ความคิดเห็นที่ 1 เป็นกำลังใจให้นะครับ เข้าใจครับ รัีกษาสุขภาพด้วยครับ จากคุณ : poopoony เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 02:57:21

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามาให้กำลังใจด้วยคนค่ะ จากคุณ : aonlin เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 03:08:37

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนอื่นต้องขออภัยแทนพนักงานท่านนั้นด้วยนะคะ ขออนุญาตเรียนย้ำว่าที่นั่งวีลแชร์จะเป็นซีตที่เค้ากำหนดไว้ตายตัวว่าจะต้องนั่งตรงไหน ก่อนคุณขึ้นเครื่องจะมีคนประกาศว่าวีลแชร์ขึ้นเครื่อง ทุกคนจะมองเห็นทันทีว่าคุณอยู่ตรงไหน เมื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้มีคนไปช่วยคุณได้ถูกเรื่องนี้เป็นเรื่องของความปลอดภัยม่เกี่ยวกับว่าคุณเจ็บขาคุณจะต้องนั่ง 31 ab ส่วนที่ให้แม่และเด็กอ่อนนั่งหน้าสุดนั้นเพราะบริเวณนั้นเป็นจุดติดเปลเด็ก อีกอย่างในเวลาเตรียมงานเมื่อทุกคนเข้าระบบกดดูข้อมูลพิเศษเกี่ยวกับผู้โดยสาร จะเห็นชื่อและนามสกุลคุณพร้อมทั้งหมายเลขที่นั่ง(บางรายจะมีสาเหตุมาด้วย) ขอเรียนให้ทราบว่ากฎเกณฑ์บางอย่างอาจทำให้คุณไม่ถูกใจต้องขออภัยแต่เป็นหลักสากล มีอะไรเกิดขึ้นจะพบตัวคุณได้เร็วพนักงานภาคพื้นอธิบายได้ถูกต้องแล้วอธิบายได้ดีมาก ๆ ขอชมเชย พร้อมกันนั้นขออนุญาตเสริมว่าผู้โดยสารที่มีปัญหาด้านสุขภาพเช่นวีลแชร์ไม่ควรเปลี่ยนที่นั่งเพราะเคยเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน หาตัวไม่เจอเนื่องจากเปลี่ยนที่นั่ง สุดท้ายพบว่าครึ่งร่างสอดอยู่ใต้ซีตอื่น(ไม่ใช่การบินไทย แต่วันนั้นอยู่ในแอร์พอร์ตที่เกิดเหตุพอดีหลายปีแล้ว) ไม่เห็นด้วยกับคำตอบของพนักงานต้อนรับท่านนั้นเท่าไหร่เพราะหากเป็นคนที่ไม่รู้กฎต่าง ๆ เกี่ยวกับการบินมาก่อนจะเกิดความสงสัยและเกิดคำถามว่าทำไม)ถ้าเป็นเราก็ตอบไปตามอย่างที่ตอบมาด้านบนนี่แหละ อีกประการหนึ่งทรัพย์สินทั้งหลายของแม่และเด็กจะต้องถูกเก็บขึ้นให้หมดเพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินทรัพย์สินเหล่านี้จะขัดขวางการลำเลียงและอพยพผู้โดยสารได้ แม้แต่เศษหนังสือพิมพ์ก็ทำให้คนลื่นล้มได้ หากท่านพบเห็นแอร์คนไหน โกยหนังสือพิมพ์แถว ๆ เท้าท่าน โกยพลาสติกแถว ๆ เท้าท่านโปรดอย่าตกใจ นางกำปั่นกำลังรักษาความปลอดภัยให้ท่านและเพื่อนร่วมเดินทาง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : วันนี้เอาล็อกอินน้องมาตอบ (ปากกาลูกลื่น) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 03:53:26

ความคิดเห็นที่ 4 ตกลงใบรับรองแพทย์ไม่ช่วยให้เค้าคิดต่อได้เลยมั้งนั่น อ่านแล้วอึ้งค่ะ เป็นเราคงคับแค้นใจจนน้ำตาไหลอ่ะ มาพูดกับเหมือนชีวิตเราไม่มีค่างั้นอ่ะ ชีวิตทุกชีวิตมีค่านะ  "คุณคะ"   ขอให้คุณ จขกท หายไวไวนะคะ สู้ๆค่ะ จากคุณ : NunG_KyO เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 03:53:46

ความคิดเห็นที่ 5 ใบรับรองแพทย์ช่วยได้ค่ะ แต่ขอให้คำนึงถึงสิทธิด้านการประกันภัยและความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินด้วยค่ะ คนที่ระบุหมายเลขที่นั่งก็มีกฏที่เขาต้องปฏิบัติเช่นกัน ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ปากกาลูกลื่น เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 03:56:16

ความคิดเห็นที่ 6 มาให้กำลังใจครับ ผมก็ไม่รู้ว่ากฎหรือระเบียบการจัด seat บนเครื่องบินเป็นยังไง แต่พนักงานน่าจะได้รับการฝึกอบรมมาเหมือนกันเพราะฉนั้นน่าจะได้รับคำตอบไปในทางเดียวกัน ก็ต้องปรับปรุงกันต่อไป ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทั้ง จขกท และการบินไทยครับ จากคุณ : ArM-ApA เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 04:10:40

ความคิดเห็นที่ 7 ตาม คห. 3 เลยครับ กฏบางอย่างก็ต้องเป็นกฏ ซึ่งทางสายการบินไม่ได้เป็นผู้กำหนดแต่เป็นทางด้านองค์กรควบคุมการบินทั้งหลาย ก็อาจจะทำให้ไม่ถูกใจไปบ้าง แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตาม ที่นั่งตรงติดกับประตูทางออกฉุกเฉินนั้น ผู้ที่ไม่สามารถนั่งได้คือผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง และ ผู้อื่นได้ เพราะเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้ที่นั่งตรงนั้นจะต้องสามารถช่วยเหลือลูกเรือในเรื่องการเปิดประตูฉุกเฉินและอื่นๆได้ ซึ่งผู้ที่ไม่สามรถนั่งตรงประตูฉุกเฉินได้ ก็รวมถึงเช่น คนชรา เด็ก ผู้มีร่างกายอ้วนเกินปกติมากๆ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่วิจารณญานของพนักงาน ที่ผ่านมาคนไทยอาจจะมีอลุ่มอล่วยกันบ้าง ซึ่งก็ทำให้เกิดกรณีที่ว่า ทำไมคนโน้นนั่งได้ ทำไมครั้งก่อนฉันถึงได้นั่ง ส่วนวีลแชร์ แนวทางปฏิบัติก็คือ พนักงานจะพยายามให้ท่านนั่งใกล้กับประตูทางออกด้านหน้ามากที่สุด และริมทางเดินครับ ซึ่งบางทีอาจจะไม่ใช่แถวหน้าที่สุด เพราะเที่ยวบินมันเต็มหรือไม่ที่นั่งนั้นมีคนจองไว้แล้วครับ ทางพนักงาน ก็ควรจะมีวิธีการอธิบายหรือคำพูดจาให้รักษาน้ำใจลูกค้ามากกว่านี้ เพราะเรื่องบางเรื่องอย่างที่บอกกฏมีเยอะยิบย่อย อธิบายลำบากเหมือนกัน จากคุณ : linda* เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 05:19:09

ความคิดเห็นที่ 8 และเรื่องบางเรื่อง พนักงานเองอาจจะไม่บอกความจริงลูกค้า ง่ายก็คือโกหกนั่นและ เพราะ กฏสายการบิน บางอย่างมันยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ในเวลาอันสั้นจริงๆ แถมบางท่านก็ไม่พยายามที่จะเข้าใจต่างหาก พนักงานก็เลยเลือกที่จะไม่บอกความจริงซะโกหกเอา ซึ่งก็ไม่ถูก ทางสายการบินควรจะมีคำอธิบายในกรณีต่างโดยเฉพาะให้พนักงานบอกกับลูกค้าให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน จากคุณ : linda* เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 05:22:23

ความคิดเห็นที่ 9 มายืนยันอีกหนึ่งคนนะคับว่าผู้โดยสารวีลแชร์จะมีที่นั่งกำหนดไว้ ส่วนมากจะเป็น 33 ตัวด้านในคับ และก็เป็นกฏการบินเช่นกันว่าทางออกฉุกเฉินจะจำเป็นต้องให้คนที่สามารถให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ ดังนั้นต่อให้เกิดการผิดพลาดจากกราวที่ให้ผู้โดยสารขึ้นมานั่งแล้ว อยู่ในข่ายที่ไม่สามารถนั่งทางออกฉุกเฉินได้ เช่น คนท้อง คนพิการ พระสงฆ์ และอื่นๆ ลูกเรือก็ต้องย้ายผู้โดยสารเองอยู่ดี มิฉะนั้นจะผิดกฏความปลอดภัยของการบินสากลครับ เข้าใจว่า จขกท. อาจจะรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะวิธีการพูดของพนักงาน อันนั้นก็เข้าใจได้ แต่ยังไงกฎก็เป็นกฏนะคับ ยิ่งเรืองความปลอดภัยเป็นยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถอะลุ่มอะหล่วยได้เลยจิงๆคับ จากคุณ : ahohoz เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:01:36

ความคิดเห็นที่ 10 เข้าใจอารมณ์ผู้โดยสารครับคนกำลังไม่สบาย เพราะบางทีเค้าก็ไม่รู้กฎละเอียดหรอกเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่จะอธิบายให้เค้าเข้าใจด้วยถ้อยคำที่สุภาพ บางทีน้องเค้าอาจจะใช้ประโยคไม่เป็นพาลให้คุณรู้สึกไม่ดีน้อยอกน้อยใจได้ จริงๆเค้าคงไม่ตั้งใจหรอกครับเพียงแต่แกไม่มีศิลป์ในการพูดเท่านั้นเอง ควรแนะนำเค้าไปนะครับว่าให้ไปฝึกการพูดกับผู้โดยสารมาใหม่ จากคุณ : ยาดองเหล้าตราแมวเหมียว เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:22:27

ความคิดเห็นที่ 11 มาเป็นกำลังใจให้ครับ คนเรามาจากต่างสถานที่ ต่างสังคม ต่างสิ่งแวดล้อมครับ ยังไงก็คิดอะไรแตกต่างกันไปบ้าง ที่อ่านมาทุกคนคงไม่มีอะไรผิดกันมากมายหรอกครับ อาจจะสื่อสารกันไม่เข้าใจกันคนละเล็กละน้อย จขกท เอง ก็คงอยู่ในช่วงจิตใจไม่ปรกติเท่าไหร่ เจ็บด้วย ก็เลยคิดน้อยใจ ส่วนพนักงานก็อาจทำงานเหนื่อย เลยมีวิธีพูดที่ไม่น่ารัก (ซึ่งตามปรกติคงจะไม่เป็นแบบนี้) พนักงานก็คงรักษากฏระเบียบ ตามที่หลายท่านอธิบาย และกฏระเบียบเหล่านี้ ก็จำเป็นกับการรักษาความปลอดภัยจริงๆ จขกท เองก็ต้องรักษาตัวเองเหมือนกัน ดังนั้นไม่มีใครผิดหรอกครับ อย่าน้อยใจไปเลย วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือค่อยๆพูดค่อยๆจากัน คนนี้ฟังไม่เข้าใจจริงๆ ลองขอกับคนอื่นดู ซึ่งอาจเข้าใจมากกว่า หรือขอคุยแบบละมุนละไมกับหัวหน้าเค้า ด้วยเหตุผลที่จำเป็น (ซึ่ง กรณีนี้ จขกท ก็จำเป็นมากอยู่ ) ใจเย็นๆนะครับ เป็นกำลังใจให้หายไวๆครับ จากคุณ : ขอให้หายไวๆ (srinakarinth_road) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 09:15:47

ความคิดเห็นที่ 12 หายเจ็บหายป่วยเร็วๆนะคะ จากคุณ : makai เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 09:17:34

ความคิดเห็นที่ 13   จากที่อ่านมาทั้งหมด เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านนะคะว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ไม่ควรละเลย เพียงแต่ว่าคำอธิบายให้ลูกค้าของพนักงานสายการบิน ควรจะพูดไปในทางเดียวกันและใช้ wording ที่ฟังดู soft มากกว่านี้ แต่กำลังคิดว่า จะมีไม๊คะที่ที่นั่งสำหรับผู้โดยสารวิลแชร์จะมี พท กว้างขึ้นมาอีกสักนิด สำหรับเคสแบบคุณ จขกท. หรือเคสอื่นๆ สำหรับผู้โดยสารวิลแชร์ที่ต้องการ พท เพิ่ม โดยที่ไม่ต้องโยกย้ายที่ั่นั่งไปยังที่นั่งปกติทั่วไป เพราะว่าการนั่งงอเข่านานๆ ในขณะที่แผลยังไม่หายดี อาจจะส่งผลต่อระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นกว่า่แผลนั้นจะหายเป็นปกติ (หรือเปล่า) กรณีโดยสารนานๆ แถมยังทรมานผู้โดยสารอีก อีกอย่างก็เข้าใจว่า กรณีฉุกเฉินหรือเหตุไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่คงไม่มีใครอยากให้มันเกิด และอาจจะไม่เกิดในวันนั้นก็ได้ (พยายามคิดในทางที่ดีเวลาขึ้นเครื่อง) ถ้าเกิดมี จนท. ของสายการบินมาอ่านเจอ ก็ข้อมูลตรงนี้ด้วยก็ดีนะคะ เป็นกำลังใจให้ทั้งคุณ จขกท. และจนท. สายการบินค่ะ จากคุณ : NMA ^^ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 09:50:50 A:125.24.165.24 X: TicketID:239034

