ความคิดเห็นที่ 1 มาตามไปเที่ยวด้วยคนครับ   จากคุณ : วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 10:42:00 A:125.24.182.110 X: TicketID:040180

ความคิดเห็นที่ 2 ขอโทษครับลืมรูป มือใหม่ จากคุณ : naddh (Naddh) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 10:42:21

ความคิดเห็นที่ 3 ผมวางแผนการเดินทางล่วงหน้านานพอสมควร หาข้อมูล ในอินเตอร์เนทและในห้อง Blueplanet แต่ก็วาง เส้นทางคร่าว ๆ ว่าจะเน้นเยอรมัน เพราะผมมีความผูกพันและประทับใจกับประเทศเยอรมันหลายเรื่อง ไม่ว่าความมีอัธยาศัยดี ความมีระเบียบวินัย ความสวยงามและสะอาดของบ้านเมือง  ธรรมชาติสวยงาม ที่สำคัญระบบถนน Autobahn เป็นแบบอย่างของถนน Motorway ทั่วโลก แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 10:47:14 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 10:44:07

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับคุณ วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ ผมเป็นคนชอบขับรถมาก มีประสบการณ์ขับรถในต่างประเทศครั้งแรกก็ตอนที่ไปในปี 1999 นั่นเอง ตอนนั้นคณะของเราไปกัน 8 คน และตามไปสมทบอีก 1 คน  ออกเดินทางจากกรุงเทพ ไปลง แฟรงเฟิร์ต (ตอนนั้นโชคดีไปต่างประเทศครั้งแรก ก็ได้อัพเกรดไปนั้ง ชั้นบิสิเนสกันทุกคนทั้งเที่ยวไปและกลับ) พอถึง แฟรงเฟิร์ต เราเช่ารถของ Avisเป็นรถเก๋ง 1 คัน (Audi A80)มินิแวนอีกคัน (Benz) ตอนนั้นผมขับรถไม่เก่ง ใบขับขี่ไม่มีทั้งของไทยและสากล (ใช้ชื่อคนอื่นตอนจองและตอนรับรถ) ตอนแรกตกลงกันว่าไปเป็นแค่คนขับสำรอง สลับเปลี่ยนขับตอนคนขับหลักต้องการพัก เอาเข้าจริงขับตลอดทริป 4000 กม. แต่ก็โชคดีไม่เจอปัญหาอะไรมาก เอาตัวรอดมาได้ เพราะพยายามขับตามกฎอย่างเคร่งครัด เพราะเรารู้ตัวเองว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือทำผิดกฎจราจร คงโดนเข้าเต็ม ๆ เพราะไม่มีใบขับขี่ แต่ตอนนั้นคงทั้งกล้าและบ้า นึกถึงย้อนหลังยังคิดว่าทำไปได้อย่างไร ช่วงนี้เอาภาพตอนปี 1999 มาให้ดุก่อนนะครับ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 10:49:43

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องการขับรถ  ช่วงก่อนเดินทางไปคิดว่าคงต้องน่ากลัวและใช้เวลาปรับตัวนาน   เพราะรถเป็นแบบพวงมาลัยซ้าย   แต่จริงแล้วพอสลับตำแหน่งคนขับ การวิ่งก็สลับด้านไปด้วย เลยไม่ค่อยเป็นปัญหาในการปรับตัว แทบจะไม่รู้สึกแปลกอะไร (จะรำคาญตัวเองตอนจะเปิดไฟเลี้ยวแต่ดันเปิดที่ปัดน้ำฝนแทน เพราะตอนนั้นเคยชินแต่รถญี่ปุ่นที่สวิทซ์เปิดไฟลี้ยวอยู่ด้านขวา) อีกทั้งวินัยการขับรถของชาวเยอรมันนั้นต้องยอมรับว่าดีมาก ๆ ไม่มีการชับช้าแช่ซ้าย แซงแล้วหลบเข้าตลอด ไมมีรถบรรทุกวิ่งเลนกลาง ทำให้ขับรถแล้วไม่เครียดหรือเหนื่อยเท่าไหร่  แต่ต้องระวังและต้องมีสมาธิสูงพอสมควร เพราะการขับรถใน ออโตบาห์น เขาขับกันเร็วมาก คณะของเราสองคันขับตามกันไปที่ความเร็ว 140-150 แต่ก็ก็มีรถแซงเราแล้วก็หายมองตามแทบไม่ทัน ยิ่งบรรดารถที่สมรรถนะสูง เขาขับคุ้มราคารถจริงๆ แต่ก็เคยดูข่าวว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุบน ออโตบาห์น ก็จะรุนแรงมาก ชนกันทีนับสิบคัน (ผมเคยอ่านที่ไหนจำไม่ได้แล้ว ว่าบนออโตบาห์น เขามีการแบ่งวรรณะกันด้วย ไม่รู้เรื่องจริงหรือเปล่า คือเวลาขับคนขับ โอเปิล เห็นในกระจกมองหลังว่า โฟล์คสวาเก้น ขับมาก็ต้องคอยหลบ โฟล์คสวาเก้น ก็ต้องคอยหลบ ออดี้ เมื่อเวลารถออดี้ เจอ เบนซ์ กับ บีเอ็มดับเบิลยู ก็ต้องหลบให้ แต่ถ้า เบนซ์ หรือ บีเอ็มดับเบิลยู เขาเจอกันเอง ก็แล้วแต่ฝีมือคนขับเพราะบารมีเขาเท่ากัน แต่ทั้งหมดก็ต้องหลบให้กับ พอร์ช แต่เอาเข้าจริง ผมก็เห็น โอเปิล corsa ที่เคยขายในบ้านเรา คันเล็กนิดเดียววิ่งแซง ออดี้ ที่ผมกำลังขับที่ความเร็ว 160 ไปอย่างหน้าตาเฉย) จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 10:57:47

ความคิดเห็นที่ 6 เราหลงเข้ามาในกระทู้หวาน แน่อนนนนนนน อิอิ จากคุณ : **ความจริงในใจ** เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 10:58:45

