ความคิดเห็นที่ 1 ปุปปับก็เปลี่ยนเป็นภูเขาหิมะเสียเฉยๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:37:51

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเอารูปให้ดูอย่างเดียวนี่ไม่บอกไม่รู้เลยนะคะว่าเป็น Utah นึกว่า Switzerland แน่นอน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:38:14

ความคิดเห็นที่ 3 จากภูเขาหิมะก็กลับมาเป็นเทือกเขาหินหน้าตาแปลกๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:43:43

ความคิดเห็นที่ 4 หรือเป็นชั้นหินสีแปลกๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:44:05

ความคิดเห็นที่ 5 ดังนั้นถึงจะขับรถกันยาวแต่ก็ไม่น่าเบื่อ มีทิวทัศน์แปลกๆ ดึงดูดความสนใจอยู่เรื่อยๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:44:48

ความคิดเห็นที่ 6 แค่ข้างทางเห็นแล้วยังกรี๊ดสลบ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:45:15

ความคิดเห็นที่ 7 เริ่มตื่นเต้นว่าในตัวอุทยานจะสวยขนาดไหน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:47:09

ความคิดเห็นที่ 8 ก่อนถึงมีคนต้อนแกะมาเต็มถนน เราเลยต้องหยุดรถให้น้องแกะผ่าน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:47:34

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นความยาวแล้วช็อก นี่มันแกะกี่พันตัวกันเนี่ย เพราะนอกจากจะหยุดรถนานมากแล้ว หลังจากนั้นก็ยังขับรถผ่านแกะที่เดินเรียงหนึ่งอีกนานมากๆเช่นกัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:48:10

ความคิดเห็นที่ 10 ทริปนี้สิ่งหนึ่งที่คาดการณ์ผิดไปมากก็คือเรื่องอุณหภูมิ เรากะว่าบินจากบอสตันมาตะวันตกต้องอุ่นขึ้นแน่นอน ปรากฏว่าเทือกเขาเหล่านี้สูงใช่ย่อย อุณหภูมิก็ติดลบกันเลยทีเดียว หยุดถ่ายรูปที่ทะเลสาบ หนาวจนน้ำค้างยอดหญ้าจับแข็ง หน้าปัดรถบอกอุณหภูมิ 29 F บรื๋อววววว์ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:48:35

ความคิดเห็นที่ 11 ยิ่งใกล้ถึงวิวก็ยิ่งสวย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:49:32

ความคิดเห็นที่ 12 เทือกเขาถูกกัดเซาะเป็นรูปทรงแสนแปลกตา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:50:28

ความคิดเห็นที่ 13 ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นสีของชั้นหินที่บอกอายุว่ามาจากยุคสมัยแตกต่างกัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:51:00

ความคิดเห็นที่ 14 กล่าวถึงประวัติของ Capitol Reef แล้วนั้น บริเวณนี้แท้จริงแล้วเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของอินเดียนแดงพื้นเมืองมาช้านาน ก่อนที่พื้นที่แถบนี้จะถูกทิ้งร้างราวปี 1500 หลังจากนั้น ชนเผ่าเร่ร่อน Ute และชาวเผ่า Paiuteได้เข้ามาตั้งถิ่นฐาน การสำรวจอย่างจริงจังไม่เกิดขึ้นเลยจนถึงปี 1854 ที่นักสำรวจ John C. Fremont ได้ผ่านมาทางนี้เข้า นักบุกเบิกนิกายมอร์มอนได้เริ่มเข้ามาพำนักในแถบนี้ราวปี 1870 จนในช่วง 1880 ผู้คนราวๆสิบครอบครัวได้เริ่มทำสวนผลไม้ และเรียกบริเวณที่อยู่นั้นว่าชุมชน Fruita ในราวๆปี1920 Ephraim P. Pectol และ Joseph S. Hickman เรียกแถบนี้ว่า Wayne Wonderland ในปี 1937 บางส่วนของอาณาบริเวณนี้ได้ถูกกำหนดให้เป็น National Monument โดยประธานาธิบดี Roosevelt จนในที่สุดในปี1971 นั้น National Monument ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Capitol Reef National Park อย่างเป็นทางการ ถึงแล้วก็ต้องถ่ายรูปกับป้ายตามสูตร จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:51:57