ความคิดเห็นที่ 14   ถ้าที่นั่งที่สำรองไว้ไว้ให้ผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมเด็กเล็กเต็มแล้ว ก็ต้องนั่งที่อื่นละ เขาเป็นฝ่ายได้ priority ส่วนที่นั่งบริเวณ emergency exit นั้น ไม่ได้สงวนไว้ให้ผู้ที่บาดเจ็บหรือพิการ แต่ผู้ที่จะนั่งบริเวณนั้น ต้องมี "หน้าที่" ที่จะดำเนินการต่าง ๆ ในการเปิดประตูฉุกเฉินในกรณีที่ลูกเรือไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้ ในบางสายการบิน เขาเลือกผู้ชายที่ท่าทางแข็งแรงเท่านั้นด้วยซ้ำไป จำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง ลูกเรือบอกให้เราอ่านคู่มือให้ดี เพราะกรณีที่เขาบาดเจ็บ เราต้องเป็นฝ่ายช่วยเขาออกไปจากเครื่องบินด้วย เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจ เรื่องผู้โดยสาร wheelchair นี้มีข้อกำหนดชัดเจน เพราะแม่ผมก็ใช้ wheelchair เวลาเดินทางเขาก็จัดให้ กรณีนี้ผมว่าเจ้าหน้าที่อธิบายไม่ค่อยถูก แต่ก็อย่างว่า ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วพูดอะไรกันอย่างไร จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:04:38 A:58.8.177.175 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 15 อาชีพผมก็เกี่ยวข้องกับเรื่อง safety อยู่บ้างบางครั้งบางคราว ต้องยอมรับเลยครับว่าเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจกันในเวลาอันสั้น ไม่ได้มีเจตนาว่า จขกท นะครับ ป้าผมก็ใช่ววิวแชร์ แต่ปรกติคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับเนื่องนี้อยู่แล้ว  ทำให้อธิบายยากขึ้นไปอีก ลูกน้องผมโดนด่าประจำ บางครั้งถึงขั้นบอกว่า ชีวิตกู กูจะตายก็เรื่องของกู เจอแบบนี้ก็ต้องปล่อยละครับ เรื่องคำพูดนี่ก็สำคัญมันนะมันเป็นศิลปอย่างนึง ส่วนจะให้ลูกน้องทุกคนมีศิลปในการพูดนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยอบรมกันแล้วอบรมกันอีกก็ยังเข็นกันไม่ค่อยขึ้นเลย   สรุปเห็นใจทั้งสองฝ่าย จขกท หายเร็วๆนะครับ จากคุณ : okus เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:51:35

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นกำลังใจให้นะครับ ด้วยความเห็นใจจริงๆครับ ขอให้หายเป็นปกติโดยเร็วนะครับ จากคุณ : mimicker เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:06:38

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของเจ้าของกระทู้มากค่ะ เพราะมาตรฐานในการให้บริการระดับสากลของสายการบินไฮโซ ทำให้ดิฉันกับคุณปู่ เลือกเดินทางกับสายการบินโลว์คอสด้วยลองเลกซีสหรือฮอทซีทตลอดมา (แต่ก่อนหน้าที่จะได้สัมผัสกับความสะดวกสบายในการเลือกที่นั่งเองนั้น ก็นั่งสายการบินกลุ่มนี้ เพราะเข้าใจว่าจะสะดวกกับผู้โดยสารวีลแชร์มากกว่า) อึดอัดและเบื่อกับเลข 33X จริง ๆ เลยค่ะ เราแค่ต้องการที่นั่งที่มีพื้นที่ว่างช่วงขามากหน่อย จะได้ขยับขาคุณปู่ได้สะดวกขึ้น อุ้มแกง่ายขึ้น ไม่ต้องไปรบกวนคนข้างหน้าหรือคนข้างหลังเพื่อขอขยับตัว สู้นั่งแถวหน้าสุดไม่ได้ แม้จะเก้าอี้นั่งไม่สบายเท่าไหร่ แต่เทียบกับความสะดวกในการขยับตัว+อุ้มแล้วล่ะก็ โลว์คอส+แถวแรก โลดดด แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 11:33:38 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 11:30:33 จากคุณ : ดอกขจรท่องไป เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:29:25

ความคิดเห็นที่ 18 คุณคะ คุณคะ พูดกับอิฉันดีๆหน่อยสิคะคู้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน จากคุณ : vecchio เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:31:23

ความคิดเห็นที่ 19 กฎเพื่อความปลอดภัย ก็ มีไว้เพื่อส่วนรวมต้องยึดถือ แต่คำพูดประชดประชัน แดกดันผู้โดยสารนี่ ควรจะปรับปรุงนะครับ พูดแบบนี้ไม่สมควรเรียกว่านางฟ้าเลยนะครับ จากคุณ : Liverpool เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:35:09

ความคิดเห็นที่ 20 เอาไปแปะเวป thai Cabin Crew สิครับ  รับรอง........ จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:43:47

ความคิดเห็นที่ 21   สงสัยสายการบินนี้ เค้ามีปัญหากับการสื่อสารภาษไทยนะคะ .......เห้นกระทุ้แนวนี้บ่อยเหมือนกัน ........... ทำไมสายการบินอื่น ไม่เจองี้มั่งก็ไม่รู้ จากคุณ : PaNok@WanDeRer เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 12:04:14

ความคิดเห็นที่ 22 ที่นั่งของ Wheel Chair จะจัดไว้เฉพาะตรงกลางของเครื่องบิน เท่านั้นครับ และเป็นแบบ แถวเว้นแถว กล่าวคือ 31D 31G, 33D 33G, 35D 35G สลับไปเรื่อยๆจนถึงท้ายเครื่อง แต่จะเว้นไว้ตรงท่นั่งที่ตรงกับ Emergency Exit ทุกกรณี ไม่ว่าผู้โดยสาร Wheel Chair ท่านนั้นจะใช้ Wheel Chair เพราะแค่เหนื่อย ไม่อยากเดินจาก Terminal สู่ตัวเครื่องก็ตาม สายการบินจะ Assume ว่า ผู้โดยสาร Wheel Chair ไม่สามารถช่วยเหลือัวเอง และผู้อื่นได้ทุกกรณี ไม่ใช่ว่าผู้โดยสาร Wheel Chair ไม่มีค่าครับ มีค่ากับเรามาก เมื่อเกิดเหตุการ์ณฉุกเฉินต้องอพยกจากเครื่องบิน ผู้โดยสาร Wheel Chair จะลงจากเครื่องบินพร้อมพนักงานต้อนรับครับ (เน้น...ลงพร้อมกัน นั้นคือ พนักงานต้อนรับ จะต้องกอดผู้โดยสาร Wheel Chair ลงจากคเรื่อง กระโดดลงสไลด์ ไปด้วยกันครับ) และนี่เป็นอีกเหตุผลที่จำไมจะต้องมีที่นั่งเฉพาะให้กับ ผู้โดยสาร Wheel Chair ครับ นี่ผมกาง Manual พิมพ์เลยครับ ขอเพียงแค่ผู้โดยสารเข้าใจ กฎ และระเบียบความปลอดภัยบนเครื่องบิน แล้วท่านจะเข้าใจครับ ว่าเราทำไปเพื่ออะไร บนเครื่องบินมีคนเป็นร้อย พนักงานต้อนรับจำเป้นต้องรักษาชีวิตคนเป็นร้อยนั้นให้ได้ครับ ทำความเข้าใจบ้างครับ อย่าเอาแต่ใจ อย่าเอาแต่ได้ มองความเป็นจริง แน่นอนครับ ถ้าขึ้น SQ คุณเป็นอย่างนี้ SQ เตะคุณลงจากเครื่องแน่นอน เพราะเรื่อง Emergency Procedure ของเขาเข้มกว่า "คุณคะ" เยอะครับ จากคุณ : ICNOOOO (Sold-ouT) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 12:12:27

ความคิดเห็นที่ 23 เปนกำลังใจให้หายป่วยๆเร็วๆนะคะ ^^ จากคุณ : น้ำตาลสีทอง เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 12:26:48

ความคิดเห็นที่ 24 แล้ว "คุณคะ" นี่ อธิบายภาษาไทย แบบพูดจาดีๆ เป็นกันหรือเปล่าหล่ะครับ คุณความเห็น 22 เรื่องมันเกิดไม่ได้เกิดจากเจ้าของกระทู้พยายามฝืนกฎ แต่เรื่องมันเกิดเพราะ คำอธิบายของ "คุณคะ" ต่างหาก ผมว่าถ้าเป็น SQ เค้าคงไม่ "เตะ" ผู้โดยสารลงจากเครื่องหรอกมั้ง แหม คิดได้ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 13:16:05 จากคุณ : narupol เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 13:15:26

ความคิดเห็นที่ 25 แย่แฮะ...เสียความรู้สึกเลยนะ คุณ จขกท. ไม่ได้อยากนั่งเครื่องบินด้วยสภาพนี้ซะหน่อย คนเรามันเลือกไม่ได้หนิ ทำไม "คุณคะ" ไม่เห็นใจกันบ้างเลยนะ ทำอย่างกับคุณ จขกท. นั่งฟรีอย่างนั้นแหละ ทีพวก VIP ล่ะก็ เงินก็ไม่ค่อยจ่าย เลี้ยงดูปูเสื่อดีเหลือเกิน จากคุณ : Into the Groove เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 13:31:26

ความคิดเห็นที่ 26   อ่านดู ก็ไม่เห็นว่าเขาพูดจาไม่ดีตรงไหนนิ เขาก็ทำไปตามระเบียบ "ที่นั่งที่น้องต้องการ เป็นที่สำหรับเด็กหรือแม่ลูกอ่อนที่เค้ามีทรัพย์ศฤงคารจำพวก ตะกร้าผ้าอ้อมขวดนมเยอะๆ น้องเข้าใจมั้ยค่ะ อีกอย่างถ้าน้องนั่งตรงนั้นมันใกล้ประตูทางออก เวลามีเหตุฉุกเฉิน น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้ น้องจะไปบล๊อกทางเดินของคนอื่นเค้า ทำให้เค้าออกไม่ได้...นะค่ะ" ยื้อเขามาก ๆ เขาก็อธิบายให้ฟัง เผื่อจะเข้าใจขึ้นบ้าง คิดว่าเขาก็เซ็งเหมือนกัน จากคุณ : อ่ะนะ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 13:46:45 A:58.8.177.175 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 27 เท่าที่ผมอ่าน ผมยังไม่เห็นว่า พนักงาน"คุณคะ"พูดไม่ดีตรงไหนเลยนะครับ... ปกติแล้ว ทุกสายการบินจะมีคำจำกัดความคำว่า"Disable Passenger" ไว้กันทุกสายการบิน และdisable passengerที่ว่านี้ ไม่สามารถนั่งติดทางออกทุกประตูได้ ย้ำว่าทุกประตู... และที่สำคัญ ไม่มีสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งได้ตามชอบใจนะครับ ไม่ว่าจะนั่งสายการบินไหน  อยากได้long legroom seat(หน้าประตูเด๊ะๆ) เพราะจะเอาไว้ยืดขา พักขา หรือ ด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ หากเพียงคุณเข้าข่ายdisable passengerของสายการบินนั้นๆ คุณก็จะไม่ได้รับการassign seatในแบบที่คุณต้องการได้....แน่นอนครับ! ทุกสายการบิน!!!!!!! จากคุณ : TGfever เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 14:45:00

