ความคิดเห็นที่ 1 เป็นเวลาแห่งความสุข เป็นความทรงจำที่ดี เป็นกำลังใจที่มีค่า เป็นยารักษาความเหงา ขอให้มีความสุขกับการคิดถึง คนนั้น วันนั้น ในวันนี้ค่ะ นั่นซิ อยู่ห่างกันแค่ ห้าพันไมล์ เท่านั้นเอง ^_^ จากคุณ : LoveError เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 11:03:35

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเรื่อง classic ระหว่างเดินทางค่ะ เก็บไว้เป็นความรู้สึกดีๆ  มุมหวานๆ ของหัวใจ ดีไหมคะ จากคุณ : DangCola เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 11:05:09

ความคิดเห็นที่ 3   สำนวน จขกท. โรแมนติกจังเลย ว่าแต่ คนๆ นั้น เป็นคนไทยหรือต่างชาติคะ ถ้าถูกใจกันจริง ก็น่าจะสานต่อกันได้นะ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 11:10:05 A:61.90.65.150 X: TicketID:146314

ความคิดเห็นที่ 4 มาให้กิฟปลอบใจ จขกท ในฐานะคนที่เคยเจอเหตุการณ์ แบบนี้มาก่อน ทุกวันนี้ ก็ยังคิดถึงคนๆนั้น และขอพรให้เขามีชีวิตที่ดี มีอนาคตที่ก้าวหน้า และสมหวังในความรัก จากคุณ : สีน้ำสายรุ้ง เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 12:19:48

ความคิดเห็นที่ 5 ผมแพ้เรื่องแบบนี้ครับ อ่านแล้วจะร้องไห้ ของผมอยู่ใกล้กันแค่นี้ยังไม่รุ้เลยว่ารักเราหรือเปล่า จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 12:41:08

ความคิดเห็นที่ 6 เฮ่อ.......เกือบจะลืมอยู่แล้วเชียว สะกิดกันอย่างนี้ เลยไม่ต้องลืมกัน จากคุณ : deco_mom เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 12:43:15

ความคิดเห็นที่ 7 สะกิด ต่อมน้ำตาค่ะ จากคุณ : เพลงดาว เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 12:54:17

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Before Sunrise และ Before Sunset เลยค่ะ จากคุณ : yuki_shimi เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 13:14:53

ความคิดเห็นที่ 9 มาให้กะลังใจ คห 5 ของเราถ้ามีก็รักนอกใจล่ะก๊า จากคุณ : ooh maple เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 13:21:04

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับทุกท่าน ผมชอบห้องนี้จังตั้งแต่ตอนมาตั้งกระทู้ขอบคุณการบินไทย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปทิศทางไหนครับ อยากครับ น่าแปลกที่เราอยู่กับบางคนไม่กี่วันคืน แต่รู้สึกคุ้นเคย อ่อนโยน อบอุ่นเหมือนกับใช้ชีวิตกันมานานแสนนาน  ตอนที่เรามองตากันแล้วรู้สึกว่าทั้งโลกนี้มีเราสองคน และเราไม่ต้องการอะไรเพิ่ม ไม่ร้องขออะไรเพิ่มแล้ว แค่ได้ยิ้มให้เขา ได้ดูแล ป้องกัน ยกย่อง ให้เกียรติเขา ก็เกินพอแล้ว ผมพยายามที่จะนำช่วงเวลาเหล่านั้นมาเป็นกำลังใจให้กับตัวเองครับ ชั่วชีวิตหนึ่งคุณได้รัก ได้สัมผัสความรัก แค่นั้นคุณก็โชคดีกว่าคนนับล้านคน คนหกพันล้านคนบนโลกจะมีใครที่สามารถนั่งมองฝนตกจากเตียงกับคุณแล้วบอกว่า ฝนตกไม่เคยสวยอย่างนี้มาก่อนจนกระทั่งวันนี้ บางครั้งความรักก็เหมือฤดูใบไม้ผลิครับ เราบอกไม่ได้หรอกว่าจงอยู่กับฉันตลอดกาล  บอกได้แค่ว่าให้อยู่ได้นานที่สุด สัมผัสร่างกาย ให้ความอบอุ่นกับวิญญานและชีวิต เพื่อให้พร้อมกับฤดูอื่นๆ จากคุณ : C Legal เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 14:08:08

ความคิดเห็นที่ 11 เคยเจอตอนไปภูกระดึง ทั้งๆที่ไม่ใช่เสป็คเล้ย แอบปิ๊งเข้าไปได้ไงก็ไม่รู้ สงสัยบรรยากาศมันพาไป แต่พอลงภูก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จากคุณ : ECTV เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 14:23:27

ความคิดเห็นที่ 12   ฮี่ๆ ม่ายเคยอ่ะ แต่โรแมนติคดีเหมือนกันเนอะ จากคุณ : กานดา หน้ามึน (กานดา หน้ามึน) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 14:23:59

