ความคิดเห็นที่ 1 ใกล้จะกลับแล้ว ตัดสินใจซื้อ donut krispy kream จาก Lotte mall เมื่อวาน มาเป็นอาหารเช้าสุดหรูในวันนี้ กินกับกาแฟร้อนๆ และนมทำจากมันหวาน อร่อยมาก โดนัทไส้ cheese cake ก็หวานมันโดนัทรสฟักทองก็หอม แถมด้วยโดนัทเจลลี่ ที่โรยเจลลี่หนุบๆหนับบนหน้าน้ำตาลไอซิ่ง อูย อร่อย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:38:48

ความคิดเห็นที่ 2 ออกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเช่นเคยไปยัง สถานี Hyehwa ที่อยู่ห่างเพียงแค่ 4 นาที เดินเลียบริมถนนไปอีกประมาณ 10 นาที ก็จะถึงด้านหน้าพระราชวัง Changgyeonggung ค่าเข้าเพียง 1000 วอนเท่านั้น แถมยังรวมค่าเข้า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ด้วย เดิมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ตั้งอยู่ที่นี่ ก่อนที่จะย้ายไปสร้างเพิ่มเติมที่ Gwacheon (ที่ๆเราไปมาเมื่อวานเพิ่งเปิดยังไม่ถึงปี) คุณสามีเห็นบัตรปุ๊บ พูดทันที “เดินเฉพาะวังกับสวนนะ ไม่ต้องไปพิพิธภัณฑ์แล้ว ได้โปรด!!” อะๆๆ ไหนๆเมื่อวานก็ไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีมาแล้วงั้นวันนี้ไม่เข้าก็ได้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:39:24

ความคิดเห็นที่ 3 Changgeyonggung พระราชวังชางเกียงกุง และสวนกระจก ในราชสมัยโจซอน กษัตริย์seongjong ได้มีพระราชดำริให้สร้างพระราชวังขึ้นเพิ่มเติมอีก 1 หลังเนื่องจากว่าพระราชวัง Changdeokgung เริ่มคับแคบ สร้างเสร็จในปี 1484 พระมเหสีสามองค์ได้มาประทับอยู่ที่นี่ (ที่ว่าคับแคบนี่สงสัยไม่พอให้มเหสีอยู่แน่เลย) หลังจากนั้นในปี 1592 สมัยที่ญี่ปุ่นได้เข้ามารุกราน พระราชวังถูกเผาทำลายไปหลายส่วน แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมใหม่เป็นเวลาถึง 4 ปี ในปี 1907 สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง คนญี่ปุ่นต้องการจะยึดทั้งอำนาจการปกครองและกำจัดวัฒนธรรมให้สูญหาย หลักจากยึดเมืองได้พวกทหารญี่ปุ่นสร้าง สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์รอบๆและภายในพระราชวัง และลดเกรดพระราชวังเหลือเป็นแค่สวนสาธารณะธรรมดา แถมยังสร้างถนนตัดระหว่างพระราชวังกับศาลเจ้าจงเมียว (Jongmyo) ที่ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญๆ เหมือนว่าต้องการกำจัดให้วัฒนธรรมต่างๆหายไปให้หมด (สำหรับความสำคัญและประวัติของศาลเจ้าจงเมียวจะขอเล่าหลังจากนี้อีกแป๊บ อดใจหน่อย) หลังจากที่ญี่ปุ่นได้ล่าถอยไปแล้ว รัฐบาลจึงได้ย้ายสวนสัตว์ออกไป และปฏิสังขรอาคารภายในพระราชวังใหม่ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 13:41:00 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:40:07

ความคิดเห็นที่ 4 ขณะที่เดินผ่านประตู Hongwamun เข้าไปด้านใน เราก็เห็นคนเกือบสามสิบสี่สิบคนกำลังยืนประจำที่ซักซ้อมพิธีอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากสอบถามภาษาอังกฤษปนภาษามือ ได้ความว่า เขากำลังซ้อมพิธีราชาภิเษกสมรสอยู่ โดยจะมีวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เสียดายมากๆที่ไม่ได้ดู เพราะท่าทางจะใหญ่อลังการ พอสมควร เนื่องจากว่าเขากำลังซักซ้อมกันอยู่ก็เลยไม่สามารถจะเข้าไปด้อมๆมองๆ โถงใหญ่Myeongjeongjeon ได้ แต่เท่าที่ดูจากรูปก็คาดว่าคงจะไม่แตกต่างกับห้องโถงใหญ่พระราชวังอื่นเท่าไหร่ เดินอ้อมไปหลังโถงใหญ่จะเห็นที่ประทับอยู่ที่เรียกว่า Haminjeong ที่นี่ใช้สำหรับเป็นที่กษัตริย์เลี้ยงต้อนรับขุนนาง และปรึกษาหารือเรื่องกิจการภายในประเทศ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:42:09

ความคิดเห็นที่ 5 หันขวา จะเห็นเรือนสองหลังหันหน้าทำมุมกัน นั่นคือGyeongchungjoen และ Hwangyeongjeon เป็นที่พำนักพระพันปี (มเหสีของกษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้ว) และพระราชธิดา ส่วน Hwangyeongjeon ก็เป็นส่วนของเจ้าชาย หรือรัชทายาท จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:42:35