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นผู้โดยสารที่มีปัญหาข้อเข่าต้องใช้เครื่องพยุงและไม้เท้า ก็เจอกฏเดียวกับเจ้าของกระทู้นี้เจอมาเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่แค่ผู้โดยสารที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้นนะคะ บริเวณ exit row จะวางของใต้ที่นั่งเบาะหน้าไม่ได้ หรือถือของไว้บนตักไม่ได้เช่นกัน ใครๆก็อยากได้ที่นั่งที่เหยียดขาได้ค่ะ ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วย แถว 31 ถ้าเป็นได้ใครๆก็อยากนั่ง แต่ต้องไม่ลืมว่ามันเป็นแถวที่จัดไว้สำหรับติดตั้งเปลเด็กเล็ก และผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมเด็กเล็ก ไม่ใช่ที่นั่งสำหรับผู้โดยสารใช้ วิลแชร์ การที่เราอยากได้ความสะดวกที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือที่จัดไว้ ก็ต้องดูกฏกติกา มารยาทด้วยค่ะ หรือไม่อย่างนั้นก็เพิ่มเงินซื้อคลาสที่สะดวกกว่านี้ เปรียบกับผู้โดยสารใช้วิลแชร์ กับผู้เดินสารเดินทางด้วยเด็กเล็กที่เสียค่าตั๋วราคาเด็กไม่มีที่นั่งให้แล้วต้องไปนั่งแถวอื่นทั้งสัมภาระของเด็กที่ต้องติดตัวและต้องหยิบใช้ในระหว่างเดินทาง การเข้าออกจากที่นั่งลำบากอีก มันน่าจะยอมรับเหตุผลได้ไม่ยากนะคะ ถ้าใช้เหตุผลเหนือความต้องการ และจะบอกแค่ว่าได้รับข้อมูลเช่นเดียวกันจากสายการบินที่ไม่ใช่ TG สายเดียว ส่วนเรื่องคำพูดไม่มีความเห็นเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ที่อ่านในกระทู้นี้ก็ไม่รู้อะไรหรือแตกต่างมากกว่ากันตรงไหน เพราะทุกคำตอบก็คือมันไม่ใช่ที่สำหรับผู้โดยสารวีลแชร์ มันเป็นที่สำหรับผู้โดยสารเดินทางพร้อมเด็กเล็ก และแต่ละไฟล์ทจะมี record อยู่แล้วว่ามีผู้โดยสารเดินทางพร้อมเด็กเล็กในเที่ยวบินกี่คน ถ้าไม่มีผู้โดยสารเดินทางพร้อมเด็ก  ปกติเวลาเชคอินก็ขอทุกครั้งก็ได้เกือบทุกครั้งนะ ถ้าไม่ได้พนักงานจะบอกว่าเที่ยวนี้มีผู้โดยสารเดินทางพร้อมเด็กเล็กหลายคนก็เข้าใจ เคารพเหตุผล ไม่รู้จะงี่เง่าใส่พนักงานไปทำไม จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 14:50:47

ความคิดเห็นที่ 29 "ที่ตรงนี้เป็นของเด็กหรือแม่ลูกอ่อนที่มีข้าวของสัมภาระหลายอย่าง ที่นั่งที่คุณได้รับเป็นไปตามแมนนวลเฉพาะของผู้โดยสารที่ใช้วิลแชร์ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน พนักงานต้อนรับจะสามารถเคลื่อนย้ายคุณไปยังทางออกได้อย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยของคุณ และยังสะดวกหากคุณต้องการยืดขาเพื่อไม่ให้ขาบวม"  หลังจากที่ได้รับคำอธิบายนี้ เราเข้าใจแจ่มแจ้ง และไม่เคยขอที่นั่งริมหน้าต่างอีกเลย อันนี้เข้าใจได้ "ที่นั่งที่น้องต้องการ  เป็นที่สำหรับเด็กหรือแม่ลูกอ่อนที่เค้ามีทรัพย์ศฤงคารจำพวก ตะกร้าผ้าอ้อมขวดนมเยอะๆ น้องเข้าใจมั้ยค่ะ อีกอย่างถ้าน้องนั่งตรงนั้นมันใกล้ประตูทางออก เวลามีเหตุฉุกเฉิน น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้ น้องจะไปบล๊อกทางเดินของคนอื่นเค้า ทำให้เค้าออกไม่ได้...นะค่ะ"  เราอึ้งกับคำพูดนั้นไปแป๊บนึง แต่ก็ยังพยักหน้าไปเรื่อยๆ จนพี่เค้านั้นเดินกลับไป  ก็เริ่มเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ทำไมเหตุผลมันถึงได้ตรงข้ามกับพนักงานภาคพื้นคนที่เคยอธิบายเราก่อนหน้านี้หล่ะ หรือว่าอบรมกันคนละรุ่น อันนี้ไม่น่ารักนะครับ จากคุณ : narupol เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:15:04

ความคิดเห็นที่ 30 หายไวๆนะคะ จากคุณ : หมาเก้อ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 19:25:25

ความคิดเห็นที่ 31 ก่อนอื่นต้อง ขอให้เจ้าของกระทู้หายเร็วๆนะครับ จริงๆเห็นใจทั้ง2ฝ่าย ทั้งท่านเจ้าของกระทู้ และ กราวน์ที่ทำตามหน้าที่ แต่ ขอพูดถึงกระทู้หน่อย ผมไม่เห็นว่า เค้าจะพูดไม่สุภาพตรงไหนนี่ครับ พูดตามกฎการบินทุกประการ ผมว่าสมุุมติถ้าเป็นสายการบินอื่น เค้าน่าจะพูดครั้งเดียว โดยไม่มีครั้งที่ 2 แล้วก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าผู้โดยสารด้วยซ้ำไปครับ แต่นี่เป็นผู้โดยสารไทยด้วยกันจึงต้องอธิบายให้ละเอียดเพื่อให้เข้าใจทั้ง2ฝ่ายครับ จากคุณ : mytravel (MyTravel) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:07:26

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น และขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกท่านนะค่ะ ที่เรามาตั้งกระทู้เล่าเรื่องนี้ ไม่ได้อยากจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพียงแต่อยากจะให้เข้าใจความรู้สึกของผู้โดยสารที่มีปัญหาแบบเราบ้าง และเรามั่นใจว่า คงไม่ได้มีเราแค่คนเดียวที่ต้องเจอแบบนี้ แตอาจจะมีแค่เราคนเดียวที่คิดจะหยิบมาพูด   ส่วนท่านที่คิดว่า มันคือความงี่เง่าของเราและความต้องการเอาแต่ใจตัวเองมากกว่าเหตุผลของความปลอดภัย เราก็ขอน้อมรับความเห็นของท่านค่ะ แต่เราก็ต้องขอชี้แจงซักนิดนะค่ะ ว่า เราก็กลัวตายเหมือนกันค่ะ และเราคงไม่เสียเวลาและเสียเครดิตมาทำตัวงี่เง่าแบบนี้หรอกค่ะ เพราะยังต้องใช้บริการสายการบินนี้ไปอีกนาน และไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร...  หากว่าอยากเอาแต่ใจ อยากสบาย คงยอมจ่ายเยอะ แล้วไม่ต้องเสียเวลาเรียกร้องความเข้าใจหรอกค่ะ เพียงแต่ที่ขอที่นั่งตรงนั้น เพราะมันเจ็บมากหดขาไม่ได้จริงๆ ไม่งั้นคงไม่ยอมตื่นแต่ตีห้าเพื่อไปเช็คอินตอนหกโมงเช้าทั้งที่เครื่องออกจตอนสิบครึ่งหรอกค่ะ จะไปให้เจ็บแผลทำไม นอนก็ไม่ได้นอน แต่ที่ไปเช้า เพราะอยากจะให้เห็นว่าสภาพเราเป็นยังงัย และเรามีความจำเป็นอะไรถึงต้องเป็นที่นั่งในแถวนั้น และเราก็เข้าใจกฎระเบียบของสายการบินดี เพราะทุกครั้งที่เดินทาง ผู้ป่วยอย่างเรา จะได้รับคำอธิบายอย่างละเอียดมากกว่าผู้โดยสารธรรมดาอยู่แล้ว   ส่วนท่านที่คิดว่าเรางี่เง่าไปยื้อตอแยจะนั่งตรงนั้น เค้าเลยเซ็งเราจนต้องพูดแบบนี้ใส่หน้าเรา เราก็จะขอบอกเลยว่า ครั้งแรกที่เค้าออกที่นั่งนี่ให้ เราไม่พูดอะไรนอกจากที่บอกไปข้างต้นว่าเจ็บ หดขาไม่ได้ แต่ในเมื่อเค้าทำเป็นไม่สนใจ ไม่ได้ยิน เราก็จำเป็นต้องรับตั๋วมา เพราะตัวเราเอง ยังไม่แน่ใจเลย ว่านั่งได้รึป่าวเลยรับตั๋วมาก่อน แต่พอลองไปนั่งในสภาพที่อยู่บนที่นั่งจริงมาแล้ว มันไม่ได้ ไม่ได้รักความสบาย แต่มันไม่ได้จริงๆ ขาเราค่อนข้างยาว แล้วมีก๊อซหนาๆพันอยู่ตรงข้อเข่า พอพยายามจะงอ ก๊อซที่พันแน่นจะไปกดทับตรงแผล ทำให้เจ็บกว่าเดิมอีก...จะให้เราทำยังงัยล่ะค่ะ     ส่วนคุณ ICNOOOO (Sold-ouT)เราเข้าใจเจตนาของคุณและเข้าใจกฎระเบียบดีค่ะ และขอย้ำอีกครั้งว่า เราไม่ได้เอาแต่ใจ หรือเอาแต่ได้ เพราะเราไม่ได้อยากได้อะไรจากสายการบินนี้หรอกค่ะ นอกจากการเดินทางที่ปลอดภัย ถ้าเราเอาแต่ได้ อยากสบาย คงนั่งรถไฟตู้นอนไปแล้วค่ะ และอีกอย่าง เราก็เคยศึกษาแมนนวลมาแล้วเหมือนกันค่ะ ไม่ได้ตั้งท่าแต่จะงี่เง่าอย่างเดียว และเรามั่นใจว่าถ้าเราไป SQ แล้ว SQ เห็นสภาพที่เราเป็นในวันนั้นคงเตะเราไม่ลงหรอกค่ะ คงมีแต่คุณแค่คนเดียวมั้งค่ะ ที่เป็นคนดีพอจะเตะคนไข้หลังผ่าตัดแบบเรา   ขอบคุณอีกครั้งสำหรับผู้ที่เข้ามาติดตามนะค่ะ เราไม่ได้หวังอะไรนอกจากการถ่ายทอดประสบการณ์ที่เจอและเป็นกระบอกเสียงให้อีกหลายๆท่านที่เคยเจอเรื่องแบบเดียวกันแต่ไม่อยากแสดงตัว แสดงความงี่เง่าแบบนี้ แต่เราอยากให้ทุกท่านเข้าใจจริงๆค่ะว่า คนป่วยญาติผู้ป่วยแบบเราและแม่มีความจำเป็นอะไร รู้สึกอย่างไร เพราะถ้าท่านไม่ได้มาเป็นเราเข้าซักวันคงไม่มีวันจะเข้าความรู้สึกของเราอย่างเต็ม 100 หรอค่ะ หากท่านมองพวกเราในมุมของคนปกติ พวกเราก็จะยังเป็นผู้ที่มีความต้องการมาเกินความจำเป็นและงี่เง่าในสายตาพวกคุณอีกต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้นหรอกค่ะ จากคุณ : napper_zz (napper_zz) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:33:06

ความคิดเห็นที่ 33 คือ ยังไงคะ ถ้าเรางอขาไม่ได้เราก็ต้องตัดเอ็นตัดเข่าไปเพื่อให้ได้นั่งในที่นั่งที่กำหนดไว้หรือยังไงคะ อ่านมานาน ยังไม่ได้คำตอบสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องขาและเข่าเลยค่ะ จากคุณ : แม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:55:35

ความคิดเห็นที่ 34 ด้วยความเคารพนะครับ........ สรุปแล้ว เห็นแจ้งว่า เข้าใจกฏเกณฑ์ของสายการบินเป็นอย่างดี และไม่ได้เอาแต่ใจ แค่ต้องการเป็นกระบอกเสียงเท่านั้น.... ประทานโทษนะครับ ถ้าเช่นนั้นแล้ว ประเด็นของกระทู้นี้คืออะไรกันแน่อ่ะครับ ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจจริงๆ - "สงสัย"... ว่าปกตินั่งได้ แต่ทำไมคราวนี้นั่งไม่ได้? - "สะเทือนใจ"... ที่ground staffพูดไม่ดี? (ประทานโทษนะครับ ผมไม่ได้เห็นเหตุการณ์จริงเลยไม่ทราบว่า จริงๆแล้วพนักงานเค้าชี้แจงยังงัย แต่เท่าที่คุณจขกทquoteคำพูดมา ผมไม่เห็นว่า เค้าจะพูดไม่ดีซักนิดเลยครับ) - "โกรธ".... ที่พนักงานไม่แสดงความช่วยเหลือ/เห็นใจ/offer special care ฯลฯ มากกว่านี้? - หรือว่า "เคือง".... ถ้าใช้บริการสายการบินอื่น จะต้องได้seatที่ต้องการแน่ๆ งงครับ สรุปmain ideaคืออะไร?? ด้วยความเคารพครับ ^^' แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 21:09:29 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 21:08:36 จากคุณ : TGfever เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 21:07:02

