ความคิดเห็นที่ 1 รถมินิบัส ซึ่งมีหน้าตาคล้ายรถ ฟอร์ดเอเวอร์เรส + รถตู้ + ซีดาน พูดไม่ถูก คนขับเป็นม้ง ออกจากวังเวียงตอน 08.30 น. ไปถึงเราก็รีบขึ้นรถจองและก็ไม่ไปไหน กลัวที่หาย กว่าจะออก ก็มีคนหนึ่งบ่นบ้าอะไรไม่รู้เรื่องรถไม่เปิดแอร์ เราก็กังวลนิดหน่อย แถมลืมเอายาแก้เมามาด้วย สุดท้ายพี่สาวชาวลาวอาสาไปซื้อให้ เม็ดละ 500 กีบ (20บาท จัดไป) เราก็โอ เค้าก็วิ่งตู๊ดๆ ไปซื้อที่ร้าน เราก็แอบดูว่าเค้าจ่ายเท่าไหร่ ก็ไม่เห็นหรอก แต่ได้น้ำมากระป๋องหนึ่ง วังเวียง - หลวงพระบาง 240 กม. (เวียงจันทน์ - วังเวียง 160 กม.) วิวใช้ได้ ไม่เมาเพราะไม่เปิดแอร์เปิดหน้าต่าง วิวก็ประมาณเมืองไทยชนบท ต่างกันที่เวลาเราไปเมืองเหนือ จะไม่มีบ้านข้างทาง ตามทิวเขาที่คดเคี้ยวไปมา มีแต่ป่าเขา  แต่ที่นี่ไม่ใช่จะมีบ้านไม้ไผ่ฝาขัดแตะ เรือนสูง เป็นหย่อมๆ ประดับด้วยฝุ่นสีแดงๆ ไปตลอดทาง (แต่รถไม่ได้กินฝุ่น ทางเป็นราดยางมะตอย) ไปได้ประมาณ 1/3 ของระยะทางโดยประมาณ รถก็แวะเมืองกาสี กินครับ เฝอครับเฝอ น่ากินมาก จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 22:48:19

ความคิดเห็นที่ 2 จานที่ผ่านไปไม่ใช่จานผมหรอกครับ จานคนขับรถชาวม้ง ของผมจานนี้ คือว่า ผมซัดไปจนหมดแล้วเพิ่งนึกได้ว่าลืมถ่ายรูป เลยต้องไปขอถ่ายของพี่คนขับรถ คือเราก็เล็งๆ ว่าเค้าจะตักไปเสริฟใคร เราก็รีบวิ่งไปขอถ่ายก่อนเลย ของผมเป็นเฝอเนื้อ บีบมะนาว ใส่ใบสะระแหน่ (มิ้น) ลงไป ฉีกผักกาดหอมลงไปคลุกด้วย พริกเผา โฮกมาก โอ๊ยฉี่สุดสุด (OISHI อ่านว่าโอ๊ยฉี่) จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 22:51:31

ความคิดเห็นที่ 3 คนนี้ชื่อ เอื้อยดำ แม่ช้อยไม่ต้องมารำ เอื้อยดำรำเองเลย (ตอนเราไปถามว่าเค้าชื่ออะไรเค้าก็งงๆ แต่ก็ยิ้มๆ ) จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 22:53:57

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อมาเค้าก็เรียกขึ้นรถ แต่ทันใดนั้นเอง เอื้อยก็เปิดฝาหม้อ เราก็รีบคว้ากล้องออกมา แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า เคล็ดลับความอร่อยของเอื้อยสาวชาวเมืองกาสี อยู่ตรงที่ ไก่สองตัว ทั้งตัวไม่หั่น กะหล่ำปลี 8 หัว หมุยอ เพียบ เอื้อยจะรู้ไหมว่าจะโดนลอกสูตรลับสมัยคุณยาย เอื้อยครับผมขอโทษ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 22:56:19

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนออกจากร้านก็ยังไม่วายถ่ายหน้าร้านอีกหนึ่งแชะ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 22:58:41

