 |
Tiger Temple (วัดป่าหลวงตามหาบัว) จ.กาญจนบุรี...เกือบจะได้เสียน้ำตา
|
|
เมื่อวาน(22พ.ย.) เรากับครอบครัวตั้งใจจะไปหาที่ทำบุญ บริจาคของให้เด็ก หรือ ผู้ที่เดือดร้อน เพราะจะถึงวันเกิดของแม่เราแล้ว เราเป็นคนหาข้อมูล ก็ได้ที่มูลนิธิธรรมานุรักษ์, มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์(สวนสัตว์เลี้ยงกาญจนบุรี) และ วัดป่าหลวงตามหาบัว เราก็หาที่คิดว่า เค้าไม่มีเบื้องหลังที่แบบไม่ได้ลำบากจริงๆแล้วนะ
อย่างมูลนิธิแรก เพื่อนชมรมเราก็เพิ่งไปทำค่ายมา เพราะบ้านเราไม่ได้ไปอย่างงี้บ่อยๆอ่ะ ต้องค้าขาย ทำมาหากิน พี่เราก็ทำงาน ไม่ค่อยว่าง แม่เราก็เลยดีใจมาก เตรียมขนม,...ให้น้องๆ เตรียมอาหารหมา อาหารแมว << ที่จริงเราอ่านเจอว่าเสือมันกินอาหารแมวแห้งด้วย ก็เลยลองซื้อไปก่อน ถ้ามันไม่กินจะเอาไปให้ที่สวนสัตว์เลี้ยง
ไปถึงมูลนิธิแรก มูลนิธิธรรมานุรักษ์ น้องๆน่ารักกันมากๆ วิ่งออกมารับ ดีใจ ยิ้มแย้ม พาเราไปดูไก่ที่เลี้ยงไว้ เอาเป็นว่า เราที่ไม่ค่อยชอบเด็ก ก็ประทับใจอ่ะ มีครั้งที่สองแน่นอน << ช่วงนี้อากาศหนาวมากๆ กลางวันที่นู่นยังเย็นๆเลย ใครพอมีเสื้อผ้าหนาๆ เสื้อกันหนาว ไม่ใช้แล้ว สภาพดี น้องๆเค้ายังขาดแคลนอยู่นะค่ะ
เออ...เราก็แบบมีความสุข ลาท่านแม่ชีที่ดูแลออกมา ขับรถกลับมา จะถึงแล้ว... เราถึงที่วัดป่าหลวงตามหาบัว ตอนประมาณ 11.5..น.
ตรงหน้าที่ขายตั๋ว ก็มีฝรั่งกลุ่มนึงยืนอยู่ 4-5 คน เราก็สอดแทรกเข้าไปถาม พนักงานที่หน้าตาไม่ยิ้มแย้มว่า "จะเข้าไปข้างใน ต้องทำอะไรบ้างคะ" เรายืนยันว่าเราสุภาพมากๆ แล้วฝรั่งพวกนั้นก็ยืนเฉยๆ เสร็จธุระแล้ว คุณพนักงานก็ตอบมาเสียงแข็งๆว่า "ก็เข้าไป แล้วก็ถ่ายรูปกับเสือ" แล้วก็ทำท่าจะปิดกระจก(คือปิดให้มันเหลือช่องเล็กๆอ่ะ)
เราก็ยังรู้สึกดีอยู่นะ จากการเปิดเว็บดู ว่าเค้าเอาเสือมาช่วยเลี้ยง แบบชาวบ้านไปเอามาจากป่า เลยหันรีหันขวาง แล้วก็เจอพนักงานออกมาจากห้องขายตั๋วอีก 2 คน เค้าก็เดินมาบอกแม่เราว่า "คนไทยหรือเปล่า เนี่ยรีบๆไปลงทะเบียนเลย จะเที่ยงแล้ว ก่อนเที่ยงฟรี อ่ะๆเหลือเวลาอีก 2 นาที เร็วเข้า"
พ่อกับแม่เราก็รีบเดินไป ระยะทางไม่กี่เมตรหรอก แต่พอเดินไปถึง พนักงานที่หน้า...ยิ่งกว่า ที่เฝ้าหน้าประตู บอกว่า เที่ยงแล้วพี่ กลับไปซื้อตั๋วเลย คนละ300บาท แล้วพนักงานคนที่บอก เหมือนรู้ตัว เดินหนีไปอีกทางเลย
พ่อเราไม่ค่อยยอมพวกเรื่องอย่างงี้อยู่แล้วอ่ะ ก็บอกเค้าไปว่า "นั่นอ่ะ น้องพนักงานคนนั้น เพิ่งจะบอกเอง ว่ารีบเดินมาเลย ยังไม่เที่ยง" พนักงานหน้าประตูก็บอกว่า ไม่สน เดินกลับไปดูนาฬิกาที่ห้องขายตั๋วสิพี่ << แค่ป้ายประชาสัมพันธ์ยังไม่มีเลย จะคาดหวังอะไรกับนาฬิกากลาง
เราอยู่ในเหตุการณ์ตลอด รู้สึกแย่สุดๆเลย คือเรามาทำบุญอ่ะ แล้วสถานที่นั้นก็ใช้คำนำหน้าว่า "วัด" อ่ะ ถ้าจะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็กรุณาตัดคำว่า "วัด" แล้วพระสงฆ์ก็ควรไปจำพรรษาที่อื่น เงิน 300 บาท ใครๆก็คิดได้ ว่ามันทำบุญ คือถ้าเราเข้าไปปกติ เราก็กะจะทำอยู่แล้ว แม่เราเตรียมสังฆทาน ไปด้วยซ้ำ...
