ความคิดเห็นที่ 1 อาหารเช้าวันนี้ไส้กรอกที่ซื้อจากร้าน GS25 (ชื่อร้าน 7/11 ที่นี่) เอามาอุ่นให้หอมๆ กินพร้อมกับขนมปังไส้น้ำผึ้ง Ho-tteok โอ้ รสชาติใช้ได้แหะ แค่ 1000 won ได้มาตั้ง 8 ชิ้นแหนะ นึกว่าได้ของถูกมาจากการแย่งกันซื้อที่ Suwon Station ปรากฏว่าร้าน GS25 หน้าโรงแรมก็มี ขายราคาเดียวกันเป๊ะ เวรกรรม   (รูปขนมกลมๆแบนๆหน้าตาคล้ายๆแผ่นเค้กขนาดเล็ก เรียกว่า ho- tteok ข้างในเวลากัดจะมีน้ำผึ้งไหลออกมา เป็นขนมที่คนเกาหลีนิยมกินในช่วงหน้าหนาวคะ) แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 52 12:35:55 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:35:39

ความคิดเห็นที่ 2 ลืมใส่รูป แหะๆๆ แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 52 12:41:14 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:37:04

ความคิดเห็นที่ 3 ...ขออภัยมีปัญหากับคอมนิดหน่อย...post รุปได้แล้วคะ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:39:29

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาชมต่อครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:41:52

ความคิดเห็นที่ 5 นั่งรถสาย 4 ลง Chungmuro Sta. ก่อนต่อสาย 3 ไปลง Gyeongbokgung Sta. ใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น นี่แหละข้อดีของการจองโรงแรมใกล้สถานีรถไฟ และใจกลางตัวเมือง ไม่ต้องตื่นเช้า อิๆ ก้าวลงจากรถไฟปุ๊บ ก็รู้ได้เลยว่าเรามาถูกที่แล้ว สถานีรถไฟที่นี่ออกแบบให้เหมือนเดินอยู่ใต้กำแพงราชวัง ป้ายหินขนาดใหญ่สลักรูป พระอาทิตย์ เมฆ ภูเขา ต้นสน เต่าและกวาง สัญลักษณ์แห่งอายุยืนในโบราณ จัดวางอย่างสวยงามเพื่อเป็นการขอพรให้เมืองเกาหลีอยู่อย่างมั่งคั่งและยาวนาน ประตู Pullomun ที่จำลองมาจากพระราชวังChangdoekgung ตั้งต้อนรับนั่งท่องเที่ยวที่นี่ โดยถือว่าผู้ที่ผ่านประตูนี้ไปจะไม่มีวันแก่วันเฒ่า จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:42:00

ความคิดเห็นที่ 6 รูปสลักตุ๊กตาหิน ทหารม้าที่เป็นของจริงก็มีการนำมาจัดวางไว้ที่สถานีด้วย เดินชมความงามของสถานีรถไฟใต้ดินจนสุดทางก็จะมาโผล่ที่หน้า National Palace Museum พอดี จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:42:49

ความคิดเห็นที่ 7 National Palace Museum of Korea ประวัติศาสตร์ราชวงศ์โจซอนต้องที่นี่ เป็นความโชคดีของเราสองคนเพราะปีนี้ เขาฉลองครบร้อยปี พิพิธภัณฑ์แห่งแรกในเกาหลี ก็เลยไม่ต้องเสียค่าบัตรเข้าชมคนละ 3000 won   ภายในพิพิธภัณฑ์มีป้ายบอกชื่อเป็นภาษาอังกฤษอยู่แต่ว่าไม่มีคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าอยากจะฟังไกด์ทัวร์อังกฤษต้องมาตอน 15.00 น. จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:44:34

ความคิดเห็นที่ 8 พิพิธภัณฑ์มีทั้งหมดสามชั้น เดินเข้าด้านหน้าจะอยู่ที่ชั้น 2 ของตัวพิพิธภัณฑ์  จัดแสดงเกี่ยวกับ  เครื่องหมายตราสำคัญของราชวงศ์โจซอน เช่นตราประทับรูปเต่าที่ทำด้วยทองคำ หรือที่ประทับอาสน์จำลองสำหรับกษัตริย์ที่เรียกว่า Jade seat หรือ Treasure Seat ถ้าเราไปตามวังเราจะเห็นฉากด้านหลังเป็นรูป พระอาทิตย์ พระจันทร์ ภูเขาห้าลูก หมายความถึง ศักดิ์ศรีความยิ่งใหญ่ และอำนาจของราชวงศ์ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:47:34

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นจำลองของสัตว์ที่เราเห็นบนยอดหลังคาวังมาให้ดูถ้าใครไปเดินดูวังจะสังเกตได้ว่ามีรูปปั้นสัตว์หน้าตาประหลาดๆอยู่ 7 ตัว ตรงปลายหลังคา จริงๆแล้วมันเป็นรูปปั้นจำลองมาจากเรื่องเล่าอันมีชื่อ Journey to the West หรือ ที่เรารู้จักกันดีในนาม “ตำนานไซอิ๋ว” (สังเกตที่ปลายหลังคาพระราชวัง) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:49:15

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ละตัวจะเป็นตัวแทนตัวละครในเรื่อง พระถัมซัมจั๋ง ม้ามังกร ซัวเจ๋ง ตือโป้ยก่าย เฮ่งเจีย อีกสองตัวที่ไม่ได้มาจากตำนานแต่มีเพิ่มก็คือ ปีศาจชะมด กับ มังกรสองหัว เชื่อว่าการมีไว้ที่หลังคาจะถือเป็นการคุ้มครองให้อาคารปลอดภัย แต่ดูแต่ละตัวแล้วหน้าตาออกไปทางประหลาดๆมากกว่า (ตอนแรกเห็นพระถัมซำจั๋งนึกว่าซัวเจ๋งซะอีก...น่ากลัวเชียว) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:49:59