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่เจอปัญหาในกรณ๊ที่ขับรถเที่ยวตามกัน  2 คัน จะมีบ้างคือเรื่องหลงกัน หรือหลุดขบวน จึงต้องตกลงและวางแผนการเดินทางให้ดีในแต่ละวัน ถ้าเลยทางออกจาก ออโตบาห์น แล้วหลงคิดว่าคงเศร้าแน่ ๆ เพราะตอนนั้นยังไม่มี GPS ให้เช่า ยิ่งติดมากับรถนั้นไม่ต้องหวัง โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้เอาไปใช้ที่ยุโรปด้วย ยิ่งเวลาขับตอนกลางคืน รถคันที่นำข้างหน้าจะไม่รู้เลยว่าคันที่ตามมาเป็นรถร่วมทริปหรือเปล่า ต้องคอยส่งสัญญาณติดต่อกัน (เราใช้วิธีกระพริบไฟเลี้ยวซ้าย-ขวาตอบรับกัน เป็นระยะๆ) ก็ไม่มีปัญหาเรื่องหลงทาง  แต่ตอบขับตามกันในเมืองใหญ่ อย่างวันแรกที่มิวนิค ผมขับตามหลังแต่โดนตัดตอน เพราะไม่หลุดจากไฟแดง เพราะตอนจะออกตัวจากไฟแดงผมทำเครื่องดับ คร่อมทางรถรางด้วย สตาร์ทใหม่ครั้งแรกก็ดับอีกตื่นเต้นเห็นรถรางวิ่งใกล้เข้ามา  คนนั่งข้างๆบอก" ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ แต่รีบหน่อยก็ดีรถรางมาแล้ว" สตาร์ทใหม่ค่อยออกตัวไปได้ตอนนั้นรถรางห่างจากเราสัก 50 เมตร แต่เขาก็มาช้า ๆ และผมคิดว่าระบบเบรคคงดีนั่นแหละ เห็นวิ่งกันขวักไขว่ทั้งรถยนต์ รถราง ถ้าเบรคไม่ดีใช้ระยะเบรคยาวเหมือนรถไฟก็คงชนกันบ่อยๆ พอหลุดไฟแดงมาได้สักพักก้เห็นรถ มินิแวน จอดกระพริบไฟรอเราอยู่ ก็ต้องเข้าใจกันว่าคันนำหน้าต้องจอดคอยในที่ ๆ จอดรอได้ ก่อนที่จะเลี้ยวไปทางอื่น ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างวิ่งหากัน จะยิ่งหลงกันไปใหญ่ ทริปตอนปี 1999 นั้นมีการวางแผนเดินทางคร่าวๆ แค่รู้ว่านอนที่ไหนเที่ยวที่ไหน ไม่มีการจองที่พักล่วงแค่ที่เวนิชกับชาโมนี ตอนนั้นเราบินไปลงที่แฟรงเฟิร์ต แล้วขับมาเนิร์นแบก แวะทานอาหารกลางวันที่มิวนิค แล้ววิ่งเข้าอินสบรูค พัก 1 คืน แล้วเข้าซาลส์บวร์กแวะทะเลสาบเซนต์วูฟแกง แล้วขับยาวเข้าเวียนนา ถึงเกือบเที่ยงคืน วิ่งหาโรงแรม ต่อราคากว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่า รุ่งขึ้นเที่ยวในเมืองและ พระราชวังเชินบรุนน์ เราเที่ยวเวียนนา นอนค้าง 2 คืน แล้วเดินทางต่อไปเวนิซ ผ่านทางเมืองกราซ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 10:59:58

ความคิดเห็นที่ 8 เส้นทางสวยมากแถบคอรินเธียและเซาท์ทีโรล ช่วงพรมแดนอิตาลี่-ออสเตรีย สวยเหมือนภาพวาด เราวิ่งเข้าหาพระอาทิตย์กำลังตกดิน ผมหยิบเพลงชุด Cinema SerenadeของItzhak Perlman และJohn Williams ที่เป็นเทปคาสเส็ทที่เอาไปจากบ้านเตรียมสำหรับโอกาสพิเศษโดยเฉพาะ มาเปิดเสริมบรรยากาศ ลองนึกถึงคนกำลังอินเลิฟ แล้วนั่งรถสองคน ท่ามกลางบรรยากาศเและธรรมชาติสวยแทบหยุดหายใจ พร้อมเพลงบรรเลงเพราะสุด สุด นึกถึงทีไร ผมก็ยังอิจฉาตัวเองเลยทุกครั้ง.. (หลายปีผ่านไปได้ดูหนังเรื่อง As Good As It Get เห็น แจค นิโคสัน ที่เล่นเป็น เมลวิน ยูดาล เตรียมเพลงไปเปิดตอนขับรถ โดยเตรียมว่าเพลงนี้ใช้กับช่วงไหนและเพลงนั้นใช้กับสถานการณ์ใด ดูๆไปผมนึกในใจว่า ที่เราเตรียมเพลงไปจากเมืองไทย เลือกเฉพาะที่จะเข้ากับบรรยากาศนี่มันเพี้ยนเหมือนอีตาเมลวิน เลยนี่หว่า เอ๊ แต่ตอนนั้นมันก็เวิร์คนะผมเองยังเคลิ้มเลย ไม่เห็นคนนั่งไปด้วยเขาบอกให้เปลี่ยนเพลงหรือปิดไปเลยเหมือนในหนัง) (วันนั้นหลายอย่างเป็นใจ มีเหตุคาดไม่ถึง ตอนแวะเติมน้ำมันที่ชายแดนก่อนออกจากออสเตรีย ราเจอตำรวจเรียกปรับ ที่ไม่ติด Vignette ซึ่งเป็นสติกเกอร์ติดหน้ารถเป็นค่าธรรมเนียมการใช้ถนนพวกทางด่วนหรือออโตบาห์นในเขตออสเตรีย เขาจะขายทั้วไปแถวชายแดน ราคาตามระยะเวลาว่าเป็นสัปดาห์หรือนานกว่านั้น เราไม่เคยมีใครขับรถเข้าออสเตรีย มาก่อน ก็ไม่รู้ว่าต้องติดสติกเกอร์นี้ ผ่านมาสามวันจวนจะพ้นเขต ออสเตรีย อยู่แล้ว มาเจอคุณตำรวจเอาตอนจะอำลาเล่นเอาจำจนตาย (เท่าที่ผมผ่านมาที่ใชะระบบนี้คือ ออสเตรีย สาธารณรัฐเชค สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศยุโรปตะวันออก(ประเทศที่ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษ) ที่อิตาลี่และฝรั่งเศส จ่ายเป็นค่าผ่านทางแบบทางด่วนบ้านเรา แต่ในเยอรมนีฟรีตลอด) ช่วงเวลานั้นรถที่ผมขับเติมน้ำมันเสร็จก่อน แต่รถมินิแวนอีกคันเติมน้ำมันยังไม่เสร็จ เด็กๆ และผู้ร่วมเดินทางส่วนใหญ่อยู่ใน ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตำรวจออสเตรียตาไว เห็นรถทะเบียนเยอรมนี แต่คนขับเป็นกะเหรี่ยงผมดำ มองแว็บเดียวก็เดินมาที่มินิแวน เรียกจ่ายค่าปรับที่ไม่ติด Vignette ต่อรองยังไรก็ไม้ได้ ตอนนั้นโดนปรับไปหลายร้อย มาร์ค (สามพันกว่าบาท) แต่ตำรวจคงไม่รู้ว่าเรามากัน 2คัน  ผมก็มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ผมกับพี่คนขับมินิแวนมองหน้ากัน แล้วเขาก็ส่งซิกให้ผมรีบขับรถออกไปก่อน ผมเห็นตำรวจก็เลยไม่อยากขับรถเพราะไม่มีใบขับขี่ เลยให้แฟนเป็นคนขับรถออกจากปั๊มไปก่อน พ้นสายตาตำรวจผมเลยมาทำหน้าที่คนขับต่อ เราก็เลยได้สวีทสองคน เด็ก ๆ และ คนอื่นก็นั่งเบียดกันไปจนถึงเวนิซ) จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:01:31

