ความคิดเห็นที่ 1 วันที่หนึ่ง บินไปลงที่สถานี Gatwick แล้วก็นั่งรถไฟยาวไปลงที่ London Bridge เลยค่ะ ได้แวะซื้อช็อกโกแลตร้อนและสโคนแบบอังกฤษทานเป็นอาหารเช้า ถ่ายตั๋วรถไฟมาด้วยแบบมัวๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:26:07

ความคิดเห็นที่ 2 มาถึงลอนดอนก็พบกับฝนตกปรอยๆ ชาวอังกฤษถือร่มดำ ใส่โค้ทดำเดินขวักไขว่กลางม่านฝน เหมือนในหนังเปี๊ยบ ตึกรามบ้านช่องข้างทางหน้าตาประมาณนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:26:31

ความคิดเห็นที่ 3 เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย ก็เดินไปที่ Millenium Bridge Millenium Bridge เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ มีไว้ให้คนเดินโดยเฉพาะ ไม่ได้เป็นทางสัญจรของรถราเหมือนสะพานอื่นๆในกรุงลอนดอน และแน่นอน ตามชื่อ สะพานนี้เปิดให้ใช้งานเมื่อปี 2000 หรือเมื่อครบ Millenium นั่นเอง ใครจำแฮรรี่ภาคล่าสุดได้จะเห็นสะพานนี้พังทลายเป็นที่น่าตื่นตา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:27:21

ความคิดเห็นที่ 4 เจ้าโดมสูงที่เห็นจากสะพานเป็นโดมของ St Paul's Cathedral จุดหมายต่อไปของเรา St Paul's Cathedral นั้นเป็นโบสถ์ในนิกายแองกลิกัน สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่สิบเจ็ด โบสถ์นี้เป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงานของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่า และยังเป็นที่ที่ประกอบพิธีเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบหกสิบปีหรือ Diamond Jubilee ของสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียอีกด้วย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:28:01

ความคิดเห็นที่ 5 หน้าโบสถ์มีรูปปั้น ของ St Paul จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:28:28

ความคิดเห็นที่ 6 จตุรัสบริเวณใกล้ๆ St Paul's Cathedral คือ Paternoster Square จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:28:52

ความคิดเห็นที่ 7 ที่จตุรัสนี้เอง เป็นที่ตั้งของ Temple Bar หรือประตูทางเข้าสู่เมืองลอนดอน Temple Bar เป็นซุ้มประตูหินที่กั้นฝั่งตะวันตกสุดของกรุงลอนดอน  ออกแบบโดย Christopher Wren ชื่อของ Temple Bar มาจาก Temple Church สิ่งก่อสร้างเก่าแก่ของ Knights Templar (จากแฮรรี่งานนี้เริ่มมาแนว ดาวินชีโค้ด มี Knights Templar ด้วยแฮะ) ด้านบนของซุ้มเป็นตัวกริฟฟิน ซึ่งเป็นสิงโตมีปีกที่มีศีรษะเป็นนกอินทรีย์ และมังกรสองตัว คอยปกปักษ์รักษาตราสัญลักษณ์ของกรุงลอนดอน. http://reference.findtarget.com/search/Temple%20Bar,%20London/ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:29:26

ความคิดเห็นที่ 8 ในเมืองลอนดอนนั้นมีความเก่าและความใหม่ผสมผสานกันอยู่ อย่างเจ้าตึกสองอันนี้ที่เจอระหว่างทาง ดูทันสมัยและเท่ห์มากๆ London City Hall จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:29:53

ความคิดเห็นที่ 9 30 St Mary จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:30:14

ความคิดเห็นที่ 10 เดินเล่นในกรุงลอนดอนก็จะเจอกับรถเมล์สองชั้นได้ทั่วไป จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:30:46

ความคิดเห็นที่ 11 สถานที่ที่จะพาชมต่อไปถือเป็นไฮไลท์ของการเที่ยวชมกรุงลอนดอนทีเดียว ซึ่งก็คือ Tower of London ภาพจากระยะไกล จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:31:13

ความคิดเห็นที่ 12 ใครไปแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าให้ไปเดินตามไกด์ทัวร์ เพราะจะได้เกร็ดความรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์สนุกสนานมากมาย Beefeaters  ซึ่งในอดีตทำหน้าที่ดูแลปราสาท ปัจจุบันต้องทำหน้าที่ไกด์พวกไปด้วย พวกเขายังคงแต่งตัวแบบโบราณ นอกจากจะพูดเสียงดังฟังชัดแล้ว ยังมีการทยอยปล่อยมุขแป้กมาเป็นระลอกๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:32:47