ความคิดเห็นที่ 35   คุณคห 33 คงต้องเลือกเดินทางโดยวิธีอื่นมั้งครับ หรือไม่ก็นั่ง first class จะเอาสะดวกถูกใจประหยัด มันคงทำไม่ได้ในทุกกรณีที่คุณอยากจะทำ จากคุณ : ผมว่าอะนะ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 21:30:22 A:61.90.18.111 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 36 ขอโทษค่ะ คุณ TGfever ที่ทำให้คุณไม่เข้าใจในประเด็นของการตั้งกระทู้ และขอโทษด้วยที่บรรยายความคับข้องใจมากจนเกินประเด็นที่ครอบคลุมหัวข้อของกระทู้ จนทำให้คุณสับสนว่า main idea ที่แท้จริงคืออะไร แบบว่าเราเป็นผู้หญิงธรรมดาที่พูดตามความคิดและความรู้สึก ไม่เคยฝึกโต้วาทีหรืออภิปรายในสภาที่สามารถพูดสิ่งที่ครอบคลุมภายใต้ประเด็นของเรื่องได้อย่างชัดเจน เราขอยอมรับความผิดตรงนี้ค่ะ เหตุแห่งความสะเทือนใจจากคำพูดนั้น เราคงจะบอกความรู้สึกให้คุณฟังไม่ได้ว่าทำไมถึงสะเทือนใจ (ทั้งที่คุณเอง อ่านแล้วยังไม่รู้สึกอะไร) จนกว่าคุณจะลองมานั่งบนวิลแชร์ด้วยสภาพกล้ามเนื้ออ่อนแรงและมีแผลผ่าตัดแบบเรา หรือมีคนที่คุณรักเป็น และต้องเจอสถานการณ์เดียวกับเรา คำพูดเดียวกับเรา  ถ้าคุณได้อ่านคำพูดที่ qoute ทั้งด้านบนและด้านล่าง คุณจะรู้ว่า มันเป็นคำอธิบายในจุดประสงค์และประเด็นเดียวกัน แต่ให้ความรู้สึกและความศรัทธาในตัวผู้พูดต่างกัน แล้วเราเองก็ไม่ได้บอกแม้แต่นิดเดียวว่า พนง ท่านนั้นพูดไม่ดี อย่าหลุดประเด็นนะค่ะ เพียงแต่รู้สึกสะเทือนใจค่ะ และอย่างที่บอกค่ะ คุณจะไม่มีวันเข้าใจ หากว่า คุณไม่ลองมานั่งบนวิลแชร์เอง หรือคนที่คุณรักนั่งอยู่บนวิลแชร์พร้อมกับแผลผ่าตัด ถึงวันนั้น ถ้าคุณยอมทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยไม่สนใจถถึงความทรมานของตัวคุณเองหรือคนที่คุณรัก เราขอนับถือคุณค่ะ  ไม่แน่ วันนั้น คุณอาจจะยอมขอฝืนกฎระเบียบตามแมนนวลเพื่อลดความทรมานตลอดการเดินทางของตัวคุณเองหรือคนที่รักก็เป็นได้นะค่ะ ส่วนประเด็นที่คุณงง แล้วแตกย่อยมาให้เรา เราขอบอกว่า นั่นคือความรู้สึกของเราแทบทุกข้อค่ะ มันอาจจะเกินประเด็นที่ตั้งใจ แต่ในเมื่อยอมงี่เง่ามาตั้งกระทู้แบบนี้แล้ว ก็ขอให้คุ้มค่าสักหน่อย เผื่อว่าคนที่เจอแบบเราจะได้ไม่ต้องนอกประเด็นแบบเราอีก การที่เรายอมเป็นกระบอกเสียง แล้วเกินการนอกเรื่อง มันเป็นเจตนาของเรา ที่ยังคงคิดถึงเพื่อนมนุษย์ผู้อื่นที่มีสภาพเดียวกันกับเรา เพื่อที่จะไม่ถูกมองเป็นคนงี่เง่าอย่างเราอีก ในฐานะที่เคยเป็นคนปกติ เดินได้อย่างคุณ แล้วมาป่วยเป็นแบบนี้ ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของทั้งคนปกติ และคนป่วยคนพิการ จึงอยากใช้โอกาสนี้บอกความรู้สึกให้ชัดเจน แม้มันจะเป็นเรื่องนอกประเด็นก็ตาม แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 21:45:36 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 21:43:35 จากคุณ : napper_zz (napper_zz) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 21:37:13

ความคิดเห็นที่ 37 เรามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินได้ แต่ไม่ค่อยถูกชะตากับบันไดเท่าไหร่ทุกครั้งที่จองตั๋วเราจึงต้องแจ้งทุกครั้งว่า เราใช้วิลแชร์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก ที่นั่งประจำของเรา มักจะเป็นที่นั่งริมซ้ายหรือขวาของแถวแรกในชั้นประหยัด (ประมาณ31E-31F ซึ๋งจะติดกับหน้าจอเลย) เผอิญตัวเองข้อเข่าเสื่อมต้องใส่ support และใช้ไม้เท้า ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกหลังจากเริ่มป่วย ปกติจะทำเชคอินอัตโนมัติแล้วไปขอแถว31 ที่เคาว์เตอร์ทุกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ป่วยก็ขอที่นั่งแล้วบอกว่ามีปัญหาข้อเขาเสื่อม พนักงานแจ้งทันที่ว่าถ้ากรณีเจ็บป่วยแบบนี้หรือต้องใช้วิลแชร์จะนั่งแถวนี้ไม่ได้ หลังจากนั้นเวลาเชคอินจะเก็บไม่เท้าแล้วขอที่นั่งเหมือนคนปกติทุกครั้ง เราไม่เข้าใจว่าทำไมแถว 31 มันถึงเป็นที่นั่งประจำของคุณไปได้ กรณีนี้ TG น่าจะต้องสอบถามข้อมูลจากลูกค้าแล้วไปจัดการพนักงานที่ทำตรงนี้ เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายถ้าเกิดมี่เหตุฉุกเฉินแล้ว ยังทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดจนเป็นเรื่องราวอีกด้วย กรณีผู้โดยสารที่มีอาการเจ็บป่วย สายการบินจะไม่รับถ้าไม่มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าอาการที่เป็นอยู่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้ แล้วถ้ามีใบนับรองแพทย์แล้วก็แปลว่าผู้ป่วยมีสภาพที่ขึ้นเครื่องบินได้โดยไม่มีอันตราย บางรายอาจมีรายละเอียดมาเช่นเดินทางด้วยเครื่องบินระยะสั้นได้ หรือจำเป็นต้องอยู่ในท่าที่งอขาไม่ได้ หรือ นั่งไม่ได้ ลักษณะนี้สายการบินก็จะให้เดินทางได้ในคลาสที่เหมาะสมกับสภาพอาการ แต่ผู้โดยสารจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองไม่ใช่หน้าที่ของสายการบินที่จะต้อง support ถ้าผู้โดยสารไม่สะดวกในเรื่องราคา ก็เลือกได้ตามความชอบและความเหมาะสมเช่นเดินทางด้วยรถที่สามารถนอนไปได้ แต่ถ้าไม่มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าปลอดภัยพอ สายการบินมีกฏการพิจารณาที่จะรับหรือไม่รับผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้ ยกตัวอย่างเช่น หญิงตั้งครรภ์ที่ใกล้ครบกำหนดคลอดเป็นต้น เคยมีประสบการณ์ไปเกี่ยวข้องกับการย้ายผู้ป่วยหลังผ่าตัดจากกทมไปเชียงใหม่ โดยรถพยาบาลมาส่งสนามบิน เคสนี้สายการบินรับผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้แต่ต้องไปด้วย บิสิเนสคลาส การมีใบรับรองแพทย์มีเพื่อให้สายการบินพิจารณาว่าจะให้ขึ้นเครื่องได้หรือเปล่าในด้านความปลอดภัยไม่ใช่มีใบรับรองแพทย์ไว้เพื่อให้สายการบินต้องบริการเป็นพิเศษตามที่ผู้โดยสารร้องขอ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าถ้าอาการแย่ขนาดนั้นทำไมไม่นั่งบิสิเนสคลาสไป ทำไมยังเสี่ยงที่จะเลือกนั่ง eco แล้วการที่คุณคิดว่ากฏ กติกามันน่าจะยกเว้นได้เพื่อผู้โดยสารหนึ่งคนที่ไม่สะดวกจะนั่ง ecoไปนั่งในที่ที่ไม่อนุญาตให้นั่ง แล้วจะให้ผู้โดยสารที่สมควรนั่งไปนั่งตรงไหน ผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมเด็กเล็กที่ต้องอุ้มลูก ชงนม หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมจะไปนั่งแถวอื่นจะทำได้ไหม ขอโทษนะคะ ถ้าตอบแรงๆว่า คุณคิดถึงแต่ตัวเองเกินไปหรือเปล่าคะ สิทธิมันเรียกร้องได้ตามขอบเขตของกฏกติกา ไม่ได้ตามใจคนเรียกร้อง เพิ่มเติมข้อความค่ะ ไม่อยากเพิ่มความเห็นโดยไม่จำเป็น เจ้าของกระทู้ช่วยตอบหน่อยได้ไหมคะ ที่คุณรู้สึกว่าคุณควรจะได้รับการฝ่าฝืนกฏ กติกา นั้น แล้วคุณจะคิดว่าผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมเด็กเล็กที่ควรนั่งตรงนั้นควรจะต้องไปนั่งที่ไหน และด้วยเหตุผลอะไรคะ จะว่าไปแล้วผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมเด็กเล็กเสียค่าโดยสารมากกว่าผู้โดยสารอื่นนะคะ ผู้ใหญ่  1 เด็กอีก 1 แม้ว่าราคาเด็กมันจะแค่ 10 % ของราคาเต็มก็เถอะ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 23:21:21 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 22:18:51 จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 22:11:13

ความคิดเห็นที่ 38 เอาเป็นว่าให้กำลังใจ จขกท.ละกันค่ะ ขอให้หายไวๆ ว่าแต่ จขกท.อยู่จังหวัดไหนคะ ถ้าไม่รีบขึ้นรถไฟตู้นอนดีกว่าค่ะ จะได้นอนพักด้วย จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 22:12:26

