ความคิดเห็นที่ 1 มีบันทึกของโจวต้ากวน (ราชทูตที่เข้าไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับเมืองเขมรเมื่อปี พ.ศ.๑๘๓๙) ได้จดบันทึกเกี่ยวกับปราสาทหลังนี้ไว้ว่า...... สระน้ำทิศเหนืออยู่ห่างจากนคร ๕ ลี้ ตรงกลางสระมีปราสาททองคำหนึ่งหลัง ห้องกุฎิหินหลายสิบห้อง พวกราชสีห์ทองคำ พระพุทธรูปทองคำ ช้างทองสัมฤทธิ์ วัวทองสัมฤทธิ์ และม้าทองสัมฤทธิ์ก็มีอยู่ที่นั่นทั้งสิ้น จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:06:30

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่แล้วครับ พวกสิงสาราสัตว์ มาจากปราสาทหลังนี้ที่เรียกว่า                           ปราสาทนาคพัน               ( ขะแมร์ออกเสียง เนียกปวน , Neak Pean ) ฟังแค่ชื่อก็กู๊ดเก๋แล้วครับ  น่าสนใจ ทำไมนาคต้องพันกัน เป็นตัวผู้กับตัวเมียใช่มิ หรือว่าตัวผู้กับตัวผู้ อิอิ ตัวปราสาทไม่เหมือนกับที่อื่นๆ เนื่องจากตัวปราสาทเป็นทรงกลมอยู่ตรงกลาง มีน้ำล้อมรอบ ว่าง่ายๆก็คือเป็นเกาะกลางน้ำหรือกลางบารายที่เรียกว่าชัยยะตาตะกะ(บารายทางด้านทิศเหนือ) และมีบ่อน้ำต่อออกไปทั้งสี่ทิศ นับว่าแปลกมาก คะนี้เราก็ต้องมาดูกันว่าการสร้างแบบนี้ ทำไม?  และตามคติอะไร? แบบจำลองตัวปราสาท V จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:16:13

ความคิดเห็นที่ 3 ปราสาทหลังนี้ไม่ใหญ่มากครับ เมื่อเทียบกับปราสาทอื่นๆในเมืองพระนคร ตัวปราสาทอยู่ห่างจากถนนใหญ่สัก 100-200 เมตร สองข้างทางเดินเข้าปราสาทมีต้นไม้ขึ้นเขียวครึ้ม ถ้าไปกับเพื่อนวิ่งจี๋เอวกันเล่น แป๊ปเดียวก็ถึง ถ้าไปกะแฟน เดินเกี่ยวก้อยกันไป โรแมนติคจะตาย ปราสาทนาคพัน สร้างตามคติพุทธ มหายาน ตามหลักของไตรภูมิพระร่วง (วรรณกรรมทางพุทธศาสนาเป็นพระราชนิพนธ์ของพระมหาธรรมราชาลิไทย สมัยสุโขทัย) ที่นี้อยากจะพูดถึงไตรภูมิพระร่วงหรือไตรภูมิกถาสักนิด เพื่อให้เราได้รู้และมองภาพปราสาคนาคพันได้เข้าใจขึ้นครับ ไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณกรรมที่กล่าวถึงที่ตั้ง การเกิด ที่อยู่(ภูมิ)ของมนุษย์  สัตวนรก อสูรกาย และเหล่าเทวดา โลกเราอยู่ชมพูทวีป มีเขาพระสุเมรุ(เขาไกรลาศ)เป็นแกนกลาง มีทิวเขาและทะเลล้อมรอบ ทิวเขาเหล่านี้เราเรียกว่า  สัตตบริภัณฑ์ ส่วนทะเลที่ล้อมรอบมี 7 ชั้น เรียกว่า มหานทีสีทันดร เกาะกลางน้ำเปรียบเหมือนเขาไกรลาศ สระทั้งสี่คือสระอโนดาด และมีท่าน้ำ 4 ท่า ให้พวกเทวดาหญิง-ชาย ฤษี พระปัจเจกโพธิ มาลงเล่นน้ำ ท่าใครท่ามันนะครับ ไม่งั้นโป๊ตาย สระอโนดาดมีสี่ทิศ ทิศหนึ่งดั่งหน้าสิงห์ ทิศหนึ่งดั่งหน้าช้าง ทิศหนึ่งดังหน้าม้า ทิศหนึ่งดั่งหน้าวัว และเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ใช้รักษาโรคได้ กล่าวได้ว่า ....... ปราาสาทนาคพัน ก็คือโรงพยาบาลศิริราชแห่งอาณาจักรพระนคร นั่นเอง ซิบอกไห่ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:29:29

