ความคิดเห็นที่ 1 1 พฤศจิกายน 2552 เมื่อคืนนี้กินยาแก้ไข้แก้หวัดเข้าไป นอนมันตั้งแต่ยังไม่ 3 ทุ่ม สัก 4 ทุ่ม ก็ได้ยินเสียงขบวนแห่ ตอนแรกนึกว่าไฟไหม้ มันแห่กันประมาณงานเทศกาลกินผักภูเก็ตแบบนั้น ตีฆ้องร้องป่าว เสียงดังมาก! มีขบวนสิงโตก็มิปาน แต่ด้วยฤทธิ์ยาแก้หวัดของผมเข้าไป ก็เลย "มิได้นำพา" แม้แต่น้อย ตอนแรกว่าจะคว้ากล้องขึ้นมาเก็บภาพ แต่สภาพสังขารมันไม่ไหวจริง ๆ ม้วนเดียวจบถึงเช้ากันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:27:14

ความคิดเห็นที่ 2 เกือบลืมไปว่า มื้อแรกของเมื่อวาน เป็นไก่ทอดที่ร้านค้าส่งสัญชาติฝรั่งเศส ที่อยู่ในห้าง "ดาตะรัน พัลวัน" ห้างที่ไม่ได้ พัลวัน พัลเก อย่างชื่อเลย สนนราคาก็ถูกแสนถูก ไก่ทอดรสเหมือนไก่ทอดร้านดัง ชิ้นนึงขาย 12 บาท (1.19 ริงกิต) ผมกิน 2 ชิ้น = 2.38 ริงกิต เศษปัดขึ้น เท่ากับมื้อแรกจ่ายไป 24 บาท ด้วยความหิวจัดเลยไม่ทันได้คว้ากล้องขึ้นมาถ่ายรูปให้ดู แต่อร่อยมากครับ เป็นไก่คลุกเคล้าเครื่องเทศ พริกไทยดำ แล้วทอดกรอบ ๆ อร่อยทีเดียว แล้วก็ปิดท้ายมื้อเย็นด้วย นี่ครับ เค้าเรียก "นาสิ เลอมัก" แต่ผมดูสภาพแล้ว มันเป็นข้าวผัดกุ้ง ใส่พริก "ซัมบอล" รสคล้ายน้ำพริกเผาบ้านเราเสียมากกว่า จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:27:43

ความคิดเห็นที่ 3 ในห้างมีโรงหนังด้วยนะครับ รู้สึกจะชื่อโรงหนัง "ซิลเวอร์ สกรีน" อาทิตย์หน้า จะมีหนังเข้าใหม่อยู่เรื่องนึง เห็นแล้วคุ้นตามาก ๆ ไม่แน่ใจว่าถ้าฉายจริงนี่ ทีมงาน "พันธมิตร" จะพากย์เสียงภาษามาเลย์ใส่เข้าไปให้พี่น้องที่มะละกาดูกันรู้เรื่อง หรือเสียงภาษาไทย แล้วมี sub มาเลย์ อันนี้ก็ไม่ทราบได้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:28:21

ความคิดเห็นที่ 4 เช้านี้ เริ่มต้นเดินสำรวจรอบ ๆ เมืองกันก่อนดีกว่า จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:28:42

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นครั้งแรกที่มองเห็นเมืองมะละกาเป็นสีฟ้า เพราะตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน มันเป็นสีเทา "หม่นหมอง" ประคองอารมณ์น่าดู! จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:29:00

ความคิดเห็นที่ 6 นี่ครับ ข้าง ๆ ที่พักผม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:29:17

ความคิดเห็นที่ 7 โบสถ์คริสต์ แล้วก็รู้สึกจะเป็นโรงเรียนด้วย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:29:32

ความคิดเห็นที่ 8 นี่ครับ บรรยากาศ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:29:49

ความคิดเห็นที่ 9 ที่เห็นลิบ ๆ นั่นแหละครับ ห้าง "ดาตะรัน พัลวัน" แล้วก็มีห้างค้าส่งสัญชาติฝรั่งเศสในนั้น ขายของถูกมาก กาแฟ Old Town White Coffee นี่ แพ็คคู่ 30 ซอง ตกเป็นเงินไทยประมาณ 250 บาท ถูกมาก ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:30:06

