ความคิดเห็นที่ 1 เนื่องจากคุณแม่และคุณน้องสาวมาเยี่ยม จขกท.เมื่อตอน July 4th ที่ผ่านมา เราสามแม่ลูกเลยกระเตงกันไปลั่ลล๊า กินๆนอนๆที่นิวยอร์คซิตี้กัน มาถึงก็ได้จ๊ะเอ๋เซย์เฮลโลกับ Chrysler Building ที่อยู่แถวๆโรงแรมเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:19:12

ความคิดเห็นที่ 2 “เจ่เจ๊ หนูอยากกินพิซซ่าอาหย่อยๆ” เจ้าน้องสาวตัวดีแง๊วๆตั้งกะวันแรกที่เท้าแตะเมกา อยากกินพิซซ่าชิมิ แถวๆโรงแรมมีร้าน Naples 45 Ristorante e Pizzeria ร้านอิตาเลี่ยนที่รีวิวใช้ได้ใต้ตึก MetLife พอดี ไปถึงคุณนายแม่อิฉันก็หนีเอาตัวรอดด้วยการสั่งพาสต้ามาจาน ปล่อยให้เราสองศรีพี่น้องจัดการเจ้าพิซซ่าถาดมหึมากันไปสองคน >_< หมดถาดนี้ น้องอิฉันเลิกบ่นอยากกินพิซซ่าไปจนจบทริปเลยค่ะท่านผู้ชม จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:20:23

ความคิดเห็นที่ 3 กินเสร็จแล้วเราก็ออกเดินย่อยอาหารและทรัพย์ในกระเป๋ากันที่ 5th Avenue ที่สองข้างทางอุดมไปด้วยร้านแบรนด์เนม จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:21:00

ความคิดเห็นที่ 4 พอถึงห้างหรู Saks Fifth Avenue ปุ๊บ จขกท.ก็ยื่นมือถือให้คุณน้องทันที "ช็อปเสร็จแล้วโทรมาละกัน เจ๊เผ่นก่อนล่ะเน้อ ชะแว้บบบบบบบ" เรื่องชอปปิ้งนี่ อิฉันขอบายจริงๆฮ่ะ เลยปล่อยให้สาวๆเขาช็อปกันอย่างสบายใจ ไม่ต้องมีตัวถ่วงที่เอาแต่ทำหน้าเบื่อโลกเวลาเข้าห้างอย่างอิฉันเกาะไปด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:21:47

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วน จขกท. ขอเข้าไปนั่งเล่นใน St.Patrick's Cathedral ที่ตั้งอยู่บน 5th Avenue เช่นกันดีกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:23:17

ความคิดเห็นที่ 6 St.Patrick's Cathedral เป็นวิหารนิกายโรมันแคธอลิคที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา เห็นหน้าตาโกธิ๊คโกธิคแบบนี้ วิหารเพิ่งจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1906 นี่เอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:23:43

ความคิดเห็นที่ 7 มาชมด้านในวิหารกันบ้างค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:24:24

ความคิดเห็นที่ 8 จขกท.จะชอบแหงนคอดู vault บนเพดานวิหาร ของที่นี่ทำเป็นลายดาวกระจายเสียด้วย น่าเอ็นดูเหลือเกิน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:24:53

ความคิดเห็นที่ 9 แท่นพิธีเจ้าค่ะ ด้านหลังแท่นจะเป็น chapel เล็กๆสวยงามมากมาย แต่ห้ามถ่ายรูป ส่วนแท่นพิธีนี่ เห็นว่าเป็นผลงานของทิฟฟานี่ เจ้าของเดียวกับร้านเพชรอภิมหาไฮโซที่อยู่ถัดไปไม่กี่บล็อกนี่เอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:25:19

ความคิดเห็นที่ 10 บรรยากาศอย่างนี้ เหมาะกับการมานั่งสงบใจหลังจากช็อปปิ้งไปหมดตรูดมากๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:25:58

ความคิดเห็นที่ 11 ไกด์บุคบอกว่า Stainglas window อันสวยงามของที่ St.Patrick's Cathedral นี่ อิมพอร์ตมาจากเมือง Chartres ประเทศฝรั่งเศส เมืองต้นตำรับของวิหารสไตล์โกธิคซะด้วย เสียดายที่ จขกท.ไม่มีขาตั้งกล้อง เลยถ่ายออกมาภาพสั่นระรัวเลย เซ็งตุ่ย -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:26:33

ความคิดเห็นที่ 12 ถ่ายกระจกไม่สวย ก็ถ่ายผนัง ถ่ายเสาประชดชีวิตไปก่อนละกัน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:26:58

ความคิดเห็นที่ 13 อันนี้แอบฮา วิหารที่ยุโรปให้จุดเทียน ของพี่กันมาเป็นหลอดไฟเลย เล่นง่ายนี่เพ่ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:27:53

ความคิดเห็นที่ 14 มานิวยอร์คงวดนี้ จขกท.เพิ่งจะสังเกตว่าบน 5th Avenue นี่มีโบสถ์อยู่ไม่น้อยเลยแฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:28:16

ความคิดเห็นที่ 15 โบสถ์นี้ประตูทางเข้าอลังมากมาย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:28:39

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนแรก จขกท.กะไปเดินเล่นรอแม่ที่ MOMA (Museum of Modern Art) แต่ดันลืมไปเสียสนิทว่า หลัง 4 โมงเย็นวันศุกร์ มิวเซียมเขาให้เข้าฟรี คนเลยอย่างเพียบ แค่เห็นคิวฝากกระเป๋า อิฉันก็ถอยกรูดออกมาแล้ว เลยได้กลับมาเดินเล่นตรง Rockefeller Center ที่อยู่ตรงข้าม St.Patrick's Cathedral แทน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:29:15

ความคิดเห็นที่ 17 นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันลั่ลล๊า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:29:48

ความคิดเห็นที่ 18 Rockefeller Center นี่มีอาคารสำนักงานและห้างร้านอยู่หลายตึกด้วยกัน แต่ที่โดดออกมาเลยก็คือ GE Building ตึกนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม 30 Rock (30 Rockefeller Plaza) ชื่อนี้แฟนๆของเจ๊ Tina Fey คงคุ้นหูกันดี เพื่อนๆสามารถขึ้นไปยอดตึก (Top of the Rock) เพื่อชมวิวได้ด้วยค่ะ ออกมาไงช่วยบอกกล่าวกันด้วยเน้อ เพราะ จขกท.ยังไม่เคยได้ขึ้นเลยง่ะ แง๊ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:30:15

