ความคิดเห็นที่ 1 มาถึงเวนิซประมาณ 12.40 เลยจากที่กำหนดไว้เล็กน้อย ก็มองหาสาวไทยที่ยืนอยู่ที่ชานชาลาหนึ่ง ... คือ คุณเป้านั่นเองค่ะ อุตส่าห์มารับเราถึงที่เลยทั้งๆที่เป็นหวัดอยู่  คุณพี่เป้าก็ให้เราไปซื้อตั๋วรถไฟไปมิลานซะตั้งแต่เนิ่นๆเลยล่ะค่ะ เราก็เลยลากกระเป๋าไปยืนต่อคิวที่ช่องขายตั๋ว แต่ดันลืมมองว่ามันขายเฉพาะแบบ Regional train ก็เลยไม่ได้ซื้อ Euro star ค่ะ แต่ดูจากเวลาแล้วก็ไม่แย่เท่าไหร่ เราซื้อตั๋วรอบ 11โมง ก็จะไปถึงมิลานประมาณ บ่ายสองครึ่ง แถมราคาก็ถูกด้วย 29Euro เอง ถ้าเป็น Euro star คงแพงกว่านี้เกือบเท่า แล้วก็ไปถึงเร็วกว่าแค่ประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ   จากนั้นเราก็ต้องมาเสียตังค์ซื้อตั๋วเรืออีกค่ะ คนละ 28Euro ไว้สำหรับเดินทางในเวนิซในเวลา 48 ชั่วโมง เขามีให้เลือกหลายราคาค่ะแล้วแต่ช่วงเวลา มีทั้ง 24ชั่วโมง 36ชั่วโมง อะไรประมาณนี้ แต่ราคาจำไม่ได้ค่ะ ไปยืนดูตรงที่ป้ายหน้าช่องขายตั๋วได้ ตั๋วนี้เวลาจะขึ้นเรือก็ต้องเอาไปแตะกับเครื่องสีแดงๆนะคะ เพราะมันจะบอกว่าตั๋วนี้จะหมดอายุวันไหน พอซื้อตั๋วเรียบร้อย เราก็ไปยืนรอเรือที่ท่าค่ะ เอ่อ มันชื่อท่าอะไรน้า จำไม่ได้ค่ะ แต่เป็นท่าที่ติดกับช่องขายตั๋วอ่ะค่ะ เราขึ้นสายสอง ไปลงที่ท่า Rialto แล้วคุณพี่เป้าก็เดินนำตรงไปเรื่อยๆเลยค่ะ ที่พักหาไม่ยาก อยู่ริมน้ำเลยด้วย แต่ว่าซอกซอยในเวนิซเล็กมาก ก็อาจจะงงเล็กน้อยนะคะ เดินที่โรมกะฟลอเรนซ์แทบจะไม่หลงเลย แต่มาหลงได้หลงดีที่เวนิซนี่ล่ะค่ะ   คุณพี่เป้าน่ารักมากค่ะ ทำข้าวต้มกระดูกหมูไว้ให้เราทานด้วย แถมให้แผนที่เวนิซและบอกที่ทางเราเสร็จสรรพเลยค่ะ ที่พักก็ดีมากๆค่ะสะอาดเรียบร้อย มีขนมปังและชาให้ทานฟรี ใครสนใจก็เข้าเวปพี่เป้าไปสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมได้เลยนะคะ ชื่อ venicehome ลอง search ดูนะคะ อันนี้เป็นรูปที่พักของพี่เป้าค่ะ ^^ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 21:25:56 จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 21:10:40

ความคิดเห็นที่ 2 พอเติมพลังแล้วก็ออกไปเริงร่าข้างนอกค่ะ ที่แรกที่เราไปก็คือจตุรัส San Marco เพราะอยู่ใกล้ที่พักที่สุด เดินตามป้ายแป๊ปเดียวก็ถึงแล้วค่ะ วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าสดใสมาก ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย คนก็เยอะตามเคยค่ะ เราไปยืนต่อคิวเพื่อจะเข้าโบสถ์ San Marco ตั้งนาน แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าค่ะเพราะกระเป๋าสะพายใหญ่เกินไปต้องเดินไปฝากกระเป๋าที่ตรอกข้างๆ เราก็ว่ากระเป๋ากล้องเราไม่เห็นจะใหญ่เลยนะคะ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้ เราก็เลยงอน ไม่เข้าก็ได้ เชอะ  เพราะเขาไม่ให้ถ่ายรูปข้างในโบสถ์ด้วยล่ะ เลยถ่ายรูปด้านนอกแทนค่ะ มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนไฮสคูลมากันเยอะมากกกกกก ตอนเรากำลังถ่ายรูปอยู่ ก็มีนักเรียนมาขอถ่ายรูปด้วย ดูจากหน้าตาน่าจะเป็นสเปนนะคะ เราสองคนก็มองหน้ากัน นี่เราสวยขนาดมีคนมาขอถ่ายรูปเลยเรอะ แต่ก็ให้ถ่ายค่ะ เพราะใส่แว่นดำอยู่มองไม่ค่อยเห็นหน้าอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ บรรยากาศรอบๆจัตุรัส San Macro แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 21:26:50 จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 21:21:40

