ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นเริ่มจากพาเที่ยวลอนดอนอีกวันก่อน วันที่สอง ตอนแรกกะว่าจะไป Hampton Court กัน แต่อากาศขมุกขมัว ฝนตกตลอดวัน เลยเปลี่ยนแผนจากนั่งรถไฟยาวไป Hampton Court เป็น ซื้อของจากซุปเปอร์มาทำแซนด์วิชอร่อยๆ แล้วออกไปปิกนิก คุณเพื่อนที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนกว่าเรา ทำครัวซองก์ยัดไส้แฮมไข่ให้ เป็นอาหารเช้า อร่อยถูกใจ ก่อนจะหยิบขนมปังอีกคนละอันห่อไปเป็นข้าวเที่ยง ที่ๆเราเลือกไปแทน Hampton Court ก็คือ Kensington Palace จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:14:13

ความคิดเห็นที่ 2 Kensington Palace ตั้งอยู่ในบริเวณ Kensington Garden พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่สิบเจ็ด เพื่อเป็นที่พักของท่านเอิร์ลแห่งนอตติ้งแฮม หลังจากนั้น ตัวพระราชวังได้ถูกต่อเติมด้วยฝีมือการออกแบบของ Sir Christopher Wren จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:14:43

ความคิดเห็นที่ 3 Kensington Palace เป็นที่อยู่ทางการของเจ้าหญิงไดอาน่าที่เรารู้จักกันดี จนกระทั่งเมื่อเธอจากไปในปี 1997 จากนั้นจึงเป็นที่อยู่ของเจ้าหญิงมาการ์เร็ต จนถึงวาระสุดท้ายของเธอในปี 2002 และ ส่งต่อสู่เจ้าหญิงอลิส จนเธอจากไปในปี 2004 ปัจจุบันนี้ Kensington Palace เป็นที่อยู่ทางการของ  Duke และDuchess of Gloucester อีกทั้ง Duke และ Duchess of Kent รวมถึง  Prince และ Princess Michael of Kent จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:15:25

ความคิดเห็นที่ 4 ในส่วนภายในของพระราชวังที่เปิดให้ชมนั้นเต็มไปด้วยรูปภาพของเจ้าหญิงไดอาน่า สมัยยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปพระฉายาลักษณ์ในวันอภิเสก หรือแม้กระทั่ง รูปในพระอิริยาบถผ่อนคลายยามทรงหยอกล้ออยู่กับเจ้าชายพระองค์น้อยทั้งสอง ไม่มีรูปข้างในมาฝาก สงสัยว่าเค้าจะห้ามถ่ายภาพ ออกจากชมนิทรรศการ เราก็ออกมาเดินเล่นในสวน กระรอกในสวนเชื่องมาก สงสัยนักท่องเที่ยวที่มาชมวังจะมาเล่นด้วยและให้อาหารบ่อย ถึงขั้นยอมให้จับมือทีเดียว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:15:55

ความคิดเห็นที่ 5 ในตัวสวนนั้นมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ ไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้มาเที่ยวชมสวน มีม้านั่งเรียงรายอยู่โดยรอบ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 52 14:28:13 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:16:19

ความคิดเห็นที่ 6 มีหงส์อยู่มากมาย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:17:02

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากได้ใช้สวนนี้เป็นที่ทานแซนด์วิชสุดอร่อย เราก็เดินเล่นชมเมืองลอนดอนกันต่อไปเรื่อย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:17:40

ความคิดเห็นที่ 8 จนไปสุดทางที่จุดหมายถัดไป... แต่นแตนแต๊น ห้างแฮร์ร็อดส์นั่นเอง ถ้าใครไม่บอกจะนึกว่าเป็นไทยทาวน์ เชื่อว่าคนไทยในห้างมีมากกว่าคนอังกฤษ เสียงสาวไทยวี๊ดว้ายกับกระเป๋าน้องหมีน่ารักดังสนั่นห้าง หันซ้ายก็คนไทย หลบไปทางขวาก็ไปชนคนไทย หลายๆคนซื้อเหมือนได้ฟรี หอบกระเป๋ากันเต็มมือ สอบถามได้เรื่องว่า วันนี้กระเป๋าลดราคา เราก็ไม่รอช้า ไปคว้ากับเค้ามาได้สองสามใบ ช็อปจนเหนื่อย ก็ไปนั่งจิบชายามบ่าย วางมาดเป็นคนอังกฤษสักหน่อย ชาที่แฮร์ร็อดหอมกรุ่น อืม ชาอังกฤษนี่ดีสมชื่อ กินกับสโคนร้อนๆ เด็ดดวง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:18:14

