ความคิดเห็นที่ 1 มีไม้ไผ่มากมายที่นี่ จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:44:59

ความคิดเห็นที่ 2 มีหน่อไม้ให้ขุดกินได้ทั้งปี จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:45:30

ความคิดเห็นที่ 3 มีธารน้ำเล็กไหลเอื่อยๆ แมงปอปีกใสโบยบิน จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:46:08

ความคิดเห็นที่ 4 TT^TT จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:46:32

ความคิดเห็นที่ 5 Y^Y จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:46:54

ความคิดเห็นที่ 6 T^T จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:47:20

ความคิดเห็นที่ 7 มีผลไม้ธรรมชาติให้กินฟรีๆ จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:47:41

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้วกำลังกิน จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:48:02

ความคิดเห็นที่ 9 เราไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างในชีวิตที่เกิดมา แต่อยากเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ ของป่า จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:49:18

ความคิดเห็นที่ 10 ขอร้อง ขอความช่วยเหลือ ใครพอจะมีทางที่เราจะรักษาป่าผืนเล็กนี้ไว้ได้ช่วยบอกเราหน่อย ไม่มีที่ไปแล้วจริง แสดงความคิดเห็นได้ที่ facebook รักษ์ป่าชุมชน จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 11:49:48

ความคิดเห็นที่ 11 เท่าที่ทราบป่าผืนที่ว่ากว้างใหญ่ขนาดสมัยก่อนใช้เป็นเมรุกลางแจ้ง คนใต้เรียกเปรว.. เมื่อเป็นเปรวย่อมจะมีมนุษย์ผ่านน้อยกว่าที่อื่นอยู่แล้ว ป่าจึงยังคงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด ตัวดิฉันเองรู้จักเปรวแห่งนี้ด้วยความเคารพวิญญาณและเถ้ากระดูกบรรพบุรุษที่ทับถมกันมานานแสนนาน ได้แต่หวังว่าวิญญาณเหล่านั้นจะช่วยดลบันดาลให้ชาวบ้านตาสว่างไม่เห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่คิดว่าจะได้จัดสรรปันส่วนกันเมื่อกลายเป็นสวนปาล์มน้ำมัน โดยการทำลายผืนป่าธรรมชาติที่ให้ชีวิตแก่ทุกคนมาอย่างยาวนาน เมื่อจะทำสวนปาล์มย่อมต้องตัดโค่นไม้อยู่แล้ว กระแสปลูกป่ากำลังปลุกให้ทุกคนสำนึกในบุญคุณของป่า แต่เหตุอันใดชาวบ้านถึงได้คิดจะหาเงินใส่กระเป๋าตัวเองกันแบบสิ้นคิดเช่นนั้น หรืออุทกภัยใหญ่เกือบทั่วประเทศครั้งนี้ยังไม่ทำให้สำนึก จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ เรามาเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 53 16:50:23 จากคุณ : คุณแม่ใจดี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 12:05:08

ความคิดเห็นที่ 12 คลองยันป่าวคะ  หรือที่ไหนของคีรีรัฐ เราอยู่สุราษฎร์ค่ะ  ตอนนี้มองไปทางไหนก็มีแต่ปาล์มน้ำมัน  และนี่คือภาพล่าสุดแถวๆบ้าน เมื่อสวนปาล์ม กลายเป็นคลอง เพราะน้ำท่วม เราว่าคนไทยเรานี่บ้าเห่อกันจริงๆ นะ ใครทำอะไรก็เฮฮะโลตามกันไปหมด  ถึงขนาดมาปลูกสวนปาล์มริมคลอง  ที่ซึ่งรู้ๆกันว่า มีน้ำท่วมมาตลอดศก จากคุณ : โสด แก่น แสนหรรษา เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 12:34:42

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านแล้วอยากร้องไห้ค่ะ มนุษย์คือผู้ทำลายทุกสิ่งจริงๆ .....อยากพูดมากกว่านี้แต่พูดไม่ออก จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 12:45:48

ความคิดเห็นที่ 14 ขอความจากกระทู้เก่าคะ ความคิดเห็นที่ 32 ขอแจงรายละเอียดเกี่ยวกับป่าบรรพรุษผืนนี้ครับ ป่าผืนนี้เป็นป่าธรรมชาติดั้งเดิมไม่เคยถูกโค่นล้างเหมือนกับป่าในแถบอื่นๆ ธรรมชาติเลี้ยงดูตัวมันเองมาเป็นเวลาช้านาน ยิ่งในสมัยก่อนชาวบ้านในแถบ ต.ท่าขนอน และตำบลใกล้เคียง ในอำเภอคีรีรัฐนิคม จ.สุราษฏร์ธานี ได้ใช้ พื้นที่ป่าแห่งนี้เป็นที่ ฌาปนกิจศพ ยิ่งทำให้ป่าแห่งนี้เป็นที่เคารพยำเกรง ด้วยความขรึมเคร่งของป่า ป่านี้มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า ป่าเปรวหยี "เปรว" คือ คำใต้ใช้เรียกชื่อป่าช้า ส่วน หยีมาจากมี "ต้นหยี" ใหญ่มาก เป็นจุดสังเกตุ ได้ถูกทางการประกาศขึ้น ทะเบียนเป็นประเภท "หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง" ชื่อย่อ นสล. อันเป็น พื้นที่สาธารณะซึ่งประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน อันหมายถึงเราทุกคน ที่เป็นคนไทยเป็ฯเจ้าของป่าแห่งนี้ มีเนื่อที่ประมาณ 200 ไร่ ความเป็นมาต่อการเสี่ยงถูกทำลายล้าง เนื่องมาจากชาวบ้าน ในหมู่ที่ 7 ต.ท่าขนอนซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ได้รับเงินตามโครงการ SML มา 200,000 บาท แต่ไม่สามารถคิดออกมาได้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไร จึงเข้า ทางของ ผู้ใหญ่บ้านในขณะนั้น ซึ่งต้องการเอาไม้ออกจากป่านี้ไปขายให้ นายทุน ประกอบกับปลัดอำเภอคนหนึ่ง ให้ความเห็นว่าควรปลูกปาล์มน้ำมัน เช่นหมู่บ้านอื่นๆ ที่เขาทำกัน จึงมีการประชุมหมู่บ้านโดยคนเพียงแค่ไม่กี่คน ลงมติกันว่าจะปลูกปาล์มตามปลัดท่านว่า ผลกรรมจึงตกไปที่ป่าบรรพบุรุษ แห่งนี้ โดยที่เขาเหล่านั้นคิดว่ามันเป็นป่ารกร้าง ไม่มีประโยชน์ใดๆแล้ว ต่อมามีการถกเถียงกันในวงกว้าง มีผู้ซึ่งมองเห็นความสำคัญของป่า ได้ออก มาคัดค้านเพื่อให้ดำรงไว้ซึ่งป่าผืนนี้จึงมีโครงการ "บวชป่าช้า บูชาบรรพบุรุษ" ขึ้นเมื่อวันที่ 15 มค.51 มีการเชิญ "นายพงศา ชูแนม" มาให้ความรู้กับชาว บ้าน ซึ่ง นายพงศา ออกเดินสำรวจป่าผืนนี้อย่างละเอียด แล้วบอกกับชาว บ้านว่า ตั้งแต่รับราชการป่าไม้มา ยังไม่เคยพบเจอ "ป่าลุ่มน้ำดิบชื้น" ที่ไหนที่ อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยชีวิต พืชพรรณ ที่หลากหลายสมบูรณ์ขนาดนี้ มาก่อน "ขอจงช่วยกันรักษามันไว้ให้ชั่วลูกชั่วหลาน" แต่มาในวันนี้ โครงการเศรษฐกิจพอเพียง (SML เดิม) มาอีกแล้ว ชาวบ้าน กลุ่มนี้จึงตั้งขอสังเกตุว่า ป่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไร นอกจากเป็นป่ารกร้าง เขาไม่เข้าใจ และไม่ยอมเข้าใจถึงความสำคัญของมัน จึงลงมติด้วยกลุ่ม คนเท่าเดิมเพียงสิบกว่าคนอีกว่า เดือนหน้า จะเข้าไถกวาดป่านี้เพื่อปลูก ปาล์มน้ำมันอีกครั้ง แล้วเราจะทำอย่างไร เพื่อหยุดยั้งความคิดนี้ได้ หรือว่า วิญญาณบรรพรุษ ผีปู่ย่า ท่านไม่มีอยู่จริง จากคุณ : กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 13:05:58 A:222.123.72.150 X: TicketID:294624 จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 13:14:52

