Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เตือนภัย >>> เช่ารถที่เชียงใหม่ คุณก็อาจตกเป็นเหยื่อได้  

อากาศเริ่มหนาวแบบนี้ มีหลายคนคิดจะไปรับลมหนาวกันทางภาคเหนือ เลยอยากขอมาเตือนภัยให้ระวังเรื่องการเช่ารถจากประสบการณ์ตรงค่ะ
(ถ้าใครไม่อยากอ่านเรื่องยาว ให้ลงไปอ่านที่ข้อสังเกตที่ต้องการเตือนภัยก็พอค่ะ)


เรื่องมีอยู่ว่าได้เช่ารถจากบริษัทเช่ารถแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ชื่อบริษัท Chiangmai TxxxCxxRxxx  โดยต้องโอนเงินค่าเช่าไปก่อนล่วงหน้าจำนวนหนึ่ง
และที่เหลือจ่ายในวันรับรถ แล้วต้องจ่ายค่ามัดจำรถเพิ่มด้วยอีก 5000 บาท (ซึ่งตรงนี้ ที่เคยเช่ามาจากบริษัทอื่นไม่ต้องมัดจำค่ะ ไม่ต้องโอนค่าเช่าล่วงหน้าด้วย
แค่สำเนาเอกสารของเราให้เค้าไว้ก็พอแล้ว ทำให้เอะใจนิดหน่อย ถึงความเขียมของบริษัทนี้ หลายคนอาจจะถามว่าทำไมไม่เช่ากับที่เดิมล่ะ
มันเป็นอย่างนี้ค่ะ คือเราเตียมการค่อนข้างฉุกละหุกกันนิดหน่อย หาวันว่างของแต่ละคนลงตัวได้พอดีในอาทิตย์ถัดไป ก็เลยตัดสินใจไปเที่ยวทางเหนือกัน และได้โทรไปติดต่อเช่ารถกับที่เดิม แต่ว่ารถที่เราจะเช่าคือ Toyota Altis 1.8 เพราะว่าไปกัน 4 คน มีคุณย่าไปด้วย กลัวว่านั่งข้างหลังถ้ารถเล็กจะนั่งไม่สบายแล้วก็คงจะขึ้นดอยกันด้วยเลยเลือกรถใหญ่ดีกว่า แต่ทางบริษัทเก่าเหลือแต่ Vios ก็เลยหาที่เช่าใหม่ ซึ่งก็ search หาเอาจากอากู๋นั่นล่ะค่ะ)


วันรับรถ มีพนักงานผู้หญิงคนนึงไปรับที่สถานีรถไฟและเธอบอกว่าให้เข้ามาที่ออฟฟิศก่อน เพื่อเซ็นเอกสารและจ่ายเงินทั้งหมด จากนั้นก็ตรวจเช็คสภาพรถ เรามีกันหลายคนก็ช่วยกันดูช่วยกันเช็คอย่างละเอียด เธอคนนั้งก็ติ๊กลงไปในใบ แล้วพูดแต่ว่า "ตรงนี้นะคะ เรียบร้อยค่ะ" ก็เช็คกันไปเรื่อยๆจนครบทั้งคัน พอดีสังเกตเห็นว่าน้ำมันที่ให้มาน่ะไม่เต็มถังนะ ลดลงไปประมาณ 1 ใน 4 เลยอ่ะ สังเกตได้ชัดมากๆ ก็เลยบอกไปว่าที่น้องขีดระดับน้ำมันในใบเช็คสภาพรถน่ะ มันไม่เต็มนะ เธอคนนั้นก็เลยขีดใหม่อีกขีดนึงตรงตามระดับน้ำมันจริง พอทุกอย่างเรียบร้อยเราก็เอารถออกไปใช้