ความคิดเห็นที่ 4   ย่องมาฟัง  เป็นเพื่อน.....ปู่ยุทธเล่าเรื่องเก่าเรื่องแก่ค่ะ....อิอิ จากคุณ : โบกโบยบินไป เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:36:36

ความคิดเห็นที่ 5 สัตว์ทั้งสี่นั้นได้สะท้อนถึงความต้องพื้นฐานของมนุษย์เรา อันได้แก่ การมีทรัพย์ ปัญญา สุขภาพดีและอำนาจ สระทั้งสี่มีสัตว์ประจำทั้งสี่ทิศ หัวช้าง - ทรัพย์ ร่ำรวย หัวม้า - ปัญญา หัวดี เรียนเก่ง หัวคน(วัว)               - สุขภาพ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย หัวสิงค์ - อำนาจ บารมี ปัจจุบันหัววัวไม่มีแล้ว เป็นหัวคนแทนครับ สมัยก่อนคนที่อยากร่ำรวยก็อาจจะมาอาบหรือกินน้ำที่ท่าที่มีหัวช้าง บริเวณปากของสัตว์จะเป็นที่ทดน้ำ สำหรับให้น้ำจากสระทั้งสี่ทิศเข้ามาสู่เกาะกลาง เลือกท่าไหนดีครับ ถามเล่นๆ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:38:47

ความคิดเห็นที่ 6 ปัจจุบันถ้าเราไปดูจะไม่เห็นมีน้ำล้อมเกาะนะครับ ต้องจินตนาการเอาเอง เพราะมันแห้งไปหมดแล้วครับ (ถ้าไปหน้าฝน น่าจะเห็นบาราย) เราสามารถเดินไปชมภาพแกะสลักบนเกาะกลางได้เลยครับ จะมีบันไดเดินลงไปเหมือนอัฒจรรย์สนามกีฬา(ตามรูป คห.3) จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:42:21

ความคิดเห็นที่ 7 ตัวปราสาทที่เกาะตรงกลางมีประตู 4 บาน เป็นประตูหลอกซะ 3 บาน ภาพสลักพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรอยู่ทางด้านทิศใต้ครับ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:45:25

ความคิดเห็นที่ 8 หน้าบันมีการแกะสลักเป็นพุทธประวัติ รูปแกะสลักเป็นภาพที่พระพุทธเจ้าปลงผมอยู่ด้านทิศตะวันออก พระพุทธเจ้าออกบวชอยู่ทางทิศเหนือ พระพุทธเจ้าทำสมาธิสมาธิใต้ต้นโพธิ์อยู่ทางด้าทิศตะวันตก จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:46:59

ความคิดเห็นที่ 9 ตรงกลางบาราย(ด้านทิศตะวันออก)เราจะเห็นรูปแกะสลักลอยตัว                               เป็นรูปม้า ม้าอะไร หรือที่นี่เมื่อก่อนเป็นโรงพยาบาล เลยผลิตยาม้า อิอิ ว่ากันว่าเป็นม้าตัวนี้เป็นรูปจำแลงของพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ชื่อว่า...                                 ม้าพลาหะ เป็นม้าที่มาช่วยพ่อค้าชื่อสิงหะ ให้รอดพ้นจากเรือล้มกลางทะเล อันเกิดจากการกระทำของพวกอสูร (เราจะเห็นว่าบริเวณขาม้าจะมีคนเกาะอยู่ครับ) ซึ่งมันซ้อนคติเรื่อง... การหลุดพ้น หรือก้าวข้ามวัฏฏสงสารคือไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว คติหินยานการหลุดพ้นเป็นเรื่องปัจเจก ตัวใครตัวมัน คติมหายานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้หลุดพ้นได้ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 00:54:26

