ความคิดเห็นที่ 1 เช้านี้เปลี่ยนบรรยากาศออกมากินอาหารนอกห้องบ้าง เดินข้ามถนนมาร้านLotteria ร้านอาหารสะดวกซื้อที่เปิดแข่งกับMc Donald ได้อย่างสมศักดิ์ศรีในเกาหลี สั่งเบอร์เกอร์มากินกันคนละก้อน กาแฟอีกแก้ว รสชาติของเนื้อไม่ค่อยต่างกับแม็คที่บ้านเราเท่าไร ที่ต่างกันคงเป็นน้ำซ๊อสTeriyakiที่ราดลงมาบนเนื้อกลิ่นหอมๆมันๆ สังเกตว่าเขาไม่มีซ๊อสมะเขือเทศบริการให้ ไม่เป็นไร รสชาติโดยรวมกลมกล่อมกว่าแม็ค ไม่ต้องเติมซ๊อสก็ได้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:10:18

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้เพิ่มที่เที่ยวกระทันหัน ตอนแรกอ่านมานึกว่า Seoul Museum of History จะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เกาหลี ปรากฏว่ามันเป็นแค่ประวัติของกรุงโซลเท่านั้น (จริงๆอ่านชื่อก็น่าจะนึกออกแต่แรกแล้วเรา) นั่งเปิดดูหนังสือนำเที่ยว “พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลี (Nation Museum of Korea) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก!!” อย่างนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว ว่าแล้วก็จัดการแอบยัดแผนการเที่ยวเพิ่มไม่ให้คุณสามีรู้ นั่ง MTR สาย4 15นาทีมาลง Ichon Sta. เดินอีก 10 นาทีก็จะมาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ ใหญ่มาก!! เด็กประถมหลายคนเดินจูงมือนำหน้าเราไปลิบๆเข้าพิพิธภัณฑ์กันไปบ้างแล้ว ตอนแรกก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะไม่ได้ดูอะไรเลยเพราะท่าทางเด็กจะเยอะ แต่ปรากฏว่าไม่มีปัญหา เนื่องจากว่าพิพิธภัณฑ์ใหญ่มาก ทำให้ไม่รู้สึกว่าคนเยอะเท่าไร ใครที่ชอบเดินพิพิธภัณฑ์ให้กันเวลาไว้ที่นี่ได้เลยหนึ่งวันเต็มๆ หรือใครชอบเดินเงียบๆจะมาช่วงเย็นก็ได้เพราะที่นี่เปิดถึง สามทุ่ม จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:11:35

ความคิดเห็นที่ 3 Nation Museum of Korea พิพิธภัณฑ์ใหญ่อันดับ 6 ของโลก ตัวอาคารมีสองหลังเชื่อมกัน อาคารด้านซ้ายจะมีโรงหนัง ร้านอาหาร และ Special Exhibition ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ Egypt History ยังไม่เปิดให้เข้าชม ส่วนอาคารด้านขวา จะแบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นละสองฟาก ชั้นแรกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีตั้งแต่ยุคหิน จนถึงต้นยุคโจซอน (ถ้าใครสนใจประวัติศาสตร์ยุคโจซอนให้ไปดูต่อได้ที่ National Palace Museum) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:12:42

ความคิดเห็นที่ 4 ยุคต่างๆของเกาหลีเรียงดังนี้ (เผื่อใครไปเที่ยวแล้วจะได้เข้าใจสถานที่โบราณสำคัญๆมากขึ้น) Prehistoric and Gojoseon Proto Three Kingdom Period ยุคก่อนสามก๊ก ให้เข้าใจตรงกันซะก่อนว่า คำว่าสามก๊กไม่ได้แปลว่ายุคสามก๊กของจีน ที่เกาหลีเองก็มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกและอนาเขตดินแดนเป็นสามก๊กเช่นกัน ที่เรียกยุค Proto Three Kingdom เพราะว่ามันมี 4 ก๊ก ก่อนจะยุบรวมเหลือ 3 ก๊ก (เอาง่ายๆนั่นเลย) ดินแดนถูกแบ่งออกเป็นส่วนเหนือและส่วนใต้ ส่วนเหนือจะปกครองโดยกลุ่ม Goguryeo ส่วนทางใต้จะแบ่งเป็นสามก๊กเล็กๆ ได้แก่ Baekje, Silla และ Gaya จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:15:55

ความคิดเห็นที่ 5 Three Kingdom Period ยุคสามก๊ก Gaya ที่อยู่ทางทิศใต้โดนอาณาจักรของ Silla ตีไป สุดท้ายจึงเหลือแต่ก๊กใหญ่ๆสามก๊ก ได้แก่ Goguryeo, Baekje และ Silla แต่ละก๊กก็จะมีวัฒนธรรมที่โดนเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง Gorguyeo ในยุคแรก gorgueyo สามารถรวบรวมรัฐน้อยใหญ่ทางเหนือมาเป็นของตัวเอง และสถาปณารัฐขึ้นบนแม่น้ำ amnokgang เป็นก๊กที่มีการติดต่อกับจีน(รวมไปถึงสงครามกับจีนในสมัยราชวงศ์ sui และ tang) ยุคนี้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมต่างๆจากจีนมามาก สังเกตได้จาก พระราชวัง วัด และหลุมฝังศพ รูปแบบศิลปะดังกล่าวยังเป็นต้นแบบแพร่ไปยัง Baekje, silla, gaya รวมไปถึงญี่ปุ่นอีกด้วย (ในตอนนั้นรู้จักในชื่อ Wae) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:16:46