ความคิดเห็นที่ 6 ขับไปได้อีก 1/3 ส่วนก็แวะที่ห้องน้ำริมเขาอีก มีเพิงขายขนมและเด็กๆ ชาวเขาอยู่กลุ่มหนึ่งคอยเก็บค่าเข้าห้องน้ำ เราก็ไปนั่งเรา แล้วก็เลยเอาแป้งจี่ (ขนมปังฝรั่งเศส) ที่ใส่ใส้มาจากโรงแรมไปแจกเด็กๆ เพื่อนก็เอาทาโร่ซองใหญ่ไปให้ซองหนึ่ง เราก็เรียกกลับมาว่า ให้ฉีกซองให้เด็กด้วย เค้าก็ทำหน้างงๆ ว่าน้องเค้าฉีกเป็น เราก็ชี้ให้ดูปรากฏว่าเด็กๆ ก็ใช้ความพยายามอย่างมากในการฉีก ซองก็ลื่นก็ไม่ออก (เค้าไม่รู้ว่ามีมุมตัดไว้ฉีก) เพื่อนก็เลยวิ่งไปฉีกให้ นั่งตั้งนาน ที่นี่เจอพี่ปุ้ย มาคนเดียว แต่นึกว่ามากับสาวสวยอีกคน มารู้ตอนไปเจอกันภายหลังที่หลวงพระบางว่าต่างคนต่างมา กลุ่มนี้ภายหลังได้เที่ยวด้วยกัน เจอกันก็ไม่พูดอะไรมาก พอดีวันนั้นเป็นวันที่ 11 เมษา เราก็ถามเค้าสั้นๆ ว่า พี่พี่ พี่รู้ยัง พี่เค้าก็ว่ารู้แล้ว แต่พวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรกัน เพราะต่างตนต่างก็หนีสงกรานต์ร้อนสงกรานต์เลือดมาซบอกคนลาว จึงไม่อยากมีคนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ที่นี่ เจ้าของบ้านทำอาหารเลี้ยงคนขับรถ ดูจากอาหาร ซึ่งเราบุกไปดูถึงครัวแล้วก็เอาว่านี่อาจจะเป็นถิ่นฐานบ้านญาติของคนขับรถ เพราะอาหารที่กินนั้นมีกับข้าวถึง 4 - 5 จาน ครบทั้งแกงจีด ทอดและผัด ชาวต่างชาติอย่างเรา รวมทั้งฝรั่งหัวแดงที่หิวโหยได้แต่กินแป้งจี่แข็งๆ ที่มีขายรองท้องไปอย่างอนาถา แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 01:12:12 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:05:42

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วเราก็มาถึงหลวงพระบางตอนราวๆ บ่าย 3 เศษ นานกว่าที่คาด เมืองใหญ่กว่าที่คิด ตอนแรกเข้าใจว่าเดินได้หมด แต่ไม่ได้ ต้องรถเท่านั้นเมืองกว้างมาก มาถึงวันนั้นก็สาดน้ำกันแล้ว บางทีก็เปิดเพลงแล้วแดนซ์กันดังลั่น ไม่สมกับเป็นเมืองมรดกโลกเลย แต่ก็น้อยกว่าพัทยา หัวหินเยอะ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเพิ่งวันที่ 11 ยังไม่เข้าที่ก็ได้ (สงกรานต์ลาวล่ากว่าไทยหน่อย) พักที่ซาโยเชียงม่วน คืนละ 2040 บาท เป็นห้องทีแพงสุดที่นี่ (ลดแล้วนะนี่) ผิดหวังเล็กน้อย เพราะว่าสีซีดกว่าในเว็บ 555 เขาเต็มหัวแล้วเนี่ย กว่าจะกลับกรุงเทพเป็นปีศาจญี่ปุ่นได้เลย ไม่มีข้าวเช้าไม่มีบริการ มีห้อง 45 ตร.ม. ให้แค่นั้น ซาโยมี 3 สาขา ซาโยนากา (ด้านใต้ของเมือง) ซาโยรีเวอร์ (ใกล้วัดเชียงทอง) เราพักตรงกลางคือซาโยเชียงม่วน กะว่าจะได้สะดวกเรื่องเที่ยวเรื่องกิน อยู่ติดกับวัดเชียงม่วนเลย เดินไปตลาดมืดและตักบาตรกินข้าวได้เลยไม่ต้องเรียกรถ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 53 23:13:42 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:11:58

ความคิดเห็นที่ 8 ตรงข้ามเป็นวัดเชียงม่วน ซึ่งเรายังไม่ไปวันนี้ ใกล้เกลือต้องกินด่างตามคำพังเพย ของใกล้เก็บไว้ก่อนของไกลไปเลย จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:15:04

ความคิดเห็นที่ 9 ที่นี่โบราณมาก เป็นบ้านเจ้าของเป็นคนลาว น่าจะพวกเชื้อพระวงศ์ ใครกลัวผีไม่ต้องห่วง ผีอาจจะกลัวเราก็ได้ เพราะคนไทยน่ากลัวกว่าคนลาวเยอะ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:16:18

