ความคิดเห็นที่ 1 ''จนท.รฟท.ยืนยันว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่มีความปลอดภัยสูงสุด'' -โอ้ สุดยอด ใหม่สุด แต่ไหงโบกี้รถมันโทรมจังละท่าน ไม่มีสง่าราศีเอาซะเลย แสดงว่า เทคโนโลยี เหนือกว่า คินคันเซ็น ของญี่ปุ่นอีกนะเนี่ย เพราะที่นั่นปิดประตูเบามาก สงสารคนญี่ปุ่นจริงๆ ความปลอดภัยสู้ ARL ของไทยไม่ได้ 5555++ ผมคงไมคาดหวังได้แบบญี่ปุ่นหรอก เอาเท่า มาเล เพื่อนบ้านก็พอ ทำใมถึงไม่เลือกรถรุ่นที่ใช้ที่มาเล หน้าตาก็สวย ที่นั่งก็ดีกว่าเยอะ  ปิดประตูไม่มีเสียงดัง วิ่งด้วยความเร็วสูงเหมือนกัน อยากรู้เหตุผล ใครรู้วานบอกที จากคุณ : closefriend เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 01:30:37

ความคิดเห็นที่ 2 ที่นั่ง ที่ มาเลย์ จากคุณ : closefriend เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 01:31:54

ความคิดเห็นที่ 3 ที่นั่งแบบนี้ ก็เหมือนใน express line ไงค่ะ ส่วน cityline จะเน้น รับส่ง ผู้โดยสารจากนอกเมืองเข้าในเมือง จึงเน้นเรื่องจำนวน คน เจ้าหน้าที่แจ้งว่า จุได้ถึง 700-800 ขบวนรวมนั่งและยืน ซึ่งมากกว่า express เรื่องประตู เทคโนโลยีแบบแรงดันลม ประตูจะทำการปิดมาชนกัน แล้วดึงเข้า ช่วงดึงเข้าทำให้เกิดเสียงดังค่ะ ที่จำเป็นต้องใช้ระบบนี้ เพราะวิ่งด้วยความเร็วสูง และ วิ่งที่สูง โดยไม่มีแนวกำบังลม และ อื่นๆๆ (พอดีจำไม่ได้ค่ะ )อาจจะมีเืรื่องอื่นด้วย แต่ไม่ทราบ เจ้าหน้าที่ให้คำตอบมาแบบนี้ แต่รับรองว่าปลอดภัย แน่นอน ไม่หนีบใครแน่ๆๆ เพราะช่วงที่ประตูปิดมาชนกันไม่แรงค่ะ แล้วก็มีเซนเซอร์ที่จับวัตถุได้ดี ค่ะ ปล.ขอบคุณคำแนะนำ รวมถึง คำตอบจากเจ้าหน้าที่ รฟท. ทั้งสองท่านมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 53 01:57:25 จากคุณ : NooKeo เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 01:54:02

ความคิดเห็นที่ 4 '' ที่จำเป็นต้องใช้ระบบนี้ เพราะวิ่งด้วยความเร็วสูง และ วิ่งที่สูง โดยไม่มีแนวกำบังลม'' - ไม่เห็นด้วยตรงที่ เพราะวิ่งด้วยความเร็วสูง ที่ ญี่ปุ่น และ มาเลย์ ก็วิ่งด้วยความเร็วสูง แต่ทำไม ประตูปิดเงียบจัง - ส่วนที่ว่า วิ่งที่สูง โดยไม่มีแนวกำบังลม อันนี้อาจมีส่วน ทางที่ดี ให้ลองถามคนที่เคยนั่ง ของที่อื่น ที่มีลักษณะเหมือนของไทยเป๊ะ ว่าประตูของที่นั่น ปิดเสียงดังหรือเปล่า ถ้าที่อื่นปกติ ของเราจะได้รีบหาทางแก้ไข แต่ถ้าเหมือนกัน แสดงว่า เป็นเทคโนโลยี เฉพาะของรุ่นนี้ จะได้เลิกกังวลกัน แต่ผมก็เกิดคำถามใหม่อยู่ดี ทำใมถึงเลือกรถรุ่นนี้ เ้ลือกแบบอื่นได้หรือไม่ เช่น แบบของ มาเลย์  ใครรู้ วานตอบที จากคุณ : closefriend เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 02:05:41

