Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ระวัง...หลังเคาทเตอร์สายการบิน..คือ..แหล่ลงช้อปปิ้งของโจร!  

เรื่องที่ดิฉันจะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉัน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับนักเดินทางสายยุโรปหน้าใหม่ ที่คิดว่าสถานที่ที่ปลอดจากการโจรกรรมที่สุดคือหลังสายพาน Load ของขึ้นเครื่อง เหมือนที่ดิฉันเป็น....แต่มันเป็นความเชื่อที่ผิด! เพราะหลังสายพานคือ..แหล่งช้อปปิ้งชั้นดีของขโมยเลยล่ะค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อประมาณก่อนช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ดิฉันได้เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนๆที่ยุโรป ทั้ง อิตาลี สเปน และฝรั่งเศส เป็นการเดินทางแบบไปกันเอง ซึ่งก่อนไปก็มีเพื่อนๆ ที่เคยไปต่างเตือนด้วยความเป็นห่วงเรื่องของขโมยซึ่งเป็นเรื่องขึ้นชื่อมากของประเทศ 2 ใน 3 ประเทศที่ดิฉันต้องไปนี้ ซึ่งคำเตือนของเพื่อนทำให้ดิฉันระวังตัวอย่างมาก (จนเกือบเป็นการระแวง) ซึ่งดิฉันก็ประคองของ เงิน และตัวเองให้ปลอดภัยจากการขโมยขั้นเทพเหล่านั้นมาได้อย่างสวัสดิภาพ ทั้งๆที่ใน Trip นี้เพื่อนของดิฉันโดนขโมยขั้นเทพขโมยกล้องถ่ายรูปจากมือไปโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

จนกระทั่ง...วันกลับ... ( เรากลับด้วยสายการบินประจำชาติอิตาลีสายการบินหนึ่งซึ่งเพิ่งเปิดเส้นทางการบินมายังกรุงเทพไม่นาน อาทิตย์หนึ่งบินครั้งหนึ่ง แต่เห็นว่าเร็วๆนี้จะเปิดให้บินถี่กว่านี้ ที่เลือกสายการบินนี้เพราะราคาถูกค่ะ ลองไปหาดูได้  ) ดิฉันต้องรื้อของฝากออกมาจัดใหม่เพื่อให้น้ำหนักกระเป๋าทั้งหมดมีน้ำหนักไม่เกิน 20 Kg. แต่โชคดีที่ชั้นสามารถ Pack ของฝ่ากทั้งหมดกลับมาได้ เมื่อมาถึงสนามบินอาการระแวงขโมยยังคงอยู่แต่ไม่มีทางเสียหล่ะ เพราะของทั้งหมดอยู่ในสายตาชั้นทั้งหมด กระเป๋าเดินทางซึ่งบรรจุของที่ระลึกทั้งชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กถูกปิดด้วยซิปและคล้องกุญแจไว้ ไม่มีทางที่ใครหน้าไหนมันจะเอาไปได้ทั้งนั้น...จนกระทั่งถึงเวลา Check in ชั้นมองของๆชั้น Load หายเข้าไปหลังสายพานผ่านเจ้าหน้าที่สายการบินนั้น เข้าไปอย่าง "โล่งอก" เพราะชั้นมั่นใจล้นเหลือว่าของๆชั้นต้องได้รับการดูแลอย่างดี .... จนกระทั่งชั้นกลับมาถึงบ้านที่เมืองไทย และเปิดกระเป๋าเพื่อเอาของฝากมาให้กับน้องชายของดิฉัน ... ทั้งๆที่กุญแจยังล็อคอยู่ แต่กลับมีสิ่งผิดปกติคือ ตำแหน่งซิปซึ่งคล้องแม่กุญแจกันน้อยของดิฉันมันถูกย้ายที่ ไม่มีอะไรแต่ดิฉันยังไม่เอะใจอะไรจนดิฉันเปิดกระเป๋าออก...คุณพระช่วย..กระเป๋าดิฉันถูกรื้อ..ค้น..และถูกขโมยนาฬิกาซึ่งตั้งใจเอามาเป็นของฝากราคาอาจจะไม่มากมายสำหรับใครหลายคน แต่มันมากสำหรับดิฉันและเหนือสิ่งอื่นใดมันมีคุณค่ามากทางจิตใจ (ราคาเกือบ 10,000 บาท)

