ความคิดเห็นที่ 1 |
|
ตอนที่ 2 น้ำตาลูกผู้ชายรินหลั่งครั้งแรก
หลัง จากที่ทั้งครอบครัวปรึกษากันแล้วว่าจะเปลี่ยนหมอ ผู้เป็นแม่ก็ตระเวนปรึกษาแพทย์ทั้งในและนอกประเทศ เท่าที่มีคนแนะนำว่าดี คำตอบก็คือ โอกาสรักษาได้มีน้อยมาก ทำให้ต้องชั่งใจมากว่าเอาไงดี แต่สุดท้ายทุกคนในครอบครัวก็เลือกที่จะรักษาต่อในประเทศ เพราะอย่างน้อยลูกรู้สึกอบอุ่นกว่า
ตั้งแต่รู้ว่าตนเองเป็นมะเร็ง ลูกจะตื่นมาสวดมนต์ทุกเช้าและไปใส่บาตรทุกวัน เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร คืนแรกของการตัดสินใจเปลี่ยนหมอ เป็นคืนที่แม่ลูกนอนกุมมือกัน เมื่อมองหน้ากัน ลูกก็ร้องไห้โฮออกมาเลย นั้นเป็นครั้งแรกที่ผู้เป็นแม่ร้องไปกับเค้าด้วย ผู้เป็นแม่บอกกับลูกว่า
"ร้องให้เต็มที่เลยลูกมีอะไรปล่อยออกมาให้หมด" แล้วก็นอนกอดลูก ให้ลูกนอนหนุนตัก
"หม่าม้าครับ ผมอยากเลี้ยงดูหม่าม้า ตอนที่หม่าม้าแก่เฒ่า ทำไมผมอายุแค่นี้เอง ต้องเป็นโรคนี้ด้วย"
คนเป็นแม่เมื่อได้ฟังลูกพูดก็สะเทือนใจ มิเสียแรงที่สอนให้ลูกรู้จักกตัญญู หนูจำที่อากงสอนได้ไหม
ไม่ มีคำว่าทำไม พระพุทธองค์ทรงสอนว่าในโลกนี้ อะไรที่เกิดขึ้นมีเหตุ ก็ต้องมีผล มนุษย์เรามีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ แรงกรรมส่งเรามาเกิด สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อะไรเกิดเป็นผลย่อมมีเหตุปัจจัย คนเราแต่ละคนเกิดมาแล้วไม่รู้ว่ากี่พันชาติ ในอดีตก็ไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรกันไว้ เจ้ากรรมนายเวรของเราก็ไม่รู้ว่ามีอยู่กี่คน พุทธองค์จึงทรงสอนว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เมื่อเกิดแล้วขอให้ใช้ความสงบ ความมีสติ สยบความวุ่นวาย หันหน้าเข้าแก้ไขตามสภาวะแห่งความเป็นจริง แก้ไขได้เท่าไหร่ เอาแค่นั้น ในเมื่อมันเกิดมาแล้วเราก็ต้องรักษามันตามอาการ อย่าเพิ่งไปปรุงแต่งจนมันเลวร้ายไปหมด
เมื่อเราเปลี่ยนหมอ กายเราป่วยได้ แต่ใจเราห้ามป่วย เราต้องยอมรับความจริง และเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อเรามองดูตัวเรามีอะไรเป็นของเราบ้าง ผม ขน เล็บ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีอยู่ก็เหมือนไม่มี เราบังคับมันไม่ได้ บอกให้มันไม่เจ็บก็ไม่ได้ ไม่ให้แก่ก็ไม่ได้ สุดท้ายร่างกายนี้ก็ต้องเน่าเปื่อย แต่วิญญาณเท่านั้นที่ไม่ได้ตายไปตาม ร่างกาย หากมีเชื้อกิเลสอยู่ ก็จะกลับมาเกิดใหม่ อยู่กับกรรมที่เราเป็นทายาท
ผู้ เป็นแม่พยายามที่จะสอนธรรมะให้ลูกเพื่อให้เค้าไม่กังวลมาก เพราะเค้ารู้สึกว่า ตนเองนั้นไม่เคยสูบบุหรี่เลย แต่กลับต้องมาเป็นมะเร็งปอด ด้วยวัยเพียง 20 โลกของเค้ากำลังสดใส มีแต่ความสวยงามและสนุกสนาน คำสอนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ปลอบใจลูกเท่านั้น แต่รวมถึงใจแม่ด้วย ผู้เป็นแม่ต้องอยู่กับลูกตลอดเวลา เพราะพ่อต้องไปทำงานหาเงิน แม่จึงต้องเป็นผู้ที่เห็นและรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งเห็นความทรมานของลูกด้วย เวลาอยู่ต่อหน้าลูกต้องเข้มแข็ง อ่อนแอไม่ได้ แม้แต่เวลาอยากจะร้องไห้ ต้องแอบร้องในห้องน้ำตอนที่อยู่คนเดียวเพราะไม่ต้องการ ให้ลูกใจเสีย แม้ขณะที่กอดลูก เอามือลูบหัวที่ตอนนี้ไม่มีผมเหลืออยู่แล้ว