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้เหมือนจะเป็นโรงเรียนคริสต์ แต่ว่าแม่บ้านที่ดูแลโบกไม้ โบกมือ ห้ามเข้า ห้ามถ่ายรูป ก็โอเค เก็บบรรยากาศเฉพาะด้านหน้ามาฝาก จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:30:26

ความคิดเห็นที่ 11 อีกสักมุม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:30:42

ความคิดเห็นที่ 12 สภาพบ้านเรือนผู้คนของที่นี่ครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:31:04

ความคิดเห็นที่ 13 ที่เห็นลิบ ๆ ด้านซ้ายมือของท่านคือ โรงแรม Equatorial ที่เล่าให้ฟังไปเมื่อวานแหละครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 13:55:03 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:31:24

ความคิดเห็นที่ 14 อย่างที่ใครเคยว่า สถาปัตยกรรมที่นี่เป็นแบบ Chino-Portuguese ก็คือการผสมผสานระหว่าง จีนกับโปรตุเกส จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:31:48

ความคิดเห็นที่ 15 บรรยากาศไม่แตกต่างแถบ ๆ ภาคใต้บ้านเรา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:32:09

ความคิดเห็นที่ 16 มีศาลเจ้าด้วยนะครับ คือมาเลเซียนี่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวทั้งผู้คนที่หลากหลาย ทั้งจีน มาเลย์ และแขก แถมศาสนาก็หลากหลาย มีตั้งแต่พุทธ พุทธแบบไหว้เจ้าแบบจีน มีฮินดู มีมุสลิม มีคริสต์ ผสมผสานกันลงตัว เดี๋ยวเย็น ๆ  จะพาไปดู มีทั้ง mosque อยู่ติดกับศาสนสถานของฮินดู แล้วก็มีศาลเจ้าอยู่ติด ๆ กันอีก โดยที่ไม่ตีกันเลย (ไม่รู้จะเคยมีตีกันมั่งป่าวนะครับ) จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:32:26

ความคิดเห็นที่ 17 นี่ครับ สภาพของโรงแรม Equatorial เพิ่งเห็นในสภาพที่สดใส ก็ครั้งแรกนี่แหละ เพราะที่ผ่านมา หม่นหมองประคองอารมณ์มาก ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:32:44

ความคิดเห็นที่ 18 ร้านหนังสือครับ เรียกว่า แทบจะทุกเล่มที่วางขายกันในมะละกา น่าจะหาได้จากร้านนี้ ไม่ยาก! แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 00:17:34 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:33:04

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนอันนี้เป็นศาลพระภูมิเจ้าที่ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:33:26

ความคิดเห็นที่ 20 ถนนหนทาง เช้า ๆ วันอาทิตย์ ที่ผู้คนยังไม่พลุกพล่านมาก จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:33:49

ความคิดเห็นที่ 21 อากาศสดใสมาก หลังจากฝนตกหนักเกือบทั้งคืน เมื่อคืนที่ผ่านไป จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:34:07

ความคิดเห็นที่ 22 ที่เห็นอยู่ลิบ ๆ นั่นคือ ชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ตอนนี้มาตั้งอยู่ในมะละกาแล้ว แต่เสียดาย ที่ไม่ได้มีโอกาสขึ้นไปสัมผัสมา เพราะอยู่นอกเมืองออกไปเกือบ ๆ จะถึง Malaka Sentral นั่นแน่ะ ถ้าจะนับกันจริง ๆ ก็ห่างออกไปจากตัวเมือง ประมาณ 5 กิโลได้ ชิงช้าสวรรค์นี้ เรียกว่า "Eye on Malaysia" ครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:34:23

ความคิดเห็นที่ 23 นี่แหละครับ ห้าง "ดาตะรัน พัลวัน" ที่เมื่อวานนี้เราใช้เป็นที่ "พักผ่อนตามอัธยาศัย" จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:34:51

ความคิดเห็นที่ 24 สัญลักษณ์ก็จะเป็นแบบนี้ คล้ายฟุตบอลโลกมาก จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:35:14

ความคิดเห็นที่ 25 ที่เห็นเป็นเรือสำเภาลำใหญ่อยู่ด้านหน้านั่นคือ "พิพิธภัณฑ์ สมุทรศาสตร์ มะละกา" หรือ "Melaka Marinetime Musium" เป็นเรือสำเภาจำลองมาจากเรือสำเภาชื่อ ฟลอร่า เดอ รา มาร์ (Flora de La Mar) ของโปรตุเกส แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 13:57:17 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:35:38