ความคิดเห็นที่ 19 ด้านหน้า GE Building ก็จะเป็นลานเอนกประสงค์ ตอนไปเป็นร้านอาหาร พอหน้าหนาวก็จะแปลงร่างไปเป็นลานสเก็ตน้ำแข็งแทน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:31:34

ความคิดเห็นที่ 20 อิฉันก็เลยฆ่าเวลา ด้วยการเดินเล่นรอบๆ Rockefeller Center ซึ่งตกแต่งในสไตล์ Art Deco เก๋ๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:32:15

ความคิดเห็นที่ 21 เท่สุดต้องยกให้เฮียคนนี้ (มั๊ง) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:32:37

ความคิดเห็นที่ 22 จขกท.ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า Art Deco ต่างจากอาร์ตนูโวตรงไหน แต่เหมือน Art Deco จะดูเหลี่ยมๆกว่า บึกบึนกว่า และ futuristic กว่า Art Nouveau ที่อ่อนช้อยและอุดมไปด้วยดอกไม้ใบหญ้า -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:33:03

ความคิดเห็นที่ 23 จาก 5th Avenue จขกท.ก็ย้ายวิกมาเดินเล่นบน Park Avenue บ้าง นี่ก็โรงแรมสุดหรู Waldorf-Astoria ด้านหน้าโรงแรมออกแบบได้เก๋ไก๋ไฮโซมั่กๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:33:42

ความคิดเห็นที่ 24 เดินขึ้นเหนือไปอีกหน่อยหน่อย ก็จะเป็น Seagram Building ของ Mies van der Rohe ต้นตำรับตึกระฟ้าที่เห็นกันเกลื่อนเมืองในปัจจุบัน เขาเรียกอาคารสไตล์แบบนี้ว่า International Style เพราะมันเน้นความเรียบง่าย ไม่ยึดติดกับอดีตและสภาพแวดล้อมโดยรอบ เลยออกมาหน้าตาเหมือนกันหมด -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:34:49

ความคิดเห็นที่ 25 นอกจากนี้ เยื้องๆกันก็จะเป็น Lever House อีกหนึ่งสุดยอดสถาปัตยกรรม International Style แต่ตึกนี้ออกแบบโดย Skidmore, Owings & Merrill ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้าง Sears Tower ที่ชิคาโก ศึกวันทรงชัยนี้ อิฉันยกให้ Lever House ชนะไปอย่างเฉียดฉิว เพราะติดใจตัวตึกที่เหมือนลอยอยู่เหนือฐาน อีกทั้งขอหัก Seagram Building 1 แต้ม เพราะกระจกอย่างขุ่น! ดูของ Lever House ดิ๊ ใสปิ๊งเชียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:35:48

ความคิดเห็นที่ 26 ไหน ลองเดินไปดู Lever House ใกล้ๆหน่อยซิ เอร๊ยยยยย Hello Kitty มาทำหยังที่ใต้ตึก Lever House ล่ะเนี่ย! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:36:48

ความคิดเห็นที่ 27 สรุปมันคือ...มันคือ... น้ำพุค่ะท่าน! >_< โอ้แม่เจ้า คนทำงานในตึก เดินผ่านเจ้าน้ำพุ Hello Kitty กรรแสงนี่ทุกวัน ไม่จิตตกแย่เหรอ -_- ขณะที่อิฉันกำลังยืนอึ้งๆอยู่หน้าน้ำพุพิเรนท์นี่ น้องก็โทรมาบอกว่า ช็อปเสร็จแล้วจ้า พร้อมหม่ำข้าวเย็นได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:37:13

ความคิดเห็นที่ 28 อิฉันเลยพาคุณนายแม่และคุณหญิงน้องมาที่ร้านอาหารสแกนดิเนเวียนชื่อ Aquavit ร้านนี้มี 2 ส่วนค่ะ คือ Dining Room กับ Cafe ถ้าจะกิน Dining Room ต้องแต่งตัวมาดีๆหน่อย ห้ามใส่กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ Tasting Menu (8 คอร์ส) ราคา $105++ ส่วน Prix Fixe (3 คอร์ส) ก็ราคาประมาณ $80++ แน่นอนค่ะทุกท่าน ที่อิฉันจะต้องพาแม่ไปหม่ำที่...คาเฟ่ เพราะราคาถูกกว่า Dining Room บานตะไทเลย -_- สาเหตุที่พามาร้านนี้ เพราะเด็จแม่อิฉัน ชอบกินแซลมอนเป็นที่ซู้ด แค่จานแรกที่เขายกมาให้กินเล่น เป็นขนมปังกรอบกับครีมชีสรสแซลมอน อิฉันก็มั่นใจแล้วว่า งานนี้ไม่มีแป้กแน่นอน ฮี่ๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:38:37

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นเมนูมีปลา Herring ให้เลือกสารพัดชนิด ยิ่งอิฉันไม่เคยกิน อุ๊ย ยิ่งต้องลอง เลยหลับตาจิ้มเอา Vodka Lime Herring มาชิม ออกมาก็หวานๆเปรี้ยวๆแปลกๆดี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:38:56

ความคิดเห็นที่ 30 Appetizer ลำดับต่อมาเป็น Gravlax ซึ่งก็ cured salmon ที่ออกมาอร่อยหอมหวานชวนกรี๊ดมั่กๆ แต่ที่เด็ดขาดชนะเลิศ ก็คือเจ้า Espresso mustard sauce ที่รสชาติเข้ากั๊นเข้ากันกับน้องแซลมอน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:39:36

ความคิดเห็นที่ 31 ปิดท้ายรายการ Appetizer ด้วย Tuna Tartare ซึ่งก็อร่อยเหาะเช่นกัน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:39:58

ความคิดเห็นที่ 32 สำหรับ Entree จขกท.สั่ง Scandinavian Bouillabaisse ปกติ Bouillabaisse หมายถึงสตูปลาสไตล์ฝรั่งเศส แต่ของที่ Aquavit นี่ น้ำขลุกขลิกชอบกล จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:41:25

ความคิดเห็นที่ 33 น้องสาวอิฉันสั่ง Seared Salmon ค่ะ คุณเธอบ่นว่าเค็มไปหน่อย -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:42:01

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนคุณนายแม่เล่นของแปลก สั่งแซลมอนเบอร์เกอร์ จานใหญ่โฮกกกกกก >_< สรุปมื้อเย็นนี้ก็ประสบความสำเร็จพอใช้ เราลงมติว่า Appetizer อร่อยกว่า Entree อ่ะ แต่ดีที่ราคาใช้ได้ไม่แพงมาก แถมเจอพนักงานเสิร์ฟมาเล่นตลกคาเฟ่ให้ดูสมชื่ออีก อิอิ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:43:00

