ความคิดเห็นที่ 1 เราเดินอยู่ภายในวัดนานพอสมควร เนื่องจากฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ภายในเราได้เห็นวิถีชีวิตของชาวพม่าทุกเพศทุกวัย รวมถึงวัยรุ่นด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวพม่านั้นเคร่งกับศาสนาพุทธ ซึ่งน่าจะเหมือนประเทศไทยในอดีตที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 11:49:59

ความคิดเห็นที่ 2 จากนั้นเราได้เรียกแท็กซี่ไปยัง พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี  (KYAUK HTAT GYI) ซึ่งเป็นพระนอนที่มีตางดงามและมีภาพมงคล 108 ประการที่พระบาท ค่าแท็กซี่จากเจดีย์โบตะทาวน์มายังพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี ราคา 2500 จ๊าดครับ (ต่อคันนะครับ ไม่ใช่ต่อคน) ที่นี่เอง เราได้เจอไกด์อิสระ ที่เข้ามาให้บริการเราเป็นอย่างดี เราถามว่า เค้าคิดค่าบริการเท่าไร เค้าก็บอกว่าแล้วแต่เราจะให้ ซึ่งยิ่งทำให้เราประทับใจเป็นอย่างมาก เสียแต่ตอนจ่ายจริงเท่านั้นแหละครับ ที่เราไม่ประทับใจ เพื่อนผมควักแบงค์ร้อยบาทไทยให้เค้า เพราะประทับใจกับบริการเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเราต้องการเก็บเงินจ๊าดไว้ใช้ ซึ่ง 100 บาทไทยนั้นน่าจะเท่ากับประมาณ 3000 จ๊าดครับ ไกด์ผู้นี้จึงบอกต่อว่า ขอเป็นแบงค์ 500 บาท ไม่ได้เหรอ เพราะคนพม่าถือว่า เลขห้าเป็นเลขมงคล เท่านั้นแหละครับ ความประทับใจที่มีมาทั้งหมดหายไปพริบตา จึงเริ่มมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ผมจึงบอกว่า งั้นผมจ่าย 500 จ๊าดสำหรับตัวผมเองละกันซึ่งไกด์ก็ ok นะครับ แต่พอเพื่อนผมจะจ่าย 500 จ๊าดบ้างกลับไม่ยอม ยื้อกันไปยื้อกันมา ไกด์ก็พูดออกมาว่า “Do you want to have problem?” เท่านั้นแหละครับเป็นเรื่อง พวกเราฉุนขาด ยื่นคำขาดว่าจะเอาหรือไม่เอา 100 บาทเนี่ย มันจะมากเกินไปหน่อยแล้ว สุดท้ายก็เค้าก็ยอมรับแต่โดยดี เท่าที่ดู ไกด์ผู้นี้ไม่น่าใช่ชาวพม่าโดยเชื้อสายดั้งเดิมครับ ออกไปแนวแขกๆมากกว่า บอกไม่ถูกเหมือนกัน จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 11:50:51

ความคิดเห็นที่ 3 จากนั้นเราเรียกแท็กซี่ไปยัง พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (SHAWEDAGON PAGODA) ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ค่าเข้าพระมหาเจดีย์ชเวดากองเท่ากับ USD 5 ครับ ซึ่งรวมค่ากล้องแล้ว ผมสังเกตุว่าที่นี่มีการจัดการที่เป็นระบบมากกว่าที่อื่นๆที่เราไปเยี่ยมชมมา ผมได้ขอยืมร่มจากเจ้าหน้าที่สาวสวยที่ทำหน้าที่ขายตั๋วให้กับเรา ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมากครับ ถึงแม้ฝนจะตกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถหยุดความประทับใจในความสวยงามอลังการของความใหญ่โตของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ได้ครับว่ากันว่า ใช้ทองคำถึง 62 ตันในการปกคลุมพระมหาเจดีย์แห่งนี้ ยังไม่รวมถึงเพชรนิลจินดาจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินอยู่บนพระมหาเจดีย์ นอกจากนี้รอบๆพระมหาเจดีย์ ยังมีรั้วกั้นอีกด้วย ผมใช้เสื้อแจ็คเก็ตที่เตรียมมาไว้ใส่บนเครื่องบินห่อกล้อง แล้วเก็บภาพความสวยงามอย่างต่อเนื่อง (ที่ภาพไม่สวยเนี่ย เพราะผมถ่ายห่วยเองครับ เจดีย์เค้าสวยจริงๆ) ในใจคิดว่า จะต้องกลับมาตอนอากาศดีอีกก่อนกลับ เพื่อจะเก็บภาพสวยๆให้ได้ จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 11:54:07