ความคิดเห็นที่ 5 ใหม่ล่าสุด ในประเทศไทย??????? จากคุณ : Jumbo@Tgang เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 02:40:38

ความคิดเห็นที่ 6 จากข้อสงสัยว่าทำไมประตูรถ ARL บ้านเราถึงเสียงดัง จนขนาด รมต. เข้ามามีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ตามที่หลายท่านบอก เพราะรถ ARL มันใช้วิธีดูดประตูเข้ามาแล้วล็อกให้เข้าที่ จึงทำให้เกิดเสียงดัง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย เพราะเป็นรถไฟความเร็วสูง หากจะเทียบกันกับรถไฟฟ้าที่หลายคนคุ้นเคยกันอย่าง BTS, MRT มันก็ชัดเจนว่าประตูมันคนละแบบกัน เพราะรถไฟฟ้าเหล่านั้นวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 90 km/h ทีนี้ก็มีหลายคนถามอีกว่า ทำไมรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ต่างประเทศ ทำไมจึงเสียงปิดประตูไม่ดังเลย อย่างเช่น KLIA express ซึงก็เป็นรถ Siemens Desiro (แต่คนละรุ่น) เหมือนกัน ทำไมจึงไม่ดัง คำตอบก็คือ รถที่เราใช้เป็นรถคนละรุ่นกับที่มาเลใช้ (KLIA Express ใช้ Siemens Desiro ET425M ส่วน ARL ของไทยใช้ Desiro Class 360/2) ถ้าอย่างนั้น มีคำถามต่อว่าอาการเสียงดังของประตูรถรุ่นนี้มันปกติหรือไม่ ก็ต้องดูว่ารถรุ่นเดียวกันที่ประเทศอื่นใช้ ว่าประตูที่นั่นปิดเสียงดังหรือไม่ ซึ่งที่ว่ามามันก็คือ Heathrow Connect ที่อังกฤษ ซึ่งเป็นรถรุ่นเดียวกันกับของเมืองไทยนั่นเอง แต่ไม่ต้องลองนั่งเอง และไม่ต้องถามประสบการณ์ใคร เพราะ youtube ก็มีคำตอบครับ... ใครข้องใจ ว่าอาการเสียงดังมันปกติหรือผิดปกติ แล้วรถรุ่นเดียวกันนี้ที่อังกฤษใช้มันเสียงดังหรือไม่ โปรดชมจากวิดีโอครับ..... (ขออนุญาตเรียบเรียงใหม่ครับ) แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 53 12:26:08 จากคุณ : COLORS เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 02:46:37

ความคิดเห็นที่ 7 (แก้ไขครับ) แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 53 03:15:34 จากคุณ : COLORS เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 03:14:58

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้เป็นอีกคลิปนึง น่าจะช่วยยืนยันได้.... ส่วน ตัวผม พอทราบว่ารถรุ่นเดียวกันนี้ที่ Heathrow Connect ก็ปิดประตูเสียงดังเหมือนกัน ก็สบายใจแล้วล่ะครับว่าที่รถ ARL บ้านเราปิดประตูเสียงดังอย่างนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ก็อยากให้ทุกท่านสบายใจด้วยนะครับ ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมประตูรถรุ่นนี้ต้องเสียงดัง ทำไมรุ่นอื่นถึงเสียงไม่ดัง ก็คงว่ากันไปที่เรื่องของการออกแบบแล้ว แต่ที่แน่ๆ คือมันปลอดภัยและผ่านมาตรฐานจนวิ่งรับส่งพวกเราได้แน่นอน ส่วนรถรุ่น นี้จะรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก่านั้น เอาเป็นว่า Heathrow connect รถรุ่น Class 360/2 นี้เริ่มผลิตตอนปี 2004 และออกให้บริการตอนปี 2005 ส่วน ARL ของเราก็เริ่มผลิตประมาณปี 2007-2008 นี้เองครับ (แต่ดันต้องเอามาจอดนอนรอในโรงเก็บเป็นปีเลยทีเดียว เพราะรางยังไม่เสร็จ) ใหม่สดขนาดนี้ท่านจะเชื่อว่ารถรุ่นใหม่จริงหรือไม่ก็แล้วแต่พิจารณาครับ จากคุณ : COLORS เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 03:15:20