ความคิดเห็นที่ 35 ออกจาก Aquavit มา เราสามแม่ลูกก็เดินต้วมเตี้ยมไปตาม Park Avenue เพื่อกลับโรงแรม จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:43:24

ความคิดเห็นที่ 36 แวะโบกมือทักทายกับ Chrysler Building ยามโพล้เพล้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:43:44

ความคิดเห็นที่ 37 เผอิญวันที่ไป อากาศดีมาก ลมโกรกกำลังเย็นสบาย จขกท.เลยชวนคุณนายแม่ไปเดินเล่น แถว Times Square ส่วนน้องอิฉันหมดลมสนิท นอนพะงาบๆอยู่ที่โรงแรม -_- ภาพนี้ Grand Central Station ระหว่างทางไป Times Square ค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:45:32

ความคิดเห็นที่ 38 ถึงแย๊ว Times Square มหาชนยังล้มหลามเหมือนเคย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:45:53

ความคิดเห็นที่ 39 เอารูปแสงสีใน Times Square มาให้ดูกันพอเป็นพิธีนะคะ เพราะรูปที่เหลืออุดมไปด้วยภาพคุณนายแม่อิฉัน แอ็คท่าประหนึ่งซูเปอร์โมเดล แต่แม่อิฉันเค้าขี้อายฮ่ะ ขืนเอารูปแม่ลงพันติ๊ป จขกท.มีสิทธิโดนเฉดหัวออกจากบ้านได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:46:22

ความคิดเห็นที่ 40 มาถึงวันสุดท้ายในนิวยอร์คแล้วค่ะ เช้านี้อิฉันพาแม่กับน้องไปเดินเล่นชิลๆใน Central Park จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:47:10

ความคิดเห็นที่ 41 อากาศดีจังเล๊ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:47:29

ความคิดเห็นที่ 42 แต่เราเดินไปกันแค่ติ่งของ Central Park เองค่ะพี่น้อง แบบว่าพอแค่ถ่ายรูปกลับไปเป็นหลักฐานให้ป๊ะป๋าดูแค่นั้น หุหุ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:47:51

ความคิดเห็นที่ 43 จากนั้น จขกท.ก็จัดการลากแม่กับน้องมายัง Museum of Modern Art (MOMA) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:48:17

ความคิดเห็นที่ 44 ตัวอิฉันมีความหลังฝังใจกับมิวเซียมนี้มาก เพราะตอนมา MOMA ครั้งแรก ยังเป็นอาคารเก่าอยู่เลย มาตอนเช้าวันธรรมดา คนก็ไม่ค่อยมี แถมตอนนั้นอิฉันยังไม่มีความรู้เรื่องศิลปะเลยซักกระผีก (ถึงตอนนี้ก็ยังหล่อเทียนพรรษาทุกครั้งที่เขียนทู้อยู่ ฮา) มาถึงก็นั่งจ้องภาพ One (Number 31,1950) ของ Jackson Pollock อยู่นานสองนาน เคยเห็นรูปของศิลปินคนนี้หลายหนตามหนังสือ ดูแล้วก็เฉยๆ รูปอะไรฟะ มีแต่สีสาดไปสาดมา ไม่เห็นรู้เรื่องเลย แต่พอนั่งมองภาพจริงนานๆเข้า ก็เอ้อ มันก็สวยดีเหมือนกันแฮะ (หรือเพราะอิฉันจ้องนานไปหน่อย ตาเลยลาย จิตเลยหลอนวะเนี่ย -_-) จขกท.เลยลากแม่กับน้องมา หวังว่าจะมีอโลฮ่ายูเรก้าโมเมนต์แบบอิฉันบ้าง ปรากฎน้องสาวตัวดีส่ายหัวดิก "เจ๊ หนูดูแล้วไม่อินเหมือนเจ๊อ่ะ งั้นหนูไปชอปปิ้งต่อนะ เจ๊ดูเสร็จแล้วค่อยไปเจอกันละกัน" -*- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:49:02

ความคิดเห็นที่ 45 แง๊ โดนน้องกับแม่ทิ้งสนิท เสียใจ ดูซิ มองไปทางไหนก็มีแต่ครอบครัวสุขสันต์ อย่างคุณพ่อที่ควงคุณลูกมาชมภาพของปิกัสโซ่คู่นี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:49:26

ความคิดเห็นที่ 46 หรือพ่อลูกคู่นี้ ที่คุณลูกดูสนุกสนานกับการชมงาน Abstract มาก "พ่อฮะ นี่มันรูปอะไรอ่ะฮะ" "ก็ดัชนีตลาดหุ้นน่ะสิจ๊ะลูก ถามได้" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:49:56

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้ามา MOMA ขอแนะนำให้เช่า audio guide หรือไม่ก็ถอยหนังสือไฮไลต์ค่ะ เพื่อความฮา เอ้ย ความอิน อย่าง The Bather ของ Paul Cezanne ภาพนี้เป็นต้น อิฉันยังจำคำบรรยายใน audio guide ตอนมาครั้งแรกได้แม่นจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ เขาอธิบายว่านี่คือ หนึ่งในสุดยอดภาพเขียนแห่งศตวรรษที่ 19 (จริงดิ) ครึ่งขวาพี่ที่นุ่งกางเกงลิงเป็นศิลปะแบบคลาสสิค สังเกตได้จากการยืนที่มั่นคง และร่างกายที่มีสัดส่วนถูกต้อง ไม่เหมือนครึ่งซ้ายที่ผิดเพี้ยน ไม่สมจริง อันเป็นตัวแทนของศิลปะสมัยใหม่... ฟังจบ อิฉันก็ได้แต่ยืนตาปริบๆ ด้วยความสงสัยว่าระหว่างคนวาดกับคนดู ใครกันแน่ที่เพ้อเจ้อ กร๊ากกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:51:08

ความคิดเห็นที่ 48 ส่วนภาพ Les Demoiselles d'Avignon นี่ก็เป็นอีกหนึ่งมาสเตอร์พีซของปิกัซโซ่ค่ะ โดยปิกัสโซ่วาดรูปโสเภณี 5 คน แต่แทนที่จะออกมาเซ็กซี่ยั่วยวน ดันออกมาเหลี๊ยมเหลี่ยมซะไม่มี ว่ากันว่าปิกัสโซ่ได้แรงบันดาลใจความเหลี่ยมมาจากหน้ากากแอฟริกัน (ดูได้จากหน้าของเจ๊ 2 คนขวามือ) แถมแกยังโยนหลักการ perspective ออกนอกหน้าต่าง ฉากหน้าฉากหลังเลยอยู่ระนาบเดียวกันหมด ภาพนี้สร้างความฮือฮายิ่งนักตอนเปิดตัว เพราะมันช่างเซอร์สุดโต่งอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:52:13