ความคิดเห็นที่ 11 ในชั้นสองยังประกอบไปด้วย เครื่องมือทางวิทยาศาตร์ต่างๆในยุคโจซอน เช่น นาฬิกาแดดโบราณ แท่งหินบันทึกรูปแบบของดวงดาว แท่งหินนี้ถือเป็น National Treasure เพราะว่าเป็นแท่ง Constellation (คำนวนรูปแบบดวงดาว)  ที่เก่าที่สุดอันดับสองของโลก เดินลงมาที่ชั้นหนึ่ง จะเกี่ยวกับ วิถีชีวิตและประเพณีของกษัตริย์ในยุคราชวงศ์โจซอนตั้งแต่ก่อนเกิดจนถึงการครองราชย์  พิพิธภัณฑ์เล่าว่าเมื่อทราบว่ามีการตั้งครรภ์ราชินีจะได้รับการทำพิธีและการดูแลอย่างเป็นพิเศษ หลังจากโอรสประสูติ สายสะดือและรกจะถูกบรรจุลงไหและเก็บไว้ใต้เสาหิน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:50:50

ความคิดเห็นที่ 12 ชั้นล่างสุด B1F จะเกี่ยวกับศิลปะวัฒนธรรม เช่น เครื่องดนตรีหรือ ภาพตกแต่งที่ใช้ภายในวัง ที่ดูเป็นจุดน่าสนใจก็คือ Water Clock หรือนาฬิกาน้ำ ที่ตั้งโชว์นี่เป็นของจำลองของสมัยราชวงศ์โจซอน แต่เชื่อกันว่ามีการประดิษฐ์มาตั้งแต่สมัยสามก๊ก(สามก๊กของเกาหลี ไม่ใช่ของจีน ไว้จะอธิบายให้ฟังอีกทีนะจ๊ะ) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:51:42

ความคิดเห็นที่ 13 ระบบของนาฬิกาน้ำก็คือ น้ำจะ หยดลงมาจากอ่างสู่ท่อทีละหยดๆ น้ำที่ไหลลงท่อจะมีระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถดันให้ซี่ไม้ที่วางลูกหินร่วงลงไปตามทาง พอลูกหินร่วงลงไปก็จะไปกระทบกับกลไก ทำให้หุ่นตัวเล็กๆในเครื่องตีเวลาบอก ตอนไปถึงถึงเวลา 11 โมง หุ่นตัวน้อยๆตีระฆังพอดี น่ารักมากๆ แต่ท่าทางมันจะทำงานไม่ค่อยเที่ยงเท่าไหร่ ต้องมีเจ้าหน้าที่มาคอยวัดระดับน้ำ กับจับเวลาว่าตรงกับเวลาจริงหรือเปล่า ดูๆไปก็ตลกดีนะ คนสมัยนี้ใช้นาฬิกาจับเวลา เพื่อดูว่านาฬิกาโบราณที่สร้างจำลองขึ้นเดินตรงเวลาหรือเปล่า สำหรับของจริง ตรงที่เป็นกลไก หายสาปสูญไปช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาทำสงคราม จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:52:43

ความคิดเห็นที่ 14 National Palace Museum of Korea เวลาทำการ : 9.00 am – 6.00 pm วันธรรมดา (ปิดวันจันทร์)                  9.00 am – 7.00 pm วันเสาร์ อาทิตย์ ราคาค่าเข้า  : 3000 won (ปีพศ.2552 ฟรีทั้งปี) การเดินทาง : MTR Line 3 Gyeongbokgung Sta. Exit 5 Website     : http://www.gogung.go.kr จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:53:53

ความคิดเห็นที่ 15 11 โมงนิดๆ เดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ เห็นเขากำลังทำพิธีสวนสนามเปลี่ยนยามหน้าปราสาท Gyeongbokgung พอดิบพอดี   ดูในตารางเขาว่าจะมีการเปลี่ยนยามตอน 11 โมงครึ่งนี่หน่า นี่มันเพิ่ง 11 โมงกว่าๆเอง ก็เผื่อเหลือเผื่อขาดหน่อยแล้วกันเวลามาเที่ยว เพราะอย่างโชว์เมื่อวานที่หน้า Hwaseong Haengung น่าจะมีตอนบ่าย 2 ปาไปจะบ่ายสองครึ่งพี่แกยังจัดกันไม่เสร็จเลย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:54:40

ความคิดเห็นที่ 16 พิธีตอนเช้าจัดหน้าประตูวังด้านนอก เริ่มด้วยพิธีเปลี่ยนเวรยามก่อน แล้วต่อด้วยพิธี Sangshameui  หรือการถวายรายงานสู่กษัตริย์โดยนายพลระดับสูง อลังการงานสร้างนักแสดง 25 ชีวิต เครื่องแต่งกายเลียนแบบของจริงในสมัยก่อน ถ้าเป็นช่วงบ่ายสามครึ่งก็จะเป็นการเลียนแบบรูปขบวนของทหารที่ดูแลกษัตริย์และพระราชินียามที่เดินชมรอบๆวัง ดูเปลี่ยนยามเสร็จ เราสองคนก็ซื้อตั๋วราคา 3000 won เข้าไปดูในตัวพระราชวังต่อ โชคดีจริงๆมาทันเปลี่ยนยามเลย แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 52 12:55:46 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:55:05

ความคิดเห็นที่ 17 Gyeongbokgung Palace พระราชวังจากสรวงสวรรค์ Gyeongbokgung แปลเป็นไทยได้ว่า พระราชวังที่ได้รับการอวยพรจากสวรรค์ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1395 สามปีหลังการสถาปณาราชวงศ์โจซอน ถือว่าเป็นปราสาทหลักที่ใช้ในการพำนักของทุกคนในราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ พระราชินี หรือ เจ้าชายองค์ต่างๆ ในยุคที่ญี่ปุ่นเข้ามาทำสงคราม  90% ของพระราชวังโดนทำลายรื้อทิ้ง จนกระทั่งได้มีการบูรณะใหม่ตั้งแต่ปีคศ. 1990 และยังคงเห็นได้ว่าปัจจุบันทางการเกาหลีก็ยังคงบูรณะอย่างต่อเนื่อง ตอนไปบริเวณด้านหน้าของประตูใหญ่วัง Gwanghwamun ก็ยังก่อสร้างกันอยู่ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:56:48

