่ะ คุณนายฟ้าใส มาเก๊าน่าเที่ยวมากค่ะ เมืองเล็กๆ อาหารอร่อย มุมถ่ายรูปก็แยะ แต่ก็ไม่เสียเที่ยวเดิน เพราะฝั่งตรงข้ามคือ St. Augusine Church   ในปี 1586 นักบวชคณะเอากุสตินจากประเทสสเปนกลุ่มหนึ่งได้สร้างโบสถ์นี้ขึ้น โดยใช้ไม้เป็นวัสดุก่อสร้าง ต่อมาโบสถ์ถูกย้ายไปที่จตุรัส ฐานโต อะกอสทินโย (Santo Agostinho Square) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:30:17

ความคิดเห็นที่ 54 ในปี 1591 ในสมัยนั้นเมื่อฝนตก พวกบาทหลวงจะใช้ใบต้นปาล์มพัด วางคลุมหลังคาโบสถ์ ซึ่งใบต้นปลาล์ม เมื่อโดนลมพัดโบกไปมาแล้ว ดูเหมือนหนวดมังกร ทำให้โบสถ์มีชื่อเรียกอีกแบบว่า “ลอง ซอง มิว” (Long Song Miu) หรือวัดมังกรหนวดยาว (Temple of the Long-Whiskered Dragon) ภายในโบสถ์ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:31:09

ความคิดเห็นที่ 55 ด้านหน้าของโบสถ์แบ่งเป็น 2 ระดับ และส่วนบนประดับหน้าจั่ว ประตูทางเข้ามีเสาหินแกรนิตอยู่ข้างละต้น เสาภายในรองรับหลังคาโค้ง และแบ่งโบสถ์ออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งดูเรียบง่ายและคลาสสิค โบสถ์ที่เห็นในปัจจุบันนี้เป็นหลังที่สร้างใหม่ในปี 1874 และเป็นโบสถ์แรกในมาเก๊าที่มีการเทศน์เป็นภาษาอังกฤษ (จากมาเก๊ามรดกโลก) รูป close up ของรูปข้างบนค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:32:20

ความคิดเห็นที่ 56 รูปปั้นในโบสถ์ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:33:25

ความคิดเห็นที่ 57 รูปปั้นภายในโบสถ์อีกรูปค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:34:01

ความคิดเห็นที่ 58 อีกรูปค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:34:58

ความคิดเห็นที่ 59 รูปสุดท้าย ภายในโบสถ์ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:35:51

ความคิดเห็นที่ 60 จากนั้นก็เดินตามโพยมาโผล่ที่จตุรัสเซนาโด  ทั้งหิวและเหนื่อย เลยตัดสินใจกินร้านของตายคือร้าน Wong Chi Kei ที่กินมาเมื่อเช้าอีกรอบ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:43:30

ความคิดเห็นที่ 61 สั่งอาหารหลายอย่างมาแบ่งกัน จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:44:14

ความคิดเห็นที่ 62 จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปยังรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม รถเมล์ที่ผ่านมีหลายสาย เราขึ้นคันแรกที่ผ่านมา เป็นแบบรถตู้มากกว่ารถเมล์ แต่แอร์เย็นดีและสะอาด เพื่อความแน่ใจ พอขึ้นรถก็เอารูปเจ้าแม่กวนอิม ให้คนขับรถดู คนขับรถพยักหน้า เลยเดินขึ้นรถอย่างสบายใจ ค่ารถเมล์ที่ขึ้นทุกวัน ตก 3.20 เหรียญต่อคน ทุกเส้นทาง ไม่มีเงินทอน ต้องเตรียมให้พอดี เราไปกัน 6 คน ค่ารถเมล์ต่อละ 20 เหรียญ นั่งรถเมล์ดูโน่น ดูนี่ ได้อารมณ์ประมาณ City Tour ยังไม่ทันเห็นชายทะเล ถึงป้ายหน้าโรงแรม MGM Grand คนขับรถเมล์ ก็เรียกให้ลง และชี้ให้ด้วยว่าเดินไปทางไหน เดินผ่านด้านข้างของโรงแรม MGM Grand เลยได้หยุดเก็บรูปสิงห์โตหมอบ ถ้าไม่อยากขึ้นรถเมล์ หา shuttle bus ที่มาที่โรงแรมนี้ก็ได้ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:45:22