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามายิ้ม อย่างเดียวครับ จากคุณ : ป้อม (ppomp2003) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 14:25:29

ความคิดเห็นที่ 14 น่ารักดีค่ะ ..... อ่านแล้วอมยิ้มเลย จากคุณ : bokonaja7 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 14:31:00

ความคิดเห็นที่ 15 baby you're my destiny you and i were meant to be with all my heart and soul i'd give my love to have and hold and as far as i can see you were always meant to be.. my destiny จากคุณ : ax เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 14:35:33

ความคิดเห็นที่ 16 ท่านอื่น อย่าลืมแชร์เรื่องตนเองด้วยนะครับ เรื่องจริงนั้น น่ารักกว่าที่เล่าเยอะครับ แบบว่าผมว่าในหนังที่เคยดูมาสู้ไม่ได้เลยสักเรื่อง ตอบข้างบน ต่างชาติครับ เราอ่านหนงสือเล่มเดียวกันอยู่ในร้านการแฟเดียวกัน ไม่น่าเชื่อนะครับ จากคุณ : C Legal เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 14:38:58

ความคิดเห็นที่ 17 .. ชอบเรื่องน่ารัก ๆ แบบนี้จัง  .. ^^ .. จากคุณ : ทิ .. (Ka - Ti) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:04:00

ความคิดเห็นที่ 18   ว้า...ไม่มีประสบการณ์เลยค่ะ....แต่อยากมีนะ 55555 แล้วคุณ C Legal ไม่มีโอกาสสานต่อเลยเหรอคะ น่าเสียดายนะคะ คิดว่าคงไม่ง่ายที่เราจะเจอคน คนหนึ่ง ที่รู้สึกดี  และใช่แบบนี้  เอาใจช่วยนะคะ ^ ^ จากคุณ : หัวหน้าหมาน้อย เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:16:07

ความคิดเห็นที่ 19 My dearest With you I am complete and I could not ask for more With you I experienced the beauty of days and miracle of destiny With you I live in paradise with dream full of most tender moonlight Without you my soul faces the deepest pain of a life I enter your body You enter my soul From that we walk together into the castle of golden sand จากคุณ : C Legal เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:16:35

ความคิดเห็นที่ 20 #8 555 เราชอบ Ethan Hawke แต่เราไม่ชอบทั้ง 2 เรื่องนี้อ่ะ ผิดปกติไปป่าวเนี่ย จากคุณ : LoveError เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:27:05

ความคิดเห็นที่ 21 .........               ฮิ้วววววว.........สยิ๋วกิ้ว.........                 จขกท. อารมณ์ศิลปินมากๆ.......... .. จากคุณ : เจ๊ เชพบ๊ะ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:34:35

ความคิดเห็นที่ 22   ผมอยากเป็นเหมือน จขกท. จัง......อิจฉานะ...... จากคุณ : คมครับ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:43:36

ความคิดเห็นที่ 23 เอ๋า ตะกี้ นิ้วกระดิกไปซะก่อน เอาภาษารักมาฝาก จขกท คนกะลังมีความรัก นิ (อิอิ) Love, that is shared, is a beautiful thing. It enriches the soul and makes the heart sing. จากคุณ : LoveError เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:50:32

ความคิดเห็นที่ 24   เจอมาเหมือนกัน หนึ่งอาทิตย์แห่งความสุข ตามมาให้ความสุขยันทุกวันนี้ เค้าบอกว่า "พรหมลิขิต" ให้เราได้มาเจอกัน เค้าไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นเราแต่อยากคุยอยากเห็นหน้าตลอด เค้าบอกชะตาฟ้าลิขิตให้เราต้องมาเจอกัน ดีใจจังชีวิตนี้ได้มีคนพูดคำนี้กับเราด้วย ก็พยายามรักษามันไว้คะโชคดีจริง อิอิ :p จากคุณ : พรหมลิขิต เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 16:53:27 A:124.120.39.233 X: TicketID:245351

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้ามันเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ก็เก็บเอาไว้แบบลึกสุดหัวใจ เราเคยแอบชอบเพื่อนที่เรียนด้วยกันสมัย ยี่สิบปีที่แล้ว(ไม่ได้พิมพ์ตัวเลขผิด โปรดทราบ) เจอกันครั้งสุดท้าย หลังจากไม่เคยเจอกันอีกเลยหลังจากเรียนจบ มือกระตุกพร้อมจังหวะหัวใจเต้น แอบร้องไห้ แถมเค้ายังโสดอยู่ แต่เราไม่โสดนานไปซะละ ทุกครั้งที่ฟังเพลง เค้าคนนี้แหละ ทำให้เพลงนั้นมันเพราะ โดยไม่ต้องกำลังจีบกะใครใหม่ๆอยู่ เรา เข้ามาบอกว่าเหมือนที่บอกไว้ข้างบน ถ้าเป็นไปไม่ได้ เก็บเอาไว้ในส่วนที่ ลึกที่สุด ดีที่สุด มันจะได้ไม่หายไปไหน  ขอให้มึความสุขกับมันนะคะ จากคุณ : mama_in_love เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 17:33:39