ระหว่างการใช้รถพี่ผู้ชายเป็นคนขับ โดยขับอย่างระมัดระวังมากเพราะทางขึ้นดอยค่อนข้างอันตรายมาก พวกเราก็ไม่ชำนาญเส้นทางด้วย แล้วก็ขับคลานกันไปช้าๆเพราะว่ารถจะได้ไม่เหวี่ยงไม่เมารถ (มาสังเกตเห็นทีหลังว่ารถที่ให้มาเป็น 1.6 ซึ่งราคาเช่าถูกกว่า 1.8 ตามที่ตกลงไว้) เราใช้รถกันอย่างถนอมมากๆเหมือนรถที่บ้านนั่นล่ะ จะแวะตลาดซื้อของกันยังไม่จอดริมถนนเลย กลัวรถเค้าเสียหายขึ้นมา เราก็โดนหนักเลย เพราะถ้าเหตุมันเกิดไปแล้วเค้าจะเรียกเท่าไหร่ก็ได้ อีกอย่างเงินมัดจำ เค้าก็ยึดไปอยู่ในมือแล้ว เรายอมเสียค่าที่จอดกันครั้งละ 20 30 บางทีก็ 50 เชียวนะ จอดก็จอดหลบในร่ม ไม่อยากให้รถตากแดดอบความร้อนไว้ เดี๋ยวคุณย่าจะไม่สบาย
เหตุมาเกิดวันส่งรถ นัดเวลาส่งรถประมาณ 1 ทุ่มที่สนามบินเชียงใหม่ คนรับรถมาช้าประมาณ 15 นาที แต่ไม่เป็นไรเรายังพอมีเวลา คนรับรถเป็นผู้ชายขี่มอเตอร์ไซด์มา 3 คน
มาถึงก็เปิดใบที่เช็คสภาพรถแล้วก็เดินวนดูรอบคัน เราก็เอะใจไว้แล้วอ่ะ ว่ายึดเงินมัดจำไปอย่างนี้มันต้องหาจุดหักเราแน่ๆ แล้วก็เป็นไปตามคาด ไปหาเจอรอยนึงข้างล้อหน้าขวา
เป็นรอยขีดค่อนข้างลึกฝังลงไป ซึ่งรอยขนาดนี้ถ้าชนโดนอะไรจริงๆมันต้องดังแน่ๆ ก็บอกไปว่า

"ตรงนี้อ่ะรอยเก่า น้องคนเช็ครถเค้าติ๊กให้แล้ว"
ได้รับคำตอบกลับมาว่า "ไม่มี นี่รอยใหม่ รถผม ผมดูแลอยู่ทำไมจะไม่รู้"
(เดี๋ยวมีรูปด้านล่างนะคะ การติ๊กรอยก็คือขีดฆ่าไปทั้งคันน่ะ


บางที่ขีดไม่ครบก็บอกว่าเรียบร้อยแล้ว กันชนหลังมีรอย ก็ว่าเล็กๆน้อยๆไม่นับ ซึ่งสัญลักษณ์ตรงนี้เธอคนนั้นเป็นคนจดค่ะ เราก็ไม่อยากจะไปก้าวก่ายมากตรงนี้)


อ้าว งานเข้าแล้วดิเนี่ย เลยบอกทำไมน้องคนเช็ครถไม่มาด้วยอะ เค้านั่นแหละรู้ดีเพราะเค้าเป็นคนจดไว้ทุกอย่าง นายคนนั้น (ซึ่งหลังจากนี้จะเรียกว่าตัวแสบ เพราะบทบาทเด่นมากๆ) ตอบมาด้วยความสบายใจเฉิบว่า

"อ๋อ น้องเค้าเป็นเด็กฝึกงาน ไม่ได้ทำ 24 ชั่วโมงหรอก"

ไหงงี้ละเฮ้ย โยนขี้เลยอ่ะ เราพยายามให้เรียกน้องคนนั้นมา ก็ได้แต่คำตอบอย่างนี้กลับมาด้วยความไม่สุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ขึ้น ขึ้นเลยค่ะอย่างนี้ เลยโวยไปทีว่า

