Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อุทธาหรณ์ (ความเลว) จาก “ท่าเรือนวลทิพย์” เกาะเสม็ด  

“เอามาเล่าสู่กันฟัง เผื่อเพื่อนๆ จะได้เก็บไว้เป็นข้อระมัดระวังตัว ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริการจากท่าเรือป่าเถื่อนแห่งนี้”

           ขออภัยหากเนื้อหาจะยาวไปหน่อย  แต่ดิฉันว่าลองอ่านดูนะคะ และยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ  

           เนื่องจากดิฉันและกลุ่มเพื่อนที่ทำงานมีแพลนไปเที่ยวเสม็ดกัน ในวันที่ 21 – 22 พ.ย. 52  ที่ผ่านมา  วันนั้นพวกเราไปเที่ยวที่อื่นกันก่อนแล้วจึงเดินทางไปนอนค้างที่เกาะเสม็ดกัน   เย็นนั้นพวกเรามาถึงท่าเรือตอนเกือบ ๆ 5 โมงครึ่ง (เพราะรู้ว่าเรือข้ามไปเกาะเสม็ดเที่ยวสุดท้ายจะมีประมาณ 6 โมงเย็น) ในกลุ่มก็ให้ดิฉันเป็นคนตัดสินใจเลือกท่าเรือซึ่งจะต้องรับฝากรถด้วย (ขับกันไป 2 คัน)   ก็ด้วยความที่ส่วนตัวดิฉันเคยใช้บริการจาก “ท่าเรือนวลทิพย์” มาแล้วหลายครั้ง  ซึ่งล่าสุดเมื่อปลายเดือน ต.ค. ดิฉันกับกลุ่มเพื่อนสนิทก็เพิ่งมาใช้บริการจากท่าเรือแห่งนี้กันไป   และก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น    ครั้งนี้ดิฉันก็จึงตัดสินใจเลือกใช้บริการจากท่าเรือนวลทิพย์นี้อีกครั้ง  

             ดิฉันเดินเข้าไปสอบถามและซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย คือ ไป + กลับ ท่าเรือหน้าด่าน ทั้งหมด 6 คน คนละ 100 บาท  (เที่ยวละ 50 บาท) จากนั้นก็นั่งๆ เดินๆ กันอยู่ที่ท่าเรือ ถ่ายรูปมั่ง ซื้อขนมไปกินบนเกาะกันมั่ง  เพื่อรอเวลาเรือออก  ตอนนั้นมีกรุ๊ปของดิฉัน กับ ผู้หญิงฝรั่งอีกหนึ่งคน  และหลักจากนั้นก็มีคนมีเรื่อยๆ  จนเวลาผ่านไปเกือบ 6 โมงเย็น  กรุ๊ปดิฉันจึงเดินยกกระเป๋าไปรอตรงปลายท่าที่มีศาลาที่จะลงเรือ  ตอนนั้นมีทั้งคนไทย ทั้งฝรั่งนั่งรอกันอยู่รวมๆ แล้วก็ 10 กว่าคน  ตอนนั้นเรือที่จะพาเราไปส่งเกาะเสม็ดก็ยังไม่ได้มาเทียบท่า ทุกคนก็ได้แต่นั่งรอ  พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้วมันเริ่มมืด  

