ความคิดเห็นที่ 1 รอชมเลยครับ เก็บข้อมูลครับผม อยากไปๆ จากคุณ : Acin เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 12:29:12

ความคิดเห็นที่ 2 ไปได้ถูกมั๊กๆเลย  มาตีตั๋วแถวหน้าแล้วค่า จากคุณ : Bee1st เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 12:39:32

ความคิดเห็นที่ 3 ขั้นตอนแรกที่เริ่มดำเนินการคือ แลกตั๋วเครื่องบินค่ะ เนื่องจากมีไมล์สะสมที่จะโดนตัดทิ้งเกือบๆ สามหมื่นไมล์ ดังนั้นจำเป็นต้องหาทางออกด้วยการแลกตั๋วไปเที่ยวซะเลย จับฉลากเลือกประเทศก็แล้ว คำนวนเงินตราก็แล้ว คำนวนเส้นทางที่เดินทางก็แล้ว ระหว่างตะลุยหิมะโปรยปราย (อิตาลี - สวิสเซอร์แลนด์ - ฝรั่งเศส) กับ อาบแดดหน้าร้อน (โอเชียเนีย) จนในที่สุดก็ฟันธงเป็น ประเทศนิวซีแลนด์ ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. ค่าเงินตราสกุลยูโร ที่มันแพงเวอร์ในช่วงเดือน เมษายน ในขณะที่นิวซีแลนด์ เงินตกเหลือเพียง 20 บาทเท่านั้น 2. น้ำหนักที่จะต้องแบกตลอดการเดินทาง 13 วัน หากไปยุโรปต้องรับภาระเรื่องเสื้อกันหนาว และสารพัดอุปกรณ์ที่จะต้องติดตัว 3. สถานที่เที่ยวชมในยุโรปหลายแห่งปิดช่วงคริสต์มาส - ปีใหม่ และอีกหลายแห่งที่ปิดปรับปรุงในฤดูหนาว 4. ที่พักแบบ Backpacker หลังจากที่ไล่เช็คดูแล้ว ว่ามีความปลอดภัยเพียงพอสำหรับผู้หญิงเดินทาง 2 คน 5. เส้นทางการขับรถ ค่าทางด่วน และ Parking Fee ตามจุดต่างๆ ที่จะต้องเสีย จากนั้นก็จัดการส่งเรื่องเข้าไปทำที่การบินไทย โดยแจ้งชื่อ-สกุล และหมายเลขสมาชิกสะสมไมล์ ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ และทำจองที่นั่ง สำหรับเส้นทาง ไป Athens Auckland Frankfurt London Madrid Milan Munich Oslo Paris Rome Zurich จะต้องใช้ไมล์ดังนี้ Economy Class 70,000 Mileages Premium Economy 90,000 Mileages Royal Silk Class 130,000 Mileages / Copenhagen & Stockholm = 110,000 Mileageห Royal First Class 185,000 Mileage โดยจะส่ง Booking Code หรือที่เรียกกันว่า PNR มาให้ทางอีเมล์ หลังจากรอที่นั่ง Confirm เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งกลับเพื่อทำการออกตั๋ว ซึ่งจะต้องออกตั๋วภายใน 7 วัน โดยชำระเฉพาะในส่วนค่าภาษีสนามบิน และน้ำมัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะส่ง E-Ticket มาให้ทางอีเมล์ (ของเราใช้เวลารอยืนยันที่นั่งเกือบ 1 เดือนเลย เพราะติดขากลับบ้าน วันที่ 3 มกราคม ไฟลท์ overbooking) ขั้นตอนถัดมา ก็คือวางเส้นทางที่ต้องการจะเดินทางว่าจะไปเมืองไหนได้บ้างในจำนวนทั้งหมด แต่เมื่อสามปีก่อน เคยเที่ยวในส่วนของเกาะเหนือมาเกือบหมดแล้ว อีกอย่างเพื่อนคนที่ไปด้วยก็เคยเรียนอยู่ที่อ๊อคแลนด์ ดังนั้นแผนการท่องเที่ยวเลยต้องมุ่งลงใต้ วางเส้นทางลงใต้ก็เลือกเฉพาะเมืองที่ต่างคนต่างยังไม่เคยไปก่อน (ซึ่งก็เกือบทั้งหมดนั่นแหละ) เขียน Planning การเดินทางวันที่ check-in , check-out ให้เรียบร้อยก่อน ว่าจะอยู่เมืองไหนกี่วัน เที่ยวส่วนไหนของเมืองบ้าง เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่เมืองไหนกี่วัน เส้นทางหลักเป็นอย่างไร ก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินภายใน อ๊อคแลนด์ - ไครส์เชิร์ช - อ๊อคแลนด์ เพราะหากทำจองล่วงหน้าแล้ว ก็จะได้ราคาค่อนข้างถูกพอสมควร ยิ่งมาเจอกับค่าเงินที่มันตกลงมา ยิ่งได้ตั๋วถูกสุดๆ สายการบินภายในประเทศของนิวซีแลนด์ นอกจากสายการบินแห่งชาติ Air New Zealand (NZ) แล้ว ยังมีสายการบินจำพวก Low Cost อีก เช่น Pacific Blue Airline, Jet Star ลองเข้าไปที่เว็ปไซต์ของสายการบินโดยตรง และอีกอันที่อยากจะแนะนำ www.flightcenter.co.nz ค่อนข้างเป็นที่นิยมและมีสาขาเยอะมาก ของเราทำจองตรงกับเว็ปไซต์ของสายการบินเลย ได้ตั๋วไปกลับราคาประมาณ 3 พันกว่าบาท แต่ Non Refund, Non Endorse, Non Change Date สรุปว่าถ้าไม่ใช้ต้องโยนทิ้งเลย เมื่อทำจองจ่ายตังค์ครบ ก็ได้รับยืนยันทางอีเมล์ จากนั้นเราก็เอา Code หรือ PNR เข้าไปทำจองที่นั่งบนเครื่องได้ สำหรับเส้นทางบินภายในประเทศจะมีเฉพาะชั้นประหยัด ที่นั่งเป็นแบบ A B C - D E F เพียงแต่เราต้องเลือกและดูดีๆ เพราะหากบินจากเกาะเหนือลงเกาะใต้ และอยากเห็นวิวเทือกเขา ต้องนั่งฝั่งขวามือ ดูด้วยว่าปีกเครื่องบินอยู่ตรงไหน ไม่งั้นโดนบังวิวทิวทัศน์หมด ส่วนขากลับ ไครส์เชิร์ช - อ๊อคแลนด์ ก็เปลี่ยนมาเป็นฝั่งซ้ายมือสำหรับฝั่งภูเขา และ ฝั่งขวามือสำหรับมหาสมุทร จากนั้นก็ทำเรื่องจองที่พัก จากประสบการณ์ที่เคยใช้บริการ YHA ที่ต่างๆ มา อีกทั้งยังเป็นสมาชิกด้วย คงไม่เสียเวลาไปนั่งค้นดู จัดการเข้า website YHA New Zealand เลย เช็คดูว่าแต่ละเมืองที่ต้องการพักนั้น มี YHA กี่แห่ง และแต่ละแห่งอยู่ตรงส่วนไหนของเมืองบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ที่พักเกือบทั้งหมดจะอยู่ค่อนข้างใจกลางเมือง เดินทางสะดวกมากๆ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 10:59:15 จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 12:41:07

ความคิดเห็นที่ 4 ตามชม + เก็บข้อมูลครับ จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 12:45:45

ความคิดเห็นที่ 5 ขอเข้ามาเก็บข้อมูลด้วยคนค่า อยากไปมาก ถ้าไม่ติดอะไรคาดว่าปีหน้าน่าจะได้ไปมั่ง :) จากคุณ : The Greatest Story Ever Told เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 12:52:52

ความคิดเห็นที่ 6 มามุงด้วยค่ะ ว่าจะไปกลางปี จากคุณ : lajolla เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 12:53:58

ความคิดเห็นที่ 7 เอาค่าใช้จ่ายชุดแรกที่ต้องเสียมาให้ชมก่อน ซึ่งก็จะมีค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่ารถบัสวิ่งระหว่างเมืองในเกาะใต้ ค่าล่องเรือมิลฟอร์ดซาวด์ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 12:56:52

ความคิดเห็นที่ 8 หลังจากที่จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายชุดใหญ่เสร็จเรียบร้อย ก็มาถึงขั้นตอนการเตรียมการยื่นวีซ่า เนื่องจากเราเดินทางค่อนข้างบ่อย เอกสารเลยมีพร้อมตลอด ทำให้จองโรงแรม และออกตั๋วก่อนยื่นวีซ่าค่ะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะได้เดินทางไปต่างประเทศ อาจจะค่อนข้างกังวลกับเอกสาร ว่ายื่นไปแล้วจะผ่านหรือไม่ เงินในบัญชีจะพอหรือเปล่า ถ้าโดน Reject Visa กลับมา แล้วต้องมาเสียเงินค่าห้องพักทิ้งหรือไม่ มีคำตอบในการเตรียมตัวขั้นแรกให้ค่ะ 1. เอกสารพื้นฐานต้องมีครบถ้วน (ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน รูปถ่าย การทำงาน) 2. บัญชีเงินฝาก สำหรับสมุดบัญชีเงินฝากนั้น บางคนมีเงินไม่กี่หมื่นก็ยื่นผ่านเช่นกันค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะดูจากการเดินทางที่ผ่านมา และหลักฐานการทำงาน จากนั้นก็จะพิจารณาในส่วนของเงิน แต่แนะนำว่า ตัวเลขเงินในบัญชีที่จะยื่น ต้อง...เน้นนะค่ะว่า "ต้อง" มีจำนวนเงินที่ Convert เป็นสกุล NZD แล้ว ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนของการเดินทางให้เพียงพอ เผื่อเกิดตกระกำลำบากขึ้นมา อย่างน้อยก็ต้องมีค่ากิน ค่าที่พัก ซึ่งอัตราเฉลี่ยของเงินที่อยู่ในบัญชี ก็ควรที่จะเกิน ค่าตั๋ว ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าเดินทางต่างๆ ตลอดเวลาที่เราอยู่ในประเทศของเขา 3. แบบฟอร์มการยื่นวีซ่า อันนี้หาไม่อยากค่ะ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้จากเว็ปไซต์ของสถานฑูต จะเป็นไฟล์ Acrobat จากนั้นเราก็สามารถเอามาพิมพ์ให้เรียบร้อย http://www.immigration.govt.nz/migrant/general/formsandfees/formsandguides/ เลือก Visit Form จากนั้นก็เซฟเก็บลงเครื่องไว้ก่อน ถ้ามีโปรแกรม Acrobat Pro ก็สามารถพิมพ์ลงไปได้เลย แต่ถ้าไม่มีก็ Print ออกมาแล้วพิมพ์ดีดเอาก็ได้ เพื่อความสะอาด สวยงาม ดูเป็นระเบียบ (อันนี้ก็เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งนะค่ะ) 4. ค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยว สำหรับยื่นคนเดียว ก็เสีย 3,000 บาท (แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมวีซ่า 2,600 บาท + ค่า VFS 400 บาท) แล้วก็ค่าธรรมเนียมแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายในนาม "สถานฑูตนิวซีแลนด์ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)" อีก 20 บาท หรือสามารถสั่งจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ แต่จะต้องไปที่สถานฑูตด้วยตัวเอง แต่ถ้าไปเป็นครอบครัว ก็เสียค่าวีซ่าแบบ พ่อ + แม่ + ลูก (อายุไม่เกิน 20 ปี) หรือที่เรียกว่า วีซ่ากลุ่ม ซึ่งจะมีหน้าวีซ่าติดเล่มให้เฉพาะคนแรก ส่วนคนอื่นๆ ก็จะได้เป็นวีซ่ากระดาษที่มีชื่อผู้เดินทาง เวลาไปถึง ตม.ที่นั่น ก็ต้องไปยื่นพาสปอร์ตพร้อมกันทั้งชุด 5. สำเนาใบจองตั๋วเครื่องบิน หรือ ตั๋วเครื่องบิน (E-Ticket) 6. ใบจองโรงแรม ทั้งหมดทุกโรงแรมที่จะเข้าพัก ถ้าจองผ่านอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ก็จะต้องตัดเงินผ่านบัตรเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าจองผ่านเอเยนต์ ก็ต้องให้เอเยนต์ออกใบจองแบบที่มีหัวกระดาษยืนยัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ 7. ประกันสุขภาพการเดินทาง ซึ่งก็มีหลายแห่งที่มีบริการ แต่สำหรับเราที่เดินทางบ่อย เลยซื้อประกันแบบรายปี เบี้ยประกัน 5,995 บาท ของบริษัท Mondial Assistance วงเงินคุ้มครอง 6 ล้านบาท ถ้ากระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ ก็ยังสามารถทำเคลมได้ด้วย หลังจากรวบรวมเอกสารได้ครบถ้วน พร้อมกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มเรียบร้อยแล้ว ไปยื่นวีซ่าที่สถานฑูตนิวซีแลนด์ได้เลย และเช่นกัน ด้วยความขี้เกียจ เราจึงต้องพึ่งพาบริษัททัวร์ให้ไปยื่นให้ ก็เสียค่าบริการ 300 บาท ไปตามระเบียบ แต่ถ้าเทียบแล้วก็ค่อนข้างคุ้มค่า เพราะเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลในแบบฟอร์มว่าเรายังต้องเติมอะไร ขาดเอกสารอะไรอีกบ้าง และควรที่จะต้องเพิ่มเติมสิ่งใด เพื่อให้ได้มาซึ่งวีซ่า ใช้ระยะเวลายื่นรวมจนกระทั่งรับเล่ม ประมาณ 1 สัปดาห์ สถานฑูตนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ที่ อาคาร เอ็มไทย ทาวเวอร์ ชั้น 14 ออลซีซั่นเพลส เลขที่ 87 ถนนวิทยุ ลุมพินี กรุงเทพฯ 10330 Tel: +66 2 254 2530 Fax: +66 2 253 9045 or 253 0249 Office hours:  8:00am-12 noon and 1pm-4:30pm (Monday-Friday) หน้าปกหนังสือแผนการเดินทาง แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 53 13:53:01 จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 13:49:27