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่เชื่อลองเทียบกับผลงานก่อนหน้านั้นของปิกัสโซ่ อย่างภาพ Woman Plaiting Her Hair นี้ได้เลยฮ่ะ รูปนี้วาดในปี 1906 ก่อน Les Demoiselles d'Avignon แค่ปีเดียวเท่านั้น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:52:38

ความคิดเห็นที่ 50 หลังจากนั้นเฮียแกก็แปลงร่างเป็นศิลปิน cubism เต็มสูบ อย่างภาพ Girl with a Mandolin นี้เป็นต้น ใน MOMA มีงานของปิกัสโซ่ให้ดูกันจนเปรมเลยค่ะ ที่น่าทึ่งก็คือ สไตล์งานยุคแรกๆกับงานยุคหลังๆของปิกัสโซ่นั้น ช่างต่างกันยังกะฟ้ากับเหว ทำไปได้อ่ะเฮีย >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:53:05

ความคิดเห็นที่ 51 เปลี่ยนบรรยากาศมาชมภาพ I and the Village ของ Marc Chagall ขวัญใจคุณ la liga fan มั่ง Chagall วาดภาพนี้ตอนที่แกจากบ้านเกิดเมืองนอนที่เบลารุส เพื่อมาตะกายดาวที่กรุงปารีส จขกท.ฟันธงเลยว่า Chagall คงคิดถึงบ้านชัวร์ เพราะทุกคน(ทุกตัว)ในรูปดูลั่ลล๊ามีความสุขกันมั่กๆ แถมภาพยังสีหวานยังกะลูกกวาด ดูแล้วชวนนึกถึงภาพวาดประกอบนิทานก่อนนอนเหลือเกิน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:53:30

ความคิดเห็นที่ 52 ส่วนภาพ The Empire of Light II โดย Rene Magritte ศิลปินชาวเบลเยี่ยมภาพนี้ เหนือจริงกันแบบนิ่มๆค่ะ เมืองในความมืดแต่ท้องฟ้าดันสีคราม สว่างโร่เชียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:54:28

ความคิดเห็นที่ 53 เห็นลีลาประคบหน้าแล้วร้องกรี๊ดๆแบบนี้ เดาไม่ยากเลยใช่ไหมฮะ ว่า The Storm ภาพนี้ต้องเป็นฝีมือ Edvard Munch เจ้าของภาพ The Scream อันโด่งดัง (จนโดนขโมยไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว ฮา) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:55:40

ความคิดเห็นที่ 54 มาดูผลงานของ Gustav Klimt ขวัญใจเจ๊ bangkok dream กันมั่ง ภาพชื่อว่า Hope II แต่จริงๆน่าจะชื่อ ปลงกำลังสอง มากกว่า เพราะยังไม่ทันคลอด ก็เห็นหัวกระโหลกโผล่ออกมาตรงท้องป่องไหวๆแล้ว -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:56:15

ความคิดเห็นที่ 55 และถ้าใครคิดว่าใน MOMA มีแต่งานที่ต้องไต่กระไดดู อย่าได้กลัวฮะ เพราะ จขกท.ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เอร๊ยยย เพราะที่มิวเซียมเขาก็มีภาพสวยๆ ที่ดูแล้วไม่ต้องคิดมาก ให้ชมกันเกลื่อนเช่นกันเน้อ เอาแค่ The Starry Night ของ Vincent van Gogh นี่ก็พอแล้ว แค่เห็นพลังฝีแปรง และพลังสีหลอด(ที่มีเท่าไหร่ ใส่มาให้หมด ฮา) ของฟาน โก๊ะห์เข้าไป จขทก.ก็กรี๊ดสลบแล้วฮ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:57:24

ความคิดเห็นที่ 56 หรือภาพสไตล์สมจริงสุดๆ (Realism) ก็มีให้ดูเช่นกัน อย่างภาพ Christina's World โดย Andrew Wyeth ศิลปินชาวอเมริกัน ภาพนี้ไง ความโด่งดังของงานชิ้นนี้ ไม่ได้อยู่แค่เฉพาะการเล่นแสงเงาได้อย่างสวยงาม หรือความถึกของพี่ Wyeth ที่ลงทุนวาดหญ้าแต่ละต้น ผมแต่ละเส้นของคุณคริสติน่าอย่างละเอียดสุดๆเท่านั้น แต่เป็นเรื่องราวของคริสติน่าซึ่งเผอิญเป็นเพื่อนบ้านของ Wyeth ที่ชวนอึ้งปนทึ่งเหลือกำลัง เพราะเธอเป็นโปลิโอ เดินไม่ได้ แต่เธอไม่คิดที่จะงอมืองอเท้าอยู่กับบ้าน จะไปไหนก็ใช้วีธีคลานกระดึ๊บๆเอา จขกท.ชอบตรงที่ Wyeth ไม่ได้วาดคริสติน่าให้ออกมาน่าสงสาร หรือน่าเวทนาแต่อย่างใด แต่สื่อถึงผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ที่เชิดหน้าสู้ชะตาชีวิตด้วยสองมือ และหัวใจอันแข็งแกร่งของเธอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:58:17

ความคิดเห็นที่ 57 ชมงานเครียดๆมากันพอสมควรแล้ว เปลี่ยนเกียร์มาดูอะไรฮาๆกันบ้างดีก่า ฮาสุดยิดต้องนี่เลยค่ะพี่น้อง Campbell's Soup Cans นำเสนอโดยพี่ Andy Warhol เจ้าเก่า โอ้ ซุปกระป๋องก็เป็นงานศิลป์ได้ ศิลปินไทยไม่เอาซองมาม่ามาทำแบบนี้บ้างอ่ะ กร๊ากกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:59:23

ความคิดเห็นที่ 58 ที่ฮาระเบิดระเบ้อไม่แพ้กันก็คือ Still Life #30 ของคุณพี่ Tom Wesselmann จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 06:59:47

ความคิดเห็นที่ 59 รูปนี้เป็นรูปสามมิติด้วยนะคะ ขอโทษ ทำเป็นเล่นไป! ตอนเด็กๆ จขกท.วาดรูปไม่เก่ง วิชาศิลปะจะตกไม่ตกแหล่ ถ้ารู้ว่าศิลปินหญ่ายเขาเล่นกันแบบนี้ ด.ญ. ha-meow จะไปถอดฝาตู้มาระบายสี แล้วแปะกระดานส่งคุณครูซะให้ แต่ทำแบบนั้นไม่ทราบพ่อแม่อิฉันจะโดนเรียกพบ ข้อหาลูกสาวกวนตรีนอาจารย์หรือเปล่า >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:00:43