           ไม่นานก็มีพนักงานผู้ชายคนหนึ่งเดินมาตรงผู้โดยสารที่นั่งรอ เขาเดินเข้ามาบอกว่า (เท่าที่จับใจความได้นะคะ)  “...ตอนนี้คนมีไม่ถึง 20 คน  ถ้าจะให้เรือออกตอนนี้เลย ก็ต้องจ่ายตังค์เพิ่มมาคนละ 50 บาท  ตอนนั้นคนที่นั่งรออยู่พอได้ยินก็นิ่งๆ  เหมือนอึ้งๆ กัน  หันหน้ามามองกันแบบ งง งง   แล้วผู้ชายคนนั้นก็หันมาถามกรุ๊ปของดิฉันว่าโอเคมั้ย จ่ายเพิ่มคนละ 50 บาทน่ะ   ดิฉันก็ถามกลับไปว่าตอนนี้มีกี่คน  เค้าบอกว่า “.....มีอยู่ 12 คน  ถ้าจ่ายเพิ่มคนละ 50 บาท ก็จะได้ออกเรือเลย...” ดิฉันก็เลยถามกลับไปว่า ทำไมต้องจ่ายเพิ่มตั้งคนละ 50 บาท ในเมื่อคุณบอกว่าต้องมี 20 คนเรือถึงออก   ก็ในตอนนี้มันขาดอยู่อีก 8 คน  ซื้อตั๋วก็เท่ากับ 400 บาท ไม่ใช่เหรอ    ถ้าจะให้ 12 คนที่รออยู่ช่วยกันออกเพิ่ม มันก็ควรจะเพิ่มคนละไม่เกิน 35 บาท  ทำไมต้องเพิ่มคนละ 50 บาท ด้วย  ดิฉันก็จึงตอบว่าถ้าจะต้องจ่ายเพิ่มตั้งคนละ 50 บาท ดิฉันไม่โอเค ...................  พนง.ชายคนนั้นก็ทำท่าไม่พอใจแล้วก็พูดดังๆ ออกมาว่า “ถ้าไม่ยอมจ่าย ไม่โอเค อย่างนั้นก็นั่งรอกันไปเถอะ ชั่วโมงนึงแหล่ะถึงจะได้ไปน่ะ”  แล้วเค้าก็เดินกลับขึ้นไปตรงที่ขายตั๋วเลย
 
           ทุกคน ณ ที่นั้นนิ่งเงียบ แล้วก็หันมาพูดกันว่าทำไมถึงเอาเปรียบกันขนาดนี้ ตอนซื้อตั๋วไม่เห็นบอกอะไรซักอย่าง คงมีอื่นๆ เคยโดนแหล่ะ แต่เค้าคงยอม ๆ กันไปประมาณว่าช่างมัน  แต่บังเอิญวันนั้นทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็พร้อมใจกันไม่ยอม เค้าก็เลยโมโห    ฝรั่งที่มากับคนไทยเค้าก็ถามเพื่อนเค้าว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเรือไม่ออก เพื่อนเค้าอธิบายให้ฟัง เค้าก็ทำหน้าไม่พอใจเหมือนกัน

           ผ่านไปแป๊บนึง ก็มีผู้โดยสารเป็นผู้หญิงเข้ามาเพิ่มอีก 2 คน  รวมกับที่มีอยู่ก็เป็น 14 คน  ดิฉันจึงตัดสินใจเดินไปตกลงค่าโดยสารที่จะต้องจ่ายเพิ่มกับ พนง.ผู้ชายคนนั้นตรงที่ขายตั๋วอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่ามันมืดแล้ว เกือบจะ 6 โมงครึ่งแล้ว อยากไปถึงเกาะแล้ว    

            ดิฉันเดินไปถึงก็ถาม พนง.ผู้ชายคนเดิมนั้นว่า เมื่อกี้มีคนมาเพิ่มอีก 2 คนแล้ว  สรุปว่าตอนนี้ยังขาดอีกกี่คน เราขอจ่ายเฉพาะส่วนที่ขาดเท่านั้นได้มั้ย......เค้าตอบกลับมาว่า .........ถ้าไม่จ่ายเพิ่มก็รอไปจนกว่าจะครบ 20 คนนั่นแหล่ะ  แต่เค้าก็ไม่ยอมให้จ่ายเฉพาะ 6 คนที่ยังขาดอยู่นะ จะให้ทุกคนจ่ายเพิ่มคนละ 50 อยู่นั่นเอง

             ดิฉันเองก็เริ่มหงุดหงุดแล้วเหมือนกัน  ไอ้เงินคนละ 50 บาทน่ะ มันไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ เพราะไม่ได้มากอะไร จริงๆ ดิฉันว่าทุกคนก็จ่ายได้นะ ขอกันกินมากกว่านี้อีก  แต่ทำไมคนพวกนี้จึงต้องมาเอารัดเอาเปรียบกันอย่างนี้ด้วย หรือเพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่มีทางเลือกอื่นก็เป็นได้ เพราะเวลาตอนนี้เรือของท่าอื่นๆ ก็ออกกันไปหมดแล้ว   นี่มันงานบริการแท้ๆ  คนที่นั่งอยู่ก็คนไทยเกือบทั้งนั้น
 