ความคิดเห็นที่ 9 เนื่องจากเป็นแหล่งรวมคนไทย เพื่อนเราก็ไปเจอเพื่อน ได้มารวมกลุ่มนั่งชิลๆ จิบชา เสวนายามบ่าย ช็อกโกแลตเย็นถ้วยโตที่นี่ก็อร่อยไม่แพ้ชา เห็นว่าชาอร่อย เราก็เลยไปเดินซื้อชาแฮร์ร็อตกลับไปเป็นของฝากมากมาย ทั้งดาร์จีลิ่ง เอิร์ลเกรย์ อิงลิชเบรกฟาสต์ คนอื่นเค้าหมดเงินกับกระเป๋า แต่เราหมดเงินกับชาไปโข อยู่จนตกเย็น ได้ออกไม่ถ่ายรูปห้างตอนเปิดไฟสว่างไสว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:19:04

ความคิดเห็นที่ 10 กลับบ้านวันนี้ เพื่อนๆโชว์ฝีมือแม่ครัวหัวป่าก์ ทำกับข้าวเลี้ยง ทั้งไก่ย่าง มะเขือชุบแป้งทอด ข้าวผัด ในที่สุดก็มีรูปอาหารมาขายในทริปนี้ อิอิ ห้องเล็กในหอพักก็กลายสภาพเป็นห้องรับรองใหญ่ เราก็ปูหนังสือพิมพ์แล้วโจ้กันที่พื้นนั่นแล จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:19:39

ความคิดเห็นที่ 11 วันที่สาม ในที่สุดทริปนอกเมืองก็มาตามสัญญา เราซื้อทัวร์ไป เที่ยว วินเซอร์ สโตนเอนจ์ และ อ็อกซ์ฟอร์ด เริ่มจากวินเซอร์เป็นแห่งแรก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:20:15

ความคิดเห็นที่ 12 นักท่องเที่ยวมากันเยอะมาก ต้องต่อแถวเข้าชมกันยาวเชียว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:20:51

ความคิดเห็นที่ 13 ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคร้าบบบ จากคุณ : นมขาวเย็น เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:21:31

ความคิดเห็นที่ 14 พระราชวังวินเซอร์ เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีผู้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน และเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีพระราชวงศ์อยู่อาศัยต่อเนื่องมาโดยตลอดโดยไม่ขาดช่วง แรกเริ่มเดิมที ปราสาทถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ ในสมัย William the Conqueror ราวช่วงปีคศ 1070 ถึง1086 ตัวปราสาทตั้งตระหง่านอยู่บนเนินที่ถูกสั่งให้ถมขึ้นหรือที่เรียกว่า motte เพื่อชัยภูมิที่เหมาะสมในการตั้งรับหากข้าศึกบุก วินเซอร์ถูกต่อเติมมาเรื่อยๆตามความต้องการของกษัตริย์และราชินีในสมัยต่างๆ ปราสาทไม้ถูกทดแทยด้วยปราสาทหินที่สร้างขึ้นใหม่ ในสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่สอง พระองค์ได้สร้างหอคอยที่เรียกว่า Round Tower ขึ้น จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:21:38

ความคิดเห็นที่ 15 บรรยากาศปราสาทเก่าๆนี่ขลังสุดๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:22:26

ความคิดเห็นที่ 16 หลายๆมุมดูเหมือนในเทพนิยาย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:23:32

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนนี้เรียกว่า Quadrangle จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:24:10

ความคิดเห็นที่ 18 ขอปาดไปเที่ยวลอนดอนด้วยนะครับ จากคุณ : สรุปไม่ได้เลย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:25:35

ความคิดเห็นที่ 19 Quadrangle  เป็นบริเวณสนามกว้างด้านหน้าของอาคารทั้งสามคือ State Apartments Private Apartments และ  South Wing State Apartments เป็นที่สะสมผลงานชิ้นดังมากมายอาทิเช่น ผลงานของ Holbein, da Vinci, Rubens, Rembrandt และ van Dyck. จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:25:46

ความคิดเห็นที่ 20 ในบริเวณพระราชวังมีโบสถ์ประจำวังคือ St George's Chapel จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:26:20

ความคิดเห็นที่ 21 ใครมาใครไปแนะนำให้ ไปฟังไกด์เค้าเล่าเรื่องค่ะ ดาวที่ชี้อยู่นั้นสำคัญไฉน จำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ใครทราบฝากกระซิบ(อีกแล้ว) ด้วยค่ะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:28:51