ความคิดเห็นที่ 63 จากนั้นก็เดินมาเรื่อย ๆ จนเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม องค์รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม องค์นี้โปรตุเกสสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ ให้กับมาเก๊าในโอกาสที่ส่งมอบมาเก๊าคืนให้กับจีน ลักษณขององค์เจ้าแม่กวนอิมเป็นรูปปั้นสีทอง ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายชาวตะวันตก ประดิษฐานบนดอกบัว (คู่มือท่องเที่ยวมาเก๊า) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:46:47

ความคิดเห็นที่ 64 ปาดมาทักทายพี่ตุ้มก่อน ขึ้นไปอ่านต่อครับ ไม่ได้ไปถ่ายรุปกับพี่ตุ้มนานแล้วนะครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:46:49

ความคิดเห็นที่ 65 ต้น ไปพุกามกันไหมละ ธันวานะ เป็นทริปไปถ่ายรูปเลยค่ะ ดูใบหน้าใกล้ ๆ ค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:48:09

ความคิดเห็นที่ 66 เพื่อน ๆ บอกว่า หยุดดูแค่นี่ก็พอ ก็เลยบอกให้เพื่อนนั่งรอ แต่จะเดินไปให้ถึงตัวรูปปั้น เพราะอยากไปดูห้องที่จัดแสดงการก่อสร้าง เข้าไปข้างใน มีระบบรักษาความปลอดภับเกี่ยวกับสุขภาพดีมาก พอเข้ามา จะต้องไปล้างมือด้วยเจล และตรวจวัดอุณหภูมิทุกคน ชั้นที่เข้าไปมีแต่หนังสือและถ้วยกาแฟขาย ต้องเดินลงไปข้างล่ง ถึงจะมีรูปถ่ายและคำอธิบาย ความเป็นมาของการก่อสร้าง ถึงตอนนี้ทุกคนในขณะก็เดินมาดูด้วยกันหมด และบอกว่าดีใจที่ตัดสินใจเดิน (ฝ่าแดด) ตามมา จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:48:58

ความคิดเห็นที่ 67 ภายในฐานรูปปั้นจะเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งแสดงประวัติความเป็นมา ตลอดจนวัตถุประสงค์และขั้นตอนการก่อสร้าง รวมทั้งจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ให้ประชาชนเข้ามานั่งสมาธิ (คู่มือท่องเที่ยวมาเก๊า)   รูปจำลองในอาคาร จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:49:44

ความคิดเห็นที่ 68 รูปหน้ากากใบหน้า จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:50:30

ความคิดเห็นที่ 69 ภาพวาดที่ผนังในห้องโถง จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:51:04

ความคิดเห็นที่ 70 ก่อนออกเราแวะเอารูปดอกบัวทองคำไปให้เจ้าหน้าที่ reception ดู ได้ความ (จากการแปลและฟังแบบกระท่อนกระแท่น) ว่า เดินไป ประมาณ 10 นาที ป้ายรถเมล์เดียวเอง แต่พวกเราลืมคิดไปว่า จากตัวรูปเจ้าแม่กวนอิมไปป้ายรถเมล์นั้นก็ไกลพอใช้ จึงเท่ากับเดิน 2 ป้าย เล่นเอาเมื่อยได้การเลยทีเดียว เดินออกมาได้หน่อยเดียว เจอป้ายบอกทางที่ทำให้งง ป้ายหนึ่งชี้ให้เดินตรงไป (เหมือนในรีวิวและที่เจ้าหน้าที่บอก) แต่ป้ายบอกว่าเป็นทางไป Fisherman Wharf และอีกป้ายชี้ให้ไปทางซ้าย บอกว่าไป Lotus Square สุดท้ายตัดสินใจว่าเดินตรงไป และเดาเอาว่า ไม่ว่าไปทางไหน ก็คงไปจะเจอกัน เดินแบบแดดร้อน ๆ (ไหนว่าวันนี้จะแบบมีฝน) จนเห็นดอกบัวทองคำอยู่ตรงหน้า แต่ว่า หาทางข้ามไปไมได้ มีถนนขวางสองเส้นและไม่มีทางข้าม สุดท้ายเดินหาไปหามา เจอทางลอดใต้ถนน ที่เขียนว่าทางเข้า subway ก็ไม่ค่อยแน่ใจ  แต่ก็ลองลอดดู ถูกทาง เลยได้ไปถ่ายรูปดอกบัวทองคำเสียที จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:53:00