            แถมต่อมา พนง.ชายคนนั้นยังบอกกับดิฉันอีกว่า ท่าเรือนวลทิพย์ไม่ได้ระบุเวลาออกจากท่าเรือบ้านเพไว้สักหน่อยว่ารอบสุดท้ายจะออกตอน 6 โมงเย็น  มีแต่บอกว่าผู้โดยสารขั้นต่ำต้อง 20 คน (อันนี้ดิฉันว่าดิฉันเข้าใจธุรกิจได้นะ แต่นี่มันเอาเปรียบกันชัดๆ มันไม่ได้เป็นไปตามกติกาที่คุณตั้งไว้ด้วยซ้ำ)  ท่าเรือฝั่งเสม็ดเท่านั้นที่ระบุเวลาออก  แล้วเค้าก็ชี้ๆ ให้ดูในกระดาษ ใบปลิวของท่าเรือเค้ามั้ง (ด้วยอาการท่าทางที่กวน ?...มาก ถึงมากๆ   ว่ามีเขียนไว้อย่างนั้นจริงๆ ดิฉันเองก็เห็นไม่ถนัดหรอกค่ะ
 
            จากนั้นดิฉันก็พยายามต่อรองอีกครั้งและพูดขึ้นว่า “ทำไมต้องให้คนตั้ง 14 คนจ่ายเพิ่มอีกคนละ 50 บาท  รวมแล้วก็ 700 บาท   ในเมื่อมันขาดไม่ถึงนี่ ตอนนี้มันขาดอยู่อีกแค่ 300 ร้อยไม่ใช่เหรอ  มันเอาเปรียบกันไปหรือเปล่า  ถ้าคุณไม่ยอมออกเรือ งั้นดิฉันกับเพื่อนๆ ขอคืนตั๋วเลยแล้วกัน  ดิฉันไม่ไปแล้วก็ได้ คุณมาเอาเปรียบกันแบบนี้มันไม่ถูก”
   
                   หลังจากดิฉันพูดจบเท่านั้นแหล่ะ   เค้าพูดเสียงดังด้วยกริยาอันป่าเถื่อนใส่ดิฉัน ซึ่งตอนนั้นดิฉันเดินไปตรงนั้นคนเดียว ไม่ได้ชวนคนอื่นๆ เดินไปด้วย   เค้าบอกกับดิฉันว่า  ....ที่นี่ ตั๋วซื้อแล้วไม่รับคืน  ไปๆ รอไปเที่ยวเช้าพรุ่งนี้เลยไป (พูดทำนองประชด รูปร่างหน้าตาก็บ่งบอกมากว่าไม่ใช่คนดี  ใครเคยใช้บริการเรือรอบเย็นๆ ก็ลองสังเกตผู้ชายที่ขายตั๋วดูนะคะ คนที่ผมยุ่งๆ ยาวๆ ผิวคล้ำๆ  วันนั้นเค้าใส่ชุดฟุตบอล เบอร์ 15 ถ้าจำไม่ผิด)  คืนนี้พวกคุณไม่ต้องไป...” (จำมาได้แค่นี้อ่ะค่ะ หลังจากนั้นหูดับไปพักนึง  นึกในใจ แม-ร่ง โค-ตร เ ฮี ย เลย ซวยจริงๆ ที่มาเจอแบบนี้วันนี้)
 
                  พอเค้าพูดจบ ดิฉันจึงพูดกลับไปว่า  “คุณคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะทำแบบนี้ คุณทำธุรกิจงานบริการ แต่เพราะความมักง่ายจะเอาเปรียบคนอื่นเพื่อเงิน จะยอมเอาชื่อเสียงเข้าแลกก็เอา  ดิฉันไม่ยอมหรอก จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย  แล้วจะบอกให้คนอื่นได้รับรู้กันด้วยว่าท่าเรือนี้ทำแบบนี้กับลูกค้า”