ความคิดเห็นที่ 4 เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รู้สึกเหนื่อยมาก เนื่องจากฝนตก พวกเราทำท่าเหมือนจะไม่สบาย ประกอบกับเมื่อเช้าตื่นเช้ามากเพื่อมาขึ้นเครื่องบิน เราจึงลงความเห็นว่ากลับไปพักผ่อนที่โรงแรมดีกว่า กลับมาถึง Central Hotel เห็นเจ้าหน้าที่ยืนตอนรับด้วยรอยยิ้ม เค้าถามเราว่าคืนนี้เราอยากกินอะไร (ยังกับจะพาไปเลี้ยง) เราจึงลงมติว่า อยากกินอาหารพม่า เจ้าหน้าที่จึงวาดแผนที่ให้ครับ อยู่ห่างจากโรงแรมไปประมาณ 8 ซอย เห็นว่าเป็นซอยหมายเลข 28 ครับ (ถ้าผิดพลาดต้องขอโทษด้วยครับ) เราเดินหาอยู่ประมาณ 20 นาทียังหาไม่เจอ จึงเอาชื่อร้านที่เจ้าหน้าที่โรงแรมเขียนให้ให้คนพม่าที่เป็นพนักงานประจำร้านขายแว่นแห่งหนึ่งดู เค้าบอกว่า อ๋อ อยู่ด้านหลังร้านแว่นเค้านี่เอง ว่าแล้วพนักงานผู้นั้นก็ได้สั่งให้ลูกน้องอีกคนเดินพาพวกเรามายังร้านที่ว่านี่แหละครับ (เพราะความหิว จึงทำให้เราประทับใจพนักงานที่ร้านแว่นเป็นทวีคูณ) ร้านอาหารเปิดไฟสว่าง ภายในซอยมืดๆครับ เด่นทีเดียว จริงๆซอยนี้เราก็เดินผ่านมาแล้ว แต่เพราะความมืดของซอยทำให้เราไม่คิดว่า จะมีร้านอาหารอยู่ในนี้ เป็นร้านข้าวแกงครับ ภายในตู้มีกับข้าวเรียงรายอยู่นับสิบอย่าง ภาพที่เห็นตอนแรกอยากจะบอกว่า ไม่กล้าทานเลยครับ สีดำๆ มันๆ กลัวท้องเสีย กลัวไม่ถูกปาก กลัวโดนฟันค่าข้าว ฯลฯ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ เพราะมากันหลายคนสั่งอาหารมา 4 อย่าง ตอนยกกับข้าวมาเสริฟ พวกเรานั่งดูกัน ยังไม่มีใครกล้าลงมือ เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา 555 เพราะมันไม่น่าทานเอาซะเลย แต่พอคำแรกเข้าปากเท่านั้นแหละครับ คำที่สอง สาม สี่ ตามมาโดยไม่มีใครพูดกันอีกเลย อาหารอร่อยมากครับ ถึงจะดูไม่น่าทาน โดยเฉพาะซุปสีดำๆที่ทางร้านให้ฟรี ใส่ใบมะขามด้วย ตอนแรกเห็นโต๊ะอื่น ยังคิดว่า ให้หิวยังไง ก็คงไม่สั่งมาทาน แต่พอลองซดน้ำซุปเท่านั้นแหละครับ หมดเกลี้ยงเห็นก้นชามเลย 555 นอกจากนี้ยังมีน้ำพริกกะปิที่อร่อยมากๆเช่นเดียวกัน ให้ทานฟรี เหมือนร้านข้าวแกงในภาคใต้บ้านเราเลยครับ ที่มีน้ำพริก ผักเครื่องเคียงให้ทานได้ฟรีๆ ผมเลยกะว่า วันสุดท้ายก่อนกลับ จะต้องมาซื้อกลับเมืองไทยมาฝากที่บ้านให้ได้ อิ่มกันแล้ว จึงเดินกลับโรงแรม สายตาผมก็สอดส่ายหาจุดเด่นๆของซอย เพื่อที่จะกลับมาซื้อน้ำพริกกะปิในวันสุดท้ายก่อนกลับ สังเกตุเห็นว่าปากซอยมีตึกสูงประมาณ 10 ชั้น อยู่ปากซอยฝั่งตรงข้ามมียอดแหลมๆ อยู่ติดกับ Scott Market ครับ (หุหุ น้ำพริกกะปิพม่า เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกัน) แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 53 08:44:02 จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 11:56:01

ความคิดเห็นที่ 5 อาหารมื้อแรกที่พม่า จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:00:12

ความคิดเห็นที่ 6 ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็เดินมาถึงโรงแรมครับ เรารับกระเป๋าที่ฝากไว้กับ reception แล้วขึ้นห้อง เห็นสภาพห้องแล้วพอใจเป็นอย่างมากครับ อาบน้ำแล้วก็นอนดีกว่า เพราะว่า พรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางตั้งแต่ 6.30 น. ลืมบอกไปครับ ว่าห้องพักที่นี่ รวมอาหารเช้าด้วย ซึ่งเราก็ได้บอกให้ทางโรงแรมช่วยเตรียมใส่กล่องให้สำหรับทานบนรถ ซึ่งก็ได้รับการร่วมมือเป็นอย่างดี จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:04:47

ความคิดเห็นที่ 7   ตอนแรกดูกระทู้ตกใจว่า ภาค 2 แล้วเหรอ เร็วมากๆ ที่แท้กระทู้ด๋อย แต่เข้าไปดูแล้วก็ดูได้นะครับ.... ถ่ายภาพสวยดี เดี๋ยวเอาไว้ว่างๆจะรีวิวการเดินทางบ้างครับ รอกระทู้รีวิวที่พักกันดอจีจบก่อน.... ดูต่อครับ ^ ^ จากคุณ : TeeChoco เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:05:48