ความคิดเห็นที่ 9 เราพักที่เวนิซ 1 คืนบ้านแบ่งห้องเป็นลักษณะ B&B ที่เจ้าของเป็นสาวไทยชื่อคุณเหน่งที่มีสามีเป็นชาวอิตาเลี่ยน จำได้ว่าพี่เขาทำลาบหมูใส่เครื่องในให้เราทานด้วย ผมสงสัยว่าไปเอาเครื่องในมาจากไหนได้คำตอบว่ามีเยอะแยะเพราะคนแถวนี้ไม่ค่อยกิน ไปติดต่อที่ร้านขายหมูขอซื้อตอนไหนก็ได้  แต่ที่เด็ดสุดคงจะเป็นลาซาญญ่า ฝีมือคุณนกเพื่อนของคุณเหน่ง (คุณนกทำงานในร้านอาหารอิตาเลี่ยน อยู่ในเวนิช ช่วงที่มีคนไทยมาพักเขาจะชวนกันมาทำอาหารและพบปะพูดคุยกันบ้างให้หายคิดถึงเมืองไทย) ผ่านมาสิบกว่าปียังไม่เคยเห็นที่ไหนทำได้อร่อยเท่า แฟนผมเขาเป็นนักชิม ทุกวันนี้ยังพูดถึงอยู่บ่อย และบอกว่าเบชาเมลซอส(ซอสขาว) smooth and creamy กลิ่นหอมนุ่มหนา ซอสมะเขือเทศไม่เปรี้ยวและเไม่เยอะเกิน ที่ใกล้เคียงเท่าที่เคยลองมาก็ที่ ร้านน ปัน ปัน และฟูดลอฟท์ เซ็นทรัลชิดลม อร่อยมากจนอยากกลับไปเวนิซ ตามหาแล้วขอสูตร แต่จำบ้านไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าอยู่ใกล้ Ponte di Rialto ก่อนจากกันเราแบ่งมะม่วงแรดกับน้ำปลาหวาน ที่ผู้ร่วมเดินทางที่ตามไปสมทบกับคณะเราหิ้วไปจากเมืองไทย ให้ไปสามลูก เขาแทบกราบเพราะเขาไม่ได้กินมานานมาก มะม่วงดิบหายากแถมมีน้ำปลาหวานอีก ยิ่งทำให้เขาคิดถึงบ้านมากขึ้นอีก พี่ที่เขาหิ้วมะม่วงน้ำปลาหวานขึ้นเครื่องตามมาเขาไม่ได้เอามาแค่นั้น ที่สุดยอดที่สุดเห็นจะเป็นพริกแจ่วน้ำมะขามที่เป็นกระปุกขายตามห้าง เราชอบกันมาก ลองนึกถึงเนื้อสเต็กนุ่มๆ จิ้วแจ่วแบบร้าน สเต็กลาว(ยังมีสาขาอยู่รึเปล่า?)อร่อยแบบนั้นเลย  คราวนี้พอมีของดีเราก็แวะตาม travel dining ตามจุดพักรถหรือปั๊มน้ำมันอย่าง Autogrill หรือ Movenpick ไปถึงเหมือนเป็นหน้าที่ผมต้องสั่งสเต็กเนื้อทุกครั้งเลย(พี่เขาเป็นพนักงานการบินไทยระดับหัวหน้า เลยไม่มีปัญหาเรื่องขนสัมภาระเท่าไหร่..แต่ตอนนี้ไม่รู้ขนกันได้หรือเปล่า) จากเวนิซเราไปต่อที่ฟลอเรนซ์ พักอีกหนึ่งคืนแล้วไปเที่ยวปิซ่า ตอนเย็นๆ ขับรถเข้ามิลาน ปรากฎว่าเป็นช่วงงานมหกรรมแสดงสินค้า โรงแรมเต็มหมด  คนของโรงแรมที่เราเข้าไปถามเขาแนะให้ไปหาที่พักแถวเมืองถัดไป วันนั้นกว่าจะได้หลับก็ตีสามพอดี  รุ่งขึ้นเราเข้ามาเที่ยวมิลา แถวๆมหาวิหารแห่งมิลาน คนอื่นๆเดินช้อปปิ้ง ผมเดินทั่วแล้วเลยมานั่งให้จิตกรท้องถิ่นวาดรูป จ่ายเงินแล้วเดินรอให้เขาเก็บรายละเอียด เดินไปมาดูหลายรอบ ภาพที่ออกมาดีถูกใจ เลยตัดสินใจไม่เอากลับมา ตอนนั้นคิดว่าถ้าเราเอากลับมาด้วยก็คงใส่กรอบแขวนผนังที่บ้านคนเห็นไม่กี่คน ถ้าทิ้งไว้ที่นี่จิตกรคนนั้น อาจจะเอารูปผมแขวนไว้ข้างรูปตัวอย่างผลงานเก่าๆ เอาไว้โชวนักท่องเที่ยว เขาอาจจะแขวนวันสองวันหรือไม่ก็เป็นเดือน คิดแค่นั้นก็เลยเดินกลับไปรวมกับกลุ่ม คนอื่นถามก็บอกไปตามนั้นเขาก็บอกว่าบ้า (ท่าจะจริงอย่างเขาว่า) ตอนบ่ายเราขับรถยาวทะลุอุโมงค์ลอดเทือกเขาแอลป์ ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นมีข่าวรถชนกันครั้งใหญ่ในอุโมงค์เดียวกันนี้ เจ็บและเสียชีวิตหลายสิบคน ตอนนั้นขับไปก็นึกในใจเมื่อไหร่จะพ้นเสียที จนโผล่มาอีกทีแถวๆ Stansstad ริมทะเลสาบลูเซิร์น ก็เหมือนเดิมกว่าจะหาที่พักต่อรองราคาก็เที่ยงคืนกว่า ตื่นเช้าไปเที่ยวทิตลิส แล้วแวะลูเซิร์น ขับต่อไปโลซาน มองเทรอ ผ่านมาตินญี่ เพื่อไปชาโมนี ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใกล้สุด เราไปถึงมาตินญี่  ก็มืดแล้วแล้ว ช่วงจากนี้ไปจนถึงชาโมนีเป็นทางขึ้นเขาตลอด ระหว่างทางอากาศหนาวมากผิวถนนเริ่มเป็นแผ่นน้ำแข็งและลื่นมาก ทางขึ้นเขาแคบและชัน  รถเริ่มแฉลบไถลควบคุมลำบาก เราเลยตัดสินใจไม่ไปต่อค่อยๆ หาจุดกลับรถขับอ้อมไปอีกทาง วิ่งผ่านทะเละสาบเจนีวาอีกรอบวิ่งวนมาแถวเมืองแองซี่  แล้วค่อยขึ้นชาโมนีสำเร็จ ตอนมาถึงมิหิมะหลงเหลือบ้างท่ามกลางความมืด แต่พอตื่นเช้ามาหิมะขาวโพลนทั้งเมือง แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 15:48:15 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:02:35

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณ**ความจริงในใจ** ทานอาหารเช้าเสร็จผมรีบชวนเด็กๆ ออกมาเล่นหิมะ และทำในสิ่งที่ผมตั้งใจมานานมากแล้ว คือตอนเด็กๆ เวลาผมเห็นหิมะเวลาดูหนังหรือทีวี ก็นึกอยากจะเอาน้ำแดงไปราดแล้วเทนมข้นใส่ กัดกินให้หนำใจ ตามประสาความคิดแบบเด็กตะกละที่ชอบกินขนมหวานมาก คิดว่าคงเหมือนน้ำแข็งใสราดน้ำแดง หรือเย็นๆ นุ่มๆ แบบน้ำแข็งที่เกาะในช่องฟรีชในตู้เย็นแบบเก่า (เคยเอาแก้วไปขูดแล้วเอามากินหรือเปล่าครับถ้าไม่เคยก็คงหมดโอกาสแล้วหละเพราะตอนนั้ตู้เย็นเป็นแบบโนฟรอชกันหมดแล้ว) ตอนแพคกระเป๋า ผมไปซื้อน้ำแดงยี่ห้อดัง มาเทใส่ขวดพลาสิกขนาดเล็ก ปิดปากขวดใส่ในถุงพลาสติก 2 ชั้นมัดให้แน่น  นมข้นก็ทำเหมือนกัน คือว่าเตรียมเผื่อไว้ก่อน หวังว่าโชคจะเข้าข้างเจอหิมะ จะได้เอามาใช้ พอเจอหิมะขาวโพลนทั้งเมือง ผมเดินหาเลือกต้นไม้ที่ไม่สูงมากแบบมีกิ่งยื่นๆ ที่มีหิมะเกาะเต็มฟูขาวน่ากิน หันมองซ้ายขวาว่าปลอดคนแล้วก็งับหิมะซะเต็มปาก .. เหมือนตอนเป็นเด็กเลยครับ ต่างเพียงแค่ตอนนั้นเหงื่อซกเพราะเล่นนอกบ้านมาร้อนๆ แล้วมาขูดน้ำแข็งกิน ตอนนี้ตอนนี้หนาวจับจิต แต่ ก็ชื่นใจที่ได้ทำตามความฝันเมื่อวัยเด็ก ไม่หยุดแค่นั้น ว่าแล้วชวนเด็กๆ เอาแก้วพลาสติกไปตักหิมะที่ติดบนกิ่งไม้ เอาที่ยอดบนๆ หน่อยกะว่าเอาให้หมาฉี่ใส่ไม่ถึง   พอได้มาก็เทน้ำแดงราดตามด้วยนมข้น เฮ้อ..ฝันเป็นจริง สนุกดีเด็กๆ ชอบกันใหญ่ กินหิมะข้ำแดงเสร็จแล้วก็เล่นปั้นตุ๊กตาหิมะ Snow man แต่กลายเป็น Snow แม้วแทน.. ด้วยความที่หิมะตกหนักเมื่อคืนฟ้าก็ปิด ทำให้อดขึ้นยอดมองบลังค์ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:07:01