ความคิดเห็นที่ 60 นอกจากนี้ ที่ MOMA ยังมีเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในบ้าน สวยๆเท่ๆให้ชมแก้เลี่ยนอีกเป็นกระบุงเลยค่ะ อย่าง Waltraud Cow-Bench ในรูปนี้เป็นต้น (แต่ จขกท.ว่ามันกระเดียดไปทางสิงโตทะเล มากกว่าวัวนะเนี่ย -_-) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:01:05

ความคิดเห็นที่ 61 มีเก้าอี้ที่สุดยอดสถาปนิก Frank Gehry ส่งเข้าประกวดด้วย ที่เด็ดคือ เก้าอี้ตัวนี้ทำมาจากกระดาษลูกฟูกค่ะทั่น! แถมยังแข็งแรง นั่งสบายด้วยนะเอ้อ เพราะจขกท.เคยลองนั่งมาแล้ว ตอนไปเที่ยวงานนิทรรศการของเฮีย Gehry ของเขาเจ๋งจริงๆนะเคอะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:01:31

ความคิดเห็นที่ 62 อุ๊ย โคมไฟอย่างเท่... จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:01:58

ความคิดเห็นที่ 63 พอดูใกล้ๆ...เกร๊ยยยยย เท่โฮกกว่าเดิมอีก คิดไปได้ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:02:18

ความคิดเห็นที่ 64 ส่วนเก้าอี้สีฟ้าตัวนี้ ไม่ทราบขอลิขสิทธิ์หมอนขวานพี่ไทยมารึเปล่าคะเพ่! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:03:05

ความคิดเห็นที่ 65 ถ้าเพื่อนๆดูงานศิลป์จนเบลอได้ที่ หรือมัวแต่ขำฮากับความบ้าบอของศิลปินจนท้องแข็ง ก็สามารถพักสายตาได้ด้วยการชมความสวยงาม เรียบง่าย กิ๊บเก๋ของตัวมิวเซียม ที่ออกแบบโดย Yoshio Taniguchi สถาปนิกชาวญี่ปุ่นได้ค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:03:36

ความคิดเห็นที่ 66 เท่ซะไม่มี ระหว่างที่ยืนถ่ายรูปอยู่นั่นเอง ก็มีเจ๊เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นสาวผิวดำ สำเนียงเหมือนมาจากแอฟริกา เดินมาชวนอิฉันคุย "คุณชอบงานนิทรรศการนี่หรือเปล่า" "อ๋อ ไอ้ที่เหมือนงานออกร้าน OTOP นี่เหรอคะ ยังไม่ได้ลงไปดูเลยอ่ะเจ๊" "ไปดูซะนะ เจ๊ชอบมาก ตอนเห็นครั้งแรก เล่นเอาเจ๊ถึงกับน้ำตาซึมเลยเชียว" โฮ่ เชียร์กันขนาดนี้ แบบนี้ต้องตามไปดู! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:04:18

ความคิดเห็นที่ 67 ตอนแรก จขกท.ก็คิดว่า ศิลปินช่างพยายามเหลือหลาย ไปหาซื้อของเก่าจากที่ไหนมามากมายก่ายกอง ดูกะละมังลายดอกนี่ดิ๊ เหมือนกะละมังที่อาม่าชอบใช้ตอน จขกท.ยังเด็กๆไม่มีผิด นับถือๆ แต่เอาเข้าจริง มันไม่ใช่อย่างงั้นค่ะ เพราะสมบัติพัสถานที่เอามาจัดแสดงหนนี้ มาจากคอลเล็คชั่นส่วนตัวของแม่ของศิลปินล้วนๆ! >_< ศิลปินในที่นี้ก็คือ Song Dong จากจีนแผ่นดินใหญ่ ตอนที่คุณแม่ศิลปินยังเด็กๆ ชีวิตลำบากมาก คุณแม่เลยติดนิสัยเก็บทุกอย่างไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดในอนาคต ดังวลีจีนที่ว่า Wu jin qi yong (Waste Not) พอคุณพ่อของศิลปินมาด่วนจากไปด้วยโรคหัวใจ คุณแม่ก็เสียใจจนสติแตก อาการบ้าเก็บสมบัติยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ตัวศิลปินเองก็อยากฉุดคุณแม่ออกจากความโศกเศร้า ก็เลยเสนอว่า แม่จ๋า ไหนๆสมบัติของแม่ ก็พะเนินเทินทึกเต็มบ้านเสียขนาดนี้ จะเก็บไว้ดูเล่นคนเดียวอยู่ไย งัดออกมาสำแดงให้ชาวโลกเห็นดีกว่า! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:06:05

ความคิดเห็นที่ 68 #27 Miffy เจ้ากระต่ายใบ้ มาร้องไห้ทำไมแถวนี้เนี่ย ถูกใจมากมายครับ กระทู้คุณ ha-meow เหมือนได้เข้าคลาสเรียนสถาปัตย์เลย ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้เรียนด้านนี้หรอกแต่ ช๊อบ ชอบ แถวแวะทานของดีๆ ของโปรดผมด้วย โดนๆ ครับ... ขอบคุณมากครับที่พาเที่ยว NYC เคยไปขึ้น WTC สมัยก่อน 9-11 ปีเดียว คิดถึงเลย เสียดายมากมาย... จากคุณ : Chef Oliver เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:16:40

ความคิดเห็นที่ 69 Installation art ชื่อ Wu jin qi yong (Waste Not) ที่เห็นนี่ จึงถือกำเนิดมาด้วยประการฉะนี้แล งานนี้ คุณแม่ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปิน โดยมีศิลปินตัวจริงอย่างคุณลูกเป็นผู้ช่วย เหมือนกับว่าคุณแม่ได้ใช้พลังงาน และความมุ่งมั่นไปกับการจัดนิทรรศการครั้งนี้ จนตอนนี้จิตใจหายฟุ้งซ่าน เลิกจิตตกกับการจากไปของคุณพ่อแล้ว ยินดีด้วยนะค๊า โอ้ มีทีวีรุ่นเก่ากึ๊กส์ (ขาวดำป่าวเนี่ย) ไม่พอ คุณแม่ยังเก็บเครื่องเล่นแผ่นเสียง walkman discman สารพัด เห็นคุณแม่ที่กระเตงลูกน้อยมา ชี้ให้คุณลูกดูโน่นดูนี่ใหญ่ กลายเป็นมหกรรมรำลึกความหลังไปโดยไม่ตั้งใจซะนี่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:17:49