ความคิดเห็นที่ 39   ต้องขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ท่านนั้นด้วยครับ แล้วก็หวังว่าคุณจขกท.จะหายเร็ว ๆ นะครับ ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนครับว่าเราทุกคนต่างมีค่าครับ คุณอยากรอดเค้าก็อยากรอด ไม่ได้มีใครด้อยกว่ากันครับ ไม่มีใครควรอยู่หรือควรตาย แม้แต่นักโทษฆ่าข่มขีนเด็ก สองขวบ หากเกิดเหตุฉุกเฉินเราก็ต้องช่วยเพราะทุกคนควรต้องรอดครับ สิ่งที่เราคำนึงถึงคือเวลาเพียงหนึ่งวินาทีมีค่าเสมอและอะไรที่เป็นอันตรายหรือคิดว่าจะเป็นอันตรายเราต้องกำจัดไปให้หมดตามดุลยพินิจของเราครับ ดังนั้น จึงมีการออกแบบวิธีการหนีที่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ ตรงนี้เราคงเข้าใจตรงกันนะครับ การที่คุณได้รับการจัดที่นั่งตรงกลาง EF นั้นผมว่ามันดีมากครับ บ่อยครั้งครับที่มีผู้โดยสารเดินชนกัน ลูกเรือเข็นรถอาหารชนผู้โดยสาร ซึ่งส่วนที่ชนนั้นคือหัวเข่าครับ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงได้รับการจัดที่นั่งที่ตัว EF ครับ และการที่คุณไม่ได้รับการจัดที่นั่งหมายเลข 31 เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินตามที่หลายท่านได้ให้ความเห็นไปแล้วครับ ที่อยากเพิ่มเติมก็เพียงหนึ่งเรื่องเท่านั้นครับ นั่นก็คือหากมีการอพยพผู้โดยสารแล้วผู้โดยสารจำเป็นต้องวิ่งผ่านบริเวณที่นั่งหมายเลข 31 โอกาสที่เข่าของคุณจะโดนชนนั้นสูงมากและหากคุณเกิดมีอาการบาดเจ็บจนไม่สามารถควบคุมสติตนเองได้หรือ หมดสติไป การช่วยเหลือคุณก็จะยากขึ้นไปอีกครับ มาถึงประเด็นที่คุณว่าคุณไม่ควรรอดหรือไม่นั้น ขอตอบตรงนี้ครับว่าเพราะคุณควรรอดคุณจึงได้รับการจัดที่นั่งแบบนั้น ได้มีหลายกระทู้ด้านบนบอกไปแล้วครับว่าทำไม เพราะในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หลังจากลูกเรือตรวจดูแล้วว่าผู้โดยสารที่สามารถช่วยตัวเองได้ ได้อพยพไปหมดแล้ว ลูกเรือก็จะกอดคุณลงไป และอยู่ดูแลคุณจนปลอดภัยครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ลูกเรือต้องเอาชีวิตตัวเองผูกไว้กับคุณ และคุณเองก็เอาชีวิตของคุณผูกไว้กับลูกเรือครับ และในกรณีที่ลูกเรือช่วยคุณก่อน สิ่งที่เกิดตามมาคือ ลูกเรือกอดคุณลงไป แล้ว .... ผู้โดยสารท่านอื่น ๆ จะทำอย่างไรครับ อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ ในกรณีเรื่องของ Emergency ไม่มีข้อยกเว้นครับ เราได้รับการสอนว่าถ้าเรื่องความปลอดภัยต้องจริงจังไม่มีการพูดเล่น ถ้าเราได้บอกกล่าวแล้วแต่ผู้โดยสารไม่ปฎิบัติตามเราสามารถฟ้องร้องผู้โดยสารหรือแจ้งจับได้ครับ เพราะสิ่งใด ๆ ก็ตามที่ผู้โดยสารทำแล้วนำมาซึ่งความไม่ปลอดภัย หมายถึงชีวิตนะครับ เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุน้อยครั้งที่สุด แต่เมื่อเกิดก็รุนแรงที่สุดเช่นกัน ไม่ได้อยากก้าวร้าวนะครับ แต่บางเรื่องเราก็จำเป็นต้องดุผู้โดยสาร เช่น ลุกขึ้นยืนระหว่างเครื่องกำลังทำการขึ้นลง ดื่มมากเกินไป แต่ขอให้เข้าใจเถิดครับ ว่าทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นล้วนเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย ไม่มีใครหรอกครับอยากตะโกนใส่คนอื่นแล้วทำให้ตัวเองดูแย่ สุดท้ายนี้ครับที่คุณบอกว่าเพราะคุณไม่ปรกติใช่ไหมคุณจึงไม่ควรอยู่รอด ผมอยากให้มองอีกมุมนึงครับว่า คนปรกติล่ะครับ เค้าไม่มีสิทธิ์เหรอครับ ถ้าเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นคุณแม่ของคุณ(ซึ่งเป็นคนปรกติ)จะได้ลงก่อนครับ ในฐานะผู้ที่สามารถดูแลตนเองได้ ส่วนลูกเรือต้องอยู่ดูแลคุณ ไม่มีสิทธิ์ลงก่อนครับ ผมเขียนมาถึงตรงนี้ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าหรือแก้ตัวครับ เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องของการตีความครับ แต่จากใจจริงครับอยากเข้ามาอธิบายเท่านั้นว่าทำไม และอยากให้เข้าใจขั้นตอนการทำงานของพวกเราซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ซึ่งของทั้งสองอย่างนี้มักจะเป็นของตรงกันข้ามกันครับ และก็ขอบคุณมาก ๆ ที่คูณไว้วางใจให้เราดูแลคุณมาโดยตลอดครับ หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะครับ และหากมีถ้อยคำหรือข้อความใดทำให้คุณไม่สบายใจหรือไม่พอใจ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยครับ อีกครั้งครับหายไว ๆ นะครับ จากคุณ : No.9 เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 22:27:20 A:124.122.111.27 X: TicketID:239193

ความคิดเห็นที่ 40   สรุปจาก คห 36 คือ จขกท "ขอฝืนกฎระเบียบตามแมนนวลเพื่อลดความทรมานตลอดการเดินทาง" ไม่ได้ เลยงอน รู้สึกว่ายังไม่ค่อยเข้าใจ ลองอ่าน คห 37 ดูนะครับ ผมว่าตรงประเด็น จากคุณ : ไปก่อนละ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 22:48:15 A:61.90.18.111 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ No.9 ขอบคุณสำหรับคำอวยพรและความเข้าใจผู้โดยสารอย่างเราค่ะ เราเข้าใจและทราบซึ้งในความปราถนาดีของคุณค่ะ และเราก็ตั้งใจจะใช้บริการของสายการบินนี้ต่อไปค่ะ จากคุณ : napper_zz (napper_zz) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 23:02:27

ความคิดเห็นที่ 42 ผมคิดว่าคุณ จขกท. เข้าใจในกฏระเบียบและไม่ได้เรียกร้องอะไรเกินกว่าเหตุนะครับ หรืออาจจะมีการเรียกร้อง แต่เมื่อได้รับการบอกเล่าชี้แจงถึงกฏระเบียบ คุณ จขกท. ก็เข้าใจและไม่ได้โต้แย้งตรงนั้น แต่คุณ จขกท. คงติดใจคำพูดของพนักงานอันนี้มากกว่านะครับ "ที่นั่งที่น้องต้องการ  เป็นที่สำหรับเด็กหรือแม่ลูกอ่อนที่เค้ามีทรัพย์ศฤงคารจำพวก ตะกร้าผ้าอ้อมขวดนมเยอะๆ น้องเข้าใจมั้ยค่ะ อีกอย่างถ้าน้องนั่งตรงนั้นมันใกล้ประตูทางออก เวลามีเหตุฉุกเฉิน น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้ น้องจะไปบล๊อกทางเดินของคนอื่นเค้า ทำให้เค้าออกไม่ได้...นะค่ะ" ถ้าเป็นผมก็คงไม่รู้สึกอะไรอ่ะครับ แต่จิตใจแต่ละคน ต่างกันนะครับ บางคนทนฟังคำแรงๆ กว่านี้ได้ แต่บางคนอาจจะคิดเลยเถิดไปไกล คือผมว่า พนักงานน่าจะพูดไปในแนวทางที่เป็นแง่บวก เหมือนกับพนักงานคนแรกที่เคยอธิบายคุณ จขกท. น่ะครับ คือแจ้งให้ทราบก่อนว่าเป็นกฏ และอธิบายถึงข้อดีที่เค้าจัดที่นั่งให้คุณ จขกท. แบบนั้น และก็แจ้งถึงความจำเป็นที่ไม่สามารถให้คุณไปนั่งที่ที่คุณต้องการได้ โดยไม่พยายามที่พูดเหมือนกับโทษว่าเป็นความผิดของคุณ จขกท. น่ะครับ มันคงอยู่ที่วิธีการพูดแหละครับ แต่ผมไม่คิดว่า พนักงานคนนั้นจะใจร้ายอะไรกับคุณนะครับ ให้อภัยกันไว้เถิดครับ ถ้ามันไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป ชีวิตเรา มีเรื่องที่ขัดแย้งระหว่างบุคคลที่เราต้องประสบอีกเยอะครับ และมันจะยิ่งกว่านี้อีก ถ้าเราเก็บมาคิดทั้งหมด สมองระเบิดครับ จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 23:05:11

ความคิดเห็นที่ 43 อีกอย่างนึง ในเมื่อตัวคุณเองมีข้อจำกัดในการนั่งเครื่องบิน ขอแนะนำให้ครั้งต่อไป คุณคงต้องเลือกจองที่นั่งแบบ business class หรือที่นั่งที่สบายขึ้น มีที่วางขาได้ยาว แต่ก็ต้องแลกกับราคาที่แพงขึ้น เพราะเป็นความจำเป็นของตัวคุณเองอ่ะครับ ในเมื่อกฏมันยกเว้นให้คุณไม่ได้ คุณก็คงต้องปรับตัวครับ จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 23:08:34

ความคิดเห็นที่ 44   อ่านมาแล้ว....เกิดความสงสัย......ขอถามบ้างได้ไหม? สงสัยว่าที่นั่งบริเวณแถว 31 นั้นเป็นกฏของการบินดังที่ว่าไว้...ว่าในบริเวณทางออกฉุกเฉินจะจำเป็นต้องให้คนที่สามารถให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ ดังนั้นต่อให้เกิดการผิดพลาดจากกราวที่ให้ผู้โดยสารขึ้นมานั่งแล้ว อยู่ในข่ายที่ไม่สามารถนั่งทางออกฉุกเฉินได้ เช่น คนท้อง คนพิการ พระสงฆ์ และอื่นๆลูกเรือก็ต้องย้ายผู้โดยสารเหล่านี้ออกไป แต่.....ได้จัดให้บริเวณนี้เป็นที่ไว้สำหรับติดตั้งเปลเด็กเล็ก และผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมเด็กเล็ก ไม่ใช่ที่สำหรับไว้ wheel chair >>>>>> เอ่อ...สงสัยเฉยๆนะขอรับ...ไม่ได้จะเกรียน....คือ..งงอ่ะ...ว่า..เด็กเล็กนี่ตีความหมายว่าช่วยเหลือตัวเองได้แล้วหรือ??....และเปลเด็กเล็กจะไม่เกะกะขวางทางหากเกิดเหตุฉุกเฉิน??? ขอท่านผู้รู้ช่วยไขข้อสงสัยหน่อยน้าาาาาาา จากคุณ : คนเดินทาง เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 01:45:52 A:202.12.73.6 X: TicketID:013940

ความคิดเห็นที่ 45 DEFG ไม่นับเพราะเราต้องการ ผู้โดยสาร ABJKช่วยลำเลียงผู้โดยสารค่ะ ท่านอื่นที่ว่างรบกวนตอบข้อสงสัยนี้ต่อนะคะ วันนี้เราปวดหลังนั่งนานไม่ได้ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ปากกาลูกลื่น เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 02:04:58

ความคิดเห็นที่ 46   ที่นั่งที่กันไว้ให้ผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมเด็กเล็ก คือ lot กลาง ส่วน lot ริม 2 ข้างบริเวณทางออกฉุกเฉิน ถ้าถือเคร่งครัด ก็กันไว้ให้ผู้โดยสารที่มีวี่แววว่าจะสามารถดำเนินการต่าง ๆ ในกรณีฉุกเฉินได้ ส่วนจะเป็นแถว 31 หรือไม่ ก็ขึ้นกับรุ่นของเครื่องบิน จากคุณ : ไม่น่าเข้าใจยาก เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 02:24:28 A:61.90.18.111 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 47   ^ ^ ^ ขอบคุณสำหรับคำตอบ ขอโทษที่เข้าใจยาก จากคุณ : คนเดินทาง เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 03:10:06 A:202.12.73.6 X: TicketID:013940

ความคิดเห็นที่ 48   พอดีเห็นกระทู้เป็นกรณีน่าสนใจ...เลยเข้ามาอ่านดู เมื่ออ่านแล้ว..ก็มีความสงสัยในบางประการ....จึงได้ถามออกไป ต้องขอขอบคุณท่านข้างบนด้วย....ที่ต้องทำให้ท่านเสียสละเวลาอันมีค่าขอองท่านมาอธิบาย ให้คนบ้านยากจน ไม่เคยเดินทางทางเครื่องบิน เลยหาความรู้ทางอินเตอร์เน็ต จินตนาการเอาเผื่อว่าสักวันจะได้มีโอกาสขึ้นเครื่องบินกับเค้า้บ้าง.....ได้มีความรู้ไว้ประดับที่คั่นหูซ้่ายขวา จากคุณ : ขอโทษที่เกิดมาไม่ฉลาด เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 03:23:51 A:202.12.73.6 X: TicketID:013940

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านกระทู้นี้ทำให้รู้เรื่องการรีเควสที่นั่งบนเครื่องบินมากขึ้น จากคุณ : เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 05:35:03

ความคิดเห็นที่ 50 ผมบอกแล้วเรื่องเกี่ยวกับ safety นี่อธิบายให้คนอื่นยอมรับและเข้าใจยากมากกกกกกกกกกกกกกกก  อธิบายให้เข้าว่ายากแล้วแต่จะให้ปฎิบัติตามยิ่งยากกว่าหลายเท่า จากคุณ : okus เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 10:41:53

ความคิดเห็นที่ 51 ได้นั่งแถวหน้าสุดบ่อยๆ แสดงว่ากราวนด์เห็นเราแล้ววางใจว่าจะเปิดประตูยามฉุกเฉินได้สินะ ( T_T ) จากคุณ : ว่านน้ำ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 18:13:22

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านแล้วรู้สึกว่า การสนทนากับบุคลอื่นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ และมีความจำเป็นที่พนักงานในฐานะผู้ให้บริการจะะต้องพยายามทำความเข้าใจมากๆ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ก็ควรทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายใจ และเ้ข้าใจในความจำเป็น หากเห็นว่าผู้โดยสารไม่พอใจ ควรขอโทษ และหาทางประนีประนอมกับผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม เงินยังชีพในแต่ละเดือนก็คืือเงินจากผู้โดยสาร เพราะฉะนั้น การทำให้ผู้โดยสารเกิดความพึงพอใจ คือความสำเร็จของการบริการที่แท้จริง จากคุณ : วันที่อ่อนไหว... เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:54:45