ความคิดเห็นที่ 11 เราเลยเดินทางต่อไปปารีส แวะเที่ยวระหว่างทางและฉลองวันเกิดของผมเองแบบเล็กๆ (ข้างถนน) ทำให้กว่าจะถึงปารีส เข้าโรงแรมเรียบร้อยกลางดึกเหมือนเดิม รุ่งเช้าเช้าเอารถไปคืน Avis ที่สนามบินชาร์ล เดอ โกล แล้วเราก็อาศัยรถไฟใต้ดิน เพราะสะดวกดี ไม่ต้องลำบากหาที่จอดรถ เราเที่ยวปารีส ค้างสองคืน วันแรกเที่ยว หอไอเฟลมหาวิหารนอตเตอร์ดาม ชอง เอลิเซ ชอปปิ้งและซื้อของฝาก อีกวันแบ่งกลุ่มพาเด็กๆ ไปเที่ยวดิสนีย์เวิลด์อีกกลุ่มไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์  ค่ำ ๆ ขึ้นเครื่องกลับ..รวม12วัน 4000 กิโลเมตร จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:12:47

ความคิดเห็นที่ 12 รูปทริป 1999 รูปสุดท้ายแล้วครับ ดูไปผมก็ปลงกับสังขานตัวเอง จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:14:09

ความคิดเห็นที่ 13 Happy Anniversary คะ จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:23:52

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากนะคะสำหรับของฝาก จากคุณ : wachu เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:25:10

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีนะครับ ทั้งคุณ BROWN STITCH และ  คุณ wachu ย้อนอดีตไปนาน กลับมายังอดีตที่ผ่านมาไม่นานกันต่อ ในปี 2009 จากประสบการณ์และความก้าวหน้าและเพร่หลายของอินเตอร์เน็ท ทำให้ผมเตรียมตัวได้พร้อมและสะดวกมาก ผมจองที่พักโดยใช้ บริการ booking.com ตลอดทั้งทริป ซึ่งจะเลือกได้เลยว่าเราต้องการแบบไหน ราคาเท่าไหร่ ผมเลือกจะพักในโรงแรมที่มีที่จอดรถของโรงแรมเอง เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจ ส่วนเรื่องเส้นทาง ผมอาศัย viamichelin ในการหาส้นทางระหว่างเมือง ตรวจระยะทาง กะประมาณเวลาเดินทางที่ใช้ เลือกแบบถนนว่าจะเป็น motorway,Sightseeing เสียเงินหรือไม่เสีย ออกแบบการเดินทางล่วงหน้าได้เป็นอย่างดีและเที่ยงตรงพอสมควร ผมทำแผนการเดินทางโดยละเอียดเพื่อประกอบการยื่นขอวีซ่า (เยอรมัน)และเป็น ไกด์บุค สำหรับการเดินทางด้วยในตัว ระบุข้อมูลการเดินทางทุกอย่าง เช่น รายละเอียดการเดินทางแต่ละวัน ระยะทางระหว่างเมืองนี้ถึงเมืองต่อไป จุดไหนที่น่าสนใจหรือต้องแวะ   เวลาที่ควรจะออกเดินทางและที่ต้องถึงที่หมาย ใช้ Exel ทำเป็นตารางสรุปใน 1 แผ่น และเนื้อหาส่วนการท่องเทียวแต่ละวัน ที่เป็นรายละเอียดสถานที่ที่จะไป สรุปประวัติความเป็นมาพร้อมรูปประกอบในแต่ละเมืองหรือสถานที่   ชื่อโรงแรมและที่อยู่โดยละเอียดของแต่ละคืนที่จะเข้าพัก รวมกับแผ่นสรุปแล้ว หนาประมาณ 20 หน้า   ปกหน้าหลังเป็นแผ่นใส พิมพ์เข้าเล่มแบบกระดูกงู เพื่อความสะดวกเวลาใช้งาน ซึ่งบางครั้งอยากดูแบบรีบๆ ก็เปิดง่ายและทนทานใช้งานได้ตลอดทริป (ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยุ่งยากและมากเกิน แต่ผมเห็นประโยชน์ของมันมาก ยิ่งเรามีข้อมูลมากจะง่ายในการตัดสินใจ โดยเฉพาะผมเป็นคนขับเวลาต้องการข้อมูลอะไรก็จะถามจากเนวิกเกเตอร์ ที่นั่งข้างๆ ได้ง่ายหรือจะปรับเปลี่ยนอะไรก็มีข้อมูลประกอบชัดเจน ประกอบการตัดสินใจ เพราะบางทีเราเผื่อเวลาการเดินทางผิดไปโดยไม่คิดว่าจะเจอการซ่อมออโตบาห์ รถติดยาวเป็นกิโล ขับได้แค่ 30-40 ยิ่งช่วงพ้นหน้าหนาว หมดหิมะ การซ่อมถนนจะเจอบ่อย ๆ) จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:32:17

ความคิดเห็นที่ 16 ในทริป 2009 นั้น ผมก็ผสมระหว่างเมืองใหญ่ที่คนนิยมกับเมืองเล็ก ๆ ที่ทัวร์ไม่ค่อยลง เราเช่ารถขับเอง เลยเลือกเส้นทางตามชนบท หากจะทำเวลาค่อยวิ่งออโตบาห์น ดูจากแผนการเดินทางเที่ยวนั้น จะไม่เจาะลึกสักเท่าไหร่ เป็นแนวเดินชม ซึมซับบรรยากาส ถ่ายรูปซื้อของที่ระลึก ไม่ค่อยชอบที่จะไปเข้าคิวรอดูหรือเบียดเสียดกัน ผมเป็นคนไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง แต่บางเมืองถ้าอยากไปเห็นก็ต้องยอมรับข้อจำกัด เราอยากเห็น คนอื่นก็อยาก คนเยอะก็ต้องทำใจอย่างปราก คนเยอะมาก แต่ก็คุ้มมาก Itinerary แบบคร่าวๆ 1.BKK-Munchen 18.55น. 15/4/1999 พักที่ Mittenwlad 2.Mittenwald-Neuschwanstien-Romatic road (Landburg, Augsburg,Dinkelbuhl,พักที่ Rothenburg) 3.Rothenburg,Koblenz เริ่มต้นย้อนแม่น้ำ mosel พักที่ Cochem 4.Cochem-Bremm-Tharben-tharback,mosel พักที่ป่าดำแถวเมืองFreiburg 5.Freiburg-Chamonix พักที่ Chamonix Mont Blanc 6.Chamonix Mont พักที่ BlancLauterbrunnen 7.Lauterbrunnen-Jungfrau-พักที่ Grindelwald 8.Grindelwald-Wengen-พักที่  Berchtesgarden 9.Berchtesgarden-Ramsau-Maria Alm-Salzburg พักที่ St.Wolfgangsee 10.St.Wolfgangsee-Heiligenblut พักที่ Hallstatt 11.Hallstatt-Munchen(เปลี่ยนรถ)-พักที่ Praha 12.Praha พักที่ Karlovy Vary 13.Karlovy Vary-Cesky Krumlov-Muchen-BKK แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 19:45:31 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:41:22