ความคิดเห็นที่ 15 เห้นแล้วเสียดายแทน ยิ่ง จขกท. โตมากับป่าผืนนี้ด้วยแล้ว ความรู้สึกคงแย่มากๆๆๆ ขอให้ป่าคงอยู่ต่อไปนะคะ จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 13:45:26

ความคิดเห็นที่ 16 น้ำท่วม  ดินถล่ม ป่าทลาย  ในบริเวณสวนยาง  คงทำให้หลายๆคนได้สำนึกว่า   ป่านั้นช่วยอุ้มน้ำ ช่วยรักษาผิวดิน และชีวิตมนุษย์ให้ดำรงอยู่ จากคุณ : fatcoco เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 14:25:06

ความคิดเห็นที่ 17 คนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบ อาจจะต้องเคลื่อนไหวก่อน อาจรวมตัวกลุ่มคนในชุมชน ลองศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วแจ้งทางรัฐ แล้วผลักดันให้มีการทำประชาพิจารณ์ก่อน หรือลองศึกษากรณีศึกษาของชุมชนหรือป่าอื่นๆที่เกิดขึ้นแล้วเป็นแนวทาง หากมีการรวบรวมรายชื่อคนที่ไม่เห็นด้วย หลายๆคนก็พร้อมจะร่วมมือค่ะ เสนอความคิดเห็น ไม่แน่ใจว่าช่วยได้รึเปล่านะคะ เป็นห่วงป่าไทยด้วยค่ะ จากคุณ : purillaz เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 15:10:35

ความคิดเห็นที่ 18 ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โครงการคะ อยู่ที่ชาวบ้านที่ไม่เข้าใจ ไม่ให้ความสำคัญกับป่า TT^TT เขาเห็นที่อื่นตัดกันโครมๆไม่เห็นเป็นอะไร ยังหายใจได้อยู่ไม่เห็นตาย ป่าธรรมชาติ เห็นเป็น ที่รกร้างว่างเปล่า ไร้ประโยชน์ ที่ขอความคิดเห็น ขอช่องทางที่พอจะช่วยได้คะ จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 15:27:10

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านแล้วเศร้าใจค่ะ T_T จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 16:11:57

ความคิดเห็นที่ 20 นำเรื่องนี้ไปแชร์ใน FB เผื่อว่าจะช่วยได้ จากคุณ : สิตา เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 17:08:54

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนนี้เรากำลังพยายามรักษา ป่าเปรวหยี ป่าชุมชนที่บ้านของเรา เพื่อนคนไหนสนใจอยากมีส่วนให้ช่วยเหลือ แค่เปลี่ยนรูปแทนตัวมุมบนซ้ายใน Facebook เป็นโลโก้นี้ เรามีเวลาไม่มาก เดือนหน้าเขาจะมาถางป่านี้แล้ว อย่างน้อยถ้าคนเห็นโลโก้นี้เยอะๆ จะได้ถามๆ กันว่าคืออะไร สื่อ หรือผู้มีอำนาจ อาจจะเห็นบ้าง เพื่อนได้โปรดช่วยเราด้วย ขอบคุณล่วงหน้าจริงๆ หวังว่าเราจะมีส่วนในการรักษาสิ่งสวยงามนี้ให้คงอยู่ บอกคนรุ่นหลังได้ว่าเราก็มีส่วนในการรักษาไว้ ขอบคุณค่ะ ได้ไอเดียจากเพื่อนคนหนึ่งใน facebook แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 53 17:32:42 จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 17:30:08

ความคิดเห็นที่ 22 เอาใจช่วยให้ยังรักษาผืนป่าให้ได้ครับ เสียดายป่าไม้ พอเวลาน้ำท่วมค่อยมาสำนึกได้ คนเราไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ จากคุณ : Light Sounds เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 17:39:36

ความคิดเห็นที่ 23 เศร้าใจมากที่ค.หลากหลายของป่าเมืองร้อนจะกลายเป็นไร่ปาล์ม ลัทธิบริโภคนิยมนี่มันทำลายล้างโลกจริงๆ ถ้าเชื่อในความพอเพียง ปัญหาแบบนี้จะไม่เกิดเลย พวกนี้เค้ามี Mission ให้โลกแตกก่อน 2012 หรือไง จากคุณ : KrisZilla เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 17:42:49

ความคิดเห็นที่ 24 สิ่งที่ต้องทำ ไม่ใช่การต่อต้าน แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า คนส่วนใหญ่ต้องการอะไร ซึ่งผมเข้าใจว่า ต้องการายได้ ดังนั้นต้องกาวิธีหารายได้จากป่านี้โดยไม่ต้องตัดทำลาย เช่น หาจุดขายของสถานที่นี้ ทำเป็นอุทยานเพื่อการศึกษาท่องเที่ยว และ/หรือ หาสินค้าที่เกิดในป่านี้มาแปรรูป เช่น หน่อไม้ที่ว่า เห็ด ฯลฯ หรือ อาจจะถางไม้ล้มลุกผิวดินบางส่วน เพื่อทำเกษตรกรรม แฝงไปในป่า เช่น เพาะกล้วยไม้ , เพาะเห็ด ฯลฯ แล้วอธิบายถึงรายได้ที่เกิดขึ้น เปรียบเทียบกับการถางป่าทั้งหมดเป็นสวนปาล์ม อาจจะได้รายได้น้อยกว่าแต่ถ้าใกล้เคียง ก็ได้ความยั่งยืนมาก็น่าสนใจ จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 17:49:25

ความคิดเห็นที่ 25 โครงการชุมชนพอเพียง SML แต่ดันถางป่าปลูกปาล์มน้ำมัน ทำลายผืนป่าที่บรรพบุรุษอุตส่าห์รักษาไว้ให้ลูกหลาน แบบนี้มันเศรษฐกิจพอเพียงตรงไหน เรื่องเฉพาะหน้า น่าจะเรียกร้องออกสื่อนะครับ อ้อ ลืมไป เรามีโครงการ คืนป่า รักษ์น้ำนี่ครับ โครงการนี้ของห้อง BP เรา เคยประสบความสำเร็จ ตอนที่คัดค้านการให้สัมปทานเอกชนเช่าที่อุทยานแห่งชาติมาแล้ว ลองใช้ช่องทางนี้ดูนะครับ จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 21:58:33

ความคิดเห็นที่ 26 เสียดายต้นไม้หากถูกทำลาย มันจะกลายเป็นธุรกิจ โดยไม่คำนึงถึงระบบนิเวศกันแล้วหรือ จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:27:45

ความคิดเห็นที่ 27 โอย..จะเป็นลม    สมัยนี้ไม่มีแล้วนะนายทุนผู้ทำลายป่า   ชาวบ้านนี่แหละตัวดี...  ทำไงดีเนี่ย... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 05:09:01

ความคิดเห็นที่ 28 โค่นป่าได้งัย  แล้วรัฐไม่ดูแลป่าแล้วเหรอครับ จากคุณ : นกกระจอกตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 09:14:36

ความคิดเห็นที่ 29 ป่ายังคนอยู่ ป่าหายคนตาย จากคุณ : jeangirl เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 09:29:05