ความคิดเห็นที่ 53 จขกท ขอเข้ามาตอบคำถามของคุณ Alone with out lonely     การที่เราเลือกการบินกลับแทนที่จะนั่งรถหรือรถไฟกลับ เพราะจังหวัดที่เราอยู่ ใช้ระยะเวลาเดินทางทางรถยนต์จากรุงเทพไปเป็นเวลาประมาณ 14 ชั่วโมง ครั้นจะโบกแท๊กซี่กลับ ก็เกรงว่าจะเดี้ยงซะก่อนจะถึงบ้าน อีกทั้งเรามีกันอยู่สองคนกับแม่ แม่เราคงขับรถระยะทางไกลขนาดนี้ไม่ได้แน่นอน   ส่วนรถไฟ คุณคงรู้ดีนะค่ะ ว่าตอนนี้สายใต้ก็เกือบจะเป็นอัมพาตเหมือน จขกท นี่แหละค่ะ หรือคุณจะให้เราเดินทางโดยรถไฟแล้วต่อรถไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงบ้านละค่ะ และที่เรากล้าเสี่ยงที่จะจองชั้น eco ก็เพราะว่าเราได้ปรึกษากับ พนง ที่รับจองแล้ว และ พนง ท่านนั้น ยังได้นำเคสของเราไปปรึกษากับแพทย์ของสายการบินเรียบร้อยแล้วว่าสามารถเดินทางได้ และเราเองก็ไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่า ณ.วันนั้น เราจะเจ็บแผลมากขนาดจนไม่สามารถจะนั่งงอเข่าได้ อาจจะเป็นเพราะเราเชื่อมั่นในศักยภาพของการบริการและเชื่อมั่นว่าคุณจะช่วยแก้สถานการณ์ฉุกเฉินของเราได้ จึงไม่ได้คิดจะจองชั้นธุรกิจ จนมารู้ว่าคิดผิดเมื่อถึงวันเดินทางจริง     เราคิดว่าใบรับรองแพทย์ที่เรานำมา ไม่ใช้ใบเบิกทางเพื่อจะให้เรามีสิทธิการต่อรองด้านการบริการ หรือจะสามารถทำให้เราเรียกร้องอะไรได้มากกว่าผู้โดยสารคนอื่นๆหรอกนะค่ะ แต่คิดว่า มันอาจจะมีประโยชน์ในการสร้างความเข้าใจ หากเกิดกรณีขัดข้องเช่นการย้ายที่นั่งฉุกเฉิน หากขึ้นบนเครื่อง หรือการปฐมพยาบาล    เราเองเคารพกฎและกติกาเสมอค่ะ ครั้งแรกๆที่เดินทาง อาจจะร้องขอนั่งที่ริมหน้าต่างด้วยความไม่รู้ แต่ครั้งนี้ ที่ร้องขอ เพราะว่าไม่สามารถจะนั่งได้เลยจริงๆ ไม่ได้อยากนั่งสบาย แต่มันทรมานถ้าต้องนั่งด้วยก้นแค่ซีกเดียวเพื่อที่จะยืดขาขาข้างซ้ายไปทางด้านข้างมากกว่าจะไปด้านหน้า ตัวเราคงต้องเอียงไปทางผู้โดยสารท่านอื่น หรือไปทางแม่ของเรา เราขอแค่ตรงไหนก็ได้ ที่สามารถจะวางขาได้ ซึ่งเราไม่ได้เรียกร้องว่าจะต้องเป็นแถว 31ริมซ้ายหรือขวา แต่จะเป็นตรงกลาง หรือตรงไหนก็ได้ที่จะกรุณามอบให้คนที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาเพียงแค่ที่นั่งเดียว    และถ้าเราเป็นคนคิดถึงแต่ตัวเอง เรียกร้องเกินขอบเขตของกติกา เราคงไม่ยอมเมื่อเห็น พนง บนเครื่อง ให้เด็กปกติอายุ 12 ปีเดินทางคนเดียวเลื่อนคลาสจากชั้นประหยัดไปชั้นธุรกิจเพื่อสะดวกแก่การดูแล หรือดูแลผู้โดยสารท่านใดท่านหนึ่งเป็นพิเศษ หรือมีการจัดให้ย้ายที่นั่ง ทั้งที่มีคนอื่นๆที่สมควรจะได้รับการดูแลเช่นกัน และทั้งๆที่ เราจ่ายเงินเหมือนกัน ซื้อในคลาสเดียวกันแต่ที่ไม่มีใครออกมาโวยวาย เพราะทุกคนเข้าใจ และเราคิดว่า ถ้าสภาพของเราคงทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นเข้าใจได้เหมือนกัน และเราอยากจะถามคุณกลับเหมือนกันว่า "ถ้ามีเคสเหมือนเราคือ จองชั้นประหยัดมาแล้ว วันเดินทางเกิดเจ็บจนนั่งไม่ได้  คุณจะมองมันว่า เป็นความต้องการนอกเหนือกฎกติกา หรือมันคิอความจำเป็นค่ะ "   ถ้าคุณบอกว่ามันคือความต้องการตามใจตัวเอง นอกเหนือกฎกติกา และฝ่าฝืนกฎด้านความปลอดภัย ครั้งหน้า เราอาจจะไม่ยอม ถ้าเห็นใครทำแบบเรา และเราจะร้องเรียนทันทีโดยอ้างอิงข้อความของคุณค่ะ   เราเองเป็นแค่คนธรรมดาที่ต้องใช้การเดินทางเพื่อไปรักษาตัว ไม่ได้คิดว่าตัวเองควรจะได้รับการฝ่าฝืนกฎมากกว่าคนอื่นๆ ไม่ว่าจะในแง่ไหน เพียงแต่ขอแค่ความเข้าใจและเห็นใจ จาก พนง ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นนางฟ้าก็เท่านั้น  สุดท้ายนี้เราเองก็อยากจะบอกว่า เราไม่ได้รับประโยชน์ใดๆเลย จากการเข้ามาตั้งกระทู้นี้ แล้วถ้าเราเห็นแก่ตัวขนาดนั้น ก็คงไม่มีความจำเป็นอะไรใหญ่เลย ที่จะเข้ามาเพื่อตอบคำถามของคุณ เพราะเราเอง ก็ได้ละเมิดกฎกติกาในสายตาของคุณ โดยการขอเปลี่ยนที่นั่งได้ และได้เปลี่ยนที่นั่งเรียบร้อยสมใจแล้ว  แล้วถ้าเราเป็นพวกอยากจะเข้ามาด่าให้เสียชื่อเสียงให้สะใจเฉยๆ เราคงไม่ใช้ชื่อล๊อกอินหรอกค่ะ ใช้บัตรผ่านเข้ามาประณามแล้วจากไป ยังจะสะใจกว่า เรารู้ดีค่ะ ว่าเงินค่าเดินทางของเราเพียงแค่สองพันกว่าบาท ไม่สามารถจะทำให้สายการบินของคุณเจ๊งได้ แต่เราให้ความสำคัญด้านความรู้สึก และความประทับใจค่ะ แล้วเราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนไปใช้บริการสายการบินอื่น ทั้งๆที่ได้ยินแง่ลบของที่นี่มามากมาย จนถึงครั้งนี้ ที่ได้เจอกับตัวเอง ไม่คิดจะเปลี่ยนก็เพราะความศรัทธาและความประทับใจในการบริการด้วยความเข้าใจผู้โดยสารของพนักงานส่วนใหญ่ ถึงแม้วันนี้จะต้องเจอส่วนน้อยก็ตาม แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 00:24:21 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 23:54:18 จากคุณ : napper_zz (napper_zz) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:38:58

ความคิดเห็นที่ 54 คุณโพสว่ามาตอบคำถามดิฉัน ดิฉันก็จะตอบคุณตามที่คุณตอบค่ะ การที่เราเลือกการบินกลับแทนที่จะนั่งรถหรือรถไฟกลับ ไม่ได้ถามคุณค่ะแต่บอกว่าคุณมีสิทธิ์เลือกการเดินทางที่เหมาะสมและสะดวกกับคุณได้ตามอัตภาพและความพอใจ ถ้าคุณไม่พอใจที่จะใช้รถหรือรถไฟ แล้วเลือกการเดินทางโดยเครื่องบินมันเป็นสิ่งที่คุณเลือกแต่ต้องอยู่ในกฏ กติกาค่ะ ส่วนรถไฟ คุณคงรู้ดีนะค่ะ ว่าตอนนี้สายใต้ก็เกือบจะเป็นอัมพาตเหมือน จขกท นี่แหละค่ะ หรือคุณจะให้เราเดินทางโดยรถไฟแล้วต่อรถไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงบ้านละค่ะ และที่เรากล้าเสี่ยงที่จะจองชั้น eco ก็เพราะว่าเราได้ปรึกษากับ พนง ที่รับจองแล้ว และ พนง ท่านนั้น ยังได้นำเคสของเราไปปรึกษากับแพทย์ของสายการบินเรียบร้อยแล้วว่าสามารถเดินทางได้ และเราเองก็ไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่า ณ.วันนั้น เราจะเจ็บแผลมากขนาดจนไม่สามารถจะนั่งงอเข่าได้ อาจจะเป็นเพราะเราเชื่อมั่นในศักยภาพของการบริการและเชื่อมั่นว่าคุณจะช่วยแก้สถานการณ์ฉุกเฉินของเราได้ จึงไม่ได้คิดจะจองชั้นธุรกิจ จนมารู้ว่าคิดผิดเมื่อถึงวันเดินทางจริง ถ้าคุณรู้สึกว่าคิดผิดเมื่อถึงวันเดินทางจริง คุณสามารถจะขอเปลี่ยนตัวเป้นชั้นธุรกิจได้ในวันนั้นค่ะ นอกจากว่าคุณตั้งใจจะเดินทางด้วยชั้นประหยัดแต่คาดหวังว่าจะได้รับบริการพิเศษหรือได้อัพเกรดโดยไม่ต้องเสียเงิน เมื่อไม่ได้จึงเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง  เราคิดว่าใบรับรองแพทย์ที่เรานำมา ไม่ใช้ใบเบิกทางเพื่อจะให้เรามีสิทธิการต่อรองด้านการบริการ หรือจะสามารถทำให้เราเรียกร้องอะไรได้มากกว่าผู้โดยสารคนอื่นๆหรอกนะค่ะ แต่คิดว่า มันอาจจะมีประโยชน์ในการสร้างความเข้าใจ หากเกิดกรณีขัดข้องเช่นการย้ายที่นั่งฉุกเฉิน หากขึ้นบนเครื่อง หรือการปฐมพยาบาล แต่สิ่งที่คุณโพสไว้ แต่เค้าไม่สนใจ ไม่รับ ถามเราว่ามีใบรับรองแพทย์ หรือผลการรักษาหรือปล่าว เราจึงหยิบส่งให้เค้าดูทั้งหมด ในนั้นหมอระบุมาชัดเจนว่า คนไข้ไม่สามารถงอเข่าได้มากนัก เพราะยังเจ็บแผลอยู่ เราเองก็ไม่รู้ว่าเค้าจะมองเห็นรึป่าว แต่ตั๋วที่เค้าออกให้เรามาเป็นที่นั่งในแถวที่ 33E,33F (ของเราและแม่) เราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งๆที่ เค้าเห็นสภาพของเรานั่งอยู่บนวิลแชร์ หดขาเพื่อให้ตั้งบนที่วางเท้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ยังจะให้เรานั่งแถว33 เราพยามบอกเคาว่า เราเจ็บแผล หดขาไม่ได้ แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่ฟัง พนักงานภาคพื้นหน้าตาดีคนนึงเข้ามาบอกเราว่า "น้องก็ต้องนั่ง ยืดขาไปทางคุณแม่นิดนึง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะค่ะ"   เรากลับมานั่งปรึกษากับคุณแม่ จนได้คำตอบว่าเรานั่งไม่ได้ คุณแม่จึงไปขอเปลี่ยนที่นั่ง แต่พนักงานคนเดิมหายไปแล้ว จึงแจ้งกับกับอีกท่านนึงแทน พนักงานภาคพื้นคนเดิมกลับมาและบอกว่าแถว 31 มีผู้โดยสารเด็กนั่งจนเต็มแล้ว และพูคคำพูดเดิมอีกครั้ง จนแม่ของเราเริ่มฉุน บอกเค้าไปว่า พี่ให้ลูกพี่นั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ ถ้าน้องไม่เปลี่ยนให้ แต่ถ้าคนข้างหน้าพิงเก้าอี้มาโดนขาลูกพี่ เป็นเรื่องนะค่ะ แล้วพี่ไม่ยอมด้วย...ลูกพี่สูง 169 น้องจะให้เค้านั่งหดขาทั้งที่มีแผลผ่าตัดหรอค่ะ?... คุณรู้ไหมคะ สิ่งที่คุณแม่คุณพูดนี่ประเมินได้ว่าการเดินทางโดยเครื่องบินครั้งนี้อาจไม่ปลอดภัยต่อตัวคุณ สายการบินมีสิทธิ์จะไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่องได้นะคะ และถ้าเราเป็นคนคิดถึงแต่ตัวเอง เรียกร้องเกินขอบเขตของกติกา เราคงไม่ยอมเมื่อเห็น พนง บนเครื่อง ให้เด็กปกติอายุ 12 ปีเดินทางคนเดียวเลื่อนคลาสจากชั้นประหยัดไปชั้นธุรกิจเพื่อสะดวกแก่การดูแล ทั้งๆที่ เราจ่ายเงินเหมือนกัน ซื้อในคลาสเดียวกันแต่ที่ไม่มีใครออกมาโวยวาย เพราะทุกคนเข้าใจ และเราคิดว่า ถ้าสภาพของเราคงทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นเข้าใจได้เหมือนกัน และเราอยากจะถามคุณกลับเหมือนกันว่า "ถ้ามีเคสเหมือนเราคือ จองชั้นประหยัดมาแล้ว วันเดินทางเกิดเจ็บจนนั่งไม่ได้  คุณจะมองมันว่า เป็นความต้องการนอกเหนือกฎกติกา หรือมันคิอความจำเป็นค่ะ " คำตอบคุณตรงนี้เป็นไปตามที่ดิฉันกล่าวไว้ข้างบนที่ว่าทำไม่ถึงไม่เปลี่ยนไปเป็นชั้นธุรกิจ คุณรู้ไหมว่าการอัพเกรดคลาสมีกฏ กติกาอย่างไรบ้างและให้สิทธิ์ผู้โดยสารหรือสมาชิกแบบไหนบ้าง คุณแค่เห็นว่ามีการอัพเกรดและคุณก็คิดก็เข้าใจด้วยความรู้ที่คุณมีและตัดสินไปแล้วว่าเด็กถูกอัพเกรดเพื่อสะดวกในการดูแล แต่เท่าที่เดินทางบ่อยมีเด็กเดินทางคนเดียวที่ไม่ได้อัพเกรดก็ยังนั่งอยู่ที่ชั้นประหยัด  ที่บอกว่าคนอื่นเขาไม่โวย ก็เพราะเขารู้ กฏ กติกาไงคะ และการอัพเกรดเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ผู้โดยสารไม่มีสิทธิ์ร้องขอหรือโต้แย้งค่ะ ถ้าไม่รู้จะบอกให้รู้ตรงนี้ไว้ว่า การอัพเกรดผู้โดยสาร สมาชิกบัตรทอง ROP จะได้รับสิทธิ์ ก่อนตามด้วยบัตรเงิน และสมาชิกบัตรทอง ROP เองมีสิทธิ์ขออัพเกรดได้ตั้งแต่ก่อนเชคอินได้ปีละ 1-2 ครั้งขึ้นอยู่กับความถี่ของการบินแต่ละคน การอัพเกรดไม่ใช่ความสมัครใจของผู้โดยสารที่จะยอมให้สายการบินอัพเกรดใครเพราะซื้อตั๋วมาเหมือนกัน แล้วคุณรู้ไหมคะว่าที่นั่งชั้นเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าซื้อตั๋วมาในราคาเท่านั้น บางคนซื้อตั๋วปีราคาเต็มซึ่งอาจมีราคาสูงกว่าผู้โดยสารที่ซื้อตํ่วราคาพิเศษมาเป็น 2-3 เท่า แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 00:48:21 จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:30:07

