|
ความคิดเห็นที่ 10 |
..
เครดิตข้อความทั้งหมด จาก http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=6036.0
ช้างป่ากับภูกระดึง
ภู กระดึงเป็นหนึ่งในป่าไม่กี่ผืนของเมืองไทยที่มีฝูงช้างป่าอาศัยหากินมาช้า นาน แต่เดิมป่าผืนนี้ก็เชื่อมยาวต่อกับภูหอ-ภูหลวง ภูผาม่าน ภูผาจิต (เขตน้ำหนาว) หรือแม้กระทั่ง ภูเขียวและภูเวียงในสมัยก่อน มาตอนนี้ทั้งถนนและการหักร้างถางพงของคน ทำให้ช้างฝูงนี้เหลือพื้นที่ทำมาหา กินน้อยลงทุกที
ช่วงหน้าฝนเวลาปิดภูสี่เดือน ( มิถุนายน-กรกฏาคม-สิงหาคม-กันยายน) จะเป็นเวลาปลอดคนที่ช้างจะออกทวงอาณาเขตคืน กลับจากมนุษย์ ครับ ถ้าเจอป้าย หรือแม้แต่อาคารสถานที่ตรงไหนขวางหูขวางตาก็จะเข้าไปทดสอบความแข็งแรงเล่น ถ้าเป็น กรณีร้านค้าก็หาของกิน หรือได้กลิ่นอาหาร กลิ่นเกลือครับ
แต่ ปีสองปีมานี้ช้างจะป้วนเปี้ยนมากหน่อย อาจเพราะช่วงหลายปีหลังแล้งมากไปหน่อย และมีไฟป่า (หลายครั้งเกิดจากพรานลักลอบล่าสัตว์ และต้อนสัตว์ด้วยการจุดไฟ) ช้างเลยขึ้นมาบนภูมากครั้งกว่าเดิม ดังนั้นเราควรระมัดระวังด้วยนะครับ
-เวลาเจอช้าง ให้นึกถึงเสมอว่ามันเป็น ช้างป่า ไม่ใช่ช้างบ้านที่มาเดินขายอ้อยตามถนนในกรุงเทพฯ ดังนั้นจะทำเล่นกับมันไม่ได้
-อย่า ถ่ายรูปเด็ดขาด ที่สำคัญอย่าให้แฟลชออกเป็นอันขาด เพราะช้างอาจจะตกใจวิ่งชาร์จใส่ได้ ที่ต้องระวังเป็นที่สุดคือกล้องคอมแพคท์ หรือกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กทั้งแบบฟิล์มและดิจิตอลเพราะผู้ผลิตจะตั้งการทำงาน ให้แฟลชออกโดยอัตโนมัติเป็นส่วนใหญ่
-เส้นทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานกแอ่นที่สมัยก่อนเคยตัดตรงจากข้างร้านค้าไปลานพระแก้ว ก็ให้ย้ายไปใช้เส้นหน้าศูนย์บริการ นักท่องเที่ยวตรงไปผ่านแทงค์น้ำเก่าแทน และนักท่องเที่ยวที่จะไปให้พบกันตีห้า โดยมีเจ้าหน้าที่นำทางไป ไม่ให้เดินไปกันเอง เหมือนเมื่อก่อน
-เส้นทางสายน้ำตก ยังไปเองได้แต่ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่เสียก่อน
-ที่ ศูนย์วังกวางจะมีเจ้าหน้าที่อยู่เวรประจำทุกคืน โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมที่มีสัตว์ออกมาหากินรับหน้าฝน ให้ปฏิบัติตาม คำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
วิธีการหนีช้างป่า
"หนีช้างอย่าขึ้นเครือ หนีเสื้ออย่าขึ้นต้นไม้" ดังภาษิต โบราณเขาว่า ทำ อย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุด กลางป่าบนยอดภูกระดึง หรือภูหลวง หรือริมรอยต่อภูหลวง เราคงต้องศึกษาว่าช้างป่าเหล่านี้ มีเรื่องราวเป็นอย่างไร ทำไมช้างป่าที่ ภูกระดึง และภูหลวง ทำไมจึงต้องดุร้าย ไครทำให้มันต้องดุร้าย ทำไมมันต้องทำร้ายคน เมื่อเจอกัน ใครหนี ใครไล่ โดนไล่ หนีทำไง เพราะ....