ความคิดเห็นที่ 30 การจะดำเนินการกับที่ดินที่เป็นส่วนกลางของชุมชน จะต้องได้รับมติจากประชาคมหมู่บ้าน เรื่องอำนาจในการอนุญาต จากประสบการณ์การทำงาน สรุปได้ว่าไม่ชัดเจน บางพื้นที่ก็บอกว่า อบต. มีอำนาจ บางพื้นที่ก็ว่า อำนาจอยู่ที่นายอำเภอ ถ้าตามกระบวนการกฎหมาย คงต้องรวมรายชื่อยื่นหนังสือคัดค้านไปที่นายอำเภอ หรืออบต. ตรงนี้ ขอให้สร้างหลักฐานว่านายอำเภอ หรือผู้แทน ได้รับเรื่องแล้ว เช่น บันทึกเลขรับหนังสือของทางอำเภอ/อบต. ถ่ายภาพตอนยื่นหนังสือไว้ เพื่อขอให้มีการเรียกประชุมประชาคมหมู่บ้านอีกครั้ง รวมกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนป่าเป็นสวนปาล์มเข้าประชุมให้มากที่สุด เพื่อให้เสียงมติออกมาว่าไม่ยอมรับ ทำบันทึกการประชุม และทำเป็นหนังสือแจ้งกลับไปที่อำเภอ และ อบต. ครับ หรือ มติอาจออกมาเป็นแบบประนีประนอม คือ กันบางส่วนออกทำสวนปาล์ม และอีกส่วนเก็บไว้อนุรักษ์ ทุกอย่าง ต้องผ่านประชาคมหมู่บ้านครับ จากคุณ : Wobbegong เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 09:35:27

ความคิดเห็นที่ 31 เข้ามาอีกรอบเนื่องเพราะเป็นห่วงป่าผืนนี้จริงๆค่ะ เมื่อคืนได้คุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนเก่าแก่ในตำบล ท่านก็ไม่เห็นด้วยค่ะ เพียงแต่ผู้นำชุมชนคือผู้ใหญ่บ้านและปลัดอำเภอคนหนึ่งกลับเป็นผุ้ชี้นำชาวบ้านเสียเอง ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ใหญ่ระดับสูงกว่านั้นกลับดูดายที่จะให้ความรู้กับชาวบ้าน ชาวบ้านเองก็เริ่มจะเคยชินกับระบบบริโภคนิยม รายได้ที่เคยมีกลับไม่พอใจ ตัวดิฉันเองไม่ได้อยู่ในพื้นที่แต่ยังมีความรักในแผ่นดินบ้านเกิดเต็มเปี่ยม ความเห็นแนะนำด้านบนเป็นกำลังใจและแนวทางที่จะเดินตามได้ ช่วยๆกันนะคะ.. จากคุณ : คุณแม่ใจดี เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 10:04:41

ความคิดเห็นที่ 32 อยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนไปเลย เวลาน้ำท่วมก็อย่ามาโวย ทำตัวเองทั้งนั้น มีป่าไว้ซับน้ำดีดีไม่ชอบ ทำไปเลย ... เคราะห์กรรมจะตกกับลูกหลาน น้ำจะท่วมตอนแก่ ระวังจะหนีไม่ทัน ต้นปาล์มเอย ต้นยางเอย ซับน้ำซะที่ไหน ปล. อยากระบาย....เฮ่อ น้ำท่วมแถบอีสาน ... ก็เพราะไม่มีป่า เฮ่อๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : แอนด้า เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 10:30:20

ความคิดเห็นที่ 33 โอ้ว ... ใกล้บ้านเรามากๆ เราอยู่คีรีรัฐเหมือนกันค่ะ อยู่ปากคูเนี่ย ถ้าเค้าถางป่าที่น้ำหัก.. ต่อไปเวลาฝนตกหนักๆ น้ำท่วมบ้านเราแหงๆ TT^TT   ................................. ตอนนี้เราทำอะไรได้บ้างคะเนี่ย.. ที่จะหยุดเรื่องนี้ไว้? จากคุณ : npptbt (npptbt) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 11:05:04

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นรูปแล้วจะเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างแรงที่ป่าผืนนี้จะต้องกลายไปเป็นสวนปาล์ม ทางออกที่ดีที่สุดคงต้องเดินตามที่คุณ Wobbegong แนะนำ ถ้าตามกระบวนการกฎหมาย คงต้องรวมรายชื่อยื่นหนังสือคัดค้านไปที่นายอำเภอ หรืออบต. ตรงนี้ ขอให้สร้างหลักฐานว่านายอำเภอ หรือผู้แทน ได้รับเรื่องแล้ว เช่น บันทึกเลขรับหนังสือของทางอำเภอ/อบต. ถ่ายภาพตอนยื่นหนังสือไว้ เพื่อขอให้มีการเรียกประชุมประชาคมหมู่บ้านอีกครั้ง รวมกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนป่าเป็นสวนปาล์มเข้าประชุมให้มากที่สุด เพื่อให้เสียงมติออกมาว่าไม่ยอมรับ ทำบันทึกการประชุม และทำเป็นหนังสือแจ้งกลับไปที่อำเภอ และ อบต. ครับ หรือ มติอาจออกมาเป็นแบบประนีประนอม คือ กันบางส่วนออกทำสวนปาล์ม และอีกส่วนเก็บไว้อนุรักษ์ ทุกอย่าง ต้องผ่านประชาคมหมู่บ้านครับ จากคุณ : Wobbegong   คราวที่พวกเราร่วมมือกันคัดค้านสัมปทานอุทยานแห่งชาติ  ก็นำรายชื่อประชาชน 4,XXX  ชื่อ  ไปยื่นค่ะ ไปยื่นทั้งที่กระทรวงทรัพย ฯ และวุฒิสภา จากนั้นพอมีการจัดเสวนา  พวกเราก็รวมตัวกันไปร่วมประชุม  และแสดงความเห็นคัดค้าน  (โดย Redrum   ) ซึ่งก็ทำนองเดียวกับที่คุณ Wobbegong  แนะนำ ดังนั้น ถ้ามองลงไปในชุมชน  กลุ่มคนที่ไม่น่าจะเห็นด้วยและมีเสียงพอสมควรน่าจะเป็นวัดและโรงเรียน มีเสียงในที่นี้คือ  การให้ข้อมูลและข้อคิดแก่ชาวบ้าน ถ้าปลัดเห็นด้วย   เราคงต้องลองคุยกับนายอำเภอหรือผู้ว่า ฯ ดูว่าท่านเหล่านี้จะคิดอย่างไร เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 11:07:09

ความคิดเห็นที่ 35 ที่สำคัญ   ตอนนี้ต้องเร็วแล้วค่ะ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 11:08:42

ความคิดเห็นที่ 36 น้ำมา เพราะป่าหมด หญ้ารก เพราะเสือยัง ดินเย็น เพราะหญ้าบัง หญ้ายัง เพราะดินดี ผมจำได้ตั้งแต่สมัยยังเป็นหนุ่มน้อยเลยกลอนบทนี้ ถึงจะผ่านมานานแล้ว กลอนบทนี้ยังใช้่ได้อยู่เลย จากคุณ : predator_john เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 12:55:50

ความคิดเห็นที่ 37 vote ค่ะ จากคุณ : หมวยแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 13:02:12

ความคิดเห็นที่ 38 โหวตค่ะ จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 13:15:09

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นด้วยกับคุณRedrum คห. 24 ค่ะ ต้องทำให้ชาวบ้านทราบถึงผลดีผลเสียระหว่างการมีป่าแบบเดิม กับการปลูกสวนปาล์มหรือหาทางสร้างรายได้จากป่าเดิม โดยไม่ต้องทำลาย ให้เค้ามองในภาพรวมระยะยาวถึงผลที่จะตามมา หากไม่มีป่าแล้ว จะเป็นอย่างไร ปล. ขออนุญาตเอาภาพให้คห.21 ไปใช้ใน FB ค่ะ จากคุณ : Baby_I Know_U Know เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 13:19:54