ความคิดเห็นที่ 26 เรือสำเภา ฟลอร่า เดอ รา มาร์ ลำนี้ครับ พยายามขนเอาสมบัติพัสถานล้ำค่าจากพระราชวังสุลต่านมะละกา กลับยุโรป สมัยที่โปรตุเกสบุกเข้ามายึดครองมะละกา แต่ปรากฎว่า ที่ไหนได้ ขนสมบัติพัสถานมากมายเสียขนาดนั้น ไปได้ไม่ไกล ก็เกิดอาการ "ล่ม ปากอ่าว" ขึ้นซ้างั้น ไปล่มเอานอกชายฝั่งเกาะสุมาตราตอนเหนือ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 13:57:39 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:36:11

ความคิดเห็นที่ 27 เพราะบรรทุกหนักเกินพิกัด เรือลำจริงล่มไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเศร้า เสียใจ ระคนปนทุกข์ใจ หรือสมน้ำหน้าดี แต่ลำที่เห็นเป็นลำจำลองสร้างขึ้นใหม่ ใหญ่โตเสียน่าตกใจ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 13:58:52 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:36:37

ความคิดเห็นที่ 28 ฝั่งตรงข้าม ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็น Naval Musium หรือพิพิธภัณฑ์นาวี ของมะละกา เป็นที่แสดงแสนยานุภาพด้านการรบทางน้ำของมะละกากันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:37:08

ความคิดเห็นที่ 29 ได้แต่เก็บบรรยากาศรอบ ๆ ในช่วงเช้า ๆ ตั้งแต่ยังไม่ 8 โมง มาให้ดู จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:37:29

ความคิดเห็นที่ 30 ถัดไป เราจะเห็นป้อมปืน ป้อมปืนนี้ ผมหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากหนังสือต่าง ๆ ไม่ค่อยได้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไหร่ ท่านไหนที่ทราบ อาจจะแบ่งปันรายละเอียดก็จะดี ถือเป็นวิทยาทาน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:37:51

ความคิดเห็นที่ 31 นี่ครับบรรยากาศป้อมปืน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:38:18

ความคิดเห็นที่ 32 โดยรอบ ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:38:43

ความคิดเห็นที่ 33 ฝั่งตรงข้ามจะเห็น ภัตตาคาร "Harper's" เด่นเป็นสง่า จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:39:03

ความคิดเห็นที่ 34 ไกล ๆ ออกไปด้านนู้นจะเป็นโบสถ์คริสต์มะละกา เดี๋ยวเราจะเดินไปกัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:39:25

ความคิดเห็นที่ 35 ข้ามฝั่งแม่น้ำไปฝั่งโน้นจะเป็นชุมชนคนจีน ช่วงบ่าย ๆ เราจะกลับมาตรงจุดนี้ แม่น้ำที่ขวางกั้นตรงหน้านี้คือ "แม่น้ำมะละกา" ยามเช้าที่แผ่นน้ำสงบนิ่ง มีสั่นเทาบ้างเล็กน้อยจากแรงลม พอทำให้กระเพื่อมไหวอยู่เป็นระยะ ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:39:53

ความคิดเห็นที่ 36 นี่ครับ ปืนใหญ่ จากป้อมปืนใหญ่ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:40:16

ความคิดเห็นที่ 37 อีกมุมหนึ่ง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:40:36

ความคิดเห็นที่ 38 ถัดจากป้อมปืนมา เราก็จะเข้าสู่จตุรัสกลางเมือง มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปมากมาย บางคนก็เรียก "Town Square" บางคนก็เรียก "Dutch Square" หรือ "จตุรัสดัชท์" บางครั้งก็เรียกว่า "จตุรัสแดง" ก็มี บริเวณนี้เป็นห้าแยก เหมือนทาง 5 แพร่งที่เราจะเลือกชมสิ่งต่าง ๆ และจะร่วมย้อนรำลึก ถึงวิถีแห่งชาวดัชท์ในมะละกากัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:41:11