ความคิดเห็นที่ 10 ดูสีดูสี ศิลปะแบบอิตาลี หรือยุโรปใต้ (เดา) แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 01:09:54 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:17:19

ความคิดเห็นที่ 11 มาเที่ยวหลวงพระบางต่อครับ... จากคุณ : ผู้ก่อการร้ายทางความคิด เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:18:46

ความคิดเห็นที่ 12 ขอต้อนรับสู่เมืองมรดกโลกคร๊าบ ตรงกลางระหว่างอาคารสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสเก่าด้านหน้า กับด้านหลัง สมัยก่อนอาจจะเป็นเรือนคนงาน ที่พักนี้เวลาพวกยูเอ็นมาก็จะมาพักที่นี่ เราก็เลียนแบบเค้านั้นแหละ ตรงกลางที่เห็นเป็นรูปปั้น ของเจ้าของบ้าน น่าจะตายไปนานแล้ว คงเป็นพวกเจ้าขุนมูลนายทำนองนั้น จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:21:52

ความคิดเห็นที่ 13 น้องสาวชาวลาวเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:22:23

ความคิดเห็นที่ 14 ห้องอย่างใหญ่มี 2 เตียง double bed + single bed เรารีบจอง เตียงใหญ่ก่อน เข้าไปคลุกๆ คนอื่นจะได้ไม่มาแย่ง จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:23:29

ความคิดเห็นที่ 15 อันนี้เอาไว้วางของไม่ได้มีเวลานอนเล่นหรอก จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:24:16

ความคิดเห็นที่ 16 ห้องน้ำมีอ่าง ข้อดีข้อเดียวของที่นี้คือ น้ำร้อนดีมาก ผสมไม่ดีมีสุก เราพอดีไม่ค่อยสบาย ได้น้ำร้อนช่วยได้มาก จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:25:17

ความคิดเห็นที่ 17 แต่มันก็ไม่ได้สุขสบายซะทีเดียว กลับมาตอนกลางคืน ตกใจมาก แมงเม่าเต็มห้องน้ำ เราไม่ได้เปิดไฟไว้ ประมาณว่าห้องมันไม่ซีล มีจุดเชื่อมต่อ แมลงมันเลยเข้ามาเล่นซะ ตอนเช้ามดก็มาอีก กลางคืนให้น้องผู้ชายคนหนึ่งมากวาดไม่ได้ให้ทิป เพราะไม่มีบริการอะไรเลย จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:27:39

ความคิดเห็นที่ 18 โชคดีที่เตียงมีมุ้ง กลางคืนกลางมุ้งเลยไม่เสี่ยง และอีกอย่างเพื่อนที่ไปด้วยคนหนึ่งป่วย เพราะอากาศร้อน แล้วเค้ามาโดนสาดน้ำอีก เลยไข้ขึ้นไป จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:28:59

ความคิดเห็นที่ 19 พรีวิวโรงแรมเยอะหน่อยให้ดูบ้านเก่าสมัยอาณานิคม ใครอยากลิ้มลอง ก็สองพันกว่าบาท จัดไป จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:29:57

ความคิดเห็นที่ 20 ท่ามกลางความเก่าแอบมีจอแอลซีดีทีวีด้วย เปิดปุ๊บ เจอดร.สุขุม นวลสกุลเลยอยากจะรีบปิด เพื่อนบอกดูเค้าหน่อยเถอะ ก็เลยดูผ่านๆ ตอนนั้นเบื่อกรุงเทพสุดๆ เอาบ้านฉันคืนมา !!! จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:31:15

ความคิดเห็นที่ 21 ออกจากโรงแรมก็หารถเหมาไปเที่ยวครึ่งวัน ก็ได้อ้ายคนหนึ่งแกคิด 300 บาท เรามีตารางเที่ยวที่แน่นอน และอ้ายก็ตกลงว่าจะให้เหมาเที่ยวพรุ่งนี้ 1600 ทั้งวัน เราก็ตกลง ที่แรกคือวัดวิชุนราช หรือวัดพระธาตุหมากโม (พระธาตุแตงโม) จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:35:21