ความคิดเห็นที่ 9 เดินทางในวันที่ 24 ธ.ค. ดังนั้นเรายื่นวีซ่าในวันที่ 20 พ.ย. ล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 1 เดือน เผื่อขาดเหลืออะไรอย่างน้อยก็ยังเตรียมหาเอกสารเพิ่มทัน ทางสถานฑูตจะให้ใบรับพาสปอร์ตมา พร้อมวันที่คาดว่าจะได้รับเล่มคืน ก็คือ 1 สัปดาห์จากวันยื่น ยื่นวันที่ 20 พ.ย. ไปรับเล่มคืนวันที่ 27 พ.ย. ในช่วงตั้งแต่ 13 น. - 15 น. ทางเอเยนต์ไปคนไปรับและเอามาส่งให้ ได้วีซ่าแบบ Single Entry เข้าประเทศภายในวันที่ 26 ก.พ. 2010 (ระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ได้วีซ่า) แต่สามารถท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 1 เดือน ต้องกลับบ้าน และต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางอีกครั้ง เมื่อคุณเพื่อน ดันติดงานที่ไม่สามารถลาพักได้ (นอกจากลาออก) เลยต้องทำเรื่องแก้ไขห้องพัก และปรับรูปแบบการเดินทาง จากเดิมที่เคยตั้งไว้ว่าจะ self drive หรือที่เรียกกันว่า ขับรถเที่ยวเอง มาเป็น ใช้บริการรถบัสระหว่างเมืองแทน เพื่อนๆ หลายคนก็ถามเหมือนกันว่า ทำไมไม่ขับรถเอง สะดวกกว่า แน่นอนว่า เราก็ต้องมีเหตุผลเหมือนกัน ถึงแม้เราจะขับรถได้ก็เถอะ 1. ไม่มีใบขับขี่สากล (จบข่าว) 2. ถึงมีใบขับขี่ แต่ถ้าต้องขับรถเองคนเดียวก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะวิ่งเส้นระหว่างเมือง ระยะทางกว่า 300 กม. บางเส้นทาง เกือบ 600 กม. ตามแผนเดิม ก็คือจะสลับขับกับเพื่อน 3. ไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์ หากเกิดปัญหาระหว่างทางขึ้นมา ซ่อมไม่เป็นอ่ะ ต่อให้สามารถโทรเรียกช่างได้ แต่กว่าจะรอช่าง หรือ หารถต่อได้ก็ลำบากพอควร มาถึงจุดนี้แล้ว ตั๋วพร้อม วีซ่าพร้อม โรงแรมพร้อม รถบัสพร้อม แต่เงินพ็อกเก็ตมันนี่ยังไม่ค่อยพร้อมเลยอ่า (T__T) เรื่องมันเศร้า จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 14:15:07

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าข้อมูล ตรงไหนขาด หรือกระโดดข้ามไปเร็วเกิน ก็บอกได้นะค่ะ ส่วนรูปภาพยังอยู่ในขั้นตอนการใส่ลายน้ำ แล้วจะทยอยลงให้ชมไปเรื่อยๆ ค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 14:20:14

ความคิดเห็นที่ 11 เตรียมจัดกระเป๋ารอจะไปเที่ยว New Zealand แล้วค่ะ จากคุณ : cascar เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 15:40:03

ความคิดเห็นที่ 12 มาต่อด้วยขั้นตอนการจัดกระเป๋า หลังจากที่เร่งเคลียร์งานที่กองสุมหัว และที่กำลังทยอยมาทับถมให้มากที่สุด ก่อนจะบินหนีไปลัลล้าคนเดียว เกือบสองสัปดาห์ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋า ซึ่งสำหรับเราใช้เวลาจัดเกือบ 1 สัปดาห์ สาเหตุที่ใช้เวลานานขนาดนั้นเพราะ ต้องรอเสื้อผ้าซักให้หมดก่อน แล้วก็รอดูสภาพอากาศด้วย เช็คทาง weather.yahoo ได้คำตอบว่า Auckland อุณหภูมิประมาณ 25 องศา (อืมๆ อุ่นๆ กำลังดี) Christchurch อุณหภูมิประมาณ 15 องศา (เย็นๆ แบบมีใครสักคนเคียงข้างก็ยอดเลย) Queenstown อุณหภูมิประมาณ 12 องศา (เริ่มหนาว หาคนมากอดแล้ว) พิจารณาสภาพอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มจับเสื้อผ้าโยนลงกระเป๋าได้ สำหรับการเดินทาง 13 วัน หักลบวันเดินทางออกจากประเทศไทย เหลือ 12 วัน ดังนั้นใช้เสื้อ 12 ตัว + กางเกง 5 ตัว + กระโปรงสวยๆ 3 ตัว และของใช้ผู้หญิงอีกนิดหน่อย เอาแบบไม่ต้องใส่ครบทุกวันนะค่ะ เพราะสามารถซักตากแห้งได้ เพราะบางแห่งพัก 2 คืน มีเวลาให้จัดการ เสื้อแจ๊กเก็ตอย่างหนา 1 ตัว ผ้าพันคอ 1 ผืน หมวกแบบที่สามารถดึงลงมาจนปิดหูได้ 1 ใบ แว่นกันแดด 2 อัน ถุงเท้าแบบที่คล้ายถุงน่องใส่แล้วทิ้ง 12 คู่ รองเท้าแตะ 1 คู่ รองเท้าสาน 1 คู่ และรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ (เอาไปทำไมเยอะแยะไม่รู้ 5 5 5) Q : ทำไมต้องเอาไปหลายคู่ A : รองเท้าแตะไว้ใส่ในที่พัก เวลาเข้าเดินเข้าห้องน้ำ หรือไปอาบน้ำ คงไม่คิดจะใส่รองเท้าผ้าใบเดินตลอดหรอกนะ Q : แล้วจะเอารองเท้าสานไปอีกทำไม A : เผื่อไว้เกิดรองเท้าเปียก หรือพัง จะได้มีคู่สำรอง เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์ที่ว่า ฝนตกกระทันหันแล้วดันใส่รองเท้าผ้าใบ นึกสภาพดูแล้วกันว่าถ้าต้องทนใส่ติดต่อกันเกิน 3 วันจะเป็นอย่างไร ส่วนอุปกรณ์ทำความสะอาด บำรุงผิวพรรณ และสารพัดเสริมความงาม โยนลงกระเป๋าในวันสุดท้ายเลย ซึ่งขนาดบรรจุภัณฑ์ควรจะมีแบบ Travel Set หรือขนาดเล็กเพื่อความสะดวก อย่างแชมพูเราก็ใช้แบบเป็นซอง ใช้ครั้งละ 2 ซอง คำนวนแล้วว่าถ้าสระผมแบบวันเว้นวันก็ใช้ 12 ซอง ซึ่งจะพกพาสะดวกกว่าเป็นขวด ส่วนสบู่ปกติใช้แบบเป็นครีม ก็เปลี่ยนมาเป็นแบบก้อนเล็ก ยาสีฟันหลอดเล็กๆ ขนาด 20 ml.  ครีมบำรุงแต่ละอย่าง เอา size ไม่เกิน 100 ml. ก็เพียงพอสำหรับการเดินทาง 15 วันแล้ว และที่ขาดไม่ได้คือ SPF 50 สำคัญนะค่ะ ทั้งแบบทาหน้า ทาตัวเลย ต่อมาเรื่องบรรดาสายไฟที่เราจะต้องใช้ New Zealand ใช้ปลั๊ก 3 ขาเฉียง และควรที่จะพกรางปลั๊กไฟติดไปด้วย เผื่อบางครั้งปลั๊กไฟมีแค่ 1 - 2 ช่องไม่พอเสียบ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่เตรียมไป กล้องถ่ายรูป แบบ DSLR, โทรศัพท์มือถือ, Laptop, ไฟฉาย พร้อม ไฟ Led แบบ USB Port เฉพาะในส่วนนี้น้ำหนักก็เกิน 3 กก. เข้าไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดต้องแบกติดตัวตลอดทางเลย แถมด้วยไดร์เป่าผม เพราะไม่ว่าจะเป็นโรงแรม หรือ YHA ที่เป่าผมส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องน้ำ หรืออาจจำเป็นต้องไปยืม (เราเป็นพวกชอบนั่งเป่าผมบนเตียง) ซึ่งแรงลมกับความร้อนของไดร์ที่มีให้ มันเบาไม่สะใจ กว่าผมจะแห้งบางทียืนจนเมื่อยขาไปเลย หลายคนบอกว่า นิวซีแลนด์ ห้ามนำโน่น นำนี่เข้าประเทศ (เค้าบอกกันว่า) อันที่จริงแล้วการห้ามนำอาหาร หรือเนื้อสัตว์เข้าประเทศนั้น นิวซีแลนด์ก็แค่บอกว่า ถ้ามีสิ่งของจำพวกนี้ ต้อง Declare ก่อน แล้วให้เจ้าหน้าที่ Custom เป็นผู้พิจารณา ในส่วนของกิน เราก็ขนไปเช่นกัน โดยมีหม้อหุงข้าวขนาด 0.26 L. ติดไปด้วย (หุ หุ) 1. ข้าวสาร ตักแบ่งเป็นถุงๆ ละ 1 ถ้วยตวง ทั้งหมด 16 ถุง 2. ผงรสดี 3 ซอง แบบไม่มีผงชูรส 3. คนอร์ซุปก้อนรสไก่ และรสต้มยำ 6 ก้อน 4. วุ้นเส้นห่อเล็ก 5 ห่อ 5. ไวไว 10 ห่อ 6. โอวัลติน 3 in 1 5 ห่อ 7. แม็กกี้ ขวดเล็ก 1 ขวด 8. น้ำตาลแบบซอง 10 ซอง 9. พริกป่นแบบซอง 5 ซอง เสบียงพื้นฐานเท่านั้น ส่วนกับข้าวไปหาซื้อเอาที่โน่น ณ ขณะนี้น้ำหนักกระเป๋าชั่งได้แล้ว 26 Kg. (หุ หุ) ยังสามารถรับได้อีก 4 Kg. นอกจากนี้ยังต้องเตรียมถุงผ้า ถุงเก็บความเย็น (แบบที่มีบุฟอยล์) ขนาดกลางติดไปด้วย เพราะที่โน่นรณรงค์เรื่องการใช้ถุงพลาสติก ถุงแยกเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว น้ำยาซักผ้าแบ่งลงขวดขนาด 50 ml. กล่องข้าวพลาสติก 2 ใบ (เอาแบบที่ซ้อนกันได้) ถุงพลาสติดขนาด 1 Kg. เผื่อไว้ใส่กับข้าว กับยางหนังสติ๊ก และถุงซิป เอาให้เพียงพอ และขนาดให้ได้มาตรฐาน ไว้ใส่แยกขวดครีมต่างๆ ป้องกันมันหกเลอะเทอะ ทั้งหมดที่ขนไป เดี๋ยวจะได้โยนทิ้งบางส่วนตอนขากลับหลังจากจบเกมส์ Survivor รูปแบบของขาปลั๊กที่จำเป็นต้องพกติดตัวไป จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 17:36:44

ความคิดเห็นที่ 13 คนที่เข้ามาดูแล้วหวังจะได้เห็นรูปภาพ คงต้องขอให้รอนิดนึงนะค่ะ เอาในส่วนของข้อมูลให้เสร็จก่อน จากนั้นจะเป็นบรรยายด้วยรูปภาพยาวเลยทีเดียวค่ะ เดี๋ยวจะทยอยลงเรื่อยๆ นะค่ะ เบียดเบียนเวลางานมาลงกระทู้ ต้องกลับไปทำงานต่อก่อน จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 17:41:58

ความคิดเห็นที่ 14 ผมไป เท่ากันแต่สองเกาะ ลง Christchurch กลับ Auckland เช่ารถด้วย(ไม่แน่ใจคุณเช่าหรือไม่) นั่งเคร่องบิน Hel Hike 240NZD ด้วยที่ Franz Joseph กินอาหารหรูตอนเย็น เช้ากลางวันธรรมดา และพัก โรงแรมมาตราฐานมีครัว ผมไปสองคน รวมทุกอย่าง ตั๋วเครื่องบิน รถเช่า น้ำมัน ค่ากิน ค่าตั๋วเที่ยว ค่า Helicopter ค่า รร  ค่าบัตรโทรศัพท์ ทุกอย่าง ยกเว้นค่าของที่ระลึก สองคน คนละ 73000+บาทครับ จากคุณ : amrit เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 17:52:12

ความคิดเห็นที่ 15 เก็บเข้าคลังให้นะคะ จากคุณ : MaNgKoOd เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 19:51:05

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาชมและเก็บข้อมูลครับเผื่อมีโอกาสได้ไปบ้าง ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 21:38:41

ความคิดเห็นที่ 17 ตื่นเต้นๆ อยากดูแล้วววววววว จากคุณ : แม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 21:48:54

ความคิดเห็นที่ 18 อธิบายละเอียดมากๆเลย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : I Promise เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 22:38:38

ความคิดเห็นที่ 19 ละเอียดดีมาก กำลังวางแผนจะไป ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ซี-love เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 23:42:03

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นอีกประเทศที่อยู่ในwish list ค่ะ....ขอเกาะล้อไปด้วยะนะคะ จากคุณ : Dalki & Subak เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 00:14:22

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีวันใหม่ค่ะ ใส่รายละเอียดในเรื่องของการเตรียมเอกสารวีซ่าแล้ว การจัดกระเป๋าแล้ว ต่อมาในส่วนของวันนี้จะเป็นในเรื่องการของการจองที่พัก และแนะนำที่พักนะค่ะ แต่จะเน้นในเรื่องของ YHA เป็นหลัก เพราะหากเป็นข้อมูลในส่วนของโรงแรมแล้ว หลายท่านก็สามารถเช็คและจองผ่านเว็ป expedia, gta, hotelclub, agonda etc. ได้อยู่แล้ว สำหรับนักเดินทางที่เน้นห้องพักราคาถูกถึงถูกมาก และเดินทาง 1 - 2 คนอย่างเรา สามารถยอมรับสภาพในการแชร์ห้องพักร่วมกับบุคคลอื่นได้ ก็แนะนำให้ลองมาดูในส่วนของ Backpacker Hostel ซึ่งในนิวซีแลนด์จะมีที่พักในลักษณะนี้ค่อนข้างเยอะพอสมควร อีกทั้งยังสะอาด ปลอดภัยในระดับดีทีเดียว สามารถเข้าไปเลือกดูได้ใน website ต่างๆ 1. www.yha.co.nz 2. www.backpack.co.nz 3. www.backpackerboard.co.nz 4. www.nzbackpack.com 5. www.hostelnewzealand.com 6. www.bbh.co.nz 7. www.hostels.com 8. www.hithailand.com สำหรับคนที่ยังไม่เคยเป็นสมาชิก YHA ก็แนะนำให้ไปสมัครได้ที่ สมาคมบ้านเยาวชนแห่งประเทศไทย Thai Youth Hostels Association E-mail : contact@tyha.org 25/14 ถ.พิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร : 02 262 87413 - 15 แฟกซ์ : 02 268 7416 www.hithailand.com สามารถเลือกสมัครเป็นสมาชิกได้ทั้งแบบรายปี รายสองปี หรือตลอดชีพ (ของเราเป็นรุ่นเก่าตั้งแต่สมัยบัตรอ่อน จนตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นรุ่นบัตรแข็งสวยงามแล้ว แต่เท่าที่สังเกตุตอนเช็คอิน นักเดินทางต่างชาติก็ถือบัตรอ่อนเหมือนเรากันอยู่เลยอ่ะ) ประเภทของสมาชิก 1.  ประเภทสมาชิก  1 ปี                       ราคา 300  บาท 2. ประเภทสมาชิก   2 ปี                      ราคา 460  บาท 3. ประเภทสมาชิก   3  ปี                     ราคา 600  บาท 4. ประเภทสมาชิกตลอดชีพ              ราคา 1,500 บาท ****การสมัครสมาชิกไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานใดๆ และไม่มีการจำกัดอายุ เพียงกรอกชื่อ – นามสกุล และวันเดือนปีเกิด ให้ตรงกับข้อมูลใน Passport เท่านั้น (การใช้บัตรควบคู่กับ Passport) ทั้งนี้ท่านสามารถทำบัตรสมาชิกแทนกันได้ โดยสิทธิการใช้บัตรเป็นสิทธิเฉพาะบุคคลไม่สามารถเปลี่ยนมือหรือใช้แทนกันได้ (ทุกคนต้องเป็นสมาชิกเพื่อสิทธิในการเข้าพักและส่วนลด)  สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ จำเป็นต้องสมัครสมาชิกด้วย**** สำหรับ YHA New Zealand จะมีที่พักบริการทั่วประเทศประมาณ 50 แห่ง เมื่อเข้าเว็ปไซค์แล้ว จะมีช่องให้ใส่ - Where do you want to go? คลิ๊กเลือกเมืองที่ต้องการจะเข้าพัก บางเมืองมี 2 - 3 แห่ง โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่าง อ๊อคแลนด์ ไครส์เชิร์ช เวลลิงตัน ควีนส์ทาวน์ - When do you want to arrive? คลิ๊กใส่วัน และเดือน ปี ที่จะ Check-in - How long do you want to stay? จำนวนคืนที่จะเข้าพัก (ไม่ใช่จำนวนวันนะค่ะ จะนอนกี่คืนนับเลย อย่าให้พลาด) หรือจะเลือกแบบโทรไปสอบถามได้ที่หมายเลข 0800-278 299 (เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ คงตัดรูปแบบนี้ทิ้งได้เลยอ่ะ (T___T) แต่ถ้าจะเลือกจองผ่าน YHA Thailand ก็จะได้เป็นภาษาไทย ซึ่ง link ไปทั่วโลกเหมือนกัน แต่ของเราเข้าเว็ปไซค์ตรงของที่โน่นเลย เผื่อจะเจอลิงค์ไปที่อื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย อย่างพวกรถเช่า แพ็กเกจทัวร์ activities ส่วนลดต่างๆ เริ่มจากเมืองแรกที่ต้องการจะพัก ถ้ามีห้องว่างก็จะขึ้นประเภทของห้องให้ว่า มีห้องแบบไหนว่างบ้าง ตั้งแต่ Single, Double, Twin, 3 Share, 4 Share บางแห่งอาจจะมีจนถึง 7 หรือ 8 Share โดยแบ่งแยก Male & Femal & Mix ราคาจะมีแบบต่อห้อง และแบบต่อคนต่อคืน อย่างในตัวอย่าง จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 11:18:18