ณ วินาทีนั้นดิฉันทั้งโกรธ เสียใจ เสียดาย สุดท้ายคือเจ็บใจและแค้นใจ เจ็บใจตัวเองที่ "โง่" และ "ไว้ใจเกินไป" ใครจะคิดคะว่าหลัง Counter สายการบิน ที่ซึ่งดิฉันเชื่อใจว่าเป็นที่ที่ของมีค่าของเราจะได้รับการดูแลอย่างดี เพราะมันเป็นที่ที่ผู้โดยสารไม่อาจเข้าไปปกป้องของๆตัวเองได้ กลับกลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งแหล่งใหญ่ที่เปิดโอกาสให้โจรในคราบเจ้าหน้าที่ได้ช้อปปิ้งของของเราอย่างสบายใจที่สุด แค้นใจและโกรธสายการบินหรือสนามบินที่บังอาจมาทำลายความเชื่อใจที่ผู้โดยสารมีให้

ดิฉันไปแจ้งความกับตำรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะดิฉันเชื่ออีกว่าอาจจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ฝรั่งของสายการบินนี้หรือเจ้าหน้าที่ของสนามบินที๋ประเทศนั้นก็ได้ แต่อาจจะเป็นที่เจ้าหน้าที่ที่สุวรรณภูมิก็เป็นไปได้ (ทั้งๆที่เงื่อนเวลา น่าจะเป็นที่สนามบินที่ยุโรปมากกว่าเพราะเครื่องออก Delay เป็นชั่วโมง) แต่แล้วเพื่อความสบายใจ ดิฉันจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ และที่นั่นดิฉันก็พบข้อมูลที่น่าตกใจสำหรับคนโง่ที่ไว้ใจคนมากกว่าดิฉัน คือ กระเป๋าซิปและกุญแจไม่อาจขวางการโจรกรรมของขโมยได้ เพียงแค่ขโมยใจปากกาด้ามเดียวก็สามารถเปิดกระเป๋าและรูดซิปปิดกลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ และที่สำคัญไม่ใช่แค่สนามบินที๋โรมเท่านั้นแต่มันสามารถเกิดได้ทุกสนามบินไม่เว้น..สุวรรณภูมิ คุณตำรวจบอกว่ามีคนหลายคนมาแจ้งความเรื่องกระเป๋าหายแต่ยังไม่เคยมีใครโดนค้น รื้อ..และขโมยอย่างไร้ร่องรอยอย่างดิฉันมาแจ้งความ ที่สำคัญกล้องวงจรปิดบรเวณห้องพักของก่อนที่จะส่งขึ้นสายพานนั้นไม่สามารถเห็นได้ทุกซอกทุกมุม ทางเดียวที่จะจับโจรได้คือต้องเข้าไปอยู่และดูมันตรงนั้นเลย! ซึ่งคุณตำรวจบอกว่านานๆจึงจะทำเช่นนั้นที

นั่นหมายถึงหลังสายพานยังคงเป็นที่ทำการของขโมยได้อย่างดีต่อไป ทั้งขณะนี้ก็ยังไม่มีการแก้ไขข้อบกพร่องในจุดนี้

ดังนั้น นักท่องเที่ยวและนักเดินทางคะ ข้อคิดจากเหตุการณ์ที่เกิดกับตัวดิฉันคือ
1.อย่าใส่ของมีค่า “ชิ้นเล็ก” อย่างนาฬิกา.แหวน .สร้อย หรืออะไรก็ตามที่สะดวกในการพกพาของขโมยไว้ในกระเป๋าที่จะโหลดขึ้นเครื่อง ติดตัวไว้ดีที่สุดค่ะ
2.กระเป๋าเดินทางอย่าใช้เป็นซิป ควรเป็นลักษณะการล็อคโดยรหัสน่าจะเป็นการดีที่สุดนะคะ
3.อย่าไว้ใจใครให้ดูแลของมีค่าของท่าน นอกจากตัวท่านเอง

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ

จากคุณ : dramagirl
เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 18:49:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com