ความคิดเห็นที่ 18 เดินลึกเข้าไปอีกหน่อยจะเห็น ปราสาทGeunjeongjeonที่เป็นโถงหลักใช้ในการทำงานประจำวันของกษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็น การว่าราชการ พบปะฑูตต่างชาติ หรือแม้แต่ใช้ทำพิธีครองราชย์ ภายนอกรอบๆตัวอาคารจะเห็นเสาหินสี่มุมและอีก 12 ต้นล้อมรอบ เป็นรูปสัตว์ต่างๆ สี่มุมเป็นตัวแทนสัตว์เทพที่ใช้ปกป้องทั้งสี่ทิศ ส่วนอีก 12 ตัวที่เหลือ เป็นสัตว์ตามจักรราศี จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:57:29

ความคิดเห็นที่ 19 เดินอ้อมเข้าไปด้านหลังจะเห็นตำหนัก Gangyeongjeon ที่เป็นที่ใช้เรียน และพักผ่อนของกษัตริย์   ส่วนอาคารที่ติดกันก็คือ Gyotaejeon เป็นที่ประทับของพระราชินี ด้านหลังจะติดกับสวนเล็กๆเรียกว่า amisan  ปล่องไฟสี่อันเล็กๆก็สร้างไว้ตรงนี้สำหรับระบายควันออกจากถ่านทำความร้อนใต้ตัววัง สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องทำ heater การก่อสร้างที่จะทำให้ที่อยู่อบอุ่นจะมีการเว้นช่องไว้ระหว่างพื้นดินกับพื้นไม้ตัวอาคาร แล้วใส่เชื้อเพลิงไปข้างใต้ ความร้อนจะทำให้พื้นอุ่นขึ้น สำหรับควันที่เกิดขึ้นจะผ่านไปตามท่อที่ฝังอยู่ใต้ดิน ก่อนออกไปทางปล่องควันที่อยู่หลังตัวบ้าน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:58:14

ความคิดเห็นที่ 20 ลึกเข้าไปอีก เห็นเป็นอาคารซับซ้อน นั่นคือ Hamhwadang และ Jipgyoengdang ที่อยู่ของบรรดานางสนมต่างๆ  ติดๆกันก็จะมีสวนกลางสระน้ำที่สวยงามชื่อ  Hyangwongjeong เราแอบบ่นกระปอดกระแปด อะไรกันให้พระราชินีอยู่ติดครัวกับปล่องไฟ แต่นางสนมนี่อยู่ติดสระน้ำแสนสวย คุณสามีหัวเราะกิ๊กกั๊กพูดว่า “เมียแก่ๆเก็บไว้บูชาเก็บกลางบ้าน สาวเอ๊าะๆ อยู่ติดสวนไว้วิ่งไล่จับกันฮิๆ” ไม่ใช่แต่ว่ากษัตริย์มาพักที่นี่หรอก เหตุการณ์สำคัญๆของเกาหลีก็เกิดที่ตำหนักกลางน้ำนี้ด้วย พระราชินี Myeongseong ของเกาหลีโดนลอบปลงพระชมน์ที่ตำหนักนี้ ในปีคศ. 1895 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:59:11

ความคิดเห็นที่ 21 เนื่องจากพระราชวังGyeongbokgung เสียหายอย่างหนักจากไฟไหม้ในปี 1876 กษัตริย์ Gojong ได้ย้ายที่พักไปยังปราสาท Changdeokgung แทน (ซึ่งเราจะไปเที่ยวดูกันในวันก่อนกลับไทย) หลังจากปี 1885 ก็ได้ย้ายกลับเข้ามาพักที่เดิม โดยมีการต่อเติมปราสาทขึ้นใหม่เรียกว่า Jibokjae ตัวอาคารดูจากด้านนอกจะเหมือนชั้นเดียวแต่ว่าจริงๆแล้วมีสองชั้น ด้านข้างๆจะมีศาลาแปดเหลี่ยม สร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมราชวงศ์ qing ของจีน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 12:59:48

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าเดินทะลุประตูหลัง Sinmumun Gate ออกไปจะเห็นอาคารมุงกระเบื้องสีฟ้าอยู่ลิบๆ ที่เรียกว่า Blue House เป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ถนนที่คั่นระหว่างปราสาทกับ blue house จะมีตู้ให้ทหารยืน ดูคล้ายๆตู้โทรศัพท์แต่ไม่มีประตูด้านข้าง อย่างน้อยก็ใช้กันแดดกันฝนได้ละนะ ถ้าซื้อตั๋วเข้าปราสาทแล้วเราก็สามารถเดินออกไปถ่ายรูป แล้วเดินกลับเข้ามาใหม่ได้ เจ้าหน้าที่เขาไม่ว่าอะไร แถมยังโบกไม้โบกมือให้ออกไปถ่ายรูปอีกด้วย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:00:37

ความคิดเห็นที่ 23 ที่อยู่ประธานาธิบดีเกาหลี จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:00:59

ความคิดเห็นที่ 24 Gyeongbokgung Palace เวลาทำการ         : 9.00 am – 6.00 pm (ปิดวันอังคาร) พิธีเปลี่ยนเวร       : 11.30 am ราคาค่าเข้า          : 3000 won การเดินทาง         : MTR Line 3 Gyeongbokgung Sta. Exit 5 Website             : www.royalpalace.go.kr จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:02:19

