|
ความคิดเห็นที่ 4 |
ขอแนะนำจากประสบการณ์นะคะ
-- คิดเอาเองว่าสก็อตแลนด์ที่คุณว่าคือ เอดินเบอระนะคะ
1. ไม่แนะนำให้บินกับ BA ค่ะ เพราะมีการนัดหยุดงานประท้วงอยู่เป็นระยะ หากคุณเจอแจ็คพอตไม่สนุกแน่ๆ ค่ะ อีกเหตุผลหนึ่งคือ BA มีข้อกำหนดเรื่องกระเป๋าเยอะมากค่ะ เช่น โหลดได้แค่ 1 ใบเท่านั้นและ 1 ใบนั้นต้องไม่เกิน 20 กิโลกรัม หากจำนวนกระเป๋าโหลดเกินกว่า 1 ใบก็จะคิดเงินเพิ่ม แม้ว่าน้ำหนักของกระเป๋าทุกใบที่โหลดจะรวมกันแล้วไม่ถึง 20 กิโลก็ตามค่ะ
2. การต่อเครื่องจากลอนดอนไปสก็อตแลนด์นั้น หากเช็คทรูมาจากกรุงเทพแล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำหนักกระเป๋า แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องน้ำหนักกระเป๋าจะได้แค่ 20 กิโลกรัมเท่านั้น หากเกินกว่านี้จะถูกเก็บเงินเพิ่มค่ะ และกระเป๋า 1 ใบหากจะน้ำหนักเกิน 20 กิโลก็จะต้องไม่เกิน 30 กิโลนะคะ ไม่งั้นเขามีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ขนให้ เพราะทำลายสุขภาพคนยกกระเป๋าค่ะ
หากหลีกเลี่ยงไม่เช้าลอนดอนได้จะดีมากค่ะ เพราะขั้นตอนการผ่าน ตม. ช้ามาก คนเยอะมาก วุ่นวายมากค่ะ และหากคุณต้องมาออกบอร์ดิ้งพาสที่ลอนดอนขอบอกว่า คิวยาวเยียดมากค่ะ ต้องคิดเผื่อเวลาเยอะๆ เลยล่ะ
3. หากคุณจะหยุดแวะเที่ยวลอนดอนก่อนแล้วค่อยเดินทางไปสก็อตแลนด์ในวันต่อๆ ไป หรือการเดินทางครั้งต่อๆ ไปจากสนามบินในประเทศอังกฤษ ข้อกำหนดเรื่องกระเป๋าโหลดยังเหมือนด้านบน แต่มีข้อที่ต้องเตรียมตัวคือ สัมภาระที่คุณจะถือขึ้นเครื่องค่ะ
ของเหลว เจล ครีม ลิปสติก ยาหม่อง น้ำหอม ยาทาเล็บ ฯลฯ จะต้องมีขนาดชิ้นละไม่เกิน 100 cc. และรวมทั้งหมดไม่เกิน 1,000 cc. ใส่ในถุงพลาสติกใสที่สามารถมองเห็นด้านในได้ และต้องปิดสนิทด้วยนะคะ ที่สำคัญคือต้องใส่รวมกันอยู่ในถุงใบเดียวเท่านั้น เวลาผ่านด่านตรวจสัมภาระต้องหยิบออกมาจากกระเป๋าเพื่อใส่กะบะสแกนค่ะ ดังนั้นควรจัดใส่ในกระเป๋าให้สามารถหยิบออกมาได้ง่ายๆ
หากมีเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะต้องหยิบออกมาจากกระเป๋าก่อนส่งสแกนนะคะ
เตรียมพร้อมถอดเข็มขัดและเสื้อกันหนาวด้วยนะคะ เพราะเวลาจะผ่านเครื่องสแกนจะต้องถอดเสื้อกันหนาวออกด้วยค่ะ บางคนอาจถูกขอให้ถอดรองเท้าอีกต่างหาก
น้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม (แต่บางสายการบินให้ถึง 10 กิโล ดังนั้นต้องตรวจสอบนะคะ)
ขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกินจากที่กำหนด จะมีช่องให้เราทดลองใส่กระเป๋าเพื่อตรวจสอบขนาด หากกระเป๋าเราใส่ไม่เข้าก็แสดงว่าใหญ่เกินไป ต้องส่งโหลดทีนี้อาจเสียเงินเพิ่มได้ค่ะ กรณีสายการบินโลว์คอสที่ไม่ได้ซื้อตั๋วรวมค่าโหลดกระเป๋าไว้ก่อน ไปซื้อที่หน้าเคาน์เตอร์จะแพงกว่าซื้อออนไลน์มาล่วงหน้าค่ะ
สำหรับคุณผู้หญิง หากคุณมีกระเป๋าลากเพื่อถือขึ้นเครื่องและมีกระเป๋าสะพายสำหรับผูหญิงด้วยนั้น กระเป๋าสะพายไม่ควรจะมีลักษณะเป็นเป้นะคะ และไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป เพราะเจ้าหน้าที่อาจไม่อนุญาตและอาจขอให้คุณเอากระเป๋าถือใส่ลงไปในกระเป๋าลากได้ เคยผ่านสนามบินฮีทโธรมีกระเป๋าสะพายใส่เล็กจิ๋วเขายังไม่อนุญาตเลยค่ะ ให้เอาใส่ในกระเป๋าที่ลากไปเพราะให้ผู้โดยสารสามารถถือกระเป๋าขึ้นเครื่องได้แค่ 1 ใบเท่านั้น อันนี้น่าจะเป็นระเบียบปฏิบัติของสนามบินในอังกฤษเท่านั้นมังคะ เพราะที่อื่นไม่เคยเจอ
4. สำหรับการซื้อตั๋วเครื่องบินแบบเที่ยวเดียวนั้น สามารถทำได้หากคุณมาเรียนหรือมาทำงานที่มีระยะเวลานาน อันนี้ขึ้นกับประเภทของวีซ่าที่ได้รับด้วยค่ะ แต่คุณสามารถซื้อตั๋วไป-กลับที่ไม่จำเป็นต้องออกเดินทางจากที่เดียวกันได้ เช่น กรุงเทพ-ลอนดอน ขากลับเป็นแฟรงเฟิร์ต-กรุงเทพ ก็ได้ หรือจะซื้อตั๋วโลว์คอสเพื่อบินกลับมาอังกฤษอีกก็ได้
สำหรับราคาสายการบินโลว์คอสขึ้นกับโปรโมชันค่ะ หากจังหวะไม่ดีก็แพงได้ใจค่ะ และบางทีก็แพงกว่าสายการบินปกติหรือถูกกว่านิดเดียวค่ะ ยังไงลองหาข้อมูลเยอะๆ นะคะ
ข้อพึงระวังสำหรับการจองตั๋วสายการบินโลว์คอสคือ ต้องอ่านรายละเอียดทุกบรรทัด ทุกคำ เช่น ราคาที่แสดงรวมภาษีหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ ราคาจะไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า และส่วนใหญ่จะให้เช็คอินออนไลน์เพราะจะคิดเงินเพิ่มหากไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ แต่คุณสามารถเช็คอินได้ล่วงหน้าหลายวันเลยค่ะ (จำจำนวนวันที่แน่นอนไม่ได้) เช็คอินออนไลน์แล้วเราก็พิมพ์ใบบอร์ดิ้งพาสออกมาแล้วถือติดตัวมาได้เลยค่ะ อีกอย่างคือตอนเช็คอินหากคุณต้องการเลือกที่นั่งเองต้องเสียเงินเพิ่มนะคะ แต่หากให้ระบบจ่ายที่นั่งให้จะไม่สียเงินค่ะ ทั้งนี้หากคุณไม่ชอบที่นั่งที่ระบบจ่ายให้ คุณสามารถยกเลิกรายการแล้วรอสักพักค่อยเช็คอินใหม่ ดำเนินการใหม่ทั้งหมดก็ได้ค่ะ เสียเวลานิดนึง แล้วก็ลุ้นเอา
กรณีมีกระเป๋าโหลด หากเช็คอินออนไลน์แล้วพิมพ์ใบบอร์ดิ้งพาสแล้ว ให้นำบอร์ดิ้งพาสไปยื่นที่เคาน์เตอร์เพื่อส่งกระเป๋า (bagage drop-in) ซึ่งก็จะอยู่บริเวณเดียวกับเคาน์เตอร์เช็คอินนั่นแหละค่ัะ