การหนีช้างป่า..เป็นการหนีที่ไม่มีโอกาสแก้ตัวได้เลย... พลาดคือชีวิต!!!!
ป่า ภูหลวง ซึ่งมีเนื้อที่ ประมาณ เกือบ 6 แสนไร่ ครอบคลุม อำเภอ ภูหลวง วังสะพุง ภูเรือ และ ด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นป่า อีกแห่งหนึ่ง ซึ่ง มีปัญหา แย่งที่ทำกิน ระหว่าง คนกับ ช้าง ประมาณการ กันว่า ในป่าภูหลวง ซึ่งเป็น เทือกเขา สูงชัน สลับซับซ้อน และ อุดม สมบูรณ์ ด้วย พันธุ์ไม้ หลากหลาย ชนิด มีช้างป่า อาศัยอยู่ ประมาณ 80-100 ตัว
แม้ว่า ป่าภูหลวง จะได้ รับการประกาศ เป็นเขต รักษาพันธุ์ สัตว์ป่า เพื่อให้ เป็นบ้าน ที่สงบ ร่มรื่น อุดม ไปด้วย น้ำ อาหาร ของช้างป่า และ สัตว์ป่า ชนิดอื่นๆ แต่ก็ ยังมี คนบางคน เข้าไป ตัดต้นไม้ ทำลายบ้าน ทำลาย แหล่งน้ำ แหล่ง อาหาร และ ล่าเพื่อนๆ ของสัตว์ป่า เหล่านี้ ไปเป็นอาหาร ประกอบกับ ความจำเป็น ใน การดำรงชีพ ของคน ซึ่งอาศัย อยู่ติดกับ แนวเขตป่า ก็ได้รุกคืบ เข้าไป เพาะปลูก ตามที่ราบ ซึ่งเป็น ร่องลำห้วย ธรรมชาติ ที่ไหล ลงมา จากภูหลวง ใน ขณะเดียวกัน พื้นที่ ดังกล่าวนี้ ก็เป็น แหล่งอาหาร แหล่งน้ำ และ แหล่งดิน โป่งของ ช้างป่า
ดังนั้น เมื่อบ้าน ในป่าลึก ถูกรบกวน วงรอบ การเดินทาง หมุนเวียนมา กินอาหาร บริเวณนั้น ของช้างป่า จึงเร็วขึ้น นับเป็น โชคดี ประจวบเหมาะ ที่ได้พบ โอชาหาร ซึ่งคน มาปลูกไว้ เป็นต้นว่า ข้าว ข้าวโพด ลูกเดือย ที่กำลังสุก และ ส่งกลิ่นหอม ช้างป่า ก็เลยติดใจ ในรสชาดอาหาร ที่แตกต่าง ไปจากอาหาร ที่คุ้นเคย ในป่า มานับสิบ นับร้อยปี จำพวก กล้วย ไผ่ มะไฟ มะม่วง กระท้อน กระบก เถาวัลย์ หญ้า ฯลฯ สงคราม ระหว่าง ช้าง กับ คน จึงเกิดขึ้น โดย คน เป็น ฝ่ายเฝ้า ระวัง ส่วน ช้าง ก็รอจังหวะ ที่คนเผลอ เข้ามากิน พืชผล ที่คนปลูกไว้ การต่อสู้กัน ทำให้ มีบางครั้ง คนก็ถูกช้าง ทำร้าย และ ช้าง ก็ถูกคน ทำร้าย
ช้าง ที่เคย ถูกคนทำร้าย ได้กลาย เป็น ช้างเกเร ดังเช่น ช้าง ที่ชาวภูหลวง ขนานนาม ว่า "อ้ายเฒ่า" ที่ ชอบออกมา อาละวาด ไล่ ทำร้ายคน ทำลาย บ้านเรือน ของ ชาวบ้าน และ สำนักสงฆ์ ที่อยู่ ใกล้เขตป่า
คุณ ชัยณรงค์ ดูดดื่ม เจ้าหน้าที่ โครงการฯ เล่าถึง พฤติกรรม ของช้างว่า "จะส่ง หน่วยสอดแนม ออกมาจาก ราวป่า ก่อน เมื่อ เห็นว่า ไม่มีอันตราย ก็ให้สัญญาณ ช้างอื่นๆ ที่ซุ่มตัว อยู่ในป่า ออกมาตะลุย กินพืชผล ของชาวบ้าน" ที่มา : www.chaipat.or.th/ journal/aug01/t3.html แต่ช้างป่าที่นิสัยดี ๆ ก็มีบ้าง อย่างเช่น "ยายจ่อย" ที่ภูหลวง ที่อายุค่อนข้างมาก และชินกับผู้คน เจ้าหน้าที่ อุทยานภูหลวงบอกกับพวกเรา ..แต่.ช้างป่าคือช้างป่า "ยายจ่อย" ที่เขาชื่นชมนิสัยของมันว่าเชื่อง คุ้นเคยกลับ ตึ๊บเจ้าหน้าที่ ให้อาหาร กับมันยามหน้าแล้ง...ฉะนั้นอย่าได้ไว้ใจแม้แต่นิด..