ความคิดเห็นที่ 6 Baekje สำหรับ Baekje ตีพื้นที่ครอบคลุมไปทางตะวันตกเฉียงใต้รวามไปถึงเมืองpyongyangของเกาหลีด้วย baekje ได้รวมเอาวัฒนธรรมและเทคโนโลยีของจีนไปด้วย สังเกตได้ว่ารูปปั้นการก่อสร้างและพระพุทธรูปในเมืองนารา ประเทศญี่ปุ่นก็ได้รับอิทธิพลมาจากBaekje ศิลปะของbaekjeที่สวยงามและมีชื่อก็คือการแกะสลัก โดยเฉพาะการสร้างผลงานจากชิ้นเหล็กบางๆ ดังที่จะเห็นได้จากเครื่องเผากำยานหรือเครื่องประดับบนศีรษะที่ขุดค้นพบ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:17:28

ความคิดเห็นที่ 7 Silla Silla มีพื้นที่อยู่ส่วนตรงตะวันออกเฉียงใต้ ในยุค คศ. 562 ซึ่งได้รวมgayaเข้าไปด้วย สำหรับวัตถุโบราณที่สวยงามที่สร้างขึ้นในอาณาจักรSilla เห็นจะเป็นเครื่องประดับมงกุฏที่ทำจากทอง หมวกทอง และเครื่องปั้นดินเผา นอกจากการปั้นเครื่องปั้นดินเผาธรรมดา ยังมีการปั้นตุ๊กตาต่างๆที่ใส่ลงไปในหลุมฝังศพอีกด้วย ตุ๊กตาดินเผาหน้าตาน่ารักหลายตัวได้รับแรงบันดาลใจมากจากชีวิตประจำวัน รวมไปถึงสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:18:02

ความคิดเห็นที่ 8 North and South Kingdoms Period เป็นยุคทีอาณาจักร Silla รวบรวม Goguryeo และ Baekje ไว้ด้วยกันแล้วสถาปณาตัวเป็น Unified Silla ทางทิศใต้ขณะที่ทางตอนทิศเหนือ Balhae รัฐเล็กๆของ Goguryeo ก็สถานปณาตัวขึ้นเป็นเมืองหลวง Joseon Dynasty ในปี 1392 นายพล Yi Seong gye ได้ก่อตั้งราชวงศ์ Joseon ขึ้น ถือว่าเป็นราชวงศ์ที่ครองราชย์ได้ยาวนานสุดในเอเชียตะวันออก (518 ปี) คำว่า Joseon ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่ราชวงศ์ Joseon เก่า ต่อมาในสมัยกษัตริย์ Taejoได้ย้ายเมืองหลวงมายัง Hanseong ซึ่งปัจจุบันคือ Hanyang และสร้างพระราชวัง gyeongbokgung อันสวยงามขึ้น (ที่เราเพิ่งไปดูกันมา) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:19:10

ความคิดเห็นที่ 9 ว่าไปที่เล่ามานี่แค่ชั้นเดียว เหลืออีกสองชั้นที่เป็น Fine art ภาพวาดโบราณมีชื่อ พระพุทธรูป ผ้าวาดรูปพระพุทธเจ้า (ที่ธิเบตเรียก ทังคะ ถ้าเป็นที่เกาหลีเรียก  Gwaebul) นอกจากนี้ยังมีศิลปะจากประเทศอื่นๆที่ได้รับบริจาคมาอีก เช่น เทวรูปของอินเดีย พระพุทธรูปจากไทย กลองเหล็กโบราณจากพม่า เครื่องปั้นดินเผาจากจีน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:19:59

ความคิดเห็นที่ 10 มาจากประเทศไหนคงไม่ต้องบอกมั๊ง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:20:22

ความคิดเห็นที่ 11 National Museum of Korea เวลาทำการ  : 9.00 am – 6.00 pm (อังคาร,พฤหัสบดี,ศุกร์)                   9.00 am - 7.00 pm (อาทิตย์),                   9.00 am - 9.00 pm (พุธ,เสาร์)                   ปิดวันจันทร์   ราคาค่าเข้า    : ฟรี การเดินทาง   : MTR Line 4 Ichon station Exit 2 Website       : Website : www.museum.go.kr แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 17:52:55 แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 17:52:26 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:22:08