ความคิดเห็นที่ 22 ต่อจากวินด์เซอร์ก็นั่งรถยาวไปที่สโตนเฮนจ์ แอบนั่งหลับไปตลอดทางเลยไม่ได้ฟังว่าไกด์เล่าอะไรพิเศษๆเกี่ยวกับสโตนเฮนจ์บ้าง ไปถึงก็ต้องไปต่อคิวเข้าชม เป็นอีกแห่งที่นักท่องเทียวท่วมท้นอีกเช่นกัน ได้รับแจกออดิโอไกด์มาฟัง แต่ทางทัวร์ให้เวลาไปวิ่งๆถ่ายรูปแค่สิบห้ายี่สิบนาทีเท่านั้น จึงแทบไม่ได้ฟังออดิโอไกด์เลย อย่างไรก็ดี ความยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:29:31

ความคิดเห็นที่ 23 ความเชื่อต่างๆที่รายรอบความเป็นมาของ สโตนเฮนจ์นั้น ทำให้สโตนเฮนจ์เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์และมนต์ขลัง ความลึกลับซับซ้อน ตำนานมากมายที่ถูกกล่าวขาน หรือแม้แต่ความเชื่อที่ว่าสโตนเฮนจ์นั้นถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ต่างดาวต่างทำให้สโตนเฮนจ์เป็นที่น่าทึ่งและน่าค้นคว้าสำหรับนักเดินทาง ผู้ไม่พลาดที่จะแวะไปเยี่ยมชม ความมหัศจรรย์ของสโตนเฮนจ์นั้นมีอยู่หลายประการด้วยกัน เริ่มด้วยการก่อสร้างสโตนเฮนจ์ที่ต้องใช้ทั้งเวลาและแรงงานมหาศาล นึกสภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่เทคโนโลยีไม่ได้ก้าวล้ำดังยุคปัจจุบัน ผู้ที่ก่อสร้างนั้นคงต้องใช้เขากวางหรือไม้ในการขุดคูดินวงกลมที่ล้อมรอบอนุสรณ์สถานแห่งนี้ด้วยมือ เนื่องจากบริเวณภูมิประเทศที่ตั้งของสโตนเฮนจ์นั้นเป็นทุ่งโล่งกว้างสุดลูกหูลูกตา หินที่นำมาก่อสร้างนั้นต้องขนย้ายมาจากเทือกเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างน้อยก็ถึง240 ไมล์ด้วยกัน ตัวหินที่เรียกกันว่า bluestones ซึ่งเรียงเป็นวงกลมชั้นในนั้น แต่ละชิ้นหนักถึง 4 ตันด้วยกัน และการสร้างสโตนเฮนจ์นั้น ใช้หินทั้งหมดราว 80 ก้อน ซึ่งคำนวนดูแล้ว นับเป็นงานที่สาหัสไม่เบาสำหรับคนสมัยนั้น หินก้อนมหิมาที่เรียงเป็นวงกลมชั้นนอกที่เรียกว่า sarsen stones นั้น หนักถึงก้อนละ 50 ตันด้วยกัน จึงเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจว่าขนย้ายมาได้อย่างไร จากการคำนวนด้วยหลักวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน หินแต่ละก้อนน่าจะต้องใจคนไม่ต่ำกว่า 600 คนในการขนย้ายข้ามส่วนที่เป็นหุบเขาสูงชัน การทำให้หินที่ใหญ่ขนาดนี้ตั้งตรงในแนวตั้งนั้นก็มิใช่เรื่องง่ายเลย ไม่นับว่ามีการวางหินซ้อนเป็นแนวนอนทับบนหินบางก้อนอีกด้วย ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:30:54

ความคิดเห็นที่ 24 ปัญหาที่ว่าใครเป็นผู้สร้างสโตนเฮนจ์ และสร้างขึ้นด้วยเหตุใดนั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างไม่รู้จบ บ้างก็ว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของบุคคลสำคัญ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ไว้เคารพบูชา บ้างก็ว่าสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการศึกษาทางดาราศาสตร์ บอกวันเดือนปีและฤดูกาล และแน่นอนว่า สโตนเฮนจ์ เช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์เช่นพิรามิดในหลายๆที่ ได้ถูกออกแบบไว้ให้ตรงกับ ปฏิทินทางจันทรคติ และมีความสอดคล้องกับการโคจรของโลกและดวงดาวอย่างน่าทึ่ง อย่างเช่นในวัน ครีษมายัน แสงอาทิตย์ยามเช้าจะสาดส่องผ่านร่องหินมาตกลงบนหินตรงกลางอย่างพอเหมาะพอเจาะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:32:15