ความคิดเห็นที่ 6 ดูเหมือนว่าส่วนที่เป็นพระราชวังจะหมดแค่นี้ แต่ไม่ใช่สำหรับที่นี่ ถ้าเดินลึกเข้าไปอีก จะพบกับบึงน้ำขนาดใหญ่และสวนเรือนกระจกอยู่ด้านในสุด เรือนกระจกสร้างขึ้นในปี 1909 เป็นเรือนกระจกสร้างจากโครงไม้ที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในเกาหลี ภายในจะประกอบด้วยไม้ดอกไม้ประดับในเกาหลีหลายๆชนิด ตัวเรือนไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย เดินสามนาทีก็ครบรอบแต่ถ้าจะให้ได้ถึงรายละเอียด และชื่นชมกับความสวยงามของดอกไม้แต่ละดอกต้นไม้แต่ละต้น ก็อาจใช้เวลาถึงครึ่งชม.ได้ เสียดายที่ความรู้เรื่องต้นไม้และดอกไม้ของเราช่างกระจอกงอกง่อยนักแถมป้ายบอกชื่อดันเป็นภาษาเกาหลีซะอีก ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปดอกไม้มาเป็นที่ระลึก จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:43:40

ความคิดเห็นที่ 7 พักแป๊บนึง ไปทำงานก่อนเดี๋ยวกลับมา post รูปดอกไม้ภายในเรือนกระจกสวยๆกันจ้า! จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:44:28

ความคิดเห็นที่ 8   ตามมาตลอด จากคุณ : ashatsara เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:26:10

ความคิดเห็นที่ 9 ขอไปเที่ยวด้วยคนนะคะ... จากคุณ : ดอกโสนบานเช้า เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:02:19

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามมานะคะ (มีกำลังใจจะทำ review ไต้หวันต่ออีกเพียบเลย) ว่าแล้วก็กลับมาเที่ยวต่อกันนะคะ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:15:33

ความคิดเห็นที่ 11 สวนด้านนอก จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:16:14

ความคิดเห็นที่ 12 classic ดีจัง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:16:34

ความคิดเห็นที่ 13 ต้นอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:16:51

ความคิดเห็นที่ 14 น่าร๊ากกกก จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:17:09

ความคิดเห็นที่ 15 สีสวยจัง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:17:21

ความคิดเห็นที่ 16 มาเที่ยวฤดูใบไม้ผลิมันดีอย่างนี้นี่เอง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:17:49

ความคิดเห็นที่ 17 แถมอีกรูป จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:18:03

ความคิดเห็นที่ 18 จากเรือนกระจกเดินอ้อมมายังด้านหน้าทางออก จะผ่านบึงขนาดใหญ่เรียกว่า Chundangji จริงๆแล้วบึงขนาดเล็กๆที่อยู่ติดกับเรือนกระจกนั้นเป็นบึงที่สร้างขึ้นแต่แรกพร้อมวัง ส่วนบึงขนาดใหญ่แต่ก่อนเป็นพื้นที่นา ใช่แล้ว นา!! อ่านไม่ผิดหรอก สมัยก่อน จะมีพิธีที่กษัตริย์จะต้องโปรยข้าวลงนา ใช้วัวไถ แล้วก็สวดอ้อนวอนให้พืชผลเกษตรกรรมของประเทศออกดอกออกผล (คล้ายๆพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญบ้านเรา) แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครอง บริเวณที่ทำพิธีโดนขุดเจาะแล้วทำเป็นบึงใหญ่ไว้สำหรับพายเรือเล่นในสวนสาธารณะแทน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:18:51

ความคิดเห็นที่ 19 บรรยากาศดีน่าพายเรือเล่นเน๊อะ! จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:19:15

ความคิดเห็นที่ 20 ข้างๆสระจะมีเจดีย์สิบเหลี่ยมเจ็ดชั้นอยู่ ลักษณะสถาปัตยกรรมนี้ได้รับอิทธิพลมาจากจีน ...จริงๆว่าก็ว่าไปแล้ว เจดีย์นี้ก็ส่งมาจากจีนในยุค 1470 เดินขึ้นเขาไปอีกนิดก็จะเห็น เต่าหินตัวใหญ่ๆ เฝ้าแท่นอะไรบางอย่างอยู่ ...อันแน่ ใช่แล้ว นี่มันเหมือนกับที่ไปดูในพิพิธภัณฑ์ National Palace วันแรกเลย นี่คือที่ฝังรกของกษัตริย์ seongjong เดิมอยู่ที่ เมืองgyeonggi แต่ได้ย้ายมาตั้งในพระราชวังนี้ในปี 1930 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:20:00

ความคิดเห็นที่ 21 นอกจากนี้ยังมี แท่นนาฬิกาแดด angbu ilgu ที่ตั้งไว้บนเนิน ให้ลองอ่านเวลาจากเงาที่เกิดจากแสงแดดตกกระทบของเข็มบนหน้าปัด และก็ยังมีแท่นวัดปริมาณน้ำฝน Punggidae ด้านล่างเจาะรูเพื่อวัดปริมาณความแรงที่น้ำไหลออกมา เป็นการกะปริมาณน้ำฝนคร่าวๆ และมีธงเสียบไว้ด้านบนเพื่อบอกถึงทิศทางของลม รูปนี้เป็นนาฬิกาแดดอีกแบบคะ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:20:44

ความคิดเห็นที่ 22 มองจากเนินลงไปข้างล่าง สาวๆเด็กนักเรียนเกาหลี และนักท่องเที่ยวเริ่ม ทยอยกันมาเยอะขึ้น ไปดีกว่าแหะ เนื่องจากว่าสวนเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เก้าโมงเช้า ถ้าใครที่อยากจะเดินชมบรรยากาศสวนแบบเงียบๆและชื่นชมความงามของดอกไม้ต้นไม้ให้คุ้มค่าให้รีบมาตั้งแต่พระราชวังเปิดรับรองว่าจะได้ซึมซับบรรยากาศแบบไม่ต้องแย่งกับใคร โดยรวมใช้เวลาเดินชมประมาณ หนึ่งชม.นิดๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:21:24

ความคิดเห็นที่ 23 Changgyeonggung Palace เวลาทำการ   : 9.00 am – 6.00 pm (จันทร์-ศุกร์) ,                    9.00am – 7.00 pm (เสาร์-อาทิตย์)                    ปิดวันอังคาร ราคาค่าเข้า   : 1000 won (รวมค่าเข้า Science Museumฟรี) การเดินทาง  : MTR Line 4 Hyehwa Sta. Exit 4 Website      : www.cgg.cha.go.kr จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:22:09