ความคิดเห็นที่ 40 เพิ่มเติมข้อมูลต่อนะครับ ผืนป่าตั้งอยู่ที่ ม.7 ต.ท่าขนอน ริมทางรถไฟสายสั้นที่สุดในประเทศไทย เนื้อที่ป่าประมาณ 200 ไร่  มีไก่ป่า เก้ง ชะมด เสือดำ (ล่าสุดมีคนจับได้เมื่อ ปี 50 หนึ่งตัว) และสัตว์เล็กอื่นๆ    ต้นไม้หลากหลายพันธุ์  พืชสมุนไพรมีค่า หายาก ไผ่โบราณที่ป่าแถบอื่นไม่มี  กล้วยไม้  เถาว์วัลย์สายพานขนาดใหญ่ บางส่วนเป็นพืชน้ำ พื้นที่ซับน้ำ และเป็นต้นกำเนิดของ"คลองเกาะ" สายน้ำ เล็กๆ หลังบ้านผม        ชาวบ้านแถบนี้ใช้ประโยชน์เชิงทำลายกับป่านี้มาตลอด หลายๆคนใช้ ไม้ปลูกสร้างบ้าน  ทำคอกปศุสัตว์  ไม่มีการรักษาหรือหวงแหน  มีการ ลักลอบตัดไผ่ข้าวหลาม นำออกขายสร้างรายได้ส่วนตนมากมาย  จริงๆป่ายัง ประโยชน์ให้กับชาวบ้านแถบนี้อย่างมหาศาล เพียงแต่เค้าไม่รู้และไม่ยอมรับ รู้   ชาวบ้านกลุ่มนี้ คิดว่าความเจริญ ศิวิไลซ์ คือ 7/11 หรือ โลตัส เพียง เพราะเขาไม่ค่อยได้พานพบกับมัน   เขาอยู่ใกล้ป่านี้มาตลอดจึงเมินเฉยและ เคยชินต่อประโยชน์มหาศาลของมัน เปรียบเหมือนมนุษย์คนหนึ่งที่ยังมีแม่ที่เอื้ออาทร ยังคงไม่รู้สึกถึงบุญคุณ จนกว่าแม่จะจากเขาไป กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน ขอโทษที่ต้องใช้ log in นี้เพราะยังไม่ได้เป็น สมช แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 53 14:25:51 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 53 14:25:15 จากคุณ : ข้าวกับดิน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 14:21:16

ความคิดเห็นที่ 41 ต่อความเห็นที่ 24  ขอบคุณมากนะครับ เคยทำแบบนี้มาครั้งหนึ่งเมื่อปี 2551 สามารถยับยั้งความคิดการทำลายไป ได้ 2 ปี แต่หาเป็นเพราะความยอมรับเข้าใจ และรักป่า เหมือนเราๆ หรอกนะ ครับ เป็นเพราะว่ากลัว จนท.ป่าไม้จับ มากกว่า  ฮา แต่หลังจากนั้นด้วยความจำเป็น และอุปสรรคต่างๆ จึงยังให้การสานต่อ กิจกรรมเช่นที่ว่ายังไม่บรรลุผล  ผมเพิ่งได้รับคำอุดหนุนจาก ที่ปรึกษา อบจ. ท่านนึง จะอนุมัติงบประมาณในการตัดถนนล้อมป่าผืนนี้ไว้เพื่อป้องกันการ บุกรุก และจะอุดหนุนจัดการให้เป็นศูนย์การศึกษาพืชพรรณ , การหัตถกรรมต่างๆ, ศูนย์สมุนไพร,เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ,แหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ เท่าที่เราสามารถ ใช้ประโยชน์จากป่านี้ได้                    แต่อย่างว่าครับ  คนที่ต้องการสร้างสรรค์ กับคนที่จ้องทำลาย ย่อมพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ยิ่งเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันยิ่งพูดยาก  ความคิด จงเกลียด จงชัง การถูกมองในแง่ลบ ว่าเป็นตัวถ่วงผลประโยชน์(ปาล์ม) ตกลงที่ตัวผมอยู่ทุกวันนี้ กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 53 15:13:07 จากคุณ : ข้าวกับดิน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 14:51:37

ความคิดเห็นที่ 42 เฮ่อ เห็นใจพ่อน้องข้าวกับดินจริงจริง .. ตัวอย่างเรื่องทำลายป่า ปัญหาน้ำท่วมเละกันทุกปี ไม่รู้จักดูและรู้จักแยกแยะ ความอยากได้อยากมี ทำลายทุกอย่าง ที่ขวางหน้า.. เออ หนอ มนุษย์ ??? โหวต ครับ ...!!! จากคุณ : นานนานมาที (จอมมารเดียวดาย) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 15:08:38

ความคิดเห็นที่ 43 ปัญหาการแย่งชิงที่ดินทำกินพบได้ทุกที่ทั่วประเทศไทยครับ อยู่ที่ว่าจะเป็นข่าวดัง ข่าวเงียบ  แต่ที่แน่ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากความไม่พอของมนุษย์ เคยสังเกตไหมว่าทำไมชาวบ้านไม่ชอบที่ดินที่เป็น สปก.  คำตอบซื่อๆ จากปากชาวบ้านคือ "มันขายไม่ได้"...  ชาวบ้านอยากได้ป่า  ได้มาทำไร...  ส่วนหนึ่งทำกินเลี้ยงชีพ..  แต่อีกส่วนหนึ่ง... ขาย...  คนซื้อซื้อมาทำอะไรครับ...  แน่นอนว่าส่วนหนึ่งซื้อเพื่อมาสร้างเป็นรีสอร์ทหรู  ติดภูเขา  ติดทะเล ให้คนในเมืองไปเที่ยว  ไปหาความสำราญ... เรื่องผลประโยชน์ เงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใครครับ...  ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ นำมาซึ่งความหายนะของส่วนรวมมีให้เห็นมาตั้งแต่อดีตกาล  ตราบใดที่คนไม่รู้จักพอ  ก็ยากที่จะหยุดการทำลายได้.. โลกของเรา  เราช่วยกันได้  เริ่มต้นที่ตัวเราเองครับ... เป็นกำลังใจให้ครับ...   ทางอีสานก็รบกับไร่มันสำปะหลัง...  หนักเอาเรื่องเหมือนกัน...  ไว้ว่างๆ จะมาแชร์ครับ... แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 53 16:08:38 จากคุณ : Tamakuji เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 15:47:54

ความคิดเห็นที่ 44 แถวภูเขาบริเวณต้นน้ำน่าน  ไปดูได้เลย  บุกรุกเขาเป็นลูกๆ  เพียงเพื่อปลูกข้าวโพด พวกนายทุนส่งออกข้าวโพดนั่นแหละ  ที่ทำให้คนพวกนี้บุกรุกป่าเพื่อปลูกข้าวโพด  แถมยังมีหน้ามาปิดถนนเรียกร้องเวลาราคาข้าวโพดตกต่ำด้วย จากคุณ : Healer เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 15:59:48

ความคิดเห็นที่ 45 ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมกลัวชาวบ้านนอกพื้นที่ที่จะเข้ามาแทรกแซงมากกว่า เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ผมขอค้านหลังชนฝา มีอะไรช่วยได้จะรีบช่วยทันทีครับ จากคุณ : 4Cus เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:13:27

ความคิดเห็นที่ 46 อยากช่วยเหมือนกันค่ะ สามารถทำอะไรได้บ้างคะเนี่ย เห็นน้ำท่วมปีนี้แล้วเศร้าใจอย่างแรงจริงๆค่ะ ไม่อยากให้มันมากไปกว่านี้ จากคุณ : เม่นน้อยขนพริ้ว เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:33:16

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นภาพแล้วร้องว เห้ยยยย... จะทำได้ลงคอหรือ มันสมบูรณ์ขนาดนั้นอ่ะ.. (เข้่ามาเสียดาย แต่ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ เหมือนกัน) จากคุณ : บุรี เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:40:29

ความคิดเห็นที่ 48 บอกเขาเผื่อเขาลืมนึกถ้าไม่อยากโดนน้ำท่วมหมดตัว เห็นตัวอย่างอยู่อย่างนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรักษาสิ่งที่มีไว้ เงินทองมาแล้วก็หมดไป มีป่าน่ะเก็บกินได้ชั่วนาตาปี ถึงแม้มันจะไม่มากแต่ไม่ต้องลงทุน ไม่เป็นหนี้สิน มีหนี้สินเป็นภาระเป็นพันธะแก่ตัวจนกว่าจะตายเชียว แถมยังตกสู่ลูกหลานด้วยนะสมัยนี้ ไม่ใช่ตัวตายแล้วจบ จากคุณ : Stila is Style เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:42:34

ความคิดเห็นที่ 49 โหวตค่ะ จากคุณ : alginate เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 16:55:50