ความคิดเห็นที่ 3 มาเวนิซ ก็ต้องขอลองนั่งเรือ Gondola  ใช่มั้ยคะ ตอนแรกเราสองคนก็ไม่คิดจะนั่งหรอกค่ะ แต่บรรยากาศมันพาไป มี Gondola รออยู่เต็มท่าเลยค่ะ ก็เลยไปถามเขาว่าเท่าไหร่ เขาคิดเที่ยวละ 120 Euro ค่ะ พอคูณเป็นเงินไทยปุ๊ป โหหหห ไม่เอาดีกว่ามั้ง แต่ก็ไม่รู้อะไรมาดลใจ เพื่อนเคยมาเมื่อสองปีก่อนบอกว่านั่งไป 100 Euro อืม เขาอาจจะขึ้นราคาก็ได้มั้ง ก็เลยตกลงปลงใจไปนั่งค่ะ   (กัดฟัน ตัดใจสุดๆ ในการนั่ง เพราะราคาแพงโฮกมากๆ) อันนี้เป็นบริเวณท่าเทียบเรือค่ะ มีเรือกอนโดล่าจอดกันเต็มไปหมด จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 21:31:08

ความคิดเห็นที่ 4 คนที่เป็น Gondola แมนให้เรานี่ ปู่ พ่อ เขาก็เป็นเหมือนกันนะคะ แล้วเขาก็ทำอาชีพนี้มา 25ปีแล้วค่ะ เขาก็ค่อนข้าง nice จะมีบอกตลอดว่าตอนนี้เรามาถึงไหนแล้วอะไรงี้ มีบอกว่าบ้านส่วนมากจะไม่มีคนอยู่ชั้น 1 เพราะว่าน้ำมักจะท่่วม ดังนั้น ผู้คนก็เลยไปอยู่ชั้น 2 เป็นต้นไป แล้วคุณลุงกอนโดล่าคนนี้ก็บรรยายตึกนู้นตึกนี้ตลอด มีบอกว่าบ้านไหนเป็นบ้ายของ คาสซาโนว่าด้วย แต่เราก็จำไมไ่ด้ ฮ่าๆๆๆๆ นั่งประมาณ 50 นาที ก็ต้องบอกลา120 Euro ของเราแล้วค่ะ ตอนนั้นมันเพิ่งจะประมาณสี่โมงครึ่งค่ะ แต่ท้องฟ้าก็เริ่มครึ้มแล้ว มีฝนตกปรอย อากาศเริ่มเย็น มือเราก็เริ่มเย็นด้วย นี่ค่ะ เรือกอนโดล่าและคุณลุงเจ้าของเรือ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 21:53:40