ความคิดเห็นที่ 8 26 กรกฎาคม 2553 วันที่สองของการเดินทาง เราตื่นตั้งแต่ ตีห้าครึ่งด้วยเสียง Morning Call จากโรงแรม อาบน้ำ แล้วจัดกระเป๋าเอาเฉพาะสิ่งที่จำเป็นสำหรับการค้าง 1 คืน ส่วนสัมภาระที่เหลือ เราจะนำไปฝากไว้ที่โรงแรม Asia Plaza ที่เราจะพักในคืนสุดท้าย ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Central Hotel ครับ จัดการ Checkout เรียบร้อย ไม่ลืมที่จะรับกล่องอาหารเช้า ก็เจอคนขับรถมานั่งรออยู่ที่ Lobby โรงแรมอยู่ก่อนแล้ว เราขึ้นรถเอากระเป๋าส่วนเกินไปเก็บที่ Asia Plaza จากนั้นการเดินทางด้วยรถตู้รุ่นพระเจ้าเหาทรงพระเยาว์ แต่ก็มีแอร์ (ที่เหมือนจะเย็น) ก็เริ่มขึ้น เราเช่ารถตู้ โดยติดต่อตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทยในราคา USD225 สำหรับสองวัน เดินทางจากย่างกุ้ง  หงสา  ไจ้ถิโย (พระธาตุอินทร์แขวน)  สิเรียม  ย่างกุ้ง นั่งดูสภาพถนนที่พม่าที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อไปตลอดทาง อ้อ มีทางด่วนด้วยครับ ต้องเสียเงินค่าผ่านทาง แต่ทางด่วนของพม่า ไม่ได้ยกระดับแบบเรา ก็เหมือนถนนธรรมดานี่แหละ ตรงไปตลอด สองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจี ซึ่งก็ไม่ได้ขับเร็วอะไรครับ เนื่องจากสภาพถนนไม่อำนวย นั่งรถมาประมาณ 2 ชั่วโมง (ระยะทางประมาณ 80 กม. จากย่างกุ้ง) ก็มาถึงเมืองหงสาวดี (ซึ่งชาวพม่าเรียกว่า บาโก) แวะสักการะ พระเจดีย์ชเวมอดอว์หรือพระธาตุมุเตา ภายนอกคล้ายๆจะเหมือนกับชเวดากองครับ ที่นี่เสียค่าเข้าคนละ USD 10 ครับ ไม่ต้องตกใจครับ เก็บใบเสร็จไว้ให้ดี เพราะราคานี้จะรวมถึงที่เที่ยวในเมืองหงสาวดีทั้งหมดเลยครับ (ไม่มีค่ากล้อง) แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 53 12:06:11 จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:05:52

ความคิดเห็นที่ 9 เราแวะไหว้พระอยู่ประมาณ 45 นาที ก็กลับมาเจอกันที่รถตู้ เพื่อที่จะไปยังพระราชวังบุเรงนอง ซึ่งอยู่ไม่ไกล ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีเท่านั้นครับ มาถึงพระราชวังบุเรงนอง คนขับรถตู้ของเรา ก็พูดว่า “I think you know him very well already” พวกเราหัวเราะ จากนั้นคนขับได้หยิบหนังสือประวัติสถานที่แห่งนี้ โดยกางหน้าที่มีรูปของพระสุพรรณกัลยาให้พวกเราดู จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:09:08

ความคิดเห็นที่ 10 เราแวะถ่ายรูปประมาณ 10 นาที คนขับจึงพาเราไปยังร้านอาหารร้านหนึ่งในบริเวณนั้น มีทัวร์ไปลงเยอะพอสมควร ราวกับว่า เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองหงสา ผมเลือกที่จะขึ้นไปนั่งบนชั้นสอง เพื่อที่จะได้เห็นวิวไปไกลๆครับ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ มองเห็นพระเจดีย์ชเวมอดอว์ อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะที่เรานั่งมากนัก เสร็จจากรับประทานอาหารเที่ยง มื้อนี้ค่อนข้างแพง ประมาณ 25,000 จ๊าดครับ รสชาดก็พอกินได้ เป็นอาหารไทยธรรมดาๆบ้านเรานี่แหละ คิดซะว่า ค่าอาหารประมาณ 5000 จ๊าด ค่าวิวสวยๆ อีก 20,000 จ๊าดละกันครับ จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:09:50

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณน้าสิบล้อชอบเที่ยวสำหรับกิฟครับ ทำไมวันนี้มัน Upload ยากจัง จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:17:29

ความคิดเห็นที่ 12 จากนั้นเรานั่งๆ นอนๆ หลับๆ ในรถตู้อีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงตีนเขาไจ้ถิโย ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุอินทร์แขวน ถึงนี่ประมาณ บ่ายสอง จากจุดนี้ เราจะต้องเปลี่ยนรถไปนั่งรถหกล้อ ประมาณ 11 กม. เพื่อขึ้นไปเดินต่ออีก 45 นาที หรือ จะนั่งเสลี่ยงก็ได้ตามสะดวก แต่พวกเราเลือกที่จะเดินซึมซับบรรยากาศของชาวเขา ณ ไจ้ถิโยแห่งนี้ครับ ที่นี่เราได้เจอเพื่อนคนไทยคนนึงครับ เค้ามาคนเดียว นั่งรถเมล์มาจากย่างกุ้งเลย เห็นบอกว่าเสียค่าเดินทางทั้งหมด USD 7 เท่านั้นเอง (ถูกมาก เพราะแค่นั่งแท็กซี่จากสนามบิน มาโรงแรม Central ก็ USD 6 แล้ว) คุยไปคุยมา อ้าว เป็นสาวกห้อง Blue นี่เหมือนกัน มิน่า ตำราเดียวกันเป๊ะ 555 จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:17:44