ความคิดเห็นที่ 12 เดินดูกันจนตาลาย หิวข้าวสุดๆ กว่าจะนั่งรถ MTR ไปถึง City Hall Station ก็ปาเข้าไปบ่ายสอง ท้องร้องจ๊อก จ๊อก สอดส่ายสายตาหาของกิน นี่เลย หน้าประตูวัง Deoksugung จะเห็นร้าน Dunkin donut ติดๆกันเข้าไปในซอยเล็กๆจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นขายอยู่ มองปราดเดียว เอาร้านนี้แหละไม่มีให้เลือกมากแล้ว หิวจะเป็นลม สั่งไก่สอดไส้ชีสชุบขนมปังทอดมากิน(เอาเป็นว่าคราวนี้จะลองอะไรๆชุบขนมปังทอดให้หมดทุกชนิดเลยดีไหมเนี่ยะ?) ส่วนคุณสามียังติดใจหมี่เย็นเมื่อวานจากร้านญี่ปุ่นที่ Coex Mall ไม่หาย ก็เลยสั่งหมี่เย็นกับข้าวปั้นชุดมาทาน เห็นได้ชัดว่า ความมันวาวของหมี่เย็นต่างกันเห็นๆ ที่นี่เส้นจะดูด้านๆแฉะๆ ขณะที่Coex เส้นมันวาว อูยย พูดแล้วก็อยากกินอีกรอบ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:23:12

ความคิดเห็นที่ 13 ขณะที่นั่งกินอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงกลองและเครื่องเป่าดังออกมาจากด้านหน้าร้าน อาหารยังไม่มารีบวิ่งออกไปดูกลัวเสียเที่ยว เขามีงานเปลี่ยนยามกันอีกแล้วครับท่าน!! เป็นการตรวจยามโดยมีเจ้าเมืองออกมาดูความเป็นอยู่ของนักท่องเที่ยว เอ๊ย ประชาชนรอบๆวัง ยืนถ่ายรูปจนพอใจเกือบสิบนาที เดินลงไปไก่ทอดไส้ชีสร้อนๆก็มาเสริฟพอดี อะไรจะเหมาะเหม็งขนาดนั้น!! อิ่มจากไก่ทอดชิ้นโต เข้าไปเดินเล่นกันต่อในพระราชวัง Deoksugung จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:23:58

ความคิดเห็นที่ 14 รับราชโองการรรรรรร จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:24:23

ความคิดเห็นที่ 15 Deoksugung พระราชวังที่ผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมและต่างชาติ ถ้าใครยังจำได้ตอนไปเที่ยวที่วัง Gyeongbokgung ที่พิพิธภัณฑ์เล่าว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ญี่ปุ่นได้เข้ามาบุกยึดเกาหลีและจุดไฟทำลายพระราชวังไปบางส่วน กษัตริย์ Seonjo ก็เลยย้ายมาพักที่วังนี้ชั่วคราวก่อน เดิมวังนี้ได้สร้างตั้งแต่ในสมัยของกษัตริย์  Seongjong (1469-1494) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:24:54

ความคิดเห็นที่ 16 จากด้านหน้าเราจะเห็นประตู Daehabmun  เดินผ่านเข้าไปอีกนิด (อีกนิดจริงๆ) จะเห็นโถงใหญ่ ที่มีชื่อว่า Junghwajeon  ไว้สำหรับจัดงานพิธีต่างๆ เช่นการครองราชย์ หรืองานรับแขกต่างชาติ แต่ถ้าเราเดินเข้าไปลึกเรื่อยๆเราจะเห็นสิ่งก่อสร้างที่ดูเด่นและมีสถาปัตยกรรมแตกต่างไปอย่างชัดเจนนั่นคือ Seokjojeon ตัวตึกสร้างเสร็จในปี 1910 เป็นการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป (นึกถึง white house เลย) เพื่อให้แสดงถึงการปฏิรูปบ้านเมืองที่รับอารยธรรมตะวันตกเข้ามาผสมผสาน โดยในสมัยนั้นเป็นที่อยู่ของกษัตริย์และราชินี   หลังจากกษัตริย์Gojong สวรรคต ญี่ปุ่นซึ่งขณะนั้นยึดเกาหลีได้ ก็นำมาเปิดเป็น Art Museum แทน เสียดายว่าวันนี้ Art Museum ปิด ก็เลยไม่ได้เข้าไปดู จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:25:35

ความคิดเห็นที่ 17 นอกเหนือจากตึกสไตล์ Neo-Classic ที่โดนเด่น ก็ยังมีวัตถุโบราณอีกสองสามชิ้นที่ตั้งอยู่ภายนอกตัวตึกให้เราได้ดูกัน เช่น นาฬิกาน้ำ ใช่แล้ว นาฬิกาน้ำที่เราได้ดูที่พิพิธภัณฑ์ National Palace Museum นั่นแหละ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ตัวกลไกทั้งหมด ญี่ปุ่นได้ทำลายหรือไม่ก็ยึดไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่แท่นเหล็กกักเก็บน้ำ และ ตัวถังที่ปล่อยให้น้ำหยดเท่านั้นเอง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:25:56

ความคิดเห็นที่ 18 Deoksugung Palace เวลาทำการ           : 9.00 am – 9.00 pm (ปิดวันจันทร์) พิธีเปลี่ยนเวร         : 14.00 am ราคาค่าเข้า           : 1000 won การเดินทาง          : MTR Line 1 City Hall Station Exit 2 Website              : www.deoksugung.go.kr จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:26:49