ความคิดเห็นที่ 9 เมืองไทยก็ดีแต่โม้ยกหางตัวเองไปเรื่อย น่าเบื่อที่สุด ถ้าอยู่บนความจริงทำอะไรตรงไปตรงมาจะเจริญกว่านี้มาก จากคุณ : Stila is Style เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 06:58:17

ความคิดเห็นที่ 10   ยืนยันว่าเวลาปิดประตูเสียงดังมาก บางคนตกใจอุทานออกมาแบบว่านำเสนอไม่ได้ จากคุณ : wut8000 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 07:31:39

ความคิดเห็นที่ 11 ทำอะไรแต่ละอย่าง ต้องตามแ้ก้ตลอด ทำไมไม่ทำให้มันดี ทีเดียวจบ น้าาาา จากคุณ : P J เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 07:46:34

ความคิดเห็นที่ 12 ก้ลอกการบ้านเค้า  เลือกแต่ข้อดีๆมาได้มั้ย หรือว่ามีอะไรมันบังตา จากคุณ : duplicate เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 07:58:16

ความคิดเห็นที่ 13 ต่อคำถามที่ว่า ผู้โดยสารจะมีโอกาสถูกประตูหนีบหรือไม่ จนท.รฟท.บอกว่ามีระบบให้ประตูเด้งกลับหากไปกระทบวัตถุ แม้มีขนาดเท่านิ้วมือ เช่นเดียวกับบีทีเอสและเอ็มอาร์ที และพูดติดตลกว่า ประตูปิดเสียงดังก็ดี เพราะทำให้ผู้โดยสารถูกปลุกให้ตื่นตัวทุกสถานี ไม่นั่งหลับจนเลยสถานีที่จะลง ^ ^ ^ ฮ่าๆๆ อ่านแล้วก็ฮาดี ท่าทางเจ้าหน้า รฟท. จะอารมณ์ดีกันนะคะเนี่ย แปลว่าเราจะไม่เจอเจ้าหน้าที่ทำหน้าบึ้งตึงเวลาไปใช้บริการใช่มั้ยคะ แต่เอาเถอะค่ะ ทุกอย่าง ต้องเริ่มต้นนับที่ 1 กว่าจะถึง 100 ตอนนี้เรากำลังเริ่มก้าวเดินแล้ว เราก็ต้องนับอยู่ที่ 1 ก่อน หันไปมองคนอื่นเค้ากำลังนับ 10 นับ 11 เราก็อยากจะนับเหมือนเค้า แต่ถ้าเรากระโดดไปนับ 10 นับ 11 แบบเค้า เราเองนั่นแหละค่ะ ที่จะแย่ เพราะเราไม่เคยรู้จัก 1-9 มาก่อนเลย ยังไงก็ต้องว่ากันไปล่ะค่ะ อาจจะมาช้าหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มานะคะ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 53 08:22:10 จากคุณ : need_woon เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 08:19:31

ความคิดเห็นที่ 14 มันเป็นลักษณะพิเศษของรถไฟรุ่นนี้แลครับผม แต่เขาก็แจ้งมาแล้วว่าไม่มีอันตรายใดๆ ตัวประตูสามารถยกเลิกการปิดได้หากไปปะทะกับวัตถุในระหว่างการปิด และระดับเสียงก็คงไม่เกินกว่ามาตรฐานที่มนุษย์สามารถรับฟังได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหูหรอกกระมัง จากคุณ : อุ้่ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 08:22:33

ความคิดเห็นที่ 15 รุ่นอื่นแพงกว่าครับ ต้องดูความคุ้มค่าต่อระยะทางด้วยนะ ส่วนมากที่ปิดแล้วเสียงเบา จะเป็นรุ่นที่ประตูอยู่ในห้องโดยสาร เพราะปิดแล้ว ไม่มีส่วนต้านลมแน่นอน แบบชินคันเซน จากคุณ : geefa เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 08:41:27

ความคิดเห็นที่ 16 ที่เยอรมันนี ก็ดังแบบนี้ ก็เห็นเค้าเฉย ๆ กัน หรือว่าคนเยอรมันหูตึง ??? จากคุณ : kraikl (kraikl) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 09:09:34