ความคิดเห็นที่ 5 กระนั้นเราก็ไม่หวั่น ... ตั้งมั่นจะไป Santa Maria Della Grande Sallute ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของ grand canal ค่ะ คือต้องเดินข้ามสะพาน Ponte(สะพานไม้) อะไรซักอย่างไปค่ะ (ลืมชื่อซะงั้น) ปรากฏเดินยังไงก็ไปไม่ถึงสะพานนี่ซะทีค่ะ แถมฝนก็ดันตกลงมาซะแล้วบวกกับอาการนอยด์ เพราะว่า ระหว่างเดินหาทางไปนั้น ก็ดันไปได้ยินว่า Gondola แบบ 80Euro ก็มี โหหหหห โดนฟันไปตั้ง เกือบสองพันบาทเลยค่ะ  ต้องเป็น Gondola ที่อยู่ตามคลองเล็กๆ ไม่ใช่ที่ grand canal ค่ะ เฮ้อ ก็ถือว่าเสียค่าโง่ไปค่ะ (กระซิกๆๆๆๆๆ) จริงๆที่สำคัญคือเดินแ้ล้วหลงทางค่ะ ... งงกะตัวเองมาก ไปมา 2 เมืองที่ถนนหนทางใหญ่กว่านี้ ไม่หลง ชิวๆสุดๆ แต่มาที่นี่ ถนนก็เล็กกว่าแต่หลงทาง แต่อาจะเพราะแต่ละถนนสั้นเกินไป เลยเดินแ้ล้วมึนๆงงๆว่าเราอยู่ตรงไหนแล้วกันแน่ ... ดีที่ได้แผนที่จากพี่เป้ามาแล้วนะคะ ไม่งั้แย่แน่ๆ สุดท้ายเมื่อหลงแล้ว หงุดหงิด ฝนก็ตกจังเลย ... เลยไปหาซื้อไอติมกินแก้กลุ้มแล้วก็กลับที่พักมากินมาม่าค่ะ ฮ่าๆๆๆ .... คิดถึงรสจัดจ้านแบบไทยๆมากกกกกก แต่ตอนกลับไปถึงที่พัก ก็เจอครอบครัวน่ารักครอบครัวนึงที่พักด้วยกัน เป็นคุณพี่คนไทยแต่งงานกะชาวออสเตรีย มีลูกน่ารัก 2 คนค่ะ ... พี่เค้าน่ารักมากๆ ใจดีด้วย ลูกก็น่ารัก พูดไทยฟังไทยได้ต่างหาก เลยได้คุยกันนานเลย แล้วก็เข้านอนเร็วเพราะพอฝนตกซะขนาดนี้ อากาศก็เย็นลงอย่างรวดเร็ว แถมเป็นลมฝนด้วยค่ะ เลยนอนเอาแรงดีกว่า บรรยากาศระหว่างทางที่เรือกอนโดล่าพาไป ... ก็จะเห็นเรือวิ่งสวนกันไปมา แล้วเวลาเค้าเข้าโค้งนะคะ .. จะต้องส่งเสียงให้สัญญาณกันว่า "โอ๊ซซ" (ประมาณนี้ค่ะ) เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ชนกัน คือจริงๆก็มีกระจกตามมุมอยู่แล้ว ก็ก็คงเพื่อความมั่นใจอีกที จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 22:18:38

ความคิดเห็นที่ 6 ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : manatjang เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 22:41:13

ความคิดเห็นที่ 7 จบวันแล้วเหรอคะ จขกท ถ่ายรูปสวยดีค่ะ ปล. 120 Euro แพงมากมายยย จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 22:42:15

ความคิดเห็นที่ 8   ตามมารำลึกถึงความหลังด้วยคนค่ะ คิดถึงโรมจังเลย จากคุณ : apple.007 (apple.007) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 22:58:17

ความคิดเห็นที่ 9 วันรุ่งขึ้น อากาศก็ถือว่าโอเคค่ะ ไม่แย่มาก แต่ก็หนาวเล็กๆ เราสองคนก็เดินไปแถวสะพาน Rialto ก่อนเลยค่ะ เพราะต้องไปหาท่าเรือเพื่อจะขึ้นไป Murano and Burano แต่พอเดินไปถามที่ช่องขายตั๋วถึงได้พบว่า ต้องไปขึ้นที่ท่า San Marco ก็ต้องเดินย้อนไปอีกรอบค่ะ ตามตำราบอกว่าให้นั่งสาย 41 ค่ะ ปรากฏว่าเชื่องช้ามากกก ชั่วโมงกว่านู่นเน่ะกว่าจะถึง Murano Faro station แต่พอดีอยากไป Burano ก่อนก็เลยต้องต่อสาย LN อีกทีค่ะ ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบกับการขึ้นเรือต่อเรือ (ไม่ใช่ขึ้นรถลงเรือ) ... แต่เช้าวันนั้นจริงๆแล้ว อากาศเย็นมากๆๆๆ ถึงขั้นหนาวทีเดียว อาจเพราะเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้วเลยสั่นนิดๆ นี่คือท่าเรือที่ต้องไปลงค่ะ ... ก็จะมีหมายเลขสายเรือที่ผ่านค่ะ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 23:11:15