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนหากจะพูดไปถึงเรื่องของตำนานบ้าง ที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นตำนานที่เกี่ยวกับกษัตริย์อาเธอร์และพ่อมดเมอร์ลิน ในหนังสือของ Geoffrey of Monmouth เกี่ยวกับที่มาของกษัตริย์อังกฤษหรือ Historia Regum Britanniae (History of the Kings of Britain) ในหนังสือ Geoffrey  ได้เล่าถึงตำนานของการสร้างสโตนเฮนจ์ไว้ว่า ในศตวรรษที่ห้า สมัยของพระเจ้า Aurelius Ambrosius แห่งบริเทน ชาวแซกซอนได้สังหารอัศวินและทหารหาญของบริเทนไปถึง 300 คนด้วยกัน พระเจ้า Aurelius จึงต้องการให้สร้างอนุสรณ์สถานเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารที่พลีชีพเพื่อมาตุภูมิ  จึงได้สั่งให้เมอร์ลินไปนำหินก้อนยักษ์มาจาก Salisbury ประเทศไอร์แลนด์ เมอร์ลินและอูเธอร์เพนดราก้อน (ซึ่งต่อมาเป็นพ่อของอาร์เธอร์) จึงได้เดินทางไปไอร์แลนด์เพื่อนำ Giant's Ring ของไอร์แลนด์กลับมา เชื่อกันว่าหินที่ Giant's Ring ได้ถูกยักษ์แบกมาจากยอดเขา Killaraus ทวีปแอฟริกามาไว้ที่ไอร์แลนด์แต่กาลก่อน โดยเมื่อนำมาถึงแล้ว วงกลมหินแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมและการเยียวยารักษา ทหารที่ตามไปด้วยทั้งหมด ไม่สามารถยกหินเหล่านี้ให้เขยื้อนได้ ร้อนถึงเมอร์ลินต้องใช้เวตมนตร์คาถา จนสามารถนำหินกลับมายังบริเทนได้โดยปลอดภัย และ นำมาเรียงกันเป็นวงกลมเหมือนดั่งที่เคยถูกเรียงไว้เมื่อครั้งอยู่ในไอร์แลนด์ หากครานี้ วางรอบสุสานของทหารเพื่อเป็นการไว้อาลัย ในตำนานยังเล่าว่าหลังจากนั้นทั้งกษัตริย์ Aurelius, Uther และ Constantine ต่างถูกฝังอยู่ที่บริเวณสุสานนี้เช่นเดียวกัน รูป A giant helps Merlin build Stonehenge. From a manuscript of the Roman de Brut by Wace in the British Library (Egerton 3028). This is the oldest known depiction of Stonehenge. จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:33:05

ความคิดเห็นที่ 26 ต่อจากสโตนเฮนจ์ก็ถึงเวลาแวะไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษคือ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด งานนี้ไกด์ปล่อยลูกทัวร์ลงเดินเล่นชมความขลังท่ามกลางฝนปรอยๆ ไม่ได้เล่าอะไรมากมาย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:34:38

ความคิดเห็นที่ 27 ก็เลยได้แต่เอารูปมาฝาก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:35:17

ความคิดเห็นที่ 28 อ็อกซ์ฟอร์ดเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดามหาลัยในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เชื่อกันว่าตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่สิบเอ็ด ปัจจุบันเป็นมหาลัยที่โด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:36:00

ความคิดเห็นที่ 29 บริเวณมหาลิทยาลัยกลมกลืนกับตัวเมืองเล็ก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:37:03

ความคิดเห็นที่ 30 มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปหลายมุม จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:37:55

ความคิดเห็นที่ 31 ที่ค้นคว้าแล้วเจอมุมเดียวกับในรูปก็มี Radcliffe Camera. อาคารนี้ออกแบบโดย James Gibbs มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบ English Palladian สร้างในปี 1737–1749 เป็นที่ตั้งของ Radcliffe Science Library จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:40:55

ความคิดเห็นที่ 32 The Sheldonian Theatre ที่ตั้งชื่อตาม Gilbert Sheldon ผู้เป็น chancellor ของมหาลัยในขณะนั้น ออกแบบโดย Christopher Wren สร้างในปี 1664 – 1668 เพื่อใช้แสดงดนตรี ใช้เป็นห้องเรียน รวมถึงใช้ประกอบพิธีการต่างๆของมหาวิทยาลัย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:43:09

ความคิดเห็นที่ 33 และสุดท้าย Museum of the History of Science เป็นที่ที่เก็บสะสม เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ยุคกลางสมัยศตวรรษที่สิบเจ็ด เสียดายมากที่ไม่ได้เข้าชมภายใน อยากเห็นจังว่านักวิทญาศาสตร์ยุคก่อนใช้เครื่องมือหน้าตาเป็นยังไงมั่ง ที่นี่ยังขึ้นชื่อว่าเป็นอาคารที่เจาะจงสร้างเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันอีกด้วย จบการเดินทางแต่เพียงเท่านี้ กระทู้หน้าจะมาจบทริปด้วยการพาไปเที่ยวเคมบริดจ์นะคะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:46:29