ความคิดเห็นที่ 17 เคยเจอแต่เสียงเบาๆ พอมาเจอเสียงดังก็ ติกันเป็นธรรมดา คนไทยช่างติ แต่เดียวก็ชินกันไปเอง เราคนหนึ่งที่คิดว่า มีให้ใช้ ดีกว่าไม่มี ดีแค่ไหน ที่ไทยก็มี จากคุณ : dcapar เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 09:21:55

ความคิดเห็นที่ 18   บางคนที่ติๆ เชื่อว่ายังไม่เคยไปนั่งด้วยซ้ำ อิอิอิ ว่ามะ จากคุณ : chartodeworld เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 09:32:22

ความคิดเห็นที่ 19 มันดังมากเลยเหรอครับ แต่ถ้าดังเท่าที่ใน youtube ผมว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นไรมากนะครับ ดังปังๆๆ ไม่กี่ครั้งก็ถึงแล้ว แต่ถ้าเป็นสายด่วนก็ดังแค่ครั้งเดียว ไม่เห็นต้องให้เขาแก้ไขอะไรเลย ถ้าฝ่ายเทคนิคเขายืนยันว่าออกแบบมาแบบนั้น จะเก่งเกินช่างไปถึงไหน จากคุณ : korakodsan เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 09:48:22

ความคิดเห็นที่ 20   คนไทยกระต่ายตื่นตูม จากคุณ : คนลาดพร้าว71 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 10:27:22

ความคิดเห็นที่ 21 เหอๆ ถามแบบ เหมือนจะเอาเป็นเอาตายให้ได้  เวลาจะจัดซื้ออะไรที ก็ต้องลงประกาศไปเลยว่า ที่เราเลือกรุ่นนี้ ไม่ได้เลือกรุ่นเดียวกับมาเล เพราะอะไร  จากนั้น ก็จะมีคำถามทำนองว่า ทำไมต้องยี่ห้อนี้ ทำไมไม่เอายี่ห้อเดียวกับญี่ปุ่น ยี่ห้อเดียวกับจีน หรือไม่ก็อาจจะเป็น ทำไมต้องซื้อเค้า ทำไมไม่ทำเอง ติไปหมด โบกี้ไม่สวย สวยไม่สวยเอาอะไรวัดฟะ บางคนก็ชอบบางคนก็ไม่ชอบ ถ้าไอ่รุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวในโลก ที่มีใช้ที่ประเทศไทยก็อีกเรื่องนึง  แต่นี่ก็มีหลายที่ใช้ แล้วเค้าก็ยืนยันว่าเป็นแบบนี้ แล้วจะให้แก้อะไร - -" รมต. ก็บ้าจี้ตามอีก อ่านแล้วจะบ้าตาย จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 11:38:22

ความคิดเห็นที่ 22   ที่พูดกันว่าที่ประเทศอื่นก็เป็นอย่างนี้ ตอนที่ประเทศพวกนั้นเริ่มใช้กันใหม่ๆก็คงบ่นเหมือนเรานั่นแหละว่าไมเสียงดัง ก็ของเค้ามีมานานแล้ว นานจนชินไปแล้วว่ามันต้องอย่างนี้ เด๋วพี่ไทยใช้ไปนานๆก็ชินเองแหละ จากคุณ : nanaka เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 12:30:25 A:124.120.250.130 X: TicketID:274807

ความคิดเห็นที่ 23 วิธีแก้ไขปัญหาประตูเสียงดัง ง่ายๆ 1. ใส่หูฟัง 2. นั่ง Express Line จะได้ได้ยินเสียงประตูดังแค่ครั้งเดียว จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 14:19:23

ความคิดเห็นที่ 24 ก็ว่าไปตามได้ยิน เสียงดังก็ดังตามที่ว่าจ้า แต่ไม่ว่าอย่างไร คนไทยก็รักสงบ..... จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:03:33

ความคิดเห็นที่ 25 วิธีแก้ "เสียงดังก็ให้รู้ว่ามันดัง" จากคุณ : kraikl (kraikl) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:10:00