ความคิดเห็นที่ 15 จากการค้นคว้า เหมือนว่าที่นี่นักท่องเที่ยวมากันน้อยกว่าที่อื่นๆ พอมาถึงก็เห็นจริงตามนั้น จากเมื่อวานที่มีคนนั่งรถชัทเทิลเกือบเต็มคันรถกับเราทุกรอบ คราวนี้แทบจะเรียกได้ว่า กลุ่มเรามาครองพื้นที่กันเลยทีเดียว ที่ Visitor center นั้น มีคนดูแลอยู่เพียงคนสองคนเท่านั้น คุณป้าใจดีบอกกับพวกเราว่าช่วงนี้คนน้อยหน่อย แต่เดือนที่คนเยอะก็ยังมีคนมาไม่มากนักอยู่ดี เราแปลกใจมาก เพราะที่นี่สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ส่วนตัวแล้วคิดว่าสวยกว่าไซออนหลายขุม ทำไมถึง underrated ได้ขนาดนั้นก็ไม่ทราบ (แต่ก็ดี คนไม่เยอะ ถ่ายรูปก็ไม่ติดคน ไม่ต้องแย่งกันเที่ยวเหมือนที่อย่างแกรนด์แคนยอน) ใครได้มีโอกาสมาแถวนี้ แนะนำอย่างแรงกล้าให้มาเที่ยวที่นี่ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน แนะนำให้จ่ายเงินห้าเหรียญเพื่อขับรถเข้าไปใน scenic drive ด้วยค่ะ มาถึงแล้วไม่ควรพลาด มาถึงแป๊บๆกล้องล้นไปด้วยรูป ก็เห็นแล้วอดใจไม่ได้นี่นา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:54:28

ความคิดเห็นที่ 16 ระหว่างทางที่ขับรถจะมีจุดให้จอดชมวิวเรื่อยๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:55:21

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนใหญ่จะมีป้ายพร้อมคำบรรยายประกอบ อย่างอันนี้เค้าอธิบายเรื่องการเลื่อนตัวของชั้นหิน ว่าความดันใต้เปลือกโลกบางครั้งก็รุนแรงมาก หากหินด้านบนนั้นแข็งเกินกว่าจะยืดตัวงอตัวตามแรงดันนั้นได้ เปลือกโลกจุดนั้นก็จะแตกหักเลื่อนไป อย่างจุดเลื่อนที่รูปชี้ให้ดูนั้น มีอายุหลายล้านปีมาแล้ว การเลื่อนของรอยแตกทำให้ชั้นหินจากยุคต่างๆที่มีสีต่างกันสองข้างของรอยเลื่อนเหลื่อมล้ำกันอย่างที่รูปประกอบทางขวาล่างวาดไว้นั่นเอง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:55:59

ความคิดเห็นที่ 18 จุดจอดต่อมาชื่อว่า Chimney Rock เห็นชัดว่ารูปร่างของยอดเขาที่ดูเหมือนปล่องไฟนี้เองที่เป็นที่มาของชื่อ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 00:59:09

ความคิดเห็นที่ 19 ขับไปได้อีกหน่อยก็เจอวิวสวยๆให้หยุดถ่ายรูปอีก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:00:12

ความคิดเห็นที่ 20 งานนี้สามหนุ่มผู้กล้าปีนป่ายข้ามไปยืนอยู่ที่ชะง่อนหิน เต๊ะท่าถ่ายรูปสบายใจ กว่าจะปีนไปตรงนั้นได้ต้องข้ามหลืบหินไปหลายหลืบ เราแอบไปส่องมองแล้วหวิวๆจะเป็นลม ก้าวพลาดตกลงไปนี่ไม่เหลือแน่ๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:02:45

ความคิดเห็นที่ 21 ดูหินมานานก็ต้องอธิบายเรื่องสีสันของหินชั้นต่างๆกันเสียหน่อย ชั้นสูงๆขึ้นไปนั้น แน่นอนว่าเป็นชั้นหินที่เกิดขึ้นหลังจากชั้นล่างๆ ส่วนสีของชั้นหินนี่นอกจากจะบอกยุคแล้วยังบอกลักษณะการเกิดและและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอีกด้วย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:04:04

ความคิดเห็นที่ 22 อย่างหินสีน้ำตาลแดงที่เรียกว่า shale นี่เกิดจากโคลนที่ถูกพัดพามาทับถมตะกอนนอนก้นอยู่ใต้พื้นทะเลสาบ นักธรณีวิทยาเรียกหินที่เกิดลักษณะนี้ว่า Moenkopi formation และเชื่อว่าเกิดขึ้นเมื่อ 225 ล้านปีมาแล้ว ที่ Capitol Reef นี่ Moenkopi นั้นหนาถึง 950 ฟุตทีเดียว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:05:05

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนแถบสีเทาเขียวเหนือชั้น Moenkopi นั้น เกิดจากเถ้าถ่านภูเขาไฟ การเกิดของชั้นนี้เรียกว่า Chinle formation ที่ Capitol Reef นี่ Chinle มีความหนา 700 ฟุต ชั้นเทาเขียวและม่วงนี้ เป็นหินเนื้ออ่อน เมื่อถูกกัดเซาะจึงเกิดเป็นทางลาดดูเป็นลอนๆ อย่างที่ซูมให้เห็นนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:05:34