ความคิดเห็นที่ 26 อยากมีมั่งอ่ะ 5555 แต่ถ้ามีละก็ โดนคุณสามีถี บ แน่ๆ  ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : มารร้ายทิชชู่ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 18:20:34

ความคิดเห็นที่ 27 แอบอมยิ้มเลยค่ะ...น่ารักดี จากคุณ : เจ้าหมูตุ๋น เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 19:05:21

ความคิดเห็นที่ 28 ...รักครั้งนั้น ถือเป็นรักนิรันดร์สำหรับเรา แม้จะต้องแยกจากกันแล้ว...ก็ยังมีความทรงจำดีๆๆค่ะ .... จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 19:20:38

ความคิดเห็นที่ 29 เคยสิคะ ชอบเค้าคนนั้นมาก ประทับใจ คุยกันสนุกมาก หากแต่พอกลับถึงบ้าน พินิจพิจรูปดีดี นิ้วก้อยเค้ากระดกอ่ะ เลยทำใจได้ เฮ่อ จากคุณ : padme' amidala เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 19:57:42

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านแล้วคิดถึงหนังเรื่องนี้มากๆ Lost In Translation ที่เราเจอ จะออกแนวมิตรภาพที่ดีมากกว่าน่ะค่ะ ที่ประทับใจมากๆ มี 2 ครั้งนะ เหตุการณ์แรกเกิดใจกลางย่านธุรกิจฮ่องกง เรากับน้องสาวไปยืนงงๆ อยู่ตรงไฟแดง จะหาทางเดินไปขึ้นสาย 15C เปิดประทุน แต่ดันเดินตามไกด์บุ๊คที่บอกทางไป The Peak เลย ระหว่างยืนคิดแป๊บนึงว่าจะไปทางไหน ก็มีสุภาพสตรีดูมาดนักธุรกิจทันสมัย หลุดมาจากหนังสือได้เลย เป็นชาวยุโรปผมสั้น..สวย..ดูดีมากๆ ถามเราว่า Can I help you? แล้วก็บอกทางเราว่าเดินไปเลยดีกว่า ลอดใต้ตึก HSBC ไปนะ แล้วเดินขึ้นเนินไปก็เจอ The Peak แล้ว : ) ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นตอนเราบินไปมาเก๊าคนเดียว เพื่อไปดู Chelsea ตอนที่มาเตะ Pre Season ที่ Asia  ระหว่างนั่งต่อแถวร้อนๆ ข้างโรงแรม Grand Lisboa ตั้งแต่เที่ยงถึงสี่โมงเย็นเพื่อเป็น 1 ใน 200 คนที่จะได้เข้าไปขอลายเซ็นต์นักเตะ  เราได้เพื่อนใหม่เพียบ !!!! ทั้งวัยรุ่นมาเก๊า รุ่นคุณพ่อที่พาคุณลูกมา เพื่อนจากเมืองจีน จากฮ่องกงที่เป็นแฟน Chelsea คนไหนพูดอังกฤษได้ก็เข้ามาคุยกับเรา พอรู้ว่าบินมาจากเมืองไทยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ก็ตื่นเต้น ก็เป็นเพื่อนกันไปเลยในเวลา 4 ชั่วโมงอันแสนทรหดนั้น  ตอนไปดูบอลก็ได้เจออีก ทุกวันนี้ก็ยังมีน้องจากเสิ่นเจิ้นที่ติดต่อกันอยู่ ส่วนเรื่องความประทับใจที่ออกแนวโรแมนติคระหว่างเดินทางเนี่ย ยังนึกไม่ออกชัดๆ นะ  เพราะส่วนใหญ่ไปกับน้องสาว 2 คน ที่พอจะเข้าเค้าก็น่าจะเป็นที่เมืองไทยมากกว่า ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี ผู้มาเยือนเลยรู้สึกดี  เป็นนักศึกษารัสเซีย ซึ่งคุยไปคุยมาเราบอกว่าไอน่ะชอบพี่ม้า Arshavin  นะ ได้ข่าวว่าจะย้ายมา Arsenal นี่ เขาถึงกับตะลึงพรึงเพริดที่เรารู้จัก Arshavin เลยคุยกันยาวเลย ก่อนลากัน ก็เช็คแฮนด์กัน แล้วยิ้มหวานๆ ให้เราแบบน่ารักชะมัด แล้วบอกว่า I really appreciate to know you. จริงๆ คงไม่ได้ประทับใจเราหรอก แต่ประทับใจที่เรารู้จักพี่ม้ามากกว่า..ฮ่ะ..ฮ่า... ปล. เขาบอกว่าแปลกใจนิดหน่อยที่เจอคนไทยพูดอังกฤษได้แบบค่อนข้างดี บางทีเขาถาม บางคนก็ไม่ตอบแล้วเลี่ยงๆ ไป  เราบอกว่าไปคนไทยพูดได้ฟังได้ แต่บางคนขี้อาย เพราะไม่ค่อยได้พูดน่ะ เลยเหมือนว่าพูดไม่ได้   เวลาเจอต่างชาติพูดแบบนี้กับเรา เราจะตอบแบบนี้ทุกครั้งแหล่ะ..อิ่..อิ่.. เพราะเรามีเพื่อนหลายคนที่ฟังรู้เรื่อง เขียนก็รู้เรื่อง แต่ทำไมไม่ค่อยยอมพูดก็ไม่รู้   แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 52 20:06:10 จากคุณ : Hermy เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 20:03:10