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้ามีเคสเหมือนเราคือ จองชั้นประหยัดมาแล้ว วันเดินทางเกิดเจ็บจนนั่งไม่ได้  คุณจะมองมันว่า เป็นความต้องการนอกเหนือกฎกติกา หรือมันคิอความจำเป็นค่ะ แล้วถ้าคุณไปนั่งชั้นบิสิเนสแล้วขามันยังเหยียดไม่ได้พอนี่สายการบินต้องอัพเกรดให้คุณไปนั่งที่ชั้นหนึ่งไหมคะ แต่ถึงคุณจะอยากก้ไม่ใช่หน้าทีหรือความรับผิดชอบของสายการบินต้องทำค่ะ ถ้าผู้โดยสารมีการบาดเจ็บจนคาดว่าจะเกิดอันตรายในระหว่างเดินทาง สายการบินมีสิทธิ์จะปฏิเสธที่จะทำการเชคอินให้เดินทาง ไม่ใช่ความจำเป็นของสายการบินที่ต้องบริการพิเศษค่ะ คุณไม่ตอบคำถามที่ดิฉันถามเลยค่ะ คุณชี้แจงมากมายเรื่องความจำเป็นของคุณ ช่วยตอบคำถามทีว่าถ้าสายการบินต้องทำตามความประสงค์ที่คุณอ้างความจำเป็นแล้วคุณจะให้ผู้โดยสารที่ต้องนั่งที่นั่งที่คุณต้องการไปนั่งตรงไหนคะ ตรงไหนที่มีที่ติดแปลเด็ก ตรงไหนที่ผู้โดยสารจะสะดวกในการชงนมเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือตรงไหนที่สะดวกในการดูแลเด็กที่ร้องจากการปวดหูในช่วงเครื่องบินขึ้นลง ตอบคำถามนี้หน่อยสิคะว่าจะให้นั่งตรงไหน ส่วนที่คุณบอกว่าคุณไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการตั้งกระทู้นี้ คุณตั้งกระทู้นี้เพราะความผิดหวังอย่างรุนแรงที่เกิดจากความคาดหวังของคุณที่ไม่ได้มีข้อมูลเพียงพอในเรื่องกฏ กติกา ของการเดินทางที่คุณใช้อยู่ และหลายคนๆก็เข้าใจว่าการมาตั้งกระทู้ร้องเรียนหรือแฉ แล้วจะได้รับความสนใจเห้นใจ แต่ในความเป็นจริงก็คือมันไม่ใช่ทุกเรื่องมันขึ้นอยู่กับเหตุผลและกฏ กติกาที่ถูกต้อง เมื่อมาตั้งกระทู้แล้วก็ได้รับความเห็นที่มาในทางเดียวกันในเรื่องกฏ กติกาที่คุณไม่รู้มันเลยไหลไปแบบนี้ คิดอะไรเข้าอย่างไรโพสมาเลยค่ะ คนที่เข้ารู้ข้อมูลเขาจะได้มาบอกให้ทราบ จะได้ไม่เกิดกรณีผิดหวังจากความคาดหวังแบบนี้อีกต่อไป แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 00:44:06 จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:41:47

ความคิดเห็นที่ 57 ดิฉันเข้ามาตอบกระทู้คุณแตกต่างกว่าคนอื่นไม่ได้เพื่อความสะใจ แต่เนื่องด้วยสภาพของตัวเองจะเรียกว่าพิการก็ได้เพระาไม่ได้มีสมรรถภาพ 100 % เทียบเท่ากับคนปกติ เรียกได้ว่าเข้าใจความรู้สึกของคนกลุ่มนี้ดี แต่ดิฉันคิดเหมือนกับคนพิการส่วนใหญ่ที่อาจมองต่างกับคุณ คนพิการก็คือคนๆหนึ่ง เขาต้องการการยอมรับในความเป็นคนของเขาเขาต้องการความสะดวกที่จะช่วยให้เขาดำเนินชีวิตตามปกติได้แต่เขาไม่ได้ใช้ความพิการของเขามาเรียกร้องสิทธิพิเศษใดๆ ดิฉันมีปัญหาข้อเข่าแต่ไม่เคยเอาปัญหาของตัวเองมาเรียกร้องสิทธิ์มากกว่าสิทธิปกติ ไม่โหลดกระเป๋าแล้วเจอเที่ยวบินที่ต้องไม่ได้จอดหลุมจอด ต้องแบกกระเป๋าขึันลงบันไดไม่เคยโวยวาย ทำเอง เดินได้ช้ากว่าเขาก็ค่อยๆเดิน ก่อนเดินทางเวลาเตรียมกระเป่๋าก็ต้องดูตามกำลังของสังขารไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องไปพึ่งพาใครเอาข้างหน้า และเป็นคนที่ขอที่นั่งแถว 31 เป็นประจำและเจอเรื่องกฏ กติกา ตรงนี้มาเหมือนกันถึงได้มาแสดงความเห็นตรงนี้ ถ้าคุณจะใช้บริการสายการบิน คุณต้องเคารพ กฏความปลอดภัย ไม่ใช่เอาแต่ความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วก่อนจะตัดสินหรือเข้าใจอะไรแล้วเอาไปสร้างความคาดหวัง หาข้อมูลซะก่อนว่ามันมีกฏ กติกา ที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าไม่รู้ถามได ถามเจ้าหน้าสายการบิน ถ้ายังไม่เชื่อแม้แต่เข้ามาถามในเวปบอร์ดสาธาณะก็มีคนรู็มาตอบให้ แต่ถ้าคุณเลือกจะไม่ถามแล้วคิดเอง เข้าใจเอง สร้างความคาดหวังขึ้นแล้วมันไม่ได้ อยากจะประกาศความผิดหวังให้คนอื่นร่วมความรู้สึกด้วย แล้วเหตุการณ์มันกลับตรงกันข้ามแบบนี้อีก คุณก็ต้องรับไปเองค่ะ สายการบินไม่ได้รับบริการคนป่วย หรือคนที่มีโอกาสจะเกิดอันตราย เขาถึงต้องขอใบรับรองแพทย์มายืนยันว่าอาการสามารถจะเดินทางได้ถึงจะให้ขึ้นเครื่อง แม้ว่าคุณจะมีใบรับรองแพทย์ว่าคุณสามารถเดินทางแต่คุณรู้สึกว่ายังไม่สะดวกสบายพอจะเดินทางสิ่งที่คุณเลือกได้คือ 1 พักรักษาตัวจนกว่าจะดีขึ้น 2 เลือกการเดินทางที่เหมาะสมและปลอดภัย เช่นใช้ รถพยาบาลหรือเครื่องบินพยาบาลที่มีบริการ ถ้าคุณจะเลือกใช้สายการบินพาณิชย์ที่ไม่ได้รับบริการผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการดูแลมากเป็นพิเศษกว่าปกติ เป็นดุลพินิจของสายการบินที่จะรับหรือปฏิเสธ และคุณต้องเลือกบริการที่เหมาะสำหรับคุณ และที่สำคัญคือ ไม่สร้างความลำบากหรือเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารอื่นๆในไฟล์ท กรณีของคุณถ้าแพทย์ออกใบรับรองว่าเดินทางได้ ก็แปลว่าเดินทางได้ ถ้าเดินทางแล้วเกิดปัญหาจะมาฟ้องร้องสายการบินไม่ได้ หรือถ้าคุณคิดว่าคุณยังไม่สะดวกคุณต้องซื้อบริการที่สะดวกและเหมาะสมกับคุณเองไม่ไช่ไปเรียกร้องกับสายการบิน Disable Passenger ทั่วๆไปเขาต้องการอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ช่วยให้เขาขึ้นเครื่องบินได้เช่นรถเข็นแต่เมื่อเขานั่งประจำที่แล้วเขาช่วยเหลือตัวเองและทำกิจกรรมได้เช่นเดียวกับคนปกติ ยังไม่เคยเห็น Disable Passenger เรียกร้อง วุ่นวายมากกว่าคนปกติในไฟล์ทซักที จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 01:21:04