วิธีการหนีช้างป่า
ช้าง ป่าเป็นสัตว์ที่อยู่เป็นโขลง รวมตัวกันหากินตามอาณาเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูหลวง สาเหตุที่ช้างภูกระดึงหรือภูหลวงดุร้ายกว่า พื้นที่อื่น ๆ เพราะ คนชอบล่าช้าง มีการใช้อาวุธปืนยิงช้าง หรือการไล่ล่าด้วยวิธีการต่าง ๆ เมื่อช้างได้รับบาดเจ็บหรือเผชิญหน้ากับผู้ล่า ช้างย่อมต่อสู้ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่าทุกชนิด
หรือแม้กระทั่งมนุษย์ก็ตาม เลยทำให้การป้องกันตัวของช้างป่าที่ในเขตพื้นที่ของจังหวัดเลย กลับเปลี่ยนเป็นการชิงการล่า ก่อนที่จะเป็นผู้ถูกล่า ไม่แปลกที่ช้างป่าในพื้นที่ จะดูร้ายมากว่าพื้นที่อื่น ๆ ดังจะเคยได้ยินข่าวเกือบทุกปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นช้างเหยียบพระ เหยียบนักท่องเที่ยว หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ก็ตาม
ทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญ นักท่องเที่ยว : อาวุธที่ถือว่าร้ายแรงที่สุดประจำกาย คือ มีดพกสั้น หรือมีด ที่พกเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เมื่อเจอช้าง ท่านอย่าได้คิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ป้องกันตัวเองได้เพราะช้างป่า ไม่ได้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้จะทำลายมันได้
สิ่งแรกที่ช้างเจอคน ในเขตภูกระดึง หรือ ภูหลวง หรือการวิ่งเข้าหากลุ่มคนหรือนักท่องเที่ยว สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือการ "วิ่ง" การวิ่งเลยเป็นประสบการณ์จากนักถ่ายภาพธรรมชาติ พราน หรือนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน สิ่งแรกที่ต้องทำคือ "วิ่ง.....เท่านั้น
1.วิ่งไปไหน : เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจ ณ ขณะนั้น อาจไม่มีโอกาสแม้กระทั่งตั้งคำถามให้ตัวเองเสียด้วยซ้ำ การวิ่งหนีช้างนั้น ห้ามวิ่งเป็นเส้นตรงเด็ดขาด ทางราบอย่างภูกระดึง คนที่วิ่งเป็นเส้นทางตรงจะเสียงเปรียบช้าง การแก้ปัญหาขณะนั้นคือ ถ้าท่านไปกันหลาย คน รักตัวเองให้มากที่สุด ไปกะไครก็ตาม เพราะถ้าท่านไปเป็นกลุ่มโอกาสที่ท่านจะหนีรอดจากช้างจะน้อยกว่า แยกกันหนี เพราะอย่างน้อย ถ้าคนเยอะกว่าช้างก็ต้องมีคน ที่ไม่ถูกไล่ "แยกกันหนีแล้วมีชีวีมารวมกัน ดีกว่ารวมกันหนี พาชีวิมลาย....."