ความคิดเห็นที่ 70 นอกจากนี้ ศิลปินยังอธิบายด้วยว่า Waste Not เป็นการแสดงถึงช่องว่างระหว่าง generation เพราะคนสมัยก่อนประหยัดกันสุดฤทธิ์ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและสังคม (โดยเฉพาะจีนที่แต่ก่อน เป็นคอมมิวนิสต์เต็มตัว) ในระดับที่เด็กยุคใหม่ รุ่นทุนนิยม วัตถุนิยม ไอโฟนนิยม ไม่มีวันเข้าใจ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:20:49

ความคิดเห็นที่ 71 มาคิดๆไป ก็จริงอย่างที่ว่า ยิ่งดูยิ่งคิดถึงอาม่าที่บ้าน แต่ก่อนอาม่ารับจ้างเย็บผ้า แล้วแกก็เอาเศษผ้าที่เหลือนี่แหล่ะ มาตัดเป็นชุดบาร์บี้ให้ จขกท.กับน้องเล่น จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ คิดถึงตอนที่ จขกท.ไปเที่ยวกับพ่อแล้วหนีบเอาคุ้กกี้ไปเผื่อหิวบนรถไฟ สุดท้ายไม่ได้กินซะที อิฉันก็บอกพ่อให้ทิ้งกล่องคุ้กกี้บี้ๆนี้ไปซะ จะได้ไม่เปลืองที่ในกระเป๋า แต่พ่ออิฉันไม่ยอม แกว่าเสียดายของ ยอมแบกเจ้าคุ้กกี้นี้ไปจนจบทริป แถมเอากลับเมืองไทยไปด้วยอีกแน่ะ ตอนนั้น ลูกทรพีอย่าง จขกท.ยังนึกขำในความประหยัดโอเว่อร์ของป๊า ขอโต๊ดนะก๊า สุดท้าย จขกท.เลยได้บ่อน้ำตาซึมกลางนิทรรศการ ตามเจ๊ดำเจ้าหน้าที่ไปอีกคน เวรจริงๆ T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:22:08

ความคิดเห็นที่ 72 #สวัสดีค่าคุณ Chef Oliver ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนทู้นะค๊า ชอบหม่ำแซลมอนเหรอฮะ จุ๊ จุ๊ อิฉันก็ไม่ได้เรียน'ถาปัดมาหรอกค่าคุณ แต่ชอบโม้เหมือนรู้จริง กร๊ากกกก ยกมือเสียดาย WTC ด้วยคนค่ะ อิฉันมีบุญได้ขึ้นตึกก่อน 9-11 เหมือนกันฮ่ะ วิวด้านบนสวยมาก เห็นเมืองนิวยอร์คเต็มๆ เห็น Hudson River สุดลูกหูลูกตา น่าเสียดายที่ตอนโน้นอิฉันไม่มีกล้องดิจิตอล รูปที่ถ่ายมาก็ไม่รู้หายไปไหนหมดแล้ว ฟิลม์ก็หาไม่เจอ ขอเฮ้อดังๆซักที หลังจากเที่ยว MOMA จนหนำใจแล้ว จขกท.ก็พาแม่กับน้องไปยัง SOHO ซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้งของฮิปๆหน่อย แต่ก่อนจะออกจ่ายตลาด ก็ต้องแวะกินข้าวเที่ยงเติมพลังก่อนที่ร้านอิตาเลี่ยนสไตล์โรมันชื่อ Lupa จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:26:02

ความคิดเห็นที่ 73 เอาไปเอามา มื้อนี้กลายเป็นมื้อสุดโปรดของคุณแม่อิฉัน ขนาดกลับไปเมืองไทยแล้วยังเพ้อถึงพาสต้าหอยลายจานนี้ไม่หาย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:26:56

ความคิดเห็นที่ 74 ส่วนน้องอิฉันสั่ง Market Fish with Cucumber and Wild Greens คุณน้องก็ยกนิ้วให้เช่นกัน (ขออภัย ลืมไปแล้วว่าวันนั้น market fish เป็นปลาอะไร -_-) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:27:35

ความคิดเห็นที่ 75 จขกท.สั่ง Saltimbocca มา ชิ้นใหญ่เบ้งเลย >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:28:06

ความคิดเห็นที่ 76 Saltimbocca ในที่นี้คือ เนื้อลูกวัว โปะด้วยแฮมกับ sage แล้วปรุงด้วยซอสไวน์ สารภาพว่าชักจำไม่ค่อยได้แล้วว่ารสชาติเป็นไง จำได้แต่ว่าเนื้อวัวนุ่มอาหย่อยยยยย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:28:53

ความคิดเห็นที่ 77 จากข้าวเที่ยงก็เป็นมหกรรมช็อปย่านโซโหของคุณแม่และคุณน้องค่ะ ก็ได้ของกันไปนิดโหน่ย ช็อปเสร็จก็ถึงคิว กินติมที่ร้าน Grom ร้านเจลาโต้สุดโปรดจากตูริน อิตาลีของป๊ะป๋าบ้างแล้ว แต่กว่าจะถึงร้านเจาลาโต้ เดินกันขาแทบลาก เล่นเอาสองสาวบ่นอุบใหญ่เลย -_- ไปถึง น้องอิฉันก็สั่ง Limone Granita เหมือนน้ำแข็งไสรสมะนาว แต่จะเหนียวๆกว่า กินแล้วสดชื่น เหมาะกับหน้าร้อนมั่กๆ คุณแม่สั่ง Caffe เจลาโต้รสกาแฟ สูตรเข้มข้น เหมือนได้ดื่มกาแฟเย็นๆ ส่วน จขกท.โลภ เหมาสองรส อันได้แก่รสสิ้นคิด Stracciatella (ไอติมนมสดกับช็อคโกแลตชิป) ควบ Crema di GROM (ไอติมวานิลลา + บิสกิตและช็อคโกแลตบด กินแล้วกรุบๆเล็กน้อย ) ทั้งสองรส เนื้อไอติมเนียนและ rich มาก แต่ไม่หวานเลี่ยน เสียที่รสที่ จขกท.สั่งมันคล้ายกันไปหน่อย งวดหน้ามาจะสั่ง Crema di GROM คู่กับช็อคโกแลตที่ได้ข่าวว่าเข้มข้นคลั่ก กินแล้วอาจจุกได้ เหอเหอ ปล.ร้าน Grom นี่มีสาขาทั่วอิตาลี, ปารีส และโตเกียวด้วยนะฮะ เชิญแวะไปชิมได้ตามสะดวก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:30:06