ความคิดเห็นที่ 24 Changdeokgung พระราชวังชางถ็อกกุง และสวนลับฮูวอน จากพระราชวังชางเกียงกุง เดินเลาะขอบพระราชวังมาเรื่อยๆประมาณ 15 นาที ก็จะถึงพระราชวัง ชางถ็อกกุง เดิมพระราชวังนี้ เปิดให้เดินเข้าชมได้เองเหมือนพระราชวังอื่น แต่เนื่องจากว่าตัวพระราชวังและสวนค่อนข้างใหญ่มาก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง แถมยังมีมือดีไปขีดเขียนหรือเด็ดทำลายต้นไม้ดอกไม้เยอะ ทำให้ทางรัฐบาลออกกฎว่าผู้ที่จะเข้าชมจะต้องเข้าชมพร้อมไกด์ทัวร์ที่ทางรัฐบาลจัดไว้ให้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ดุ่ยๆเข้าไปเองได้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:28:07

ความคิดเห็นที่ 25 สำหรับรอบทัวร์จะมีภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี รอบที่เป็น ภาษาอังกฤษจะมีแค่สามรอบต่อวันเท่านั้น ได้แก่ 11.30 am, 1.30 pm, 3.30 pm ดังนั้นถ้าจะกะเวลาดีๆแนะนำให้ไปเที่ยวพระราชวังชางเกียงกุงก่อนในตอนเช้าตั้งแต่ เก้าโมง หรือเก้าโมงครึ่ง แล้วค่อยเดินมาซื้อตั๋วรอบ 11.30 น. เพื่อเข้าพระราชวังชางถ็อกกุง ทัวร์จะใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งชม.ครึ่ง ดังนั้นกรุณากินข้าวเช้ามาให้เต็มที่ ไม่เช่นนั้นถ้าหิวระหว่างทางจะเป็นลมเอาได้ เพราะเขาไม่อนุญาตให้นำน้ำหรือเครื่องดื่มเข้าไปทานระหว่างการเดินชม (ซื้อตั๋วตรงนี้แหละ) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:28:57

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนที่ไปถึงอีก ซัก 10 นาที ก็ 11 โมงครึ่งพอดี ก็เลยแวะล้างหน้าล้างตาซะหน่อย รอบนี้มีคนมารออยู่ด้านหน้าวังแล้วประมาณ สามสิบกว่าคน พอเวลา 11 โมงครึ่งเป๋ง ไกด์ทัวร์หน้าตาน่ารักเดินมาในชุดประจำชาติพร้อมหมวกปีกกว้าง “Attention lady and gentleman” ประตูรั้วเปิดออก ไกด์รูปร่างกระทัดรัด พาเราเดินชมภายตัวพระราชวัง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:29:29

ความคิดเห็นที่ 27 หน้าตาแต่ละพระราชวังไม่ค่อยต่างกันเน๊อะ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:30:02

ความคิดเห็นที่ 28 จากประตูทางเข้าใหญ่ Donhwamun เราจะเห็นสะพาน Geumcheongyo ทอดข้ามไปยังส่วนในของพระราชวังอีกที ในปี 1402 กษัตริย์ Taejong ได้นำกลองมาวางไว้ตรงสะพานนี้ สำหรับประชาชนที่มีเรื่องจะร้องทุกข์ถึงกษัตริย์ก็สามารถมาตีกลองร้องทุกข์ที่นี่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าใครอยากจะมาตีก็มาตีได้ โดยทั่วไปประชาชนทั่วไปจะต้องผ่านด่านตรวจจากท่านผู้ว่าการและหน่วยสืบราชการ ที่หน้าประตู Donhwamun ไปก่อนถึงจะเข้าไปตีได้ ผลก็คือ คนส่วนมากก็ยังคงไม่สามารถเข้ามาร้องทุกข์ถึงกลองใบนี้ได้ซักที (ต้องเหมือนสมัยพ่อขุนรามที่แขวนกระดิ่งนะ ยอมโบยก่อนถึงจะร้องทุกข์ได้) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:30:43

ความคิดเห็นที่ 29 ข้ามสะพานผ่านประตูส่วนใน ด้านซ้ายมือเป็นที่ตั้งของ Injeongjeon หรือ พระตำหนักที่ใช้สำหรับการว่าราชการของกษัตริย์ นอกจากนี้ ยังใช้เป็นที่ทำพิธีสถาปนาครองราชย์อีกด้วย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:31:13

ความคิดเห็นที่ 30 มองเข้าไปดูภายในจะเห็นว่าพระตำหนักนี้แตกต่างกว่าที่อื่นๆ เพราะมีการตกแต่งด้วยโคมไฟผ้าห้อยระย้าสไตล์ยุโรป กระจกแก้ว และม่าน ที่สร้างขึ้นในปี1908 อีกด้วย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:31:30

ความคิดเห็นที่ 31 สิงโตเฝ้าหน้าวัง หน้าตาใจดี๊ ใจดี จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:31:55

ความคิดเห็นที่ 32 เดินผ่านหน้าพระตำหนัก Injeongjeon ก็จะเข้าสู่ บริเวณพระตำหนัก Seonjeongjeon สังเกตได้ชัดมากๆจากหลังคาสีฟ้า ซึ่งเป็นสีที่หาได้ยากมากในสมัยนั้น ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:32:47

ความคิดเห็นที่ 33 สีสันที่ใช้ทาไม้หรือจั่วต่างๆเป็นสีฟ้า ชมพู ส้ม เขียว จริงๆแล้วแต่ละสีมีความหมายถึงฤดูต่างๆในประเทศเกาหลี แต่เนื่องจากว่าฟังแล้วจดไม่ทัน เอาเป็นว่าใครอยากรู้ลองหาอ่านเอาดูใน web ดีกว่าเน๊อะ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:33:00