เมื่อมีการเผชิญหน้า "วิ่ง" เป็นคำตอบสุดท้าย วิ่งกัน....เต็มที่ไปเลย. ท่านจะต้องยิ่งตัดเฉียง 45 องศา ไปในทิศทาง ข้างหน้า เนื่องจากช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การกลับตัวทิศทางการวิ่ง ค่อนข้างช้ามาก ถ้าเป็นป่าที่รกมาก ๆ ต้นไม้เยอะ เราจะหนีจากช้างป่าได้เร็ว..แต่ถ้าในที่ราบก็ต้องเหนื่อยหน่อย แต่เพื่อชีวิตที่อยู่รอดก็ต้องทำครับ เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่อย่าวิ่งหักฉาก 90 องศา จะทำให้ท่านเหนื่อยและระยะห่างจากท่านกับช้างป่าไม่ได้น้อยลงเลย กลับทำให้ช้างเข้าไกล้คุณได้มากยิ่งขึ้นนั่นหมายถึง ชะตาชีวิตเส้นกราฟชิวิตดิ่งในขาลงทันที
2.วิ่งขึ้นอะไรดี : "นึกได้ว่าช้างปีนต้นไม้ไม่ได้" การปีนต้นไม้เป็นทางออกอีกทางหนึ่งที่หลายคนเรียกใช้ เห็นด้วยครับ ถ้าพอมีต้นไม้ ที่แข็งแรงพอ ห้ามขึ้นต้นไม้เล็ก ๆ เป็นอันขาด ช้างป่า ฉลาด และมีประสบการณ์มากกว่าช้างบ้านมากมาย ยิ่งช้างเดินตามถนน กินกล้วย กะอ้อย แล้ว เหมือนอนุบาล กับ จบปริญญา ถ้าคุณปีนต้นไม้ ช้างย่อมไม่สามารถทำอันตรายเราได้แต่ช้าง มันไม่หนีไปไหนหรอกครับ ท่านจะติดอยู่บนต้นไม้ สูง ๆ อยู่อย่างนั้น...นานนับชั่วโมง
3. กำบังแน่นหนาที่สุด .. "โขดหิน" คือคำตอบ โขดหินเป็นอีกที่หนึ่งที่พอจะช่วยให้รอดพ้นจากการไล่ล่าของช้าป่าได้ แต่ถ้าหาโขดหินไม่ได้ก็คงต้องหาทางอื่นแล่ะครับ
วิธีที่เจ้าหน้าที่หรือพราน ,ชาวบ้านไล่ช้าง
1. เคาะเสียงดัง ด้วยกระดิ่ง หรือจุดประทัน ยิงปืนขู่ แต่ดูเหมือนช้างฟังแล้วเหมือนการเป่าขลุ่ยบรรเลงทำนองการเดินเข้าไกล้แหล่ง กำเนิดเสียงได้เร็วขึ้น
2. พลุไม้ไผ่ ที่ พรานนิยม จุดไล่ช้างเพราะมีความเสียงดังมาก แต่ก็ดังแค่เสียง.. หากมันไม่กลัว พลุก็เป็นแค่ไม้จิ้มฟัน
3. การยิงปืนข่มขู่ "ช้างแถว ๆ ภูกระดึง และภูหลวง" ชิน กับปืน แถมมีความรู้สึกว่าปืนคือสิ่งที่พรากเพื่อนฝูงช้างป่าไปจากพวกมัน อันนี้เดายาก ถ้ายิ่งปืนขู่ ถ้าช้างไม่หนี คนยิงก็ต้องหนี..
4. กรดน้ำส้ม ..นิทานมดแดงกับช้าง ยังพอใช้งานได้ในสมัยนี้อยู่บ้างครับ.. น้ำส้มสายชูจะเป็นกรดที่ช้างไม่ค่อยชอบนัก กันได้บ้าง แต่คงไม่มีใครหอบน้ำส้มสายชู ขึ้นภูเพื่อสิ่งนี้..
..
จากคุณ |
:
POGGHI
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ต.ค. 52 10:41:57
|
|
|
|
|