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านความรู้สึกของ จขกท. แล้วน้ำตาจะไหล เป็นเรื่องราว ความรู้สึกดีๆที่อ่านแล้วต้องยิ้มตามครับ แต่ไม่ดีอย่าง มันสั้นไปไหมเนอะ บางคนเคยบอกว่า เวลาที่เรามีความสุขมันมักจะผ่านไปเร็วเสมอ บางครั้งเราก็อยากฝืนธรรมชาติดูบ้าง เวลามีความสุข กับใครสักคนผมก็อยากให้ช่วงเวลาในขณะนั้น ผ่านไปอย่างช้าๆ ความรักมันก็เป็นแบบนี้นะครับ ชอบเล่นตลกกับเราจริงๆ แม้ผมและเธอ เราจะอยู่ห่างกันเพียงแค่ 19 ป้ายรถเมล์แค่นั้นเอง ' ก ล้ อ ง ถึ ง จ ะ พั ง ไ ป แ ล้ ว   แ ต่ ก็ ยั ง มี เ ม ม โ ม รี่ อ ยู่ ' ถึงจะจากกันไปแล้วและความสัมพันธ์จะไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง แต่ที่เหลือไว้ ยังมีความทรงจำที่ยังคงอยู่ จากคุณ : P.S. i love you เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 20:57:40

ความคิดเห็นที่ 32 รอที่จะมีแบบนี้บ้างเหมือนกัน ที่แล้วมามีแต่คนเข้ามาและจากไป ไม่เคยเหลือเยื่อใยอะไรแก่กันเลย จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:19:30

ความคิดเห็นที่ 33 เออ..ไปไหนไปกับแฟนค่ะ เลยไม่มีโอกาส.. เหมือนคุณมารร้ายทิชชู่ เลยอะ จากคุณ : Ultramamay เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:27:48

ความคิดเห็นที่ 34 เอ....อืม......จะว่าไป เที่ยวก็ไป แถมไปคนเดียวอีก ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลยแฮะ มีหน้าตาเป็นอาวุธก็แบบนี้แหละ T_T ความจริงก็คุ้นๆเหมือนกันว่ามีคนสนใจ คนมอง มาชวนคุย แต่เวลาไปเที่ยวไหนคนเดียว ออร่าป้องกันตัวมันจะแผ่ออกมาอ่ะ เลยไม่ค่อยอยากคุยกับใคร เอ.....หรือเราพลาดโอกาสไปแล้ว ม่ายยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : ohhioh เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 22:36:59

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณนะครับทุกคน ถ้าใครมีประสบการณ์คล้ายๆกันจะเข้าใจได้ดีมาก ตอนนั่งรถไปสนามบินนี่น้ำตารื้นแต่ต้องพยายามฝืนไว้ ตอนสัมผ้สไออุ่นจากริมฝีปากของอีกฝ่ายที่ immigration ก็อยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนั้น บางทีชีวิตที่มันดูอิสระ มันก็เต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมาย ข้อจำกัดที่สำคัญมากคือความกลัวของทั้งสองฝ่ายนั่นเองครับ นี่ผ่านมาเป็นเดือนๆแล้ว ผมก็ยังไม่ลืมเวลาของเรา และเชื่อด้วยว่าในเวลาสองสัปดาห์เราต่างก็ได้สัมผัสถึงร่างกายและจิตวิญาณของกันและกัน และมันเป็นความจริง ผมยังไม่หมดหวัง แต่ก็ไม่อยากหวังมากเกินไปนัก คนที่โชคดีได้อยู่กับคนที่คุณรัก รักษากันให้ดีนะครับ จริงๆแล้วผมว่าเวลาที่เราเดินทางโอกาสมันมีให้เกิดเรื่องราวแบบนี้เสมอครับ ที่สนามบิน หรือที่ห้องพักรับรองของสายการบินเป็นที่ที่เราถูกมองบ่อยมากๆ ยิ้มให้ เข้ามาทัก แต่ก็เท่านั้นแหละครับผมก็มีประสบการณ์แค่นี้เท่านั้น ตอนนี้ผมกับเขาคงมองแสงจันทร์จากดวงเดียวกัน แต่ห่างออกไปครึ่งโลก แต่ความทรงจำยังอยู่ครับ สว่างกว่าแสงจันทร์ด้วย จากคุณ : C Legal เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 23:55:35

