Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทางรอดของดูไบ อาจต้องแลกด้วย "หัวใจ" ที่สุดแสนกล้ำกลืน  

"Paradise Lose"......"Ghost Town".........."Hell City"

นามเรียกขาน "รัฐดูไบ" เหล่านี้ อาจจะได้ยินบ่อยในสื่อต่างๆ แต่มันก็ไม่เกินเลย ที่จะเรียกอย่างนั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับ "ดูไบ เวิลด์" ไม่ใช่แค่ อสังหาริมทรัพย์ แต่มันหมายถึงความมั่นคงของรัฐดูไบ ในการเสนอชื่อตัวเอง เป็น "Heavenly Creatures" ของโลก

ความสับสนต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งการที่ธนาคารกลางแห่งรัฐดูไบ ประกาศช่วยเหลือ ดูไบ เวิลด์ แต่รัฐบาลดูไบ กลับประกาศว่า ไม่มีความจำเป็นต้องช่วย เพราะไม่เกี่ยวกับรัฐดูไบ ดูไบ เวิลด์ เป็นเพียงเอกชนรายหนึ่งเท่านั้น ยิ่งทำให้ ความไม่แน่นอนของอนาคตของ "สวรรค์บนดิน" แห่งนี้ เดินทางเข้าสู่ชะตากรรมสุดท้ายของการรวมศูนย์อำนาจของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็เป็นได้

เพราะแน่นอนแล้วว่า ทางรอดเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ คือ การช่วยเหลือของรัฐอาบูดาบี ซึ่งถือเป็นรัฐหลวงใหญ่ ของประเทศ และทางรอดนี้ก็เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย เนื่องจาก ความวิบัติของดูไบ เวิลด์ ดันไปเกี่ยวข้องกับ กิจการการเงินของยุโรป ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้หลักของดูไบ เวิลด์ และนั่นหมายถึง "อังกฤษ" ทั้ง RBS- Royal Bank of Scotland หลังจากที่ล้มละลายไปแล้ว และได้รับการช่วยเหลือด้วยการเขาซื้อกิจการ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นธนาคารภายใต้พระปรมาภิไธยของ 4 ราชวงศ์ใหญ่สุดของยุโรป นั่นคือ อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สเปน และ เบลเยี่ยม ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุด 1 ใน 2 ของ ดูไบ เวิลด์ และ ธนาคาร HSBC ซึ่งตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นธนาคารของสหราชอาณาจักร ซึ่งก็ล้มละลายไปแล้ว และกลับมายืนอยู่ภายใต้พระปรมาภิไธยของ ควีน ออฟ อิงแลนด์ นอกจากนั้น ยังมี ธนาคาร Barclays และ ธนาคาร Lloyd Banking Corp. ซึ่งถูกแยกออกมาขาก Lloyd Insurance of London และ ธนาคาร สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ซึ่งทั้งหมดล้วนล้มละลาย และเข้าเป็นกิจการภายใต้พระปรมาภิไธย แล้วทั้งหมด ยังไม่รวมธนาคารกลางของฝรั่เศส และ ธนาคารของอเมริกา ซึ่งทุกธนาคารล้วนล้มละลาย อยู่ในสถานะล้มละลาย แทบทั้งสิ้น

ทำให้ภาวะวิกฤติครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจาก อสังหาริมทรัพย์ ที่ห่วงโซ่ขาดหายไป เพราะ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในดูไบ และซื้อหาบ้านช่อง กว่า 80 เปอร์เซนต์ล้วนเป็นคนต่างชาติ และยุโรป ก็คือคนส่วนมากกลุ่มนั้น เมื่อ เศรษฐกิจยุโรป และอเมริกาพังทลาย นั่นหมายถึง ภาวะตกงานของคนทำงานในหลายกิจการ และกิจการที่สำคัญที่เกี่ยวข้องในดูไบ ก็คือ กิจการธนาคาร

เมื่อตกงาน ทางรอดของเขาคือ กลับบ้าน อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ก็ขาดช่วง ทั้งหมดล้วยเกิดจากการทำอะไรเกินตัว การมองเพียงแค่ สร้างทุกอย่างด้วยการกู้เงิน สุดท้าย ภาวะวงจรของหนี้ ก็ทำให้ดูไบ ไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้

แต่ อาบูดาบี กลับตรงกันข้าม เน้นการสร้างฐานของรัฐหลวง เน้นการสร้างงานภายใต้อาชีพพื้นฐาน มากกว่าการสร้างอะไรให้ใหญ่โตเกินจริง และนั่นหมายถึง ความมั่นคง "ในระดับหนึ่ง" ดังนั้น อาบูดาบี คือทางรอดเพียงทางเดียวที่ดูไบ มีในตอนนี้ แต่การช่วยเหลือที่แท้จริงจาก อาบูดาบี อาจต้องแลกด้วย "หัวใจ" เพียงดวงเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดของดูไบ

นั่นคือ "Emirates Airlines และกิจการการบินทั้งระบบ รวมถึง กิจการท่าเรือทั้งหมดของดูไบ"

เพราะนี่คือ ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวที่ดูไบ มีอยู่ Emirates แข็งแกร่งมาก แต่การที่ ดูไบ เวิลด์มีปัญหา นั่นหมายถึง Airport ของเค้ามีปัญหาตามไปด้วย แต่ดูไบยังมีกิจการท่าเรือทั้งในอังกฤา ยุโรป และอเมริกา ที่ตัวเองถือหุ้นใหญ่อยู่ เป็นคลังสำรอง เพราะยังคงทำรายได้อย่างมหาศาล