ความคิดเห็นที่ 34 ลึกเข้าไปอีกในตัวพระราชวัง จะมีตำหนัก Daejojeon อยู่ ภายในมีเก้าอี้และเครื่องเรือนประยุกต์ สไตล์ยุโรป และแกะสลักฝังด้วยมุกแบบจีน และที่นี่เป็นที่พำนักสุดท้ายของราชวงศ์โจซอน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:33:34

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าใครที่เดินมาแล้วสังเกต จะเห็นว่าเกือบทุกตำหนักจะมีปล่องไฟอยู่ข้างๆ การสร้างปล่องไฟสำหรับทำความร้อนของเกาหลี จะไม่เหมือนปล่องไฟของทางตะวันตก ปกติแล้วบ้านแบบตะวันตกเราจะเห็นปล่องไฟอยู่กลางบ้าน หรือออกไปทางด้านบนของหลังคาบ้าน แต่ถ้าเป็นของเกาหลีแล้ว ปล่องไฟหรือท่อควันจะอยู่ริมสุดของตำหนักโดยจะระบายควันที่มาจากพื้นหรือใต้ถุนของตำหนักแทน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:34:06

ความคิดเห็นที่ 36 การให้ความร้อนจะทำโดยการใส่หินร้อนๆที่อังไฟมาแล้วไว้ยังใต้ถุนบ้าน พื้นบ้านที่ทำจากไม้จะดูดซับความร้อนจากหินทำให้ตัววังหรือบ้านอุ่นขึ้น ข้ารับใช้ในวังจะคอยมาเติมไฟเพื่อให้มั่นใจว่าหินที่อยู่ข้างใต้ดูดซับความร้อนไว้เสมอ ควันที่ออกก็จะไม่เยอะมากเพราะไม่ได้ใช้ไม้เป็นตัวหลักที่เก็บกักความร้อน แต่ใช้หินแทน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:34:46

ความคิดเห็นที่ 37 เอาถ่านใส่ตรงนี้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:35:03

ความคิดเห็นที่ 38 บ้านเขางามจริงๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:35:37

ความคิดเห็นที่ 39 กลอนยังดูกิ๋บเก๋ซะไม่มี จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:36:02

ความคิดเห็นที่ 40 ไต่ขึ้นเนินเขาไปอีก 10นาที ก็จะไปถึงยังสวนลับฮูวอนThe Secret Garden ภายในพระราชวัง ความสวยงามคงไม่ใช่เฉพาะดอกไม้หรือต้นไม้หลากสี แต่อยู่ที่ทัศนียภาพที่เดินขึ้นไปยังเนินสูงสุดแล้วมองลงมาเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ตัดกับภาพสะท้อนพื้นน้ำของพระตำหนักJuhamnu ที่ตั้งอยู่ตรงอีกฝากของเนินเขา จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:36:49

ความคิดเห็นที่ 41 . จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:37:04

ความคิดเห็นที่ 42 เย็นย่ำมาร่ำสุรา.... (ใช่ที่ไหนเล่า!! เข้าไว้มาอ่านหนังสือกันต่างหาก!!) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:37:42

ความคิดเห็นที่ 43 เดินกลับผ่านประตูหินแกะสลักด้วยหินแท่งเดียว เรียกว่าประตู Bulromun ที่เชื่อว่าทุกครั้งที่เดินผ่านประตูนี้จะไม่แก่ไม่เฒ่า (ว่าแล้วก็กระโจนออกกระโจนเข้าอยู่หลายรอบหน้าประตู) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:38:07

ความคิดเห็นที่ 44 เสียดายว่าในเวลา 1ชม.ครึ่งระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เราสามารถเดินชมได้แค่ 3ใน4 ของพระราชวังเท่านั้น ถ้าอยากเดินมากกว่านี้จะต้องมาตั้งแต่ 10 โมงเช้า และจ่ายถึง 5000 วอน เพื่อจะได้เดินได้ครบหมด ที่สำคัญมีเฉพาะไกด์ภาษาเกาหลีเท่านั้น เอาเถอะ ถึงยังไงได้เดินตั้ง ชม.ครึ่งและเข้าไปจนถึงสวนลับ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว อีกอย่างคุณสามี เริ่มออกอาการหน้ามืดวิงเวียนเพราะหิวข้าวกลางวัน เป็นอันว่าจบทริปเที่ยว 5 พระราชวังมีชื่อกรุงโซล ไว้แต่เพียงเช้านี้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:38:40

ความคิดเห็นที่ 45 Changdeokgung Palace เวลาทำการ   : ต้องเข้าพร้อมไกด์เท่านั้น รอบภาษาอังกฤษ 11.30am,1.30 pm. 3.30 pm ปิดวันจันทร์                    เฉพาะวันพฤหัส เม.ย. – พย. สามารถเข้าได้โดยไม่มีไกด์ทัวร์ ราคาค่าเข้า   : 3000 วอนพร้อมไกด์                    15,000 วอน เข้าชมเองไม่มีไกด์ (เฉพาะวันพฤหัส เม.ย. – พย.) การเดินทาง :   MTR Line3 Anguk Sta. Exit 3 Website     :  www.cdg.go.kr แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 16:39:48 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:39:24