ความคิดเห็นที่ 22 สถาปัตยกรรมเขมร + อินเดีย (ตามโพยว่างั้น) วัดนี้ก็เสียค่าเข้าแต่เราไม่เข้า อยู่ด้านนอกไม่เสีย ถ้าเข้าข้างในคนละ 20,000 กีบก็เป็นเงิน 80 บาท โอ้แม่เจ้า แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 00:49:11 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:38:43

ความคิดเห็นที่ 23 จัดไปอีกรูปสวยดี จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:40:04

ความคิดเห็นที่ 24 พระธาตุพูสี (ทาดพูสี) มองจากวัดวิชุน ถ้าจะเปรียบก็ เหมือนคนเชียงใหม่มองเห็นดอยสุเทพนั่นแหละ พระธาตุพูสีคือปลายทางของเราวันนี้เดี๋ยวไป จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:41:33

ความคิดเห็นที่ 25 ติดกับวัดวิชุนะราชเป็นวัดอาฮาม เราไปเที่ยวแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ต่อไปเราก็กระโดดขึ้นรถไปทางเหนือสู่วัดเชียงทอง ประมาณว่าไฮไลต์ของหลวงพระบาง ถ้าเทียบก็วัดพระสิงห์แห่งเมืองเชียงใหม่นั้นแล รูปสิมวัด จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:43:36

ความคิดเห็นที่ 26 องค์พระประธานวัดเชียงทอง แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 01:05:40 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:47:48

ความคิดเห็นที่ 27 อันนี้เป็นภาพต้นทอง ตอกบัตรแล้ว ที่ด้านหลังของสิม (โบสถ์) จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:49:07

ความคิดเห็นที่ 28 อันนี้เป็นหอพระม่าน พระม่านเป็นพระสำคัญของลาว แต่มองไม่เห็นต้องสูงมาก ถ่ายซูมก็ไม่เห็นมืด เอาแต่ศรัทธาไปไหว้ด้านนอก จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:50:45

ความคิดเห็นที่ 29 ซิมด้านข้าง ไม่ได้บูรณะเลย จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:51:35

ความคิดเห็นที่ 30 อันนี้เป็นโรงเมี้ยนเกศ เกศก็คือโกศ มีราชรถด้วย เข้าใจว่าเป็นราชรถที่ใช้คนพระโกศของพระมหากษ้ตริย์สมัยก่อน จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:54:40

ความคิดเห็นที่ 31 ราชรถขนพระโกศ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:55:13

ความคิดเห็นที่ 32 มีพระพุทธรูปด้านในหลายองค์ทีเดียว จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 23:56:53

ความคิดเห็นที่ 33 ต่อมาเราก็ขึ้นรถไปวัดหนองสีคูณเมืองต่อ วัดนี้คนไม่ศึกษามาก่อนจะไม่รู้ หลวงพระบางมีพระสำคัญ 3 องค์ 1 พระม่าน  วัดเชียงทอง 2 พระแสน วัดหนองสีคูณเมือง 3 พระบาง  อยู่ที่หอพระบาง นอกจากนั้นก็มีพระเอ้ วัดใหม่สุวันนะพูมาราม ตอนที่เราไปวัดหนองสีคูณเมืองกำลังบูรณะ ที่คนไม่ค่อยมาวัดนี้เพราะเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ คนส่วนใหญ่จะสนใจศิลปะแบบล้านนา หรือล้านช้างมากกว่า เมื่อมาหลวงพระบาง จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:00:26

ความคิดเห็นที่ 34 พระองค์แสน หรือพระเจ้าแสนพระองค์ วัดหนองสีคูณเมือง จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:03:34

ความคิดเห็นที่ 35 ตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้าเราก็ต้องทำเวลากันหน่อย จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:04:34

ความคิดเห็นที่ 36 สถานีต่อไปวัดพระเอ้วัดใหม่สุวันนะพูมาราม จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:05:45

ความคิดเห็นที่ 37 พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง เย็นแล้วเราไม่ได้เข้า ถ้าพรุ่งนี้มีเวลาก็อาจจะไป จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:06:37

ความคิดเห็นที่ 38 หอพระบางที่ประดิษฐานพระบาง พระคู่เมืองหลวงพระบาง เราไม่ได้ไป ภาพนี้ถ่ายจากพระธาตุพูสี ความจริงเราพลาดไป 1 วัน เพราะในแต่ละปี ชาวหลวงพระบางจะได้ชมพระบางแค่ปีละ 1 วัน คือวันที่ 13 จะมีการแห่พระบางไปรอบเมืองให้ประชาชนสรงน้ำ เนื่องในวันสงกรานต์ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:08:43