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีค่ะ คุณmanatjang /คุณlove2loveU /คุณapple.007 ... ขอบคุณที่ตามอ่านนะคะ ^^ จะบอกว่าเดินทางหมดวันเร็วมากเพราะว่าฝนตกเลยไม่สามารถเดินเที่ยวต่อได้ค่ะ เสียดายมากๆ รู้สึกเลยว่ายังเดินไม่ทั่วเลย +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ พอไปถึงที่เกาะ Burano ก็ค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อย เพราะว่าบ้านเรือนที่นู่นแต่ละหลังสีเจ็บมากๆ แบบว่าสดใสสุดๆทุกหลังค่ะ แต่ถึงจะสีสันสวยสดงดงามจริงแต่ก็เงียบกว่าที่คิดค่ะ ไม่ค่อยคึกคักเอาซะเลยหรือเพราะว่ามันหนาวก็ไม่รู้   แต่เราก็ถ่ายรูปซะให้พอ .... ไปถ่ายตามบ้านคนนู้นคนนี้ บางบ้านก็ตากผ้ากันไว้เต็มไปหมด  บางบ้านก็เงี๊ยบเงียบจนไม่รู้ว่ามีคนอยู่หรือเปล่า ... แต่คิดว่าส่วนมากเกาะนี้จะเน้นให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันมากกว่า บางบ้านที่เห็นก็กำลังทาสีค่ะ ประมาณว่าสีบ้านเริ่มจืด เริ่มซีดแล้ว ก็ลงมือทากันเลย แต่ชอบนะคะ สดใสดีค่ะ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 23:22:33

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบสีบ้านแถวนี้มากๆ ขอแปะบ้านใน Burano อีกหน่อยนะคะ รูปจะบานไปไหมเนี่ย อิอิ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 23:32:41

ความคิดเห็นที่ 12 แต่ถึงจะหนาวเย็นก็ไม่หวั่น ก็ถ่ายรูปซะให้พอ 555555+++ แถมยังสู้ความหนาวด้วยการซื้อไอติมมานั่งกินริมทะเลอีกระหว่างรอเรือมา ที่ท่าเรือก็เหมือนท่ารถค่ะ จะมีบอร์ดไฟฟ้าบอกตลอดว่า ลำไหนจะไปไหน จะมากี่โมงอะไรงี้   ได้กินไอติมตอนหนาวๆนี่ก็ได้ใจมากๆเลยค่ะ เย็นนนนนนนนนนมากกกกกกกกกกก รูปเบลอไปไม่หน่อย เบลอมาก แต่ว่าอยากให้เห็นว่าไอติมน่าทานมากกๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 23:38:06

ความคิดเห็นที่ 13 เรือที่นั่งก็หน้าตาแบบนี้นะคะ อ่อ ... เรือแต่ละลำก็จะมีจนท.ขับเรือ กับจนท.คล้องเรือเวลาที่เืรือมาเทียบท่าค่ะ ก็น่าจะเหมือนคนขับรถเมล์กะกระเป๋ารถเมล์อ่ะค่ะ เพราะคนคล้องเรือก็ทำหน้าที่ข่ายตั๋วได้ด้วย เค้าจะต้องมีถุงมือแล้วก็เชือกเส้นหนาๆพอเทียบท่าปั๊บก็คล้องเชือกกะท่า แล้วก็ดึงเชิอกให้แน่นแล้วถึงเปิดประตูให้ผู้โยสารขึ้น-ลงเรือค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 23:45:03 จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 23:41:20

ความคิดเห็นที่ 14 จากนั้นก็นั่งเรือย้อนกลับไปที่เกาะ Murano ด้วยเรือสายเดิมค่ะ เขาว่ากันว่าเป็นเกาะแห่งเครื่องแก้ว ก็เดินดูแล้วผ่านไป ... จริงๆของเค้าสวยนะคะ แต่ไม่มีตังค์ซื้อ และไม่มีปัญญาจะขนกลับค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ เหลือบมาดูเวลา โอ๊ะ ... บ่ายกว่าแล้วนี่นาถึงว่าท้องร้อง ก็เลยไปหาร้านนั่งทานอาหารเที่ยง ซึ่งก็ไม่พ้น Pizza เป็นร้านตั้งที่ริมคลอง (จริงๆที่นี่ก็ริมคลองทั้งนั้น) แต่รู้สึกว่าร้านนี้อร่อยสู้ร้านที่ Pisa ไม่ได้ค่ะ ความนุ่มต่างกันเยอะ อิ่มสบายท้องแล้วจากนั้นก็นั่งเรือสาย 5 กลับที่ San Marco ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเองค่ะเร็วกว่าขาไปมากมายเลย จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 23:57:56

ความคิดเห็นที่ 15 พอกลับถึงมาท้องฟ้าก็มืดครึ้มมาอีกแล้วค่ะ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ออกเดินทางไปหา Santa Maria Della Grande Sallute ที่เราหาไม่เจอกันเมื่อวาน วันนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะหาง่ายๆหรอกนะ แต่ว่าไม่หาก็ไม่ได้ต่างหาก ฮ่าๆๆๆ เดินไปแป๊ปเดียว ฝนก็ตกอีกแล้ว แถมลมแรงจนร่มที่เราหอบหิ้วมาจากเมืองไทยแทบจะกันไม่อยู่ คือร่มโดนลมพัดกลับด้านไปหลายรอบเลยค่ะ เหอๆๆ ... แต่เราก็ไม่ย่อท้อ เดินหาจนเจอ รีบเดินไปเข้าโบสถ์เพื่อหลบลมฝนค่ะ เพราะตอนนั้นฝนเริ่มเม็ดโตขึ้นเรื่อยๆ มือก็เย็นจะกดชัตเตอร์ไม่ไหวแล้ว หนาวมากๆด้วยค่ะ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 00:04:37

