|
ความคิดเห็นที่ 70 |
ความเห็นส่วนตัว กับการเที่ยวรอบนี้
1. ถ้าทำได้ จัดตารางเที่ยวล่วงหน้า ศึกษาข้อมูลเยอะ ๆ จะเที่ยวได้เร็วและง่ายค่ะ
2. หน้าหนาว : เตรียมเสื้อผ้าติดตัว 1 ชุด, ติดเป๋าซัก 1-2 ชุด ถ้าอยากแฟชั่น ไปซื้อเอาที่ญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่จะเซลล์ทั้งนั้น แต่โดยรวม ด้วยค่าเงิน ซื้อที่ไทยก็ถูกกว่าค่ะ แต่ที่ญี่ปุ่นได้แฟชั่นแน่นอน
*** แฟชั่นกันหนาวสไตล์เกาหลี ไม่ได้มีโผล่ที่ญี่ปุ่นเท่าไหร่นะคะ ญี่ปุ่น แต่งตัวสไตล์ของเค้ามาก ๆ และไม่ค่อยจะซ้ำกันด้วย สาว ๆ สวย ๆ แต่งตัว ดี แต่งหน้าเก่ง ๆ เยอะ มาครั้งนี้ รู้สึกเจอผู้หญิงญี่ปุ่นสวย ๆ เยอะมาก
3. เลกกิ้ง , รองเท้าบู้ท : เอาติดตัวมาแค่อย่าละ 1 ชิ้นพอค่ะ เพราะที่ญี่ปุ่นมีให้เลือกเยอะกว่ามาก และมีลายเยอะแยะ รวมถึงบู้ท เราเจอต่ำสุดที่ 980 yen ไล่จนแพงขึ้นไป แต่ราคาระดับล่าง ก็ได้บู้ทสวย ๆ ใส่สบายแล้วค่ะ อย่างในหลายภาพ บู้ทยาวสีน้ำตาลตอกหมุดที่เราใส่ ราคา 1000 yen นะคะ หาซื้อได้ทั้งในห้าง , ช็อปปิ้งอาเขตที่ชิบุย่า , ฮาราจูกุ และใน ameyoko ค่ะ
4. กระเป๋าสะพาย/กระเป๋าแบ่ง 1-2 คืน : แนะนำให้พกติดที่ใบน้ำหนักเบา แข็งแรง และจุดของได้เยอะ เราอยากแนะนำแบรนด์ไทยอย่าง Naraya ค่ะ เพราะก่อนเดินทางเราไปซื้อมาเพิ่ม 2 ใบ ใบติดตัวสีดำ กับใบค้าง 1 คืนน้ำตาล มันดีมาก เพราะเบา และทน แบบก็เก๋ หิ้วได้น่ารัก ๆ เลยค่ะ แถม เวลาจะหิ้วของขึ้นเครื่องบิน ยังจุได้เยอะด้วย ไม่ใช้ก็พับเก็บในเป๋าลากได้
5. ครีมต่าง ๆ : ครีมทาผิว กันแดด พกไปเลยค่ะ หากจะพึ่งแบรนด์อย่าง Anessa , Allie ที่นี่เราคำนวณ ดันราคาแพงกว่าที่หิ้วมาขายในเน็ตค่ะ แต่ถ้ากันแดดของบิโอเร ก็ถูกกว่านิดหน่อย
มาหน้าหนาว แนะนำให้พกครีมทาผิวกาย และครีมทามือพกพาไปด้วยนะคะ เพราะครีมทามือราคาที่นี่จะแพงค่ะ ประมาณ 980 - 1500 yen แต่ควรจะมีติดไว้ เพราะหนาวมาก ๆ มือจะแสบ และอาจถลอกถ้าล้วงของในกระเป๋าหรือกระแทกอะไรค่ะ เลือดจะซิบ ๆ เอา
6. ผ้าพันคอ/ถุงมือ : ถ้าหาซื้อได้ในไทยได้ราคาต่อชิ้นไม่เกิน 300 บ. ก็ซื้อค่ะ แต่ถ้าแพงกว่านั้น เช่น เกิน 500 - 1000++ บาท มาซื้อที่ญี่ปุ่นค่ะ มีให้เลือกเยอะมาก สวยด้วย
7. ถ้าจะเล่นสโนว์บอร์ด/สกี : แนะนำให้ซื้อผ้าปิดปาก-จมูกค่ะ อย่าลืมพกผ้าพันคอไปด้วย เพราะจะช่วยกันละอองหิมะไม่ให้เข้าปาก จมูก และคอได้ดีมาก ไม่งั้นเราจะเย็นค่ะ
