 |
เรื่องขําๆของไกด์พาฝรั่งเที่ยวไทย ตอน 8
|
|
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9468857/E9468857.html เรื่องขำๆของไกด์พาฝรั่งเที่ยวไทย ตอน 1,2,3,4,5,6,7
สวัสดีค่ะ ห่างไปนาน มาต่อเลยนะคะ ว่าคนขี้ลืมนี่สามารถลืมอะไรกันได้บ้าง ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลหรอกค่ะ ดิฉันเองนี่แหละค่ะ ลืมได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้มีดิฉันคนเดียวนะคะ มาดูสมาคมคนขี้ลืมกันค่ะ
อย่างที่บอกธรรมดาดิฉันก็เป็นคนขี้ลืมหรือเอ๋อไม่ทราบ แบบว่าบางทีไปซื้อเสื้อ ต่อราคาแม่ค้าจากสี่ร้อยห้าสิบ เป็น สองร้อย บาท แม่ค้าก็ลดให้ความที่ดีใจควบคุมสติไม่อยู่ ดิฉันให้แบ็งค์พันไปแล้วก็เดินไปเลยไม่เอาเงินทอนไม่เอาเสื้อ. กลับมาถึงบ้าน เอ๊..ทำไมเสื้อหายไปไหนนะหาไม่เจอ หรือบางทีก็ลืมไปเลยว่าได้ซื้อเสื้อมา ผ่านไปนานจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอาเสื้อมา มีเหมือนกันที่ลืมอย่างสนิทใจว่าซื้อเสื้อ แต่มาดูเงินที่หายไปไหนพันนึง นั่งไล่อยู่นานว่าไปกินอะไร ไปซื้ออะไรมา บางครั้งก็นึกขึ้นได้อ๋อซื้อเสื้อแล้วลืมเสื้อกับเงินทอน บางครั้งก็นึกไม่ได้เจ็บใจตัวเองว่าไปทำเงินหายที่ไหน
มีอยู่ครั้งนึงตอนจีบกับแฟนใหม่ๆ ไปนั่งทานข้าวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง คุยไปคุยมาคอแห้ง แฟนดิฉันจึงสั่งมะพร้าวอ่อนมาหนึ่งลูก หลังจากดูดนํ้าหมดแล้ว แฟนของดิฉันแคะเนื้อไม่ค่อยเก่ง ดิฉันจึงอาสาแคะให้ ฝีมือการแคะเนื้อมะพร้าวของดิฉันไม่ธรรมดา สามารถใช้ช้อนแคะเนื้อขึ้นมาครั้งเดียวได้หมดลูกเลย
ดิฉันจำมะพร้าวลูกนั้นได้ดี เนื้อขาวไม่อ่อนไปไม่แก่ไป ดิฉันเห็นเนื้อมะพร้าวก็นึกอยากกินบ้างจึงของลองชิมดู โดยไม่ขออนุญาตเจ้าของ พอตักมะพร้าวคำแรกเข้าปาก ดิฉันคิดในใจ หืม..อร่อยหวาน เย็นชื่นใจ ไหนลองใหม่ซิ หืม.. ลูกนี้อร่อยแฮะ ลองทานเนื้อตรงตามะพร้าวซิ ตรงนี้เนื้ออ่อนดีเหมือนกินเยลลี่เลย โอ๊ย..อร่อยชื่นใจสุดๆ พอเคี้ยวคำสุดท้าย ทั้งที่ช้อนยังคามือมะพร้าวยังคาอยู่ในปาก ดิฉันก็นึกถึงเจ้าของมะพร้าวลูกนั้นทันที ดิฉันรู้สึกวูบแล้วค่อยๆหันไปมองแฟน เขาจ้องมองดิฉันตาไม่กระพริบ ไม่พูดอะไร แล้วมองมาในลูกมะพร้าว รอว่าเมื่อไหร่จะได้กินเนื้อมะพร้าวซักที ดิฉันอยากจะคายออกมาก็ไม่กล้า ได้แต่ยิ้มแหะๆ หมดแล้วค่ะลืมไปเลย