ความคิดเห็นที่ 13 แวะมาชมความงามครับ จากคุณ : ตระเวนเที่ยว เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:21:31

ความคิดเห็นที่ 14 วางแผนจะไปพม่าด้วย วันหน้าคงต้องรบกวนจขกท.ขอข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ จากคุณ : mementototem เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:42:53

ความคิดเห็นที่ 15 รถขนหมู จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:42:53

ความคิดเห็นที่ 16 ยินดีครับ คุณ mementototem ลองดูรีวิวไปพลางๆก่อนนะครับ จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:43:35

ความคิดเห็นที่ 17 เรานั่งอยู่ในรถขนหมู (ชื่อที่เพื่อนใหม่สาวกห้อง blue ตั้งขึ้น) ประมาณ ครึ่งชั่วโมงครับ เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลย ขึ้นๆ ลงๆ ตามภูมิประเทศ แถมด้วยโค้งหักศอก หักฉาก ฯลฯ ตามเรื่องตามราว พอลงรถเราก็เริ่มต้นเดินขึ้นเขากัน (ค่าโดยสารรถขนหมู คนละ 1500 จ๊าดครับ) สภาพทางเดินค่อนข้างดีครับ เป็นถนนคอนกรีตลาดยาวไปจนถึงยอดเขา มองเห็นพระธาตุอินทร์แขวนทั้งของจริง ของปลอมอยู่เป็นระยะๆ ระหว่างทางที่เดินจะต้องคอยหลบคาราวานเสลี่ยงที่แบกกันมาเป็นแถวยาว จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:44:09

ความคิดเห็นที่ 18 เดินมาได้ครึ่งทางเราสังเกตุเห็นบันไดที่มีบรรดาลูกหาบเสลี่ยงวิ่งลงมา จึงคิดว่าน่าจะเป็นทางลัด แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ เป็นทางลัดจริงๆ ซึ่งเป็นทางบันไดดินขึ้นไปตลอด ด้านข้างจะเป็นบ้านชาวเขา ขายทั้งของกินของใช้ และ ของป่า หากใครเคยไป trekking ที่เนปาล จะเป็นแนวๆนั้นเลยครับ ก็ทำให้ได้สัมผัสชีวิตของชาวเขาพม่านิดหน่อย พอเป็นสังเขป จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:44:45

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพเส้นทางการเดิน ทางด้านซ้ายมือ เป็นทางลัดที่พวกผมเดินขึ้นมา ด้านขวา เป็นทางเสลี่ยงขึ้น ซึ่งคดเคี้ยว และ ยาวกว่ามาก จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:45:33

ความคิดเห็นที่ 20 เดินขึ้นมา 45 นาที พอให้เหนื่อยเป็นพิธี ก็มาถึง Mountain top hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่เราจองไว้แต่แรก พนักงานให้การต้อนรับดีครับ นั่งรอห้องแป๊ปนึง พนักงานก็พาเดินไปที่ห้องซึ่งมีกลิ่นอับของลูกเหม็นแรงมาก เอาของเก็บเสร็จ เตรียมที่จะเดินไปพระธาตุอินทร์แขวน ผมก็บอกเจ้าหน้าที่ (เข้าใจว่าเป็นผู้จัดการ) ว่าขอเปลี่ยนห้องได้หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า จะลองดูให้ เพราะว่า ไม่แน่ใจว่ามีห้องว่างหรือไม่ เนื่องจากมีทัวร์ลงเต็มหมด ในใจคิดว่า คงไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร แค่คืนเดียวเท่านั้นเอง จากนั้นเดินออกจากโรงแรม ก็จะเจอป้อมเก็บเงินค่าเข้าพระธาตุครับ (ทั้งๆที่ต้องเดินอีกประมาณ 10 นาที ถึงจะถึงพระธาตุ) ผมไม่แน่ใจว่าค่าเข้าคนละ 10 เหรียญรึเปล่า แต่มีค่ากล้องแน่ๆ 2000 จ๊าดครับ (ถ้าผิดกรุณาแจ้งด้วยครับ จำไม่ได้จริงๆ จำได้แต่ว่า แพงมหาโหด) ซึ่งจะได้รับป้ายห้อยคอมาสำหรับ 2 วัน เจอพระธาตุอินทร์แขวนที่ตั้งตารอคอยสวยมากครับ แสงตอนบ่ายแก่ๆ ทำให้องค์พระธาตุเปล่งสีทองอร่าม ผมกดชัตเตอร์เยอะมาก จนการ์ดเต็ม จึงเปลี่ยนด้วยการ์ดใบที่สอง จากนั้นจึงไปสักการะองค์พระธาตุซึ่งให้แต่ผู้ชายขึ้นเท่านั้นครับ ผมเห็นคนข้างๆ เค้าเอาแบงค์ 1000 จ๊าด มาลูบที่องค์พระธาตุ ก็เลยเลียนแบบมั่งโดยลูบให้มีทองคำเปลวติดมาที่ธนบัตรด้วย ตั้งใจว่าจะเอามาฝากคุณแม่ไว้บูชาเป็นศิริมงคลครับ มีชาวพม่ามากมายขึ้นไปนั่งสมาธิ ทำพิธีทางศาสนาครับ เวลาเดินต้องระวังหน่อยเดี๋ยวจะเผลอไปเตะเค้าเข้า อยู่จนพระอาทิตย์ใกล้ตก เจ้าหน้าที่ได้เอาธูปเสียบธนบัตรไว้ แล้วเอาไปขัดที่องค์พระธาตุ แล้วให้ผู้ชาย ช่วยกันดันองค์พระธาตุเพื่อพิสูจน์ว่า องค์พระธาตุนั้นโยกได้จริง เห็นแล้วกลัวหล่นลงมาจริงๆครับ (เสียดายไม่มีกล้องวีดีโอ ไม่งั้นจะได้เห็นชัดกว่านี้ จำได้ว่าเคยเห็นคลิปใน youtube ครับ ลองหาดูนะครับ) จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:46:23