ความคิดเห็นที่ 39 จุดแรกก็คือ อนุสาวรีย์กระจงน้อย หรือ "กันจิล" กันเลย ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางจตุรัส ต้องย้อนกลับไปช่วงต้นศตวรรษที่ 15 "มะละกา" ถือได้ว่าเป็น "จ้าวทะเลแห่งแรก" บนคาบสมุทรมลายู พูดได้เต็ม ๆ ปากกันเลยว่า เพราะมี "มะละกา" ถึงมี "มาเลเซีย" นี่แหละ ต้นกำเนิดของ "มาเลเซีย" กันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:41:41

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจากเกาะ "เทมาเส็ก" ตรงปลายแหลมมลายู หรือประเทศสิงคโปร์ในปัจจุบัน เกาะ นี้ปกครองโดยเจ้าชายปาเล็มบัง องค์ที่มีชื่อฮินดูว่า "เจ้าชายปราเมศวร" เมื่อครั้งกองทัพชวาโจมตีเกาะเทมาเส็ก เจ้าชายปราเมศวร ก็เลยถูกตีต้อนขึ้นไปทางเหนือ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:42:04

ความคิดเห็นที่ 41 อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เจ้าชายออกล่าสัตว์ใกล้ชายฝั่ง สุนัขล่าสัตว์ตัวหนึ่งถูกกระจงขาวเตะ ร้องเอ๋ง! วิ่งหนีหางจุกตู ด อีกตัวโดนดีดตกน้ำไป เท่านั้นแหละ เจ้าชายถึงกับทรงชื่นชมในความกล้า ตบอกผาง พร้อมอุทานออกมาดัง ๆ ว่า "ที่แห่งนี้ แม้แต่กระจง ยังมีเลือดนักสู้" ก็เลยปิ๊งไอเดีย ตัดสินพระทัยสร้างเมืองตรงนี้เลย และด้วยความที่พระองค์ประทับใต้ต้น "มะละกา" หรือ "ต้นมะขามป้อม" ก็เลยตั้งชื่ออาณาจักรแห่งใหม่นี้ว่า "มะละกา" หรือ "อาณาจักรมะขามป้อม" เออ ผมว่าไม่แปลจะดูดีกว่านะ พอแปลแล้ว มันฟังดูมะขามป้อม ป้อม ๆ เตี้ย ๆ ดูไม่มีสง่าราศียังไงไม่รู้นะ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:42:28

ความคิดเห็นที่ 42 ตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา ก็มีการหักล้างถางพง ปลูกข้าว และทำเหมืองแร่ดีบุก ข่าวคราวความอุดมสมบูรณ์แพร่สะพัดออกไป ดินแดนแห่งนี้ก็เลยเป็นที่ดึงดูดพ่อค้าที่ผ่านไปมา ราวกับสาวรุ่นเนื้อหอม ที่เพิ่งแตกเนื้อสาว ล่อตาล่อใจหนุ่ม ๆ ที่ผ่านมาแถวนั้น ก็มิปาน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:42:53

ความคิดเห็นที่ 43 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กระจงน้อย คือสัตว์ที่เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองนี้นั่นเอง ก่อนจากกันในช่วงนี้ ถ้าสังเกตให้ดี ๆ จะเห็นว่ารอบ ๆ อนุสาวรีย์วีรชนกระจงน้อยของเรานั้น จะมีป้ายบอกชื่อเมืองสำคัญ ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์มะละกา พร้อมระยะทางจากจุดที่กระจงน้อยยึน ไปถึงเมืองต่าง ๆ เช่น นครเมกะ 6550 กม, กรุงลอนดอน 10632 กม, เมืองนานจิง 5500 กม, และอีกหลายเมือง แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 14:04:49 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:43:25

ความคิดเห็นที่ 44 มีอย่างหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจคือ เครื่องหมายจราจรที่ผมเห็นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตรงจุด ๆ เรียงกัน 9 จุดด้านบน มันแปลว่าอะไร เพราะบ้านเรา ไม่ค่อยจะเคยเห็นเครื่องหมายจราจรแบบนี้กันเลย แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 14:04:26 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:44:30