ความคิดเห็นที่ 25 เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก นี่ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายแล้ว ท้องเริ่มร้องจอกๆ จะฝืนเดิน Nation Folk Museum ที่อยู่ติดกันเห็นท่าจะไม่ไหว เราถามเจ้าหน้าที่ Information Center หน้าทางเข้าว่ามีร้าน Bibimbap (ข้าวยำเกาหลี) ที่ไหนใกล้ๆน่ากินบ้าน พี่เจ้าหน้าที่ยิ้มหวานแล้วแนะนำให้เราเดินเลาะกำแพงวังไปเรื่อยๆ จนไปถึงหน้า Gate จะเห็นตึกอยู่ฝั่งตรงข้ามประตูเข้าวังทางทิศตะวันออก หน้าตัวตึกมีป้ายเล็กๆเขียนว่า Korean Restaurant ชื่อร้าน Jeonju อยู่ชั้น 2 ของตึก จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:03:55

ความคิดเห็นที่ 26 เจ้าของร้านน่ารักมากคะ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:04:27

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีครับ จขกท.มีแสตมป์เป็นภาพที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย... จากคุณ : Civict2003 เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:05:15

ความคิดเห็นที่ 28 ร้านนี้ขายแต่ bibimbap อย่างเดียว สั่ง Jeon Ju Bibimbap ราคา 10,000 won มาคนละชามแล้วก็สั่งแป้งทอด KimjiCheon มาอีกหนึ่งแผ่น Bibimbap เป็นข้าวมาในชามร้อน ส่วนผสมทั่วไปจะมี ผักขม เห็ด สาหร่าย แครอท และถั่วงอก ใส่ Gochujang หรือ ซ๊อสพริกมา กับไข่ดิบอีกหนึ่งฟอง วิธีการกินก็คือ คนๆทุกอย่างรวมกันด้วยช้อนกินข้าวขนาดยาวที่ทางร้านเตรียมมาให้ ชามที่ใส่จะมีสองแบบคือ แบบหม้อดินที่ร้อนมากๆ ไข่สุกแน่นอน กับอีกแบบจะเหมือนชามทองเหลือง แค่อุ่นๆอาหารแต่ไม่ได้ทำให้เนื้อสุก พวกชามทองเหลืองสังเกตได้ว่าเขาจะให้ใส่ bibimbap ที่มีหน้าเป็นเนื้อฝอยดิบ โดยตั้งใจไม่ให้เนื้อสุกเกินไป คนเสร็จจะได้แบบ Medium-rare พอดี นึกว่าเครื่องเคียงจะมีแต่กับเนื้อย่าง ที่ไหนได้ Bibimbap ก็มีเครื่องเคียงเหมือนกัน อย่างมื้อนี้ เป็นกิมจิผักกาดขาว ไข่ตุ๋นเย็นๆ หัวหอมเขียว และแกงจืดถั่วงอกเย็บเจี๊ยบ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:05:27

ความคิดเห็นที่ 29 สำหรับแป้งทอดที่เราสั่งมาเรียกว่า Jeon หรือ Cheon  ทั่วไปจะมีสองชนิดคือแบบจืดกับแบบใส่กิมจิ ถ้าเป็นแบบจืดๆ เราจะเรียกว่า Pajeon มีส่วนผสมคือ ไข่ แป้ง ต้นหอมญี่ปุ่น หอยลายตัวเล็กๆ (บางเจ้าก็ไม่ใส่หอยเพื่อประหยัดต้นทุนละมั๊ง) ส่วน Kimchi Jeon ก็คือ Pajeon แต่ใส่ กิมจิ กับ เกี๊ยมฉ่ายลงไปด้วย เจ้านี้คงใส่เกี๊ยมฉ่ายหนักมือไปหน่อย เปรี๊ยวจี๋ เค็มปิ๊ดเลย   แรกๆเข้ามานั่งไม่มีคน พอซักใกล้ๆบ่ายโมงกว่า คนมากันเต็มร้าน สังเกตได้ว่าคนเกาหลีกินข้าวกันช้ากว่าบ้านเรา ข้าวเช้าเขาจะประมาณ 9 โมง ข้าวกลางวันบ่ายโมงกว่า และ ข้าวเย็นประมาณหนึ่งทุ่ม จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:06:31

ความคิดเห็นที่ 30 กินเสร็จคอแห้งไปเลย ทั้งรสกิมจิและซ๊อส Gochujang เค็มไปทั่วคอ เดินเลาะกลับมายังพิพิธภัณฑ์ เห็นคุณลุงคนหนึ่งกำลังคนๆกวนๆอะไรขายอยู่ข้างทาง อ้อ!! แกทำขนมน้ำตาลไหม้อยู่นี่เอง แทนที่จะเป็นตังเมแท่งๆ หรือตัวตุ๊กตุ่นแบบบ้านเรา ที่นี่เขาจะเอาน้ำตาลมาละลายโดยไม่ใส่อะไรเลย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:08:11

ความคิดเห็นที่ 31 แล้วก็เทน้ำตาลที่เดือดปุดๆลงไปบนแผ่นโลหะเย็นๆ กดทับด้วยแป้นพิมพ์แล้วรอให้เย็น แซะออกมาจะได้เป็นแผ่นกลมๆ พร้อมกับรอยแม่พิมพ์ที่เรากดลงไปเป็นรูป ขายอันละ 1000 won รสชาติอร่อยดีคล้ายๆตังเมบ้านเรา เสียอย่างเดียว เหม็นแก๊ซไปหน่อย ไม่รู้มันเป็นกลิ่นน้ำตาลไหม้หรือกลิ่นเสปรย์อัดแก๊ซขนาดพกพาที่คุณลุงใช้ทำขนมก็ไม่รู้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:08:28