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องเสียงดัง มันเป็นเรื่องของกลไกของระบบประตู ซึ่งอยู่ที่ว่าผู้ผลิตระบบประตู (ของ ARL คือ บริษัท BODE AG.) ว่าสามารถทำกลไกได้เงียบแค่ไหน เสียงที่ดังนั้นเกิดจากกลไกของประตูเวลาที่ประตูถูกดึงกลับเข้ามาในตัวรถ หากลองสังเกตดีๆ บริเวณด้านล่างของประตู จะมีอุปกรณ์ทำหน้าที่เปรียบเสมือนสปริง คอยดึงประตูกลับ พอประตูปิดมาถึงตำแหน่ง อุปกรณ์ตัวนี้จะทำการดึงประตูให้หุบเข้ามาในตัวรถ จึงทำให้เกิดเสียงดัง และเสียงแบบนี้เป็นปกติของระบบประตูแบบ Plug-In Door ประตูแบบ Plug-In Door ประตูแบบนี้จะใช้บนเครื่องบิน และห้องที่ต้องการควบคุมความดัน หรืออุณหภูมิ แต่สำหรับรถไฟก็มีการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย อาทิเช่น MTR A-Stock EMU จาก ADTranz/CAF MTR K-Stock EMU จาก Hyundai Rotem/ Mitsubishi Heavy Industries Desiro Series จาก Siemens AG ทั้งนี้ ในรถไฟไม่ได้มีจุดประสงค์ไว้เพื่อควบคุมความดันหรืออุณหภูมิแต่อย่างไร และไม่สามารถควบคุมความดันหรืออุณหภูมิได้ และเสียงที่เกิดขึ้นจากการปิดประตู เกิดการกลไกการทำงานของระบบประตู โดยเฉพาะช่วงที่ประตูหุบเข้ามาในขบวนรถ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตระบบประตูให้กับรถขบวนนั้นๆ (สามารถออกแบบกลไกให้ทำงานเงียบได้) ประตูรถไฟแบบ Plug In Door มีทั้งแบบเสียงดัง และแบบเงียบครับ ขึ้นอยู่ว่าจะทำแบบไหน (ลองชมตัวอย่างได้จากในคลิปด้านล่าง) ส่วนใหญ่รถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟที่ต้องการทำความเร็ว จะใช้ระบบประตูแบบนี้กันมาก เนื่องจากมีผลในเรื่องของกระแสลมวนบริเวณของประตู Outside Sliding Door แบบ BTS/MRT หรือ Pocket Sliding Door จะมีส่วนของประตูที่ยื่นออกมาจากตัวถังรถด้านข้าง อาจจะทำให้เกิดกระแสนลมวน เวลารถวิ่งด้วยความเร็วสูง และอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ Plug-In Door แบบ Desiro เวลาประตูปิด ประตูจะเรียบสนิทกับตัวถังรถ ทำให้ไม่เกิดกระแสลมวนบริเวณประตูเวลารถวิ่งด้วยความเร็วสูงครับ ส่วนเรื่องที่ประตูเด้งออกเองเมื่อชนวัตถุ อันนี้ขอบอกตรงๆ ว่า จนท.รฟท.โม้ครับ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร หากคุณยืนขวาง ประตูก็ยังเด้งอัดใส่หน้าคุณอยู่ดี ดังนั้นหากผู้โดยสารทุกคนปฏิบัติตามกฏ คือ ไม่ยืนกีดขวางบริเวณประตู รวมไปถึงไม่พิงประตูรถ / Move inside the train away from door area and do not lean on door. ถ้าคุณทำตามกฏได้ ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:12:38

ความคิดเห็นที่ 27 Plug In Door on MTR A-Stock EMU จาก ADTranz/CAF (Now, Bombardier Transportation) จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:13:34

ความคิดเห็นที่ 28 Plug In Door on MTR A-Stock EMU จาก ADTranz/CAF (Now, Bombardier Transportation) จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:14:05

ความคิดเห็นที่ 29 Plug In Door on MTR K-Stock EMU จาก Hyundai Rotem/ Mitsubishi Heavy Industries จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:14:44

ความคิดเห็นที่ 30 Plug In Door on MTR K-Stock EMU จาก Hyundai Rotem/ Mitsubishi Heavy Industries จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:15:09