ความคิดเห็นที่ 45 ใกล้ ๆ อนุสาวรีย์วีรชนกระจงน้อย ก็จะเป็นหอนาฬิกา หอนาฬิกานี้ชื่อ "หอนาฬิกา ตัน กิม เส็ง" เป็นหอนาฬิกาเก่าแก่ที่ตระกูล "ตัน" (ไม่ใช่ คุณ "ตัน" ที่ไปแต่ตัว ทัวร์ยกแก๊งค์นะครับ) ตระกูล "ตัน" นี่ถือได้ว่า เป็นตระกูลผู้มั่งคั่งของเมืองนี้ สร้างหอนาฬิกามอบให้กับเมืองนี้ และมันก็บอกเวลา ทำหน้าที่ของมันอย่างซื้อสัตย์ และเที่ยงตรง มานานนับศตวรรษ ตั้งแต่ปี 1886 แล้ว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:44:53

ความคิดเห็นที่ 46 ถัดมาเป็นน้ำพุ "Queen Victoria Fountain" สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 65 ปี ของพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ (Victoria Regina 1837-1901) ซึ่งไปสร้างเสร็จเอาปี 1904 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:45:18

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนนี้ก็เก็บบรรยากาศรอบ ๆ ไปก่อน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:45:39

ความคิดเห็นที่ 48 อีกสักรูป สักมุม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:46:11

ความคิดเห็นที่ 49 นี่ครับ "กังหันลม" ที่เป็นสัญญลักษณ์ของ "ฮอลันดา" หรือ "ฮอลแลนด์" ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้ได้ว่า ดินแดนแห่งนึ้ครั้งหนึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของฮอลันดามาก่อน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:46:29

ความคิดเห็นที่ 50 และนึ่ครับ ที่เราเห็นอยู่ลิบ ๆ มาแต่ไกล ฉายหนังตัวอย่างมาก็เยอะแล้ว ที่เห็นอยู่นี้คือคือ "โบสถ์คริสต์มะละกา" ที่สร้างจากอิฐสีชมพูจาก "Zeeland" ที่นำเข้ามาจากฮอลันดา สร้างโดยช่างมะละกาในยุคนั้น แล้วฉาบผิวอิฐด้วยดินแดงของท้องถิ่น สีก็เลยแดงดี โดยที่ไม่ต้องทาสีกันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:47:00

ความคิดเห็นที่ 51 1753 ที่เห็นใต้คำว่า "Christ Church Melaka" คือปีที่สร้างเสร็จ โบสถ์นี้สร้างอยู่นานถึง 12 ปี เพื่อเป็นอนุสรณ์การเข้ามาปกครองมะละกาครบ 100 ปี ของฮอลันดา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:47:24

ความคิดเห็นที่ 52 แรกเริ่มเดิมที เป็นโบสถ์นิกายโปรแตสแตนท์ (Protestant) ต่อมาอังกฤษเข้ามาครอบครอง ก็เลยเปลี่ยนไปเป็นนิกายแองกลิกัน (Anglican) ภายในโบสถ์เค้าห้ามถ่ายรูป ว่ากันว่าเป็นโบสถ์ที่เต็มไปด้วยแผ่นจารึกเก่าเหนือหลุมศพชาวดัทช์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวความทุกข์ระทมแสนสาหัสของชาวดัทช์ยุคแรก ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่ต้องเผชิญ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 14:07:12 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:47:51

ความคิดเห็นที่ 53 ว่ากันว่า คานใหญ่ในห้องบูชาแต่ละอันนั้น แกะสลักจากไม้ทั้งต้น เหนือแท่นบูชา มีไม้กางเขนตรึงรูปพระเยซู ห้อยลงมาจากบ่วงเหล็กติดผนัง ในยุคแรกที่เริ่มใช้โบสถ์ เขาเล่าว่าไม่มีแท่นสำหรับนักเทศน์ บาทหลวงจะนั่งบนเก้าอี้ ซึ่งผูกเชือกเอาไว้ พอถึงเวลา ก็ดึงเชือกให้บาทหลวงลอยขึ้นไปอยู่สูงประมาณกึ่งกลางผนังห้อง ก็ถือเป็นไอเดียบรรเจิด เทคนิคตะการตา ล้ำเสียยิ่งกว่าคอนเสิร์ต "เรน" เสียอีก จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:48:17