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นอันว่าจบในส่วนของ    ปราสาทนาคพัน ถ้าไปเที่ยวเขมร หลังจากดูปราสาทนาคพัน ก็สามารถไปปราสาทพระขรรค์ ปราสาทตาพรหมได้ อยู่ไม่ไกลกันมากนัก มาเฉลยเรื่องนาคพันกันนิดหนึ่งครับ......... ....  ความจริงนาคทั้งสองตัวเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองไม่ใช่ นาคธรรมดานะครับ เป็นเทวดาทั้งคู่ มีชื่อว่า   นันทะ  กับ  อุปนันทะ  ...... ส่วนสิงสาราสัตว์ทองสัมฤทธิ์ที่วัดมหาธาตุ อยุธยา ไม่มีแล้วนะครับ เพราะว่า สมัยพระเจ้าบุเรงนองมาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อกรุงแตกแกก็ขนไปหงสาวดี ที่นี้พวกยะไข่(โจรสลัด)มาปล้นไปต่อ เอาไปไว้ที่เมืองเวสาลี โดยเอาไปถวายพระมหามุนี(พระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงของพม่า) บางทีเรียกพระหนังย่นหรือหนังไก่     ต่อมาพระเจ้าปะดุงยกทัพไปปราบพวกโจรสลัด แล้วย้ายพระมหามุนี(พระพุทธรูป)มาไว้ที่ที่มัณฑเลย์ ของถวายที่เป็นสิงสาราสัตว์ทองสัมฤทธิ์จึงติดสอยห้อยตามมาอยู่ที่นี่ด้วยครับ   ปัจจุบันก็ยังมีให้เห็น ที่ยังสมบูรณ์ก็คือช้างเอราวัณ       ทวารบาล สิงห์เขมร(หัวพม่า) สัณนิษฐานว่าหัวสิงค์เป็นพม่าทำมาต่อที่หลัง เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายมาหลายครั้ง จึงอาจมีการหัก ชำรุด ไปบ้าง มีเรื่องที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันชาวพม่าเวลาเจ็บป่วย ไปกราบไหว้พระมหามุนี เจ็บป่วยที่ตรงไหนก็จะเอามือไปลูบบริเวณนั้นของทวารบาล แสดงถึงคติการรักษาพยาบาลที่สืบทอดมาจากเขมร อย่างไม่น่าเชื่อ (ผมยังไม่เคยไปกราบพระมหามุนีครับ) จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:09:30

ความคิดเห็นที่ 11 ที่นี้กลับมาที่อยุธยานะครับ                                                                     วัดมหาธาตุ ภาพที่คุ้นตาของพวกเราก็คือ ... เศียรพระพุทธรูปที่ถูกกระชับพื้นที่ด้วยต้นไม้ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:15:10

ความคิดเห็นที่ 12   ดึกดื่นแล้ว ปรู่ มาตีลังกา อะไรแถวนี้นี่ อิๆ จากคุณ : โยเยจัง (ยาโยยจัง) เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:15:28

ความคิดเห็นที่ 13 พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐกล่าวว่า..... สถาปนาวัดมหาธาตุ พ.ศ.1917 ในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) ยังสร้างไม่เสร็จ   ต่อมาในสมัยพระราเมศวรทรงศีลอยู่ที่วังเดิมหรือวัดพระศรีสรรเพชรมหาปราสาท เพลา 10 ทุ่ม ทรงทอดพระเนตรไปทางทิศบูรพา เห็นพระบรมสารีริกธาตุเปล่งแสงส่องสว่างลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ชั่วอึดใจก็หายไป จึงโปรดให้สร้างพระปรางค์มหาธาตุบริเวณที่ทอดพระเนตรสูง 38 เมตร มีปรางค์บริวารอีก 5 องค์ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:17:39

ความคิดเห็นที่ 14 ปรางค์ประธานพังครืนลงมาในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม V V จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:19:15