ความคิดเห็นที่ 21 พวกเราเดินกลับมายังโรงแรม เนื่องจากหิวมากครับ กะว่า หาอะไรทานแล้วจะกลับไปถ่ายรูปพระธาตุอีก (เอาให้คุ้ม ค่าเข้าแพงมาก) เดินมาถึง เจอผู้จัดการโรงแรมยืนรอผมอยู่ พร้อมกับแจ้งว่า ได้ทำการย้ายห้องให้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงของที่เราทิ้งไว้ในห้องพักก็ได้จัดการย้ายให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงบอกให้พนักงานพาผมไปดูห้อง พร้อมกับบอกว่า ถ้าไม่พอใจ เดี๋ยวจะลองเปลี่ยนให้ใหม่ แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ หน้าต่างด้านข้างมองเห็นวิว ซึ่งน่าจะสวยทีเดียวในตอนเช้า จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:46:59

ความคิดเห็นที่ 22 อาหารที่นี่ มีเป็นเซ็ตครับ เยอะมากๆ ราคาตั้งแต่ 6-10 เหรียญ แต่ผมสั่งเป็นจาน แล้วไปแจมกับเซ็ตของเพื่อน ก็ยังทานไม่หมดเลย ตามด้วย Myanmar Beer ในวันพระใหญ่นี่แหละ (บาปจริงๆ) อยากลองชิมเฉยๆครับ รสชาติดีพอๆกับไฮเนก๊อยส์บ้านเรา ซื้อฝากได้ รับรองไม่ขี้เหร่แน่นอน จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:47:34

ความคิดเห็นที่ 23 จากนั้นเราเดินขึ้นพระธาตุอีกครั้งเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ทางมืดหมดครับ ดีแต่ว่าเรามีไฟฉาย แต่ถ้าไม่ได้ติดไฟฉายไป ทางโรงแรมก็มีให้อยู่ในห้องอยู่แล้ว เนื่องจากว่าโรงแรมจะปิดไฟตอนเที่ยงคืน ไว้ให้ลูกค้าใช้เผื่อต้องเข้าห้องน้ำกลางดึกครับ หมอกลงจัด อากาศค่อนข้างเย็น กะคร่าวๆน่าจะประมาณ 23 องศาแต่หมอกลงจัดมาก เดินๆไป ผมเปียกเลยครับ โชคดีที่เตรียมแจ๊กเก็ตกันลมไว้ ไม่งั้นได้เป็นไข้แน่นอน บนนั้นยังมีคนพม่ามานั่งสมาธิ ผมก็เป็นคนนึงที่ไปนั่งสมาธิด้วย แต่เนื่องจากเสียงของผู้เข้าชมค่อนข้างดัง (ซึ่งเป็นกลุ่มทัวร์ของอากิ๋ม อาซ้อชาวไทย) ทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าที่ควร ซึ่งจริงๆทางวัดได้จัดห้องไว้สำหรับนั่งสมาธิเงียบๆ ครับ แต่เราไม่รู้เอง ยังไงซะ วัดก็คือวัด ถ้ามีโอกาสได้ไป ช่วยเงียบๆกันหน่อยนะครับ จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:48:17

ความคิดเห็นที่ 24 อันนี้เป็นภาพพระธาตุตอนเย็นนะครับ จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:49:39

ความคิดเห็นที่ 25 อ่ะ อ่านต่อครับ 27 กรกฎาคม 2553 วันที่สามของการเดินทาง ตอนเช้ากะว่าจะตื่นแต่เช้า ด้วยหวังว่าจะขึ้นพระธาตุอีกครั้งเพื่อถอนทุนค่าเข้า แต่ไม่สำเร็จครับ เพราะเรานัดกัน checkout จากโรงแรม 7 โมง เพื่อที่จะรีบกลับมาย่างกุ้ง เพื่อไปเที่ยวที่สิเรียมต่อ ถึงจะไม่ได้ขึ้นพระธาตุอีก ก็ได้เห็นวิวจากหน้าต่างของห้องพักในตอนเช้า เป็นทะเลหมอกครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 53 13:32:30 จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:50:45