ความคิดเห็นที่ 36 เคยค่า แต่รู้ตัวช้าอ่ะ กว่าจะรู้ตัว กลับมาถึงบ้านแล้ว เพิ่งมารู้สึกว่า เออ เรารู้สึกดีกับคนนี้มากๆ ทำไมไม่คุยกันให้เยอะกว่านี้นะ แล้วจะทำยังไงดีหล่ะ จะกลับไปก็ไม่ไหว ได้นามบัตรมานะคะ แต่จะให้โทรไปก็ไม่กล้าอีกนั่นหล่ะ ^^ จากคุณ : น้ำแข็งเผา เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 00:09:50

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ค่ะ แต่นึกภาพออกค่ะ ถ้าเจอคงทรมาน เพราะถ้ารักใคร ก็ต้องอยู่ใกล้ๆ ไกลเกินไปมันคิดถึงค่ะ แต่ถ้าต้องไกลจริงๆ คงเก็บเค้าไว้เป็นความทรงจำ ทุกคืนคงส่งความคิดถึงไปให้ บอกเค้าว่าเราคิดถึงเค้ามากแค่ไหน จากคุณ : anyarat_postharvestcmu เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 00:27:52

ความคิดเห็นที่ 38 เอ่อ เราเคยไปแบบว่า ฝึกงานที่โรงพยาบาลในไต้หวัน แล้วก็นั่งเอ๋อเพราะพูดจีนฟังจีนไม่ออก เรสิเดนท์ก็ยุ่งๆ ก็เลยไม่รู้จะทำอะไร ก็มีอินเทิร์นคนนึง หล่อมาก โคตรๆ เป็นดาราได้เลย มาทัก แล้วก็บอกว่า เขาเข้าใจนะ เพราะเคยไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นเคว้งคว้างมากเลย หลังจากนั้นเขาทำอะไร ก็หิ้วเราไปด้วยตลอด ตรวจร่างกาย ซํกประวัติ มีคนไข้คนนึงเป็นนศ.จบจากอเมริกาพูดอังกฤษคล่อง เขาก็ให้เราไปซักประวัติ โอโฮ ปลื้ม ซื้อชานมให้เรากินด้วยตอนเที่ยงๆ ก่อนที่เราจะย้ายวอร์ด เขาจะไปอยู่รพ.ที่ไทหนานเมืองใต้ (เราอยู่ไทเป) ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนเราได้อีเมล์เขาจากเพื่อน (เนื่องจากหล่อมากใครๆ ก็รู้จัก) พอแอดเมล์ไปในเอ็ม เขาก็ติดต่อกลับมาแล้วก็บอกว่า เขาจะกลับจากไทหนานเข้าไทเปวันอังคาร แล้วก็นัดเจอกัน เพราะเขาซื้อขนมพุดดิ้งจากไทหนานมาฝาก เลยได้เจอกันตอนเย็น เขาพาไปเดินเล่น กินขนม แล้วก็ซื้อขนมเลี้ยงเราด้วย โอ้... พาไปกินกาแฟที่ร้านเก่าๆ คลาสสิคเวอร์ หลังจากนั้นฝนก็ตกลงมา เขาบอกว่า รอแป๊บนะ เราก็งงว่าเขาไปไหน กลับมาอีกที ซื้อร่มคันใหม่มา แล้วก็กางให้เราไปส่งจนถึงหอพัก โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ละลาย ...อยู่เมืองไทยมาจนจะแก่เฒ่าไม่เคยเจอผู้ชายเอาใจขนาดนี้มาก่อนเลยค่า หลังจากนั้นไม่ได้เจอกันอีก วันนั้นเขาให้การ์ดมาใบนึงทดแทนพุดดิ้งไทหนานที่ลืมไว้บนรถไฟหัวจรวด (ลืมทั้งกระเป๋าเลย) ในการ์ดเขียนว่า... เอ่อม...ไม่บอกดีกว่า ปลื้มมั่กๆ ถึงแม้หน้าตาแบบนี้จะไม่สเป็คเราก็ตาม (ไม่ชอบคนหน้าตาดีเกินไปอ่ะ อยู่ใกล้แล้วทำตัวไม่ถูก) จากคุณ : พิณณ์อวี เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 05:28:19