ความคิดเห็นที่ 19 ใช้เวลาแค่ 15-20 นาทีก็เดินครบรอบวัง ระหว่างที่เราสองคนกางแผนที่ดูว่าจะไปพระราชวัง Gyeonghuigung ที่อยู่ใกล้ๆกันทางไหนลัดที่สุด ก็มีคุณลุงนักธุรกิจคนหนึ่งที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนโบกมือให้เราเดินไปหา  ถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม พอเราบอกว่าจะไปวัง Gyeonghuigung คุณลุงแกก็หันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆประมาณว่าจะให้ไปทางไหนดี ตอนแรกเพื่อนก็คะยั้นคะยอประมาณว่า แกบอกไปเถอะ ชั้นไม่คล่องภาษาอังกฤษหรอก ขณะที่คุณลุงผู้ใจดีกำลังอธิบายทางที่จะไปอยู่นั้น เพื่อนแกก็เริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วก็พูดว่า “No No that’s a long distant!!” แล้วแกก็เริ่มอธิบายเป็นภาษาอังกฤษที่ดีพอๆกันว่า ไปอีกทาง ด้านหลังวังจะตัดเข้าไปในซอยเดินใกล้กว่า คุณลุงแกไม่ยอมแพ้ โบกไม้โบกมือ แล้วเถียงเป็นภาษาเกาหลี น่าจะพอตีความได้ว่า “เฮ๊ย เขาเป็นนักท่องเที่ยว ไปแนะนำทางนั้นได้ยังไง เขาก็เดินหลงหรอก เดินยากจะตาย ไปทางนี้แหละ ไม่ไกลมาก” และแล้วคุณลุงสองคนก็เริ่มเถียงกันไปเถียงกันมาให้เราดู สุดท้ายจบด้วยการที่ว่า คุณลุงดึงมือเราไปคุยแล้วชี้ทางที่เดินง่ายแต่ไกล ขณะที่เพื่อนแกดึงมือคุณสามีแล้วชี้อีกทางที่เดินยากกว่าแต่ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า เราสองคนขอบคุณคุณลุงผู้อารีย์ทั้งสองก่อนเดินออกมา ทิ้งระยะให้คุณลุงแกได้วางมวยกับเพื่อนต่อ (ซะงั้น!!) แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 52 15:28:48 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:28:03

ความคิดเห็นที่ 20 มองหน้ากันเอาไงดี แล้วเราสองคนก็ตัดสินใจที่จะเดินไปทางลัด ไม่เป็นไรหรอกน่า sense ขนาดนี้แล้ว เที่ยวมาก็ไม่ใช่น้อย ไม่น่าจะหลงหรอก!! เดินเลาะด้านขวาของพระราชวัง จะเห็นพิพิธภัณฑ์artประเภทต่างๆเป็นระยะๆ ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที เราก็จะมาถึงพระราชวัง Gyeonghuigung โดยไม่หลง ฮ่าฮ่า แหมระดับนี้แล้ว!! จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:29:14

ความคิดเห็นที่ 21 Gyeonghuigung พระราชวังแห่งความสงบ เป็นพระราชวังที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกับสองพระราชวังที่เคยไปแล้วอย่างชัดเจน ปกติแล้วเวลาไปที่ไหนก็จะมีนักท่องเที่ยวและบรรดาเด็กๆเกาหลีมาถ่ายรูปเจี๊ยวจ้าวกันเต็มไปหมด แต่สำหรับพระราชวังนี้... เงียบมาก เรียกว่าไม่มีคนเดินเลยก็ว่าได้ เดินดูอยู่ ครึ่งชม. มีแค่เราสอง อิๆ หันไปอีกที คุณสามีไปนอนกลิ้งเกลือกตรงบันไดแล้ว บอกว่า เหนื่อยๆ นอนตรงนี้แหละ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:29:57

ความคิดเห็นที่ 22 พระราชวังสร้างขึ้นในปี 1617 ใช้สำหรับประกอบพิธีการสำคัญต่างๆเช่น การว่าราชการ หรือรับแขกต่างชาติ เดิมตัวพระราชวังมีชื่อว่า Gyeongdekgung แต่ได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่ในปี 1760 เป็น Gyeonghuigung ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:30:36

ความคิดเห็นที่ 23 จริงๆด้านหลังของพระราชวังจะมีตาน้ำเล็กๆผุดขึ้นมาระหว่างซอกเขาด้วย แต่เราสองคนไม่ได้เดินไปดู เพราะหาทางออกไปด้านหลังไม่เจอ มารู้อีกทีตอนหยิบ brochure มาอ่านที่โรงแรมนี่แหละ ถึงได้รู้ว่าพลาดไปแล้ว เป็นคติสอนใจว่า เวลาจะเที่ยวไหนอย่าลืมทำการบ้านศึกษาสถานที่และประวัติศาสตร์ไปก่อนด้วยนะ จะได้ไม่เสียเที่ยว จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:31:18

ความคิดเห็นที่ 24 Gyeonghuigung Palace เวลาทำการ     : 9.00 am – 6.00 pm (อังคาร - เสาร์) ,                      : 10.00am – 6.00 pm (อาทิตย์) ปิดวันจันทร์ ราคาค่าเข้า      : ฟรี การเดินทาง     : MTR Line 5 Gwanghwamun Sta. Exit 7 หรือ Line 5 Seodaemun sta. Exit 4 Website         : www.cha.go.kr จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:32:47

