dear winter wind and gypsy moon : 01 วันหยุด
|
|
13 มีนาคม 2553 ตอนเย็น ๆ ป่าไพศาลี
ถึงคุณสายลมเย็นและคุณจันทร์พเนจร
สวัสดีคุณคุณทั้งสอง สบายดีไหม? ตอนนี้ผมสบายดี กำลังนอนเอกเขนกอยู่ในเปลที่ระเบียงหน้าบ้านพัก วันนี้อากาศที่นี่ร้อนมาก ผมเบื่อ ๆ ไม่อยากทำงานเลยประท้วงด้วยการลงไปสั่งงานกับลูกน้องตอนเช้าและไม่ลงไปติดตามอีกเลย เอาแต่หลับอุตุอยู่ใต้พัดลมที่หมุนแหง่ว ๆ อยู่บนเพดาน ตื่นขึ้นมาก็อ่านหนังสือ ตาลายก็หลับลงไปใหม่ แต่วันนี้ก็อ่าน เด็กชายจากดาวอื่น- ของวาวแพร หรือคุณมกุฏ อรดี จนจบไปเล่มหนึ่ง คืนนี้ว่าจะอ่าน -การผจญภัยของ เชอร์ลอคโฮมส์- ต่อ พอแก่ตัวลงก็ไม่รู้ว่าเป็นยังงัย ผมชอบอ่านหนังสือเด็ก หรือจะเป็นเพราะผมอยากมีครอบครัวและอยากมีลูกหรือเปล่าก็ไม่รู้
เมื่อวานผมไปรื้อกล่องหนังสือที่รอลงทะเบียนเข้าห้องสมุดของที่ทำงาน เจอหนังสือดี ๆ หลายเล่ม เลยหอบเอามาไว้อ่านที่บ้านพักก่อน หนังสือดี ๆ อยู่ในกล่องเฉย ๆ ก็เปล่าประโยชน์ เลยเอามาอ่านดีกว่า คาดเดาเอาว่าเป็นหนังสือเก่า ๆ ของพี่สาวหัวหน้า ที่เคยสอนวิชาภาษาไทยอยู่ที่เตรียมพัฒน์ฯ ก็เดาเอานะ --- นาน ๆ ได้อ่านหนังสือต่อเนื่องจนจบก็ดีเหมือนกัน เพราะทุกวันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า ลงไปทำงานสู้แดดสู้ลมอยู่ในสวน คุมคนงานเตรียมแปลงปลูกต้นไม้ เตรียมพื้นที่ก่อสร้างอาคาร เตรียมสารพัดสารพันแล้วแต่หัวหน้าจะสั่งการมาอีกที มืดลงก็หมดแรงหลับแต่หัวค่ำแล้ว ที่ตั้งใจจะอ่านจะเขียน ก็เลยไม่มีเวลาทำ เนตก็ไม่อยากใช้ สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดี แต่ก็ต้องเปิดบ้างเพื่อติดต่องานกับอ๊อฟฟิสเชียงใหม่ ไอ้ที่เขาพูด ๆ กันว่า ไม่มีเวลา มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
เย็น ๆ แดดล่มลมตกอย่างนี้ก็ ออกมาทิ้งกายลงนอนเปลที่ระเบียงหน้าบ้านพัก แกว่งไปแกว่งมา สายลมพัดเอื่อย ๆ ดูกระรอก กระแต นก หนู มันวิ่งเล่นอยู่บนกิ่งบนคบไม้ ก็เพลินใจดี
แปลกใจไหมที่ผมเขียนถึงคุณ ผมคิดจะเขียนถึงคุณอยู่นานแล้ว แต่ก็ไม่ได้เริ่มต้นเสียที แต่คุณรู้ไหมอะไรที่ทำให้วันนี้ผมตัดสินใจเขียนถึงคุณได้จริงๆ ถ้าจะบอกว่าเพราะเสียงร้องระงมก้องป่าของนกนานาชนิดที่นี่ที่ทำให้ผมคิดถึงคุณจนจับใจ คุณจะเชื่อผมไหม? --- ไม่น่าเชื่อนะ ผมก็คิดอย่างนั้น แต่ก็เป็นเพราะพวกมันจริง ๆ เวลาผมมีความสุข ผมก็อยากให้คุณมีความสุขด้วย จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผมจะอยากให้คุณมานอนฟังเสียงนกร้องระงมป่าอยู่ข้าง ๆ ผม ในเมื่อทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมก็เลยอยากเขียนมาเล่าให้คุณฟัง เล่าโน่น เล่านี่ ตามประสาผม
ตั้งแต่ผมหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ที่สวนรุกขชาติ ๑๐๐ ปี กรมป่าไม้ ที่บ้านซับสมบูรณ์แห่งนี้ นับดูก็เข้าเดือนที่หกแล้วหล่ะ แม้ห้าเดือนที่ผ่านมาผมจะแห้งกรอบเหมือนป่าไพศาลีหน้าแล้ง เพราะผมเองก็ยังไม่เคยได้เงินเดือนเลย แม้จะเคยบอกคุณว่าที่ผมตัดสินใจมาทำงานที่นี่ ผมไม่ได้เอาเงินเป็นที่ตั้ง แต่พอนานขนาดนี้เวลามีคนถามผมเรื่องนี้ก็ชักจะหวั่นไหวอยู่เหมือนกัน ก็ได้แต่ตอบกลับไปว่าผมอยู่ที่นี่เหมือนอยู่บ้าน อะไรที่จะทำให้บ้านน่าอยู่และดีขึ้นผมก็จะทำ ทุกวันนี้ที่อยู่ได้เพราะงานทางเชียงใหม่ที่ผมชิงปฏิเสธไปตอนที่ตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ ดีว่าพระเจ้ายังเมตตา ที่ทำให้เขายังตื๊อผมให้ทำงานอยู่ ทำงานให้ทาง -สถาบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน- มาตั้งแต่มกราคม ทำงานเฉลี่ยแล้วเดือนละหนึ่งอาทิตย์ แต่สามารถเลี้ยงชีวิตที่อยู่ที่สวนรุกขฯ ได้ทั้งเดือน แต่ก็เข้าใจนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นมันถึงฝืดเคืองอย่างนี้ ถ้าหลังจากนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดอีก ผมก็คงพอจะมีเงินซื้อที่ทางปลูกบ้านบนดอยแปลงเล็ก ๆ ได้ จะพยายามคิดต่อไปว่าอยู่ที่นี่ก็เหมือนอยู่บ้าน ถ้าผมอยู่ในป่าไม่ออกไปข้างนอก วัน ๆ หนึ่งเงินซักบาทเดียวผมก็แทบจะไม่ได้ใช้ กับข้าวกับปลาก็มีคนหาให้ทาน ค่ำลงก็นอนเปลชมนกชมไม้สูดอากาศบริสุทธิ์ไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนผมอยู่บ้านของผมจริง ๆ บ้านหลังที่เท่าไรก็ไม่รู้ บ้านที่โคราช บ้านที่หัวหิน บ้านที่กรุงเทพฯ บ้านที่แม่สะเรียง บ้านที่สวนรุกขฯ เหอะๆๆ ผมมีบ้านเยอะถึงขนาดนี้เชียว???
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 53 09:23:01
จากคุณ |
:
16เมษา
|
เขียนเมื่อ |
:
13 มี.ค. 53 22:40:35
|
|
|
|