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านแล้วอินกับ จขกท.เลยคับ เรื่องของผม แอบชอบคนนึง เมื่อ 13 ปีก่อน (ครับ.. สิบสามปีก่อน) ...เรียนจบแยกย้ายกันไป มารู้อีกทีว่าเค้าเรียนอยู่ อเมริกา... ส่งเมลล์ไปหาเล่นๆ บอกว่า จะไปประชุมที่นั่น แวะอยู่เที่ยวกับเค้าต่อได้รึเปล่า?...  เค้าบอกได้ .. ผมก็ไปแบบ งง จนถึงวันนัด เพราะว่า ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเค้า ยังเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเืพื่อนด้วยซ้ำ เพราะว่า ไม่เคยทำอะไรร่วมกันเลย ..... ผมเองเหมือนแค่คนรู้จักเค้าเท่านั้น... เหมือนกับฝันเลยครับ เริ่มจากเค้าขับรถมารับที่แอร์พอร์ต  จากนั้นก็ได้ทำอะไรทุกอย่าง คล้ายกับเป็นแฟนกัน.....ดูหนังด้วยกัน ออกไปช้อปปิ้งตอนกลางคืนด้วยกันหลังเค้าเลิกงาน ทำกับข้าวกินกัน วางแผนเที่ยวด้วยกัน ไปเดินเล่นคืนวันฮาโลวีนด้วยกัน จนกระทั่งห่มผ้าผืนเดียวกันนั้นแหละครับ ฮ่าๆ พึ่งพบว่า เราชอบกินอะไร สนใจอะไรคล้ายๆ และใช้ชีวิตคล้ายๆ กันมาก นึกเสียดาย ว่า 13 ปีที่ผ่านมา ทำไม๊ ตอนนั้นเป็นได้แค่เพียงคนรู้จัก ..... ความทรงจำของผมเพียง 1 อาทิตย์ที่นิวยอร์คกับเค้า ตอนนี้ก็ยังสุกสว่างเรืองรองและเป็นกำลังใจให้เสมอๆ เวลาเหงาๆ จนถึงทุกวันนี้เหมือนที่ จขกท.ว่าแหละครับ  วันนึงเราเคยได้รู้สึกรัก และ รู้สึกว่าถูกรัก แล้วได้ทำอะไรๆ เหมือนคนรักกัน ทำด้วยกัน.... เวลาที่เหลือต่อไปในชีวิต ก็คงมีเวลาตอนนั้นแหละ ที่เป็นความอบอุ่นให้.. my very very precious memory ทุกวันนี้ ผมกลายเป็นคนบ้างาน ทะเยอทะยาน อยากประสบความสำเร็จ เพื่อตัวเอง และเพื่อว่าวันนึง เค้าหันมาดู แล้วผมอยากให้เค้าภูมิใจครับ...ว่า คิดไม่ผิดหรอกน่า.. ที่ครั้งนึง เค้าเคยรับผมไว้ในฐานะ ใกล้เคียงกับคำว่าแฟน.... จากคุณ : ชื่อ เทน นี่แหละ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 09:38:44

ความคิดเห็นที่ 40   I meet my love in the holiday last 2 - 3 years จากคุณ : enduresexy เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:53:29

ความคิดเห็นที่ 41 โชคชะตามักเล่นตลก ให้เจอคนที่ถูกคอถูกใจ แล้วก็พรากเค้าไปด้วยเหตุผลที่เราต้องยอมรับและทำความเข้าใจ ... คุณโชคดีจังค่ะที่ได้เจอความรู้สึกที่ดีเช่นนี้ แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเวลาสั้นๆ แต่ก็ยาวนานในความรู้สึก ... การเดินทางเป็นการหาประสบการณ์อันล้ำค่า การได้มีความรู้สึกดีๆเช่นนี้ คิดซะว่าเป็นกำไรมหาศาลที่ได้รับมาละกันนะคะ จากคุณ : ปูหิมะ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 11:31:04