ความคิดเห็นที่ 71 ดอกบัวทองคำ (Lotus Monument) นับเป็น landmark อันใหม่สุดของมาเก๊า รัฐลาบจีนมอบให้เป็นของที่ระลึก ในโอกาสที่มาเก๊ากลับมาสู้การปกครองของจีน ในปี 1999 ดอกบัวทำด้วยทองแดงมาสีทอง สูง 6 เมตรและหนัก 6.5 ตัน ส่วนกว้างที่สุดของดอกบัวกว้าง 3.6 เมตร ตัวดอกบัวประกอบด้วยชิ้นส่วน 16 ชิ้น ซึ่งรวมถึงก้าน กลีบและเกษร ส่วนฐานประกอบด้วยหินแกรนิตสีแดง 23 ชิ้น ที่ฐานของดอกบัวประกอบด้วยหินสีแดง 3 ชั้น ซึ่งหมายถึง คาบสมุทรมาเก๊า, เกาะโคโลอาน และเกาะไทปา (จาก http://www.asiarooms.com/travel-guide/macau/sightseeing-in-macau/lotus-square.html) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:58:18

ความคิดเห็นที่ 72 แดดอ่อนลงบ้างแล้ว แต่ทุกคนใกล้สิ้นสภาพ ลงนั่งพักขารับลมกันที่ลานกว้างแถว ๆ ดอกบัวทองคำ มองเห็น Fisherman's Wharf อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ที่ประชุมลงมติว่าไม่ไปดีกว่า เพราะดูมัน fake ๆ ชอบกล แถมไม่มีผู้คนเลย ดูร้างอีกต่างหาก จุดต่อไปที่คิดว่าจะไปคือ Macau Tower ก็ลงมติอีกว่าไม่ไปดีกว่า เพราะวิวจากที่สูงก็งั้น ๆ ไม่มีใครเอาขาตั้งกล้องไป ถ่ายวิวกลางคืนคงมาสวย บางคนก็ยกตัวอย่างที่เคยไปรอขึ้นอาคารสูง ๆที่ประเทศอื่นมาประกอบ โน้มน้าวให้ไม่ไป Macau Tower ซึ่งก็ประสพความสำเร็จ เพราะเมื่อยจัดกันทุกคน ส่องหนุ่มน้อยที่มาเล่น board กันที่ :Lotus Square แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 11:09:48 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 11:00:23 จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 10:58:51

ความคิดเห็นที่ 73 อยากไป อยากไปครับพี่ตุ้ม เดี๋ยวไว้จะโทรไปคุยรายละเอียดนะครับพี่ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:02:26