ความคิดเห็นที่ 78 #58 Still Life ผมเจอมาเยอะทั้ง Van Gogh, Rijk Museum แต่ไม่นึกว่าจะมีเวอร์ชั่นนี้ ฮาดีครับ... จากคุณ : Chef Oliver เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:30:35

ความคิดเห็นที่ 79 หลังจากไปนอนกลิ้งๆที่โรงแรมแล้ว อิฉันก็ลากแม่กับน้อง(อีกแระ)มากินมื้อเย็นที่ร้านทาปาส Pipa tapas y mas ด้วยความที่อิฉันชอบหม่ำอาหารสเปนมาก แต่แม่กับน้องไม่เคยชิม อนิจจาที่เราไปกันวัน July 4th เป๊ะ ร้านทาปาสดังๆพากันปิดหมด เหลือร้านเดียวนี้ร้านเดียวที่รีวิวพอใช้ได้และเปิดทำการในวันนั้นพอดี ร้านตกแต่งได้สวยกระชากใจมากค่ะ โคมไฟระย้าห้อยเต็มร้านเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:32:30

ความคิดเห็นที่ 80 #78 ถ้าชอบอะไรฮาๆ ขอเรียนเชิญ MOMA เลยค่ะคุณ Chef Oliver มีรูป Bed ที่เขาสาดสีใส่ฟูก+ผ้านวมด้วย เอากับพี่ทั่นสิ -_- อ้าว เฮ้ย ทำไมมีป้ายราคาห้อยกันโต้งๆอย่างงี้ล่ะเหวย >_< สรุปคือ ร้านทาปาสนี้เป็นส่วนนึงของ ABC Home & Carpet ร้านขายของแต่งบ้านไฮโซนี่เอง มิน่า เห็นว่า นอกจากโคมแล้ว โต๊ะ เก้าอี้ เชิงเทียนของร้านนี้ มีไว้ขายทุกตัวด้วยนะฮะ! อยากรู้จัง ว่าเคยมีบ้างไหมน้อ ที่ลูกค้าเช็คบิล พร้อมเช็คเอาท์โคม โต๊ะ เก้าอี้กลับบ้านไปด้วยเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:36:21

ความคิดเห็นที่ 81 น่าเสียดายที่ร้านแจ่ม แต่อาหารแป้กค่ะท่านผู้ชม -*- Patatas bravas ชิ้นใหญ่เบ้งเชียว จขกท.ชอบแบบชิ้นเล็กๆพอดีคำ จิ้มกินง่ายๆมากกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:36:42

ความคิดเห็นที่ 82 สั่ง croquette กับหมึกย่างมา ไม่อร่อยเลย เสียใจ ที่รสชาติโอเคสุดก็เห็นจะเป็น gambas al ajillo (กุ้งกับกระเทียมอบน้ำมันมะกอก) จานนี้ล่ะมั๊ง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:37:06

ความคิดเห็นที่ 83 ส่วนน้องสาวอิฉัน ตัดช่องน้อยแต่พอตัว หนีไปสั่ง pan seared tuna โชคดีไป เง้อ เป็นการจบทัวร์นิวยอร์คที่ไม่สวยเอาซะเลย แม่จ๋าหนูขอโต๊ดดดด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:37:29

ความคิดเห็นที่ 84 ตอนหน้า จขกท.จะพาไปตะลุยกินในนิวยอร์คกันต่อกับเพื่อนสาวคู่หู เชิญติดตามวีรกรรม กินข้าวเย็นตั้งแต่สามทุ่มครึ่งยันตีหนึ่ง(!) ของ จขกท.และสหายได้ แล้วเจอกันค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 07:39:23

ความคิดเห็นที่ 85 สุดยอดเลยครับ สนุกสนานมากมาย เหมือนได้ไปอีกรอบเลย ชอบเมนูวันแรกจังเลยครับ เพราะชอบปลาเป็นชีวิตจิตใจ ทุกจานดูน่าทานไปหมดเลย ที่หน้า GE Building มีจัด Farmer market รึเปล่าครับ ตอนที่ผมไป (สัปดาห์ที่ 3 เดือนกค. 2007) มีตลาดด้านหน้า ได้ผัก-ผลไม้กลับไปกินที่บ้าน หลายอย่างเหมือนกัน ติดใจ MoMA ครับ ผมว่าดูเท่ตั้งแต่อาคาร จนถึงนิทรรศการเลย เท่าที่เห็นภาพที่ถ่ายมา มีหลายภาพที่ไม่ค่อยคุ้น คงจะลืมเลือนไปแล้วน่ะครับ เพราะสองปีกว่ามาแล้ว เลยรู้สึกว่า ยังน่าไปชมนิทรรศการอีกจัง เจ้า Audio guide รู้สึกว่าจะให้ยืมฟรีนะครับ เอาตั๋วไปแลกเครื่องได้เลย ก่อนทางเข้าไปชมนิทรรศการน่ะครับ ที่จำได้เพราะตอนเข้าไปชมนิทรรศการ เห็นมีแต่คนฟัง Audio guide ก็เลยคิดว่าเค้ายอมจ่ายเงินเพื่อฟังคำบรรยาย ขณะเสพย์ศิลป์ พอออกมาถึงเจอว่าเค้าให้ยืมฟรี มิน่าล่ะ ถึงมีคนใช้บริการกันเยอะแยะ แต่เราคิดกันในทางที่ดีครับ ถ้ามี Audio guide อาจเป็นการชี้นำทางความคิด เช่นเห็นภาพๆ หนึ่ง บอกว่าเป็นภาพแมว ทั้งๆ ที่ตอนแรกเรามองว่าไม่ใช่ แต่ต้องฟังตามคำบรรยาย เลยไม่ได้เปิดจินตนาการ พอไม่มี Audio guide จะคิดอะไรก็ได้ ไม่ต้องฟังคำชี้นำ อุ๊ย ไปเรื่อยเปื่อยเลย แต่ชอบ MoMA มาก ขนาดแวะร้านเพื่อซื้อของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ถุง MoMA มาอ่ะ สรุปว่าสนุกสนานไปตามเรื่องครับ แล้วยิ่งมาดูรีวิวนี้ ยิ่งนึกถึงเรื่องดีๆ ที่ NY ครับ ขอบคุณสำหรับดัชนีตลาดหุ้น #46 ครับ ชัดเจน แจ่มแจ้ง จริงๆ แล้วมารีวิวอีกนะครับ จากคุณ : ouise เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 08:32:19