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนอยู่ญี่ปุ่น ก็ได้พบรักกะสาวฟินแลนด์ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดหนึ่งเดือน กินข้าวด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน นั่งฟังเพลง ดื่ม ส่งเข้าห้องนอนทุกคืน จนใครๆ ก็รู้ว่าสองคนนี้เห็นใครที่ไหนก็ต้องเห็นอีกคนที่นั่น ... Tokyo เมืองใหญ่โต  Tottori เมืองเล็กๆ  Fukuoka  และ Miyazaki  จะในเมืองหรือจะในชนบท ที่ญี่ปุ่นตอนนั้นสวยงามเกินจะบรรยาย มาบอกความในใจซะสองสามวันก่อนจาก "ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะหลงรักคุณ" "ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรักคุณเช่นกัน" หนึ่งเดือน กับสองสามวันก่อนจากกัน  สุขอย่างเหลือเชื่อ ใจหายและล่องลอย ... แรกๆ ก็ได้แต่คิดว่าจะเอาวันเหล่านั้นกลับมาได้ยังไง  ร้อนรนและกระวนกระวาย มาวันนี้ เรื่องในวันนั้นก็ได้เป็นแต่ความทรงจำลางๆ เรื่องเล่าให้ยิ้มๆ ขำๆ เมื่อนึกถึง ... คนรักเราในปัจจุบันคือคนที่เรานึกถึงเป็นคนแรกและคนเดียวเสมอ  เดินทางเมื่อไหร่ที่เจอในวันนี้ก็เป็นแต่เรื่องของมิตรภาพ  จะไปที่ไหนๆ ก็คิดถึงแต่คนรัก  อยากให้ได้มาเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกัน  อยากให้มาอยู่ด้วยกันตรงนี้ ... บางทีการที่ต้องคิดถึงก็ทำให้เราได้รู้ความหมายของคำว่ารักครับ เอาใจช่วยนะครับ จากคุณ : ก้อนหินยอดดอย เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:01:04

ความคิดเห็นที่ 43 เคยเหมือนกันครับ ตอนไปฮ่องกง แล้วได้เจอคนคนนึง ที่ Victoria Harbour ไปเที่ยวคนเดียว แล้วกำลังพยายามถ่ายรูปตัวเองอยู่ แล้วเค้าก็เดินเข้ามา ถามว่าให้ช่วยถ่ายรูปให้มั้ย... แล้วก็คุยกันถูกคอ เดินคุยกันไป แสงสีสวยๆของฮ่องกง ลมทะเลเย็นๆ ตอนหน้าหนาวเดือนพฤศจิกาฯ อีกวันก็นัดไปเดท กินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน เวลาแค่สี่วัน แต่มันมีความสุขสุดๆเลย เฮ้อ.... วันสุดท้ายที่ต้องกลับ ร้องไห้ด้วยอ่ะ แต่ก็โทรคุยกันเรื่อยๆนะครับ ตอนนี้ก็โทรคุยกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้ถี่เหมือนช่วงแรกๆ ไม่รู้ทำไม .... ยังคิดถึงเค้าตลอดเลยอ่ะ T-T" จากคุณ : ซูอิน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:14:13

ความคิดเห็นที่ 44 เรื่องราวดีๆเยอะเลยครับ คุณชื่อเทน ผมทราบเลยครับว่าเป็นไง เราได้บอกรักกันคืนสุดท้ายครับ i know it does not make much sense but i would regret it not to tell u...that i lo.. เขาคนนั้น my darling, i knew it from the moment we were making love and yes i love you too, as much as a person is capable of loving, that s how i love you. ผม น้ำตาไหลมาจากไหน ไม่รู้ ไม่ฟูมฟาย ไม่สะอื้น เขา น้ำตาไหลเมือนกัน จากคุณ : C Legal เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 15:22:33

ความคิดเห็นที่ 45 นาย C Legal อย่าคิดอะไรมากไปเลยนะครับ... วันเวลาดีๆแบบนี้ ถึงจะสั้นแต่ก็โชคดีที่สุด โชคดีกว่าคนหลายพันล้านคนตรงที่ เราได้มีความรู้สึกนี้ กับคนที่เรารู้สึกว่าเรารักเค้า และ เค้าก็รักเรา แบบว่าถูกใจกันไปหมด รูปร่างหน้าตา อุปนิสัย ใจคอ การพูดจา แบบว่า รักทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นกันและกันเลย....... ตรงนี้สำคัญนะครับ.. เพราะคนส่วนมากรอบๆ ตัวผม เพื่อนที่คบๆ เป็นแฟนกัน ส่วนมากจะไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะต้องรักมากกว่า หรือ ก็อยู่ๆกันไปเพราะว่าไม่มีใคร แต่ feeling ที่แบบว่า love as much as a person is capable to love each other นี่ หาไม่ง่ายนะครับ... ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ผมเชื่อว่านายคงคิดเหมือนผมว่า เวลาเหล่านั้น จะเป็นเวลาที่แจ่มชัดที่สุดในความจำ เวลาใครถามว่า ช่วงไหนของชีวิตที่มีความสุขที่สุด.. ใช่ไหมล้า? เก็บไว้ในความทรงจำครับ.. ถ้าหลังจากนี้ ได้สานต่อ หรือ ติดต่อ กันก็ถือว่ากำไรแล้ว... ชีวิตคนเรา คนนึง จะโชคดี ได้มากสักเท่าไรกันเชียว เท่านี้ นายก็โชคดีกว่าคนนับล้านแล้วครับ.. จากคุณ : ชื่อ เทน นี่แหละ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 16:24:07