ความคิดเห็นที่ 31 สำหรับเรื่องเทคโนโลยีของประตูรถไฟแบบนี้ จนท.รฟท. ก็"โม้"เช่นเดียวกัน เพราะจากคลิปตัวอย่างของ Plug In Door on MTR A-Stock EMU จาก ADTranz/CAF (Now, Bombardier Transportation) A-Stock EMU ของ HK MTR นั้นมีอายุใกล้เคียงกับรถไฟฟ้า Siemens ของ BTS ที่วิ่งกันอยู่ในกรุงเทพนี้ คือประมาณ 10 ปี ประตูรถรุ่นดังกล่าวเป็น Plug In Door แบบกับ SARL ดังนั้นที่กล่าวว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และเรื่องระบบประตูนั้น จะใช้ลมในการดันกลไกลประตูให้ปิดนั้นถูกต้องแล้ว เพียงแต่ประตูนั้นไม่ได้ดูดกันเองแต่อย่างใด เสียงที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นเรื่องของกลไกของระบบประตู ซึ่งอยู่ที่ว่าผู้ผลิตระบบประตู (ของ ARL คือ บริษัท BODE AG.) ว่าสามารถทำกลไกได้เงียบแค่ไหน แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 53 15:39:28 จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:18:42

ความคิดเห็นที่ 32 หลายคนอาจจะสังเกตเห็น 1.วงกลมสีดำตรงด้านนอกประตู และตรงแผงข้างประตูด้านในรถนั้น หลายคน รวมทั้ง จนท.รฟท. คิดว่เาป็น Sensor สำหรับตรวจจับวัตถุกีดขวาง อยากจะบอกว่าตรงนั้นไม่ใช่นะครับ มันเป็นเพียงแค่ไฟเตือนพร้อมข้อความเขียนว่า "DOOR NOT IN USE" เท่านั้น ซึ่งปกติจะไม่ติด แต่ผมเคยเห็นตอนที่รถไฟฟ้า City Line หมายเลข 2041 ประตูตำแหน่ง D1/D2 เสีย (สายพานระบบกลไกลด้านบนขาด) ที่สถานีหัวหมาก ในช่วงทดลองระบบ ไฟนี้ได้ติดขึ้นมาหลังจากที่ประตูนั้นเสียไปแล้ว 2.วงกลมสีแดงด้านบนของประตูด้านใด คือไฟสัญญาณเตือนเท่านั้น ไม่ใช่ Sensor อย่างที่บางท่านเข้าใจ 3.วงกลมสีเงิน เล็กๆ นั้นเป็นลำโพงเสียงเตือน จะดังเวลาประตูเปิด และก่อนประตูปิด เพื่อให้ผู้โดยสารระวังประตู จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:25:18

ความคิดเห็นที่ 33   เรื่องประตูปิดเสียงดังมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตเลย ที่ควรแก้เบื้องต้นคือ จะทำยังไงให้ผู้ที่ใช้บริการรถไฟฟ้า แล้วมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไปสายอื่น แบบ ซื้อบัตรครั้งเดียวแล้วจบ ไม่ต้องมาเสียเวลาซื้อสองสามรอบ ถึงจะพอเข้าใจนะว่าผู้ดูแล bts กับ mrt มันคนละคนกัน แต่มันคงไม่ยากเกินไปใช่มั๊ยถ้าจะร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อผู้บริโภค เพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อกิจการของตัวเอง แก้อันนี้ก่อนก็น่าจะดีนะ จากคุณ : wasabi เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 18:37:08 A:124.120.80.236 X: TicketID:274807

ความคิดเห็นที่ 34 รถไฟในยุโรป หลายรุ่นก็ประตูปิดเสียงดังครับ เช่นรถไฟใต้ดินในโรม น่าจะเป็นความจำเป็นทางเทคนิค เหมือนประตูเครื่องบิน เวลาปิดก็ดังเหมือนกัน ทางการรถไฟฯ ยังไม่มีประสบการณ์ การกำหนดคุณลักษณะ รถไฟความเร็วสูงเท่าไรนัก โดยเฉพาะรายละเอียดปลีกย่อย เรื่องเสียงดังของประตู ขอให้วิ่งได้ในความเร็วที่ต้องการ ปลอดภัย และที่นั่งตอบสนองต่อประโยชน์ใช้สอย คงต้องไปบอกวิศวกรผู้ออกแบบรถไฟของ "siemens" ว่าเสียงดังแบบนี้ คนไทยไม่ชอบ จากคุณ : หมอดาริน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 19:22:23