ความคิดเห็นที่ 54 ข้าง ๆ โบสถ์คริสต์มะละกา เป็นที่ตั้งของ "พิพิธภัณฑ์เยาวชน" และ "หอศิลป์มาเลเซีย" เป็นตึกสีแดง สูง 2 ชั้น สร้างเสร็จในปี 1931 โดยชาวอังกฤษ แต่เดิมเคยเป็นที่ตั้งของที่ทำการไปรษณีย์มะละกา ปัจจุบันถูกดัดแปลงไปเป็น พิพิธภัณฑ์เยาวชน และ หอศิลป์มาเลเซียไปแล้ว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:48:42

ความคิดเห็นที่ 55 ลืมรูป จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:49:01

ความคิดเห็นที่ 56 รอบ ๆ ก็มีรถซาเล้งถีบให้บริการ แต่ละคันก็ตกแต่งเสียอย่างกะ "รถงานบุปผชาติ" แต่เสียงนี้ดังกระหึ่มอย่างกะ "แพเทค" เปิดเพลงแข่งกันราวกับจะอวดแสนยานุภาพก็มิปาน ไม่มีใครยอมใครกันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:49:33

ความคิดเห็นที่ 57 อีกสักคัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:49:55

ความคิดเห็นที่ 58 มาถึงจุดสุดท้ายรอบ ๆ ห้าแยกจตุรัสแดง นั่นคือ อาคารแสตทดีย์ส (Stadthuys) หรือ "ศาลาประจำเมือง" ที่ถูกใช้เป็นสถานที่ราชการมานาถึง 300 ปี ปัจจุบันเป็น "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์วิทยา และวรรณคดี" ตัวตึกสร้างขึ้นในช่วงปี 1641-1660 โดยชาวฮอลันดา จุดเด่นคือผนังตึกหนามาก! และประตูไม้ ก็ยังเป็นแผ่นไม้เนื้อแข็งบานใหญ่ ติดบานพับเหล็กหลอมลงสลัก แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 13:51:59 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:50:26

ความคิดเห็นที่ 59 วัตถุประสงค์ในครั้งแรกคือสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์บัญชาการ และที่พักอาศัยของคณะผู้ปกครองจากฮอลันดา อาคารแสตทดีย์สนี้ ถือได้ว่าเป็นตึกแบบดัทช์ที่มีชื่อเสียงและถือได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในเอเชียก็ว่าได้เลยทีเดียว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:50:55

ความคิดเห็นที่ 60 เดี๋ยวเราจะเดินขึ้นเขากันไป บนภูเขาเซนต์พอล ที่อยู่ด้านหลังจตุรัสแดง แต่ว่าตอนนี้ขอพักกันก่อน แล้วเดี๋ยวกลับมาเจอกันต่อในภาคต่อไปนะครับ ยังมีประวัติศาสตร์ของมะละการออยู่อีกเพียบ! จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:51:25

ความคิดเห็นที่ 61 ฝากทิ้งท้ายกันอีกสักรูปนึง ฉากหน้ามีต้นไม้ร่มรื่น ส่วนฉากหลังเป็นตึกแสตทดีย์ส มีลำแสงของแดดทะลุเป็นลำลงมาด้วย แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 08:01:03 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 00:28:41 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 14:03:11

ความคิดเห็นที่ 62 ว้าว ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะเดี๋ยว วันที่ 20 พย จะไปสิงคโปร์และจะแวะไปค่ะแต่คิดว่าคงมีเวลาที่มะละกาวันเดียว จากคุณ : anyarat_postharvestcmu เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 15:25:43

ความคิดเห็นที่ 63 มาติดตามต่อครับ ต้นปีหน้าจะไปเหมือนกัน จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 17:01:08

ความคิดเห็นที่ 64 เพิ่งมาอ่านค่ะ ...อาทิตย์หน้ากำลังจะไปมะละกาเช่นกัน มาศึกษาเส้นทางรถประจำทาง ได้ประโยชน์มากเลย จากคุณ : นัทธ์ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 13:08:42

ความคิดเห็นที่ 65 สวัสดีค่ะ คุณเกษม เพิ่งเข้ามาครั้งแรก แล้วเห็นเป็นชื่อนี้ ก็เลยจะถามว่า ใช่คุณเกษมที่เคยเป็น DJ smile radio หรือเปล่า ตอนนั้นชอบมาก แล้วคุณก็เลิกไปทำงานสายการบิน จากคุณ : kidprasert (kidprasert) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 53 16:19:51