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อทำจอง และตัดบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว จะได้อีเมล์ยืนยันการจอง YHA NZ Hostel Booking Confirmation เลือกเก็บข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ลงในสมุดจด ไม่จำเป็นต้อง Print ไปทุกอย่าง เปลืองกระดาษ แถมหนักโดยใช่เหตุ ตัวอย่าง Your booking number is WEB000000 HOSTEL: Auckland City (YHA Owned) ADDRESS: Cnr City Road and Liverpool Street, Auckland City PHONE: +64 9 309 2802 E-MAIL: yha.aucklandcity@yha.co.nz RECEPTION HOURS: 24 Hours ARRIVAL: Sun, 3 Jan 2010 NO OF NIGHTS: 2 NO OF GUESTS: 1 3 Bed Multishare Female (18+) - NZ$25.00 x 2 nights x 1 person = NZ$50.00 COST: NZ$50.00 GUESTS: (3 Bed Multishare Female): 1. NAME & FAMILY NAME, Female, 18+, YHA/HI member แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 11:33:07 จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 11:29:56

ความคิดเห็นที่ 23 จัดการจองที่พักจนครบทุกที่ จากนั้นก็ Copy คัดเฉพาะในส่วนที่ต้องใช้เอามาลงในสมุด เรียงตามลำดับวันที่เข้าพัก เพื่อความสะดวกต่อการพกพา มาเก็บใส่ไว้ใน Program Word ไว้ก่อน เพื่อจะได้ช่วยในการจัดทำหนังสือท่องเที่ยวส่วนตัว พกเล่มเดียวจนจบทริปไปเลย แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 11:06:45 จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 11:43:33

ความคิดเห็นที่ 24 จัดการจองที่พักจนครบทุกที่ จากนั้นก็ Copy คัดเฉพาะในส่วนที่ต้องใช้เอามาลงในสมุด เรียงตามลำดับวันที่เข้าพัก เพื่อความสะดวกต่อการพกพา มาเก็บใส่ไว้ใน Program Word ไว้ก่อน เพื่อจะได้ช่วยในการจัดทำหนังสือท่องเที่ยวส่วนตัว จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 11:45:01

ความคิดเห็นที่ 25 ละเอียดดีจังเลยค่ะ  เป็นอีก 1 ประเทศที่อยากไป ม๊ากก มากกก  แต่อ่อนด้อยภาษา ม๊ากก มากก จากคุณ : ลอดช่องแตงไทย เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 13:58:22

ความคิดเห็นที่ 26 สุดยอดค่ะ ละเอียดดีค่ะ รออ่านต่อนะคะ จากคุณ : wachu เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 14:24:09

ความคิดเห็นที่ 27   ขออนุญาตถามในนะครับ คือเผอิญว่า เพื่อนไ้ด้ขอวีซ่า3 ปี แต่ระหว่างที่ได้วีซ่ามาแล้ว เราไม่ได้เดินทางไปภายใน 6 เดือน หลังจากที่ได้วีซ่านี่ จะถือว่าวีซ่านั้น โมฆะหรือเปล่าครับ เพื่อนฝากถามมา จากคุณ : โมฆะบุรุษ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 16:28:10 A:124.248.129.22 X: TicketID:184018

ความคิดเห็นที่ 28 มาถึงขั้นตอนการเดินทางในเกาะใต้กันบ้าง จากเดิมที่มีแผนในการขับรถเที่ยว เมื่อเหลือตัวคนเดียว เลยต้องหาวิธีการเดินทางโดยรถบัส และรถไฟแทน มีบริษัทรถบัสหลายแห่งให้บริการวิ่งรอบเกาะทั้งเหนือและใต้ เราเลือกมาให้ลองไปตัดสินใจกัน 1. Intercity 2. GreatSights 3. Awesomenz 4. Magicbus 5. Atomic Travel 6. Connexions 7. Naked Bus สำหรับรถของ Intercity, GreatSights, Awesomenz จะ Join ร่วมกันบางครั้งจองกับ Intercity แต่เวลาไปขึ้นรถ อาจจะเป็นของ GreatSights หรือ Awesomenz ขึ้นอยู่กับเวลาเดินทางในแต่ละเมือง Q : เลือกอันไหนดี A : คนส่วนใหญ่คงจะมองว่าบริษัทไหนถูกที่สุดมากกว่า จริงไหม ดังนั้นการเลือก ก็คงต้องใช้วิธีเข้าไปดูมันทุกเว็ปไซค์เลย แล้วลอกออกมาว่า ตามเส้นทางที่เราใช้ แต่ละจุดค่าใช้จ่ายเท่าไร มีส่วนลดอะไรบ้าง Q : แล้วอันไหนถูกที่สุด A : ของบริษัท Naked Bus จะมีอัตราค่าโดยสารถูกที่สุด บางครั้งอาจจะเริ่มต้นที่ 1 NZD ด้วย Q : ถ้าถูกขนาดนั้น ทำไมไม่เลือกใช้บริการ A : สาเหตุที่ไม่เลือกเพราะ ต้องอ่าน comment จากนักเดินทางหลายท่าน ที่เคยใช้บริการ แล้ว 70% บอกว่า  - รถเก่า  - ไม่ตรงเวลา  - บางครั้งยกเลิกกระทันหัน หากไม่มีผู้โดยสารเพียงพอ (จุดคุ้มทุน)  - เปลี่ยนแปลงการเดินทาง แล้วมักจะมีปัญหา Q : มีอันไหนที่อยากแนะนำเป็นพิเศษไหม A : ในส่วนตัวแล้ว คงจะแนะนำ InterCity ซึ่งเป็นเครือข่ายรถบัสที่ค่อนข้างใหญ่ และมีเที่ยวการเดินทางแน่นอนมากกว่า และแน่นอนว่าราคาต้องสูงกว่าด้วย Q : แล้วถ้าต้องการเดินทางตามเส้นทางที่มีระบุแน่นอนอย่างของ จขกท. ควรจะเลือกแบบไหน A : หากมีเส้นทางที่ระบุแน่นอนแล้ว ทาง InterCity ก็จะมีแผนเส้นทางให้เลือกหลากหลาย ในรูปแบบของตั๋วที่เรียกว่า "Travel Pass" ซึ่งจะจะครอบคลุมเส้นทางที่ต้องการเกือบทั้งหมด มีให้เลือกทั้งแบบ North Island Passes, "South Island Passes, National Pass Q : ตั๋ว North Island Passes สามารถใช้ได้ทุกเมืองในเกาะเหนือเลยหรือเปล่า A : ทั้งตั๋ว North Island Passes และ South Island Passes จะแบ่งแยกย่อยเป็นเส้นทางต่างๆ อีกประมาณ 10 เส้นทางในเกาะเหนือ และ 11 เส้นทางในเกาะใต้ ราคาค่าใช้จ่ายก็จะแบ่งแยกย่อยตามแต่ละเส้นทาง Q : มีข้อจำกัดอะไรบ้าง A : 1. ไม่สามารถ Refund เมื่อได้ทำการระบุระบุจองที่นั่งในแต่ละ Sectorแล้ว (Non-Refundable once travel has commenced)     2. สามารถทำ Fully Refundable ได้เฉพาะกรณีตั๋วผู้ใหญ่ ที่ยังไม่ได้ทำการใช้งาน     3. การยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลง ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไปก่อนเดินทาง สามารถ Refund ได้ 100% เฉพาะกรณีที่เลือกเส้นทาง แต่ยังไม่ระบุที่นั่ง     4. ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงการเดินทาง หากน้อยกว่า 2 ชั่วโมงก่อนเดินทาง Q : แล้วถ้าไม่ระบุเส้นทาง หรือยังไม่จองที่พัก มีตั๋วแบบอื่นที่เหมาะสมกว่าไหม A : ก็มีตั๋วที่เรียกว่า "Flexi Pass" ซึ่งจะเป็นตั๋วแบบนับจำนวนชั่วโมงการเดินทางแทน ซึ่งจะมีให้เลือกตั้งแต่ 5 ชม. - 60 ชม. และยังสามารถเติมจำนวนชั่วโมงเพิ่มได้อีก (เหมือนเติมเงินโทรศัพท์มือถือนั่นแหละ) Q : อันไหนคุ้มค่ามากกว่ากัน A : ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเดินทางมากกว่า หากระบุที่พักแน่นอนแล้วการใช้แบบ Travel Pass จะคุ้มค่ากว่า แต่เมืองที่พักต้องตรงกับเส้นทางที่จะเดินทางเท่านั้น หากเอาแบบค่ำไหนนอนนั่น ก็เป็น Flexi Pass Q : ติดต่อได้ที่ไหน A : สามารถเข้าไปเช็คข้อมูลและเส้นทางได้ที่ www.travelpass.co.nz และ www.intercity.co.nz Q : เห็นว่า สามารถใช้ส่วนลดของ YHA ได้ด้วย A : อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องมีบัตร YHA ก็สามารถหาส่วนลดได้เช่นกัน แต่อาจจะไม่สะดวก เนื่องจากจะต้องไปถึงที่นิวซีแลนด์ แล้วหยิบโบรชัวร์ส่วนลด และทำจองเมื่อไปถึงแล้ว ส่วนการใช้ส่วนลดของ YHA นั้น เมื่อเราได้เส้นทาง หรือรูปแบบการเดินทางที่ต้องการแล้ว ให้ส่ง e-mail เข้าไปและแจ้งความประสงค์ต้องการจองหรือซื้อตั๋ว พร้อมแจ้งหมายเลขสมาชิก YHA จากนั้นก็รอการยืนยันกลับเท่านั้น พร้อมชำระด้วยการตัดบัตรเครดิต Q : การชำระด้วยบัตรเครดิตปลอดภัยหรือเปล่า A : ในส่วนของเราเองนั้น ยังไม่เคยโดนโกงบัตรเครดิตเมื่อติดต่อกับ YHA เลย แถมยังเคยทำเรื่องขอเงินคืนได้อีกด้วย และเป็นการทำคืนครบถ้วนภายในระยะเวลาไม่นาน อีกทั้งระบบการชำระเงินของที่นั่น น่าเชื่อถือได้ Q : มีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติม หากเลือกใช้บริการรถบัส A : โดยธรรมเนียมของรถบัสเกือบทุกแห่ง จะไม่อนุญาตให้นำเครื่องดื่มร้อนขึ้นไปรับประทาน อันที่จริง No food, No Drink, No Smoke แต่ส่วนใหญ่ก็จะดื่มน้ำและทานขนม ที่ไม่มีกลิ่นบนรถได้ แต่ห้ามทำเลอะเทอะเด็ดขาด นอกจากนี้ ระหว่างที่รถบัสจอดแวะพัก หรือแวะรับประทานอาหารกลางวัน สัมภาระสามารถวางทิ้งไว้บนรถได้ ยกเว้นของมีค่าที่ต้องติดตัวตลอด พนักงานขับรถจะทำหน้าที่บรรยายเส้นทาง และหากผ่านเส้นทางสวยงาม อย่าง Lake Tekapo, Mt. Cook ยังแวะจอดให้ลงไปถ่ายรูปได้อีกด้วย เราวางเส้นทางในส่วนของเกาะใต้ เป็น ไครส์เชิรช - ดูนิดิน - เตอานาว - มิวฟอร์ดซาวน์ - ควีนส์ทาวน์ - ไครส์เชิร์ช ดูตัวอย่างได้จากแผนที่เลยค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 17:14:24

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบ คุณโมฆะบุรุษ คงต้องถามก่อนว่า รายละเอียดที่ระบุบนหน้าวีซ่ามีอะไรบ้างค่ะ Must not arrive after : Number of Entries : Conitions : โดยปกติแล้ว การที่วีซ่าจะถูกยกเลิก หรือ โมฆะนั้น จะต้องถูก Stamp คำว่า Cancelled หรือ Repeal ค่ะ นอกจากสถานฑูตมีประกาศออกมาอย่างอเมริกา หรือ ญี่ปุ่น ที่สมัยก่อนให้วีซ่าตลอดชีพ ต้องไปทำยกเลิกแล้วขอใหม่ เคยขอวีซ่าได้มาเป็นแบบ Multi Entries 1 ปี กว่าจะได้เดินทางก็ผ่านไปแล้ว 9 เดือน ก็ยังสามารถเดินทางได้ค่ะ ตราบใดที่วีซ่าไม่หมดอายุ โดยดูจากวันที่ Must not arrive after DD/MMM/YYYY จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 17:23:04