ความคิดเห็นที่ 50 ปีนี้ น้ำท่วม.......ทั้งคนตัด ทั้งคนที่ไม่ห้าม........ท่วมทั้งคนถมคลอง ทั้งคนไม่ห้าม.... บอกเขาครับ ว่าในหลวงท่านบอกให้พอเพียง แล้วบอกต่อว่า....... ถ้าไม่พอเพียงตัดป่า.....แล้วน้ำจะไปท่วมบ้าน แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 53 17:19:58 จากคุณ : เอ่ยรัก เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 17:17:36

ความคิดเห็นที่ 51 เอาใจช่วย ไม่อยากให้โค่นต้นไม้เลย เห็นอุทกภัยที่ผ่านมา น้ำมาแรงขนาดไหน ทำไมไม่คิดกันเลยหนอ.. จากคุณ : แม่มดน้อยนัยน์ตาสีฟ้า เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 17:38:36

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาช่วยกดโหวตค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 19:03:42

ความคิดเห็นที่ 53 แฟชั่นบ้าเห่อตามก้นกัน เหมือนกระแสโดนัทเจ้าดังที่"เห่อ"ไปเข้าคิวกันเลย ไม่เห็นว่าจะอร่อยหรือดีไปกว่าเจ้าอื่นตรงไหน หลานซื้อมาให้ที่บ้านหลายกล่อง พอกินแล้วยังว่ามันจะไปซื้อมาทำไร(วะ) หลายๆเรื่อง หลายๆอย่างก็บ้าแห่ตามกัน จนพาเสียเรื่องราวดีๆของเดิม ที่ดีกว่าสิ่งใหม่ที่แปลก(และ)ปลอม แต่พอเสียไปแล้ว จะมาโหยหาสิ่งเดิมๆที่ผ่านพ้นไปแล้วให้กลับมาไม่ได้ จากคุณ : มันแปลกดีนะ (nyimyam) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 20:39:30

ความคิดเห็นที่ 54 ตามที่ จขกท. เคยเขียนไว้ ว่ามีนักวิชาการป่าไม้ เข้ามาทำการศึกษา และออกปากมาว่า "ไม่เคยเห็นป่าที่สมบูรณ์ขนาดนี้" มีบันทึกการศึกษาไหมครับ.. เอาไปประกอบการยื่นเรื่องร้องเรียน เสนอให้ป่าไม้อำเภอ และสำันักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) จะได้มีส่วนช่วยเรื่องความสำคัญของพื้นที่อีกแรงหนึ่ง.. จากคุณ : Wobbegong เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 20:58:53

ความคิดเห็นที่ 55 น่าเศร้าจัง เมื่อไหร่ คนไทย จะเห็นคุณค่าของป่าไม้ ต้นไม้ ในเมืองตัวเองสักที นึกจะตัดก็ตัด อยากจะถางก็ถาง ด้วยสารพัดเหตุผลมาอ้าง   เห็นเป็นเพียงที่รกร้าง ไร้ค่า พืชเศรษฐกิจ   หรือสนามหญ้าสวนหย่อม มีค่ามากกว่าป่าไม้  ต้นไม้ใหญ่ งั้นหรือ ถ้าคิดได้แต่นั้น  ก็น่าสงสารจริงๆ >< จากคุณ : iampkd-bee เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 21:54:01

ความคิดเห็นที่ 56 แจ้งความคืบหน้านะค่ะ ส่งเมลรายละเอียดไปที่น้องคนหนึ่งที่บอกว่ารู้จักทีมข่าวสามมิติ แต่ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง ขอสิ่งศักดฺ์สิทธิบันดาลให้สื่อหันมามองด้วยเถอะ อย่างน้อยเฉพาะหน้า เขาจะได้ไม่กล้าทำอะไรป่าเร็วๆนี้ จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 22:59:54

ความคิดเห็นที่ 57 พื้นที่นี้... . . . บังแอยุยงสงเสริมให้ทำ . ส่วนเบื้องหลังลึกๆ ไม่ขอตอบ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 53 23:16:21 จากคุณ : บังแอ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 23:14:52

ความคิดเห็นที่ 58 เห็นแล้วเสียดาย มนุษย์นี้หนา เกิดมาเพื่อทำลายจริงๆ จากคุณ : paonan เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 02:38:01

ความคิดเห็นที่ 59 ชาวบ้านที่เห็นต่างผมว่าไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะพอจะมองเห็นทางชี้นำให้เข้าใจได้ แต่พวกผู้มีอำนาจเห็นแก่ตัวที่หวังผลประโยชน์นี่น่ากลัวกว่า พอมันเห็นว่ามันจะเพลี่ยงพล้ำ มันอาจจะใช้วิธีสั่งเก็บก็ได้ ยังก็อย่าลืมระวังตัวเองให้มากด้วยนะครับ จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 09:23:54

ความคิดเห็นที่ 60 ผมจะบอกว่า เขต จังหวัด สุราษธานี แห้งแล้งมากๆ เพราะมีแต่ปาล์มของคนใหญ่คนโต กินน้ำ ดูดน้ำ มากมาย ลองสังเกตุ ขับรถจาก ชุมพรลงได้ พอเข้าเขต สุราษ นอกจากถนนที่เรียบดั่งกระจกแล้ว อย่างอื่นก็แห้งเหี่ยว แล้งมากๆ จากคุณ : maxoutda เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 09:45:12

ความคิดเห็นที่ 61 บอกตรงๆ ว่า กลัวเหมือนกันค่ะ TT^ TT ตัวข้าพเจ้าเองไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตอนนี้ เป็นห่วงคุณน้าที่อยู่ในพื้นที่ ที่ลงตัวลงแรงค้านเขาอยู่มากๆ เลยพยายามตั้งกลุ่มจากในเมืองล้อมช่วยอีกแรง ขอบคุณจากหัวใจค่ะ ที่เป็นห่วงใย^_^ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 53 11:33:48 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 53 11:32:34 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 53 11:18:46 จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 11:18:14

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าเค้าคิดกันได้แค่นี้ ปีหน้าน้ำท่วมก็เอากระจกมาส่องหน้าแล้วก็ด่าตัวเองละกันนะ จากคุณ : Estupendo07 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 11:23:09

ความคิดเห็นที่ 63 แจ้งความคืบหน้าครับ เมื่อวานผมยังไม่ได้พบกับนายอำเภอ เพื่อให้ท่านปรามผู้ใหญ่บ้านซะบ้าง ท่าน ผอ.โรงเรียน โทรมาคุยกับผม โดยหยั่งเชิงดูว่าผมจะถอยหรือไม่ ถ้าถอย ท่านก็ไม่มีแรงสู้ต่อไป ผมบอกไปว่าสู้ต่อ เพราะเรามีเพื่อนๆใน กระทู้นี้คอยให้กำลังใจ และพร้อมช่วยเหลือเมื่อถึงคราวจำเป็น และท่าน ยังวิงวอนให้ช่วยหาวิธีการใดๆ ก็ได้ ให้ป่านี้คงอยู่เป็นแหล่งศึกษาของ นักเรียนและผู้ใคร่ใฝ่ใจในธรรมชาติทุกคน วันนี้ แกนนำหลักในกลุ่มผมเมื่อก่อน ซึ่งผันแปรไปกับชาวบ้านได้เข้ามา พบผม นั่งคุยแลกเปลี่ยนอยู่ครู่นึง แล้วสารภาพกึ่งออกตัวว่า ยังเห็นด้วย กับการรักษาป่านี้อยู่ และชาวบ้านต้องการทำประชาคม ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ผมต้องการทำประชาคม ในวงกว้าง ไม่ใช่เฉพาะในหมู่บ้านอย่างเดียว อยากให้มีผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการต่างๆ ออกสำรวจ และจัดอบรมเชิงเสวนา เอาแบบนักทำลายไม่สามารถโต้แย้งได้เลย ช่วยผมคิดกันหน่อยนะครับ จากคุณ : sakda.law@hotmail.com เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 11:39:22 A:222.123.77.171 X: TicketID:294624

ความคิดเห็นที่ 64 คุณบังแอ คห.57 ช่วยขยายความหน่อยซิครับ เบื้องหลังลึกๆคืออะไร อยากทราบครับ และเพื่อนๆในกระทู้ก็คงอยากทราบเหมือนกันกับผม จากคุณ : กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน (ข้าวกับดิน) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 11:51:18