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาอีกรอบ.. เนื่องจากอิน.. ฮ่าๆ นึกถึงตัวเองวันสุดท้ายที่นั่น เค้าขับรถมาส่งที่ airport ภาวนาอยากให้ระยะทางจากบ้านไปสนามบินมันยืดยาวววไม่สิ้นสุด นั่งเงียบกันในรถ ไม่ได้่พูดอะไรกันเลย........ ตอนจะแยกจากกันที่ airport ก็กอดกันแน่นน นานนน...  แยกจากกัน.. มองตากันได้สักอึดใจ... ก็โผเข้ามากอดกันอีก.. moment นั้นมันแบบ พยายามจะเก็บความอบอุ่นจากตัวเค้าให้มากที่สุด จำกลิ่น จำสัมผัสทุกอย่างเอาไว้ให้หมด.... ระหว่างนั่งเครื่องจาก อเมริกา จนถึง กทม. ผมเบลอไปหมด ไม่รู้มาถึงสุวรรณภูมิได้ไง มัน งงๆ ไปหมด... ร้องไห้ทีเดียว ตอนรอเครื่องออกจากนาริตะ ร้องแบบว่า น้ำหูน้ำตาไหลพรากๆ ต้องหามุมหลบ แล้วแบบ สะอื้นฮักๆ แบบเอาให้สุดๆ ไปเลย เฮ้อ... ผ่านมา 2 ปีแล้วครับ..... จากคุณ : ชื่อ เทน นี่แหละ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 16:34:11

ความคิดเห็นที่ 47 โอวววว กระทู้นี้ทำให้ลุงซึมเลยว่ะ หลานๆ.. จากคุณ : ลุงโดม (uncledohm) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 19:48:50

ความคิดเห็นที่ 48 นึกถึงเรื่อง Before Sunrise เลย จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 20:25:54

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่เคยเลย ความรู้สึกเเบบนี้ น่าสนใจมาก เเต่เเตกต่าง เราจะรักใครสักคน มันต้องเกิดจากความผูกผันที่ใช้ระยะเวลาอ่ะ ตอนนี้ยิ่งไม่มีเวลาไปผูกกับใครเเล้ว เพราะลูกสาม (ย้ำว่า 3) สามีอีกหนึ่ง กับอายุ 31 จากคุณ : chicagoan (chicagoan) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 22:47:39

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่เคยครับ ความรู้สึกนี้ เพราะเป็นคนผูกพันกับใครยาก ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป มีไอ้ที่คล้ายๆ ก็แต่.... นั่งรถเมลกลับบ้าน เจอสาวสวยคนนึง นั่งหน้าสุด เบาะข้างๆ ว่างอยู่ ก็เดินเลยไปแล้วแหละ แต่เกิดเปลี่ยนใจ พูดพึมพำคนเดียวว่า นั่งด้วยนะ.. เค้าเหมือนได้ยินนะ อิอิ ก็นั่งคู่กันไป แอบเหลือบมองเค้าด้วยหางตา เหมือนจะเหลือบกันไปมองกันมา จนผมลงก่อน และเงยหน้าขึ้นไปมอง เค้าก็มองผมเหมือนกัน.. แปลกใจว่า ทำไมเพิ่งกล้ามองกันตรง ก็ตอนจากกันแล้วเนี่ย จากคุณ : freestyler เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 23:40:11

ความคิดเห็นที่ 51 เคยเป็นบ่อยค่ะ ตอนไปเรียนต่อ นึกแล้วเศร้าเหมือนกันค่ะ จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 09:17:59

ความคิดเห็นที่ 52 แวะมาอ่าน..  แล้วอึ้ง.. กลัวว่า..  ทริปที่ติดสอยห้อยตามใครสักคนไปทำธุระที่สิงคโปร์ (ปีหน้า).. จะเป็นอย่างนี้รึเปล่า.. .. เพราะพี่เค้าเป็นคนที่เราเคยผูกพันกันมา..  เคยเกือบ ๆ จะเป็นแฟนกัน.. แล้วโชคชะตาพลิกผันให้ไม่เจอกันอีก..   และเจอกัน 10 ปี เจอกันครั้งนึง..  ไดทานข้าวด้วยกัน แค่นั้น.. ..  นึ่ก็จะเป็น 10 ปี อีกครั้งแล้ว...    (ฟ้องอายุไปมั้ยเนี่ย) กลัวเนอะ..  กลัวความผูกพันแบบนี้จัง.. เพราะในชีวิตที่เป็นอยู่เนี่ย..   ..เราต่างก็อยู่กันห่าง ๆ ..  แต่เมื่อไรที่เรานึกถึงกัน.. มองหันกลับมา..  ก็จะเจออีกคนอยู่เสมอ.. นาน ๆ จะคุยกันที..  แต่เราก็เข้าใจกันทุกเรื่อง.. ไม่แน่ใจว่า "รัก" หรือเปล่า..  แต่แน่ใจในเรื่องของความผูกพัน.. ......................... จากคุณ : ม็อคค่าเย็น เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 13:07:27