ความคิดเห็นที่ 58 ความคิดเห็นที่ 56 แม้แต่จะดูหมายเลขจองยังไม่ดูเลย ขอแค่ใบรับรองแพทย์ รหัสบัตรเครดิตแล้วออกตั๋วทันที ก็การเชคอินมันไม่ต้องใช้หมายเลขจองก็หาเจอแล้วทำไมเขาต้องสนใจด้วยล่ะ เชคอินทุกทีไม่เคยบอกหมายเลขเลยยื่นบัตร ROP กับ บัตรเครดิตทุกทีต้องบอกอะไรอีก เขาขอดูใบรับรองแพทย์ก็ถูกแล้วไงเพราะถ้าไม่มียืนยันว่าปลอดภัยพอจะให้ขึ้นเครื่องขึ้นเขาก็ไม่เชคอินให้เท่านั้นเอง แสดงความเห็นมาก็ตั้งหลายคนแล้วทำไมมันเข้าใจยากจัง อย่ามาโยนความผิดให้คนอื่นเพื่อทางลงค่ะ ดิฉันเป็นผู้โดยสารที่มีความบกพร่องของร่างกายไม่ใช่คนของสายการบิน และไม่ได้มองใครในแง่ร้าย การเข้าใจผิดเพราะความไม่รู้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด มันเป็นเรื่องปกติ เมื่อรู้แล้วเข้าใจถูกแล้วก็จบ แต่ถ้าเข้าใจผิดแล้วมีข้อมูลที่ถูกต้องมาให้แล้วยังแถไปเรื่อยๆและยังยึดความต้องการของตัวเองโดยไม่สนใจเหตุผล กฏ กติกา อย่างนี้เรียกเกินจะเยียวยาค่ะ สายการบินพาณิชย์ มีลูกค้าอยู่ 2 แบบค่ะ Passenger  กับ Disable Passenger  ไม่ได้รับบริการ Patient ถ้ามีปัญหาก็ต้องมีใบรับรองแพทย์มาว่าอาการที่เป็นอยู่นั้นยังเป็น Passenger  กับ Disable Passenger  ไม่ได้ถึงขั้น Paient เมื่อเป็น Passenger  กับ Disable Passenger  ก็ต้องเคารพกฏ กติกา การให้บริการสำหรับ Passenger  กับ Disable Passenger   สำหรับตัวดิฉันแม้จะมีความผิดปกติแต่ยังช่วยเหลือตัวเองได้และยังคิดว่าตัวเองยังเป็นแค่ Passenger  ก็ขอรับบริการในฐานะ Passenger  เมื่อไหร่อาการแย่ลงจนเข้าขั้น Disable Passenger  ก็จะรับบริการในแบบ Disable Passenger   ถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่างหรือเกิดกลายเป็น Patinet ขึ้นมาจะใช้บริการที่เขามีไว้สำหรับ patientค่ะ ว่าแต่ยังไงก็ไม่ตอบคำถามดิฉันหรือคะ ถามอีกทีก็ได้ คุณต้องการจะนั่ง 31 EF ให้ได้แล้วจะให้ผู้โดยสารที่มีเด็กเขากระเตงลูกเขาไปนั่งตรงไหนคะ สำหรับดิฉันเวลาเดินทางต้องการนั่งสบายๆเหยียดขาได้เหมือนกันเพราะนั่งงอเข่านานๆก็เจ็บเหมือนกัน และก็ขอก็มันจะได้บ่อยๆเพราะถือ gold card แต่ถ้าเที่ยวบินไหนพนักงานเขาบอกว่ามีผู้โดยสารเดินทางพร้อมเด็กเล็กในไฟล์ท ดิฉันก็นั่งที่อื่นได้ค่ะไม่ถึงขั้นจะเป็นจะตายต้องนั่งแต่ตรงนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเที่ยวบินในประเทศที่นั่งแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว มันจะอะไรกันนักกันหนา แถวอื่นก็ไม่ใช่ว่ามันจะขยับขาไม่ได้แต่มันเหยียดตรงไม่ได้เท่านั้นเอง ดิฉันตัวใหญ่น้ำหนักใกล้ร้อยกิโล ยังนั่งได้เลยถ้าไม่ติดว่าฉันต้องได้ตามใจที่ต้องการ มันไม่ได้แย่จนนั่งไม่ได้หรอกค่ะ ย้ำนะคะ ถ้าคิดว่านั่งแล้วจะเกิดปัญหาหรืออาการแย่ลง อย่าใช้บริการค่ะ เขาไม่ได้จัดการบริการสำหรับ patient ไว้ค่ะ เจอกรณีนี้แล้วนึกถึงวันนี้ ไม่ซื้อของเจอทัวร์ลงคนเต็มร้านเราถือของมาต่อคิวรอจ่ายเงิน เดี๋ยวๆก็มีคนแซงคิวบอกว่าขอก่อนนะชิ้นเดียวเอง คนหนอคนเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งไม่คำนึงถึงความถูกผิด มีคนคิดเหมือนเจ้าของกระทู้สักสี่ห้าคน ไฟล์ทมันคงวุ่นวายพิลึกถ้าจะมีผู้โดยสารเรียกร้องจะนั่งตรงนั้นตรงนี้ตามใจเพราะฉันป่วย ใครจะว่าตอบกระทู้ใจร้าย ว่าได้ตามสบายนะคะ ความสุภาพมีไว้สำหรับคนที่รู้จักและเคารพเหตุผล กฏ กติกา มารยาทเท่านั้น แล้วขอบคุณล่วงหน้าที่บอกว่าถ้าเจอใครได้นั่งผิดกฏแล้วจะร้องเรียน สมควรอย่างยิ่ง ผู้โดยสารอีกเป็นร้อยบนเครื่องไม่ได้มีหน้าทีมันรับความเสี่ยงกับการไม่ปฏิบัติตามกฏ ของพนักงาน หรือความเอาแต่ใจตัวเองของผู้โดยสารเพียงคนเดียว สายการบินพาณิชย์นะคะ ไม่ใช่กองบรรเทาทุกข์ หรือมูลนิธิ แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 02:06:50 จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 01:58:38

ความคิดเห็นที่ 60 จากที่อ่านมาสรุปว่า ถ้าผมไม่สามารถงอขาได้เนื่องจากอาการเจ็บป่วย และมีเงินน้อย คือผมไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้ใช่หรือไม่ครับ (จากที่อ่านมานะครับ คือไม่มีปัญญานั่งบิสสิเนต ไม่สามารถเดินทางด้วยวิธีอื่นได้) แล้วผมจะทำยังไงล่ะ รบกวนผู้ทำงานสายการบินทุกท่านด้วยครับ เง็งชะมัด 55555 ดีนะไม่ได้ทำสายการบิน จากคุณ : jiwyeefun เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 21:40:42

ความคิดเห็นที่ 61 ตอบคุณjiwyeefun ถ้างอขาไม่ได้จริงๆ แบบเพิ่งผ่าตัดมาอะไรแบบนี้ ไม่สามารถนั่งท่าตรงแบบผู้โดยสารปกติ ได้ต้องมีใบรับรองแพทย์ อนุญาตให้เดินทางได้ และต้องซื้อ stretcher(เตียงนอนผู้ป่วย) ราคาจะเท่ากับซื้อ 3seatsในการเดินทางปกติ(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) แล้วนอนยาวไปจนปลายทางเลยครับ ทางgroundจะมีบริการwheelchair/high lift รับ-ส่งถึงเครื่องเลยครับ ^^ จากคุณ : TGfever เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 00:53:42

ความคิดเห็นที่ 62   ถ้าสภาพร่างกายของ คห 60 อยู่พ้นขอบเขตเกินวิสัยที่ทางสายการบินจะให้บริการในลักษณะของคนที่ไม่ป่วยได้ และไม่สามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้บริการพิเศษ และเดินทางโดยวิธีอื่นก็ไม่ได้ ก็อยู่บ้านหรืออยู่โรงพยาบาลเถอะครับ การให้บริการทุกอย่างมันก็มีข้อจำกัดที่จุดหนึ่งกันทั้งนั้น จากคุณ : ไม่น่าเข้าใจยาก เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:09:24 A:58.8.173.149 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 63 คุณ ไม่น่าเข้าใจยาก ID:106200 ออกความเห็นได้ตรงประเด็นดีถึงแม้บางครั้งใช้คำพูดอาจจะแรงไปบ้าง  แต่น่าจะเปลี่ยนชื่อหน่อยนะคะ แต่ชื่อ "ไม่น่าเข้าใจยาก" เราว่าแรงไป เวลาตอบใคร บางคนรู้สึกว่าตัวเองกังวลเสียความรู้สึกว่าถามอะไรไม่ฉลาดเลย เช่น คห.48 TicketID:013940 เค้าเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว น่าจะถนอมน้ำใจบางท่านสักนิดอ่ะค่ะ ปล.ชอบ คห.42 คุณ David_Kop แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 10:19:49 แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 10:17:55 จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 10:14:40

ความคิดเห็นที่ 64 จำได้ว่า  เคยเห็นผู้โดยสาร ที่ ซื้อ Stretcherมาเที่ยวบินเดียวกัน ต้องมี แพทย์ หรือ พยาบาล ตามมาบนเครื่องบินด้วย อ่ะค่ะ ...แอบได้ยิน คุณพยาบาล คุยกับ น้องแอร์ บนเครื่องบินเที่ยวนั้น.... จากคุณ : mulila เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 11:13:07

ความคิดเห็นที่ 65   ขออภัยถ้าความเห็นของผมไม่สบอารมณ์บางท่าน แต่ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ และในกรณีทั่วไป มันก็เป็นความจริงในชีวิตที่เราทุกคนต้องเผชิญ ซึ่งต้องเข้าใจและยอมรับในกติกากันบ้าง เพื่อให้สังคมดำเนินไปได้อย่างปกติสุข โดยส่วนตัวแล้ว รับไม่ค่อยได้กับคนที่คิดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แล้วให้คนอื่นต้องหันมาทำอะไรให้ตัวเองเป็นการพิเศษ ต้องระลึกเสมอว่า ในบางกรณีก็ทำได้ แต่ในหลายกรณีก็มีข้อจำกัด ซึ่งในแง่นี้ในกรณีที่ได้บริการพิเศษน่าจะดีใจและเข้าใจว่านั่นเป็นกรณี "พิเศษ" แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ "พิเศษ" กันทุกครั้ง กรณีพิเศษกับกรณีปกติมันมีความต่างกันในตัว ไม่ใช่ว่าพอไม่ได้รับบริการ "พิเศษ" (โดยจ่ายค่าบริการแบบ "ปกติ") แล้วก็ตีโพยตีพายต่อว่า เหมือนกับว่าเป็นความผิดของผู้ให้บริการ โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดต่าง ๆ ทำไมไม่คิดว่าในเมื่อตัวเองไม่สามารถดำเนินชีวิตแบบคน "ปกติ" ได้ (ชั่วคราว) ก็ต้องหาทางแก้ปัญหาไปโดยตัวเอง (จะเช่ารถพยาบาลรับส่ง หรือจะปรับตารางชีวิต หรือ ฯลฯ ก็ว่ากันไป) การเอาปัญหาใส่คนอื่น ซึ่งพอเขาทำให้ไม่ได้ ก็ยกให้เป็นความบกพร่องของอีกฝ่าย อย่างนี้เป็นทัศนคติที่สมควรแก้ไข พูดง่าย ๆ รำคาญพวกจอมยื้อน่ะครับ ขอกราบลา จากคุณ : บัตรผ่านไปผ่านมา เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 12:51:32 A:161.200.255.162 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 66 อันนี้ดิฉันไม่ได้ว่าเกี่ยวกับ จขกท.ค่ะ เกี่ยวกับ คห.48 ต่างหาก คุณคอมเม้นต์ตรงๆ แต่บางคนเค้าไม่เคยขึ้นเครื่องเลยอ่ะค่ะ เลยถามอะไรที่อาจไม่ Make Sense เพราะขาดประสบการณ์หรือความเห็นอาจขัดใจคุณบ้าง ดิฉันอ่านเฉยๆ ยังรู้สึกว่าตัวเองถามอะไรไม่ฉลาดแทนเลย ชอบ คห.คุณนะ แต่ไม่ชอบบางถ้อยคำที่คุณใช้ คิดว่าแรงไปค่ะ ----------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 48     พอดีเห็นกระทู้เป็นกรณีน่าสนใจ...เลยเข้ามาอ่านดู เมื่ออ่านแล้ว..ก็มีความสงสัยในบางประการ....จึงได้ถามออกไป ต้องขอขอบคุณท่านข้างบนด้วย....ที่ต้องทำให้ท่านเสียสละเวลาอันมีค่าขอองท่านมาอธิบาย ให้คนบ้านยากจน ไม่เคยเดินทางทางเครื่องบิน เลยหาความรู้ทางอินเตอร์เน็ต จินตนาการเอาเผื่อว่าสักวันจะได้มีโอกาสขึ้นเครื่องบินกับเค้า้บ้าง.....ได้มีความรู้ไว้ประดับที่คั่นหูซ้่ายขวา จากคุณ : ขอโทษที่เกิดมาไม่ฉลาด   จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 21:28:33

ความคิดเห็นที่ 67 ผมว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ข้อบังคับต่าง ๆ แต่มันอยู่ที่คนที่ไม่มีใจในการบริการต่างหาก ถ้าอธิบายด้วยจิตใจที่พร้อมทำงานด้านบริการคงไม่เกิดปัญหาอย่างนี้หรอกค่ะ(ครับ)คุณ จากคุณ : ม่วนหลาย เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 20:13:40

ความคิดเห็นที่ 68 เวลาพนักงานภาคพื้นแนะนำหรือบอกกล่าวต้องเชื่อครับ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด เครื่องบินแต่ละเครื่องมีกฎชัดเจนครับ ว่า Disable Passenger นั่งตรงไหนได้บ้าง วีลแชร์แต่ละแบบจัดให้นั่งยังไง เด็กทารกมีที่นั่งที่สามารถติด basinet ได้   ถ้าเป็นเด็กเดินทางคนเดียวให้นั่งยังไง เวลาไปที่ check-in counter คุณก็จะมีที่นั่งที่จัดไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ โดยจะมีการ pre-seat ล่วงหน้าไว้ให้ ก่อนปล่อย boarding pass ให้คุณไปนั้นก็จะตรวจสอบอีกครั้งว่าที่นั่งได้ตรงกับ คู่มือ หรือไม่ ทุกอย่างทำไปอย่างถูกต้องแล้วครับคุณ จขกท ..... เข้าใจและยอมรับครับ จากคุณ : Smile_Man (DerKampfer) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 06:13:22