ความคิดเห็นที่ 25 ด้านหน้าของพระราชวังมีการก่อสร้างกันอยู่ เป็นตึกขาวด้านสี่ด้านประกอบจากรูปทรงเรขาคณิตสี่แบบคือสี่เหลี่ยม กากบาท หกเหลี่ยม และวงกลมดูหน้าตาประหลาดๆ นึกว่ายาน UFO มาลงจอดที่นี่ เดินไปดูใกล้ๆ เห็นป้ายติดอยู่ว่า Prada Transformer คุณสามีบอกว่า “โอ้..เป็นวิธีการดึงดูดลูกค้าแบบใหม่ เครื่องปฏิมากรปรมาณูเปลี่ยน Louise Victon เป็น Prada....” เกือบจะเชื่ออยู่เสี้ยววิ (มันจะเป็นไปได้ไงเล่า!!) จริงๆแล้ว จากรูปภาพและคำบรรยายเป็นภาษาเกาหลีใต้ภาพ คิดว่าน่าจะเป็นหอประชุมที่ไว้ใช้แสดงนิทรรศกรรมต่างๆ โดยสามารถเปลี่ยนรูปแบบตัวตึกได้โดยใช้เครนยก??!! กลับมา search internet ดูถึงได้รู้ว่า เป็นผลงานของ เร็ม คูลฮาส (ใครอะ??!!) สถาปนิกชาวดัชต์ที่มีชื่อในการออกแบบตึกต่างๆ ผลงานมีชื่อของเขาก็เช่นตึก CCTV ที่กรุงปักกิ่ง (ใครนึกไม่ออกลองเปิดnet ดู ตึกเอียงๆเหมือนสี่เหลี่ยมสามมิติบิดได้) ผลงานของแกก็ออกจะหลุดโลกอยู่เหมือนกัน ยิ่งมาตั้งหน้าพระราชวัง Gyeonghuigung ทำให้รู้สึกเหมือนว่า มนุษย์ต่างดาวจะมายึดวังยังไงก็ไม่รู้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:33:38

ความคิดเห็นที่ 26 Seoul History Museum เรียนรู้ประวัติศาสตร์กรุงโซลเมืองหลวงของเกาหลี ติดกันกับพระราชวัง Gyeonghuigung ก็คือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กรุงโซล (Seoul History Museum)  เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อธิบายเกี่ยวกับกรุงโซล หรือเมืองหลวงของประเทศเกาหลีเป็นหลัก   ถึงแม้ว่าจะมีสามชั้น แต่ก็มีแค่สองชั้นเล็กๆให้เดินดูเท่านั้น คำอธิบายเป็นภาษาเกาหลีหมด แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง เพียงแค่ยื่นpassport ให้เจ้าหน้าที่ เขาจะยื่นคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กๆพร้อมหูฟังให้เราห้อยคอเดินฟังไปเรื่อยๆ พอเดินผ่านห้องต่างๆหรือdisplay ต่างๆ เครื่องจะอธิบายให้ฟังอัตโนมัติว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:34:21

ความคิดเห็นที่ 27 จากชั้นล่างเดินขึ้นชั้นสาม จะแบ่งห้องจัดแสดงออกเป็น สี่โซนใหญ่ๆได้แก่ Capital of Joseon dynasty, Life of People in Seoul, Culture of Seoul และ Urban Development of Seoul แต่ละห้องขนาดไม่ใหญ่เหมือนเมื่อเช้าที่ไปเดินมาที่ National Museum โดยรวมใช้เวลาเดินไม่กี่นาทีก็ดูหมด (แต่ถ้าใครอยากยืนฟังบรรยาย display แต่ละอันอาจใช้เวลาประมาณ 1-1½  ชม.ได้) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:34:49

ความคิดเห็นที่ 28 โดยรวมแล้วห้องที่เล่าความเป็นมาเกี่ยวกับกรุงโซลพร้อมกับรูปแผนที่ขนาดใหญ่การจัดแสดงก็ดูไม่ค่อยน่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับ National Museum เมื่อเช้า   พวกเครื่องใช้หรือชีวิตความเป็นอยู่ ก็จำลองมาจาก National Folk Museumข้างพระราชวัง Gyeongbokgung จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:36:19

ความคิดเห็นที่ 29 ตลาดดงแดมุนสมัยก่อน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:36:50

ความคิดเห็นที่ 30 ที่ดูจะแตกต่างกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆก็ตรงห้องสุดท้าย Urban Development of Seoul  ที่จะมีแผนผังกรุงโซลในปัจจุบัน วิทยุ ทีวี โทรศัพท์สมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาวางโชว์ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:37:38

ความคิดเห็นที่ 31 ใกล้ๆกับที่รับเครื่องtour มีคุณป้าเจ้าหน้าที่ยืนหน้าตาแฉล้มคุมเครื่องปั๊มทำตราโบราณอยู่ เราก็ตรงปรี่เข้าไปทันที คุณป้าโบกไม้โบกมือ ไม่ได้ๆ ต้องไปตรงโน้น ว่าแล้วก็ชี้ไปยังร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์ เดินไปงงๆ แปลว่าอะไรหว่า ต้องใช้กระดาษพิเศษหรือ?ถึงจะพิมพ์ได้ เดินไปถึงร้านขายของควักตังค์ซื้อกระดาษสาโบราณของเกาหลีมาหนึ่งซอง 4 แผ่นในราคา 500 วอน เดินกลับไปหาคุณป้าใหม่ คราวนี้คุณป้ายิ้มเผล่เลย นี่ๆ ทำอย่างนี้นะหลาน ว่าแล้วแกก็กุลีกุจอช่วยเอาหมึกพิมพ์และลูกกลิ้งมาให้ เอาเลยไอ้หนูตามสบาย ในที่สุดเราก็ได้ทดลอง ทำแผนที่เกาหลีแบบโบราณโดยการใช้ลูกกลิ้งหมึก และ ปั๊มตราลัญจกรโบราณกลับบ้านมาสี่ใบ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:38:20