ความคิดเห็นที่ 39 ทางขึ้นพระธาตุพูสี กว่าจะถึงแฮกทีเดียว จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:10:05

ความคิดเห็นที่ 40 ก่อนจะขึ้นพระธาตุจะมีวัดชื่อวัดป่าฮวก หรือป่ารวก เข้าใจว่าหมายถึงไม้รวก (ไม้ไผ่ชนิดหนึ่ง) วัดนี้สำคัญตรงที่รัชกาลที่ 5 เป็นผู้สร้าง จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:11:23

ความคิดเห็นที่ 41 ศรัทธาแรงกล้าทำบุญไป 100 บาท อธิษฐานว่าขอให้ได้เพื่อนร่วมทาง วันพรุ่งนี้เพราะรถมีปัญหา เค้าไม่อยากให้เราหาเพื่อนมาหาร เราก็ไม่ไหว 3 คน 1600 อยากได้คนหาร 3 คน เพราะเค้าว่ากฏหมายให้นั่งได้ 6 คน (มีที่นั่งประมาณ 8 - 10) เค้าก็ง๊องแง๊ง เราก็ไม่รู้ไง ขอพระเอา ให้พรุ่งนี้ราบรื่น คืนนี้เจอคนร่วมทาง แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 00:53:08 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:13:32

ความคิดเห็นที่ 42 ภายในวัดเล็กๆ นี้มีจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ เลอะเลือนตามกาลเวลา จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:14:30

ความคิดเห็นที่ 43 ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แวะซื้อกรวยดอกไม้ทำจากใบตองคล้ายๆ บายศรี ขึ้นไปไหว้สาพระธาตุพูสีด้วย จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:15:49

ความคิดเห็นที่ 44 พิพิธภัณฑ์และหอพระบางมองจากพระธาตุพูสี มีดอกดวงจำปา (ดอกลั่นทม) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติลาวเป็นเพื่อนประดับภาพ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:17:23

ความคิดเห็นที่ 45 พระธาตุพูสียามเย็นอาทิตย์คล้อย บรรยากาศคล้ายพระธาตุเย็นเมืองปาย มีนักท่องเที่ยวไปนั่งรอดูซันเซ็ตเต็มไปหมด ที่นี่แหละที่ให้เราเจอเพื่อนร่วมทาง พี่สองคนเค้านั่งอยู่ก่อน เราไปนั่งหน้าเค้าพักเหนื่อย เลยถามเค้าๆ มา 2 เราไป 3 เป็น 5 กำลังดี เลยชวนกันหารทัวร์ เค้ากำลังกลุ้มพอดีว่าจะไปเที่ยวยังไง เพราะน้ำตกตาดกว่างสี กับถ้ำติ่งอยู่นอกเมือง แถมคนละทิศละทางกัน อีก ต้องเหมารถอย่างเดียว ตาดกว่างสี 25 กิโลเมตร ถ้ำติ่ง 17 เราก็ชวนไปด้วยกัน หารกันคนละ 300 อีก 100 เราจ่ายเอง (ตอนหลังได้เพื่อนร่วมมาครึ่งทางได้ 100 สุดท้ายมา เลยเหลือคนละ 300 พอดิบพอดีและก็ พอควร)  เหมือนหลวงพ่อวัดป่าฮวกประทานมาให้พอดี สาธุ  บารมีพระคุ้มครอง แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 00:57:02 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:20:57

ความคิดเห็นที่ 46 อันนี้เป็นวิวแม่น้ำคาน ที่มองเห็นซ้ายมือคือแม่น้ำคาน และถนนที่เห็นคือถนนพมมะทา ต่อกับถนนเจ้าชมพู ไม่ใช่ถนนกลางเมืองแต่อย่างใด ถนนกลางเมืองคือถนนสีสะหว่างวง ภาพนี้นิยมถ่ายกันไปมากเป็นภาพตอกบัตร สะพานที่เห็นคือสะพานสีสัตนาก สำหรับด้านที่พระอาทิตย์ตกดิน จะเป็นแม่น้ำโขง จะมีถนนสองเส้นคือ สีสะหว่างวง กับ สุวันนะบันลัง  (หลวงพระบางมีแม่น้ำสองสาย คือแม่น้ำคาน และแม่น้ำโขง แม่น้ำคานจะมาจบกับแม่น้ำโขงที่วัดเชียงทองพอดี) สีสะหว่างวง คือถนนที่เราจะไปกันตอนเช้าและตอนมืด เป็นถนนหลัก แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 00:59:33 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:26:25