อีกครั้งนึงไปทานเสต็กด้วยกันที่ร้านโปรด คืนนั้นดิฉันหิวมาก พอเสต็กมาเสริพตรงหน้า ดิฉันก็ลืมตัวนั่งหันหลังให้แฟนเลย แล้วหยิบส้อมจิ้มไปที่เสต็ก มีดหั่นไปที่เสต็กชิ้นนั้น กินไปด้วยความเอร็ดอร่อย หั่นไปเคี๊ยวไป เกือบหมดจาน จนเริ่มที่จะอิ่มสติของดิฉันเลยกลับมา อ้าวแล้วแฟนของฉันล่ะ ดิฉันจึงหันกลับไปดู เขานั่งรอดิฉันโดยไม่พูดอะไรซักคำ มองด้วยความตกตะลึงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมดิฉันก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะพออาหารมาตั้งตรงหน้า ดิฉันก็ลืมหมดทุกสิ่งแม้กระทั่งคนที่มาด้วย
มาเข้าเรื่องวีรกรรมของดิฉันกับฝรั่งที่ลืมของกันค่ะ มีอยู่ครั้งนึงที่ดิฉันได้ไปช่วยรุ่นพื่ไปรับแขกจากโรงแรมที่พัทยาไปส่งที่แอร์พอร์ต กรุ๊ปนั้นเป็นกรุ๊บพิเศษมาสัมนารับรางวัลพนักงานดีเด่นอะไรนี่ล่ะค่ะ พอเช็คเอ้าท์กว่าจะรวมตัวกันได้สุดแสนจะชุลมุน เอ้าคนนี้ยังไม่ได้จ่ายค่าเครื่องดื่มในห้อง คนนี้ค่าโทรศัพท์ คนนี้ค่าวีดีโอพิเศษในห้องแบบว่าเรท...นิดหน่อยน่ะค่ะ อ้าวบางห้องผ้าเช็ดตัวหาย เสื้อคลุมอาบนํ้าหาย จานรองสบู่หาย แฟ้มหนังหาย ผ้าคลุมเตียง ผ้าห่มหายก็ยังมี ดิฉันเคยชินซะแล้ว พอรีเซพชั่นแจ้งว่าอะไรหายไปบ้างที่ห้องไหน ดิฉันก็ต้องไปเลียบๆเคียงๆถาม เธอเอามาคืนเร็ว ที่เธอหยิบไปน่ะ โรงแรมคิดเงินนะ อยากได้ซื้อใหม่ดีกว่าถูกกว่าแล้วเป็นของใหม่ด้วย
มีเหมือนกันบางคนอยากได้แต่ไม่อยากจ่ายเงิน ก็แสดงละครเลยทำเป็นโมโหโกรธา (ถ้าคุณมาเปิดกระเป๋าผมแล้วพบของ ผมยินดีจ่ายเงินให้ แต่ถ้าคุณไม่พบอะไรผมขอเรียกร้องให้คุณจ่ายผมคืนมาสิบเท่า โทษฐานทำให้ผมเสียความรู้สึก) พอมาลูกนี้จะไม่มีพนักงานคนไหนกล้าเปิดกระเป๋าแขกสักคน แต่ดิฉันรู้ว่าใครเอาไป แต่พูดไม่ได้ต้องรักษาหน้ากัน เป็นเรื่องของโรงแรมกับแขกที่จะต้องตกลงกันเอง
เป็นอันว่าเช็คเอ้าท์เรียบร้อยแล้วขึ้นรถได้ ทุกครั้งจะต้องมีคนลืมของทิ้งไว้ในห้อง ตั้งแต่ของมีค่า ของสำคัญ ของใช้ส่วนตัว อย่างเช่น เครื่องสำอาง อายไลเนอร์ มาสคาร่า ลิปสติก หรือทั้งกระเป๋าเลย สบู่เหลว แชมพู ชุดนอนวาบหวิว เสื้อคลุมชุดนอน เสื้อยืด เสื้อกันหนาว ของใช้มีโทรศัพท์มือถือ ที่ชาร์ตแบต กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอ กระเป๋าถือ กระเป๋าเอกสารเก็บตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต ของมีค่าเช่น กระเป๋าสตางค์ สร้อยคอ แหวนเพชร ตุ้มหู แต่ที่สำคัญที่สุดจะเป็นแหวนแต่งงานนี่ล่ะค่ะ เพราะมีค่าทางใจมาก ก็มีนะคะที่บางคนลืมทั้งเซพเลยค่ะ