ความคิดเห็นที่ 13 จุดแรกที่คุณไกด์พาชมคือ Traitors' Gate Traitors' Gate เป็นประตูทางเข้าทางน้ำของ Tower of London สร้างขึ้นโดยพระเจ้า Edward I ส่วนชื่อ Traitors' Gate ได้มาภายหลัง โดยนักโทษที่นั่งเรือมาทางแม่น้ำเทมส์จะถูกนำเข้าคุมขังโดยผ่านทางประตูน้ำอันนี้ นักโทษชื่อดังที่ได้ผ่าน Traitors' Gate ก็มี Anne Boleyn และ Queen Catherine Howard มเหสีองค์ที่สองและองค์ที่ห้าของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด รวมไปถึง Sir Thomas More ผู้เขียนหนังสือเรื่องยูโทเปียที่เลื่องชื่อ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 23:35:11 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 23:34:20 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:33:24

ความคิดเห็นที่ 14 จากนั้นจึงพาเข้าชมในบริเวณรอบๆปราสาทด้านใน ได้ดูป้อมปราการที่แข็งแกร่งแน่นหนา เริ่มจาก White Tower ซึ่งสร้างขึนในปี 1078 ในรัชสมัยของ William the Conqueror ผู้ครองราชย์ระหว่างปี  1066-87 ในสมัยพระเจ้า Charles II หอคอยได้ถูกปรับแต่งใช้เป็นหอดูดาวอีกด้วย ในสมัย Richard the Lionheart ซึ่งครองราชย์ในปี 1189-99 นั้น ได้มีการขุดคูล้อมรอบ และขังน้ำจากแม่น้ำเทมส์ในคูนั้นเพื่อป้องกันการบุกรุกจากภายนอก และในปี 1240 พระเจ้า Henry III ได้สั่งการให้ฟอกขาว (whitewash) ตัวผนังตึกด้านนอกทำให้ตึกนี้ได้ชื่อว่า White Tower ตั้งแต่นั้นมา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:35:53

ความคิดเห็นที่ 15 ต่อมาก็เป็นตาของ Bloody Tower ที่ได้ชื่อเสียงเรียงนามมาจากตำนานเกี่ยวกับการฆาตกรรมของเจ้าชายน้อยๆสองพระองค์ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:37:05

ความคิดเห็นที่ 16 Bloody Tower สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด ชื่อเดิมคือ Garden Tower จนกระทั่งมีตำนานดังกล่าวเกิดขึ้น ตำนานมีอยู่ว่า Richard, Duke of Gloucester ได้สงเจ้าชายน้อยสองพระองค์คือ  เจ้าชาย Edward V  และเจ้าชาย Richard, Duke of York ผู้น้อง ไปประทับที่นี่ในปี 1483 เมื่อ  Richard ขึ้นครองราชย์เป็น Richard III กลับมีข่าวว่าเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์หายตัวไปอย่างลึกลับ เล่าขานกันว่า เจ้าชายน้อยถูกสั่งประหาร ไม่ว่าจะจากการเกรงกลัวเรื่องการสืบต่อสันตติวงศ์ การแย่งชิงราชบัลลังก์ หรือเหตุผลแอบแฝงอื่นก็ไม่อาจจะคาดเดา เชื่อว่าองค์หนึ่งถูกทำให้ขาดอากาศส่วนอีกองค์ถูกแทงอย่างทารุณ ความเชื่อนี้เริ่มมีมูลเมื่อมีการบูรณะ White Tower และพบโครงกระดูกสองชุดใกล้กับเชิงบันได กระดูกทั้งสองนั้นได้ถูกเชิญไปทำพิธีพระศพที่ Westminster Abbey นอกจากองค์ชายทั้งสอง ยังมีรายชื่อของผู้ที่ถูกจองจำหรือสิ้นชีวิตในหอคอยนี้อีกหลายราย อาทิเช่น Henry Percy, eighth Earl of Northumberland Archbishop Cranmer และ  Bishops Ridley and Latimer ที่ถูกจองจำในข้อหาดูหมิ่นศาสนาก่อนจะไปรับโทษประหารโดยถูกเผาทั้งเป็นที่เมือง Oxford รวมถึงนักกวีชื่อดัง Sir Thomas Overbury ก็เสียชีวิตลงที่นี่จากการถูกวางยาเช่นกัน จากด้านนอก เราก็ได้เข้าไปดูด้านในด้วย โต๊ะเขียนหนังสือใน Bloody Tower จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:37:37