ความคิดเห็นที่ 30 ละเอียดมากค่ะ บอกทุกขั้นตอนเลย รออ่านต่อนะค่ะ กำลังหาข้อมูลไปเดือนเม.ย. เกาะใต้ค่ะ จากคุณ : Sweet Woman เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 18:20:32

ความคิดเห็นที่ 31 หลังจากที่เลือกรถบัสแล้ว Compare ราคา และเส้นทางทั้งหมดแล้ว ก็จบที่ Travel Pass เส้นทาง Goldminers Trail ด้วยราคา 221 NZD ซึ่งรวมค่าเรือล่อง Milford Sound, Red Boat Encounter Cruise ใช้เวลาล่อง 2.15 Hr. แต่ตั๋วที่เลือกซื้อยังไม่สามารถกลับไปถึงไครส์เชิร์ชได้ ดังนั้นจึงต้องซื้อเพิ่มอีกหนึ่งเที่ยว ราคา 49 NZD (สามารถ Refund ได้หากไม่ได้ใช้งาน และยังไม่ระบุที่นั่ง แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงเพื่อขอเงินคืนนะค่ะ) หลังจากยืนยันชำระเงินทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะได้รับ e-mail พร้อม Booking Ref. Number. จากนั้นก็ส่ง e-mail กลับไปเพื่อทำเรื่องจากเส้นทางในแต่ละวัน บอกเมืองที่ต้องการจะ ขึ้น - ลง หรือสามารถโทรเข้าไปทำจองได้ที่ หมายเลข 09 5835780, 04-3850520, 03-3651113 or 03-4717143 (ไม่ใช่เบอร์มือถือของเมืองไทยนะจ๊ะ) ก่อนการเดินทางในแต่ละครั้ง แต่เพื่อความมั่นใจว่าจะมีที่นั่งในวันที่ต้องการจะเดินทาง และไม่คิดจะเปลี่ยนใจแล้ว ควรทำจองให้ครบทุกวันไปเลย ตัวอย่างการทำจอง (แนะนำว่าควรจะใช้วิธี Reply E-mail โต้ตอบทุกครั้งเพื่อให้มีรู้ว่าถึงขั้นตอนไหน และเป็นการ Remind กับเจ้าหน้าที่ด้วยว่าติดต่อใครไปบ้าง) As prebook the journey as follow:- 29 Dec 2009    Christchurch >> Dunedin 30 Dec 2009    Dunedin >> Te Anau 31 Dec 2009    Te Anau >> Milford Sound + Cruise >> Queenstown เขียนสั้นๆ เข้าใจง่าย เน้นความต้องการ แค่นี้เจ้าหน้าที่ก็จะทราบ และจัดการดำเนินการให้ อาจจะมีคำถามบ้าง หากมีเวลาให้เราเลือกเดินทาง เช่นให้เลือกระหว่างช่วงเช้า หรือช่วงบ่าย หรือมีจุดที่ต้องการลงก่อนถึง Terminal เมื่อได้รับอีเมล์ตอบกลับ ครบถ้วนตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับข้อมูลดังนี้ 1. หมายเลขตั๋ว 2. เส้นทางที่เลือก 3. บริษัทรถ พร้อม หมายเลข 4. วัน และเวลาออกเดินทาง 5. จุดที่จะต้องไปขึ้น 6. วัน และเวลาที่ถึงจุดหมาย 7. จุดจอดรถ e-mail ที่ได้มาจะยาวเป็นหางว่าว ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นทางที่ได้รับ จากนั้นก็จัดการ Copy มาแปะไว้ใน word เช่นเดิม เพื่อจัดการตัดต่อให้สั้นลง และง่ายต่อการอ่าน เลือกเอาเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้นพอ ดูรูปภาพประกอบนะค่ะ เป็นตัวอย่างการจัดหน้า แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 18:23:52 จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 18:22:22

ความคิดเห็นที่ 32 อาจจะมีหลายท่านตั้งคำถามขึ้นมาบ้างแล้วว่า พอจะให้การแนะนำเรื่องบริษัทที่จะเช่ารถขับแบบที่ทั้งถูก ทั้งดี บ้างได้ไหม ก็สามารถให้เว็ปไซต์รวมได้อยู่ แต่ถ้าจะให้ระบุเป็นชื่อบริษัทไปเลย คงต้องขอผ่านนะค่ะ เพราะไปรอบนี้ไม่ได้เช่ารถขับเลย ทำให้ข้อมูลตรงส่วนนี้ขาดไป 1. www.exploremore.co.nz มีราคาให้เช่าเริ่มต้นวันละ 25 NZD 2. www.acerentalcars.co.nz อันนี้ก็เริ่มต้นที่ 25 NZD เหมือนกัน 3. www.backpackercampervans.co.nz จะเป็นรถตู้ มีขนาดตั้งแต่ 2 4 6 berth (ที่นอนในรถ) 4. www.jucy.co.nz อันนี้ก็เริ่มต้นที่ 25 NZD เหมือนกัน และ 39 NZD สำหรับรถประเภท campas 5. www.ascotrentalcars.co.nz เป็นรถ Sleepervans ขนาด 2/3 berth มีผ้าใบสามารถกางบังแดดออกมาเป็นเต็นท์ได้ 6. www.maugers.com อันนี้จะแพงขึ้นมาหน่อย เป็นแบบ Luxury minibuses แบบ 12 ที่นั่ง 7. www.rentalcars.co.nz โลโก้จะเป็น Pegasus ค่ารถเริ่มต้นที่ 35 NZD และต้องเช่าขั้นต่ำ 4 วัน 8. www.smartcars.net.nz อยากขับรถรุ่นใหม่ รถหรู มีให้เลือกทั้ง BMW, Audi, Range Rover, Nisan, Toyota, Volkswagen 9. www.thrifty.co.nz 10. www.budget.co.nz 11. www.omegarentalcars.com 12. www.nationalcar.co.nz 13. www.ezy.co.nz 14. www.gorentals.co.nz 15. www.avis.co.nz 15. www.apexrentals.co.nz เท่าที่ดูจาก comment ของเพื่อนๆ เห็นว่าของ apex น่าจะถูกนะค่ะ ศูนย์รถของ apex ที่ Christchurch และ Auckland ใหญ่มากๆๆ เลย มีรถเป็นร้อยคันจอดเรียงเต็มพื้นที่ จะเห็นได้ว่าบริษัทรถเช่าของนิวซีแลนด์ ป๊อบปูล่าขนาดไหน ขยันเปิดแย่งลูกค้ากันน่าดู ยิ่งในช่วง low season (Sep - Nov) ราคาจะถูกกว่าปกติเยอะมากเลย แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 19:16:32 จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 18:47:49

ความคิดเห็นที่ 33   ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ จากคุณ : โมฆะบุรุษ - บุรุษไร้ประโยชน์ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 12:43:08 A:124.248.132.248 X: TicketID:184018

ความคิดเห็นที่ 34 รบกวนสอบถามค่ะ statement ธนาคาร ใช้ xerox บัญชีธนาคารได้หรือเปล่าคะ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 13:42:56 จากคุณ : I Promise เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 13:42:33

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีวันใหม่ วันดีๆ อีกวันค่ะ กระทู้จมลงไปแล้วยังอุตส่าห์มีคนเข้ามาชมอีก ดีใจจังเลย ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก รถบัส ที่พัก กระเป๋าเดินทาง พร้อมแล้วก็เตรียมออกเดินทางของจริงกันได้ซักที รอบนี้ขอเริ่มตั้งแต่เรื่องการทำเช็คอิน บางท่านอาจจะบอกว่า ก็ไปสนามบิน เดินไปที่เคาน์เตอร์ เข้าคิวทำเช็คอินรับ Boading Pass เดินเข้า ตม.ก็จบแล้ว จะมาเขียนทำไมให้เปลืองกระทู้ นั่นซิเนอะ ทำไมต้องมาพล่ามเรื่องทำเช็คอินด้วย แต่รอบนี้ขอเป็นการแนะนำการทำ I Check-in ของการบินไทย บางคนก็ร้อง อ๋อ..(- -) (_ _) (- -) สำหรับท่านที่ใช้ตั๋วรางวัล หรือตั๋วที่ใช้ไมล์สะสมแลกมา จะไม่สามารถติดต่อเอเยนต์ให้เปิดจากในระบบ Amadeus หรือแม้แต่ใน website Checkmytrip ได้ เพราะเป็น Code เฉพาะของการบินไทยเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการจะได้ที่นั่งก็ต้องใช้วิธีโทรเข้าการบินไทยตั้งแต่ออกตั๋วเพื่อบล็อคที่นั่งก่อน (แต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยนได้ โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า) แต่สำหรับบางท่านที่ลืมทำ หรือไม่ซีเรียสเรื่องที่นั่ง ตรงไหนก็ได้ ขอให้ถึงเป็นอันใช้ได้ อันนี้ก็ไปทำแบบ last miniute ที่สนามบินเลย ถ้าหากมีเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ขอแนะนำให้เข้าเว็ปไซค์ www.thaiairways.com เลือก Internet Check-in จากนั้นก็ใส่ PNR (หมายเลขหรืออักษร 6 หลัก หากท่านมีตั๋วเครื่องบินอยู่ในมือก็ดูบรรทัดที่เขียนว่า Booking reference for Kiosk/Internet Check-In: ABC123) หลังจากที่ใส่หมายเลข PNR ไปแล้ว ก็เข้าสู่หน้า Booking ซึ่งจะมีที่นั่งมาให้ด้วย หากต้องการจะเปลี่ยนที่นั่งก็คลิ๊กปุ่ม change seat ที่อยู่ด้านล่าง จะมีแผนผังที่นั่งบนเครื่องบินขึ้นมาให้เลือก ซึ่งหากเป็นที่นั่งสีแดง ก็คือที่นั่งนั้นมีคนจองแล้ว บางที่นั่งอาจจะว่างแต่เป็น Last offer ซึ่งก็คือที่นั่ง on request at counter เมื่อได้ที่นั่งที่ต้องการแล้ว จากนั้นก็กด ยืนยัน การเปลี่ยนแปลง แล้วจะมีคำสั่งให้เรา print ใบยืนยันการเช็คอิน พร้อมที่นั่ง (ตรงนี้จะ Print เก็บไว้ก็ได้ หรือจะแค่จำที่นั่งของตัวเองก็ได้) แต่พอไปที่สนามบินก็ต้องไปที่เคาน์เตอร์อีกครั้งเพื่อรับ Boarding Pass และทำการโหลดกระเป๋า หากเราทำ I Check-in ล่วงหน้า 6 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ในขั้นตอนนี้เราจะสามารถทราบได้ว่า ที่นั่งบนเครื่องเหลือเยอะเท่าไร และที่นั่งข้างของเรามีใครมาจับจองไปหรือยัง สำหรับเรา ทำล่วงหน้าประมาณ 5 ชั่วโมง เลือกที่นั่งแบบหางเครื่องเลย เล็งแล้วว่า น่าจะเหลือให้นอนได้อย่างน้อยก็ 2 ตัวติดกัน (^__^)a แต่ถ้าทำอย่างนี้หากไฟลท์เต็มเมื่อไรก็หมดสิทธิที่ได้ที่นั่งดีๆ เหมือนกันนะค่ะ เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้ว ก็เตรียมเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อย ร่ำลาพี่น้องในออฟฟิส ฝากฝังงานที่จะทิ้งเป็นภาระให้คนอื่นให้หมด จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย ไฟลท์ออก 19.50 น. จึงเลือกออกจากออฟฟิสตอน 4 โมงเย็น มีเวลาจัดการกับตัวเองอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง สำหรับท่านที่มีสารถีขับรถไปส่งถึงสนามบินคงไม่ต้องห่วงเท่าไร แต่สำหรับสาวโสด & ไม่มีคนรับส่งคงต้องพึ่งพาแท็กซี่ ควรที่จะโทรเข้าไปตามศูนย์รถแท็กซี่ เพื่อจองคิวไว้ก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 6 ชั่วโมงขึ้นไป โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน หารถยากอย่างช่วงเย็นๆ และนัดเวลาให้มารับเผื่อเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมง (อะไรก็เกิดขึ้นได้ ป้องกันไว้ก่อน) ไปนั่งรอที่สนามบินนานเพิ่มอีกหน่อย ดีกว่านั่งมองเครื่องบินเหินไปแล้ว เบอร์โทรศูนย์แท็กซี่ที่ใช้ประจำ แนะนำให้ save ลงโทรศัพท์ไว้เลย • เวิลด์เรดิโอ โทร.1661 • สหกรณ์แท็กซี่สยาม โทร.1681 • ศูนย์วิทยุสหกรณ์ภูมิพลังแท็กซี่ โทร.02-676-1000 • ศูนย์แท็กซี่เจริญเมือง โทร.02-611-6499 • ศูนย์แท็กซี่นครชัย โทร.02-878-9998 • ศูนย์แท็กซี่ปทุมวัน โทร.02-613-8000 • ศูนย์วิทยุโฮวา โทร.02-424-2222 • สหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพ โทร.02-880-0888 เมื่อไปถึงสนามบิน ช่อง 4 ทางเข้า 4 - 5 เคาน์เตอร์ H / J การบินไทย ก็จัดการไปต่อแถวโหลดกระเป๋า รับ Boarding Pass อย่าลืม!! กระเป๋าเดินทางของท่าน ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่าขนาดไหน แนะนำว่าควรจะต้องผูก หรือ ติด สัญลักษณ์ อะไรที่มันเด่นๆ สีสันสะดุดตาเข้าไว้ ถ้าจะผูกโบว์ หรือ Tag กระเป๋า ก็ทำให้เป็นเงื่อนตายไปเลย ใส่ชื่อไทย อังกฤษ พร้อมที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ และอีเมล์ไว้ด้วย เอาแบบให้อ่านชัดเจน ยิ่งถ้ามีรูปตัวเองจะติดไปด้วยก็ยิ่งดี หากรูปสวยๆ เคลือบทำเป็น Tag ไปเลย รับรองไม่ซ้ำใคร หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กระเป๋าของท่านหนีไปเที่ยวที่อื่น การติดตามหาจะตรวจเช็คได้ง่ายกว่า เมื่อโหลดกระเป๋าและเจ้าหน้าที่ติด Tag แล้ว ก่อนออกจากเคาน์เตอร์ พึงจำไว้เสมอว่า ต้อง!!! ตรวจดูหาง Tag ของท่านว่าขึ้นชื่อเมือง และไฟลท์ที่ท่านจะเดินทางถูกต้องตรงกัน เพราะบางครั้งในช่วงที่มีการเช็คอินจำนวนมาก อาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เก็บหาง Tag ของท่านไว้จนกว่าจะได้รับกระเป๋าเดินทาง อย่าเผลอทิ้งเด็ดขาดนะค่ะ เมื่อจัดการเอาภาระหนักออกไปได้แล้ว ก็จะเหลือแต่ตัว กับกระเป๋า Hand Carry อย่าลืมตรวจเช็คอีกครั้งว่า ในกระเป๋า Hand Carry ของท่าน จะต้องไม่มีวัตถุอันตราย หรือสิ่งของห้ามนำขึ้นเครื่องตามที่สายการบินประกาศ เขียนใบตม. ให้เรียบร้อย แล้วไปเข้าคิวต่อที่ด่านตรวจคนออกนอกเมืองได้แล้ว เอกสารในจุดนี้ก็มีเพียง ตั๋วเครื่องบิน ใบ ตม. และพาสปอร์ต หากท่านมีปกพลาสติกอย่างหนา (ประเภทดูแล้วไฮโซ) แนะนำให้ถอดออกก่อนยื่นให้เจ้าหน้าที่ และเมื่อท่านอยู่หน้าเคาน์เตอร์แล้ว ให้มองที่กล้อง พอเห็นไฟสีแดงกระพริบแล้ว ค่อยหันหน้าไปทางอื่น อย่าหันรีหันขวาง เพราะบางครั้งเจอเจ้าหน้าที่ที่ไม่ค่อยพูด เค้าจะรอให้ท่านหันหน้าหากล้องเอง และจะทำให้เกิดความล่าช้า (ลองสังเกตุมาหลายครั้งแล้ว) ผ่าน ตม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาต่อด้วย Security Check Point ก็จัดการถอดเสื้อแจ็กเก็ต หากท่านใดใส่เข็มขัดแบบหัวเหล็ก หรือสายโลหะ รองเท้าพื้นโลหะ ก็แนะนำให้ถอดออกไว้ก่อนจะดีกว่า นาฬิกาข้อมือแบบโลหะ โทรศัพท์มือถือ และสร้อยคอ ถอดเก็บใส่ในกระเป๋าถือของท่าน อย่าวางใส่ในถาด!!! หากมี Laptop ก็ดึงแยกออกมาวางใส่ในถาด จากนั้นก็เดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ได้ คราวนี้ก็ต้องมาผ่านด่านช้อปปิ้ง สำหรับท่านที่ไปช้อปปิ้งที่ คิงส์พาวเวอร์รางน้ำ ก็ต้องมารับสินค้าที่สนามบิน แต่ถ้าช้อปปิ้งที่สนามบิน ก็สามารถฝากไว้และมารับของตอนกลับมาถึงเมืองไทยได้ ยกเว้น ซื้อสินค้าประเภท เหล้า บุหรี่ อันนี้ไม่สามารถฝากได้ ต้องเอาติดตัวไปด้วย หากมีบัตรสมาชิก Royal Orchid Plus สีทอง ก็เชิญที่ห้องพักรับรองชั้น Business ได้เลย ส่วนท่านที่เป็นสมาชิก King Power ก็เชิญที่ห้องพักรับรองบริเวณ Concourse C เนื่องจากไม่มีคำสั่งซื้อของ ดังนั้นจึงมุ่งตรงเข้าห้องรับรองของ Kings Power เลย จะได้ทำงานต่อด้วย ของเราเป็นบัตรสมาชิกรุ่น 15% ก็เลยได้ห้องเล็กๆ อ่ะ หันซ้ายเดินเข้าหลืบไปได้เลย วันนี้อาหารร้อนตอนเย็น เป็นกระเพาะปลา (จัดมาเลย) ขนมเค้ก คลับแซนด์วิช เครื่องดื่มร้อนเย็น พร้อมให้ทุกท่านได้ใช้บริการ มีน้ำดื่ม และน้ำอัดลมแบบกระป๋องให้ฟรี สามารถนำติดใส่กระเป๋าไปขึ้นเครื่องได้นะค่ะ ไฟลท์ของเราออก 19.50 น. เวลา Boarding Time 19.10 น. Gate C8 ที่นั่ง 57A ใช้เวลานั่งในเล้าจน์จนเกือบ 19.20 น. เรียกว่าจวนเจียนพอสมควร เพราะมัวแต่ทำงานเพลิน ดีที่ว่า Gate อยู่ใกล้เลยชะล่าใจ หลายคนเริ่มบ่นแล้วว่า เมื่อไรจะได้ไปเที่ยวซักที พล่ามมานานเหลือเกิน ในที่สุดก็ได้เวลาวิ่งปรู๊ดไปขึ้นเครื่องแล้วจ้า จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 14:27:16