ของทุกอย่างบางทีแขกนึกขึ้นได้ระหว่างไปสนามบินก็มี หรือถึงสนามบินแล้วก็มี แต่ส่วนใหญ่จะทราบตอนขึ้นรถนี่แหละค่ะ เพราะแม่บ้านตอนทำเช็คเอ้าท์เจอของอยู่ในห้อง ก็จะวิ่งลงมาบอกพร้อมถือของลงมาด้วย ถ้าเป็นของที่ดิฉันกล่าวมาข้างต้นก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร แต่ถ้าเป็นพวกชุดชั้นในล่ะคะ
วันนั้นทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด กว่าจะรวมแขกประมาณห้าร้อยคนได้ ก็สายไปมาก กำหนดการเราต้องออกจากโรงแรมประมาณบ่ายสาม แต่นี่สี่โมงเย็นแล้วรถยังไม่ได้ออกจากโรงแรมเลย ทุกคนเริ่มเป็นห่วงว่าจะไปทันขึ้นเครื่องที่ออกเวลายี่สิบสี่นาฬิกามั้ย เพราะสมัยนั้นการจราจรติดขัดมากไม่มีมอเตอร์เวย์หรือทางด่วนลอยฟ้า พอทุกคนขึ้นรถเรียบร้อย ก็มีแม่บ้านวิ่งกระหืดกระหอบถือของลงมาตามหาเจ้าของ พร้อมกับร้องตะโกนออกมาว่า "รอด้วยอย่าเพิ่งไปแขกลืมของไว้ในห้อง" ดิฉันสายตาดีเห็นปุ๊บก็พอจะเดาได้ว่าเป็นชุดชั้นในกับกางเกงใน แต่ไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน ด้วยความที่รีบจึงไม่มีเวลามาตามหาเจ้าของทีละบัส คุณแม่บ้านประมาณสามสี่คนจึงตัดสินใจแกะถุงพลาสติคแล้วหยิบของขึ้นมาโชว? พร้อมกับเดินผ่านหน้ารถบัสทั้งสิบสองคัน
พอดิฉันพร้อมกับแขกเห็นบรรดาเหล่ายกทรงหลายสีหลายขนาดเท่านั้นแหละ ทุกคนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง รวมทั้งตัวดิฉันด้วย ก็มันน่าขำนี่คะ มียกทรงตัวนึงสวยเชียวสีชมพูช็อคกิ้งพิ้งค์ลายลูกไม้น่ารัก อีกตัวสีแดงแรงฤิทธ์ลูกไม้โปร่งบางทั้งตัวเซ็กซี่สุดๆ อีกตัวสีดำก็เซ็กซี่ไม่แพ้กัน แล้วก็มีตัวที่เรียกเสียงฮาได้ดีคือ สีขาวตัวใหญ่มากน่าจะประมาณเบอร์สี่สิบคัพดีเห็นจะได้ โอ้วแม่เจ้าอะไรมันจะใหญ่โตถึงปานนั้น อย่าค่ะอย่านึกนะคะไม่ใช่ของดิฉันแน่นอน ไอ้ชุดสวยๆไร้ตำหนิก็คงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ไอ้ชุดประเภทที่ว่าข้าใช้คนเดียวไม่มีใครเห็นนี่สิ บางตัวแยกไม่ออกเลยว่าสีอะไร คือมันดูขมุกขมัวซอมซ่อชอบกล โดยเฉพาะยางยืดที่ตายแล้ว บางตัวยังเอาสายเสื้อชั้นในมัดไว้เป็นปมก็มี อย่าค่ะอย่าคิดนะคะไม่ใช่ของดิฉันแน่นอนค่ะ