ความคิดเห็นที่ 35 ^ มันอยู่ที่ผู้ผลิตระบบประตูครับ อยากดูในคลิปด้านบนว่ามีบางรุ่นที่ปิดได้เงียบมาก จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 19:33:45

ความคิดเห็นที่ 36 กะอีแค่ปิดประตูเสียงดัง เราว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ เค้าบริการได้ดี รถไฟวิ่งตรงเวลามันก็โอเคแล้วล่ะ เค้าก็คงมีเหตุผลนั่นแหละว่าทำไมประตูถึงออกแบบมาให้ปิดเสียงดัง จากคุณ : Ich will Flugbegleiter werden! เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 21:19:16

ความคิดเห็นที่ 37 ถามคุณ Can you MMS?  ที่บอกว่า "ส่วนเรื่องที่ประตูเด้งออกเองเมื่อชนวัตถุ อันนี้ขอบอกตรงๆ ว่า จนท.รฟท.โม้ครับ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร หากคุณยืนขวาง ประตูก็ยังเด้งอัดใส่หน้าคุณอยู่ดี" แล้วถ้าประตูเด้งอัดใส่หน้า หรือใส่ตัวผู้โดยสารที่ก้าวไม่พ้นแล้วประตูปิดก่อน จะถูกหนีบแบน ถึงเจ็บตายหรือเปล่าครับ จากคุณ : mamao เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 23:28:46

ความคิดเห็นที่ 38 ^ อันนี้ต้องอยู่ที่ พขร. จะสังเกตว่า ที่ชานชาลาจะมีกล้องและจอให้ พขร.ดูผู้โดยสารก่อนกดปุ่มปิดประตู รวมไปถึง จนท.บนชานชาลาต้องคอยตรวจตรา ผดส. ด้วย ถ้า พขร.เห็น สามารถกดปุ่มใน Cab เพื่อเปิดประตูได้ทัน (แบบที่เห็นบน BTS) เท่าที่สังเกต ก่อนที่ พขร.จะกดปิดประตู ยามบนสถานีจะเป่านกหวีดเตือน ผดส. ไม่ให้วิ่งเข้าสู่ขบวนรถ และสุดท้ายอยู่ที่ตัวผู้โดยสารเอง เมื่อได้ยินสัญญาณเตือนประตูปิด ควรจะรอขบวนถัดไป (แต่บน BTS ไม่ค่อยเห็นจะทำตามกัน) เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ไม่มีใครรับผิดชอบคุณได้ เพราะคุณประมาทเอง ส่วนเรื่องประตูอัดใส่หน้า อย่างมากแค่"ดั้งหัก" ถ้าหนีบโดนแขนก็"กระดูกแตก" ทางที่ดีควรปฏิบัติตามคำแนะนำของ จนท, และไม่วิ่งเข้าสู่ขบวนรถเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณปิดประตู ปล.ที่ผมรู้ว่าไม่มี sensor ตามที่กล่าวอ้างเพราะว่า ผมเคยยืนบริเวณประตูโดยหลังเกือบจะติดกับประตูของรถ ARL อยู่แล้ว แล้วประตูก็ยังปิดได้ตามปกติ ไม่มีการเด้งกลับแต่อย่างใด โดยตำแหน่งที่ผมยืนนั่นคิดว่าถ้ามี sensor จริง คงไม่พ้นรัศมีทำการของ sensor ได้ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 53 23:59:25 แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 53 23:57:19 จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 23:54:55

ความคิดเห็นที่ 39 ภาพแถม 1 ภาพ กลไกประตูของรถไฟฟ้า SARL City Line หมายเลข 2041 ตำแหน่ง D1/D2 ในภาพถ่ายเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2553 โดยสายพานขับเคลื่อนกลไกประตูจุดนี้เกิดขาดขึ้น ที่สถานีหัวหมาก ทำให้ไม่สามารถปิดประตูได้ จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 00:29:37

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับความรู้เจ๋งๆครับคุณ Can u MMS? จากคุณ : ใต้ดาวดวงเดียวกัน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 22:28:27