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบ คุณ I Promise กรณีเป็นพนักงานบริษัท แนะนำให้ใช้สมุดบัญชี Update เรียบร้อยแล้วถ่ายสำเนาทุกหน้า ถ้ามีน้อยกว่า 6 เดือนในเล่มล่าสุด ก็ถ่ายเล่มเก่าเพิ่ม เวลายื่นให้ยื่นทั้งสำเนา และสมุดบัญชีตัวจริงค่ะ ถ้าตัวเลขในบัญชีดูแล้วไม่ค่อยสวย ก็สามารถใช้สมุดบัญชีของผู้ปกครองได้ แต่ต้องมีจดหมายรับรองเรื่องค่าใช้จ่าย และควรจะมีคำว่า All expenses will responsibility by.......... และควรจะต้องมี Bank Guarantee ไปด้วย แต่กรณีที่ตัวเลขสมเหตุสมผล อยู่แล้ว ไม่ต้องไปทำ Bank Guarantee นะค่ะ เปลือง!!! จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 14:47:02

ความคิดเห็นที่ 37 ไปขึ้นเครื่องกันได้แล้วค่ะ BKK - AKL เครื่องลำใหม่ มีจอภาพทุกที่นั่ง ที่นั่งเป็น A B C - D E F - H J K Exit จะเป็นแถวที่ 50 Wing จะเป็นแถวตั้งแต่ 35 - 47 ส่วนที่นั่งของเราก็เป็น ที่นั่ง 57A ริมหน้าต่าง นับจากท้ายเครื่องขึ้นมา 3 แถว วันนี้ไฟลท์จากเมืองไทยไปค่อนข้างเต็ม เท่าที่คะเนจากสายตาประมาณ 85% หลังจากวางสัมภาระไว้ใต้ที่นั่งเรียบร้อย ก็ทำตัวเป็นผู้โดยสารที่นั่งที่ดี จัดการคาดเข็มขัด (Sefty Belt) หยิบนิตยสารขึ้นมานั่งอ่าน นั่งขยุกขยิกได้พัก ก็ได้เวลาเครื่อง Take off และด้วยความโชคดีประหนึ่งจับรางวัลใหญ่ได้ ที่นั่ง B C ว่างค่ะ ไม่มีใครมาแล้ว เสร็จโจร อิ อิ ซื้อตั๋ว 1 ที่ แถม 2 ที่ คุ้มสุดๆ กับการเดินทาง 10 ชั่วโมงกว่าๆๆ รายละเอียดเส้นทาง และระยะทาง จากกรุงเทพฯ ถึง อ๊อคแลนด์ (สามารถดูหนังติดต่อกันได้ 4 เรื่อง หรือ หลับไปซะ) จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 16:41:53

ความคิดเห็นที่ 38 ตามหาหนุ่มในฝันกันข้ามทวีปเลย จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 16:43:46

ความคิดเห็นที่ 39 นั่งๆ นอนๆ ผ่านมาจนค่อนทางแล้ว จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 16:45:20

ความคิดเห็นที่ 40 พระอาทิตย์ขึ้นแล้วจ้า จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 16:49:30

ความคิดเห็นที่ 41 เกมส์บนเครื่องมีหลายแบบให้เลือก จะเล่นแบบ Single หรือ Multi Player ก็ได้ อันนี้เป็นเกมส์โบลลิ่ง ที่ถนัดที่ซู้ดๆๆๆๆๆ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 17:03:06

ความคิดเห็นที่ 42 รออยู่เหมือนเดิมค่ะ กำลังจะถึง Auckland แล้ว จากคุณ : wachu เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 21:02:26

ความคิดเห็นที่ 43 รอตามไปเที่ยวอยู่นะคะ^^ ข้อมูลละเอียดมากๆๆ ขอตามเก็บข้อมูลไปใช้บ้าง กำลังจะไปช่วงสงกรานต์นี้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : Lala_ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 23:41:53

ความคิดเห็นที่ 44 โหพี่ สรุป ไปคนเดียวหรอเนี่ย พี่โอ๊คเบี้ยวชัวร์ ล้าน% เห็นๆ 555 ว่าแต่งานนี้ได้หนุ่มๆ เมาลีมาเป็นคนกอดให้หายป่าวอ่ะ ไม่บอกเล่าให้น้องฟังบ้างเลย จากคุณ : nongmi (nongmi) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:37:34

ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีค่ะ ใกล้จะได้เหยียบแผ่นดินแล้วจ้ะ เวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (นิวซีแลนด์) ก็ได้เวลาเสิร์ฟอาหารกลางวัน (ไม่ได้ถ่ายรูปเลยตั้งแต่อาหารตอนกลางคืน เพราะขึ้นเครื่องได้ก็จัดที่นอนทันที) อาหารบนเครื่องรอบนี้เป็นเมนูข้าว กับ เมนูเนื้อ หลังจากที่พนักงานเดินแจกไปจนครบแถวหน้า ก็มาถึงแถวหลังจนได้ แต่เหลือแค่เมนูเนื้ออย่างเดียว เลยต้องขอเซย์บาย หิ้วท้องรอลงไปกินในเมืองแทน (ปกติเป็นคนไม่ทานอาหารบนเครื่องอยู่แล้วด้วย เพราะหากทานแล้วต้องนั่งอยู่กับที่นานๆ อีกอย่างเวลามันเปลี่ยนด้วย เลยรู้สึกอึดอัด และทำให้ท้องจะอืด) จากนั้นก็เป็นช่วงจัดการกับใบ ตม. นิวซีแลนด์ (ไม่รู้ว่าแจกกันตอนไหน ตื่นมาเห็นคนอื่นเค้านั่งเขียนกันแล้ว เลยต้องลุกไปขอจากเจ้าหน้าที่ใหม่) ใบ ตม. ของนิวซีแลนด์จะเป็นขนาดกระดาษ A4 ช่วงบนจะเขียนบรรยายวิธีการกรอก และขยายคำจำกัดความของคำถามในด้านล่าง จงเติมคำลงในช่องว่าง และอ่านคำถามดีๆ นะค่ะ (เดี๋ยวไปหาใบตม.ที่ยังไม่ได้ใช้มาแสกน แล้วเพิ่มเติมให้ภายหลังค่ะ) หลังจากที่นั่งเล่น นอนเล่น กินเล่น เข้าห้องน้ำไปเกือบ 10 รอบ ในที่สุดเสียงสวรรค์ก็ประกาศจนได้ อีก 30 นาทีเครื่องจะลงที่สนามบินนานาชาติอ๊อคแลนด์ จากนั้นก็ บรา...บรา...บรา...เรื่องเวลา เรื่องอากาศ ท้องฟ้า การตรวจคนเข้าเมือง การเปลี่ยนเครื่อง การต่อเครื่องภายในประเทศ... เครื่อง landing ตรงเวลา แต่อย่าเพิ่งได้ใจไปว่าจะได้ออกจากสนามบินเร็ว ยังมีอีก สาม ด่าน รออยู่ให้ไปลุ้นกันต่อค่ะ หลังจากที่เครื่องลงก็เดินตามขบวนไปเลยค่ะ เพื่อเข้าสู่ด่าน Immigration, Gate ขึ้นเครื่องของที่นิวซีแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นเมืองไหนๆ คนเข้า คนออก อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ใช้เพียงแค่เสากับเชือกมากันแนวไว้เท่านั้นเอง เดินตามผู้โดยสารท่านอื่นๆ มาเรื่อย ระหว่างทางก็จะผ่าน Duty Free ของส่วนใหญ่จะเป็นพวก ไวน์ เหล้า เครื่องสำอางค์ ขนม จนถึง Immigration หรือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็เดินแยกย้ายกันไป ระหว่าง คนนิวซีแลนด์ (New Zealander) กับชาวต่างประเทศ (Foreigner) โอ้...แม่เจ้าแถวยาวเหมือนสนามบินญี่ปุ่นเลย ยาวมั๊กๆๆๆๆ หากท่านใดเคยไปฮ่องกง หรือ ญี่ปุ่นตอนช่วงสงกรานต์คงพอจะนึกภาพออกนะค่ะ ไม่รีบค่ะ เพราะไม่ได้ไปกับทัวร์ ไม่ต้องเร่งทำเวลา เลยไปจัดการสภาพหน้าตาของตัวเองก่อน ให้ออกมาใกล้เคียงกับในพาสปอร์ต อีกอย่างเดี๋ยวเผลอพูดอะไรออกไปกลัวคนข้างๆ จะเป็นลมซะก่อน หันหน้าไปทาง ตม. จากนั้นก็หันซ้ายเลยค่ะ จะผ่านเคาน์เตอร์วางใบ ตม. บนกำแพงมีวิธีการกรอกข้อมูลแปลเป็นภาษาต่างๆ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฝรั่งเศส เดินตรงไปตรงประตูเลยค่ะ พ้นประตูเลี้ยวซ้าย จะเป็นห้องน้ำสำหรับคนพิการ ห้องน้ำชาย เดินเลยเข้าไปหน่อยก็เป็นห้องน้ำหญิง หลังจากจัดการสภาพให้กลับมาพอดูได้ (ดีขึ้นมาหน่อย) ก็กลับมาเข้าคิว ได้ยินแต่เสียงคนไทย กับคนจีน สลับไปมา บ่นกันตลอด ไม่รู้บ่นแล้วแถวมันจะเร็วขึ้นหรือเปล่า ก็ได้แต่ยืนทนไปจนกว่าจะถึงคิวตัวเองนั่นแหละค่ะ เกือบ 45 นาที ในที่สุดก็ถึงคิวของเราจนได้ ก็จัดการยื่นพาสปอร์ต ใบ ตม. ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว ตั๋วเครื่องบิน ใบจองโรงแรมที่พัก พร้อมส่งรอยยิ้มสยามนำไปก่อนเลยค่ะ แล้วก็ตั้งสติฟังเจ้าหน้าที่ถามคำถาม ซึ่งคำถามก็จะเป็นคำถามพื้นฐานทั่วไป อย่ากังวล ลนลาน หลุกหลิก เพราะจะทำให้ดูมีพิรุธ แล้วอาจจะโดนสอบสวนเพิ่มขึ้นนะค่ะ จำได้ไหมค่ะว่าที่แนะนำว่าให้ทำเอกสารทุกอย่างให้เป็นรูปเล่ม มาถึงตรงนี้จะสะดวกมาก ส่งทั้งเล่มให้เจ้าหน้าที่ดูได้เลย 1. มากลับกรุ๊ปทัวร์หรือเปล่า 2. มากี่วัน 3. พักที่ไหน 4. คิดจะมาหางานทำที่นี่หรือเปล่า 5. มีญาติอยู่ที่นี่ไหม 6. เป็นการท่องเที่ยวล้วนๆ หรือมีการติดต่อธุรกิจที่นี่ ของเราก็มาคนเดียว เที่ยวประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นการเที่ยวแบบ 100% pure travel แล้วก็บอกเพิ่มเติมไปอีกว่า ตัวเราเคยมาแล้วเมื่อไร มาพักกี่วัน แล้วมาเพื่ออะไร เจ้าหน้าที่เค้าพลิกดูหน้าประวัติการเดินทางเข้าออก ซึ่งเป็นตัวช่วยให้การพิจารณาง่ายขึ้นอีกนิด ตอบคำถามเสร็จก็ประทับตราดังตึ้ง เป็นอันว่าอนุญาตให้เข้าเมืองได้ แล้วก็จะส่งเอกสารคืนให้เราทั้งหมด รวมถึงใบตม.ด้วย ก่อนจากก็อย่าลืมกล่าวขอบคุณ ถ้าเป็นช่วงเทศกาลอย่างคริสต์มาส ก็ Happy X'Mas & New Year ไปด้วยเลย เสร็จสิ้นจากด่านที่หนึ่ง รวมเวลาทั้งสิ้นเกือบ 1 ชั่วโมง ลงเครื่องมาตอนบ่ายโมง จนบ่ายสองหิวข้าวตาลายแล้ว ยังไม่พ้นด่านที่สองเลย เมื่อพ้น ตม. มาก็จะเจอกับสายพานรับกระเป๋า ที่นี่มี belt น้อย เพียง 5 แถวเท่านั้น ถ้าเป็นช่วงที่สายการบิน landing ในเวลาใกล้เคียงกัน ต้องทำใจเรื่องกระเป๋าช้าค่ะ ขนาดรอผ่าน ตม. เกือบชั่วโมง มาถึงตรงนี้ กระเป๋ายังไม่มาเลย แต่ไม่เป็นไร รักจะเที่ยวต้องอดทน มองกวาดตาบนจอโทรทัศน์เพื่อหาดูว่า TG 491 อยู่ Belt ไหน สายพานกระเป๋าของที่นี่จะลาดตรง ไม่มีตัวกั้น นักท่องเที่ยวควรที่จะยืนอยู่หลังเส้นสีเหลือง เพื่อป้องกันการโดนกระแทก เวลาที่คนอื่นยกกระเป๋าลงมา รอไม่นานก็เห็นกระเป๋าของเราเองมาแต่ไกล เล่นผุกโบว์ที่กระเป๋าเป็นศาลพระภูมิเลย รับรองห้ามใครหยิบผิด มาต่อกันที่ด่าน custom หรือ จุดตรวจเช็คกระเป๋า ส่งใบ ตม. ให้เจ้าหน้าที่ เค้าก็จะอ่านและสอบถามถึงสิ่งของที่เรานำเข้ามา ถ้ามีเช็คเครื่องหมายไว้ว่ามีของประเภทที่อยู่ในข่ายต้องสำแดง ก็อธิบายไปว่าเป็นของอะไร อย่างเรามีโอวัลติน มาม่า เครื่องปรุงรส ก็บอกเค้าไปตามตรง จากนั้นเค้าก็จะบอกให้เราไปตามทางที่มีหมายเลข เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรื้อกระเป๋า มาถึงตรงนี้แล้วอย่าเพิ่งตกใจนะค่ะ ว่าต้องรื้อกระเป๋าเลยหรือ เพราะตรงด่านนี้จะเป็นอีกด่านที่จะมีการสอบถาม แล้วพิจารณาอีกครั้ง ว่าต้องเปิดกระเป๋าหรือไม่ หากไม่ต้องเปิดก็ผ่านเข้าสู่ขั้นตอนเอ็กซเรย์ ก่อนหน้าเรามีชาวจีน (คิดว่านะ) สามีภรรยา ต่อจากนั้นก็เป็นผู้หญิงคนไทย อายุประมาณยี่สิบกว่าๆ (คุยกันได้ว่า เค้าก็มาคนเดียว แต่มาเที่ยวแล้วก็เยี่ยมญาติ อยู่แค่ห้าวัน) ยืนรออีกเกือบ 15 นาที สามีภรรยาที่เป็นชาวจีน โดนเจ้าหน้าที่สอบถามอะไรนิดๆ หน่อย จากนั้นก็ส่งผ่านไปที่ด่านเอ็กซเรย์ ส่วนผู้หญิงคนไทย โดนสอบแล้วให้ไปนั่งรอเพื่อให้เจ้าหน้าที่เปิดกระเป๋า ไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมงกว่าจะได้ออกมา มาถึงคิวของเรา ก็จัดการยื่นเอกสารทั้งหมดเหมือนที่ ตม. เจ้าหน้าที่ก็จะเปิดอ่านๆ พลิกหน้าพาสปอร์ตดู แล้วก็สอบถามเรื่องการพำนักอีกนิดหน่อย จากนั้นก็ส่งไปเข้าฝั่งเครื่องเอกซ์เรย์เลย มาถึงตรงจุดนี้ หากใครโดนให้เปิดกระเป๋า คงต้องบอกไว้ก่อนว่า ต้องทำใจเยอะๆ เพราะเปิดและรื้อจริงๆ ของทุกชิ้นจะออกมาอยุ่ข้างนอก โดยที่เราไม่มีสิทธิแตะต้อง ได้แต่นั่งมองตาปริบให้เค้ารื้อไปเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่ชั้นใน ใช้เวลาตรวจนานเกือบครึ่งชั่วโมง หรือบางคนกระเป๋าใหญ่ก็อาจจะถึงหนึ่งชั่วโมง ซึ่งตรงนี้อยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ เมื่อมาถึงเครื่องเอกซ์เรย์ก็เพียงแค่ยกกระเป๋าขึ้นไปบนสายพาน พร้อมด้วยยื่นใบ ตม. ให้เจ้าหน้าที่ แล้วเดินผ่านออกไปรอรับกระเป๋า หากไม่มีอะไรผิดปกติก็สามารถรับกระเป๋าแล้วเดินผ่านออกไปด้านนอกได้เลย อ่านมาถึงตรงนี้กัน ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเริ่มเป็นกังวลกันบ้างแล้ว หุ หุ มีคำถามก็ฝากไว้ได้นะค่ะ เดี๋ยวจะกลับมาช่วยตอบให้นะค่ะ อันนี้เป็นแผนผังของสนามบิน Auckland ฝั่ง International ชั้นผู้โดยสารขาเข้า Arrival Passenger Only จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 01:01:46