ความคิดเห็นที่ 17 ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ผมจำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นอัตราแลกเปลี่ยนเงินยูโรเป็นเท่าไหร่ บางรายการใช้บัตรเครดิต ก็คิดเรทแลกเปลี่ยนแล้วแต่ละวัน  ที่ใช้เงินสดแค่ซื้ออาหารบ้างก็เป็นส่วนน้อย ใช้เงินสดเยอะหน่อยค่าทางด่วน  ค่าใช้อุโมงค์ใน ออสเตรีย  ค่าที่จอดรถแบบเสียเงินซึ่งก็ต้องคอยแลกเหรียญและแบงค์ย่อยไว้ด้วย **ค่าตั๋วเครื่องบิน คนละ27,500 บาท สายการบิน Etihad ตั๋วโปรโมชั่นคืนตั๋วไม่ได้ แต่ประทับใจมาก  เดรื่องใหม่ อาหารดี บริการดีตามมาตรฐาน เสียเวลาเปลี่ยนเครื่อง 1-2 ชม. แต่ก็ถือว่าเปลี่ยนอริยาบท  ที่ชอบมากคือ เที่ยวกลับ คนน้อยมาก ผมนอนยาวแถวกลาง 4 ที่นั่งเลย **ค่าโรงแรมประมาณ 46,000 บาท เฉลี่ยคืนละสามพันแปดร้อยบาท **ค่าอาหารก็ไม่เยอะ มีมื้อเย็นหนัก ๆ สอง-สามมื้อเท่านั้น ที่เป็นพิเศษคืนฉลองวันเกิดในโรงแรม ที่ Cochem  จ่ายไปไม่รวมค่าห้อง 120 euro และที่คาร์โลวี วารี 60 euro  วันอื่นที่เหลือก็ใช้บริการเคบับ-แซนด์วิช    มื้อกลางวันส่วนใหญ่จะไม่ค่อยหิวเพราะเราทานอาหารเช้าทานตุนไว้พอสมควร บ่า ๆ ได้ผลไม้หรือดริ้งกิ้งโยเกิร์ตก็สบายท้องไปถึงตอนเย็น  แต่บางทีเบื่อๆ ก็แวะตามปั๊ม กินไส้กรอก ขาหมู เนื้อย่างราดเกรวี่ เครื่องเคียงเป็นมันบดและพวกผักอบชีส อร่อยและราคาไม่แพง  รวมๆ ค่าอาหารทั้งหมดประมาณ 18,000 **ค่าเช่ารถ ประมาณ 30,000 ระยะทางรวม ประมาณ  4000 Km.  ใช้น้ำมันเประมาณ 290 ลิตร (เฉลี่ยเกือบ 14 กม/ลิตร) ราคาน้ำมันประเทศในยุโรปใกล้เคียงกัน    ประมาณ 1.1-1.2 ยุโร/ลิตร  แปลกดีเหมือนกันในเมืองเดียวกัน แต่ละปั๊มต่างยี่ห้อ ราคาต่างกัน  (ไม่ราคาเดียวกันแบบบ้านเรา) ค่าน้ำมันประมาณ 15,000 บาท  ค่าเช่ารถที่ดูเหมือนแพงเพราะผมต้องแบ่งเช่าเป็นสองช่วง เพราะ Avisไม่ยอมให้เอารถ Benz-BMWหรือ รถ Luxury อื่นๆ  ขับเข้าประเทศสาธารณรัฐเชค หรือถ้าจะเอาเข้าไปก็ต้องเสียค่าชาร์จเยอะมาก ๆ(บริษัทเช่ารถอื่นผมไม่ทราบเงื่อนไขนะครับ)  จึงแบ่งการเช่า  ช่วงแรกเยอรมนี สวิตเซอรืแลนด์ ฝรั่งเศส ออสเตรีย อีกช่วงคือที่เข้าสาธารณรัฐเชค  ผมว่าแต่หากเราเช่า  โดยไม่แจ้งเขาว่าเราจะขับไปไหนบ้างก็คงขับไปได้ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือรถหายแล้วเรื่องการประกันภัยจะลำบาก  ผมเลยไม่อยากเสี่ยง **ค่าทางด่วน ,Vignette,ค่าที่จอดรถ อื่นๆจิปาถะประมาณ 6,000-8,000 บาท **รวม ๆ แล้วทั้งทริป คนละแปดหมื่นหก บวกลบไม่เกินเก้าหมื่น** โรงแรมในคืนแรกที่เข้าพักคือ Post Hotel ห้องพักคืนละ 80 ยุโร ไปมาสะดวก หาง่าย วันแรกที่ไปถึงผมใช้ GPS ก็หาเจอโดยไม่ลำบากแม้จะเป้นเวลาเกือบ สามทุ่มครึ่ง ตอนออกจากสนามบิน ผมโทรไปแจ้งเรื่องเวลาที่จะเข้าเช็คอินว่าดึกหน่อย เขาก็นั่งรถเปิดประตุ จัดการเรื่องห้องให้ ด้วยท่าทีเป็นมิตรและเข้าใจ ทำเลที่ตั้งดีมาก เดินออกหลังโรงแรมก็เจอถนนหลักกลางเมือง ห้องพักสะอาด อาหารเช้าดีพอสมควร พนักงานอัธาศัยดีมาก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:58:37

ความคิดเห็นที่ 18 บรรยากาศในห้องอาหาร จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:02:49

ความคิดเห็นที่ 19 ถนนสายหลักหลังโรงแรม จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:04:35

ความคิดเห็นที่ 20 สีของเมืองนี้ดูสวย สบายตา ใครๆไปคงต้องถ่ายมุมนี้ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:06:45

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาดูความโรแมนติกค่า.. ^^ จากคุณ : หนูกิตหอ 4 ชาย เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:20:19