สำหรับบ้านเรา ไม่ได้รวยอะไร แต่300 ก็พอจะจ่ายได้ ถ้ามันกระจ่างแต่แรก นี่นอกจากจะไม่ชัดเจน ป้ายก็ไม่มี เหมือนจะต้อนรับแต่ชาวต่างชาติ ซึ่งคิดคนละ 500 บาท พนักงานยังทำเหมือนเราเดินขอทาน มาขอข้าวเค้ากิน ถ้าเราจำไม่ผิด เรากำลังเอารายได้มาให้เค้า<< เรายืนยัน สาบานเลย ไม่มีคนพูดดีๆกับบ้านเราซักคน ยังดีที่เมื่อกี้ท่านแม่ชีที่มูลนิธิ ใจดีมีเมตตามากๆ ยังพอเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจเรา ไม่ให้อึ้ง จนน้ำตาร่วงไปซะก่อน เราไม่ได้เว่อร์นะ นั่งช็อกไปจนถึงสวนสัตว์เลี้ยงกาญจนบุรีเลย
ความคิดเรา เค้าทำร้ายน้ำใจพุทธศาสนิกชนมากเลย การทำบุญ คือ การทำสิ่งที่ดี ทำทาน โดยที่เราและคนอื่นไม่เดือดร้อน แล้วนี่มันอะไรอ่ะ มันธุรกิจชัดๆ อย่าเอาคำว่า วัด มาบังหน้าอีกต่อไปเลย
กลับมาบ้าน เราถึงได้เปิดเจอ ว่าเรื่องนี้มันมีมาหลายปีแล้ว เคยมีคนร้องเรียนออกสื่อ เค้าไปเที่ยวกัน 13 คน คิดดูสิ เค้าต้องจ่าย 3900 บาท เค้าร้องเรียนเมื่อปีที่แล้ว ว่าคิดอัตราเดียวกับชาวต่างชาติเลย และราคาสูงเกินไป แล้วท่านๆแก้ปัญหายังไง...เพิ่มชาวต่างชาติเป็น 500 บาท T___T
เราไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดขวางคนที่อยากไปนะ แต่เรารับกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆอ่ะ เสียความรู้สึกไปหมดสิ้นเลย ครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย...
ต่อจากนั้นเราก็มาสวนสัตว์เลี้ยงกาญจนบุรี อยู่ในเขตโรงเรียนผู้นำ ของพลตรีจำลอง ศรีเมือง (ไม่เกี่ยวกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น!!!) มีหมา-แมว 2000 กว่าตัว O___O!!! ท่านแม่ชีที่นี่ใจดีอีกแล้ว ถึงเราจะเอาอาหารไปฝาก ที่พวกหนูๆอาจจะกินกันหมดได้ในวันเดียว แต่ท่านแม่ชีก็ไม่เห็นน้ำใจของเราเป็นแค่เศษเงิน!!!!
ปล.สิ่งเดียวที่เราคิดคือ อยากให้พระสงฆ์อย่ายุ่งเกี่ยวกับสถานที่นั้นเฉยๆ เพราะมันเป็นธุรกิจที่หวังผลกำไรสุดๆ ไม่ควรที่ศาสนาจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย แค่นั้นแหละ
จากคุณ |
:
pursung
|
เขียนเมื่อ |
:
23 พ.ย. 52 01:11:07
|
|
|
|  |