ความคิดเห็นที่ 26 กินอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้ (โรงแรมให้เราเลือกตั้งแต่เมื่อคืนครับ ว่าจะรับเป็น ABF หรือ ข้าวผัดไก่) กินเสร็จ ระหว่างรอคนอื่นๆ ผมออกมาด้านนอกโรงแรมที่ยังมีหมอกปกคลุมอยู่ พร้อมกันนั้นได้เห็นพระยืนเรียงรายรอรับบิณฑบาตร ผมวิ่งกลับเข้าไปเอาบะหมี่สำเร็จรูปมาใส่บาตรครับ พระที่พม่าใช้บทสวดมนต์เดียวกับพระของไทยแต่สำเนียงแตกต่างกันครับ ถ้าได้ไปลองสังเกตุดีๆนะครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 53 13:30:59 จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:51:37

ความคิดเห็นที่ 27 เราออกเดินจากโรงแรมประมาณ 7:45 โดยเดินย้อนกลับมาทางเดิม ขาลงต้องระวังลื่น เนื่องจากเมื่อคืนมีฝนตก และต้องระวังขบวนเสลี่ยงที่รับคนลงมาด้วย มารอรถขนหมูเพื่อที่จะลงไปด้านล่างครับ รถมีหลายคัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่เหมาไว้สำหรับกรุ๊ปทัวร์แล้ว พวกเราโชคดี ได้เจอพี่คนไทยให้เราอาศัยมาฟรีๆ เพราะรถเค้ายังว่าง (ประหยัดไป) จากนั้นเรากลับมาแวะทานอาหารกลางวันที่เมืองหงสาวดี ร้านเดิมที่เมื่อวานมาทาน บอกให้คนขับรถตู้ไปร้านอื่น ก็ไม่ยอมไป คิดว่าคงมีอะไรซักอย่างละครับ แต่ก็เอาน่า เราก็สั่งเมนูอื่น แล้วดูวิวเดิมไปละกัน รูปด้านล่างนี้เป็นรูปพระราชวังบุเรงนองที่เราแวะตอนขามาครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 53 13:31:45 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 53 12:53:10 จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:52:24

ความคิดเห็นที่ 28 ทานอาหารเสร็จ เรานั่งๆ นอนๆ ในรถตู้ตรงดิ่งไปยังเมืองสิเรียม เพื่อเยี่ยมชมพระเจดีย์เยเลพญา วัดกลางน้ำ อายุกว่าพันปี ต้องนั่งเรือข้ามไปครับ ค่าเรือลำละ USD 6 ครับ เราไปถึงที่นี่ประมาณ 16:15 น. จึงต้องรีบหน่อย เพราะว่าเค้าปิด 17:00 น. เจ้าหน้าที่ที่ดูแลวัดแห่งนี้ ใจดีมากครับ ไม่มีการเร่ง ให้เราดูจนพอใจ จากนั้นจึงปิดวัดแล้วข้ามตามหลังเรามา จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:56:07

ความคิดเห็นที่ 29 เราเดินเล่นในตลาด แวะซื้อของนิดหน่อย ผู้คนเป็นมิตรมากครับ ถ้าใครชอบถ่ายรูปแนว Street Life คงต้องชอบที่นี่แน่ๆ จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:56:53

ความคิดเห็นที่ 30 เรานั่งรถกลับไปยังโรงแรม Asia Plaza ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พอรับกระเป๋าเสร็จ พนักงานพาเราขึ้นไปยังห้องพักที่อยู่บนชั้น 11 ด้วยลิฟท์แก้ว ขณะที่อยู่ในลิฟท์แก้วนั้นผมก็ต้องตะลึงกับวิวของเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งโดดเด่นเป็นสง่าในความมืดของเมืองย่างกุ้ง คิดเจ็บใจตัวเองที่ไม่แบกขาตั้งกล้องมาด้วย ไม่งั้นจะได้ภาพที่แจ่มกว่านี้แน่นอน เย็นวันนั้นผมทานอาหารญี่ปุ่นที่เอาไปจากเมืองไทยครับ 555 มาม่านั่นเอง ไม่ใช่เพราะว่าไม่กล้ากินอาหารพม่านะครับ แต่ขี้เกียจแบกกลับ เอามาตั้งเยอะ กินไปแค่ 2 ซองเอง เลยซัดอีก 2 ซอง กะว่าที่เหลือพรุ่งนี้จะเอาไปใส่บาตร คืนนั้นผมถ่ายรูปมหาเจดีย์จากหน้าต่างภายในห้องพักจนแบตกล้องหมด ถึงเข้านอน กะว่า พรุ่งนี้ถ้าอากาศดีจะไปถ่ายรูปชเวดากองอีกครั้งหนึ่ง โทรทัศน์ในโรงแรมสามารถดูช่องของ True Vision ได้ครับ เลยนอนดูหนังจนหลับไปเลย คุณภาพของห้องพักที่นี่สู้ที่ Central ไม่ได้ แต่ได้วิวที่สวยกว่า เพราะว่าสูงกว่าเท่านั้นเองครับ จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:57:53