ความคิดเห็นที่ 46 เบื่อที่จะอ่านกันหรือยังค่ะ เพราะมีตัวหนังสือเยอะกว่ารูปภาพ เดี๋ยวคนเข้ากระทู้มานึกว่าเปิดหนังสือเรียน จะรีบปิดซะก่อน เมื่อเสร็จสิ้นการตรวจทุกอย่าง ออกมาด้านนอกได้แล้ว คราวนี้ก็มองหาที่แลกเงินค่ะ เนื่องจากมีแต่เงิน US$ ติดตัวมา แล้วก็คาดว่าจะใช้ผ่านบัตรเครดิตเป็นส่วนใหญ่ เลยไม่แลกที่เมืองไทย แต่จะจ่ายเงินค่ารถได้ยังไงถ้าไม่มีเงินของเขาเลยแม้แต่เหรียญเดียว มองหาเลยค่ะ มี Booth แลกเงินหลายจุดอัตราแลกเปลี่ยนแต่ละจุดแตกต่างกันเล็กน้อย แนะนำให้แลกแค่พอจ่ายค่ารถ และเผื่อซื้อของเพิ่มเติมนิดหน่อยพอ แค่ 50 NZ$ ก็พอแล้ว เดี๋ยวไปแลกในเมืองจะได้ Rate ดีกว่า สำหรับคนที่มาเป็นกลุ่ม 3-4 คน แนะนำให้ไปใช้รถ Supershuttle ซึ่งจอดอยู่ด้านนอก เดินพ้นประตูก็จะเห็นเลยค่ะ เดินข้ามถนนไปบอกคนขับได้เลยว่าเราต้องการจะเข้าเมือง และต้องการจะลงที่จุดไหน ราคาค่ารถ 3-4 ท่าน คิดแค่ 40-50 NZ$ แต่ถ้ามาคนเดียวก็ 30 NZ$ ค่ะ นอกจากรถของ Supershuttle แล้วก็มีรถของ QShuttle (Logo สีส้ม) จอดเรียงกันอยู่ ราคาเท่ากันค่ะ เพียงแต่คนขับจะพยายามให้รถเต็มก่อนแล้วถึงจะออก บางทีก็มาดึงแย่งผู้โดยสารกันเอง แต่ไม่ทะเลาะกันนะค่ะ ประมาณว่า คันของฉันใกล้จะเต็มแล้ว เอาลูกค้ามาให้ฉันก่อน จะได้ไปซักที หากทำเรื่องเช่ารถผ่านระบบออนไลน์มา ก็ติดต่อเคาน์เตอร์บริษัทรถเช่า ซึ่งเรียงกันเป็นแถบ ให้ชัดเจนทันทีที่ออกมาจากด้านใน เนื่องจากยังไม่แน่ใจเส้นทาง ดังนั้น SuperShuttle จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ (ยอมเสียตังค์เยอะรอบแรก แต่หลังจากนี้อย่าหวังจะได้แอ้มเงินในกระเป๋าฉันอีก) ที่พักในคืนแรกอยู่บนถนน Turner หากดูจากในแผนที่แล้วก็ไม่ไกลมากนัก แต่ถ้ายังไม่เคยชินอะไรก็เหมือนจะไกลไปหมด ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ตัวเมืองแวะส่งลูกค้าตามทาง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัยรุ่นที่มาเที่ยวกันเองเป็นกลุ่ม ส่วนใหญ่ก็พักก็เป็น Nomads Fusion, Nomads Fat Camel, BBH, ACB ส่วนของเราจะลงเกือบเป็นคนสุดท้ายเลย ลงจากรถและรับกระเป๋าแล้วก็จัดการจ่ายเงินให้คนขับรถได้เลยค่ะ ก่อนจะเข้าไปเช็คอิน ขอแทรกเรื่องการใช้บริการรถบัสกันหน่อยดีกว่า รถบัสวิ่งเข้าเมืองของที่นี่จะเรียกว่า Airbus Express คันสีฟ้า ต้องเดินข้ามถนนถัดจากเลนจอดรถของ Supershuttle ไปหน่อย มีป้ายรถเมล์บอกเดินไปรอต่อคิวตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ได้เลยจ๊ะ อัตราค่าบริการ ผู้ใหญ่ (Oneway)  16NZ$ ผู้ใหญ่ (Roundtrip) 23NZ$ เด็ก (Oneway)  6NZ$ เด็ก (Roundtrip)  12NZ$ ชำระเงินกับคนขับรถได้เลย จะซื้อแบบเที่ยวเดียว หรือไปกลับ สำหรับท่านที่ซื้อตั๋วไปกลับนั้น เมื่อซื้อแล้วต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีๆ ด้วยนะค่ะ เพราะตั๋วที่นี่เป็นเหมือนใบเสร็จทั่วไป เวลาเก็บรวมกับกระดาษใบเสร็จอื่นๆ แล้วจะหาไม่ค่อยเจอ ภายในรถจะมีพื้นที่สำหรับวางกระเป๋าเดินทางด้วย ไม่ต้องลากไปข้างในนะค่ะ จุดจอดรถบัส จะจอดทุกจุดที่มีป้ายรถเมล์ ในช่วงของเส้นถนน Mt. Eden จนกระทั่งเข้าในตัวเมืองถึงโรงแรม Langham ซึ่งอยู่บน Symonds Street ตัดกับ City Road จะเป็นจุดจอดแรกที่ต่อจากนี้จะจอดเฉพาะจุดส่งเท่านั้น คนไหนที่พัก YHA City และ YHA International ก็ลงตรงนี้แล้วลากกระเป๋าต่อ จุดที่สอง หน้า Auckland University, Symonds Street เลยจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร จากนั้นจะเลี้ยวซ้ายเข้า Wellesley St East จุดที่สาม Queen Street แยก Darby Street จุดที่สี่ Queen Street แยก Wyndham Street จุดที่ห้า Queen Street เลย Swanson Street มานิดหน่อย จุดสุดท้ายที่ท่าเรือ Downtown Ferry Terminal สามารถเข้าไปดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.maxx.co.nz ถ้าที่พักอยู่บน Queen St. ก็มองชื่อป้ายถนนที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วใช้บริการ Airbus Express จะดีกว่า ขยันเดินนิด จะได้บรรยากาศแบบ Backpacker อย่างแท้จริง เกือบจะได้เข้าที่พักแล้วจ้ะ อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนนะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 20:17:01

ความคิดเห็นที่ 47 เอาแผนที่ Auckland City มาฝาก แต่คงต้องรบกวนกดลิงค์กันเองนะค่ะ เพราะแผนที่อันนี้ใหญ่พอสมควร เห็นชัดเจนเลย http://www.keanz.net/images/Auckland_Central_City_Map.gif ส่วนอันนี้จะเป็นแผนที่ Guide line จากสนามบินไปเมืองต่างๆ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 20:24:34

ความคิดเห็นที่ 48   สุดยอดจัง  กำลังคิดว่า หากไปกับเพื่อน 2 คน  ควรเช่ารถหรือไม่   เป็นตัวอย่างที่ดีมากเลย จากคุณ : P (N' Peach) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 23:21:35

ความคิดเห็นที่ 49 มาติดตามต่อค่ะ ละเอียกมากๆเลยค่ะ กำลังจะไปเหมือนกัน กพ.นี้ค่ะ จากคุณ : leo_natty เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 14:45:29

ความคิดเห็นที่ 50 กระทู้ Reviews ท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่จะเป็นการ Self Drive ซะมากกว่า คงต้องขอแจ้งไว้อีกครั้ง อันนี้เป็นการท่องเที่ยวแบบยาจกนะค่ะ เพราะเฉพาะนั้น รูปภาพที่จะออกมาอาจจะไม่ได้สวยงาม เห็นวิวทิวทัศน์แปลกตาเหมือนของท่านอื่น ดังนั้นขอให้ท่านได้อย่าคาดหวังไว้สูงนะค่ะ เดี๋ยวจะผิดหวังกันซะเปล่าๆ อย่างไรก็ขอฝาก ติติง อย่างเดียวพอ (ไม่ต้องชมค่ะ แค่ได้อ่าน comment ของทุกท่าน หน้าก็บานเป็นจานดาวเรดาห์ แทบหุบไม่ลงแล้ว) จะได้รู้ตัวเองว่าควรที่จะเพิ่มรายละเอียดตรงไหนอีก เพียงให้ทุกท่านได้รับข้อมูล (เท่าที่ในสมองจะมี) มากที่สุดค่ะ ถือว่าเป็นการแบ่งปันกันนะค่ะ มี Guru นิวซีแลนด์ท่านใดแวะผ่านเข้ามาชม ก็ช่วยลงเพิ่มความรู้ฝากไว้ให้แก่กันด้วยนะค่ะ ช่วงสัปดาห์นี้จะทยอยลงรูปให้ท่านได้ชม แต่สัปดาห์หน้าจะหายตัวไปเที่ยวดูไบ แล้วหากได้รูปสวยๆ ภายใน Burj Al Arab (แบบว่ามีทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารภายในโรงแรมด้วย) พร้อมด้วยบริการบนเครื่อง Airbus 380 เที่ยวบิน กรุงเทพฯ - ดูไบ จะเอามาเปิดกระทู้ Review ให้ท่านชมกันอีกรอบ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 53 18:01:18 จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 17:54:53