ความคิดเห็นที่ 24 ในทางตรงข้าม หากหินนั้นแข็งมาก เช่นหินสีส้มแดงช่วงบนที่เรียกว่า Wingate Sandstone เมื่อได้รับแรงกดดันหรือกัดเซาะมากๆ หินเหล่านี้จะเปราะ แตกหัก กลายเป็นหน้าผาในแนวดิ่งสูงชัน (ซูมด้านซ้ายบนของรูปใหญ่ให้ดูกันชัดๆ) จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:06:49

ความคิดเห็นที่ 25 จุดชมวิวถัดไปของเราคือ Goosenecks point จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:08:37

ความคิดเห็นที่ 26 ทิวทัศน์แปลกตานี้เกิดมาจากการที่ Sulfur Creek นั้นไหลวกวนไปมา เมื่อครั้งพื้นที่แถวนี้ยังเป็นที่ราบต่ำ ทุกครั้งที่น้ำท่วมและน้ำลด ลำห้วยก็จะไหลเปลี่ยนทิศทาง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:10:25

ความคิดเห็นที่ 27 การที่ลำห้วยคดเคี้ยวไปมามากมายก่อให้เกิดลักษณะภูมิประเทศเฉพาะตัวที่เป็นจุดเด่นของ Capitol Reef คือสิ่งที่เรียกว่า Waterpocket Fold จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:12:15

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อน้ำในลำห้วยไม่สามารถไหลออกได้ทันท่วงที น้ำจึงกัดเซาะลงด้านลึก จนหินด้านล่างเป็นแก่งสูงชัน ผลจากการกัดเซาะเป็นเวลายาวนานทำให้ในปัจจุบันลำห้วยนั้นอยู่ต่ำจากขอบของหน้าผานี้ถึง 800 ฟุตด้วยกัน ดูแล้วช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:15:58

ความคิดเห็นที่ 29 ขับรถไปเรื่อยๆก็จะได้เห็นชั้นหินอีกหลายรูปแบบ ที่ขึ้นชื่อเพราะมีที่ Capitol Reef นี่ที่เดียวก็คือการก่อตัวของชั้นหินทรายที่เรียกว่า Shinarump จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:17:19

ความคิดเห็นที่ 30 ปกติแล้ว Chinle นั้นจะอยู่ด้านบนต่อจาก Moenkopi แต่เทือกเขาตรงนี้มีความพิเศษคือบน Moenkopi จะเป็นหินทรายมีเทาเหลืองคือ Shinarump ชั้นตะกอนของ Shinarump นั้นทับถมกันในทางน้ำของแม่น้ำที่คดเคี้ยวอยู่ในบริเวณนี้เมื่อสองร้อยล้านปีก่อน ชั้นหินทรายแบบนี้มีแร่ธาตุยูเรเนียมอยู่มาก ทำให้ออกสีเทาเขียว เคยมีการทำเหมืองแร่ยูเรเนียมที่บริเวณนี้ก็เพราะการก่อตัวของชั้นหินแบบ Shinarump นี่เอง ดูที่สีขาวชั้นบนสุดที่อยู่บนชั้นสีแดงอีกที คิดว่ารูปนี้น่าจะใช่ ถ้าจะเอาให้แน่ ไปดูได้ที่ http://www.nps.gov/care/planyourvisit/scenicdrive.htm จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:19:06

ความคิดเห็นที่ 31 ยิ่งดูก็ยิ่งทึ่งแต่ Capitol Reef ก็ยังมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เราได้อีกเรื่อยๆ ที่นี่มีส่วนที่เป็นทางแคบระหว่างเขาสองข้างที่มีลำธารไหลผ่านหรือที่เรียกกันว่า Gorge ที่พิเศษคือสำหรับที่ Capitol Gorge เราสามารถขับรถเข้าชมตามทางแคบระหว่างหุบเขาได้เลย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:21:22

ความคิดเห็นที่ 32 ช่องว่างระหว่างผาสองข้างนั้นแคบมาก หุบเขาสูงชันโอบล้อมเราไว้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:22:12

ความคิดเห็นที่ 33 รู้สึกเหมือนเราเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เป็นเหมือนเศษธุลีของจักรวาล ธรรมชาติรอบด้านช่างยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม และน่าอัศจรรย์ใจนัก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:24:11

ความคิดเห็นที่ 34 ลักษณะของหินที่พบก็ต่างกันไปทุกหัวเลี้ยว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:25:56