ความคิดเห็นที่ 15 มีตำนานเล่าว่าก่อนกรุงแตกไม่นาน มีอีกาสองตัวบินจิกตีกัน จนโดนยอดพระปรางค์เสียบอกตาย อันถือเป็นลางร้าย จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:20:12

ความคิดเห็นที่ 16 ในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดอัญเชิญ พระพุทธรูปคันธารราฐประทับนั่งห้อยพระบาทไปประดิษฐาน ณ วัดหน้าพระเมรุ จนถึงทุกวันนี้ V V จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:21:31

ความคิดเห็นที่ 17 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์เสด็จมาประกอบพิธีบวงสรวงรัชมังคลาภิเษกเมื่อ พ.ศ. 2450 พระปรางค์ก็ยังคงดีอยู่ เพิ่งจะพังลงมาในรัชกาลที่ 6 (แต่เดิมที่พังในสมัยพระเจ้าทรงธรรมนั้น พระเจ้าอยู่หัวปราสาททองและพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงให้บูรณะปฎิสังขรณ์) V จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:24:55

ความคิดเห็นที่ 18 วันที่ 20,25 สิงหาคม พ.ศ. 2499 กรมศิลปากรได้ขุดกรุพบเครื่องทองและพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 22 รายการ สิ่งของเหล่านี้จัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา และเป็นที่รู้กันว่ามีโจรใจบาปได้รอบเข้าไปขโมยขุดกรุของบางส่วนไป จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสมบัติของชาติได้ถูกทำลาย เรื่องคนไทยทำร้าย ทำลายชาติของตัวเอง ไม่ใช่เพิ่งมาเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อก่อนก็เคยมี เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้เอย จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:27:23

ความคิดเห็นที่ 19 หรือว่านี่คือ              นาคนันทะ    กับ    อุปนันทะ กลับชาติมาเกิด เพื่อมาเฝ้าสิงสาราสัตว์ทองสัมฤทธิ์ V V จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:30:21

ความคิดเห็นที่ 20 ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ ทั้งผู้ที่ฝากร่องรอยเอาไว้ และ จากไปอย่างไม่ใยดี ------------------- จบบริบูรณ์ -------------------- จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:32:24

ความคิดเห็นที่ 21 แว๊บมาดู  จากไปเงียบๆ เด๊วพุ่งนี้กลับมาอ่านค่ะ ตอนนี้ไม่ไหว ง๊วง ง่วง จากคุณ : แตงไทยใส่น้ำแข็ง เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 01:35:44

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพครั้งนี้ดูทึมๆ ดำๆ น่ากลัวๆ ได้มาขำก้ากก็ภาพสุดท้าย คห 19 กับคำบรรยายและภาพ ขอบคุณค่ะที่ทำให้คืนนี้นอนได้ไม่รู้สึกกลัว(ผี) จากคุณ : Manifestation เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 04:39:34

ความคิดเห็นที่ 23 เนื้อหาเพียบ ขอบคุณที่เเบ่งปันความรู้พร้อมภาพสวยนะคะ จากคุณ : แม่คะนิ้ง เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 06:16:22

ความคิดเห็นที่ 24 แวะมาทิ้งร่องรอย แต่จากไปอย่างคนใยดีนะ จากคุณ : กิ๊บส์ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 07:57:49

ความคิดเห็นที่ 25 มาเก็บเกี่ยวประวัติศาสตร์ บางเรื่องเคยรู้มาบ้าง แต่ไม่กระจ่าง ตอนนี้ เห็นแสงสว่างอยู่รำไร จากคุณ : นู๋บัวไร เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 09:32:09

ความคิดเห็นที่ 26 #5 ที่ถามเล่นๆว่าเลือกท่าไหน? ...ท่าที่กินแล้วมีแฟนอ่ะ ไม่มีเหรอ อิ_อิ (ล้อเล่นจ๊ะ) ชอบค๊าาาาาาา...ภาพสวย..ให้ความรู้ด้วย ^_^ จากคุณ : ลี้ภัย(รัก) (มหาโจรแห่งบ้านลี้) เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 09:51:54