ความคิดเห็นที่ 17 นี่อะไรก็ไม่รู้ น่าจะสำคัญ แต่จำชื่อเรียกกับเรื่องราวไม่ได้จริงๆ ใครทราบฝากมากระซิบด้วยนะคะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:39:16

ความคิดเห็นที่ 18 นอกจากนี้ก็ยังมี Bell Tower ตึกด้านตะวันออกเฉียงเหนือของ Water Lane หอคอยนี้เป็นหนึ่งในหอคอยที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่ปราสาทใน Tower of London สร้างขึ้นตั้งแต่ราวปี1190's ตัวระฆังบนหอคอยได้ส่งเสียงกังวานนานเป็นเวลากว่าห้าร้อยปีจนกระทั้งมีการเปลี่ยนระฆังใบใหม่ในปี1651 ส่วนตัว Water Lane นั้น ถูกสร้างขึ้นราวปี 1275-1875 พื้นที่บริเวณตรงกลางปราการชั้นนอกและชั้นในนั้นเคยเป็นที่ของตั้งของโรงกษาปณ์หลวง ซึ่งชื่อยังคงสืบทอดมาตามกาลเวลาทำให้ถนนด้านเหนือของ Bell Tower ยังคงชื่อว่า Mint Street จนถึงปัจจุบัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:39:55

ความคิดเห็นที่ 19 ด้านในของ Royal Chapel of St. Peter ad Vincula  นี้เป็นที่ตั้งของ The Jewel House มีแก้วแหวนเงินทองส่องแสงกันระยิบระยับจนตาพร่า ผลงานชิ้นเอกที่ตั้งแสดงคือ Queen Elizabeth II’s crown และ Queen Victoria’s small petite crown เพื่อเป็นการจำกัดเวลาชม ทางเดินรอบๆมงกุฏเหล่านี้เป็นทางเลื่อน ดังนั้นพอก้าวขึ้นไปยืนแล้ว เราก็จะไหลผ่านเพชรนิลจินดาไปอย่างรวดเร็ว จนหลุดออกมาข้างนอกอีกครั้ง และแน่นอน ที่นี่ห้ามถ่ายรูปเจ้าค่ะ อีกตึกที่ได้ไปดูแต่ไม่มีรูปก็คือ Tower Green แต่ที่ต้องนำมากล่าวถึงซักหน่อยก็เพราะเป็นที่ๆ Ann Bolelyn และ Catherine Howard มเหสีทั้งสองของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปดถูกประหารด้วยการตัดศีรษะ Ann Bolelyn นั้นถูกสั่งประหาร โทษฐาน ที่คบชู้ เธอถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับพี่ชายตัวเองคือ George Boleyn และกับอีกหลายคน อีกทั้งถูกกล่าวหาว่าเธอและ ชายชู้ Henry Norris วางแผนจะปลงพระชนม์พระเจ้าเฮนรี่ที่แปด ส่วน Catherine Howard ก็ถูกประหารด้วยเหตุผลเรื่องการคบชู้เช่นเดียวกัน รูปสุดท้ายของ Tower of London เห็น Tower Bridge จากมุมนี้ด้วย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:40:32

ความคิดเห็นที่ 20 Tower Bridge เป็นจุดสนใจหลักอีกที่ของลอนดอนที่ใครแวะมาเยี่ยมมักจะไม่พลาด ผลงานชนะเลิศการแข่งขันออกแบบ Tower Bridge นั้นเป็นของ สถาปนิก Horace Jones ซึ่งออกแบบให้เป็นสะพานแขวนที่เปิดปิดเพื่อให้เรือใหญ่ผ่านได้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:41:07

ความคิดเห็นที่ 21 สะพานนี้ใช้เวลาในการสร้างถึงแปดปีและใช้คนงานก่อสร้างถึง 432 คนด้วยกัน เราได้แวะเข้าไปดูห้องเครื่องจักรไฮโดรลิกซ์ชั้นบนด้วย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:41:42

ความคิดเห็นที่ 22 บรรยากาศตอนเดินเล่นบน Tower Bridge จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:42:17

ความคิดเห็นที่ 23 จบจากทัวร์ Tower Bridge เราก็ลงเรือล่องแม่น้ำเทมส์ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:42:50

ความคิดเห็นที่ 24 ได้ลอดใต้ London Bridge จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:46:51

ความคิดเห็นที่ 25 วิว Palace of Westminster หรือ Houses of Parliament จากบนเรือ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:47:33

