|
ความคิดเห็นที่ 1 |
ที่ตั้ง : ครอบคลุมพื้นที่ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน (เนื้อที่ 643,750 ไร่) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว (เนื้อที่ 465,340 ไร่) อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ (เนื้อที่ 36,687 ไร่) และอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง (เนื้อที่ 52,300 ไร่) ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย รวมเนื้อที่ 1,198,077 ไร่ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535 รวมทั้งพื้นที่แนวกันชนโดยรอบซึ่งมีอาณาเขตดังนี้
ทิศเหนือ อยู่ในท้องที่อำเภอท่าตะเกียบ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา และอำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ทิศตะวันออก อยู่ในท้องที่อำเภอเขาสอยดาว และอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ทิศตะวันตก อยู่ในท้องที่อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี
ทิศใต้ อยู่ในท้องที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง, อำเภอแก่งหางแมว และอำเภอเขาวง จังหวัดจันทบุรี
พระราชดำริ
เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2536 สำนักราชเลขาธิการ มีหนังสือแจ้งกรมป่าไม้ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชดำริ จะให้มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าให้มีความสมบูรณ์ เพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร และรักษาสภาพแวดล้อม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในชุมชนที่อพยพจากป่าและชุมชนที่อาศัยอยู่ติดแนวเขตป่าอนุรักษ์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2537 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรที่ บ้านเทพประทาน ตำบลคลองตะเกรา กิ่งอำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพระราชดำริให้พิจารณาแหล่งน้ำเพื่อให้ราษฎรได้มีน้ำใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร
ประเภทของโครงการ : โครงการเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ประวัติความเป็นมา
ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เดิมคือป่าพนมสารคามอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศมีอาณาเขตติดต่อกัน 5 จังหวัด คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และสระแก้ว เดิมเป็นป่าผืนใหญ่ติดต่อกับป่าในประเทศกัมพูชา ต่อมาถูกบุกรุกทำลายจนแทบไม่เหลือสภาพป่า ในปี 2510 ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเดิมมีพื้นที่ประมาณ 5 ล้านไร่ ปัจจุบันเมื่อรวมพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้งหมด ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน,เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว, อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง, อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ มีพื้นที่รวมกันเหลือเพียงประมาณ 1,198,077 ไร่ การทำลายป่าไม้ทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง เช่น เกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา ในปี 2526, 2531 และ 2533 ตลอดจนสภาวะน้ำเค็มหนุนขึ้นสูงในแม่น้ำบางปะกง ถึงอำเภอบางคล้า หรือบางทีถึงอำเภอพนมสารคาม ในฤดูแล้ง เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งกองอำนวยการศูนย์พิทักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดขึ้น โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ และกำลังทหารพราน ร่วมกันดำเนินการตรวจลาดตระเวน เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ ต่อมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2531 อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมป่าไม้ ดำเนินการจัดทำโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี ในช่วงปี 2532 - 2536 เรื่อยมาตามลำดับ
ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองพระราชดำริในการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 (5) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ.2535 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการ ที่ 3/2537 ลงนามโดย นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี และคำสั่งที่ 1/2538 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ลงนามโดย ท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ประธานบริหารโครงการ ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานอนุกรรมการดำเนินงานโครงการ และมีผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด เป็นรองประธานอนุกรรมการดำเนินงานโครงการ คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา,จังหวัดชลบุรี,จังหวัดจันทบุรี,จังหวัดระยอง,จังหวัดสระแก้ว และผู้แทนส่วนราชการต่างๆ เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 1 เป็นเลขานุการ และผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 13 หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อสนองพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการอนุรักษ์ผืนป่า ให้ดำรงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม
2. เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่เสื่อมโทรม และปลูกป่า เพื่ออนุรักษ์ต้นน้ำลำธารในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
3. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนที่อพยพมาจากพื้นที่โครงการ รวมทั้งชุมชนที่อยู่อาศัยและทำกินใกล้กับแนวเขตให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสมจากทรัพยากรธรรมชาติ และไม่หวนกลับไปบุกรุกทำลายป่าอนุรักษ์อีก
4. เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่มากขึ้นอีก อันจะเป็นประโยชน์แก่ราษฎรในระยะยาว
5. เพื่อลดจำนวน ขบวนการลักลอบทำลายป่าไม้ โดยการใช้หลักกฎหมายหลักเกณฑ์ทางสังคม รวมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ป่าผืนนี้ให้คงอยู่ตลอดไป
กิจกรรม/การดำเนินการในด้านต่างๆ 1. ดำเนินการสำรวจข้อมูล รวมทั้งสิ้น 61 หมู่บ้าน ในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (เนื้อที่ 643,750 ไร่) 1.1 สำรวจข้อมูลพื้นฐาน
1.2 สำรวจข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การถือครองที่ดินในเขตพื้นที่โครงการ 2. การรังวัดแนวเขตรอบป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ระยะทางประมาณ 370 กิโลเมตร 2.1 รังวัดกำหนดขอบเขต
2.2 จัดทำแผนที่มาตราส่วน 1: 50,000 ลงรายละเอียดขอบเขตพื้นที่โครงการ
2.3 จัดทำแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมมาตราส่วน 1: 50,000 ลงรายละเอียดขอบเขตพื้นที่โครงการ 3. การอนุรักษ์พื้นที่ป่าและการปลูกป่าเสริมป่า 3.1 ชี้แจง ทำความเข้าใจ และการประชาสัมพันธ์ ต่อเป้าหมายประชาชน ทั้งในและนอกโครงการ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ และเข้ามามีส่วนร่วม ในการป้องกันรักษา
3.2 การปลูกป่าเสริมป่า ดำเนินการในพื้นที่ 5 จังหวัด (จังหวัดฉะเชิงเทรา, สระแก้ว, ชลบุรี, ระยอง และจันทบุรี) จัดตั้งหน่วยปลูกป่า 2 หน่วย 4. การพัฒนาอาชีพและยกระดับรายได้ของราษฎร
ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่
ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก
สนับสนุนเวชภัณฑ์สัตว์ปีก
ฝึกอบรมเกษตรกร
จัดทำไร่นาสวนผสม
พัฒนาสวนยางในเขตพื้นที่แห้งแล้ง
ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตข้าว
ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตถั่วเหลือง
ส่งเสริมการปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น 5. การแก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพลและนายทุน จัดตั้งหน่วยประสานงานโครงการ ให้มีการผนึกกำลัง จากเจ้าหน้าที่ระดับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจและทหาร ดำเนินการในพื้นที่โครงการ
หน่วยที่รับผิดชอบในโครงการ : กรมป่าไม้ และ กองทัพภาคที่ 1 (โดย กรมทหารพรานที่ 13)
หน่วยปฏิบัติ : เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้, กรมทหารพรานที่ 13
พื้นที่ดำเนินการ
1. พื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา เขาวง และอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เนื้อที่รวมประมาณ 1,198,077 ไร่
2. พื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535 รวมทั้งพื้นที่ป่าที่มีศักยภาพเหมาะสมแก่การอนุรักษ์และพื้นที่แนวกันชน ระยะ 0.5 5 กิโลเมตร จากแนวเขตป่าอนุรักษ์ เนื้อที่รวมประมาณ 4,070,475 ไร่
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. เป็นการสนองพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการอนุรักษ์ป่าผืนสุดท้ายของภาคตะวันออก อันเป็นต้นน้ำลำธารของจังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี มิให้ถูกบุกรุกทำลายและดำรงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม
2. ป่าไม้ในพื้นที่เสื่อมโทรม ได้รับการฟื้นฟูและปลูกเพิ่มเติมเพื่ออนุรักษ์แหล่งต้นน้ำลำธาร
3. ชุมชนที่อพยพมาจากพื้นที่ป่า รวมทั้งชุมชนที่อยู่อาศัย และทำกินใกล้ชิดกับแนวเขตป่า มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสมจากทรัพยากรธรรมชาติ และไม่หวนกลับไปบุกรุกทำลายป่าอนุรักษ์อีกต่อไป
4. ก่อให้เกิดการพัฒนา เพิ่มพูนคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ ในพื้นที่มากขึ้น อันเป็นประโยชน์แก่ราษฎร ในระยะยาว
5. สามารถขจัดอิทธิพล ขบวนการลักลอบทำลายโดยใช้หลักกฎหมายและหลักเกณฑ์ทางสังคม รวมทั้งสามารถสร้างจิตสำนึก ให้ประชาชนเกิดความรัก หวงแหน ปกป้อง และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ให้คงอยู่ตลอดไป
ที่มา http://www.rta.mi.th/21000u/king_project1/Thai/Central/ChaChoengSao-Chon-RaYong-Chun01-(5Provincial)Main(Q-Con).html
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 52 11:44:48
จากคุณ |
:
piyabhut
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ต.ค. 52 11:21:04
|
|
|
|
|