ความคิดเห็นที่ 41 คุณใช้บริการกันเพื่อซื้อเวลาในการเดินทาง หรือต้องการขึ้นไปนั่งสมาธิกันแบบเงียบๆ บนรถไฟ จากคุณ : eagle_eyed เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 22:37:34

ความคิดเห็นที่ 42   ค.ห 38 ผมได้ลองเอาทั้ง คอ และ แขน ให้ประตูหนีบแล้ว ไม่เป็นอะไรครับ เพราะจริงๆแล้วมันเป็นขอบยางนิ่มๆที่มาหนีบเราครับ ส่วนระยะ Sensor ให้สังเกตุด้านข้างประตูจะมีไฟสว่างเวลาเปิด นั่นละครับ Sensor สงสัยอะไรอีก ถามมาได้ครับถ้าตอบได้จะตอบให้ ส่วนที่สงสัยว่าทำไมรถเราดูเก่า มือสองรึปล่าว อยากจะบอกว่ามันพลาดตั้งแต่สั่งสีรถเข้ามาแล้วดันสั่งสีพื้นเป็นสีขาว พอนานไปก็เหลือง จอดไว้เฉยๆก็โดนแดดนี่ครับ ตั้งเกือบ 2 ปีมาแล้วนะ แล้วที่ถามว่าทำไม่ไม่เอารถรุ่นเดียวกับเพื่อนบ้าน ก็ราคารถของเขา 1 ขบวบ ซื้อรถรุ่นบ้านเราได้เกือบ 3 ขบวนน่ะครับ จากคุณ : ti_watama@hotmail.com เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:12:25 A:125.24.81.167 X: TicketID:284599

ความคิดเห็นที่ 43 คห.43 ^ ไฟสีส้มด้างล่างประตูตามภาพนี้หรือเปล่า? อันนี้ไม่ใช้ Sensor แน่นอน เป็นเพียงแค่ไฟส่อง Gap ระหว่างรถกับชานชาลาเท่านั้น ผมลองยืนขวางหลอดไฟดวงนี้แล้ว พบว่าระบบประตูยังคงทำงานปกติ ไม่มีการตรวจจับจากไฟดวงดังกล่าวแต่อย่างใด ผมได้สอบถามไปยัง บริษัท Siemens มาแล้ว พบว่า Sensor ที่ติดตั้งไว้นั้นไม่ได้เป็น Sensor ตรวจจับวัตถุ แต่เป็น Sensor ตรวจจับการยับยั้งการปิดประตู ซึ่งอยู่ที่ชุด Control ด้านบน และไม่สามารถมองเห็นได้จากด้านนอก หลักการทำงานของมันก็คือ เมื่อประตูกำลังปิดหากมีวัตถุหรือส่วนใดของร่างกาย มาผลักหรือขัดขวางการปิดประตู (ตรวจจับจากแรงกระแทกที่ระยะ 1 ซม. คือหากเป็น ผดส.ต้องโดนประตูกระแทกก่อน ประตูถึงจะหยุด) จะทำให้ประตูหยุดที่ตำแหน่งที่โดนกระแทก และประตูจะพยายามปิดอีกครั้ง แต่หากประตูพยายามปิดถึง 3 ครั้ง และวัตถุดังกล่าวยังคงขัดขวางอยู่ จะทำให้ประตูหยุดการทำงาน และจะปิดได้อีกครั้งโดยกดปุ่มปิดประตูใน Driver Cab แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 17:31:17 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 17:29:18 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 17:29:00 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 17:28:24 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 17:27:40 จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 17:26:40

ความคิดเห็นที่ 44 เพิ่มเติม... จากคลิปด้านล่าง ตำแหน่งที่ผมยืนถ่าย คือยืนพิงกับชุดควบคุมประตูด้านข้าง (ตรงที่มีปุ่ม OPEN และ CLOSE รวมไปถึงไฟดวงดังกล่าว) หากไฟดวงดังกล่าวเป็น Sensor จริง หรือมี Sensor ตรวจจับวัตถุชนิดตรวจสอบการกีดขวางเป็นบริเวณกว้างติดตั้งอยู่ คงไม่สามารถทำให้ประตูปิดได้ เพราะผมยืนขวางอยู่เลย จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 17:39:38

ความคิดเห็นที่ 45 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 18:34:03