ความคิดเห็นที่ 26 อีกอย่างหนึ่งซึ่งอยู่คู่ชาวอังกฤษและกรุงลอนดอนจนถือเป็นสัญลักษณ์ไปแล้วก็คือ หอนาฬิกาบิกเบน บิกเบนเป็นชื่อเล่นของระฆังของหอนาฬิกาใน Palace of Westminster บิกเบนเป็นระฆังสี่หน้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และตัวหอนาฬิกาเองก็เป็นหอนาฬิกา แบบ free-standing ที่สูงเป็นอันดับสามของโลกอีกด้วย หอบิกเบนเพิ่งอายุครบร้อยห้าสิบปีหมาดๆไปเมื่อเดิอนพฤษภาคม ปี 2009 นี่เอง ดูหอนาฬิกาบิกเบนกันชัดๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:48:10

ความคิดเห็นที่ 27 ชมทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์จนหนำใจก็ลงเรือเพื่อไปชม Westminster abbey Westminster abbey มีชื่อเต็มว่า The Collegiate Church of St Peter at Westminster เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค โบสถ์นี้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆของราชวงศ์อังกฤษมานานหลายศตวรรษ ไม่ว่าจะเป็นพิธีการเถลิงถวัลยราชสมบัติ หรือ เฉลิมฉลองการเถลิงถวัลยสิริราชสมบัติครบปีต่างๆ  อีกทั้งยังเป็นที่ฝังพระราชศพของราชวงศ์อังกฤษอีกด้วย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:49:07

ความคิดเห็นที่ 28 เดินออกจาก Westminster abbey ตอนบ่ายแก่ๆ แดดยังพอมี เราเลยเดินเล่นไปแถวๆ Buckingham palace เก็บรูปมาให้ชมซักหน่อย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:49:47

ความคิดเห็นที่ 29 ต่อด้วยไปแวะ British Museum จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:50:20

ความคิดเห็นที่ 30 งานนี้มาสาย ไม่ทัน Guided tour น่าเสียดายมากๆ ได้แต่เดินดูของล้ำค่าที่อังกฤษไปสรรหามาจากทุกซีกโลก ไม่ว่าจะเป็น Rosetta stone แท่งหินโบราณที่จารึกข้อความเดียวกันเป็นสามภาษา คือระหว่างภาษาอิยิปต์แบบ hieroglyphic กับ Demotic และ classical Greek. ทำให้คนในสมัยก่อนสามารถถอดความภาษาอิยิปต์โบราณได้รู้เรื่อง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:50:58

ความคิดเห็นที่ 31 หรือจะเป็น ห้องรวบรวมชิ้นงานสมัยกรีกและโรมัน ซึ่งรวมถึงรูปปั้นหลายๆชิ้นจากวิหารพาเธนอนของเมืองเอเธนส์ ประเทศกรีซ อีกด้วย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:51:32

ความคิดเห็นที่ 32 ตกเย็นเราก็ได้ไปกินเป็ดย่างร้าน Four Seasons เป็ดเค้าอร่อยสมราคาคุยจริงๆ วันนั้นยังสั่งมาอีกรายการ มีลอบสเตอร์ กับเต้าหู้ผัดเผ็ดแบบจีนที่อร่อยมากๆอีกด้วย เหลือเวลาเล็กน้อยเราก็แวะไปที่ Piccadilly Circus เหมือนไปนิวยอร์กต้องไปไทม์สแควร์ เราก็ขอแวะเก็บรูปกันซะหน่อย เป็นอันว่าจบวันที่หนึ่งลงอย่างปรีด์เปรม เจอกันตอนหน้าค่ะ จะพาไปเคมบริดจ์ และไปดูสโตนเฮนจ์นะคะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 23:52:26