ความคิดเห็นที่ 51 มาลงชื่อว่ายังติดตามอยู่ค่ะ ^_^ สนุกอีกแบบ สำหรับรีวิวNZ แบบไม่ self-drive... อยากทราบว่าใช้กระเป๋าแบบไหนคะ เห็นว่ามีกระเป๋าเสบียงด้วย อยากไปแบคแพคด้วยเหมือนกัน แต่ติดตรงเป็นคนบ้าหอบฟางเนี่ยล่ะค่ะ จากคุณ : Dalki & Subak เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 53 22:01:40

ความคิดเห็นที่ 52 ตอบ คุณ Dalki & Subak กระเป๋าที่ใช้เป็นของ Samsonite ขนาด 28 นิ้วค่ะ Soft Case สามารถรูปซิปขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นได้อีก สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 40 กก. (แต่ที่จริงแล้วไม่ควรใส่ของเกิน 25 กก.นะค่ะ) ส่วนเรื่องกระเป๋าเสบียง จะเป็นกระเป๋าผ้าบางๆ ที่ตอนนี้กำลังฮิตกัน เทียบแล้วก็ประมาณกระดาษ A3 ค่ะ เพื่อว่าจะได้ใส่ของได้พอสมควร อีกอย่างถ้ามันเลอะเทอะ หรือคิดว่าจะไม่ใช้แล้วก็ยังสามารถเอาไปใส่ กล่องที่เค้ารับบริจาคได้อีกด้วย และอีกแบบเรียกว่า กระเป๋า Chiller Bag (ซื้อจากออสเตรเลีย ใบละ 3 AU$ ขนาดประมาณ สูง 15 นิ้ว กว้าง 6 นิ้ว ภายในบุอลูมิเนียมฟอยล์ แล้วก็มีรูดซิปปิดได้ค่ะ (ยังไม่เคยเห็นขายในเมืองไทยเลย แต่ถ้าเป็นที่ Daiso ก็มีขนาดเล็กแค่ใส่กล่องข้าวเท่านั้น) เราก็เป็นพวกบ้าหอบฟางเหมือนกันค่ะ แต่ต้องเลือกของที่จะหอบ เน้นอรรถประโยชน์สูงสุด และถ้าจะต้องทิ้ง ก็จะได้ไม่เสียดาย หรือคนอื่นเอาไปใช้ประโยชน์ต่อได้ด้วย หน้าตากระเป๋า Chiller Bag ประมาณในรูปนี้ค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 00:01:36

ความคิดเห็นที่ 53 วันนี้เข้าที่พักกันดีกว่าค่ะ ที่พักสำหรับคืนนี้ YHA Auckland International อยู่ถนน Turner St. ถือว่าอยู่กลางใจเมืองเลยค่ะ สามารถเดินไปที่ Ferry Terminal แค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง (ขาเข้าเมืองทางลาดลง เดินสบาย แต่ขากลับที่พักตะกายพื้นเดิน) หน้าถนนมีร้าน Mini Mart และร้านอาหารจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รับรองไม่อดตายค่ะ เมืองอ๊อคแลนด์เป็นพื้นที่เนินเขาทั้งเมือง เดินออกกำลังกายกำลังดีเลยค่ะ ดูตามแผนที่เลยนะค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 11:45:27

ความคิดเห็นที่ 54 เลี้ยวจากถนน Queens เข้าสู่ Turner ก็เห็นที่พักแล้ว จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 13:41:24

ความคิดเห็นที่ 55 เดินเข้าไปทำการเช็คอินเหมือนโรงแรมเลยค่ะ สำหรับ YHA ตอนเช็คอินก็ใช้บัตรสมาชิก YHA พร้อมด้วยบัตรเครดิตที่จ่ายเงินตอนจอง และพาสปอร์ตค่ะ จองที่พักแบบ 4 Bed Multishare Female ได้ห้องพัก หมายเลข 108 ตอนแรกนึกว่าอยู่ชั้นล่าง พอเจ้าหน้าที่ชี้มือบอกว่าให้ขึ้นไปข้างบน ยังไม่ทันได้อธิบายต่อ ต้อง Stop!!!! Where is the elevator????? "right hand side.." "Thanks God" ขอบคุณพระเจ้า ไม่งั้นต้องแบกสัมภาระ (โคตรหนักเลยอ่ะ) รวมทุกใบก็ 30 กว่ากิโลแล้ว ขืนเดินขึ้น ตายหยังเขียดแน่ ๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งเรื่องกฎต่าง เวลาเช็คเอ้าท์ พร้อมให้ใบ Questionaire สำหรับประเมินคุณภาพและการให้บริการ กุญแจที่นี่เป็นคีย์การ์ดไม่มีหมายเลขระบุให้นะค่ะ (ดังนั้นต้องจำห้องตัวเองให้แม่น คืนแรกยังไม่สับสน เพราะหวยออกแค่ชุดเดียว ย้ายที่พักทุกคืนมีสิทธิเข้าห้องผิดได้) เมื่อรับมาแล้วก็จัดการลากกระเป๋า เอาคีย์การ์ดรูดผ่านประตูเข้าไปด้านในอีกชั้น หันขวาเจอลิฟต์ปุ๊บ กดปั๊บ ที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินจ๊ะ เลยถ่ายแล้วเหมือนภาพมันเอียง จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 15:52:02

ความคิดเห็นที่ 56 ภายในห้องพัก ก็จะแบ่งเตียงออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 เตียง ตอนแรกนึกว่าเป็นเตียง 2 ชั้น ทั่วไปซะอีก แต่เป็นแบบนี้ก็ดี จะได้มีที่วางกระเป๋าใต้เตียงได้ แต่ไม่มีล็อกเกอร์ให้ ของเราเป็นเตียงชั้นบนติดประตู จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 15:56:42

ความคิดเห็นที่ 57 บนเตียง จะมีผ้าปูที่นอนให้ 1 ผืน พร้อมด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ 1 ผืน และผ้าห่มนวม ก็จัดการปูเตียงให้เรียบร้อย ตอนเช็คเอ้าท์ ก็ต้องเอาผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าเช็ดตัวไปใส่ตะกร้าที่เค้าจัดไว้ให้ เหมือนอยู่โรงเรียนประจำเลย เพื่อนร่วมห้องสำหรับค่ำคืนแรก เจอสาวชาวอังกฤษ คานาดา และเยอรมัน (เม้าท์แตกกันสุดๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องไปเที่ยวที่ไหนมา มีอะไรสนุกๆ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ปัญหาของการคุย คือ เจอศัพท์แสลงเยอะไปหน่อย เพราะแต่ละประเทศก็มีศัพท์แสลงไม่เหมือนกัน) ตอนเย็นเลยชวนกันไปดูหนัง เรื่อง Avatar ส่วนเราขอบาย เพราะดูมาเรียบร้อยแล้ว หุ หุ ประหยัดไปได้หลาย ให้ดูอีกฝั่งหลังจากที่สองสาวเช็คเอ้าท์ออกไปแล้ว ส่วนอีกฝั่งก็......(อายค่ะ) จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 16:03:34

ความคิดเห็นที่ 58 กว่าจะจัดเตียงเสร็จ เกือบบ่าย 4 โมง รีบกางกระเป๋าเดินทางค้นของกินก่อน จาเปงลมแย้วววววว เมนูมื้อแรกเป็น บะหมี่สำเร็จรูป ไวไว คว้าได้ก็เดินลงไปห้องครัวเลยค่ะ ภาพบรรยากาศของห้องครัว & ห้องนั่งเล่น (1) จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 16:07:19

ความคิดเห็นที่ 59 อุปกรณ์เครื่องครัว (Utensil) มีให้บริการ ทั้งเตาปิ้ง เตาอบ เตาไมโครเวฟ เตาแก๊ซ เครื่องต้มน้ำร้อน จาน ชาม แก้ว ช้อน ส้อม มีด ตะหลิว กระทะ หม้อ (สารพัดขนาด) แถมด้วย เสบียงกองกลาง (Free Food) ซึ่งบางคนซื้อมาแล้วไม่แบกกลับ ก็เอามาไว้ที่ชั้น ถ้าเป็นพวกขวดซอสหรืออาหารสด ก็อยู่ในตู้เย็น จะมีป้ายเขียน Free Food แปะอยู่ สามารถหยิบมาใช้ได้ตามสะดวกเลยจ๊ะ ใช้เสร็จแล้วก็จัดการเก็บล้าง ทำความสะอาด เช็ดให้แห้งแล้วเก็บให้เรียบร้อย มีน้ำยาล้างจาน แปรงขัดหม้อ แล้วผ้าเช็ดวางไว้ให้บริการตัวเอง ภาพบรรยากาศของห้องครัว & ห้องนั่งเล่น (2) จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 16:14:56

ความคิดเห็นที่ 60 ตรงส่วนนี้จะเป็นชั้นสำหรับวางกระเป๋าเสบียง ต้องเขียนชื่อ หมายเลขห้อง และวันที่เช็คเอ้าท์ติดไว้ด้วย หรือถ้ามีอาหารสด ขวดซอส ที่ต้องแช่ตู้เย็น ก็ต้องแปะไว้เหมือนกัน เพราะจะมีป้ายประกาศทำความสะอาดแจ้งไว้ ว่าของในตู้เย็นและชั้นวางของจะถูกเคลียร์ในวันที่เท่าไร เวลาอะไร ป้ายสติ๊กเกอร์ จะเป็นสีเขียวสะท้อนแสง ลองสังเกตุจากภาพที่แล้ว มีแขวนไว้ใต้เครื่องต้มน้ำร้อน YHA ทุกแห่งใช้สติ๊กเกอร์แบบเดียวกันหมดเลยจ๊ะ ภาพบรรยากาศของห้องครัว & ห้องนั่งเล่น (3) จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 16:20:26

ความคิดเห็นที่ 61 มีห้องบริการอินเตอร์เน็ตด้วย ชั่วโมงละ 5 NZ$ แต่ถ้ามี Laptop ก็ซื้อชั่วโมง Wireless Internet ได้ หากไปใช้บริการ Internet Cafe ชั่วโมงละ (เริ่มต้น) 1 NZ$ เองจ๊ะ ภาพบรรยากาศของห้องครัว & ห้องนั่งเล่น (4) มีชั้นวางเอกสารการท่องเที่ยวให้หยิบฟรี จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 16:30:35

ความคิดเห็นที่ 62 ก่อนจะพาออกไปเที่ยวชมเมือง มาคั่นด้วยการใช้อินเตอร์เน็ตในที่พักกันก่อนนะค่ะ โดยเฉพาะเราที่โดนหมายหัวไว้ เพราะหนีเที่ยว ดังนั้นจึงต้อง laptop ติดมาด้วย สำหรับ YHA ทั่วนิวซีแลนด์ และโรงแรมบางแห่ง ที่มีป้าย Wireless Hotspot คุณสามารถซื้อชั่วโมงแล้วนำไปใช้ได้กับ YHA ทุกแห่งเลยทีเดียว ซึ่งมันจะทำการค้นหาโดยอัตโนมัติเมื่อเปิด wireless ด้วย อัตราค่าบริการก็มีแบบชั่วโมง วัน เดือน แล้วก็แยกย่อยเป็นจำนวนข้อมูลที่ทำการดาวน์โหลด เพียงต่อ wireless เลือกช่องสัญญาณ YHA จากนั้นก็กดหน้า IE ขึ้นมา จะได้เป็นหน้า Homepage www.yha.co.nz ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะการทำ booking และดูข้อมูลเฉพาะ YHA ได้เท่านั้น เมื่อกดพิมพ์หน้า website อันอื่น มันจะออโต้ขึ้นมาที่เว็ป iacwifi.co.nz เลือกคลิ๊กที่ New Register ทำการใส่ login และ password (ตั้งเองได้เลย) จากนั้นก็เลือกซื้อชั่วโมงตามความต้องการ ชำระโดยตัดผ่านบัตรเครดิตค่ะ ดูจากในตารางเลยค่ะ สำหรับคนที่คาดว่าจะเดินทางเกิน 1 สัปดาห์และต้องใช้อินเตอร์เน็ต ก็ซื้อแบบ 1 เดือน รุ่น 2000 MB ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เท่ากับค่าอินเตอร์เน็ตแค่วันละ 1 เหรียญกว่าๆ เท่านั้นเอง คุ้มมากๆ (เคยเสียค่าชั่วโมงละ 5 NZ$ ใช้ได้ 1 ชม. แพงมากๆๆๆ ต้องเปิดทุกเว็ปแล้วโหลดพร้อมกันหมดทีเดียวเลย เอาให้คุ้ม) จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 00:54:03

ความคิดเห็นที่ 63 ละเอียดสุด ๆๆ เก่งมาก ๆเลยค่ะ ให้ 3 กีบเลยค่ะ จากคุณ : ซี-love เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 23:13:19

ความคิดเห็นที่ 64 โอ้ว โฮ สุดยอดเลยคะ ละเอียดมากเลยคะ มีประโยชน์กับเพื่อนๆๆมากเลยคะ แอนนี่เคยไปมาแล้วเมื่อเดือนสิงหาคะ แอนนี่ไปกับทัวร์ หมดไปคนละแสนค่าทัวร์ เที่ยวเกาะเหนือ เกาะใต้ แต่ความทรงจำมีน้อยนิดมากคะ เพราะไปกับทัวร์ สบายไป ไม่ได้คิดไม่ต้องทำไร จ่ายตังค์ เตรียมกระเป๋า แล้วก็เดินทาง พอไปถึง แอนนี่ก็ นั่งรถ หลับตลอด ตื่นมาลงไปเที่ยวแป๊บเดียว ขึ้นมานั่งรถอีกแระ แต่พอเห็นรีวิว อันนี้ โอ๊ะ โอว เจ้าของกระทู้ สุดยอดดดดดดด   น่ารักมากๆๆๆๆ ที่เผื่อแผ่ข้อมูลให้เพื่อนๆ อยากเห็นรูป จัง ตอนแอนนี่ไป ฝนตกด้วยคะ ไคร้สเชิ้ต ไม่ได้ถ่าย กับโบสถ์เลยคะ จากคุณ : anniebenze เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 22:00:09

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ ไดมอน ไปยุโรปมาอะยังคะ อยากเห็นรีวิว ยุโรปจัง แอนนี่จาไปเดือนเมษาคะ อยากเห็นรีวิว จังเลยคะ จากคุณ : anniebenze เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 22:01:41

ความคิดเห็นที่ 66 ต้องขออภัยที่มาอัพข้อมูลช้านะค่ะ เพิ่งกลับจากดูไบเมื่อเช้านี้ เหนื่อยมากๆ ง่วงสุด ช่วงนี้เริ่มพอจะว่างแล้วเดี๋ยวจะมาใส่ข้อมูลให้ต่อค่ะ ตอบคุณ anniebenze ไปมาบ้างค่ะ แต่ถ้าจะให้ review คิดว่าคงจะทำหลังจากเสร็จนิวซีแลนด์ก่อน ส่วนประเทศที่คิดจะนำเสนอคงเป็นโรมาเนีย เพราะเพิ่งกลับมาตอนเดือนพฤศจิกายน 2009 ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านกันนะค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 19:23:34