มาดูรายการกางเกงในกันบ้าง อู้ว...ปิ้ดปิ๊ว กางกางในลูกไม้โปร่งบาง สีดำ จีสตริง ทุกคนคงคิดเหมือนดิฉันว่า เจ้าของกางเกงในตัวนี้ต้องสวยและเซ็กซี่น่าดู มีอีกตัวมาประชันกันตัวนี้เป็นผ้าฝ้ายออกแนวสปอร์ตเกริล ทุกๆตัวดูสวยเซ็กซี่น่ารักไปคนละแบบ คราวนี้มาดูของฝ่ายชายกันบ้าง กางเกงผ้าฝ้ายสีขาวธรรมดา มีทั้งแบบบิกินี่ แบบมีดี้คือครึ่งตัว และแบบเต็มตัว ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่มีตัวนึงทำเอาทุกคนตกตะลึงเรียกเสียงฮาสนั่นบัสเลย กางเกงในผู้ชายสีออกจะหม่นๆเพราะดูเก่าไปมากแล้ว ที่สำคัญยางยืดตรงขาข้างซ้ายตายสนิท แบบชนิดแยกไม่ออกเลยว่า อันนี้เอวหรือขากันแน่ แต่ที่สำคัญมีรอยทะลุเป็นรูกว้างที่ก้น มีแขกในรถตะโกนขึ้นมาว่า "ตัวนี้เป็นกางเกงในตุ๊ดแน่นอนเพราะมีรูทะลุข้างหลังเว้ย" ทุกคนหัวเราะและจับจ้องไปที่กางเกงตัวนั้นเป็นพิเศษ ดิฉันพยายามสังเกตดูปฏิกริยาแขกในรถ ว่าใครทำพิรุธ เห็นมีแขกผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งเอาศอกกระทุ้งที่เอวสามีแล้วแกล้งทำเป็นหัวเราะต่อ ดิฉันจับได้ยายนี่คนนึงล่ะ มียายอ้วนคนนึงที่นั่งมองชะเง้อเหมือนเสียดายอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างนอกนั่นแต่ก็ทำเป็นหัวเราะเหมือนกัน ฮึหลอกดิฉันไม่ได้หรอก ดิฉันคิดในใจยกทรงคัพดีแน่นอน
ดิฉันค่อยๆกวาดตามองไปเรื่อยๆ จนมาเจอรุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่งที่มาฝึกทำทรานเฟอร์ด้วย นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่เหมือนกับว่าอายอย่างมาก ดิฉันเห็นปฏิกริยานี้ก็รู้ได้ทันที ว่าต้องมีของหนึ่งในรายการนั้นแน่นอน ดิฉันจึงถามว่าของเธอตัวไหนล่ะ น้องตอบว่าตัวที่ทุเรศที่สุดน่ะพี่ ดิฉันรู้ทันทีเลยถามน้องว่า อ๋อตัวที่ตูดขาดยางตายน่ะเหรอ น้องรีบบอกให้ดิฉันเงียบปาก " ชู่ว..ชู่ว..อายเค้า" แต่ดิฉันอดหัวเราะไม่ได้ เป็นอาการอัตโนมัติมือดิฉันชี้ไปที่กางเกงตูดขาดตัวนั้น พร้อมกับหัวเราะขึ้นมาดังๆ แขกทุกคนเห็นน้องที่พยายามจะห้ามดิฉันให้เงียบๆและหน้าของน้องที่อายจนหน้าแดง แขกก็เลยรู้และตะโกนถามขึ้นมาว่า "ของเธอใช่มั้ย" รุ่นน้องของดิฉันมันซื่อและขี้อาย ก้มหน้ารับพร้อมกับบอกว่า " เยส อิส มาย" แล้วรุ่นน้องก็บอกดิฉันว่า ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดนะพื่ พอดีซักแรงไปหน่อยเลยขาดแล้วตัวนี้ใส่สบายดี ผมก็ใส่มันมาจนยางตายไปข้างนึง พี่บอกแขกให้หน่อยสิ ว่าผมไม่ได้เป็นตุ๊ด แขกหัวเราะผมใหญ่เลย " จ้ะ จ้ะ พี่บอกให้เดี๋ยวนี้เลย" รอพี่หัวเราะเสร็จก่อนมันหยุดไม่ได้ ดิฉันคิดในใจดีนะที่งวดนี้เราไม่ลืมอะไรไว้เลยโล่งอกเหมือนยกภูเขาทิ้ง