ความคิดเห็นที่ 31 28 กรกฎาคม 2553 วันสุดท้ายของการเดินทาง ผมตื่นตั้งแต่หกโมงครึ่งด้วยหวังว่าจะไปถ่ายรูปพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งเปิดเก้าโมงเช้า อาบน้ำแล้วลงไปทานข้าว ทันใดนั้นเอง............ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก.......... T-T หมดกัน ความหวังที่จะได้ถ่ายรูปมหาเจดีย์ตอนแดดใสๆยามเช้าไม่มีอีกแล้ว ทานอาหารเสร็จ นึกขึ้นได้ ว่าลืมกระเป๋าตังค์ไว้บนห้องพัก จึงขึ้นลิฟท์ไปเอา ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์แก้ว ผมยกมือขึ้นไหว้พระมหาเจดีย์ อฐิษฐานว่า ขอให้ฝนหยุดตกด้วยเถิด อยากไปสักการะพระมหาเจดีย์อีกครั้งหนึ่งก่อนกลับเป็นศิริมงคลกับชีวิต เดินเข้าไปในห้องพัก หยิบกระเป๋าตังค์ คิดว่า ยังไงก็ไป ฝนตกก็ไป ลงมาจากห้องพัก เรียก Taxi ที่อยู่หน้าโรงแรมท่ามกลางสายฝน ราคา 1500 จ๊าดครับ ระหว่างทางฝนยังตกอยู่ แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละครับ ฝนหยุด พร้อมๆกับแดดออก ราวกับว่าไม่ได้ตกมาหลายวันอย่างไงอย่างงั้น ไม่รู้ว่าโชคดี หรือ เป็นเพราะที่อฐิษฐานเอาไว้ รู้แต่ว่าขนลุกซู่เลยครับ รีบเดินเข้าไปภายในมหาเจดีย์ จ่ายค่าเข้าอีกรอบ แล้วถ่ายรูปอย่างเต็มที่ท่ามกลางแดดยามเช้า สวยงามมากครับ เดินอยู่จนถึง 11 โมงเช้า จึงกลับเนื่องจากต้องไป checkout ที่โรงแรม ด้วยแท็กซี่ ราคา 1500 จ๊าดเท่าเดิม หุหุ เชื่อมั๊ยครับว่า ปิดประตูแท็กซี่ปุ๊ป ฝนก็ลงเม็ดปั๊บเลย จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 12:58:42

ความคิดเห็นที่ 32 กลับมาถึงโรงแรม จัดการ Checkout เรียบร้อย พวกเราฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่โรงแรม จึงออกไป scott market เพื่อที่จะซื้อของฝาก โดยไม่ลืมที่จะแวะไปร้านข้าวแกงที่ทานในวันแรก เพื่อซื้อน้ำพริกกลับมา สนนราคาอยู่ที่ 500 จ๊าด ต่อถุง เลยสอยมาซะ 2 ถุงครับ 555 เข้าไปใน Scott Market รู้สึกหิวครับ เลยลองชิมขนมพม่าดู เหลือบไปมองเห็นข้าวต้มมัดวางอยู่ ซึ่งผมชอบข้าวต้มมัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงซื้อมาทานในราคา 400 จ๊าดครับ ข้าวต้มมัดพม่าต่างจากของไทยตรงที่ 1. โรยมะพร้าวขูดไว้ด้านบน 2.ก้อนใหญ่กว่า ใหญ่ประมาณอิฐมอญที่ใช้สร้างบ้านน่ะครับ !!! อิ่มเลยครับ 400 จ๊าด จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 13:00:17

ความคิดเห็นที่ 33 บ่ายสองแล้ว นั่ง taxi จาก Scott Market กลับมาโรงแรม สนนราคา 1000 จ๊าดครับ เนื่องจากว่าฝนตก จึงจำเป็นที่จะต้องนั่ง taxi ซึ่งจริงๆแล้วเดินเพียงแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว จัดการกระเป๋าเสร็จ ผมจัดการห่อน้ำพริกพม่า ซึ่งมีกลิ่นกะปิอย่างรุนแรงอย่างดี ห่อ 3 ชั้นตามด้วยถุง Ocean Pack รับรองว่าไม่มีทางเลอะกระเป๋าแน่นอน เราออกจากโรงแรมประมาณ บ่ายสองโมงสี่สิบ เนื่องจากต้องไปให้ทัน  Check in บ่ายสี่โมง นั่ง Taxi ไปจากโรงแรมราคา 6000 จ๊าดครับ (เท่ากับ USD 6 เท่ากับขามาเลย) จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 13:00:56

ความคิดเห็นที่ 34 ก่อน Check -  in เจ้าหน้าที่ให้เราไปจ่ายภาษีสนามบินอีก USD 10 เล่นเอางงครับ ก็ไหนบอกว่ารวมอยู่ในตั๋วแล้วไง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า คนละส่วนกัน งงครับ เอ้า จ่ายก็จ่าย ไม่งั้นก็ไม่ได้กลับ เลยต้องไปต่อแถวจ่ายอีก 10 เหรียญ ผ่านตม. เรียบร้อย มาดูร้านขายของภายในสนามบิน ซึ่งจะเรียกว่า duty free ก็ไม่ผิดครับ ของที่นี่ถูกมาก โดยเฉพาะของฝาก เหมือนที่ scott Market เลย แต่ราคาถูกกว่า T-T เบียร์พม่ากระป๋องละ 1 เหรียญ ข้างนอกขาย 1.5 เหรียญ อะไรกันเนี่ย แป้งทานาคา ก็แค่ 1 เหรียญ ด้านนอกต่อแล้ว เหลือ 1.5 เหรียญ อะไรกันเนี่ย!!!!! เดินเจ็บใจอยู่ซักพัก เหลือบไปเห็นร้านอาหาร เลยทานอาหารซักหน่อย ราคาไม่แพงครับ จานละประมาณ 2 – 6 เหรียญ ผมสั่งหมี่ผัดสไตล์มัณฑเลย์มาทาน อร่อยมากครับ เลยซัดไปซะ 2 จาน เพื่อนถามว่า ทำไมไม่ลองอย่างอื่น ผมบอกว่า ไม่ล่ะ กลัวผิดหวัง 5555 จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 13:01:49