"นี่มันเป็นความผิดพลาดในบริษัทคุณนะ การประสานงานในบริษัทคุณไม่ดี ทำไมต้องให้ลูกค้ามารับรู้มาเสียเวลาด้วย"
"แล้วขอถามหน่อย ทำไมเวลาส่งรถ เช็คสภาพเนี่ยไม่หาคนที่เป็นพนักงานที่ไว้ใจได้ของบริษัทคุณมา ส่งมาได้ยังไงเด็กฝึกงานเนี่ย"

(ที่จริงแล้ว เราว่าไม่ใช่เด็กฝึกงานหรอก เพราะจากที่ไปที่ออฟฟิศก็ดูเธอสนิทสนมกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี)
อีกประเด็นนึงคือน้ำมันไม่เต็มถัง ก็เราคืนเท่าที่เราได้มา ตรงนี้ก็เป็นปัญหาอีก รอยขีดระดับ 2 รอยนั้นมีปัญหา



เรื่องตกลงกันไม่ได้ มารยาทที่หยาบคายก็เริ่มออกมาเรื่อยๆ เรายืนอยู่กับพี่ผู้ชาย โดยที่มี 3 คนนั้นยืมล้อมอยู่ รู้สึกเหมือนโดนข่มขู่ยังไงไม่รู้ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงมากันเองนี่นึกไม่ออกเลย ว่าอันตรายแค่ไหน พอเริ่มหาจุดสิ้นสุดไม่ได้จึงตัดสินใจโทรหาตำรวจท่องเที่ยว 053-242966 ได้มาจากเวป ททท ค่ะ ซึ่งโทรไปกลายเป็นว่าหมายเลขนี้ยังไม่เปิดให้บริการ ตายล่ะหว่า ก็เลยเดินไปถามพี่ รปภ แถวนั้นให้เค้าช่วยเรียกตำรวจให้หน่อย พี่เค้าบอกเดี๋ยวต้องเรียกหัวหน้าให้ทราบก่อน ค่อยแจ้งตำรวจให้ -_-" อ่ะๆๆ ไม่เป็นไรเวลายังพอมีๆ จุดไคลแมกซ์อยู่ตรงนี้ค่ะ
พอพวกเราตัดสินใจให้พี่ยามเรียกตำรวจ ตัวแสบก็เดินไปที่รถกำลังจะเปิดประตูขึ้นไปขับ พี่ผู้ชายถามว่า แล้วนี่จะไปไหนน่ะ >>
"ไม่เอาละ ผมจะเอารถไป" แล้วเปิดประตูรถ พี่ผู้ชายก็เลยถามถึงเรื่องเงินมัดจำ 1 ใน 3 คนนั้นที่ถือเงินมัดจำอยู่รีบคืนเงินแต่โดยดี เราเห็นท่าไม่ดีก็เลยเรียกพี่ รปภ มาช่วยดักหน่อย เพราะท่าทีจะเอารถหนีแล้วล่ะ คือเรื่องของเรื่องอยากให้ตำรวจมารับรู้หน่อย เพราะเราเข้าข่ายโดนข่มขู่ อีกอย่าง สำเนาเอกสารที่ให้ไปนั้นอ่ะ ถึงจะได้คืนมา แต่ใครจะไปรู้ว่าหลายวันนั้นเอาไปก๊อปปี้ไว้รึเปล่า  เกิดเอาไปทำอะไรขึ้นมาก็เดือดร้อนกันอีก จากตอนนี้ทำให้รู้แล้วล่ะ ว่าถ้าบริสุทธิใจจริง ทำไมต้องหนีด้วย