ความคิดเห็นที่ 66 ตอบ คห.54 นักวิชาการท่านนั้น คือ "คุณพงศา ชูแนม" หัวหน้าฯ พะโต๊ะ คนดังในรายการ คนค้นคน น่ะครับ  ท่านออกเดินสำรวจในวันที่ผมกับพวกจัดงาน"บวชป่า" แล้วเดินมาบอกกับผม ถึงความสุดยอดของป่านี้  ไม่ได้มีการบันทึกเชิง วิชาการครับ  แต่ในอนาคตจะต้องมีขึ้นแน่นอนครับ จากคุณ : กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน (ข้าวกับดิน) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 12:02:25

ความคิดเห็นที่ 67 เอาง่ายๆแล้วกัน ดูที่นครศรีสิครับ เปลี่ยนป่าบนภูเขา เป็นสวนยางพาราจนหมด ดินก็เลยสไลด์ตัวถล่มลงมาอย่างที่เห็นในข่าว ส่วนหนึ่งก็เพราะ ไม่มีไม้ใหญ่ เพราะรากไม้ใหญ่มันจะหยั่งลึก และช่วยพยุงดินไว้ ลำพังแต่รากยางพารา มันไม่ได้ช่วยประโยชน์อะไรเลย กับการที่ดินสไลด์ จากคุณ : darasamuth_hiso เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 12:55:48

ความคิดเห็นที่ 68 ครับมนุษย์จะรู้จักบุญคุณของธรรมชาติเมื่อสายเสียแล้วแถวบ้านผมเค้าเอาที่ดินใกล้ป่าชายเลนมาปลูกปาล์มผมเห็นแล้วอนาถใจมากคนชนบทมักจะโค่นป่าเพื่อมาดำรงชีวิตแต่คนในเมืองเห็นแต่ป่าคอนกรีตก็เลยอยากอนุรักษ์ป่าธรรมชาติไว้ จากคุณ : เขาพลู เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 13:44:18

ความคิดเห็นที่ 69 โดนัทผิดตรงไหน โดนัทไม่ได้ทำลายธรรมชาตินี่คนละกรณีเลย บ้าเห่อกับโลภอยากได้เงินจนหน้ามืด จากคุณ : ถามได้ครับ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:24:25

ความคิดเห็นที่ 70 ไปค้นข่าวเก่าๆ ในเวปของชาวท่าขนอนมาครับ http://www.thakhanon.com/htdocs/modules/news/index.php?storytopic=19&start=5 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 53 15:48:25 จากคุณ : กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน (ข้าวกับดิน) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 15:47:34

ความคิดเห็นที่ 71 สุราษ คือบ้านที่สองของผม รองจากกรุงเทพฯ ผมรักสุราษฯ จากคุณ : โกอ้วน เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 23:10:39

ความคิดเห็นที่ 72 ความคิดเห็นที่ 36   น้ำมา เพราะป่าหมด หญ้ารก เพราะเสือยัง ดินเย็น เพราะหญ้าบัง หญ้ายัง เพราะดินดี ู^ ^ แก้ไขประโยคแรกสุดนะครับ "น้ำมี เพราะป่าปรก" ครับ ---------------------------- ในฐานะคนนครฯ ไม่อยากเห็นที่ไหนเป็นแบบบ้านเกิดผมแล้วล่ะครับ เอาใจช่วยครับ จากคุณ : ปลาวาฬภูเขา เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 23:50:40

ความคิดเห็นที่ 73 เห็นด้วยกับทุกความเห็นค่ะ จากคุณ : homdinn เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 09:33:15

ความคิดเห็นที่ 74 ถ้าเอาบทความนี้ไปให้ผู้ใหญ่บ้านอ่าน เค้าจะเข้าใจความหมายหรือป่าว ถามคำเดียวว่า ปาล์มที่จะปลูก ผลประโยชน์ตกที่ใคร จากคุณ : kungkaew เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 11:14:15

ความคิดเห็นที่ 75 เราสงสารประเทศไทยจัง ทรัพยากรเยอะแยะ แต่ก็ทำลายกันมากมาย เวลาฝนตก น้ำท่วม ดินถล่ม อันนี้ไม่รู้จะโทษใครจริงๆ แต่รัฐบาลต้องช่วยกันหลายๆ กระทรวง อย่างกรมทรัทพ์ก็ต้องสำรวจ กรมป่าไม้ก็ต้องปกป้อง กระทรวงเกษตรก็ต้องดูพืชและที่ดินที่ปลูกพืชนั้น คือมันหลายๆ อย่างหนะคะ นักการเมืองต้องไม่โกง ให้ความรู้กับประชาชน และช่วยประชาชนถ้าเขาเดือดร้อน เฮ้อ ขอให้ป่าผืนนี้อยู่อย่างนี้อย่าเป็นสวนปาล์มเลยนะคะ เราแค่ไปเที่ยวป่าแว๊บๆ เรายังสดชื่นเลย เลยคนที่อยู่ สัตว์ที่อยู่ คงรู้สึกดีกว่าเราเยอะแยะเลย จากคุณ : wasabi girl เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 11:47:55

ความคิดเห็นที่ 76 โหวตกับดับเบิ้ลกีบเพื่อกระทู้ดีๆแบบนี้ค่ะ จากคุณ : Glittering Wings เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 12:13:20

ความคิดเห็นที่ 77 ตอบคุณ กุ้งแก้ว คห.74 ครับ ผลผลิตจากสวนปาล์มที่ว่าจะปลูก เค้าบอกว่าจะตกแก่คนทั้งหมู่บ้านครับ ซึ่ง ประชากร ม.7 ต.ท่าขนอน มี 300 กว่าคน  เงิน SML สองแสนบาท เค้าว่า จะปลูกปาล์มได้ 20 ไร่   ในสภาพความเป็นจริง สวนปาล์ม 20 ไร่ ลำพังเฉพาะเลี้ยงครัวเรือนเดียวก็ยัง ไม่พอกินนะครับ ไหนต้องแบ่งเป็นค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าจ้าง บำรุงดูแล จิปาถะ แล้วยิ่งถ้ามาหารเฉลี่ยให้คนทั้งหมู่บ้าน  ตามตัวเลขรายได้ซึ่งชาวบ้านที่ต้อง การปลูกนำมาเสนอที่ประชุมแล้ว  ผมได้หารออกมาตกเป็นรายได้คนละ 16 บาท/ปี  ฮา ๆ แต่พอบอกอย่างนี้ หลายคนมองผมแบบกินเลือดกินเนื้อ ผมถามว่า หลังจากปลูกแล้ว ใครจะดูแล  บำรุงรักษา  เค้าบอกว่าจ้างเอา ผมก็แย้งไปว่า งั้น รายได้ของชาวบ้านทั้งหมดจะเหลือคนละ 8 บาท/ปี   ฮาๆๆๆๆ เอาล่ะ..........จริงๆแล้วการปลูกปาล์มนี้ ถ้าไม่ทำลายป่าผืนงามอันนี้  ผมคน นึงล่ะที่สนับสนุนสุดตัว เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ถ้าทำลายป่าไม้ลงไป แล้วปาล์มไม่ได้ผล ถูกทอดทิ้งร้าง เหมือน โครงการอื่นๆ ที่ภาครัฐให้ทำ   เราจะสามารถคืนป่านี้ได้ไหม ต้องใช้งบ ประมาณปลูกเพิ่มเติม สักกี่ร้อยกี่พันล้านบาท จากคุณ : กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน (ข้าวกับดิน) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 12:35:04

ความคิดเห็นที่ 78 มีใครมีที่เปล่าๆไม่ได้ทำอะไรซัก 20 ไร่มั่งไหมอ่ะ (บางทีมีนะค่ะ) ให้เค้ายืมไปปลูกปาล์มหน่อย จะได้ไม่มารุกรานป่า200ไร่ จากคุณ : Mrs MC เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 13:23:07