ความคิดเห็นที่ 46 จริงๆแล้วพระราชวังชางถ็อกกุงมีทางเชื่อมกับศาลเจ้าจงเมียว แต่เนื่องจากว่า หิวจนตาลายกันสองคน ก็เลยตัดสินใจว่าไปหาอะไรกินแถวๆAnguk กันดีกว่า เดินหาร้านกันอยู่นาน ไม่มีอะไรที่ถูกใจจั๋งๆ ก็เลยกินกันที่ร้านอาหารตามสั่ง ดูเหมือนจะเป็นพวกร้านอาหารแฟรนไชน์อะไรซักอย่าง มานี่กิน katsu ไปหลายชนิด เหลือแบบเดียวที่ยังไม่ได้กิน คือ เนื้อวัวชุบแป้งทอด ก็เลยลองสั่งมากินดู รสชาติพอใช้ได้เป็นเนื้อสับ สอดไส้ผักเล็กๆ ชุบ ขนมปังป่น ราดด้วยแกงกะหรี่ กินกับข้าว จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:44:08

ความคิดเห็นที่ 47 ส่วนคุณสามีสั่งหมี่เย็นตำรับเกาหลีมากินอีกเช่นเคย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:44:36

ความคิดเห็นที่ 48 พออาหารลงถึงท้องค่อยมีแรงเดินต่อขึ้นมาหน่อย โผล่ออกไปหน้าร้านมีรถขายขนมทอดๆเข็นผ่านมาพอดี ด้วยความฉับไว คุณสามีซื้อแป้งทอดมาได้หนึ่งชิ้น รสชาติคล้ายๆกับซาลาเปาทอดบ้านเราแต่ลูกใหญ่กว่า ไส้ถั่วแดงคลุกกับน้ำตาลอีกที 700 วอน ก้อนเดียวจุกไปถึงเย็น จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:45:08

ความคิดเห็นที่ 49 Jongmyo shrine ศาลเจ้า จงเมียว ศาลเจ้าหนึ่งในมรดกโลก เดินจากทาง anguk station ขึ้นมายังพระราชวังชางถ็อกกุง จะผ่านศาลเจ้าจงเมียว (Jongmyo shrine) ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์โจซอน ภายในโถงหลักประกอบด้วยห้อง 19 ห้อง และป้ายบรรพบุรุษของราชวงศ์ 49 แท่น ที่ตั้งไว้เพื่อทำพิธีสักการะดวงวิญญาณตามความเชื่อของลัทธิขงจื้อ ส่วนห้องเล็กๆด้านข้างประกอบด้วย แท่นอีก 34 แท่นของ พระบรมวงศานุวงศ์ต่างๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:46:18

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นทางเดินตรงกลางสร้างจากอิฐสีดำวางเป็นทางยาวจากหน้าศาลสู่หน้าประตู ทางเดินนี้เรียกว่า woldae เชื่อว่าวิญญาณจะเดินผ่านจากประตูทางทิศใต้มายังทางเดินนี้ ส่วนกษัตริย์ผู้ประกอบพิธีกรรมจะเดินจากทางทิศตะวันออกด้านขวา และสำหรับ นักดนตรี นักเต้นรำจะเดินผ่านทางประตูซ้าย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:46:45

ความคิดเห็นที่ 51 นอกเหนือจากโถงหลักที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมแล้ว ภายในศาลเจ้ายังประกอบด้วยบ้านหลังเล็กๆอีกหลายหลัง เช่น ห้องเก็บของHyangdaecheong ที่ไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กำยาน ธูปหอม กระดาษเงินกระดาษทอง ภายในเป็นห้องจัดแสดงเล็กๆอธิบายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและพิธีการบูชาบรรพบุรุษตามแบบลัทธิขงจื้อ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:47:28

ความคิดเห็นที่ 52 ตัวแท่นบูชา Sinju จะมีบางส่วนคล้ายๆกับป้ายบรรพบุรุษของจีน เช่นทำจากไม้เหมือนกัน แต่ว่ารูปทรงจะออกไปทางกล่องสี่เหลี่ยมทรงสูง มีการขัดปลายทั้งแปดด้านให้กลมมน และจะรูตรงกลางด้านหน้าแท่น อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในพิธีมีหน้าตาแปลกๆมากมาย อย่างถ้วยทรงแบนรูปตาที่มีหูจับเป็นเหล็กสองอันที่ซ้อนกัน เรียกว่า Hwangi ใช้สำหรับรินเหล้าไวน์ให้แก่บรรพบุรุษ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:48:03

ความคิดเห็นที่ 53 นอกจากนี้ก็ยังมีสวนภายในที่ปลูกต้นไม้หลายชนิดอยู่ สีแดงของต้นเมเปิ้ลและสีชมพูของซากุระ ตัดกับสีเขียวของสนที่อยู่ภายในศาลเจ้า ทำให้ที่นี่ดูร่มรื่นและสวยงาม เดินดูรอบๆศาลเจ้าและสวนจะใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:48:29

ความคิดเห็นที่ 54 Jongmyo Royal Ancestral Shrine เวลาทำการ  : 9.00am – 6.00pm ปิดวันอังคาร ราคาค่าเข้า  : 1000 วอน การเดินทาง : MTR Line 1 Jongno 3 ga sta. Exit 11                  หรือMTR Line 3,5 Jongno 3 ga sta. Exit 8 Website     : http://jm.cha.go.kr จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:49:07

ความคิดเห็นที่ 55 Jongmyo Park จุดนัดพบของเซียนโกะ จากด้านหน้าของศาลเจ้า เดินไปจะเห็นกลุ่มคนสูงอายุหลายคนนั่งบ้างยืนบ้างอยู่เต็มทุกจุดของสวนจงเมียว เอ๋ๆๆ มีอะไรขาย มีอะไรกินหรือเปล่า ผบทบ.วิ่งหลั่นล้าเข้าไปดู และแล้วก็เดินออกมาหน้าตาผิดหวังเล็กน้อย งึมๆงำๆว่า “เขาเล่นโกะกันอะ ไม่มีอะไรขาย”   “โกะ” ที่ว่า ก็คือ หมากล้อม เป็นกีฬาชนิดหนึ่งคล้ายๆกับหมากรุกบ้านเรา แต่จะใช้เบี้ยสีดำขาววางบนตารางไม้ ผู้เล่นจะผลัดกันเล่น เพื่อล้อมให้ได้พื้นที่ ที่มากที่สุด ใครสนใจว่าเล่นแบบไหน รายละเอียดเป็นอย่างไร ลองอ่านในการ์ตูนที่แสนจะฮิตบ้านเราเรื่อง“ฮิคารุ เซียนโกะ” ได้ (พระเอกไม่หล่อ แต่พระรอง น่ารักทีซู๊ดดดด) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:52:34