ความคิดเห็นที่ 32 National Folk Museum of Korea เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่คนเกาหลี พิพิธภัณฑ์ที่สร้างอยู่ติดกับทิศตะวันออกของพระราชวังGyeongbokgung ดูภายนอกแล้วนึกว่าเป็นปราสาทอีกหลังเพราะสร้างคล้ายเจดีย์จีนห้าชั้นเลียนแบบวัด Beopjusa แต่ความจริงข้างในเป็นพิพิธภัณฑ์ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:09:42

ความคิดเห็นที่ 33 ห้องใหญ่จะแบ่งออกเป็นสามส่วน อธิบายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของคนเกาหลีอย่างสั้นๆ (ถ้าจะอยากศึกษาแบบยาวๆต้องไปดูที่ Nation Museum of Korea) อีกส่วนเกี่ยวกับวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนเกาหลีสมัยก่อน ห้องสุดท้ายจะอธิบายเกี่ยวกับพิธีกรรมต่างๆของคนเกาหลีนับตั้งแต่ก่อนเกิดยันไปถึงลงโลง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:10:58

ความคิดเห็นที่ 34 พิธีแต่งงานเกาหลีโบราณ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:11:36

ความคิดเห็นที่ 35 เลี้ยงซายิด จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:11:58

ความคิดเห็นที่ 36 พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งนอกตัวอาคารจะเห็นเสาไม้หน้าตาประหลาดอยู่ เรียกว่า Jangsung เป็นสิ่งแกะสลักที่มักจะตั้งอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านหรือ ถนน เพื่อปกป้องคนในหมู่บ้าน ขับไล่วิญญาณชั่วร้าย ภูตผีและโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:12:37

ความคิดเห็นที่ 37 มาดูหน้านายอำเภอกันชัดๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:13:13

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนแท่งหินแกะสลักหินเล่นหูเล่นตาทำจมูกพิกล เรียกว่า Dolhareubang เป็นหินที่พบได้ที่เกาะ Jeju ได้เท่านั้น เช่นกันแท่งสลักหินพวกนี้ วางไว้หน้าประตูเมืองเพื่อขับไล่ปิศาจร้ายออกไป จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:13:43

ความคิดเห็นที่ 39 บ่ายสองครึ่งโผล่ออกมาหน้าพิพิธภัณฑ์ มีการแสดงกลางแจ้งอีกแล้ว แต่คราวนี้เป็น Monster Mask Dance น่าจะเกี่ยวกับชายแก่คนหนึ่งหลงเข้าไปในป่าแล้วเจอกับเสือ นอกจากเสียงกลองอันเร้าใจ ผู้แสดงก็แสดงกันสุดฤทธิ์ โดดถีบกันไปถีบกันมาน่ารักดี (ตรงไหน??!!.... จริงๆการแสดงน่ารักดีคะเหมาะกับเด็กๆ) งานแสดงพื้นบ้านแบบนี้ไม่ได้มีที่นี่ทุกวัน จะจัดเป็นงานๆตามเทศกาลเท่านั้น ถือว่าเราโชคดีที่ได้มาดูวันนี้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:15:41

ความคิดเห็นที่ 40 National Folk Museum of Korea เวลาทำการ  : 9.00 am – 6.00 pm วันธรรมดา (ปิดวันอังคาร)                 :  9.00 am – 7.00 pm วันเสาร์ อาทิตย์ ราคาค่าเข้า  : ฟรี การเดินทาง : MTR Line 3 Gyeongbokgung Sta. Exit 5                  หรือ Line 5 Gwanghwamun Sta. Exit 2 Website    : www.nfm.go.kr จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:16:56

ความคิดเห็นที่ 41 เกือบบ่ายสามโมงเราก็ดูทุกอย่างจนหมด ได้เวลาไปห้างแล้ว!! นั่งMTR Line 3 จาก Gyeongbokgung Sta. ไปลง Seoul National University of Education Sta. แล้วต่อ Line 2 ไปลง Samseong Sta. Exit 5 หรือ 6 ใช้เวลา 40  นาที ก็จะถึง Coex Mall ห้างนี้ที่มีเนื้อที่เกือบ แสนสองหมื่นตารางเมตร เป็น Underground Shopping Mall ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ร้านหนังสือใหญ่มาก แต่ตัดใจไม่เข้าไปดู เพราะกลัวจะอดใจไม่ซื้อไม่ได้ ก่อนจะเข้าไปเดินถ้ากลัวว่าจะหลงเพราะใหญ่มากๆให้ไปแวะเอาแผนที่ก่อนด้านหน้า   เดินผ่านร้าน Dunkin Donut อุ๊ว้าว Dunkin Cheese Cake ร้าน Dunkin Donut ที่นี่ไม่ได้ทำแต่โดนัท แต่เขายังขายเค้กอีกด้วย ก้อนประมาณปอนด์ครึ่ง 13,000 won Lovely Flower Cake น่ากินสุดๆ แต่อย่างกระนั้นเลย ยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลย ขืนต้องแบกเค้กเข้าไปดู Aquarium จะทุลักทุเลไปหน่อย เดี๋ยวค่อยออกมาว่ากันอีกทีแล้วกัน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:18:14

ความคิดเห็นที่ 42 เดินดูร้านรวงต่างๆ อลังการจริงๆ มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ร้านขายเสื้อผ้า ขนม ของกระจุกกระจิก ร้านขายสินค้าจากญี่ปุ่น ร้าน100เยนก็มี แต่ที่นี่เป็นร้าน 1000 วอน คำนวนไปคำนวนมาก็ยังถูกกว่าเมืองไทย ที่เอาเข้ามาขายตั้งหกสิบบาท (สองเท่าเลยนะนั่น!!) เนื่องจากเวลายังไม่ค่อยดึกเท่าไหร่ก็เลยตัดสินใจยังไม่เข้าไปดูใน Aquarium ของที่นี่ เพราะกลัวว่าเด็กจะเยอะมากจนดูไม่สนุก เราสองคนจึงเดินลงชั้นใต้ดินไป Kimji Museum หรือ พิพิธภัณฑ์กิมจิก่อน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:18:43