"ทุกวันนี้ผมก็ตักบาตร สวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน ทำไมก้อนเนื้อมันยังโตขึ้นอีก"
" การตักบาตรก็เป็นการให้ทานอย่างหนึ่ง เป็นการสะสมเสบียงบุญ สะสมไปเรื่อยๆ ทำเพียงไม่กี่วันจะให้เห็นผลทันตาได้ไง การสวดมนต์นั่งสมาธิ เป็นการฝึกจิตให้มีสติ ทุกวันนี้หม่าม้าเห็นลูกร่าเริง ไม่หงุดหงิด ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ ก็พอใจแล้ว ก้อนเนื้อจะเล็กลงหรือไม่อยู่ที่หมอรักษา ส่วนเรื่องเลี้ยงดูหม่าม้า ก็ไม่ต้องห่วง หม่าม้าอายุยังไม่มากดูแลตนเองได้ น้องก็อยู่ หนูไม่ต้องกังวล ทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุดนะลูก"
"แล้ววันนี้ของผมเหลืออีกกี่วัน ผมอยากรู้นัก" พูดพร้อมน้ำตาที่พยายามหยุดมันไว้
" ไม่มีใครรู้ว่าวันนี้ของเราเหลือเท่าไร อาจจะเหลือแค่หนึ่งลมหายใจ เหลือวันเดียว ปีหนึ่ง หรือ 10ปี ก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ลูกอยากทำอะไรทำเลย แต่ต้องทำในสิ่งที่ไม่ทำให้ตนเอง คนรอบข้างและสังคมเดือดร้อน ถ้าทำแล้วมีความสุข ทำเลย "
ผู้เป็นแม่พยายามกั้นน้ำตาพูดกับลูก พยายามไม่ให้มีเสียงสะอื้นหรือไม่ให้เสียงสั่น รู้สึกผิดที่ผ่านมา
" ฉันเลี้ยงลูกอยู่ในกรอบ และมาตรฐานของตนเองในการเลี้ยงลูก พยายามให้เรียนในสิ่งที่ตนเองอยากเรียนแต่ไม่มีโอกาสได้เรียน โดยไม่คำนึงถึง ความพร้อมหรือความถนัดของเค้าเลย ลูกต้องเรียนโรงเรียนดีๆ มีชื่อเสียง ทำทุกอย่างเพื่อลูก เพราะรักลูก ต้องการให้ลูกมีอนาคตที่ดี แต่ฉันทำพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะฉันไม่ได้คิดถึงหัวใจน้อยๆของเขา ที่เขาต้องฝืนทำในสิ่งที่เค้าไม่ชอบ ต้องเจ็บปวดเวลาที่เค้าอยากดูรายการฟุตบอล แล้วฉันห้ามไม่ให้ดู เพราะกลัวเค้าติดการพนัน ลูกอยากจะเล่นฉันก็ห้ามเพราะกลัวเค้าเกิดอุบัติเหตุ ไม่ยอมติดเคเบิลเพราะไม่อยากให้เค้าได้ดู ทั้งๆ ที่ลูกเป็นเด็กดีเชื่อฟังทุกอย่าง ที่ผ่านมาฉันทำร้ายจิตใจเค้าโดยไม่เคยนึกถึงเลย"
ผู้เป็นแม่เฝ้าถามตนเองว่า "สายไปหรือเปล่าที่จะให้ลูกเป็นอย่างที่เค้าต้องการ ให้เค้าสุขอย่างที่เค้าชอบ"
นอก จากหนังสือธรรมะ ก็ได้ ซีดีตลก เป็นร้อยตอน เพื่อที่จะนั่งดูกันแม่ลูก เล่นเกม เล่นเปียโน คุยโทรศัพท์กับเพื่อน เค้ายังหวังอยู่เต็ม 100 ว่าเค้าจะหายและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติกับเพื่อนๆ ที่เค้ารักและรักเค้า
จากคุณ |
:
แย้มยิ้ม (ลมหายใจสีชมพู)
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.พ. 53 03:41:16
|
|
|
|