ความคิดเห็นที่ 27 ฝากรอยเท้าเอาไว้  ขยันแล้วจะมาอ่านโดยละเอียดอีกทีนะ เรื่องโบราณๆ ต้องยกให้ปู่จริงๆเลย จากคุณ : กระดาษเปื้อนยิ้ม เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 10:01:38

ความคิดเห็นที่ 28 ไว้ทำงานเสร็จแล้วจะมาอ่านอีกทีนะครับ ตอนนี้อ่านไปได้สองสามความเห็นแล้ว จากคุณ : 16เมษา เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 10:09:03

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาอ่าน เเละทิ้งรอยยิ้มมม... จากคุณ : เข็มซ่อนปลาย เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 10:36:56

ความคิดเห็นที่ 30 ได้ทั้งความรู้.... ชมรูปสวยๆๆ.... อ่านเม้นเพื่อนๆๆพี่ๆๆ จนยิ้มๆๆว่า  ..... อยากไปบ้างจัง อิอิ จากคุณ : วิกส์..อินเลิฟ..640.. (viclovepostcard) เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 11:14:30

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณ -  นู๋หิ่นอินตรัง, nupaew, ก้านกล้วยสีสด, mbapsu04, Cherokee1, khewbaa,iloveham โบกโบยบินไป  -  ขอบคุณครับ ที่มาอยู่เป็นเพื่อนกัน แต่น้อยใจคำก็เก่า สองคำก็แก่ อิอิ โยเยจัง (ยาโยยจัง) - โอ๋  โอ๋  อย่าโยเย  เงียบซะนะ เดี๋ยวส่งโปสการ์ดไปให้ ฮือ ฮือ แตงไทยใส่น้ำแข็ง - แล้ววันนี้อย่าลืมมาอ่านนะตั๊บ รู้จักแต่แตงไทยใส่น้ำกะทิ 555 Manifestation - คุณน้องนิชาขร่า กลัวผีเนี๊ยนะ ที่เมืองปะกิตไม่น่าจะมีผีหน๊าพี่ว่า เพราะขอวิซ่าไม่น่าผ่าน แม่คะนิ้ง  - ผมก็ขอขอบคุณพี่ไก่ที่เข้ามาอ่านครับ หวังว่าพี่ไก่คงชอบนะครับ กิ๊บส์  -  ห่วงใยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นะต่ะเอง นู๋บัวไร -  สามารถเป็นแสงสว่างอันเล็กๆให้พี่นุชได้ ถือว่าเป็นเกียรติครับ มหาโจรแห่งบ้านลี้  -  ขอบคุณนะฮะ ที่ชมว่าภาพสวย ตัวจริงสวยกว่าภาพอีกค่ะ กระดาษเปื้อนยิ้ม  -  อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง tomorrow never come  อิอิ 16เมษา  -  คิดถึงครับ ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ เข็มซ่อนปลาย - มายิ้มรับขับสู้ครับ วิกส์..อินเลิฟ..640.. (viclovepostcard) - งอลลล วิกส์แหร่ะ ที่กะสาวๆห่วงใยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ที่กะคนแก่อย่างปรู่ส์  ฮึ เชอะ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 53 11:36:43 จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 11:32:44

ความคิดเห็นที่ 32   แวะมาค่าๆ เคยอ่านสารานุกรมอยู่ๆๆ ตอนนั้นแข่งค่ะๆๆ  เรื่องนี้ยากที่สุดเลย จำยากมากๆ  *-* 5555+ จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 12:23:34

ความคิดเห็นที่ 33 แวะมาฝากความคิดถึงค่ะ รูปขาวดำสวยจัง จากคุณ : น้องหนูพันธุ์ดุ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 13:22:17