ความคิดเห็นที่ 43 COEX Mall เวลาทำการ      : 10.00 am – 10.00 pm การเดินทาง     : MTR Line 2 Sumsung Sta. Exit 5,6 Website         : www.coexmall.com จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:19:25

ความคิดเห็นที่ 44 Kimji Museum อาหารจานเล็กๆที่ประวัติไม่เล็ก พิพิธภัณฑ์กิมจิตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินของ Coex Mall ห้างสรรพสินค้าใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ถึงแม้ว่าห้างจะติดอันดับเอเชีย แต่ว่าพิพิธภัณฑ์ที่นี่ถือว่าเล็กมากๆ เทียบกับค่าเข้า 3000 วอนต่อคน แต่ไหนๆมาแล้วอะนะ ก็ต้องเข้าไปดูซะหน่อย ภายในจะอธิบายประวัติศาสตร์ของการทำกิมจิตั้งแต่สมัยยุคแรกที่มีบันทึกไว้ ( คศ.1168-1241)ในสมัยราชวงศ์ Koryo  ในหนังสือได้อธิบายการนำผัก 6 ประเภท ได้แก่ แตงกว่า มะเขือม่วง หัวผักกาด ต้นหอมญี่ปุ่น ฟัก และ ต้นMallowมาแช่เกลือไว้กิน หนังสือยังกล่าวอีกว่า ในช่วงฤดูร้อนหากเอาใบหัวไช้เท้ามาจิ้มกับน้ำจิ้มจะได้รสชาติที่อร่อย ในขณะที่ถ้าเป็นฤดูหนาวก็ให้นำหัวมาหมักเกลือแล้วกินแทน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:20:30

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าใครไปเที่ยวเกาหลีแล้วสังเกตดีๆด้านหลังบ้านของหลายคน จะเห็นบรรดาโอ่งไหตั้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน บริเวณหลังบ้านที่ตั้งไหจะเรียกว่า Jangdokde ภายในไหจะบรรจุ น้ำซีอิ๊วหมัก ซ๊อสถั่วแดง หรือเต้าเจี้ยวไว้ มีความเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของทุกบ้านที่จะต้องทำความสะอาดบรรดาไหพวกนี้ทุกวันให้มันวับ เพื่อจะทำให้ครอบครัวมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป (บ้านไหนแม่บ้านขี้เกียจ ฝุ่นจับฝาหนาเกรอะ มันก็คงไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่หรอก) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:21:06

ความคิดเห็นที่ 46 จริงๆแล้วกิมจิ แปลว่าผักดอง ก่อนหน้านี้ เป็นแค่ผักดองกับเกลือเท่านั้น แต่เมื่อมีการพัฒนามาเรื่อยๆ ก็มีการค้นพบว่าถ้าใส่พริกลงไปด้วย จะทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น จนกลายมาเป็นกิมจิผักกาดขาวสีแดงๆที่เรากินกันอยู่ทุกวัน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:21:36

ความคิดเห็นที่ 47 บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมมันไม่บูดไม่เน่า หลักการก็คล้ายๆกับการทำปลาร้าบ้านเรา ในตอนแรกมันก็มีการย่อยสลายจริงๆนั่นแหละ มีทั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคอยู่ด้วย แต่พอผ่านไปนานๆ เชื้อพวกนี้มันไม่สามารถทนต่อความเค็มของเกลือได้ ก็จะค่อยๆตายไป ส่งผลให้เชื้อแล็คโตบาซิลัสที่ทนต่อเกลือสูง และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว กรดแล็คติก กรดน้ำส้ม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ แอลกอฮอล์ปริมาณน้อยๆ ที่เชื้อแล็คโตบาซิลัสผลิตจะทำให้กิมจิมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และออกเปรี้ยวนิดๆ เมื่อได้เวลาก็เปิดฝาไหออกเราก็จะได้กิมจิ ที่ไม่มีเชื้อแบคทีเรียอันตรายและอุดมไปด้วยแลคโตบาซิลัส (ไม่รู้พันธุ์เดียวกับที่สาวยาคูลท์เลือกใช้หรือเปล่า) ไว้ใช้กินแกล้มกับอาหารต่างๆอย่างทุกวันนี้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:22:25

ความคิดเห็นที่ 48 แต่ถ้าเราปล่อยให้กระบวนการหมักดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พวกแล็คติกหรือกรดน้ำส้มก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้รสชาติเปรี๊ยวเกินไป ในกรณีของคนที่ซื้อกิมจิกลับบ้านแล้วต้องการให้มันอยู่ได้นานๆ อาจจะมีการเติมเกลือใส่เพิ่มเข้าไปอีกหน่อย   ถ้าปรากฏว่าลองชิมดูแล้วเปรี้ยวมากทานไม่ได้ อย่าเพิ่งเอาไปเททิ้งให้เสียดาย ลองวิธีนี้ นำไข่ลงไปใส่ทั้งฟองโดยไม่ต้องตอก โดยใช้อัตราส่วน ไข่สองฟองต่อหัวผักกาดหนึ่งหัว ทิ้งไว้ 12 ชม. จะพบว่าเปลือกไข่นิ่มลงและรสชาติกิมจิก็จะเปรี้ยวน้อยลง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:23:28

ความคิดเห็นที่ 49 สิ่งที่สำคัญคือการเก็บรักษาระหว่างการหยิบออกมาใช้ มือหรืออุปกรณ์ที่หยิบจับต้องแห้ง ไม่อย่างนั้นราจะไปออกดอกออกผลบนกิมจิของท่าน ปิดฝาให้มิดชิด ถ้ามีปริมาณมากอาจจะแบ่งเก็บเป็นตลับเล็กๆก่อน เปิดใช้ทีละอันจะทำให้เสียได้น้อยกว่า ถ้าต้องการเก็บไว้นานๆ ใส่ช่องฟรีซไปเลย ณ อุณหภูมิ 0 องศา จะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 3 เดือน (กิมจิ from thailand ???!!) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:24:17