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณ จขกท หลายๆ ทำเอาอีชั้นเพ้อหา MOMA เลยงานนี้ มีคิวไป NYC ปีหน้า แต่เวลาน้อยนิด แถมท่านแม่กะท่านน้องเราคงไม่ปลื้มมิวเซียมศิลปะแน่ๆ แพลนเลยไม่จัด MOMA เข้าไปด้วย ทั้งที่เราอยากเห็น starry night ตัวจริงใจจะขาด แต่ ณ จุดนี้ไม่ไหวแล้ว เห็นจะต้องเปลี่ยนแผน ให้พวกท่านๆไปช้อปปิ้งกัน แล้วอีชั้นแว่บไปหา Van Gogh ดีกว่า ฮี่ฮี่ จากคุณ : cntip เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 09:02:15

ความคิดเห็นที่ 87 โอ้ววว ขอบคุณสำหรับรีวิวนะค่ะ สนุกมากๆเลยค่ะ ชอบงานศิลปะจัง เคยดูแต่ในภาพ อยากไปเห็นจริงๆกับตาบ้างจังT^T จากคุณ : nanFab_bu เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 09:08:24

ความคิดเห็นที่ 88 กู้ดมอร์นิ่งทีเชอร์ ออนไทม์นะคะเนี่ย ไม่ได้เลทแล้ว โอ้ว รูปแรกเจอพิซซ่า อยากจะบอกว่า เห็นก็อิ่มไปถึงคอจะพุ่งออกปากแล้วค่ะเนี่ย ทำไมมันเยอะขนาดนั้น ให้ชาวบ้านกินรึป่าวนะนั่น ครูกินหมดปะคะ ถ้าเป็นหนูนะ กินไม่หมดขอห่อกลับบ้านด้วย 555 หนูงกค่ะ มาคราวนี้อาหารเพียบเลยเต็มอิ่มๆ แต่ที่ถูกใจนักเรียนมากที่สุดคือ ไอติมค่ะ หนูไม่สามารถขาดไอติมได้ ประหนึงว่า i-tim is my life, i cannot live without u 555. ไม่ว่าจะหนาวเหน็บซักเท่าไหร่ ก็ไม่หวั่นค่ะ เพื่อน้องไอติมหนูกินได้ อิๆๆ ไอติมที่ครูสั่งมาน่าตาน่าทานนะคะ แต่ของท่านแม่คุณครู หนูขอบ๊ายบาย หนูกินกาแฟไม่เป็นค่ะ จริงๆพวกgranita หนุก็ชอบนะ โห เลือกไม่ถูก ต้องเอาทั้งสองอย่างแล้ว (เหมือนชอบedwardแต่ก็ตัดใจจากjacobไม่ได้ 555 เริ่มเลอะเทอะอีกแระ) ส่วนรูปคห 56 ถ้าคุณครูไม่เล่าปูมหลังมาว่าแรงบันดาลใจของภาพนี้ได้มาจากอะไร หนูก็คิดไปโน่นว่า คุณผู้หญิงคนนี้ คงกำลังเศร้าโศกเสียใจที่ถูกสามีเฉดหัวออกจากบ้าน เนื่องจากสามีมีกิ๊กใหม่ และหล่อนก็คงเสียใจอย่างหนักเลยต้องลงไปกองกะพื่น แล้วก็มองไปยังบ้านอย่างอาลัยอาวรณ์และยังคงหวังว่าสักวันเผื่อคุณสามีจะเปลียนใจ ทิ้งกิ๊กไปแล้วมารับเธอกลับบ้าน ดราม่ามากๆเลยค่ะ คิดไปได้ไงเนี่ย 555 ครูขา หนูชอบเจ้าmiffyมากเลยค่ะ แต่พอมาเห็นเป็นน้ำพุพุ่งมาจากตา โอ้ว...เซ็งอย่างแรงเลยค่ะ หนูไม่ชอบ มันเศร้าไปมั่ยเนี่ย หนูคิดว่าถ้าหนุไปทำการบ้านส่งครูที่ NY หนูต้องใช้เวลากี่วันกันเนี่ย... หนูอยากไปโน่นไปนี่มากมาย ถ้าไปดูพวกมิวเซียมด้วย ก็ตั้งใช้เวลามากขึ้นแน่ๆเลย 5 วันคงไม่พอ ครูคะ หนูรอครูพาไปกินอยู่นะคะ ครูมาสอนเร็วๆด้วยหล่ะ เวลาเขียนใบประเมินส่งอาจารย์ใหญ่หนูจะได้ให้คะแนนครูเต็มสิบเลย แต่ถ้าครูมาช้า หนูจะcomplainแล้วก็ให้คะแนนครูติดลบเลยนะคะ อิๆๆ ปล. ใจจริงที่หนูอยากไปNYคือหนูอยากทำตัวเหมือนแครี่ แบรดชอร์ (หนูกำลังฝันอยู่ค่ะ อย่าเพิ่งปลุกหนูนะคะ) กระเป๋าเดินทางหนูจะเต็มไปด้วยรองเท้า...แค่คิดก็น้ำตาไหลพรากๆแล้วค่า 555 จากคุณ : แพนเค้กอุ่นๆ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 11:15:19

ความคิดเห็นที่ 89 โอ้ว น่ากินทุกอย่างเลยค่ะ เราก็ชอบดู Museum นะ แต่ยังไม่ได้ไป MOMA เลย คราวที่แล้วที่ไป NY แค่ The Met ก็อยู่ซะเกือบเต็มวันแล้ว จากคุณ : Pat :o) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 11:21:26

ความคิดเห็นที่ 90 นิวยอร์คเป็นเมืองแรกของอเมริกาที่เค้าอยากไปเลยนะเนี่ย สาเหตุหลักก็คงเพราะโมมาเนี่ยแหละ พี่แกเล่นเก็บงานดังๆ ไว้คนเดียวเลย ขนาดสตาร์ลี่ไนท์ ประเทศบ้านเกิดอย่างฮอลแลนด์ก็ไม่มีปัญญาได้ไว้ครอบครอง... ว่าแต่ว่า พิซซ่ายักษ์เนี่ย กินกันสองคนหมดจริงเหรอ ขนาดเวอร์มากๆ อย่าบอกนะว่าฝรั่งสั่งมากินคนเดียวหมด ปลาดิบๆ เนี่ยชอบจัง ทูน่าใน คห ๓๑ เนี่ย เคยกินแถวภูเก็ต แต่ว่าเป็นแบบก้อยปลาทูน่าดิบอะ อร่อยโฮกๆ นิวยอร์คเนี่ย มีแต่ของเจ๋งๆ เนอะ อยากมีเงินมีเวลาเยอะๆ แล้วไปจัง งือๆ รอก่อนนะ จากคุณ : bangkok dream เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 12:02:27