ความคิดเห็นที่ 47 พระอาทิตย์ตกดินด้านนี้ ที่เราเจอเพื่อนร่วมทางก็ตรงมุมนี้ ไม่เห็นถนน เห็นแต่แม่น้ำโขง ด้านหน้าจะเป็นหอพิพิธภัณฑ์หอพระบาง และวัดใหม่ แม่น้ำโขงตรงนี้เป็นท่าเรือข้ามฝากไปเชียงแมนพอดี จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:28:32

ความคิดเห็นที่ 48 ตลาดมืดก่อนมืด พอลงจากพระธาตุพูสี จะเป็นตลาดมืด ถนนสีสะหว่างวง ถ้าเดินไปทางขวาจะเจอถนนอุ่นเรือนกลับโรงแรมพอดี ถ้าไปทางซ้ายจะไปตลาดเช้า วงเวียนน้ำพุ และทางเลาะลงริมแม่น้ำโขงแหล่งของกิน แผนของเราคือ หาของกิน และก็กลับไปส่งคนป่วยที่โรงแรม จากนั้นค่อยพามาเดินตลาดมืดเป็นเพื่อนเพื่อนสาวต่อไป จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:31:35

ความคิดเห็นที่ 49 ด้านหลังร่มคือวัดใหม่สุวันนะพูมาราม ที่ซึ่งเรามาตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า ตอนที่เราเดินไปหาของกินั้นเราก็พบกับเพื่อนเก่า ที่เคยเจอกันตอนแวะห้องน้ำชาวม้งระหว่างเมืองกาสีมาหลวงพระบาง คือพี่ปุ้ย พี่เค้ามากับน้องๆ สาวๆ สองคน ซึ่งทราบภายหลังว่าเพิ่งมาเจอกันที่นี่เหมือนกัน เราก็ขอยาแก้เมารถจากเขา และนัดหมายกันมาเจอกันตรงแยก ถนนอินทะสมตัดกับฟ้างุ้มตอน 05.45 น. (เดินเลยจากร่มนี้ไปหน่อยทางด้านซ้ายก่อนถึงวงเวียนน้ำพุ) เพื่อจะได้ตักบาตรข้าวเหนียว จากนั้นก็แยกย้ายกันไป แม้ว่าจะเดินเจอกันอีกก็ตาม แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 00:37:26 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:35:58

ความคิดเห็นที่ 50 เราเลือกร้านสมจันอาหารลาว ริมแม่น้ำโขง ถนนสุวันนะบันลัง เราไม่รู้ว่า อยู่สุดโขง ถ้าเดินทางวงเวียนน้ำพุ ก็จะต้องเดินลงไปทางแม่น้ำโขงจึงจะถึง ไกลมากแต่อร่อยคุ้ม เดินไปท้อไปหิวพอดี จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:39:50

ความคิดเห็นที่ 51 นอกจากลาบหมู แล้วอาหารฝรั่งก็แซ่บ ดูหน้าตาก่อน จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:40:44

ความคิดเห็นที่ 52 อันนี้ผักน้ำ (watercress) จานใหญ่มาก ความจริงกินสลัดผักน้ำด้วยมีไข่ต้มกับน้ำสลัดครีม แต่ไม่ได้ถ่ายไว้ หมดก่อนถ่าย 555 ภาพนี้เป็นผักแกล้มกินกับลาบหมูซึ่งไม่เหมือนลาบเมืองไทย อร่อยดีจะมีผักสับละเอียดปนกันทั่วๆ คำว่าละเอียดนี้ไม่เหมือนเมืองไทย คือละเอียดจริงๆ ละเอียดกว่าต้นหอมซอยเมืองไทย ผักที่สับคือต้นหอมนั้นแหละ แล้วก็ไม่ใส่หอมแดง ไม่เปรี้ยวอร่อยจนอยากกินอีก ภาพลืมเปิดแฟลช ทนหน่อยแล้วกัน คนถ่ายก็ใกล้ตายแล้วตอนนั้น กว่าจะลากสังขารกลับซาโยเชียงม่วนได้ เกือบตาย คืนนี้จบที่อาหารอร่อยๆ บรรยากาศดีริมโขงแล้วกัน พรุ่งนี้จะมาต่อ องค์ 4  - 5  หลวงพระบาง และเวียงจันทน์ พรุ่งนี้จะเปลี่ยนมาเป็นบรรยากาศสนุกๆ และเย็นฉ่ำกันบ้าง สะบายดีเจ้า แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 01:04:42 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 00:46:13 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 00:43:06