ความคิดเห็นที่ 56 ดีนะมีที่ให้คนแก่ๆได้เจอกัน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:52:55

ความคิดเห็นที่ 57 บรรยากาศดี ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนล้อมวงกันเป็นกลุ่มๆ ตามต้นไม้บ้าง ตามสวนบ้าง หลายคนนั่งดูเงียบๆ ป้าร้านรถเข็นขายชาส้มร้อนๆ ชงเป็นถ้วยๆ ให้แก่ผู้เดินผ่านไปมา คนแก่บางคนกำลังบิขนมปังชิ้นเล็กๆ เลี้ยงนกกระจอกที่เกาะตามบ่า ตามมือ เหมือนในการ์ตูน เรียกว่าเป็นบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ น่าเสียดายว่าเล่นโกะไม่ค่อยเป็น เป็นแต่ Othello ก็เลยได้แต่นั่งซึมซับกับบรรยากาศ แล้วเก็บรูปมาสี่ห้ารูปก่อนเดินกลับ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:54:29

ความคิดเห็นที่ 58 Jongmyo park ราคาค่าเข้า : ฟรี การเดินทาง : MTR Line 1,3,5 Jongno 3 ga sta. Exit 10 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:54:55

ความคิดเห็นที่ 59 เดินย้อนกลับไปทางถนน ผ่านร้าน Tteok Tteok ที่ขายขนมข้าวเจ้าอันมีชื่อเสียง (คิดว่าคงจะมีชื่อเสียงอะนะเพราะว่าหาใน internetแล้วเขาแนะนำร้านนี้) ป้ายรูปเต่า กับคำว่า “Institute of Traditional KoreanFood” ตัวเบ่อเริ่มอยู่เหนือทางเข้าร้าน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:55:33

ความคิดเห็นที่ 60 มองไปที่ตู้โชว์ “นี่ไงๆๆๆ เซ็ทที่เขาแนะนำ ลูกผลับปั่นเย็นกับขนมแป้งข้าวเจ้า” (ราคาแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:55:57

ความคิดเห็นที่ 61 พอเดินเข้าไปในร้านจะสั่ง เขาถามว่า “มี reservation ไว้หรือเปล่า?” หา!! ต้องจองไว้ก่อนด้วยเหรอ ?? ในร้านก็นั่งกันอยู่แค่สองโต๊ะเองนี่หน่า เขาก็บอกว่า“ไม่ได้ๆ set นี้ต้องสั่งจองไว้ก่อน” ไอ้เราก็นึกว่าสงสัยใช้เวลาทำนาน ต้องจองไว้ก่อนสองสามชม.ละมั๊ง พอถามว่าต้องจองก่อนนานเท่าไหร่หมวยเกาหลีตอบมาหน้าตาเฉยๆว่า “สองสามวันเป็นอย่างน้อย” จ๊ากกก อะไรกันนี่ งั้นไหนดูซิๆ เอา set อื่นก็ได้ ปรากฏว่า set อื่นๆที่วางขายก็ต้องสั่งจองไว้ก่อนหมดเลย ถ้าจะซื้อทานที่นี่ ขนมชิ้นที่ทำขายไว้แล้วตรง counter ชิ้นละประมาณ 1000-1500 วอน ส่วนชาก็ถ้วยละ 6000 วอน (โอ๊ยลมจะจับ) สุดท้ายก็เลยตัดใจซื้อออกมาทานข้างนอก 4 ชิ้น ในราคารวม 5000 วอน (แพงน้ำหูน้ำตาไหล) (ในรูปนี่ของโชว์คะ ซื้อจริงแค่ 4 ชิ้น ..เพราะแพง!!) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:57:06

ความคิดเห็นที่ 62 เดินหาร้านนั่งกินไม่ได้สุดท้ายไปจบลงที่ร้านดังกิ้นโดนัทสั่งกาแฟกับชามาคนละแก้ว (รวมกันราคายังไม่เท่าชามหากาฬ 6000 วอนนั่นเลย) แล้วก็บรรจงค่อยๆตัดขนม tteok ออกมาชิม ...อืม...รสชาติก็งั้นๆแหละถึงแม้ว่าไส้ถั่วข้างในจะทำได้หอมกลิ่นแอ๊ปเปิ้ลดี แต่ว่าราคาขนาดนี้ไม่คุ้มเท่าไหร่นัก (เรื่องกาแฟก็มารู้เอาทีหลังว่า ถ้าซื้อจากร้านพวก KFC กาแฟร้อนจะถ้วยละประมาณ 1400 วอน แต่ถ้าซื้อ dunkinจะประมาณ3000 วอน แพงกว่าเกือบเท่าตัว) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 16:57:50

ความคิดเห็นที่ 63 Tapgol Park สวนสาธารณะจุดเริ่มการเดินขบวนเรียกร้องอิสรภาพ จากสวนจงเมียว เดินมุ่งหน้าไปยัง ถนนช็อปปิ้ง Insadong ก่อนที่จะเข้าไปในตลาดจะผ่านหน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งชื่อว่า Tapgol ภายในสวนนั้นจะมีรูปปั้นของ Byung Hee Son นักรณรงค์ต่อสู้เพื่ออิสรภาพที่มีชื่อเสียงของเกาหลี เขาเป็นหนึ่งชายใน 33 คน ที่มีส่วนในวีรกรรมวันที่ 1 มีนาคม จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:01:01