ความคิดเห็นที่ 32 Seoul Museum of History เวลาทำการ  : 9.00 am – 9.00 pm (อาทิตย์- ศุกร์),                 : 10.00am – 6.00pm (เสาร์),                     ปิดวันจันทร์ ราคาค่าเข้า   : 700 won การเดินทาง  : MTR Line 5 Gwanghwamun Exit 7, Seodaemun Exit 4 Website      :www.museum.seoul.kr แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 17:54:06 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:39:41

ความคิดเห็นที่ 33 Jongno 3 Ga ในที่สุดเราก็เจอแหล่งอาหารถูกและอร่อย ห้าโมงเย็น คุณสามีเริ่มหิวตาลายเพราะเดินกันจนหมดแรง ในตอนแรกวางแผนว่าจะไปกินอาหารเย็นกันที่ Insadong โดยลงสถานี Jongno 3 Ga   ถ้านักวิทยาศาสตร์สามารถค้นคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆได้จากความผิดพลาดและอุบัติเหตุ การหาร้านอาหารทานในวันนี้ก็คงเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่จากความผิดพลาด ตอนแรกที่ตั้งใจจะหาทางออกไปยังถนน Insadong เพื่อไปหาอะไรทาน ปรากฏว่าออกมาผิดประตู มาโผล่ที่ Exit 5  ขณะที่กำลังมองหาทางไปยัง Insadong ก็สังเกตเห็นบรรดานักธุรกิจและพนักงานเงินเดือนทั้งหลาย เดินกันไปเป็นกลุ่มๆ หาร้านอาหารเช่นเดียวกับเรา นี่มันเหมือน Shinjuku ที่ญี่ปุ่นเลยแหะ! เอาละ ร้านไหนคนเยอะ เดินเข้าร้านนั้นดีกว่า อยากกินเนื้อย่างเกาหลีมาหลายวันแล้ว วันที่ไปกินที่ Myeongdong ยังไม่หายอยากเลย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:40:38

ความคิดเห็นที่ 34 เดินเข้าร้าน Pig Shop เมนูอาหารภาษาเกาหลีล้วนๆ มีแค่บางรายการเด็ดๆเท่านั้นที่มีภาษาอังกฤษเขียนอยู่ข้างใต้ และสิ่งที่ทำให้เราตกตะลึงก็คือ ราคา!! พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก!! อาหารชุดหมูปิ้ง เนื้อหมูชิ้นละ 6000 วอนเท่านั้น แถมชิ้นไม่ใช่บางเฉียบ แต่หนาประมาณ 1/3 นิ้ว ความใหญ่เท่าเสต็กดีๆชิ้นหนึ่งเลย  เนื้อหมูหมักซ๊อสปิ้งเรียกว่า Dweji Bulgogi จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:41:58

ความคิดเห็นที่ 35 ถาดที่ใช้ปิ้งที่นี่จะแตกต่างกันกับถาดกลมๆที่ Myeondong คือจะเป็นถาดเหล็กขนาดฟุตกว่า เขาจะตั้งถาดเอียงประมาณ 20-30 องศาให้น้ำมันและน้ำซ๊อสไหลลงมายังชามสังกะสีเล็กๆที่รองอยู่ด้านล่าง อาวุธคู่กายยังคงเป็นที่คีบเนื้อและกรรไกรไว้ตัดเนื้อที่สุกเป็นชิ้นเล็กๆ   ชิมเข้าไปคำแรก โอ้ อร่อยมาก เนื้อหมูนิ่มๆ หมักกับซ๊อสรสชาติหวานมันกำลังดีห่อด้วยผักกาดหอมใส่กระเทียมปิ้ง กินคู่ยำต้นหอม จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:42:33