และเมื่อเป็นเช่นนี้ อาบูดาบี ซึ่งมีทุกอย่างเหมือนกัน ทั้ง Etihad กิจการการบิน ท่าเรือ เช่นกัน ย่อมต้องมองประเด็นนี้เป็นหลัก หาก อาบูดาบี จะเข้าช่วยเหลือจริงๆ ไม่ใช่แบบที่ผ่านมา และเป็นอยู่ ที่ความช่วยเหลือ ถูกสร้างขึ้นเพื่อปั่นรอบการเงิน เพื่อรักษาสภาพของตลาดหุ้น

เพราะ อาบูดาบี ซึ่งมีราชวงศ์ อัล นายาน ปกครองอยู่ ย่อมต้องทองว่า ปลายทางของการเดินทาง นั่นคือ โรงแรม รีสอร์ท บ้านพัก และโครงการต่างๆ ล้วนตกทะเลไปเกือบหมด ถ้าจะทำให้ ดูไบ ซึ่งมีราชวงศ์ อัล มักทูม ปกครองอยู่ และเป็นไม่เบื่อไม้เมากันมาตลอด ไม่สามารถก้าวขยับดูไบไปไหนได้ อาบูดาบี ก็จะต้องเลือกช่วยเหลือ โดยมี Emirates และกิจการขนส่งนี่แหล่ะเป็นข้อแลกเปลี่ยน

อย่างน้อยที่สุด มีสายการบินเดียว Hub เดียวคืออาบูดาบี มีศูนย์กลางที่เดียว ย่อมบริหารจัดการประเทศได้ดีกว่าปัจจุบัน

และด้วยแรงหนุนจากประเทศสปอนเซอร์แห่งการได้รับเอกราช อย่าอังกฤษ เพราะตอนนี้เกี่ยวข้องกันเต็มๆ จะทำให้ อาบูดาบี มีแต้มต่อเหนือกว่าแบบดูไบ สู้ไม่ได้ เพราะ ผู้หนุนหลังของ อาบูดาบี เป็นประเทศ แต่ดูไบ คือ นักธุรกิจ นักลงทุน เดวิด เบ็กแฮม, แบรด พิตต์ ฯลฯ ซึ่งไม่มีทางสู้ได้

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นั้นมีเรื่องราวภายในที่คนข้างนอกไม่เคยได้รับรู้หลายเรื่อง ดูไบ พยายามแยกตนเป็นอิสระจาก อาบูดาบี มาตลอดตั้งแต่ เอมิเรตส์ ได้รับเอกราช พยายามสร้างตัวเองให้เป็นเมืองสวรรค์ ดูดเงิน ดูดคนเข้ารัฐ พยายามอย่างมากที่จะเอาชนะ อาบูดาบี ที่ต่อให้สู้กันยังไง อัล นายาน ก็จะยังชนะ อัล มักทูม อยู่วันยังค่ำ

อาบูดาบี ต้องการเพียงน้องเล็กกลับคืนสู่ครอบครัว เอมิเรตส์ เป็นรัฐแห่งอิสลามที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

หากการณ์เป็นเช่นนั้น EK จำต้องเดินเข้าสู่ตะแลงแกงของ EY อาบูดาบี คงไม่ต้องการ FlyDubai สายการบิน โลว์คอสต์ ของ Emirates อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ให้ดูไบเอาไว้บินเชื่อม อาบูดาบี เข้าสู่ดูไบ

แต่หนทางนี้ อาจทำให้ อาบูดาบี และดูไบ ต้องคิดหนัก เพราะทั้ง Etihad และ Emirates คือลูกค้ารายใหญ่ของสองยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเรือบิน ทั้ง แอร์บัส และ โบอิ้ง เพราะ ฝูงบินวิมานลอยของทั้งสองสายการบินที่ว่ากันว่า มูลค่าของการสั่งซื้อเครื่องบิน สามารถเอาไปซื้อประเทศเล็กๆ ในแอฟริกาได้เลย ยังไงก็ต้องมีการตัดทิ้งยอดการสั่งซื้อ

อาบูดาบี คงไม่อยากรับภาระของสายการบินน้องที่ดื้อด้าน หรือแม้แต่การเอา back-log ของ Etihad มาปรับกับฝูงบินของ Emirates เพื่อหาความลงตัวที่สุด ที่จะไม่แปรเปลี่ยนไปเป็นภาระกรรมในอนาคต

และเมื่อฟองสบู่แตกของ Gulf แตกให้เห็นแล้ว นั่นหมายถึง อีกหลายที่ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ก็จะทยอยพัง นั่นหมายถึง นโยบายที่จะไปหาแขกรวยมาใช้จ่ายในบ้านเรา ย่อมต้องเปลี่ยนแปลง ถ้ายังดัดจริตยืนนโยบายชวนแขกมาเต้นระบำอยู่แบบนี้ ก็รอ อดตายครับ

ทางรอดคือ เตหะราน-อิหร่าน!

ขอให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับประเทศกลุ่ม Gulf โชคดีครับ
พระคุ้มครอง

"Vi veri veniversum vivus vici"

"By the power of truth, I, while living, have conquered the universe"

จากคุณ : เด็กคน
เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 17:07:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com