ความคิดเห็นที่ 34 ดูภาพก่อน ขออ่านแปบนะจ้ะพี่ยุทธ^^ ----------------- มาแล้วค่ะหลังจากบอกว่าขอเวลาอ่านไป1คืนน จะบอกว่าชอบเรื่องแบบนี้จังค่ะ ------------------------ คิดแล้วเชียวว่าท่านพี่ของข้าจักต้องเป็น ผู้เฝ้าติดตามและกวนน้ำ(ในอ่าง)แห่งกาลเวลา ทำให้ข้าผู้น้อยด้อยความรู้จักได้เพิ่มพูนความรู้ขึ้นมาอีก 1 กระผีก ข้าล่ะซึ้งจนน้ำลายไหล เอ้ย!น้ำตาไหลปริ่มจะปวดท้อง เพราะคลื่นเหียน กับส้มตำที่กินไปยิ่งนัก 55555 วันหลังท่านพี่โปรดนำเรื่องดีเยี่ยงนี้มาป้อนข้าน้อยอีก จักเลี้ยงน้ำชาจอกใหญ่ ใต้ต้นตะขบที่หลังวังของข้า ให้ท่านได้สำราญใจที่ซู้ดดดดดดดดดดดด 5555555555555555555555555 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 13:51:40 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 53 16:03:19 จากคุณ : arakanji เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 16:02:54

ความคิดเห็นที่ 35 ป๋าขา ดี้ตามป๋ามา ... หลับหลังหัน หันหลังหลับ ... ชอบภาพสีเทาๆ ดูเศร้าๆดีเนอะ?? จากคุณ : ThE BeSt CaNdY เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 17:03:19

ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อคืนดึกเกิ้น เลยแจกกิฟต์ไว้ก่อน เพิ่งมาตั้งใจอ่านจบตอนนี้เอง ยอดเยี่ยมมากเลยครับ ที่โยงประวัติศาสตร์เขมร ไทย พม่า เข้าด้วยกัน แล้วจะพาไปชมปราสาทอื่นในเมืองพระนครต่ออีกหรือเปล่าครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 18:54:19

ความคิดเห็นที่ 37 มาลงชื่อว่าชอบภาพขาว-ดำ ค่ะ ส่วนข้อมูลเด๊วว่างแล้วจะกลับมาอ่านค่ะ ตอนนี้ตาลายมากกก จากคุณ : วันนี้เซ็นทรัลคิดค่าถุง1บาทง่ะ (^^ NataDeCoco ^^) เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 21:56:48

ความคิดเห็นที่ 38 กลับมาอ่าน คห 19 พร้อมภาพประกอบทีไรก็ขำทู๊กที กลับมาถามปรู่อีกนิด เมื่อมีหัวสิง หัววัว หัวช้าง หัวม้า แล้ว ไฉนลืมหัวงูไปได้ว่าเขมรมีความหมายหรือไม่ อย่างไร จากคุณ : Manifestation เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 23:58:38

ความคิดเห็นที่ 39 ปู่ อธิบายละเอียดกว่าไกด์เขมรอีกนะเนี่ย ^^ จากคุณ : jk (016) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 00:17:25

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นด้วยกับ คห. ของพี่เชอร์  วันหลังเอามาโยงกันอีกนะชอบๆ จากคุณ : กระดาษเปื้อนยิ้ม เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 00:20:08

ความคิดเห็นที่ 41 มีเรื่องที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันชาวพม่าเวลาเจ็บป่วย ไปกราบไหว้พระมหามุนี เจ็บป่วยที่ตรงไหนก็จะเอามือไปลูบบริเวณนั้นของทวารบาล แสดงถึงคติการรักษาพยาบาลที่สืบทอดมาจากเขมร อย่างไม่น่าเชื่อ (ผมยังไม่เคยไปกราบพระมหามุนีครับ) ^ ^ ^ ปู่หาเหตุไปพม่าอีกป่ะคะเนี่ย  ^_^ ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆคะ จากคุณ : ก้านกล้วยสีสด เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 09:35:21

ความคิดเห็นที่ 42 รูปสวย และเนื้อหาเปี่ยมล้น... ขอกดเก็บเข้าคลังก่อน... เดี๋ยวกลับมาละเลียดอ่านอีกรอบนะครับ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 10:59:58 จากคุณ : คทจด (คนไทยใจดีจริงๆ) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 10:58:33

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านละเอียดแบบเตรียมตัวสอบเลยละคะ เสร็จแล้วก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น เดี๋ยวจะหาว่าไม่ใยดี... จากคุณ : Bukita เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 19:01:26