เมื่อแม่บ้านวิ่งอยู่หลายรอบก็ไม่มีใครรับสารภาพว่า ใครเป็นเจ้าของชุดชั้นในเหล่านี้ จึงทำให้คุณแม่บ้านทั้งหลายเริ่มบุกมาที่รถบัสแต่ละคัน เพื่อเอามาให้ดูใกล้ๆ ยิ่งใกล้ยิ่งฮา แต่แม่บ้านไม่เข้าใจหรอกว่าหัวเราะทำไม คุณ แม่บ้านได้แต่เป็นห่วงเพราะทราบดีว่าชุดชั้นในที่เมืองนอกมีราคาแพง บางตัวราคาถึงสี่ห้าพันบาท บางตัวราคาเป็นหมื่นก็มี ดังนั้นจึงต้องตามหาเจ้าของให้ได้
ในระหว่างที่แม่บ้านกำลังเปิดนิทรรศกาล วิคตอเรียซีเคร็ตแฟร์นั่นเอง มีแม่บ้านคนหนึ่งวิ่งมาแต่ไกลพร้อมถือกางเกงในผู้หญิงตัวใหญ่ยักษ์แบบจีสตริง เป็นลายเสือดาวสีนํ้าตาล มีลูกไม้ประดับตามขอบขาเป็นสีชมพูเข้ม และโบว์เล็กๆด้านหน้าพร้อมด้วยกระดิ่งกรุ๊งกริ๊ง พอแม่บ้านถือวิ่งมาเสียงกระดิ่งก็ดังตามมาด้วย กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง แขกดิฉันเอาอีกแล้วลุกขึ้นมาพร้อมชี้นิ้วไปที่แม่บ้านคนนั้น (ยังๆ ยังไม่ถึงคริตสมาสต์เลย ) ทุกคนหัวเราะเสียงดังพร้อมกระทืบเท้าด้วย ทุกคนคงคิดว่าเจ้าของเกงเกงในตัวนี้หน้าตาจะเป็นยังไงนะ ดิฉันก็แกล้งทำเป็นหัวเราะด้วย ทั้งๆที่นึกในใจว๊ายของเรานี่หว่า มันไปตกอยู่ตรงไหนว้า ก็ตรวจทานดูดีแล้วนี่ อ๋อนึกขึ้นได้เอาไปตากไว้ใต้อ่างล้างหน้าเลยมองไม่เห็น
แม่บ้านเริ่มจะบุกขึ้นมาที่รถแล้ว ถ้าแม่บ้านบุกขึ้นมาแล้วประกาศชื่อพร้อมเบอร์ห้อง ทุกคนก็จะรู้หมดว่าของใครเป็นของใคร ทำไงดี ทำไงดี ว่าแล้วดิฉันก็สั่งรถบัสว่า " ออกรถเดี๋ยวนี้เลยพี่ไม่ต้องรอคันแรกไปเลย" ว่าแล้วรถบัสของดิฉันก็ปิดประตูพุ่งนำออกตัวก่อนเป็นคันแรก ดิฉันโล่งอกเพราะไปหัวเราะรุ่นน้องไว้เยอะกลัวโดนเอาคืน หันไปมองที่ยายอ้วนในบัส อยากจะบอกว่า อย่าไปเสียดายเลยเธอซื้อเอาใหม่ได้ แต่หน้าแตกซื้อคืนกลับมาไม่ได้นะเธอ
ดิฉันออกจากโรงแรมอย่างสบายใจ ไม่มีใครรู้ว่านังเสือดาวก้นกาละมังคือดิฉันเอง ตอนหน้าจะมาต่อเรื่องคนขี้ลืมอีกนะคะ แต่คราวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตแล้วค่ะ
โซนิต้า
จากคุณ |
:
kittyx
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ค. 53 17:34:00
|
|
|
|  |