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วก็เดินออกมาเมื่อหายหนาว ออกไปแล้วก็ไปยืนถ่ายรูปสัญลักษณ์เด็กถือคางคกค่ะ หนึ่งรูปพอ จบ มันหนาว แต่ที่นี่ก็แปลกดีนะคะ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรูปปั้นเด็กนี่ตลอดเลย คอยเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวจับรูปปั้นค่ะ   ฟ้าครึ้มมากๆ ณ ตอนนั้น เลยแบบรีบกลับดีกว่า ก็ไม่เดินกลับค่ะ ไม่ไหว หนาวๆๆๆๆ ... เลยขึ้นเรือกลับดีกว่า อีกอย่างเดี๋ยวใช้ตั๋วเรือไม่คุ้ม หุหุหุ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 00:09:09

ความคิดเห็นที่ 17 กลับมาถึงที่พักสี่โมงกว่า คุณพี่เป้าก็ทำขนมจีนพะแนงเอาไว้ให้เราแก้หนาวด้วยค่ะ พอหกโมงฝนก็หยุดตก เราก็เลยออกไปเดินเล่นอีกรอบ ได้ไปถ่ายรูปที่สะพาน Rialto ยามเย็น สวยมากเหมือนภาพวาดเลยล่ะค่ะ  ชอบภาพนี้ที่สุดในบรรดาที่ถ่ายมาเลย (^^) จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 00:10:43

ความคิดเห็นที่ 18 เดินเล่นได้สักพัก พวกร้านรวงก็เริ่มปิดแล้วค่ะ งงเลย ปิดเร็วมากๆ ฟ้ายังไม่มืดเลยน้า สุดท้ายก็เลยกลับที่พักก็ได้ อาบน้ำ สระผมเรียบร้อย ก่อนนอนก็ได้ดูบอลคู่ Liverpool vs Benfica ด้วย ตื่นเต้นค่ะ เพราะถือว่าได้ดูตามเวลาปกติของเขาเลย ฮ่าๆๆ แต่พอเห็นลิเวอร์พูลโดนตีเสมอก็เลิกค่ะ นอนๆๆๆๆ อิอิิ อีกซักรูปบนสะพาน Rialto มุมนี้ ใครมาแล้วไม่ถ่ายรูปคงถือว่ามาไม่ถึงนะคะ เพราะว่านักท่องเที่ยวยืนถ่ายรูปกันเพียบบบบบบ พรุ่งนี้มาต่อเมืองสุดท้ายค่ะ Milan หรือ Milano นี่เอง ^^ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 00:13:50

ความคิดเห็นที่ 19 ว้าว สวยๆๆ กำลังจะไปอยู่พอดีเลยครับ ว่าแต่ นกพิราบตรงซานมาโค ยังอยู่ไหมอ่ะ ว่าจะกลับไปให้อาหารมันอีก หนุกดี จากคุณ : vecchio เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 00:45:53

ความคิดเห็นที่ 20 ไปมาแล้ว และก็พักกับพี่เป้าเหมืิอนกัน แต่ไม่ได้นอนห้องเดียวก้บ จขกท ^_^ จากคุณ : แบม-เอช-วัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 02:51:03

ความคิดเห็นที่ 21 เล่าสนุกจัง รอติดตามต่อนะคะ จากคุณ : cherry29 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:17:47

ความคิดเห็นที่ 22 แปะอีก 2 รุป ณ Venice ก่อนไปที่มิลานนะคะ รูปนี้เป็นรูปห้องพักของพี่เป้าอีกห้องที่ไปพัก จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 22:37:28

ความคิดเห็นที่ 23 อีกอันก็ที่สะพาน Rialto ยามเย็นนะคะ จะเห็นว่าผู้คนเยอะเลย รอคิวถ่ายรูป จยจากรูปนี้แล้ว เราไปท่องเมืองแห่งแฟชั่นกัน จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 22:39:48

ความคิดเห็นที่ 24 ตามมาเมืองแฟชั่น เมืองมิลานกันค่ะ จากคุณ : Jazzy_Jae เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 22:48:19