ความคิดเห็นที่ 35 เราบินกลับด้วยเจ้าหางแดง เที่ยวบินที่ FD 3773 ผมนั่งด้านซ้ายมือ จะมองเห็นพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ตั้งตระหง่านท่ามกลางตึกรามบ้านช่องในย่างกุ้ง เห็นแล้วไม่น่าเชื่อครับ ว่านี่คือทองคำที่สามารถมองเห็นได้จากเครื่องบิน จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 13:05:12

ความคิดเห็นที่ 36 กลับมาถึงสุวรรณภูมิประมาณ 20:30 รอกระเป๋านานมากกกกกก กว่าจะได้ออกมา ก็สามทุ่มกว่า นึกๆแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีกแล้ว เฮ้อ นึกถึงงานกองรออยู่บนโต๊ะแล้วขามันไม่มีแรงดื้อๆเอาซะอย่างนั้น พูดกับเพื่อนใหม่สาวกห้องบลูทีเจอกันตั้งแต่พระธาตุอินทร์แขวนว่า “เอาน่า ตั้งใจทำงาน เพื่อมัณฑเลย์ และ พุกาม!!!” จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 13:05:56

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้ล่ะครับ ขอเสริมนิดนึงนะครับ ผมว่า หน้าฝนเนี่ย ใส่รองเท้าแตะไป ไม่น่าจะสะดวกนะครับ ผมใส่รองเท้าเดินป่าที่กันน้ำไป ถึงแม้ว่าจะต้องถอดบ่อย แต่ถ้าใส่รองเท้าแตะย่ำพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น โคลน ขี้หมา น้ำหมาก ในเมืองย่างกุ้งเนี่ย เท้าจะแย่เอานะครับ สู้ยอมถอดบ่อยเวลาเข้าวัด ก่อนใส่ก็เอา wet tissue เช็ดเท้าซะหน่อย เพียงแค่นี้ ก็ได้เดินอย่างแห้งสบาย อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแล้วล่ะครับ อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ ถุงใส่รองเท้าครับ เนื่องจากเข้าวัดที่ไหน ก็ต้องถอดรองเท้า ฝากไว้ก็เสี่ยงหาย และ ก็เสียตังค์ค่าฝากแน่ๆ ถือใส่ถุงไป อุ่นใจกว่าครับ ถ้าไม่มีแต่ละวัดเค้าจะมีเด็กคอยวิ่งขายถุงใส่รองเท้าครับ ไปพม่าสี่วัน ผมเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับประเทศที่ในอดีตเป็นศัตรูคู่แค้นกับประเทศไทยแห่งนี้ไปเลยครับ ผู้คนจิตใจดีมากๆ มีความปลอดภัยสูง ตามที่หนังสือหลายๆเล่มจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆจริงๆ เรื่องเอาเปรียบ โก่งราคาน้อยกว่าหลายๆประเทศ ที่เคยไปเที่ยวมา (ขอไม่บอกชื่อละกันนะครับ) สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่จะไปย่ำพม่า ในหน้าฝนแบบผม จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 13:06:43

ความคิดเห็นที่ 38   อ่อ...ถึงว่าทำไมฝนไม่ตก แดดจึงออกดียามเช้าที่ผมเดินไปพระเจดีย์ชเวดากอง ทั้งๆที่ตอนเดินไปจากโรงแรม 8 โมงกว่าๆ ฝนตกปรอยๆ พอไปถึงพระเจดีย์ฝนก็หยุดตกซะงั้น...แถมแดดเปรี้ยง ท้องฟ้า กลุ่มเมฆสวยงามมากๆครับ ทำให้ได้เห็นภาพพระเจดีย์สีทอง ตัดท้องฟ้าสีฟ้าใส กับกลุ่มเมฆรูปร่างสวยงาม สวยงามประทับใจมากๆครับ  ^ ^ จากคุณ : TeeChoco เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 13:50:05

ความคิดเห็นที่ 39 ตามมาเที่ยวพม่าด้วยคนนะครับ  เก็บข้อมูลไว้ก่อนไปจริง จากคุณ : ก้อนหินยอดดอย เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 14:31:25

ความคิดเห็นที่ 40 มายืนยันว่า ร้านอาหารในเมือง หงสา ร้านนี้ อร่อยจริงๆครับ วิวสวยด้วยครับ มองเห็นเจดีย์ได้จากชั้นสองของร้าน จากคุณ : ไทกั๋ว เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 16:15:47

ความคิดเห็นที่ 41 ค่าเข้าพระธาตุอินทร์แขวน รู้สึกจะท่านละ 6 USD นะครับผม แล้วก็ จขกท โชคดีนะครับไป พระธาตุอินทร์แขวนแล้วฝนตกไม่เยอะมาก ช่วงนี้เล่นตกทุกวันหนักๆทั้งงั้นเลย จากคุณ : Todalno เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 17:28:49

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะค่ะ จากคุณ : Valily เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 21:10:29

ความคิดเห็นที่ 43 เที่ยวช่วงเดียวกันเลยครับ แต่พวกผมจะอยู่ยาวกว่า จากคุณ : Louisson เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 16:34:14