ความคิดเห็นที่ 50 Kimji Museum (Seoul/ Korea) เวลาทำการ       : 10.00 am – 6.00 pm (ปิดวันจันทร์) ราคาค่าเข้า       : 3000 won การเดินทาง      : MTR Line 2 Sumsung Sta. Exit 5,6 ->Coex Mall ชั้น  B2 Website          : www.kimchimuseum.or.kr จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:25:07

ความคิดเห็นที่ 51 เพิ่งจะห้าโมงกว่า แต่พอดูพิพิธภัณฑ์กิมจิแล้ว หิวขึ้นมาตะหงิดๆ คุณสามีรับอาสา วันนี้จะพาไปกินหมี่เย็นที่อร่อยที่สุดในโลก!! เนื่องจากว่าเคยมาประชุมครั้งหนึ่งที่เกาหลีและได้กินหมี่เย็นร้านหนึ่งใน COEX ติดใจมากๆ คุณสามีถึงกับปฏิญาณว่า ถ้ามาเกาหลีอีก ยังไงต้องมากินร้านนี้อีกรอบให้ได้ ร้านหาไม่ยากตั้งอยู่หน้าทางเข้า Coex Aquarium เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ NANAMI (ป้ายชื่อร้านเป็นอักษรเกาหลี กับญี่ปุ่นนะจ๊ะ) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:26:06

ความคิดเห็นที่ 52 แน่นอนคุณสามีสั่งหมี่เย็นมาหนึ่งจาน ส่วนเราสั่ง Mix Katsu คือสารพัดเนื้อชุบขนมปังป่น ในชุดจะมีหมู ไก่ ปลา และกุ้งอย่างละหนึ่งชิ้น ราคา 9500 won (ได้โปรตีนกับเต็มๆ ทดแทนมื้อกลางวันที่มีแต่ผักกับข้าวเป็นส่วนมาก) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:27:20

ความคิดเห็นที่ 53 ว่าแล้วก็แอบแฮ๊บหมี่เย็นฝั่งตรงข้ามมากิน อู๊ว...!! สมแล้วที่ต้องมากิน อร่อยมากๆ หมี่เย็นที่นี้เหมือนว่าเขาจะใช้แป้ง Buckwheat ค่อนข้างมาก เส้นออกเหนียวหนุบกว่าที่กินที่ญี่ปุ่นซะอีก น้ำซุปที่ใช้จิ้ม ใส่น้ำแข็งเย็บเจี๊ยบ กลิ่นวาซาบิหอมอ่อนๆไม่แรงช่วยขับให้รสชาติของน้ำและเส้นเด่นขึ้น อร่อยมาก ยอมรับเลยว่า เส้นที่นี่เหนียวหนุบถูกใจดีแท้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:28:21

ความคิดเห็นที่ 54 COEX Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่จัดวางได้น่าตื่นตาตื่นใจ นั่งรอให้ข้าวและบะหมี่เรียงตัวในท้อง มองนาฬิกาเกือบหกโมงเย็นได้เวลาเหมาะแล้ว บรรดาพ่อแม่คงพาลูกๆออกไปกินข้าวเย็นกัน เรารีบเข้าไปเที่ยว Aquariumกันดีกว่า ดูจากแผนที่ในมือ คิดว่าคงไม่ใหญ่เท่าไรหรอกaquarium ในห้างเนี่ยะ แต่ปรากฏว่าเอาเข้าจริงๆใช้เวลาเดินเกือบชม.กว่า ไม่ใช่ว่าใหญ่หรอกนะ แต่เขาจัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่ามากๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:29:27

ความคิดเห็นที่ 55 ห้องแต่ละห้องถูกจัดอย่างตั้งใจและใส่ใจในรายละเอียด เรียกว่าพื้นที่ใช้สอยนี่คุ้มค่าทุกตารางเมตร   เช่นห้องแรกที่มีปลาปักเป้าแต่ละชนิด แทนที่เขาจะเอามาใส่ตู้แล้วเรียงๆกันติดชื่อ ปรากฏว่าเขานำของตกแต่งพื้นบ้านตุ๊กตาดินเผาโบราณของเกาหลีมาใส่ไว้ในตู้ปลาด้วย แล้วก็เขียนความเป็นมาและลักษณะนิสัยของปลาปักเป้าให้อ่าน จัดซะน่ารักเลย เดินลงมาอีกหน่อยจะเป็นโซนแนะนำสัตว์น้ำของเกาหลี ปลาพันธุ์ต่างๆที่เราไม่ค่อยได้เห็นเช่น Giant Mottled Eel , Long Snouted Fish, Korean Dark Sleeper จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:30:30

ความคิดเห็นที่ 56 บ่อปลาไม่ได้เป็นบ่อธรรมดา บางบ่อจัดเลียนแบบสถานที่ที่มีชื่อเสียงในกรุงโซล เช่น พระตำหนักกลางน้ำในพระราชวังGyeongbokgung ที่เราเพิ่งไปมาเมื่อเช้า จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:31:14

ความคิดเห็นที่ 57 นอกจากนี้ยังมีการนำตู้ปลาหน้าตาแปลกๆมาใส่ปลาหน้าตาแปลกๆหลายตัวให้ดูเข้าก๊าน เข้ากัน เช่น ตู้จดหมาย ตู้โทรศัพท์ ตู้เย็น หัวเตียงนอน บีเกอร์ทดลอง โดยให้สโลแกนที่ว่า “ซ้ำซากกับตู้ปลาแบบเดิมๆทำไม ลองหาไอเดียให้ตู้ปลาใหม่ๆกันเถอะ!” จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:32:38