ความคิดเห็นที่ 22 จากMittenwald เราออกเดินทางไปที่Neuschwanstein ผ่านOberammergau แบบขับรถชมเมือง แล้ว เริ่มต้นRomantic Road จากแถวๆHohenschwangau ไปตามแผนการเดินทาง ตอนแรกผมเช่ารถของ Avis ผ่านเว็ปไซต์และก็โทรติดต่อกับ จนน.Avis ที่สนามบินมิวนิค เพื่อย้ำว่าต้องการรถเครื่องยนต์ดีเซลเกียร์ออโตเมติก เท่าที่ดูตอนจองก็จะเป็นโฟล์คสวาเก้น  Golf หรือ ออดี้ A3 หรือเทียบเท่า ก็โอเคตามนั้น วันที่ไปรับรถพี่แกบอกตอนนี้เหลือแค่รถเกีย (Kia) ผมเซ็งมาก มาก  เขายังมีหน้ามาบอกว่ารถนี้ดีมากสมรรถนะ ไม่ต่างจาก โฟล์คสวาเก้น  Golf หรือออดี้ A3 ถ้าเขาเลือกซื้อเองก็จะเลือกใช้รุ่นนี้แหละ ผมก็คิดในใจ "ตามสบายเถอะมรึง..ข้าเคยใช้ BMW เคยขับ Audi เคยเห็น Kia อ่านนิตยสารรถยนต์เดือนละ4เล่ม ถ้าคิดว่าข้าโง่นัก ก็รีบเอากุญแจมา ..เซ็งวะ) อย่าคิดว่าผมเวอร์หรือบ้าอะไรเลยครับ ผมชอบการขับรถมาก เรื่องรถเป็นสระนะอย่างหนึ่งของชีวิต  ตั้งใจอยากจะมาขับรถดีๆ เที่ยวในประเทศที่มีถนนที่ดีที่สุดในโลก แต่ต้องมาขับรถ Kia สีม่วง โอ้ย คิดย้อนหลังยังเซ็งไม่หาย   .. แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างผม  วันรุ่งขึ้น ถึงเวลาที่ต้องเติมน้ำมัน ปรากฎว่าพอเปิดฝาถังน้ำมัน ผมก็รู้เลยว่าพระเจ้าต้องเป็นคนแถวบ้านผมหรือไม่พระองค์ก็คงชอบขับรถดีๆ แน่ ๆ เพราะมันมีสติกเกอร์ติดบนฝาด้านในของฝาถังน้ำมันว่า ต้องเติมเบนซินเท่านั้น! ผมได้ทีรีบโทรไปโวยกับคนของ Avis รายเดิมที่รับรถเมื่อวาน ผมบอกว่าได้ทำการโทรยืนยันการจองกับทางAvis ตั้งแต่ต้นว่า ต้องเป็นรถดีเซลเกียร์ออโตเมติก  เรื่องยี่ห้อรถผมก็รู้มาก่อนว่าแล้วแต่ดวงดีหรือร้าย พอตอนเหลือแค่รถ Kia ผมก็เลยเซ็งแต่ทำอะไรไม่ได้   ไอ้ตอนรับรถเราก็ตรวจสภาพทั่วไป เกียร์ออโต้ตามเงื่อนไข แต่ก็ไม่ได้เช็คว่าดีเซลหรือเบนซิน มารู้อีกทีก็ตอนเติมน้ำมันถังแรก   ผมเลยถือโอกาสต่อว่าคุณอนาคตเจ้าของรถ Kia ซะประมาณหนึ่ง โทษฐานไม่ดูเงื่อนไขการจองให้ดี สุดท้ายก็ตกลกกันได้ว่าให้วิ่งไปเปลี่ยนเป็นรถดีเซลเกียร์ออโต้ตามที่จองมาที่เมืองใกล้สุดที่มี Avis ผมก็แวะไปเมืองอะไรจำไม่ได้แล้ว ระหว่างDinkelbuhlและโรเธนบวก แต่เขาก็ไม่มีรถแบบที่ต้องการ  คนของ Avis ถามถึงแผนการเดินทางของเรา  ดูว่าจะแวะที่ไหนได้บ้าง พอดีวันรุ่งขึ้นผมจะออกจาก โรเธนบวก ไป โคเบลนซ์  ซึ่งจะผ่านแถวแฟรงเฟิร์ต เลยโทรคุยกับทาง Avis ที่สนามบินแฟรงเฟิร์ต ทางโน้นก็บอกว่าไม่มีปัญหา และตกลงว่าจะเตรียมรถBenz A180 CDI เครื่องดีเซลเกียร์ออโต้ไว้ให้ สะดวกตอนไหนก็แวะไปรับรถได้ ซึ่งก็เรียบร้อยด้วยดี จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:22:59

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีครับ คุณหนูกิตหอ 4 ชาย เราวิ่งตามสาย Romantic Road เลือกเส้นทางสายเล็ก ขับชมวิวไปเรื่อยๆ พอถึงเมืองก็แวะถ่ายรูป จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:25:48

ความคิดเห็นที่ 24 ปราสาทNeuschwanstein ตอนไปเห็นครั้งแรก แฟนผมเขาพูดว่า ห๊ะ ถึงแล้วเหรอ แค่เนี้ยนะ แต่ตอนนั้นเราดูอย่ห่างๆ เลยไม่ตะลึงเท่าที่คิด ตอนวิ่งไปบริเวณทางไปปราสาท เห้นฝูงมหาชนแล้วขอผ่านไปก่อน วันหลังค่อยเจอกันอีก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:30:37

ความคิดเห็นที่ 25 เมืองนี้ชื่อ Landsberg am Lech บรรยากาศสวยแบบสงบๆ นักท่องเที่ยวเยอะเหมือนกัน จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:32:21

ความคิดเห็นที่ 26 ต่อครับ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:32:58

ความคิดเห็นที่ 27 แถวจตุรัสกลางเมือง จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:34:20

ความคิดเห็นที่ 28 เด็กน่าฟัดมาก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:35:05

ความคิดเห็นที่ 29 เลือกของฝาก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:35:30

ความคิดเห็นที่ 30 อาคารลวดลายสวยดี จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:36:30

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพสวยจังเลยค่ะ คิดถึงถนนสายโรแมนติก   เมษาปีหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดผลาดจะกลับไปแน่ๆ ขอบคุณสำหรับรูปนะคะ  ทำกรอบสวยจังเลยเหมือน ส.ค.ส. จากคุณ : Pig_Rangsit เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:45:49

ความคิดเห็นที่ 32 รูปสวย ข้อมูลละเอียดดีจังครับ จากคุณ : nonneena เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:51:29

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีและขอบคุณครับ คุณPig_Rangsit คุณnonneena เราแวะเมืองDinkelbuhl ตอนเย็นมากแล้ว เมืองนี้อาคารบ้านเรือนสีสรรเข้ม ฉูดฉาด จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 13:27:38

ความคิดเห็นที่ 34 เมืองเล็กๆ เก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่ศตวรรตที่ 12-13 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 13:29:55

ความคิดเห็นที่ 35 ออกจากDinkelbuhl จุดหมายที่ Rothenburg ob der Tauber และค้างคืนที่สอง เราพักที่โรงแรมGasthof Goldener Greifen ซึ่งตั้งอยู่ในกำแพงเมือง แถบโบถส์จตุรัสกลางเมือง มีที่จอดรถค่อนข้างสะดวก หาง่ายราคาห้องละ 75 ยูโร อาหารเช้าดีมาก บริการดี แต่ผมว่าห้องพักคล้ายๆ ห้องในหอพักนักศึกษา แต่ก็สบายดี ห้องน้ำแคบมาก ส่วนใหญ่โรงแรมในเขตกำแพงเมืองจะปรับปรุงจากบ้านเก่าที่สร้างกันมานานมากหลายร้อยปี แต่สภาพยังดี คิดว่าคงปรับปรุงซ่อมแซมกันหลายรอบแล้ว จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 13:38:59

ความคิดเห็นที่ 36 จุดขายแห่งหนึ่งของ Rothenburg อยู่ไม่ไกลจากที่เราพัก เดินไม่ถึง 2 นาที จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 13:41:55

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณค่ะ และขอแสดงความยินดีกับการครบรอบของคุณทั้งสองด้วย ยุโรปนี่หลงรักเอาได้ง่ายๆ จริงๆด้วยค่ะ ป้าเคยได้ไปมา 3 ครั้ง ยังรู้สึกไม่เต็มอิ่มเลย อยากจะกลับไปซ้ำอีกครั้ง แต่ก็มาเดี้ยงซะก่อน จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 13:45:43