ความคิดเห็นที่ 53   ความเห็นที่ 26 อันตรายครับ รบกวนแก้ไขหน่อย ไม่ใช่พวกเราคนเดียวที่เข้ามาอ่านพัันทิปครับ ^-^ จากคุณ : JackieChan.com เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 01:00:57 A:125.24.25.164 X: TicketID:173815

ความคิดเห็นที่ 54 คห. 53 ขอบคุณ ความจริงไม่ได้วิจารณ์อะไร น่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่ค่อยได้บูรณะปฏิสังขร ว่าแต่นอนดึกจัง ป.ล. เพิ่งรู้ว่ามีคนลาวอ่านด้วยดังจริงพันธุ์ทิพย์ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 01:07:36

ความคิดเห็นที่ 55   คนลาวส่วนใหญ่ในเมืองหลวง มักจะอ่านภาษาไทยได้ครับ เพราะได้จับเงินบาทบ่อยๆ ดูละครไทยบ่อยๆ นอกจากนี้การส่ง SMS ให้เพื่อนๆก็ส่งเป็นภาษาไทยกันครับ วัดที่ไม่ได้บูรณะ ผมว่าเขาก็คงมีเหตุผลส่วนตัวของเขาเองที่เราไม่ทราบได้ เพราะดูจากวัดส่วนใหญ่ทั่วไป ก็อยู่ในสภาพใหม่และสมบูรณ์สวยงามดีครับ วัดที่เมืองลาว ไม่ต้องมีลูกกรงล้อมพระพุทธรูปกันขโมย ไม่มีสุนัขจรจัดที่คนใจร้ายเอามาปล่อย ไม่มีแม่ค้าใจร้ายมาขายนกขายปลา ไม่มีหาบเร่แผงลอยล็อตเตอรี่่ให้รกตา ... นี่คือสิ่งดีๆที่ประเทศเราควรเอาอย่างครับ ผมอ่านกระทู้คุณ นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ ทั้งสามกระทู้แล้ว ก็คิดวางแผนจะไปถึงหลวงพระบางให้ได้สักทีในปีนี้ครับ รบกวนถามหน่อยได้ไหมครับว่า ถนนหนทางจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบางนั้น รถเล็กๆอย่าง Vios Jazz พอจะขับไปคนเดียวได้ไหมครับ จากคุณ : JackieChan.com เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 01:41:26 A:125.24.25.164 X: TicketID:173815

ความคิดเห็นที่ 56 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 02:21:33

ความคิดเห็นที่ 57 จากคุณ : PiGsPy เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 04:07:29