ความคิดเห็นที่ 36 เอาละซิ หิวก็หิว แถมยังถูก หน้ามืดแล้ว คราวนี้ สั่งกันไม่ยั้งเลย เห็ดหนึ่งจาน เนื้อสองชิ้นใหญ่  และ Spicy Rib อีก 1 set ตอนแรกที่สั่งก็คิดๆอยู่ เออไอ้ซี่โครงหมูนี่แพงเหมือนกันแหะ ตั้ง 15,000 วอน ระหว่างที่เราปิ้งเนื้อหมูและเห็ดกันอย่างเอร็ดอร่อย คุณลุงเจ้าของร้านก็มาสะกิดๆ “นี่ๆ อั๊วอุ่นซี่โครงหมูไว้ให้ข้างหลังนะ” หันไป ไอ้หย่า!! หม้อต้มซี่โครงหมูขนาดสี่คนกินเดือดปุดๆอยู่ข้างหลัง ตายละหว่า ที่ว่า spicy rib นี่มัน ต้มยำซี่โครงหมู ไม่ใช่ ซี่โครงหมูหมักหรือเนี่ยะ?? คุณป้าเจ้าของร้านเอามือปิดปากเมื่อคุณลุงชี้ให้ดูว่าไอ้สองตัวนั้นมันกล้าสั่งต้มซี่โครงหมูชามเบ่อเริ่ม หลังจากสั่งหมูกระทะปิ้งไปแล้วสองชิ้นยักษ์ ว่าแล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกันกิ๊กกกั๊กกันข้างหลัง counter ในใจคงคิดอยู่แน่ๆว่าไอ้สองตัวนี้อดอยากมาจากไหนกันกินไม่บันยะบันยังเลย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:43:54

ความคิดเห็นที่ 37 เราสองคนก็มองหน้ากันพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ ตรูจะกินเข้าไปหมดไหมเนี่ยะ?? “ไม่ได้ ไม่ได้นะ ต้องกินให้หมด ไม่งั้นคราวหน้าไม่พามาเที่ยวด้วย” คุณสามียื่นคำขาดข้ามควันปุ๊ดๆของต้มหม้อไฟยักษ์ หน้าตาของเจ้าต้มซี่โครงใช่จะเล็กๆน้อยๆที่ไหนละ มีทั้งมันฝรั่ง หัวหอมใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น เห็ดเข็มทอง หน่อไม่ฝรั่ง และขาดไม่ได้คือ กิมจิ และซี่โครงหมูเกือบสิบชิ้น รสชาติของต้มซี่โครงที่มีชื่อเรียกว่า Kimchi Jjigae คล้ายๆกับแกงส้มบ้านเราแต่จะหนักไปที่รสชาติเค็มของกิมจิมากกว่าเปรี๊ยว เป็นที่ได้เรียนรู้ศัพท์เพิ่มไปอีกหนึ่งคำว่า Jjigae แปลว่าStew หรือ สตูเนื้อต้ม ไม่ใช่เนื้อปิ้งอย่างที่เข้าใจผิดตอนแรก (เลยได้อิ่มเพิ่มเลย) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:44:42

ความคิดเห็นที่ 38 สุดท้าย... จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:45:24

ความคิดเห็นที่ 39 และแล้วเสต็กหมูกระทะสองชิ้นพร้อมผักเครื่องเคียง เห็ดหนึ่งจาน ต้มซี่โครงหมูหม้อใหญ่ และโค้กหนึ่งขวด ก็ลงไปอยู่ในท้องของเราสองคนภายในเวลาสี่สิบนาทีเท่านั้น คุณลุงโต๊ะข้างๆนั่งตื่นตะลึงกับความสามารถของเราสองคนถึงขนาดกวักมือเรียกไปคุยและถ่ายรูปด้วย คุณลุงเจ้าของร้านยืนยิ่มเผล่พร้อมกับยกนี้วโป้งให้ ความรู้สึกตอนนั้นอย่างกับได้รางวัลชนะเลิศแข่งกินหมูกระทะ (คือถ้าได้ถ้วยรางวัลคงลุกไปโค้งรอบร้านอาหารแล้ว) (เยี่ยมมากอีหนู!!) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:46:02

ความคิดเห็นที่ 40 อิ่มตื้อออกจากร้านเดินเลาะตามถนนไปเรื่อยๆ จะเห็นบรรดาลุงๆป้าๆขนรถเข็นต่างๆมาตั้งขายกันเต็มริมถนน มีทั้งข้าวผัด หมูผัด ไส้กรอกปิ้ง ซาลาเปานึ่ง เกี๊ยวซ่าทอด ขนาดกุ้งเทมปุระทอดยังมีเลย ราคา5 ตัว 2000 วอน ถูกกว่าตามร้านอาหาร จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:46:44

ความคิดเห็นที่ 41 กุ้งทอด จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:47:05

ความคิดเห็นที่ 42 ขนม... จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:47:30

ความคิดเห็นที่ 43 ลงป้ายนี้สวรรค์ชัดๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:48:41

ความคิดเห็นที่ 44 อาหารยังไม่ย่อยเลี้ยวแวะร้านเกมข้างๆไปเล่นเกมกดก่อนกลับโรงแรม คุณสามีตกใจกับราคา 100 wonหนึ่งเกม เทียบแล้วคือ 3 บาทต่อเกม!! เมืองไทยไม่มีแล้วตู้เกมสามบาท อย่างถูกสุดๆก็ห้าบาทสิบบาท นั่งกดกันสองคน รอให้ต้มสตูว์ซี่โครงหมูย่อย (เกม DJMax technika ที่นั่น เกมละ 10 บาทเอง!!) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:49:52

ความคิดเห็นที่ 45 เดินตัวปลิวกลับโรงแรม ลงหน้าสถานีรถไฟพลันสายตาคุณสามีก็เหลือบไปเห็น เอ๊ะนั่นขนมอะไร ขายอยู่หน้าทางออก เป็นขนมพวกแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก หน้าตาคล้ายๆกับขนมแต่งงานของจีน พวกขนมเปี๊ยะ ตังเม ทองม้วนอะไรพวกนั้น กลับมาเปิดinternet ดูอีกที อ้อ เขาเรียกว่า Hangwa เป็น ขนมหวานๆที่ทำจากแป้ง น้ำผึ้งและ น้ำตาลเป็นหลัก  ขายขีดละ 1000 วอน ซื้อมาสองขีดกว่าๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:50:30

