Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วันชัย ตัน : "หรือว่า Bangkok Eye คงเป็นได้เพียงอนุสรณ์แห่งสองมาตรฐานขนาดใหญ่ที่สุดในโลก" ติดต่อทีมงาน

สิบกว่าปีก่อนมีโฆษณาเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ “ มิต้า”  จนดังติดปากคนทั้งประเทศ
ด้วยประโยคที่ว่า “เล็กๆมิต้าไม่  ใหญ่ๆมิต้าทำ”

ผู้มีอำนาจบ้านเราส่วนใหญ่มักจะทำแบบมิต้า คือมีโครงการจะสร้างอะไรต้องให้ยิ่งใหญ่ไว้ก่อน
โครงการใหญ่ ๆ มีแรงดึงดูดมหาศาลหลายประการที่ผู้มีอำนาจมักตาลุกวาว
ไม่ว่าเรื่องของงบมหาศาล ชื่อเสียง และการเป็นอนุสาวรีย์ส่วนตัวให้กับตัวเอง

ล่าสุด มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า “ทางกรุงเทพมหานครมีนโยบายจะจัดสร้างหอคอยชมเมืองให้เป็นแลนด์มาร์ค หรือเป็นสัญลักษณ์สำหรับกรุงเทพมหานคร
โดยจะจัดสร้างหอคอย Bangkok Eye ให้มีลักษณะเหมือน London Eye
คือมีลักษณะชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ มีกระเช้าให้ประชาชนเข้าไปนั่งชมทิวทัศน์เมือง

โดยรูปแบบการดำเนินการจะให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ หรือหาผู้ร่วมทุน
ส่วน กทม.จะจัดหาสถานที่ ซึ่ง กทม.จะสร้างให้สูงที่สุดในโลก ขนาด 176 เมตร
ขณะที่ London Eye สูง 150 กว่าเมตรเท่านั้น

สำหรับสถานที่ที่เหมาะสมในการก่อสร้าง จะสร้างบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา มากกว่า
และทางกทม. ได้เล็งพื้นที่บริเวณท่าช้าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของราชนาวีสโมสร กองทัพเรือ
อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณดำเนินการคาดว่าจะต้องสูงถึง 30,000 ล้านบาท
ซึ่ง กทม.อาจจะเสนอของบอุดหนุนจากรัฐบาล หรือจัดหาเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน”

อันที่จริง เบื้องหลังของอภิมหาโครงการนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแลนด์มาร์คหรือสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯสักเท่าไหร่

แต่เป็นเรื่องของการทำมาหากินของบริษัท เมอร์ลิน เอนเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป
กลุ่มธุรกิจด้านสวนสนุกยักษ์ใหญ่อันดับสองของโลกรองจาก ดีสนีย์แลนด์

เมื่อสิบปีมาแล้ว ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ London Eye ได้เกิดขึ้นริมฝั่งแม่น้ำเทมส์
โดย กลุ่มบริษัทพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุซโซต์ที่โด่งดังมาช้านานเป็นเจ้าของ  
ต่อมาไม่นาน เมอร์ลิน เอนเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป ได้เข้ามากว้านซื้อกิจการของกลุ่มมาดามทุซโซต์ทั้งหมด และได้ครอบครอง  London Eye ด้วย

ตามประสากลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ต้องการแผ่ขยายการลงทุนของตัวเองออกไปทั่วโลก
ประเทศไทยก็อยู่ในเป้าหมายนี้ด้วย นักลงทุนจากบริษัทเมอร์ลินฯจึงได้เริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ผ่านสองกิจการใหญ่คือ

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุซโซต์ กรุงเทพฯ  ตั้งอยู่บนสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์
นับเป็นพิพิธภัณฑ์ในเครือแห่งที่สิบของโลก โดยจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งฝีมือช่างปั้นจากสาขาใหญ่ลอนดอน

ประกอบด้วย ห้องพระบรมราชวงศ์ไทย ที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ปั้นพระรูปหุ่นขี้ผึ้ง
สมเด็จพระบรมราชชนก และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

นอกจากนี้ ยังมีหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญทั้งไทยและต่างประเทศประมาณ 70 หุ่น
โดยจะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ธันวาคม 2553

เมื่อโครงการแรกประสบความสำเร็จ อภิมหาโครงการยักษ์อันดับต่อมาคือ

การร่วมลงทุนกับทางกทม. เพื่อสร้างชิงช้าสวรรค์ Bangkok Eye แน่นอนว่าต้องสร้างติดกับแม่น้ำและอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวด้วย

เวลานักท่องเที่ยวเสียเงินเกือบพันบาทขึ้นไปบนชิงช้าสวรรค์มองลงมาแล้วเห็นความงดงามของพระบรมมหาราชวัง วัดอรุณฯ ฯลฯ ซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน

ตรงนี้เองเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางบริษัทฝรั่ง ต้องหาผู้ร่วมลงทุนในเมืองไทย
เพื่อจัดหาสถานที่กลางเกาะรัตนโกสินทร์ตรงที่มีวิวสวยที่สุดและราคาแพงมหาศาล

ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากทางกทม. หรือรัฐบาลไทยที่มีศักยภาพในการหาที่ดินแปลงสวย ๆ
ของหลวงมาสนับสนุนโครงการนี้ได้  และอาจจะใช้เงินภาษีของคนไทยมาร่วมลงขันด้วย
โดยอ้างกับสาธารณชนว่าเป็นการสร้างแลนด์มาร์กหรือ สัญลักษณ์ของกรุงเทพ

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเมอร์ลิน คงต้องคำนวณแล้วว่าโครงการนี้น่าจะคุ้มค่าการลงทุนระดับ 30,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ทราบเลยว่า ใครควักกระเป๋าเท่าไหร่
แบ่งผลประโยชน์หรือจ่ายใต้โต๊ะกันอย่างไร เพราะ London Eye ใช้เงินเพียง 8,200 ล้านบาท
และของสิงคโปร์ใช้เงินแค่ 6,000 ล้านบาท

เพราะสุดท้าย ชิงช้าสวรรค์ Bangkok Eye ก็เป็นแค่การทำมาค้าขายของนักธุรกิจข้ามชาติ

ดังนั้นกทม. จึงไม่ควรมาแอบอ้างเรื่องแลนด์มาร์กหรือ สัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ  
เพราะในฐานะคนที่เกิดบนถนนสีลม ก็นึกไม่ออกว่า ชิงช้าสวรรค์ที่มีหน้าตาคล้ายกันทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นที่สิงคโปร์ จีน อังกฤษฯลฯ  
จะเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่เราควรภูมิใจได้อย่างไร

อีกประการหนึ่ง บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่า
กรุงเทพมหานครเองได้ออกข้อบัญญัติห้ามสร้างอาคารสูงเกิน ๑๖ เมตร เราจึงยังได้เห็นบริเวณพื้นที่อนุรักษ์ดังกล่าวสวยงามไม่มีสิ่งบดบัง

และวันดีคืนดี Bangkok Eye ของนักลงทุนต่างชาติสูง 176 เมตร
โผล่ขึ้นมาติดกับวัดพระแก้ว จนกลายเป็นทัศนอุจาด  
และนึกขำ ๆว่า  กทม.จะอธิบายกับนักลงทุนรายอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารสูงบริเวณนี้ว่าอย่างไร

หรือว่า Bangkok Eye คงเป็นได้เพียงอนุสรณ์แห่งสองมาตรฐานขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

กรุงเทพธุรกิจ 21 ตค. 2553

จากคุณ : High Bridge
เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 21:11:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com