ความคิดเห็นที่ 58 คห. 55 ขับไปได้สบายๆ ถ้าขับเลนขวาได้ คุณแจ็คกี้ชานคงเข้าใจผิด ไม่ได้ต่อว่าอะไร เรื่องสถาปัตยกรรมเค้าดี แต่วันเวลาเป็นอนิจจัง ไม่ซ่อมไม่แซมมันจะพังในวันหน้า คุณต้องเห็นวัดเชียงทองกับวัดสีสะเกดด้วยตัวเองจะเข้าใจ เก่าจนจะผุพินธุ์พัง ปกติควรจะซ่อมได้แล้ว แต่ลาวคือลาว ถ้าเคยอยู่ประเทศที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยจะเข้าใจว่าทำไม อันนี้ไม่ใช่กระทู้เรื่องการปกครองก็เลยไม่ได้เขียนอะไรลึกซึ้ง แต่ปกติเก่าขนาดนี้แล้วต้องรีบซ่อม ถ้าไม่รีบซ่อมก็น่าเสียดาย ถ้าเทียบแล้ววัดเชียงทอง ก็ประมาณวัดพระสิงห์เชียงใหม่ แต่สภาพต่างกันมากมาก เพราะว่าของเราซ่อมแซมมาก เมืองไทยนี่เรื่องทำบุญขอให้บอก ไม่ใช่คนลาวไม่ศรัทธา แต่เม็ดเงินคนไทยมีมากกว่า พลเมืองเราก็มากกว่า พลเมืองทั้งประเทศลาวแค่ครึ่งเดียวของกรุงเทพฯ เอง อันนี้เราพูดความจริงถ้าเราไม่เริ่มยอมรับความจริงก่อน มันก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเราไม่คิดว่ามันเก่าเราก็ไม่ซ่อม คุณลองไปดูแล้วกัน อีกอย่างเราก็ไม่คิดว่าประเทศลาวคือประเทศลาว เราคิดว่าลาวคือไทยไทยคือลาว สถาปัตยกรรมเป็นสมบัติของโลก ประเทศเป็นเรื่องสมมุติที่มนุษย์คิดขึ้น ประเทศเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เอง ต่อไปจะไม่มีประเทศแล้ว โลกไร้พรมแดน เราคิดว่าคนลาวรับได้นะ ว่าวัดของเค้าขาดการบูรณะซ่อมแซม ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย ความจริงคิดขนาดว่าน่่าจะทำกฐินไปวัดเชียงของด้วยซ้ำ จะได้มีเงินไปซ่อมวัดเพราะวัดเป็นสมบัติของพระศาสนา และ ลาวก็ยอมรับว่าหลวงพระบางเป็นมรดกโลก ที่คนในโลกมีหน้าที่ต้องดูแลรักษาเอาไว้ไม่ใช่เฉพาะคนลาว ปล. เรามีรูปถ่ายวัดพระสิงห์เยอะแต่ไม่อยู่ในคอมนี้ ที่ถ่ายเองด้วยกล้องธรรมดาสวยจริง ๆ มีแต่ทอง ยิ่งวิหารลายคำยิ่งสวย ความจริงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมของวัดเชียงของอาจจะมากกว่า (น่าจะเก่ากว่า หรือร่วมสมัยกัน) แต่ของเราบูรณะหมดแล้ว ของลาวยังไม่บูรณะ ใครยังไม่เคยไป เชิญชวนไม่กราบหลวงพ่อพระสิงห์ เชียงใหม่ ต้นถนนคนเดินพอดี ต้องใช้เวลา 30+ นาทีถึงจะชมวัดหมด จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 13:08:14

ความคิดเห็นที่ 59 แวะมาตามชมต่อครับ ชมแล้วคิดถึงหลวงพระบางจังครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 13:29:08

ความคิดเห็นที่ 60   รอภาค4ครับ จากคุณ : JaNpUeK เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 13:48:15

ความคิดเห็นที่ 61 มารอค่ะ อู้งานมาเที่ยวหลวงพระบางด้วยคนนะเออ ^___^ จากคุณ : hookhook เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 15:13:21

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่เคยไปเลยคับ ...อยากจะไปมากมาย ขอตามติดไปด้วยคนจ้า จากคุณ : lawyerhang เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 15:42:28

ความคิดเห็นที่ 63   ตามมาจากชุดที่สองค่ะ สวยงามน่าไปค่ะ จากคุณ : IAmKate เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 21:26:02

ความคิดเห็นที่ 64 คืนนี้ติดงานแปะไม่ได้ ขออภัยอย่างสูง  พรุ่งนี้มาแปะอีก 2 ภาค (หลวงพระบาง - เวียงจันทน์) ขอบคุณทุกท่านที่ตามชมเด้อ มีคนถามว่าทำไมแปะภาพเยอะอย่างนี้ เลยต้องบอกความจริงว่า กระทรวงการท่องเที่ยวลาวเค้าไหว้วานให้มาโปรโมทหน่ะ . . . . . . อันสุดท้ายนี่ มุขนะ ห้ามเชื่อจริง เดี๋ยวศีลขาด หุหุ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 53 01:15:42 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 01:14:59

ความคิดเห็นที่ 65 อยากไปบ้าง อิจฉาจัง เก็บเงินๆๆๆๆ ^^ จากคุณ : angsumaree01 เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 22:02:10

ความคิดเห็นที่ 66   Sayo เขียนแบบฝรั่ง แต่ลาวเรียกว่า ไซโย ไม่ใช่ซาโยนะครับ ลาวก็เรียกว่าโกศ เหมือนกัน ไม่ใช่เกศ สุวรรณคำผง วัดเซียงทอง ทำไมกลายเป็นวัดเชียงของในตอนท้ายๆไปได้ เนื่องจากหลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก ชาวหลวงพระบางจะบูรณะเองไม่ได้ ต้องปล่อยให้องค์การยูเนสโกบูรณะเองครับ บางรูปดูไม่ชัดครับ สงสัยกล้องไม่มีแฟรชพอ ไม่ได้บ่นนะครับเพียงแต่แนะ จากคุณ : Innocent เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 01:17:42 A:96.255.194.62 X: TicketID:141679