                 แล้วดิฉันก็เดินกลับมาที่ท่าเรือที่ทุกคนนั่งรออยู่  แล้วก็พูดกับเพื่อนๆ ที่ท่าว่า เค้าไม่ยอมจะเอาคนละ 50 บาทอย่างเดียว  เพื่อนคนนึงในกรุ๊ปดิฉันก็เริ่มหาเบอร์โทรท่าเรืออื่นกันแล้ว  ตอนนี้คือ ยอมเสียเงินค่าตั๋ว 600 แล้วล่ะ เพราะเค้าไม่ให้เราคืนตั๋ว  ช่างมันถือซะว่าวันนี้มันเป็นวันซวย  แล้วเรือของโชคกฤษดาก็ตอบมาว่าเรือเที่ยวสุดท้ายเพิ่งออกไป ก็เลยโทรเช็คท่าเรืออื่นๆ แต่ก็ไม่มีแล้ว
 
                 ในระหว่างนั้น  เพื่อนในกรุ๊ปที่มาด้วยกันอีก 2 คน ก็เดินไปเจรจากับ พนง.ชายคนนั้นอีกรอบ (ตอนนี้ทุกคนก็พยายามหาทางว่าจะไปถึงเกาะเสม็ดกันอย่างไร)  สักพักเดียวเพื่อน 2 คนนั้นก็เดินกลับมา  แล้วก็บอกว่า  พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ  มันพูดจาไม่ดีมากๆ  แย่มาก ไม่มีมารยาท และมันก็บอกว่าไม่ให้กลุ่มพวกเรา 6 คนไปแล้ว   ให้คนอื่นขึ้นเรือได้แต่ไม่ให้พวกเราไป ให้เอาตั๋วไปคืน (เลวมั้ยล่ะค่ะ)  กรุ๊ปเราก็ตกลงกันว่าไปสปีดโบ๊ทกันเถอะ อย่าไปง้อมัน  มันทำกับพวกเราถึงขนาดนี้แล้ว   ก็เลยโทรไปเช็คจากท่าเรือที่ใกล้ที่สุด เพราะเราจอดรถไว้ที่นี่แล้วก็จ่ายเงินไปแล้ว  สุดท้ายก็ได้เรือของโชคกฤษฎา  เรายกกระเป๋าสัมมาภาระจากตรงที่ขึ้นเรือ กลับขึ้นไปตรงที่ขายตั๋วอีกครั้ง เพื่อรอรถจากท่าโชคกฤษฎามารับ
 
              สรุปคืนนั้นพวกดิฉันไปถึงเกาะเสม็ดกันทุ่มกว่า ทางรีสอร์ทที่จองไว้ก็โทรมาเช็คเพราะเห็นว่ามันมืดแล้ว   ในใจพวกเราเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มันแย่มากๆ กับเหตุการณ์และพฤติกรรมของพนักงานของท่าเรือนวลทิพย์ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีพฤติกรรมที่เลวร้ายได้ขนาดนี้ และเค้าคงโมโหกรุ๊ปเราเป็นพิเศษเพราะเหมือนเป็นตัวหลักในการปฏิเสธล่ะมั้ง    ตอนนั้นถ้าคิดทันดิฉันกับเพื่อนๆ คงไม่เอาตั๋วไปคืนหรอกค่ะ ยอมเสียตังค์ 600 ไปเลย  แล้วค่อยไปแจ้งความกับตำรวจไปดีกว่า   เอาผิดไปเลย เพราะอย่างนี้ทางกฎหมายเค้าเรียกว่าฉ้อโกง ในเมื่อเราซื้อตั๋วแล้ว เค้าก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธไม่ให้บริการกับเรานะคะ เผื่อเพื่อนๆ คนอื่นเจอแบบนี้กับตัวเอง จะได้รู้ไว้ ก็ยอมเสียเงินไปเถอะค่ะ  เอาผิดฐานฉ้อโกงไปเลยคุ้มกว่า  ทีหลังเค้าจะได้ไม่กล้าไปทำแบบนี้กับลูกค้าคนอื่นๆ อีก  

                 ดิฉันเองก็ใช้บริการมาหลายต่อหลายครั้งนะคะ  แต่ทุกครั้งจะเดินทางตอนช่วงกลางวันซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการมาก จึงไม่เคยเจอกับปัญหาเช่นครั้งนี้ .............ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาจนจบค่ะ

แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 52 19:03:09

แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 52 19:00:07

แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 52 18:03:07

แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 52 17:46:03

จากคุณ : Diamond_Girl
เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 17:06:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com