ความคิดเห็นที่ 44 เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาตอบรอบ 2 ครับ rakwahnron  -  ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ ใช่แล้วครับจำยากมากๆ สับสนด้วยครับ น้องหนูพันธุ์ดุ - ขอบคุณครับน้องผึ้ง พี่หลงรกภาพขาว-ดำ ซ่ะแว๊วววว arakanji  -  น้องเล็ก กล่าวชมท่านพี่เกินไป มิกล้าอาจเอื้อม อิอิ กระดาษเปื้อนยิ้ม - ขอบคุณครับ ก้านกล้วยสีสด - รู้ได้ไงเนี๊ย อิอิ ThE BeSt CaNdY  -  ขอบคุณจร้า Cherokee1 -  ขอบคุณครับพี่เชอร์ ถือว่าเป็นคำชมนะครับ มีโอกาสจะพาไปเที่ยวเมืองพระนครอีกครับ (พม่ายังค้างเติงอยู่อีกหนึ่งวันเลย 555) (^^ NataDeCoco ^^)  - อย่าลืมกลับมาอ่านหน๊า Manifestation - จะขำอะไรนักหนา ฮึ คุณนิเชา เอ้ย! นิชา jk (016) - ขอบคุณครับพี่โจ๊กที่เอารูปมาช่วยแจมครับ คทจด - ขอบคุณครับ Bukita  - ขำพี่หวาน ขนาดนั้นเลยนะพี่ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 21:27:58

ความคิดเห็นที่ 45 คห 38. งูที่อยู่บนหัว(หัวงู) ไม่ต้องไปดูไกลถึงเขมรหรอกครับ มาดูที่น้องชง(สุดหล่อ)ก็ได้ อิอิ พาดพุง แต่ถ้าหมายถึง ภาพยนตร์เขมรเรื่อง งูเก็งกอง มันก็เป็นแค่หนังนะครับ อาจจะมีตำนานเล่าสืบต่อมาอยู่บ้างครับ กล่าวคือ.... มีเจ้าชายจากชวาหนีมาที่เขมร มามี something กับนาค เกิดเป็นต้นตระกูลของพวกเขมร... พวกฮินดูจะมีเรื่องราว ตำนานเกี่ยวกับนาคเยอะมากครับ.... ความจริงนาค ครุฑ พระอรุณ เป็นพี่น้องกัน (พ่อเดียวกัน คนละแม่, พระอรุณเป็นน้องในไส้ของครุฑ) ถึงแม้ครุฑจะชอบจับนาคกินก็ตาม (วันหลังจะเล่าเรื่องกำเนิดครุฑกับนาคให้ฟังครับ) ..... วันนี้ขอเล่าเรื่อง ทำไมนาค(งู) ถึงมีลิ้นสองแฉก ....... ตัดตอนมาที่ .... นาคจับแม่ของพญามหาปักษี(ครุฑ) มาเป็นตัวประกัน ยื่นคำขาดว่า .... (ภายในสามวันถ้าไม่ยุบสภาจะยกระดับการชุมนุม ... เอ้ยยย ม่ายช่ายยยยย อิอิอิ) ครุฑต้องไปขโมยน้ำอมฤตของพระอินทร์มา ไม่งั้นแม่ท่านตายยยย ครุฑก็เก่งแถมฉลาดอีกต่างหาก ขโมยมาได้ แต่พอนาคปล่อยแม่ตัวเองแล้ว ก็รีบแย่งกลับคืน เอาไปให้พระอินทร์ตามเดิม ตอนแย่งกันมันคงชุลมุน นาคเห็นหยดน้ำบนใบหญ้าตามพื้นดิน  ก็รีบเลียกินกันหญ่ายยยยย ที่ไหนได้เป็นน้ำค้างตามยอดหญ้า  แถมเป็นหญ้าคา  อีกต่างหากกกกกก ก็เลยบาดลิ้นนาค ตั้งแต่นั้นมานาค(งู) .... จึงมีลิ้นสองแฉก ครับ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 21:55:03

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณปรู่ที่มาชี้แจงเพิ่มเติมค่ะ จากคุณ : Manifestation เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 22:57:02