ความคิดเห็นที่ 74 ขากลับโรงแรมใช้รีวิวไม่ได้ เลยใช้วิธีเดินหาป้ายรถเมล์แล้วอ่านดูว่าเส้นไหนไปเซนาโด้บ้าง แล้วขึ้นคันนั้นไปเลย ข้อยุ่งยากในการขึ้นรถเมล์ของพวกเราคืเ รถเมล์วิ่งเป็นวงกลม เราไม่ทราบว่า เราหันหน้าไปทางไหนของวงกลม แต่ก็คิดกันง่าย ๆ ว่า ถึงจะอ้อมเป็นวงกลมเพื่อกลับมาที่จุดที่เราต้องการไป ก็ไม่เสียหาย ดีเสียอีก ได้นั่งรถชมเมือง การมาเที่ยวกันเองดีตรงนี้ ที่เวลาไม่เป็นอุปสรรคหรือข้อจำกัด ไปกันแบบสบาย ๆ เที่ยวครบก็ได้ ไม่ครบก็ไม่เป็นไร ได้แค่ไหน แค่นั้น เป็นการเที่ยวที่ enjoy การเดินทางไปสู่แต่ละจุดหมายมากเท่า ๆ กับการเที่ยวที่จุดนั้น ๆ รถเมล์เอาเราไปส่งที่ The Grand Lisbua ซึ่งอยู่ใกล้กับ Metropole เดินได้สบาย ช่วงที่เดินมาจนใกล้จะถึงเซนาโด เราก็แวะเวียนเข้าซอยเล็กซอยน้อยไปเรื่อยๆ ผ่านตรงนี้ น่าจะเป็นกำแพงเมืองเก่า จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:02:51

ความคิดเห็นที่ 75 เราก็แวะเวียนเข้าซอยเล็กซอยน้อยไปเรื่อยๆ ไปติดใจร้านอาหารร้านหนึ่ง เปิดเป็นที่นั่งถึง 2 คูหา คนเต็มร้าน แต่ดูนาฬิกา เพิ่ง 5 โมง และอยากกินนมตุ๋ม milk pudding ที่ร้านตรงจตุรัสเซนาโด ก็เลยเลยคิดว่าไปกินนมตุ๋นและเดินเล่นต่อไปอีกก่อนดีกว่า แล้วค่อยคิดดูอีกที  นั่นคือที่คิดผิดอย่างแรง ผักกาดหยกขาว ที่ Grand Lisbua (2794) จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:03:35

ความคิดเห็นที่ 76 เราแวะเดินเล่นหาแอร์เย็น ๆ และห้องน้ำกันที่โรงแรมลิสบัวค่ะ แกะจากรากไม้ค่ะ ของจริงดูน่ากลัวเล็ก ๆ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:06:25

ความคิดเห็นที่ 77 หลังจากกินนมตุ๋น เดินดูโน่น ดูนี่ ดูร้านอาหารแล้วตัดสินใจกลับไปที่ร้านเดิม คราวนี้เกิดการงงอย่างแรง ช่วงนั้นน่าจะสักทุ่มหนึ่งได้ ร้านอาหารที่อยู่ติดกันกับร้านที่เราเลือกไว้ ปิดไปแล้ว ร้านที่ตั้งใจจะไปกิน เก็บโต๊ะ-เก้าอี้ในคูหาที่สองหมดแล้ว และป้ายอาหารต่าง ๆ เก็บไปหมด แต่มาถึงแล้ว ก็เลยเข้าไปกิน ร้านนี้คนที่ร้านพูดจีนแคะ ก็เลยพอสั่งอาหารกันได้ อาหารใข้ได้ มีที่แปลก (สำหรับพวกเรา) คือก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา แต่ใส่ผงกะหรี่  สรุปว่าอาหารใช้ได้ แต่น้ำซุปในก๋วยเตี๋ยวสู้ร้าน Wong Chi Kei ไม่ได้ จากนั้นก็กลับโรงแรม สลบไปด้วบความเมื่อยขาอย่างแรง จบวันด้วยรูปใน lobby ของโรงแรมค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:09:08

ความคิดเห็นที่ 78 ชมกระทู้แล้วก็คิดถึงมาเก๊า เราชอบเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆ แบบนี้จริงๆ เลยค่ะ จากคุณ : ColaGirl เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:12:44

ความคิดเห็นที่ 79 โบสถ์สวยมาก.... จากคุณ : AnnieHappy เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 14:54:27

ความคิดเห็นที่ 80 ขอตามมาเที่ยวมาเก๊าด้วยคนนะครับ ,,, ยังไม่เคยไปเลย สวยจังเลย จากคุณ : P.S. i love you เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 19:48:26

ความคิดเห็นที่ 81 ...ตามมาเที่ยวมาเก๊าต่อนะคะ รูปสวยจังเลยค่ะ ^-^ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 23:28:15