ความคิดเห็นที่ 46 ไอ้ครั้นจะกินขนมหวานๆแบบนี้เปล่าๆเดี๋ยวจะเลี่ยนไป ต้องแวะซื้อชาข้าวบาเลย์มากิน 1 แพ็ค 30ซอง 2000 วอน ซองหนึ่งไม่ใช่ซองเล็กๆ แต่เป็นซองใหญ่ ต้มได้หนึ่งกา กินได้ห้าหกคน ถูกมาก ถ้าซื้อมาต้มแต่วันแรกกรอกเก็บเข้าตู้เย็นจะได้ชาเย็นไว้กินขวดละ 70 วอนเท่านั้น!! (ปกติน้ำขวดละประมาณ 1000-2000 วอน) กลับมาถึงห้อง ขาพาดโต๊ะ จิบชา กินกับขนมหวานๆ นั่งดูทีวี มันแข่ง star craft กันอีกแล้ว เมื่อไหร่จะจบซักทีเนี่ยะ!! จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:51:04

ความคิดเห็นที่ 47 ค่าใช้จ่าย รวม 2 คน วันที่ 14 เมษายน 2552 ค่าเดินทางและค่าเข้าชมสถานที่รวม  10,600  won MTR Dongdaemun Stadium Sta. ->Ichon Sta. =  900 x 2 = 1800 won ค่าเข้า National Museum of History =   ฟรี MTR Ichon Sta.-> City Hall  Sta   =  900 x 2  = 1800  won ค่าเข้า Deoksugung Palace   = 1000x2  = 2000  won ค่าเข้า Gyeonhuigung Palace =  ฟรี ค่าเข้า Seoul Museum of History =   700x 2 =  1400 won MTR  Seodaemun sta-> Jongno 3 Ga sta. =  900 x 2= 1800  won MTR Jongno 3 Ga sta. -> Dongdaemun Stadium Sta. =  900 x 2  =  1800  won ค่าอาหารและขนมรวม 68,400  won อาหารเช้า: Bulgogi burger+ Hanwoo Burger+ Capucino coffee = 2900+ 5200+ 2500 = 10,600 won อาหารกลางวัน : Bentoหมี่เย็นข้าวปั้น +Bentoไก่ห่อชีสชุบแป้งทอด  = 7500 +7500  = 15,500  won อาหารเย็น : หมูย่าง2ชิ้น+ เห็ด1 จาน+ สตูว์ซี่โครงหมู+ โค้ก 1 ขวด= 12,000+ 2000+ 15,000+ 2000= 31,000 won อาหารเช้าพรุ่งนี้: Donut + Mojiring+ เค้ก fruit pudding = 1300+ 1200+ 3000=   5500 won ขนม: pistachio icecream+ ขนมhangwa = 1500 +2300 =  3800 won ชาข้าวบาเลย์ 1 แพ็ค = 2000 won จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:54:43

ความคิดเห็นที่ 48 สำหรับประวัติเกาหลี ลอกมาจากพิพิธภัณฑ์ที่ไปดู ถ้ามีอะไรผิดพลาดฝากผู้รู้แก้ไขด้วยนะคะ ส่วนวันที่เหลือๆ ขอติดไว้ก่อนะคะ 5-11 นี้จะขออนุญาตพาพระมารดรและปะป๋าไปเที่ยวไต้หวันก่อน แล้วจะกลับมา up อีกทีนะคะ สุขสันต์วันพ่อคะ!! จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 15:56:10

ความคิดเห็นที่ 49 ทำรีวิวไวมากๆเลยครับ ของผมทำไว้สองตอนยังไม่ได้มาต่อเลย เหอะเหอะ PS. ผมก็ทำทิ้งไว้ในพันทิิพเนี่ยแหละครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมไทย 52 18:11:59

ความคิดเห็นที่ 50 ปกติ ดูกระทู้ที่มีอาหารประกอบ จะรู้สึกหิวนะคะ แต่จบกระทู้นี้แล้ว ทำไมมันจุกๆ ก็ไม่รู้ **แก้สะกดผิดค่ะ** แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 52 01:14:11 จากคุณ : salamanka เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 52 01:13:48

ความคิดเห็นที่ 51 จะรอชมนะคร๊าบบ จากคุณ : กะลาสี เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 52 05:03:45

ความคิดเห็นที่ 52 ตามมาถึง part 5 เลย    รอชมต่อนะคะ จากคุณ : binnie fan เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 19:15:49

ความคิดเห็นที่ 53 ทำรีวิวสนุกมากค่ะ ฮาความคิดเห็นที่ 39 ค่ะ จะลองไปเดินแถวนี้ดูค่ะ จากคุณ : geenotip เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 52 17:53:49

ความคิดเห็นที่ 55 วันที่ 6 คลอดแล้วคะ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8654666/E8654666.html จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:28:13