ระหว่างนั้นทั้ง 3 คนก็โทรศัพท์กันใหญ่ อีกคนส่งโทรศัพท์มาให้คุยกับเจ้าของรถ ซึ่งเจ้าของรถไม่ได้ว่าอะไรมาก พูดจาดีโอเค เหลือแต่รอตำรวจเท่านั้นล่ะ (นี่ยังดีที่พอมีเวลาเหลืออีก 20 นาทีก่อนจะเข้า gate) ระหว่างรอน้องผู้หญิงเห็นว่ารอนานแล้วก็เลยออกมาตาม แล้วพอดีมีกล้องติดตัวเลยบอกให้ถ่ายวีดีโอไว้หน่อยละกัน
พอแพนกล้องไปที่ตัวแสบ มันยกนิ้วโชว์ของลับ ซะงั้น เลวมากกกกกก แล้วกล้องก็ดับไป สรุปเมมหมดถ่ายได้ไม่ถึงตอนเด็ด ไม่อย่างงั้นคงมีหลักฐานชั้นเยี่ยมประกอบความหยาบคาย
การถกเถียงไม่สิ้นสุด ต่อปากต่อคำกันถึงพริกถึงขิง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม กลัวโดนยิงทิ้งเหมือนกันอ่ะ เพราะดูนักเลงเหลือเกิน บอกว่าเป็นบริษัทรถ ไม่เกี่ยวกับบริษัทเช่า อันนี้เราจำเป็นต้องรับรู้มั้ยเนี่ย จะมีกี่บริษัทแต่เราเช่ามาจากที่นี่อ่ะ ทำไมต้องมาปัดความรับผิดชอบ พอพวกพี่ รปภ มามุงกัน 5-6 คน พวกนั้นก็เลยเริ่มเงียบไป


ซักพักมีคนจากที่เช่ารถมาอีกคน รวมเป็น 4 ละ แต่คนนี้มาแนวพูดดี เจรจาขอแล้วแต่เราจะช่วยเรื่องเงิน เพราะต้องเอาไปทำสีใหม่ บลาๆๆ ว่ากันไป เราก็ไม่ยอม เพราะไม่ได้ทำ ทำไมต้องมาจ่าย ยืนยันว่าไม่จ่าย ก็เลยว่าขอ 500 ละกัน พวกเราก็ไม่ยอมอีกพูดไปพูดมาเหลือ 300 เราก็ไม่จ่าย พี่ผู้ชายเลยบอกอยากได้ก็ไปฟ้องร้องเอาละกัน


ทำไปทำมาก็ไม่คิดละกัน เผื่อคราวหน้าจะได้มาเป็นลูกค้าอีก

"โอ้ย ไม่เอาแล้วล่ะค่ะ ครั้งแรกและครั้งเดียวบริษัทนี้ จะไปประกาศให้รู้ทั่วกันด้วยว่าเป็นยังไง หากินไม่ได้แล้วทำอย่างเนี้ย
ทางทีดีอ่ะแนะนำนะ เปลี่ยนชื่อบริษัทหนีไปเลยดีกว่า ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียหนิ เผื่อจะหากินได้ใหม่ แนะนำเลยนะ"

ทางนั้นก็ได้แต่ครับๆ แล้วก็ทิ้งท้ายว่า "ลูกค้าอย่างนี้คราวหน้าก็ไม่ต้อนรับอีกเหมือนกัน" (อ้าวแล้วมาเชิญทำไมแต่แรกวะเนี้ย)

สรุปแยกย้ายกันกลับไปเพราะตำรวจไม่มาซักที (ถ้ามีเรื่องคอขาดบาดตายกว่าจะมาก็คงลงหน้าหนึ่งไปแล้ว) เพราะเราก็ไม่มีเวลาแล้วด้วยต้องเข้า gate แล้ว พวกพี่ รปภ ที่สนามบินก็ดีนะมาช่วยอยู่เป็นพยาน อย่างน้อยที่หน้าสนามบินก็มีเจ้าหน้าที่ดูแล มีแสงสว่างเพียงพอ ขอขอบคุณพวกพี่ๆอีกครั้งค่ะ

จากคุณ : Feynman
เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 17:43:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com