5. สำหรับค่าตั๋วรถไฟสามารถหารายละเอียดและซื้อได้จากเว็บไซต์ http://www.nationalrail.co.uk/ เข้าไปดูราคา ระยะเวลาเดินทางได้เองเลยค่ะ รวมถึงซื้อตั๋วได้เลย เพียงแต่คุณระบุสถานีต้นทาง สถานีปลายทาง และวันที่ต้องการเดินทางเท่านั้น หากไม่รู้ชื่อสถานีก็ใส่ชื่อเมืองค่ะ บางเมืองอาจมีสถานีรถไฟมากกว่า 1 แห่งนะคะ
แนะนำว่าหากคุณเตรียมการตั้งแต่ตอนนี้ก็เข้าไปดูราคาก่อนเปรียบเทียบราคาสัก 1-2 เดือนเพื่อจะดูว่าราคาที่ถูกที่สุดประมาณเท่าไหร่ เดินทางเวลาอะไร แล้วค่อยตัดสินใจซื้อตั๋วนะคะ
หากซื้อตั๋วรถไฟชนิดที่ระบุวันและเวลาแน่นอนจะมีแนวโน้มที่จะได้ราคาถูกกว่าแบบไม่ระบุเวลา(แต่ต้องระบุวันเริ่มเดินทาง) และรอดูราคาในแต่ละอาทิตย์เนื่องจากราคาโปรโมชั่นมักจะประกาศขายล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ ซื้อเร็วไปอาจไม่ได้ราคาถูกก็ได้ และหากเดินทางช่วง Off Peak (คือหลังเวลา 9.30 น. สำหรับวันจันทร์ถึงวันศุกร์ และตลอดวันของวันเสาร์และอาทิตย์) ราคาตั๋วจะถูกลงค่ะ
คุณสามารถซื้อตั๋วได้เลยแล้วพิมพ์รหัสอ้างอิงการซื้อ (Reference Number) แล้วนำติดตัวมาด้วยพร้อมกับบัตรเครดิตที่คุณใช้ในการซื้อตั๋วเพื่อนำมาออกตั๋วที่สถานีรถไฟ (ตู้ Self-service) ได้ค่ะ
6. สำหรับรถโค้ชสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ http://www.nationalexpress.com/home.aspx จากการทดลองพบว่านั่งรถจากลอนดอนไปเอดินเบอระ ใช้เวลา 9-12 ชั่วโมงนะคะ รถไฟจะใช้เวลาประมาณ 4.30-5 ชั่วโมงค่ะ
ค่าตั๋วรถไฟหรือรถโค้ชบางครั้งก็แพงกว่าค่าเครื่องบินนะคะ ดังนั้นต้องสืบราคาดีๆ ค่ะ
ข้อควรระวังคือ หากจะมานั่งรถไฟหรือรถโค้ชไปสก็อตแลนด์ คุณต้องนั่งรถไฟหรือรถไฟใต้ดินจากสนามบิน (โซน 6) เข้ามากลางเมืองลอนดอนก่อน เพราะจุดออกรถ (ทั้งรถไฟและรถโค้ช) จะอยู่ในลอนดอนโซน 1 ส่วนจะสถานีไหนนั้นขึ้นกับรอบเวลาที่จองค่ะ ดูรายละเอียดจากเว็บไซต์ในข้อ 5, 6 ค่ะเขาจะบอกไว้เลยว่าออกจากสถานีไหน ทีนี้ตอนขนกระเป๋าสิคะ ถ้ากระเป๋าหนักก็ลำบากหน่อย และรถไฟใต้ดินบางสถานีไม่มีลิฟต์หรือไม่มีบันไดเลื่อนนะคะ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์นะคะ ขอให้เดินทางปลอดภัยและสนุกสนานค่ะ
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 53 06:06:52
จากคุณ |
:
Manifestation
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ค. 53 05:36:07
|
|
|
|
|