8. Kawaguchiko : ต้องเป็นคนที่รักในความสงบ และเดินอดทนค่ะ เพราะถ้าถึ่งบัสไม่ได้แล้ว เท้าเท่านั้นที่ช่วยคุณได้ ถ้าตกกลางคืนแล้วไม่มีกิจกรรมอะไร (อย่างเราไปยังมีพลุ) จะเงียบเหงามากเลย
***** Oshino Hakkai เช็คเวลาเดินรถบัสขากลับให้ดีนะคะ -__-"
9. ถ้าพักแถว Ueno : อย่ามองข้ามสถานที่ซื้อ กิน เที่ยวในละแวกนี้ (เหมือนเรา) ในวันแรก ๆ บ้างนะคะ เพราะมีของดี ของถูก โดยที่เราอาจ ไม่ต้องไปซื้อถึง shibuya harajuku ค่ะ
10. ถ้าผ่านร้านขนม อาหารอะไรน่ากิน รีบ ๆ กินไปเถอะค่ะ บางทีเราอาจไม่ได้ย้อนกลับมาทางนั้น หรืออาจจะจำที่ตั้งไม่ได้แล้ว (เหมือนเราที่ไปแล้วไม่ได้กินเค้กซักแอะ T T)
11. จะซื้ออะไรจดราคาที่ไทย ไปเปรียบเทียบ จะได้ไม่กลายเป็นบินมาไกลแต่ดันได้ของแพงกว่าไทย หรือเท่ากัน ใช่มั้ย ?
12. โตเกียวบานาน่า ของฮิตของนักท่องเที่ยว ไม่เห็นอร่อยเลยค่ะ (สำหรับเรา) มีขายที่ JR Ueno แบบแยกชิ้นเดี่ยว ดีซื้อมาชิมก่อนไม่งั้นสอยยกกล่องกลับมาแน่
13. โตเกียวบานาน่า มีขายที่ Dutyfree Narita ค่ะ ไม่ต้องรีบหิ้วจากที่ไหนไป
14. ตู้กดบุหรี่อัตโนมัติ : สำคัญสำหรับนักดูดบุหรี่ เพราะต่างชาติไม่สามารถหยอดเหรียญซื้อด้วยตัวเองได้อีกต่อไป มันมีระบบตรวจบัตร ชื่อ "Taspo" เป็นบัตรที่คล้ายบัตรประชาชน ออกให้กับผู้ที่บรรลุนิติภาวะ สามารถซื้อบุหรี่ได้ เค้ามีระบบนี้ เพื่อกันเด็ก ๆ มากดซื้อเองค่ะ
ดังนั้น ต้องไปซื้อกับคนขายโดยตรงนะคะ
15. รถไฟ รถบัส ที่ญี่ปุ่นตรงเวลามากค่ะ มาช้าเพียงนิดเดียวอาจตกรถได้
16. ตู้ล็อกเกอร์ : ถ้าตามสถานีฮิต ๆ อย่าง shinjuku , shibuya , harajuku มันเต็ม เสียเวลาอีกนิด ไปลงสถานีที่มีแต่คนพักอาศัย จะเจอตู้ว่าง ๆ เพียบค่ะ
17. ตม. ญี่ปุ่นไม่มีอะไรให้น่าห่วงนะคะ ยื่นพาสปอร์ต เค้าก็ไม่ถามอะไรซักอย่าง แค่บอกให้มองกล้อง แล้วสแกนลายนิ้วชี้ทั้ง 2 นิ้ว เท่านั้น แล้วก็ผ่าน ทั้งที่เล่มพาสปอร์ตเราอันนี้ เป็นเล่มใหม่ ไม่มีข้อมูลเก่าที่เคยเดินทางมานี่เลยด้วยซ้ำค่ะ
18. ด่านสำแดงภาษี เราไม่โดนอะไรนะคะ แฟนบอก แค่เราพูดญี่ปุ่นกับเค้าได้งี้ เทใจได้เกิน 50% เค้าจะยิ้มแย้มกะเรา แต่กรณีพูดไม่ได้ เราก็ว่ามันไม่มีอะไรอยู่ดี แต่ว่า ช่องข้าง ๆ เรา โดนให้เปิดกระเป๋าตรวจล่ะค่ะ -__-"
แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 53 17:23:00
จากคุณ |
:
nagoyalover
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.พ. 53 18:02:07
|
|
|
|
|