ความคิดเห็นที่ 79 อยากให้มี กฏหมาย-พรบ. กำหนดประมาณว่าผู้ใดจะกระทำการใดๆที่จะส่ง ผลในทางที่เสื่อมโทรมลงกับพื้นที่ป่าใดๆ ขนาดxxไร่ขึ้นไป ต้องส่งเรื่อง พร้อมผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและวิถีชุมชนเข้าครม.เพื่อ พิจารณาจัง ไม่ใช่เอะอะปลัดสั่ง ผู้ใหญ่บ้านบอก รมต.อนุมัติ พี่ก็ลุยกันซะ แล้ว จากคุณ : สุดยอดปลาแม่น้ำแม่กลอง (สุดยอดปลาน้ำเค็ม) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 13:51:32

ความคิดเห็นที่ 80 ตอบ คห.78 ที่ดินเปล่า แถบนี้ไม่มีแล้วครับ มีผืนสุดท้ายนี้แหละ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่ดินของวัดนาไผ่ (วัดร้าง) ประมาณ 50 ไร่ อยู่คนละ ทางรถไฟของป่านี้ เดิมเป็นป่ารกครึ้มพอควร อยู่มาวันหนึ่ง วัดกาซีใต้ซึ่งรับ ผิดชอบดูแลที่ดินนี้ ได้ไถกวาดเพื่อปลูกปาล์ม  บรรดาสัตว์ป่าที่อาศัย ในป่านี้ เช่น ชะมด ตะกวด กระจง กระรอก ไก่ป่า และสัตว์เล็กสัตว์น้อย อื่นๆ หนีตายกันกระเซอะกระเซิง บางตัวหนีเข้ามาในย่านชุมชน  กลับกลาย เป็นอาหารในพวกชาวบ้าน ร้านถิ่น กินแกล้มสุรากันครื้นเครง ส่วนสวนปาล์ม ก็ไม่ได้รับผลดีอะไร เพราะโดนหนูกัด แทะกินรากกินโคนจนเกือบหมด จากคุณ : กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน (ข้าวกับดิน) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:13:32

ความคิดเห็นที่ 81 รอฝนแล้งอยู่ครับ ตกติดต่อมากว่า 2 อาทิตย์แล้ว จะเข้าไปถ่ายรูปให้เห็นว่า น่าหวงแหน ขนาดไหน จากคุณ : กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน (ข้าวกับดิน) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:16:30

ความคิดเห็นที่ 82 หนูแอบประท้วง เหมือนกันนะเนี่ย ================================ "ส่วนสวนปาล์ม ก็ไม่ได้รับผลดีอะไร เพราะโดนหนูกัด แทะกินรากกินโคนจนเกือบหมด จากคุณ : กลุ่มอาสาพัฒนาป่ายั่งยืน (ข้าวกับดิน)   เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:13:32  " แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 53 12:42:29 จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:26:30

ความคิดเห็นที่ 83 อย่านะคะ เราต้องช่วยกัน เคยเห็นป่าปาล์มของอินโดนีเซีย น่ากลัวคะ ลิงอุรังอุตังไม่มีที่อยู่ พื้นดินราบเรียบ เสียหายไปหมด เขาว่ารัฐฯ สนับสนุน แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 16:07:36 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 16:06:35 จากคุณ : min bedstemor เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:05:23

ความคิดเห็นที่ 84 ปีนี้น้ำท่วมเยอะแล้ว หยุดตัดไ้ม้ทำลายป่าซักที จากคุณ : credor เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 19:29:35

ความคิดเห็นที่ 85 รอดูรูปป่าเปรวหยีอยู่นะคะ.. ขอบคุณหลายท่านที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นและเป็นห่วง กรุณาช่วยกันกดโหวตด้วยนะคะ เพื่อกระทู้จะได้อยู่ช่วยป่าผืนนี้ไว้ค่ะ .......................................................................................... เพราะป่าสวยผืนนี้มีที่มา ทั้งปู่ย่าทวดตารักษาให้ ได้ประโยชน์โภชผลในพงไพร สืบนานไปยังดำรงคงพืชพันธุ์ เป็นผืนป่าชุ่มใบชอุ่มเขียว แม้นเศษเสี้ยวควรรักษาอย่าห้ำหั่น หากสำนึกคุณป่าค่าอนันต์ มาร่วมกันต่อสู้เพื่ออยู่คง.. แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 21:35:41 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 20:19:28 จากคุณ : คุณแม่ใจดี เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 20:09:18

ความคิดเห็นที่ 86 เห็นแล้วเสียดายจังเลยค่ะ บ้านแม่อยู่ที่นครศรีฯ คนในพื้นที่ก็หันมาปลูกปาล์มน้ำมันกันเยอะ แต่ในขณะเดียวกัน บางบ้านเค้าก็ไม่ถางป่านะคะ หลังบ้านแม่ ปลูกปาล์มด้วย แต่แค่ไม่กี่สิบต้น เพราะแม่บอกว่า ยังอยากให้ต้นตะเคียนที่มีอยู่โดยรอบยังคงอยู่ เรากลับไป ยังไปยืนชื่นชมต้นตะเคียนหลายสิบต้นที่หลังบ้านแม่อยู่เลย แถมร่องระหว่างสวนปาล์ม แม่ก็ปลูกเล็กปลูกน้อย พืชผักกินได้บ้างไรบ้าง กันไป เห้ออออออออ แต่ผืนป่าของ จขกท. ร่มรื่น สวยงามจริงๆ ค่ะ เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : Girl_of_Monsterteam เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 09:26:45

ความคิดเห็นที่ 87 สวนปาล์ม 20 ไร่  ของชุมชนด้วย ไม่ใช่ ของคนคนเดียว ให้ราคาปาล์ม โลละ 6 บาท   20ไร่ ได้กี่ ตัน/ปี   เป็นเงิน กี่บาท หักต้นทุน ค่า ดูแล  เหลือเท่าไหร่กันครับ ไม่นับเวลารอคอย ให้ปาล์ม โตได้ผลผลิต แต่ที่ได้ทันที คือ ถ้าที่ดินเดิม มีไม้ยืนต้นอยู่  มันจะเปลี่ยนเป็นเงิน ได้ ทันที แต่ อยู่ในกระเป๋าใคร ? จากคุณ : สลัก ลูกสูบ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 11:09:09

ความคิดเห็นที่ 88 จัดไป เอาไปช่วยกระจายข่าวในเฟสบุ๊คเรา่ จากคุณ : BNZloveTNQ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 15:46:18

ความคิดเห็นที่ 89 ไม่แปลกใจว่าป่าเมืองไทยลดลงเรื่อยๆ ไม่แปลกใจผลจากภัยธรรมชาติเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : buddhi เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 16:33:49

ความคิดเห็นที่ 90 โหวตละกันนะครับ    พื้นที่ว่างมีถมเถือก ทำไมต้อง ไปถางป่า ผมว่า มีนัยแอบแฝง จากคุณ : ปลาโลมา_:P เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 07:22:49

ความคิดเห็นที่ 91 มองทั้งสองฝ่าย จขกท. มองในแง่ประโยชน์ด้านหนึ่ง .. ประโยชน์ระยะยาว ต่อจิตใจ ชาวบ้าน เขาจะมองในอีกด้านหนึง .. ประโยชน์ระยะสั้น ต่อปากท้อง ถ้าเริ่มด้วยความ"ไม่ยอมเข้าใจผลประโยชน์ของอีกฝ่าย" รับรองว่า .. ไม่มีทางออก และผลสุดท้ายคือ .. ป่าถูกทำลาย สิ่งที่ต้องทำคือ หาทางนำเงิน 200,000 นั้น มาทำอย่างไรก็ได้ ให้ก่อเกิดผลประโยชน์ต่อชาวบ้าน ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ ให้เป็นรูปธรรม ที่จับต้องได้ ไม่ใช่ผลประโยชน์เชิงนามธรรม พวก"ลดโลกร้อน รักษ์ป่า" ฯลฯ ที่ชาวบ้าน ท้องหิว กินไม่อิ่ม เน็ตไม่มีเล่น ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ .. ไม่ได้อะไรคืนกลับ ผมเห็นธารน้ำ เห็นคำว่า ทางรถไฟ ฯลฯ ก็นึกถึง โครงการ unseen thailand ขึ้นมาทันที ถ่าย vdo ส่งไปออกรายการสิ ทำพื้นที่ ให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อย่างบ้านคลองสองน้ำ ของกระบี่ ที่สร้างรายได้เป็นเม็ดเงินให้เห็น ถึงจะไม่มาก แต่มาต่อเนื่อง ทำถนนหนทางให้คนเข้ามาเที่ยวได้ง่ายๆ สร้างไกด์ท้องถิ่น ทำ home stay ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ทำทุกอย่างที่ว่า เพื่อให้ เสียงส่วนใหญ่ของพื้นที่ ไ้ด้รับผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน win-win คือ คำตอบสุดท้าย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 08:55:20