ความคิดเห็นที่ 82 ตามมาปลื้มอีกครั้ง ... ขอบคุณมากค่ะที่ให้ credit ข้อมูลในรีวิวของเราตลอดเลย   พี่ตุ้มโชคดีกว่าเราตั้งเยอะเพราะคนขับรถใจดีบอกป้ายให้ลง  ตอนเราไปแล้วชี้สถาน   ที่ที่จะลงให้คนขับดู  เค้าเอาไปดูแล้วก็เขวี้ยงแผนที่กลับมาให้เราค่ะ  หลบแทบไม่ทัน   ไม่ได้เจอคนเดียวด้วย  คนขับแท๊กซี่ก็เป็น  แม่บ่นใหญ่เลยว่ามารยาทแย่มากๆ  แถมพูด   ช้งเช้งฟังไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก   เห็นอาหารในรีวิวแล้วน้ำลายไหล  ไปกับแม่สองคนทำให้สั่งเยอะไม่ได้เพราะทานน้อย   ด้วยกันทั้งคู่ ช่วงนี้เรายุ่งเลยไม่มีเวลาทำรีวิว Macau & Hong Kong ต่อให้จบ  เหลืออีกแค่ 2 ตอน   เท่านั้นเอง  อยากทำต่อค่ะแต่ build อารมณ์สนุกไม่ขึ้น  เดี๋ยวจะทำให้รีวิวเรากร่อยเปล่าๆ   เสียชื่อยี่ห้อแอมเบอร์ทัวร์อีกด้วย รอดูภาค 3 ต่อนะคะ ... จากคุณ : แอมเบอร์ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 01:24:30

ความคิดเห็นที่ 83 คุณ ColaGirl คะ ชอบเมืองนี้เหมือนกัน ตอนจะไปมีแต่คนถามว่าไปทำไมตั้งหลายวัน วันเดียวก็พอ ทีไปนี่ยังไม่ครบจุดเที่ยวเลยค่ะ คุณ AnnieHappy ขอบคุณที่ตามอย่างเหนียวแน่น เป็นคนชอบโบสถ์คริสมากค่ะ เข้าไปแล้วอยู่ได้นาน ๆ คุณ P.S. i love you ไปเลยค่ะ เมืองเที่ยวง่าย อาหารการกินไม่แพงจนรับไม่ได้ ถ้าทานร้านปกตินะคะ ขอแค่ขยันเดินก็สนุกแล้วค่ะ คุณ ปลายฟ้าที่ภูตะวัน ขอบคุณค่ะ ตัดที่พอดูได้จากรูปเป็นพันเลย คุณแอมเบอร์ ก็ใช้ขัอมูลของคุณเป็นหลักเลยค่ะ เพราะคู่มือของมาเก๊าบอกว่าอยู่ที่ไหนรถเมลือะไรก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าเราควรไปไหนต่อกันอย่างไร เลยวางแผนเดินลำบาก กับอีกอันที่มี ก็จะไปเฉพาะ 24 มรดกโลก ไม่มีไปเจ้าแม่กวนอิม ประมาณนี้ค่ะ เลยได้ใช้เส้นทางคุณแอมเบปร์เป็นหลัก ยกเว้นตอนหลง อีก 2 วันที่เหลือ ยังเลือกรูปอยู่เลยค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 05:55:51

ความคิดเห็นที่ 84 เป็นเมืองที่ไปกี่ที่กี่ทีก็ไม่เบื่อจริงๆ จากคุณ : `ThE-bOy` เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 11:17:17

ความคิดเห็นที่ 85 สวัสดีค่ะคุณ `ThE-bOy`  คิดเหมือนกันเลย ตอนบอกเพื่อนว่าไปกี่วัน หลายคนทำหน้างง ๆ บอกง่า มีอะไรให้ดูด้วยเหรอ วันที่ 3 ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8393085/E8393085.html จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 12:24:23

ความคิดเห็นที่ 86 ไม่เคยไป แล้วก็ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่จะมีโอกาสได้ไป ตอนนี้ขอดูรูปสวย ๆ ไปก่อนนะคะ จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 22:29:43