ความคิดเห็นที่ 35 บางช่วงเป็นหินมีรูพรุน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:29:01

ความคิดเห็นที่ 36 เนื่องจากหุบผานี้ชันมาก หากมีพายุมรสุมเข้า น้ำที่ไหลบ่าจะลงมาในแนวตั้งด้วยความเร็วสูงอย่างที่เรียกว่า flash flood  อันตรายมากค่ะ ที่นี่มีป้ายเตือนตลอดทาง แต่ก็น่าจะไม่ช่วยยกเว้นว่าจะดูพยากรณ์อากาศมาดี เพราะบางทีฝนตกบนเขาเราไม่เห็น กว่าจะรู้ตัว ถ้าถึงขั้นเห็นน้ำมาแล้วก็คงหลบกันไม่ทันแล้วล่ะค่ะ ที่เห็นเป็นยอดสีเหลืองสูงๆในรูปนั้นเรียกกันว่า Golden Throne ชื่อเหมาะเหม็งอีกเช่นเคย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:31:25

ความคิดเห็นที่ 37 แดดออกจัดจ้า ถ่ายรูปได้สีสวยขึ้นอีก รูปของ The castle ดูดีๆก็เหมือนอยู่อีกล่ะ แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 52 01:34:30 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:31:58

ความคิดเห็นที่ 38 ขับรถออกจาก Capitol Reef ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ วิวขากลับสวยกว่าขามาเพราะแดดที่จัดขึ้นทำให้เห็นสีของชั้นหินชัดเจน แถมบางช่วงที่เป็นการขับรถลงเนิน เห็นภูเขาสีสวยๆสลับซับซ้อนไกลสุดลูกหูลูกตา สวยจนลืมหายใจ ได้กรี๊ดไปถ่ายรูปไปอีกตลอดทางเช่นกัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:36:14

ความคิดเห็นที่ 39 เราเลือกขับรถบน Scenic By Way 12 เพื่อไปที่ Bryce Canyon City ระหว่างทางก็ยังได้จอดถ่ายรูป ณ จุดชมวิวอีกหลายที่ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:48:05

ความคิดเห็นที่ 40 ตลอดทางยังคงเป็นเทือกเขาทอดยาวสุดลานสายตา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:48:58

ความคิดเห็นที่ 41 บางช่วงมีขับรถอยู่บนผาแคบๆ มองไปสองข้างทางเป็นหุบเหวลึกให้เสียวเล่น คนนั่งกรี๊ดที คนขับก็ป๊อดตามไปด้วยอีกต่างหาก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:50:16

ความคิดเห็นที่ 42 กว่าจะถึงโรงแรม Best Western Ruby’s Inn ก็มืดสนิท เราต่างไปเติมพลังด้วยอาหารค่ำมื้อใหญ่ (พายเบอรรี่รวมของที่นี่อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว) อิ่มทั้งกายอิ่มทั้งใจแล้วก็รีบนอน เตรียมพร้อมสำหรับตื่นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Bryce Canyon ในเช้าตรู่วันถัดไป ติดตาม Bryce Canyon ได้ในตอนหน้าค่ะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 01:50:49

ความคิดเห็นที่ 43 เข้ามาชมรีวิวดีดีครับ ได้ข้อมูลความรู้เยอะมาก ขอบคุณครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 08:20:51

ความคิดเห็นที่ 44 ตามดูรูปสวยแปลกตาด้วยคนค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 08:30:21

ความคิดเห็นที่ 45 ยิ่งใหญ่มากกค่ะ จากคุณ : โอลีพ แม่น้องเซ้นต์ (olives) เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 10:14:28

ความคิดเห็นที่ 46 ติดตามชมนะคะ ที่นี่เราไม่รู้จักเหมือนกันค่ะ เราเองเคยไป zion ,bryce canyon,antelope canyon,lake powell แต่ไม่ได้ไปที่นี่ค่ะ เห็นจะจริงค่ะที่ว่า ที่นี่คนไปน้อย เราเองคนนึงอะค่ะ ที่ไม่ได้ไปตอนไปแถบนั้น ชอบจังค่ะ รูปสวย พร้อมความรู้ ขอบคุณนะคะ แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 52 11:19:43 จากคุณ : chabakaew เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 11:19:12

ความคิดเห็นที่ 47 สวยงามจริงค่ะ จากคุณ : ม่านสีม่วง เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 12:48:19

ความคิดเห็นที่ 48 วิวสวยน่าตื่นตาตื่นใจมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 52 16:40:19

ความคิดเห็นที่ 49 ธรรมชาติยิ่งใหญ่มากเลย ตามมาชมต่อครับ จากคุณ : arrthai เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 23:44:39