ความคิดเห็นที่ 92 เราชอบป่าแบบนี้ ถ้าให้ชาวบ้านเอาเงิน2แสนมาทำเป็นทุนทำศูนย์ท่องเที่ยวป่าก็จะดีมาก แบบหมู่บ้านคีรีวง อันนั้นดีมากเลย ขอให้ผีบรรพบุรุษดลจิตดลใจยับยั้งไม่ให้เกิดสวนปาล์มด้วยและช่วยคุ้มครองป่าหมู่บ้านด้วยเถิด จากคุณ : quilt เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 11:14:59

ความคิดเห็นที่ 93 จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 13:28:34

ความคิดเห็นที่ 94 ถึงตอนนี้ไม่ทันแล้วมังคะ สำหรับป่าสุราษฎร์ เคยเข้าไปทำงานหลายอำเภอ ท่าฉาง ชัยบุรี พนม วิภาวดี ที่ไหน ที่ไหนก็เต็มไปด้วยสวนปาล์ม (วิภาวดีอาจจะน้อยกว่าที่อื่น) ของนายทุนหญ่ายซะด้วย ขับรถตั้งนานกว่าจะผ่านอาณาเขตของบางสวน มีเรือนพักคนงาน มีสถานพยาบาลครบในอาณาเขต คนในชุมชนจะเห็นเพียงรถบรรทุกที่ขนปาล์ม จนถนนในชุมชนพัง ก็เข้าใจเจ้าหน้าที่ คงไปต้านไม่ไหว เกิดอะไรขึ้นมากับตัวเอง ลูก เมียจะอยู่อย่างไร ก็เห็นๆกันอยู่ เป็นวีรบุรุษตอนตายแป๊บเดียว หลังจากนั้นอนาคตของลูกเขา เมียเขาใครจะดูแล มองอีกมุมของชาวบ้าน เขาก็ต้องกินต้องใช้ แล้วจะให้เขาทำอะไร ขายแรงงานในเมืองหรือ รักษาผืนป่าไว้ด้วยชีวิตหรือ เพื่อคนเมืองที่ถลุงใช้ทรัพยากรโดยไม่คิดถึงคนอื่นหรือ เฮ้อ..คิดไปแล้วเหนื่อย...หน่าย จากคุณ : แม่ตัวด้วง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 13:53:02

ความคิดเห็นที่ 95 น่าอนาถใจ...ช่วยๆกันโหวตหน่อย จากคุณ : ronnapob_w เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 53 11:33:56

ความคิดเห็นที่ 96 ป่ายังอยู่คะ ตราบใดที่มันยังอยู่แล้วยังมีคนคิดทำลายเราก็จะสู้ต่อไป ส่วนเรื่องปากท้องชาวบ้าน ไม่ใช่เราไม่เข้าใจ แต่เราก็เห็นด้วยกับคุณแมวเหมียวพุงป่อง นะคะ แต่เบื้องต้น ก็ต้องรักษาป่าไว้ให้ได้ก่อนคะ >_< จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 53 14:12:36

ความคิดเห็นที่ 97 หนักใจแทนครับ เพราะเรื่องอย่างนี้มันเกี่ยวข้องกับกระบวนความคิดของคนในพื้นที่ และผลประโยชน์ของคนในชุมชน ถ้าเป็นระยะยาวก็พอแนะนำได้คือ ต้องวางแผนพัฒนาทั้งทรัพยากรป่าไม้และชุมชนทั้งระบบเลยครับ ตั้งแต่ 1. สำรวจความหลากหลายของพืชและสัตว์ในป่า    วัตถุประสงค์: เพื่อสำรวจความหลากหลายของพืชและสัตว์ที่แน่นอนว่ามันมากน้อยขนาดไหน ถ้าโชคดีเจอพืชหรือสัตว์ชนิดใหม่ของโลกหรือใกล้สูญพันธุ์ ก็จะทำให้เหตุผลในการอนุรักษ์ป่าผืนนี้ไว้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น     2. ส่งเสริมระบบวนเกษตรในพื้นที่ของเกษตรกร    วัตถุประสงค์: ระบบวนเกษตรคือการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดินของตัวเองให้ได้ประโยชน์สูงสุด ยกตัวอย่างเช่น ในสวนยางพาราเชิงเดี่ยวอาจส่งเสริมให้ปลูกพืชสมุนไพรที่ต้องการแสงน้อยแทรกในระหว่างแถวของต้นยางพารา จะทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมมากยิ่งขึ้น เมื่อชาวบ้านท้องอิ่มก็ไม่คิดเบียดเบียนพื้นที่ป่า และระบบวนเกษตรยังเป็นการช่วยอนุรักษ์ดินในสวนยางพาราที่ปลูกกันให้เกลื่อนภาคใต้ด้วย 3. ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มเพื่อแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่ชาวบ้านสามารถผลิตได้ โดยใช้เงินทุน SML นั่นแหละ    วัตถุประสงค์: ชาวบ้านจะได้มีหนทางในการใช้เงินทุน SML ให้เกิดประโยชน์ ล้มเลิกความคิดในการถางป่าปลูกปาล์มน้ำมัน ยกตัวอย่างที่หน่วยงานผมทำอยู่ตอนนี้คือ.. ส่งเสริมการปลูกเร่วหอมแทรกในแปลงยางพารา และส่งเสริมให้มีการแปรรูปเร่วหอมในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำมาขายเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ทั้งน้ำมันสกัดจากเร่วหอม เจลล้างมือเร่วหอม ยาสีฟันเร่วหอม เร่วหอมแช่อิ่ม สารพัดจะแปรรูป ตอนนี้ชาวบ้านแถวที่ผมทำงานไม่มีใครบุกรุกพื้นที่ป่ากันแล้วครับ ทุกคนที่เข้ากลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร กลายเป็นแนวร่วมกลุ่มอนุรักษ์ป่ากันหมดเลย เมื่อวานผมและชาวบ้านเพิ่งเข้าป่าไปสำรวจน้ำตกบนเขากันมา เผื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ เสียเลือดให้ทากกันไปคนละ 3-4 ตัว ไม่รวมเห็บลมมากน้อยก็แล้วแต่ดวงแบ่งๆ กันปาย เร็วๆ นี้ก็จะได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ให้จัดตั้งเป็นป่าชุมชนกันแระ ถ้า จขกท. อยากจะลองแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ลองเสนอโครงการที่ 3 ให้ชาวบ้านเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในการใช้เงินกองทุน SML ดูก็ได้ครับ แต่ต้องพิจาณาดูว่าในพื้นที่เราปลูกอะไรมากหรือมีอะไรที่เหลือจากผลิตผลทางการเกษตรมากแล้วไม่ได้ใช้งาน ลองเอามาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าดูอ่ะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆๆๆ จากคุณ : เสือหลุมหลิม เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 53 22:24:38

ความคิดเห็นที่ 98 กระทู้ตกแล้ว แต่เรายังอยู่ ส่วนหนึ่งของป่านี้ ถ่ายมาจากภาพเก่าเมื่อปี 51 จากคุณ : แมวอัดป๋อง (แมวอัดป๋อง) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 10:37:53

ความคิดเห็นที่ 99 อ้าวไม่ติดเอาใหม่ๆ ส่วนหนึ่งของป่านี้ ถ่ายมาจากภาพเก่าเมื่อปี 51 จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 10:39:08

ความคิดเห็นที่ 100 ส่วนหนึ่งของป่าช้า "เปรวหยี" หลากหลาย จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 10:40:02

ความคิดเห็นที่ 101 นายอำเภอ ประเวศ ไทยประยูร ทำพิธีบวชป่า ไม้ใหญ่ในป่านี้เมื่อ 15 มค.51 จากคุณ : แมวอัดป๋อง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 11:43:35