ความคิดเห็นที่ 47 จะเล่าเรื่องกำเนิดครุฑกับนาคให้ฟังวันไหน จุดธูปเรียกด้วยนะปุ่ อยากฟัง! จากคุณ : บุหลันลอยฟ้า เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 23:04:24

ความคิดเห็นที่ 48 ^ ^ คห 45 เนี่ยให้ give เพราะผมหัวงูใช่มะ พี่ยุทธครับติดไว้ก่อนนะ พรุ่งนี้ขอกระทู้นี้ไปอ่านที่ทำงานนะครับ จากคุณ : nayroysoydao เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 00:09:37

ความคิดเห็นที่ 49 งัวเงียตื่นมา รับความรู้และความฮา(??)ในทู้พี่ปรู่ฮับ จากคุณ : asp_ash เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 11:58:31

ความคิดเห็นที่ 50 มันเป็นเยี่ยงนี้นี่เองท่านพี่จักเชี่ยวชาญเรื่องลิ้นของงูยิ่งนัก เอ...หรือว่า?55555 พี่ชงมีงูบนหัวจริงเหรอค่ะ จากคุณ : arakanji เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 15:25:25

ความคิดเห็นที่ 51 ปรู่ถ่ายทอดได้เยี่ยมจริงๆ สมัยเรียนเรื่องราวของอารยธรรมทั้งตะวันออกและตะวันตก อาจารย์ที่สอน ไม่ยักถ่ายทอดแบบปรู่ เรียนที่ไร..หลับทุกที จากคุณ : ป้าพาฝัน เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 17:37:50

ความคิดเห็นที่ 52 มาเก็บเกี่ยวความรู้ค่า ได้สิงสาราสัตว์กลับไปเพียบเลย อิอิ จากคุณ : pookkapun เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 19:11:36

ความคิดเห็นที่ 53 เข้ามาตอบเป็นรอบที่ 3 บุหลันลอยฟ้า -    ป้าฮ่ะ อย่างป้านก คงต้องใช้ธูปยักษ์ที่บูชาองค์พระปฐมเจดีย์  ฮี่ ฮี่ nayroysoydao - อย่าติดไว้นานนะครับ เดี๋ยวออกดอกหน๊า อิอิ asp_ash  -  เวลาเขียนเรื่องพวกนี้ พี่จะนึกถึงน้องสุด-ทิเสมอครับ  รู้ว่าน้องชอบ แต่ไม่กล้าหลังบ้านไปตาม กลัวเป็นการรบกวนน้องครับ arakanji  -  เรื่องพี่ชงหัวงู เอาไว้น้องเล็กมางานมีตติ้งก็จะทราบด้วยตัวเอง เรื่องแบบนี้บอกไปก็ไม่เชื่อ อิอิ ชื่อก็บอกแล้ว ภุชงค์ = พญานาค  อิกอิกอิก ป้าพาฝัน  -  ขอบคุณครับป้า การทำด้วยใจรัก ใจชอบ ย่อมแตกต่างจากการทำเพราะถูกบังคับครับ pookkapun  -  ด้วยความยินดีจร้าาาาาาาา ปุ๊กปุ่น จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 20:01:29

ความคิดเห็นที่ 54 ซัวสะได๋ เป็นคำทักทาย ถ้าเราสุขสบายดี ตอบว่า ซกสะบ๋ายดี๋ ขอบคุณก็ ออกุนเจริญ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 53 22:36:11 จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 20:02:14

ความคิดเห็นที่ 55 ปู่มากัดผมอีกละ จากคุณ : nayroysoydao เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 09:38:50

ความคิดเห็นที่ 56 จริง ๆ อ่านจบตั้งแต่ห้านาทีหลังจากนั้นหล่ะครับ จากคุณ : 16เมษา เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 15:06:59

ความคิดเห็นที่ 57 ในคูหา ห้าสาม อ่านที่พี่ปรู๋ถึงนู๋แล้ว แทบจะอยากไปลาออก เอิ๊ก เอิ๊ก จากคุณ : asp_ash เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 10:28:38

ความคิดเห็นที่ 58 จากคุณ : เหมียวหนุ่ย เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 06:25:49