ความคิดเห็นที่ 38 วันที่เราไปถึงตอนดึกฝนตก ตื่นเช้าฟ้าก็ยังสลัว แต่ผมชอบบบรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้แหละ เพราะรู้สึกเข้ากับ บรรยากาศเมืองเก่าแก่แบบนี้ Rothenburg สร้างมาตั้งแต่ยุดกลาง เป็นเมืองที่เขาว่ากันว่าเหมือนโดนฟรีชไว้ คือแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของอาคารบ้านเรือนเลย ตั้งแต่ยุคกลางเป็นต้นมา กำแพงเมืองก็ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ อาศัยจังหวะปลอดนักท่องเที่ยว เพราะยังเช้าอยู่ เลยตั้งกล้องถ่ายภาพที่มา จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 13:49:43

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีและขอบคุณครับคุณป้า (เตี้ยอ้วนชวนไถล) เราสองคนก็หลงรักยุโรปเหมือนคุณป้าเลยครับ อยากให้คุณป้าหายจากอาการที่ว่า จะได้ไปลำรึกความหลังที่ยุโรป แต่ถึงอย่างไรทุกบบรรยากาศที่เราได้สัมผัสจากการไปเที่ยวครั้งก่อนๆ เวลาเราย้อนนึกถึง ก็สร้างรอยยิ้มและความสุขให้เราได้เสมอ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 13:54:38

ความคิดเห็นที่ 40 หน้าร้านขายภาพที่ระลึก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 13:58:16

ความคิดเห็นที่ 41 ผมชอบที่ฝนเพิ่งหยุดตก ถนนกำลังแห้ง ทำให้พื้นถนนเปียกหน่อย ถ่ายภาพออกมาสีอิ่มไม่ดุแห้งๆ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:01:15

ความคิดเห็นที่ 42 โจรมุมตึก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:01:45

ความคิดเห็นที่ 43 มองลอดซุ้มประตูเข้าเมือง จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:03:43

ความคิดเห็นที่ 44 ซอกตึก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:04:42

ความคิดเห็นที่ 45 ซุ้มหอนาฬิกา จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:05:42

ความคิดเห็นที่ 46 อีกซุ้มครับ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:07:01

ความคิดเห็นที่ 47 น้องหมาน่ารัก ลูกพี่เข้าไปซื้อของ ต้องรออยู่ข้างนอก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:12:18

ความคิดเห็นที่ 48 กำแพงเมืองที่สภาพยังดีมาก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:13:58

ความคิดเห็นที่ 49 เราออกจากRothenburg ตอนเกือบเที่ยง แวะไปสนามบินแฟรงเฟิร์ตเพื่อเปลี่ยนรถ แล้วค่อยมุ่งหน้าไปKoblenz ที่เป็นจุดทีแม่น้ำMoselไหลมาบรรจบแม่นน้ำRhein เราจะไปย้อนแม่น้ำMoselลงมาทางต้นน้ำ ลุ่มแม่น้ำMosel เป็นแหล่งปลูกองุ่นผลิตWineขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในเยอรมนี ปริมาณผลิตเป็นลำดับสาม แต่ชื่อเสียงในระดับนานาชาติมาที่หนึ่ง สองข้างทางเลียบแม่น้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุบเขาเตี้ยๆ ก็จะเป็นไร่องุ่นตลอดสองข้างทางความชันของไร่องุ่นแถบนี้เฉลี่ยประมาณ 65 องศา ตอนเราไปเพิ่งจะออกหน้าหนาว ต้นองุ่นเหลือแค่ตอ ยังไม่มีใบหรือออกผลให้ได้เห็น ยรรยากาศแถบนี้สวยมาก หมู่บ้านไม่ใหญ่ อยู่กลางหุบเขา ริมแม่น้ำ ผมเคยมาตอนที่มาเรียนในปี 2001 ติดใจ ตั้งใจตั้งแต่ตอนนั้นว่าจะมาขับรถเลียบMosel ฝันก็เป็นจริง เราถึงที่พักบนเขาที่เมืองCoChem ชื่อHotel Weissmühle Mosel Romantik บรรยากาศดีมาก โรงแรมค่อนข้างใหญ่ สะอาด สะดวก มีลิฟท์ ที่จอดรถดี อาหารเช้าอร่อย ราคาห้องละ 85 ยูโร จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:36:56

ความคิดเห็นที่ 50 ตอนถึงโรงแรมก็เมืดแล้ว ฝนก็ตก เลยตัดสินใจไม่ออกๆไปหาอาหารค่ำข้างนอก ใช้บริการห้องอาหารของโรงแรม Dinner ฉลองวันเกิดของผมในคืนนั้น ผมไม่ดื่มเดครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สั่งน้ำดื่มธรรมชาติ เห็นขวดแล้วไม่อยากเดาราคา จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:43:14

ความคิดเห็นที่ 51 ภาพสวยสมชชื่อเส้นทางโรแมนติคจริงๆ จากคุณ : yuechan เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:45:38

ความคิดเห็นที่ 52 จานนี้เรียกน้ำย่อย ภาพไม่ชัดแสงน้อยไม่อยากใช้แฟลชรบกวนโต๊ะอื่น(ความจริงคือ หิว มือสั่น) จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:47:11

ความคิดเห็นที่ 53 จานหลักสเต็กเนื้อนุ่ม ความจริงเขามีบ่อปลาเทราท์ ตรงลำธารข้างโรงแรม บริกรเขาภูมิอกภูมิใจแนะนำ แต่ผมว่าอาหารจารปลาของคนยุโรปดูไม่น่าทานเท่าไหร่ เห็นเขาเสริฟโต๊ะข้างๆ  มาเป็นตัวยาวเกือบศอก มีฝักวางเคียงมาหน่อย น่าจะนึ่งหรืออบไม่แน่ใจ เห็นแบบนั้นถ้าไม่มีน้ำจิ้มซีฟูดมาด้วย ผมขอคบเพื่อนดั้งเดิมแบบสเต็กดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:52:39

ความคิดเห็นที่ 54 ตามมาเที่ยวด้วยนะคะ โรแมนติกมากกกกก ภาพสวยค่ะ..... จากคุณ : auau_py เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:57:06

ความคิดเห็นที่ 55 บริกรคนเดิม อัธยาศัยดีมาก เห็นว่าเราไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เลยเอาพันซ์มาเสริฟ บอกไม่ชาร์จ ดีที่ไม่คิดเงินมื้อนั้นฉลองไป 120 ยูโร(รวมทิป)ขอบคุณ.. จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 14:58:16

ความคิดเห็นที่ 56 ฟ้ายังคงฉ่ำฝน เมฆยังอ้อยอิ่ง ไม่ต้องถามหาพระอาทิตย์เลย เราก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 15:00:38

ความคิดเห็นที่ 57 สวัสดีและขอบคุณครับ คุณyuechan และคุณauau_py ภาพสวยต้องยกประโยชน์ให้กล้องสมัยนี้ครับ ตอนไปเที่ยวครั้งทริป 1999 ผมแบกกล้อง Nikon F5 เลนส์ซูม F2.8ของNikon  อีก 3 ตัว เลนส์Fix 105F2 DC อีกหนึ่งตัว รวมแฟลชพร้อมถ่านแบตเตอร์รี่ อีกเป็นสิบ ฟิลม์ สองโหล น้ำหนักรวมเกือบ 10 กิโล ตอนถ่ายก็หวังว่าภาพจะออกมาดีต้องปรับสปีดหรือรูรับแสงให้ดี สมัยนี้ผมเอา Nikon D300 เลนส์ 18-200 ตัวเดี่ยวเที่ยวได้รอบโลก ถ่ายดีไม่ดี Preview ดูได้เลย ณ จุดเกิดเหตุ  คุณภาพของรูปที่ได้ถ้าไม่ซีเรียสว่าจะเอาไปขยายใหญ่ ตัวผมเองรับได้เลยอย่างยินดี นึกถึงตอนโน้นบ้าหอบฟางไหล่ลู่ ถึงโรงแรมแต่ละคืนไหล่ระบม รอลุ้นอีกว่าภาพจะออกมาอย่างไร ต้องกลับไปล้างอัดที่เมืองไทยถึงจะได้เห็น วานใครแบกกระเป๋าก็ไม่ได้เพราะเกรงใจ เป็นห่วงกลัวหายวางตรงไหนก็ไม่ได้  ผ่านไปอีกทริปตอนไปเรียนในปี 2001 ทรมานไม่แพ้กัน หลังจากนั้นไม่นาน ผมขายกล้องยกชุดไปทำห้องน้ำที่บ้าน ได้มาแสนกว่าราคาหายไปกว่าครึ่ง แต่ถ่ายไป 1500 ม้วนก็สุดจะคุ้มแล้ว หลังๆเทคโนโลยีเรื่องกล้องไปไวมาก คุณภาพดีขึ้น ราคาไม่สูงขึ้นมากนักเทียบจากเดิม ผมว่าตอนนี้ถ่ายภาพได้ดี สะดวกขึ้น ถ่ายแล้วเห็นรูปเลย วิเศษจริงๆ เมืองนี้ชื่อ Traben trarbach ครับ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 15:23:38