ความคิดเห็นที่ 67 (( ยังรออ่านอยู่นะคะ )) จากคุณ : Dalki & Subak เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 23:26:01

ความคิดเห็นที่ 68 ตั้งตารออยู่น่ะค่ะ เข้ามาเก็บข้อมูลจะไปนิวซีแลนด์ช่วงเมษานี้ค่ะ ^-^ จากคุณ : heY i'm Here !!? (heY i'm Here !!?) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 53 16:24:41

ความคิดเห็นที่ 69 กำลังจะไปเองเหมือนกันค่ะ ข้อมูลเป็นประโยชน์มากๆ เพราะไม่มีใบขับขี่สากลเหมือนกันค่ะ แหะๆ จากคุณ : ถั่วแดงต้มโมจิ เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 53 21:58:46

ความคิดเห็นที่ 70 น่ารักมากกกกกกกกก สุดยอดเลยคะ กระทู้ มีประโยชน์มากมาย แอนนี่ไปมาแล้ว ยังเข้ามารออ่านอีก อ่านแล้วสนุก ยังรอติดตามอยู่นะคะ จากคุณ : anniebenze เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 13:25:49

ความคิดเห็นที่ 71 หลังจากที่ดองงานมาเป็นอาทิตย์ แถมหนีไปเที่ยวอีก ข้าน้อยต้องขออภัยอย่างแรง ตอนนี้ก็มีเวลาได้มาอัพข้อมูลกันต่อแล้วจ๊ะ ตกค้างตั้งแต่เรื่องที่พัก ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนกันเลย รอบนี้ก็มาต่อกันด้วยรูปภาพอีกหน่อยดีกว่าค่ะ จากที่พัก YHA เมื่อเดินออกมาทางด้านซ้ายมือ กลับเข้าสู่ถนน Queens Street จะเห็นมหาวิทยาลัยโอตาโก (University of Otago) เด่นเป็นสง่าเลย รับรอง เดินกลับมาไม่มีหลง มหาวิทยาลัยแห่งนี้ชื่อคล้ายกับ Otago University ที่เมืองดูนิดิน แต่ University of Otago ที่นี่เป็นสถาบันที่รับนักศึกษาเพื่อเรียนต่อปริญญาตรี และมีคอร์สภาษา ส่วนที่ Otago University, Dunedin เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศนิวซีแลนด์ มีอายุกว่า 150 ปี แถมยังเป็นแหล่งสะสมนักศึกษาระดับปริญญาเอกอีกด้วย (มหาวิทยาลัยในฝันของเราเลยละ) จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:09:34

ความคิดเห็นที่ 72 วิวตึกสวยๆ บนถนน Queens (1) มีท่านใครรู้บ้างว่า ตึกที่เห็นในภาพ เป็นตึกอะไรเอ่ย.... จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:12:46

ความคิดเห็นที่ 73 เดินเรื่อยมาตามถนน ระหว่างทางก็แชะป้ายรถเมล์ซะหน่อย เวลามีคนมารอจะได้รู้ว่า รถเมล์สายที่ต้องการ รออีกนานแค่ไหน อันที่จริงบ้านเราก็มีนะ แต่มีแค่เป็นบางจุดใหญ่ๆ เท่านั้นเอง ค่านั่งรถเมล์ภายในเมือง City Area 0.50 NZD (ถูกมากๆ เลย) เวลาขึ้นไปก็ชำระเงินกับคนขับ แล้วจะได้รับตั๋วใบยาว ๆ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:16:42

ความคิดเห็นที่ 74 บรรยากาศในวันคริสต์มาส บอกได้คำเดียวว่า เหงาโครตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (T_T) ร้างผู้คนสุดๆ นึกว่าตัวเองกำลังเล่นเกมส์ Resident Evil ซะแล้ว จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:18:49

ความคิดเห็นที่ 75 อุตส่าห์มีคุณลุงซานต้าด้วย อันนี้เป็นห้างดังของอ๊อคแลนด์เลยเชียวนะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:20:17

ความคิดเห็นที่ 76 อีกฝากฝั่งตรงข้ามกับห้าง Whitcoulls จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:22:09

ความคิดเห็นที่ 77 ทางลง Subway เสียดายไม่ได้เข้าไปลองใช้บริการ เลยถ่ายให้มาเห็นแค่นี้เอง ส่วนลูกกลมๆ สีแดง อันที่เห็นด้านข้าง นั่งมองอยู่นานก็ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของคนสร้างเลย มันสวยตรงไหนหว่า (^__^)a จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:26:17

ความคิดเห็นที่ 78 รูปปั้นใครอีกละเนี้ยะ หล่อไม่เสร็จเลย 5 5 5 5 มาทายกันดูซิว่าตึกสีเหลืองที่เห็นข้างหลังคือตึกอะไรเอ่ย......ตอบได้รับ Gift ไปเลย (แบบว่าไม่ค่อยจะลงทุนอ่ะ) จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:33:23

ความคิดเห็นที่ 79 เดินข้ามถนนทะลุตึกสีเหลืองส้มเข้ามาก็มาเจอกับป้ายอันนี้ เฉลยจ้า....... จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:34:36

ความคิดเห็นที่ 80 อันนี้ก็ป้าย Terminal รถ Air Bus คันสีฟ้านี้แหละที่จะช่วยทุกท่านประหยัดค่าเดินทางเข้าออกสนามบินได้มากเลย ยิ่งถ้าไปแค่คนเดียวประหยัดยิ่งกว่า Super Shuttle ครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้จะไม่สะดวกสบายชนิดจอดถึงประตู แต่สบายกระเป๋าตังค์ไปเยอะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:38:51

ความคิดเห็นที่ 81 เดินย้อนกลับเข้ามาในตึกสีเหลืองส้ม ลัดเลาะริมอ่าวกันหน่อยดีกว่า บริเวณนี้จะเป็นร้านอาหาร ผับ ต่างๆ สนนราคาก็แค่อดข้าวไปอีกเกือบอาทิตย์เท่านั้นแหละตัวเอง จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:40:46

ความคิดเห็นที่ 82 เดินเรียบริมอ่าว Quay Street ตัดเข้าสู่ถนน Hobson Street จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:53:28

ความคิดเห็นที่ 83 ขนาดบริเวณท่าเรือ น้ำยังใสแจ๋วได้ขนาดนี้เลย เห็นแล้วอิจฉาประเทศเค้าจริงๆ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:56:08

ความคิดเห็นที่ 84 มองแล้วสบายตา แต่ร้อนสุดๆๆ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:57:07

ความคิดเห็นที่ 85 ตอนแรกจะตอบ(เดา)ว่าเป็นตึกไปรษณีย์ละค่ะ.... จากคุณ : Dalki & Subak เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:24:28

ความคิดเห็นที่ 86 ใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปหาโบรชัวร์ส่วนลดได้ที่ไหน ก็เชิญแวะที่ I-Site ได้เลยจ๊ะ ส่วนเราขอแวะเข้าไปแช่แอร์อย่างเดียว กลางวันที่อ๊อคแลนด์ร้อนสุดๆๆ แดดแจ่มแจ๋ไปเลย จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 12:35:29

ความคิดเห็นที่ 87 เลย I-Site มาอีกหน่อยก็จะเจอ Voyager Maritime Museum ค่าเข้าชม (Admission prices) Museum entry     Adults  $16.00   Children  $8.00 Seniors/Students  $12.00 Family Pass  $32.00 Museum & cruise combo Adults  $26.00 Children  $13.00 Seniors/Students  $19.50 Family Pass  $52.00 Family Pass = 2 adults & 2 children or 1 adult & 3 children Cruise consists of :-)-hour Voyager Live heritage vessel sailing aboard our sailing scow, Ted Ashby. เราไม่ได้เข้าไปชมข้างใน เนื่องจาก งบประมาณไม่เพียงพอ (T__T) แต่เมื่อสามปีก่อน เคยมาล่องเรือใบที่นี่แล้ว รอบนี้เลยขอผ่าน จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 12:42:12

ความคิดเห็นที่ 88 มาถึงคำถามของจริง กันเลยดีกว่าค่ะ รูปที่เห็นในภาพ KZ1 หมายถึงอะไร และมีที่มาที่ไปอย่างไร หมดเขตรับคำตอบ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยงตรงค่ะ หมายเหตุ มี 1 รางวัลเท่านั้น สำหรับผู้ที่ตอบถูกต้องที่สุด และเร็วที่สุดนะค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 12:46:03

ความคิดเห็นที่ 89 หมดแล้วเหรอคะ มาต่ออีกนะ ตามอ่านอยู่ ชอบมาก ๆ ค่ะ ละเอียดดีจริง ๆ ตอบโจทย์ที่เราสงสัยได้หลายข้อทีเดียวค่ะ จากคุณ : erny เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 14:08:42

ความคิดเห็นที่ 90 วันนี้มาต่อด้วยการเดินทางภายในประเทศกัน ระหว่าง อ๊อคแลนด์ - ไครส์เชิร์ช - อ๊อคแลนด์ สายการบิน Air New Zealand (NZ) เป็นสายการบินแห่งชาติ ที่เราเลือกใช้บริการ ดังนั้นวันนี้ขอแนะนำเรื่องการเช็คอินซะหน่อย สายการบินภายในประเทศไม่มีชั้นธุรกิจนะค่ะ ส่วนที่นั่งก็เป็น 3 - 3 หรือ A B C - D E F ส่วนเรื่องราคาก็เป็นลำดับขั้น มีให้เลือกทั้งแบบถูกสุดๆ จนถึงแพงตามปกติ ยิ่งราคาถูก ก็เงื่อนไขเยอะ หากมีการเปลี่ยนแปลง ก็เสียค่าใช้จ่ายเยอะตามไปด้วย ดังนั้นถ้าไม่มั่นใจ ก็ต้องยอมจ่ายแพงอีกนิดจะดีกว่า ขั้นตอนการจองก็เหมือน จองตั๋วผ่านเว็ปไซต์ตามปกติทั่วไป http://www.airnewzealand.co.nz เลือกไฟลท์ จะ One Way หรือ Return เช็คราคาและเงื่อนไขให้ชัวร์ก่อน จากนั้นก็จ่ายเงินโดยการตัดบัตรเครดิต แล้วก็ได้อีเมล์ยืนยัน จากนั้นก็คลิ๊กเข้าไปดูได้โดยจะมีไฟล์เอกสารแนบมาให้ เป็น PDF แต่เตือนไว้ก่อนนะค่ะ สำหรับผู้ที่ใช้ Acrobat รุ่นเก่า จะไม่สามารถเปิดได้นะค่ะ ต้องเป็นรุ่น 8 ขึ้นไปแล้ว (ตอนแรกก็งงว่าทำไมเปิดอ่านไม่ได้ ต้องไปไล่เช็คดูถึงบางอ้อเลย ต้องไปหาดาวน์โหลดตัว Reader Version ล่าสุดมาใช้ชั่วคราว) มาถึงขั้นตอนนี้ ยังไม่ต้องรีบ Print ออกมานะค่ะ เก็บ Save ลงเครื่องไว้ก่อน เพราะยังมีขั้นตอนการจองที่นั่งอีก เมื่อคลิ๊กเปิด website ผ่านเข้าไปในหน้า Default.htm เลื่อนลงมาข้างล่างสุด จะเห็นกล่องด้านซ้ายมือ Manage bookings เลือกระหว่าง Seat request และ View, change or cancel booking Booking reference : ใส่รหัส 6 ตัวอักษร เช่น JQGWRH Family name : เฉพาะนามสกุล หากเลือก View, Change or cancel booking ก็จะมีช่องเพิ่มให้ใส่ Email address และ Phone number จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไป หน้าถัดมาก็จะขึ้นเป็น รูปแผนผังที่นั่งบนเครื่อง ก็ให้คลิ๊กเลือกที่นั่งที่ต้องการได้เลย ย้ายไปย้ายมาจนมั่นใจแล้วก็กด Send Confirmation Email เป็นอันเสร็จขั้นตอน จากนั้นก็รอรับ Email ยืนยัน เรียกว่า Boarding Pass ในรูปแบบ PDF เช่นเดิม หน้าตาตามตัวอย่างเลย ช่องแรกเป็น E-Ticket เมื่อได้รับ email ยืนยันครั้งแรก ซึ่งจะมาพร้อมใบเสร็จรับเงิน 316 NZD สำหรับ Roundtrip 2 คน ตกคนละ 158 NZD x 22.05 THB = 3,488.64 บาท (ถูกกว่าซื้อตั๋วภายในประเทศของไทยซะอีก) และเมื่อทำจองที่นั่งเรียบร้อย ก็จะได้รับ Email พร้อม File PDF ซึ่งจะมีข้อมูลพร้อม น้ำหนักของกระเป๋า เวลาที่ต้องเช็คอิน เวลาเครื่องออก เวลาถึงจุดหมาย และหมายเลขที่นั่ง จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:29:08

ความคิดเห็นที่ 91 เมื่อได้รับ Boarding Pass แล้วก็จัดการ Save ลงเครื่องเช่นเดิม รอเอาไปรวมกับใบจองอื่นๆ แล้วค่อย Print Out ทีเดียวจะได้ไม่หลุดหาย (แบบว่าประหยัดกระดาษที่สุด) แต่หากสมมุติว่าถึงวันเดินทางแล้ว ดันลืม Print มาก็ไม่ต้องตกใจ เพราะการเช็คอินของ NZ นั้น ง่ายแสนง่าย ไม่มีเอกสารตั๋วเครื่องบินก็เช็คอินได้เช่นกัน มาดูในส่วนขั้นตอนการทำ Self Check in at Kiosk กัน อันดับแรกเลย เมื่อเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ หันซ้ายมือได้เลยค่ะ สำหรับเคาน์เตอร์ Air New Zealand จะมีเคาน์เตอร์สำหรับทำเช็คอินกรุ๊ป ให้เดินผ่านเลยไปอีก จะเห็นเป็นตู้ๆ ตามมุม เรียงรอบเสา โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนกระจายคอยให้การช่วยเหลือ ซึ่งในส่วนนี้นักท่องเที่ยวต้องจัดการเช็คอิน ติด Tag กระเป๋า และยกกระเป๋าไปส่งให้เจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง ตามไปเช็คอินกันเลยค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:51:01

ความคิดเห็นที่ 92 มองหาช่องว่างเจอแล้วก็ยกกระเป๋าเข้าไปเลยค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:52:39

ความคิดเห็นที่ 93 ตรงนี้เป็นช่องสำหรับชั่งน้ำหนักกระเป๋าค่ะ พยายามอย่าให้เกิน 25 Kg. นะค่ะ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:55:22

ความคิดเห็นที่ 94 หลังจากชั่งครั้งแรก น้ำหนักได้ 28 Kg. ดังนั้นจึงต้องย้ายของบางส่วนมาใส่เป้ แล้วจึงชั่งอีกครั้ง โอ้...พระเจ้าจอร์จ...!!!~ (^__^) ~ จากคุณ : D@iMond (Phetcharat-N) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:56:51