ความคิดเห็นที่ 64 วันที่ 1 มีนาคม เกิดอะไรขึ้น?? คำตอบก็คือ ตั้งแต่ในปี 1905 ที่ญี่ปุ่นได้เข้ามายึดครองเกาหลี ผู้คนหลายคนอยู่ภายใต้การกดขี่ของทหาร หญิงจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นนางบำเรอ เด็กถูกใช้แรงงาน หลังจากที่ประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ประกาศสิทธิมนุษยชน จากการประชุม Paris Peace Conference ในปี 1919 นักเรียนเกาหลีต่างชาติหลายคนได้ตีพิมพ์บทความนี้และเรียกขอความเป็นธรรมต่อการปล่อยชาวเกาหลีให้เป็นอิสระ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:01:46

ความคิดเห็นที่ 65 หนึ่งในกลุ่มคนที่มีบทบาทก็คือ Choe Nam Seon เขาได้เขียนข้อความถึงรัฐบาลญี่ปุ่น เรียกร้องขอประชาธิปไตยและวัฒนธรรมกลับคืนให้แก่คนเกาหลี แน่นอนว่าหลังจากการประกาศข่าวทางวิทยุและสิ่งพิมพ์ออกไป พวกเขาโดนจับทันที แต่ภายในวันนั้น เสียงที่กล่าวออกไป ทำให้คนหลายร้อยหลายพันคนมารวมตัวกันที่สวนtapgol แห่งนี้ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:02:49

ความคิดเห็นที่ 66 การประท้วงขยายออกไปทั่วประเทศ คนเกาหลีประมาณ สองล้านคน เข้าร่วมการประท้วงเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ จาก 1500 แห่งที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ จากบันทึกประวัติศาสตร์นองเลือดของเกาหลี คาดว่ามีคนประมาณ 7500 คนถูกฆ่าตาย และ บาดเจ็บอีกนับหมื่น ยังไม่รวมไปถึง สี่หมื่นกว่าคนที่โดน จับกุมในการประท้วงครั้งนี้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:03:11

ความคิดเห็นที่ 67 หลังการประท้วงญี่ปุ่นได้อนุญาตให้สื่อได้แสดงออกเล็กน้อยแต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่น จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง และนับตั้งแต่ปี 1949 วันที่ 1 มีนาคม จึงถือว่าเป็นหนึ่งในวันหยุดแห่งชาติของ เกาหลี จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:03:58

ความคิดเห็นที่ 68 นอกจากประวัติศาสตร์การประท้วงที่จารึกไว้บนแท่นหิน ยังมีแท่นหินอีกหลายแท่งที่วางเรียงรายกันในสวนแสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ต่างๆในช่วงการเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนั้น จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:04:28

ความคิดเห็นที่ 69 ด้านในสุดของส่วนมี เจดีย์ 10 ชั้น ความสูง 12 เมตร แกะสลักจากหินอายุเกือบหกร้อยปี รูปแกะสลักเป็นรูปสัตว์ ต้นไม้ และ พระพุทธรูปองค์เล็กๆ อยู่ภายใน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:04:48

ความคิดเห็นที่ 70 Tapgol park ราคาค่าเข้า : ฟรี การเดินทาง : MTR Line 1,3,5 Jongno 3 ga sta. Exit 1 (เดิน 7 นาที) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:05:05

ความคิดเห็นที่ 71 ฝากอีกรูป จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:05:33

ความคิดเห็นที่ 72 Insadong Market ตลาดของเก่าอินซาดง และของฝากจากเกาหลี เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวแล้ว ก็เลยพาคุณสามีไปเดินเล่นที่ Insadong เพื่อจะได้ซื้อของที่ระลึกต่างๆไปใช้เอง เอ๊ย ไปฝากคนอื่น ถนนอินซาดง (Insadong) สวนลุมไนท์บาซาร์บ้านเรา มีของฝากของที่ระลึก มากมาย หน้ากากหน้าตาประหลาดๆ พวงกุญแจ หรือที่คั่นหนังสือแกะลายสวยๆ วางขายกันเกือบทุกร้าน สังเกตว่าร้านที่อยู่ในๆราคาจะค่อนข้างถูกกว่าร้านที่ตั้งอยู่ด้านหน้าถนนพอสมควร จากราคา 3000 วอนต่อชิ้นหน้าปากซอย พอเดินมาท้ายๆซอยจะเหลือประมาณ 2000 วอน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:09:24

ความคิดเห็นที่ 73 หือ?? หมูปิ้ง เคโรโระ??!! จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:10:48

ความคิดเห็นที่ 74 ร้านขายตังเม จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:11:10

ความคิดเห็นที่ 75 ดูแต่ของกินมาดูของฝากดีกว่า จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:11:41

ความคิดเห็นที่ 76 . จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:12:04

ความคิดเห็นที่ 77 .. จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:12:41

ความคิดเห็นที่ 78 หน้ากากแบบนี้เห็นคนซื้อฝากเยอะเหมือนกัน จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:13:20

ความคิดเห็นที่ 79 ขนมต่างๆมีขายเรื่อยๆระหว่างทาง และแล้วสายตาก็พลันไปเจอร้านขายขนม tteok อีกร้าน ชื่อว่า bizeun เห็นราคาแล้วอยากจะกรี๊ด เพราะเหลือชิ้นละ 800 วอนเท่านั้น เอาละทุกท่านหลังจากมาเกาหลีครั้งนี้เราได้ข้อสรุปแล้วว่า ไม่ต้องไปเชื่อร้านอาหารหรือร้านขนมที่ official web ของเกาหลีที่มันแนะนำหรอก เดินๆดู อันไหนถูกใจ หรือเห็นคนกินกันเยอะๆ เดินเข้าไปเลย ไม่ต้องรีรอ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:14:01