ความคิดเห็นที่ 58 ใครอยากนอนเตียงแบบนี้บ้าง หัวเตียงกิ๊บเก๋มาก จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:33:22

ความคิดเห็นที่ 59 อีกบ่อหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ คือเขาเอาแท่งแก้วใส่น้ำมาใส่ไว้กลางบ่อแล้วตั้งสูงขึ้นมาจากบ่อเท่าระดับหัวเรา ปลาหน้าตาอารมณ์ดียิ้มตลอดเวลาก็จะว่ายขึ้นมามองหน้าเรา มันว่ายเหมือนตั้งใจจะยิ้มให้กล้องจริงๆ ไม่กลัวคนเลย น่ารักมากๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:33:58

ความคิดเห็นที่ 60 ที่โซนสัตว์ทะเลเขาจัดเนื้อที่ได้อย่างคุ้มค่า ตอนแรกเห็นว่าทำไมปลาซาดีนกับปลาฉลามมันอยู่ตู้เดียวกันหว่า ฉลามมันไม่งาบหมดตู้เหรอนี่? ปรากฏว่าเขากั้นด้วยกระจกใส เจาะรูเล็กๆ ทำให้มองไม่เห็นเวลาถ่ายรูป ถือว่าสร้างตู้เดียวแต่ดูได้สองด้าน แถมปลาไม่กินกันเองอีกด้วย เดินมาครึ่งทางแวะพักเหนื่อยซื้อไอติมกับขนมที่อยู่ใน aquarium กินได้ นั่งกินไอติมไปพลางดูปลาไปพลางมีความสุขดี จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:34:44

ความคิดเห็นที่ 61 นอกจากปลาหลากหลายชนิด เขาก็ยังมีสัตว์อีกมากมายใน aquarium นี้ เช่น นกเพนกวิน แมวน้ำ นาก และ แมงกระพรุนให้ได้ดูอีกด้วย บัตรถึงแม้ว่าจะราคาแพง แต่สำหรับเราสองคนแล้วถือว่าคุ้มค่ามากๆ แนะนำสำหรับคนที่ชอบสัตว์น้ำถ้ามาโซลอย่าลืมมาแวะที่นี่ให้ได้นะ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:35:11

ความคิดเห็นที่ 62 Coex Aquarium เวลาทำการ       : 10.00 am – 8.00 pm ราคาค่าเข้า       : 15, 500 won การเดินทาง      : MTR Line 2 Sumsung Sta. Exit 5,6 àCoex Mall ชั้น  B1 Website         : http://www.coexaqua.co.kr/english/e_main.html จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:36:23

ความคิดเห็นที่ 63 ก่อนกลับแวะซื้อขนมที่ Dunkin Donut มาเป็นข้าวเช้าพรุ่งนี้ เสียดายเค้กแสนสวยของเรามีคนซื้อไปกินซะแล้ว...ไม่เป็นไร งั้นวันนี้เราลองคาปูชิโน่โมจิริง กับ Cheese Cake Donut พร้อมกับกาแฟ Caramel Macchiato Coffee ของ Maxim เป็นแบบ Instant มากินพรุ่งนี้แล้วกัน ..กลับถึงห้อง อดใจไม่ไหว ไหนชิมคาปูชิโน่โมจิริงดีกว่า โมจิริงที่นี่มี 8 ลูกใหญ่กว่าบ้านเรานิดนึง แต่ความหนึบเหนียวกับกลิ่นหอมๆกาแฟนี่อร่อยสุดยอดเลย!! จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:36:56

ความคิดเห็นที่ 64 ค่าใช้จ่าย รวม 2 คน วันที่ 12 เมษายน 2552 ค่าเดินทางและค่าเข้าชมสถานที่รวม  49,200  won MTR Dongdaemun Stadium Sta.-> Gyeongbokgung Sta. = 900 x 2= 1800 won ค่าเข้า National Palace Museum  ฟรี ค่าเข้าพระราชวัง Gyeongbokgung  = 3000 x 2  =   6000   won ค่าเข้า National Folk Museum   ฟรี MRT Gyeongbokgung Sta.à  Samseong sta. = 1100 x2  =  2200 won Kimji Museum = 3000 x 2 =   6000 won Coex Aquarium  = 15,500 x 2  = 31,000 won MTR Samseong Sta. ->Dongdaemun Stadium Sta. = 1100 x 2=  2200  won ค่าอาหารและขนมรวม  54,800 won อาหารกลางวัน : Jeon Ju Bibimbap 2 ที่ + Kimji Cheon = (10,000 x2) + 10,000  = 30,000 won อาหารเย็น : Mix katsu + หมี่เย็น  = 9500 + 5000  = 14,500 won ขนม : ตังเมแผ่น + ไอศครีม+  โมจิริง = 1000 +2000 +1300 = 4300  won อาหารเช้าพรุ่งนี้ : กาแฟสำเร็จรูป Maxim (10 ซอง) + Cheese Cake donut + Peanut Butter donut = 3500 +1300 +1200  =    6000 won จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:40:29

ความคิดเห็นที่ 65 กำลังจะไปเกาหลีพอดี....แต่ไปตอนปีใหม่อ่ะ จากคุณ : หมูอ้วนน่ารักสีชมพู เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 13:49:35

ความคิดเห็นที่ 66 ... ไปตอนปีใหม่ หนาวหูแทบหลุดเลยคะ อย่าลืมเอาหมวกปิดหู หรือที่ครอบหูไปด้วยนะคะ ตอนที่ 4 เสร็จแล้วคะ วันที่4 สวนสัตว์โซลแกรนด์ปารค- ตลาดนัมแดมุน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8620783/E8620783.html จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 14:44:18

ความคิดเห็นที่ 67 รูปสวย พร้อมด้วยความรู้เพียบเลยคะ น่าสนใจติดตามค่ะ จากคุณ : จันทร์จรัส เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 52 09:10:32