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบรีวิวคุณจัง ได้ความรู้ไปด้วยเหมือนไปเที่ยวที่นี่แล้วมีไกด์คอยอธิบาย อ้อ...เราก็ชอบเรื่องราวของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปดเหมือนกันจ้า หลังจากดูหนังเรื่อง The Tudor แล้ว ชอบคนที่เล่นเป็น Anna Boleyn มาก ทั้งเซ็กซี่ทั้งร้ายเหลือหลาย ไปคุ้ยหนังสือที่บ้าน หารูปจริง ๆ ของบรรดาเมีย ๆ ของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปดมาดู ปรากฏว่าในสายตาเราเมียคนแรกสวยที่สุด (แต่ในหนังหง่อมมาก) สวยกว่าแอนนาอีก เรื่องรูปในคห.ที่ ๑๗ น่าจะเป็น Traetor Gate สำหรับพานักโทษที่โดนข้อหากบฏในวังเข้ามาโดยเรือ ซึ่งพอผ่านประตูเข้ามา เจ้าซี่กรงเหล็กก็จะถูกปล่อยให้ลงมาปิดทางเข้า ที่ต้องใช้ทางนี้เพราะปลอดภัยกว่าที่จะพานักโทษเดินตามทางคดเคี้ยวมาตามซอยแคบ ๆ ซึ่งอาจมีคนดักคอยช่วยเหลือนักโทษ อีกอย่างคือมาทางเรือไม่ค่อยเป็นที่สังเกตมากนัก ใช่หรือเปล่าต้องรอคนรู้จริงมายืนยันอีกที ประตูที่ว่าน่ะมีจริงแต่ไม่รู้ใช่อันเดียวกะในรูปเปล่าน่ะสิ จากคุณ : ชนุกคีปุส (Schnuckiputz) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:21:23

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณครับ จากคุณ : Civict2003 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:31:00

ความคิดเห็นที่ 35 เพิ่งรู้ว่าบนTower Bridge เค้าให้ขึ้นไปชมห้องเครื่องได้ด้วย.... บรรยายได้ความรู้ดีจังค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : babbbirdbird เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 00:51:55

ความคิดเห็นที่ 36 อิอิ ตามมาดูแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่ไปตามถึงหลังบ้าน .. ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเท่าไหร่ ติด Facebook มาก .. ดูรีวิว London ตอนนี้เหมาะมากเลย อากาศครี้มๆ ฝนตก ที่นี่ก็ตกบ้าง อากาศครี้มฟ้า ครี้มฝน .... รอรีวิวต่อไป คงมีอาหารนะคะ 5555 จากคุณ : Mommy&Daddy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 01:08:10

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ ชนุกคีปุส (Schnuckiputz) ดีใจมากค่ะที่ชอบ Traitors' Gate อยู่ที่คห 13 อ่ะค่ะ จำได้ลางๆว่ารูปคห 17 อยู่ใต้ตึก น่าจะเป็น Bloody Tower แต่เสิร์จกู้เกิ้ลเท่าไหร่ก็ไม่เจออะไรใกล้ๆ เคียงๆ ขอบคุณนะคะที่มาช่วยดูให้ คุณ Civict2003 ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า คุณ babbbirdbird ขอบคุณค่า ตอนได้ขึ้นไปดูก็ตื่นเต้น จริงๆมีเครื่องยนกลไลให้ดูตั้งหลายห้อง แต่มาลงให้แค่รูปเดียว แหะๆ คุณ Mommy&Daddy แหมรู้ใจจัง มีมาดักคอด้วย กระทู้หน้ามีอาหารจริงๆด้วยค่ะ แต่เป็นอาหารทำเอง ฮ่าๆๆ ลอนดอนของแพงอ่ะค่ะ ตอนที่ไปปอนด์ละแปดสิบ กินอะไรไม่ค่อยลงเลยรูปน้อย ส่วน Four Seasons เป็น Reunion เพื่อนเป็นสิบ ถ่ายรูปไม่ทันค่ะ แวบเดียว ของเกลี้ยง ไม่นับว่าต้องเมาท์ให้ทันคนข้างๆด้วย อิอิ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 01:45:26

ความคิดเห็นที่ 38 เพิ่งไปมาต้นเดือนนี่เองค่ะ นั่งรถไฟจากบรัสเซลส์ไป ปีนี้ไปทัวร์กรีนนิช ปีก่อนไปมาที่เดียวกับที่เจ้าของบ้านไปเลยค่ะ วันนี้ได้ความรู้เกี่ยวกับทาวเว่อร์ ฮลล์มากมาย ขอบคุณมากมายนะคะ ความคิดเห็นที่ 17 เราว่าลักษณะเหมือนเครื่องทารุณยังไงไม่รู้สิ เจ้าของบ้านน่ารักแบบนี้ แจกกีบไปโลดค่า จากคุณ : bunny2teddy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 02:00:16

ความคิดเห็นที่ 39 ตามมาชมด้วยคนครับ เยี่ยม จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 07:29:40

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณคุณ bunny2teddy และคุณ ม่วงมหากาฬ ที่มาอ่านค่า มีคนเสนอมาว่ารูปในความเห็นสิบเจ็ดน่าจะเป็น "ประตูกั้นใต้น้ำ แล้วก็มีเหล็กแหลมๆไม่ให้คนปีน แล้วก็มีเชือกดึงให้ยกได้" ค่ะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 13:01:52