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าเดินไปเรื่อยๆบนถนนอินซาดงจะเห็นตึกสร้างจากอิฐโบราณ พร้อมกับตัวอักษรจีนที่แปลว่า “คน” สองอันอยู่บนผนังตึก นั่นคือ ตึกSsamziegil สถานที่สำหรับวัยรุ่นจับจ่ายซื้อของที่ระลึกในอินซาดง จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:14:49

ความคิดเห็นที่ 81 ด้านหลังอาคารจะทำเป็นที่ว่าง สำหรับนั่งเล่น นั่งทานขนม ตึกสูงประมาณสี่ห้าชั้นให้เดินวนๆกันไปดูร้านขายของร้านที่นี้ส่วนมากจะขายของสำหรับพวกวัยรุ่น พวกเครื่องประดับ ตุ้มหู สร้อยข้อมือ สมุดโน๊ต อะไรพวกนี้เดินเข้าไปถ่ายรูปสองสามแช๊ะ แล้วเราก็เดินออกมาหาของฝากจากเกาหลีที่ถนนใหญ่ต่อ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:15:07

ความคิดเห็นที่ 82 ของฝากที่อินซาดงจะเป็นพวกของกระจุกกระจิกมากกว่าจะเป็นของกิน ถ้าอยากซื้อของกินฝาก ให้ไปซื้อทีตลาด นัมแดมุนหรือเมียงดง (ต่อดีๆแล้วกัน) ส่วนถ้าอยากซื้อเครื่องสำอางค์เป็นของฝากให้ไปซื้อที่ตลาดดงแดมุน เนื่องจากว่าเราสองคน ซื้อช็อกโกแลตกันมาหลายกล่องเพื่อกลับไปฝากแล้วก็เลยได้แต่ซื้อของเล็กๆน้อยๆ เช่นที่คั่นหนังสือกลับไปจากที่นี่ ....เมื่อยนักพักซักหน่อย จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:16:11

ความคิดเห็นที่ 83 Insadong Market เวลาทำการ : 10.00am – 10.00pm การเดินทาง : MTR Line 3 Anguk Sta. Exit 6 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:16:29

ความคิดเห็นที่ 84 ตัดสินใจกันไม่ถูกว่าจะกินร้านไหนดีในอินซาดง สุดท้ายเลยได้ข้อตกลงว่า กลับไปกินที่แหล่งเดิมของเราดีกว่า ว่าแล้วก็นั่งรถไปยัง Jongno3 ga Sta. อีกครั้ง คราวนี้นั่งยันยืนยันกับคุณสามี ว่ายังไงจะต้องกินเนื้อต้มชาบูก่อนกลับไทยให้ได้ โชคดีมากร้านที่ฝั่งตรงข้ามร้านเนื้อย่างเมื่อวันโน้นที่มากิน ขายชาบูพอดีเลย ก็เลยได้ไปนั่งเอี้ยมเฟี้ยมกันตั้งแต่หกโมงนิดๆ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:17:57

ความคิดเห็นที่ 85 เนื้อต้มมาในหม้อสุกี้ขนาดใหญ่มาก (เน้น ใหญ่มาก!)พร้อมกับผักอีกนานาชนิดวางซ้อนกันเหมือนแคมป์ไฟลูกเสือ เครื่องเคียงมาให้เพียบเช่นเคย เนื้อแล่บางๆขนาดพอดีคำ กับน้ำซุปที่เคี่ยวจนกลมกล่อม บวกน้ำต้มผักหวานๆ อร่อยเหาะไปเลย นี่ขนาดสั่งหม้อเล็กสุดนะ กินกับแทบไม่หมด ราคา 20,000 วอนถ้วน บวกภาษีและค่าบริการเรียบร้อย อิ่มเปรมปรีดิ์ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:18:37

ความคิดเห็นที่ 86 โอ้เมื่อมีไฟ หม้อไฟฟฟฟฟ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 17:19:26 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:19:00

ความคิดเห็นที่ 87 แวะร้านเกมหยอดซักเกมสองเกมรอให้อาหารย่อยค่อยกลับไปจัดของเตรียมกลับประเทศไทยพรุ่งนี้ดีกว่า (ประทับใจจอร์จมาก king of fighter 3 บาท!!) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:20:16

ความคิดเห็นที่ 88 ค่าใช้จ่าย รวม 2 คน วันที่ 17 เมษายน 2552 (อัตราแลกเปลี่ยน 1,000 วอน =28 บาท) ค่าเดินทางและค่าเข้าชมสถานที่ 15,400 วอน MTR Dongdaemun Stadium Sta. -> Hyehwa Sta. = 900 x 2 = 1800 วอน ค่าเข้า Changgyeonggung Palace = 1000 x 2 = 2000 วอน ค่าเข้า Changdeokgung Palace = 3000 x 2 = 6000 วอน ค่าเข้า Jongmyo Shrine = 1000 x 2 = 2000 วอน ค่าเข้า Jongmyo Park, Tapgol Park = ฟรี MTR Anguk Sta. -> Jongno 3 ga Sta. = 900 x 2 = 1800 วอน MTR. Jongno 3 ga Sta. -> Dongdaemun stadium sta. = 900 x 2 = 1800 วอน ค่าอาหารและขนมรวม 43,200 วอน อาหารกลางวัน : ข้าวหน้าเนื้อkatsu + หมี่เย็น = 5500+4500 = 10,000 วอน อาหารเย็น :ข้าวเปล่า + สุกี้เนื้อชาบู = 1000 + 20,000 = 21,000 วอน น้ำ : กาแฟร้อน dunkin + ชาเย็น dunkin = 3000 + 2700 = 5700 วอน ขนม: ซาลาเปาทอด + เค้กข้าวTteok tteok 4 ชิ้น + เค้กข้าวร้านbizuen 1 ชิ้น= 700 +5000+ 800=6500 วอน แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 17:22:14 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 17:21:38