ความคิดเห็นที่ 58 เมืองTraben trarbach เก่าแก่รุ่งเรืองมานาน มีมาตั้งแต่ปี คศ.830 ภาพนี้ถ่ายจากสะพานข้าม Mosel จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 15:31:21

ความคิดเห็นที่ 59 แลนด์มาร์คของTraben trarbach ซุ้มประตุ สะพานข้าม Mosel (บางทีเขียน  Moselle ตามภาษาฝรั่งเศส) จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 15:35:00

ความคิดเห็นที่ 60 สวยจริงๆคะ เยอรมัน สวย สะอาด มีระเบียบ ดูเงียบสงบดีจัง จากคุณ : แม่ลูกตาว (jackgeo) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 15:56:11

ความคิดเห็นที่ 61 ภาพสวยตั้งแต่ 10 ปีก่อน จนวันนี้เลยค่า ยินดีครบรอบ 10 ปีด้วยนะคะ ขอบคุณที่นำมาฝากค่า ว่าแต่ทำไมต้องเซนเซอร์หน้าน้องหมาด้วยอ่าาาา... ... จากคุณ : Spirited A's way เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:03:00

ความคิดเห็นที่ 62 เดิมทีตั้งใจจะขับลงมาจนถึงเมือง Trier เมืองโรมันโบรณตั้งแต่ยุคคริสตกาล แต่เราโอ้เอ้ไปหน่อยเลยติดเอาไว้ก่อน จะมาเยี่ยมเยือนวันหลัง เราเลยวิ่งออกจาก Mosel Region วิ่งขึ้นออโตบาห์น วิ่งยาวรวดเดียว 300 กม. จุดหมายFreiburg im Breisgau ในเขตป่าดำ(Schwarzwald) ขับรถช่วงนี้ได้บรรยากาศเก่าๆ ตอนปี 1999 สภาพออโต้บาห์น เส้น E35 ช่วงจาก Karlsruhe ถึง Freiburg ดีมาก รถวิ่งกันเร็ว ผมก็ขับไม่เร็วมากเมืองเทียบกับรถอื่น(150-160) เราเลยตัวเมืองFreiburg ออกไปสัก 6 กม. เพื่อเข้าโรงแรมที่Pfaffenweiler  ชื่อโรงแรมHotel Restaurant Engel เป็นโรงแรมเล็ก สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของและดูเลบริการเอง ห้องอาหารท่าทางมีชื่อเสียง ตอนไปถึงช่วงหกโมงกว่า คนในห้องอาหารเกือบเต็มร้าน แต่เราไม่ได้ใช้บริการเพราะเตรียมมื้อเย็นไว้แล้ว ห้องพักราคา 70 ยูโร ห้องสะอาด ที่จอดรถสะดวกมาก อาหารเช้าไม่เยอะแต่คุณภาพดี บริการดี เจ้าของโรงแรมนิสัยน่ารักทั้งคู่ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:23:28

ความคิดเห็นที่ 63 สวัสดีครับคุณแม่ลูกตาว(jackgeo)เยอรมนีเป็นอย่างที่คุณพูดถึงจริงๆครับ ไปกี่ครั้งไม่เคยเบื่อ ขอบคุณคุณSpirited A's way ครับเรื่องรูป ที่เซ็นเซอรืน้องหมา เพราะตอนแรกที่เตรียมภาพก่อนโพส ผมตั้งใจจะแหย่แฟนผมนะครับ เขาไม่ค่อยชอบให้เอารูปมาโพสสักเท่าไหร ภาพนั้นผมเลยจะเซ็นเซอร์แต่หน้าน้องหมา และปล่อยภาพหน้าแฟนไว้แบบเดิม แต่สุดท้ายกลัวเขาโกรธ เลยใส่Mosaic เข้าไปหน่อย แต่ดันลืมแก้ภาพคุณดัลเมเชี่ยนซะ ก็เลยออกมาอย่างที่เห็นครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่นครับ ผมชอบชาวยุโรปที่เขาชอบจูงหมาออกมาเที่ยวนอกบ้าน แต่ละตัวดูมีความสุข สุขภาพดี แล้วก็ไม่เห็นว่าเขาจะทำสกปรกเรี่ยราดอะไร (ยกเว้นที่หนึ่งครับ Venice อี้หมาเยอะมาก สิบปีที่แล้วเป็นแบบนั้น กะว่าปีหน้าหากมีวาสนา จะกลับไปดุว่าดีขึ้นหรือยัง) ผมก็เลียงลูกสี่ขาตัวหนึ่งครับ ชื่อคุณ ฌอน(Sean Timothy Dylan) อายุ 8 ขวบแล้ว เริ่มแก่แล้ว CPU เริ่มช้า หรือRam เต็มก็สงสัยอยู่ เวลาคุยด้วยจะทำหน้างงๆ หรือตอนเรียกก็ขอคิดก่อนสักนาที ถอนหายใจแล้วค่อยเดินมาหา ไม่มีอะไรหรอกครับแค่จะบอกว่ารักDog Dogเหมือนลูก ไม่มีเหตุผลที่เซ็นเซอร์น้องหมาตัวนั้นจริงๆ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 22:32:08 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:10:01

ความคิดเห็นที่ 64 ไปเที่ยวดินแดนโรแมนติกด้วยคนนะคะ จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 17:45:49

ความคิดเห็นที่ 65 เชิญครับคุณsnas89Pink เราจะย้อนไปที่ Freiburg im Breisgau เมืองนี้เป็นศูนย์กลางความเจริญของแถบนี้มาตั้งแต่ยุคกลาง เป็นเมืองแห่งการศึกษา มีมหาวิทยาลัยเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี ซึ่งถือว่าเเก่าเป็นลำดับที่ 5 ของเยอรมนี  มีโบถส์กอธิคโบราณสวยงามมากที่ใจกลางเมือง ผมเห็นนักท่องเที่ยวเยอะมาก และดูเป็นชาวตะวันตกเสียส่วนใหญ่ มีแหล่งชอปปิ้ง และถนนน่าเดินเที่ยวอยู่มากทีเดียว จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:02:21

ความคิดเห็นที่ 66 ยอดโบสถ์ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 22:33:30 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:03:10

ความคิดเห็นที่ 67 บางส่วนของโบถส์กำลังซ่อมแซม เป้นแบบหนี้หลายที่สำคัญในยุโรป อาคารนี้อยู่จตุรัสข้างโบถส์ สวยและแปลกดี จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:04:46

ความคิดเห็นที่ 68 ถนนสายหนึ่งใจกลางเมือง  หน้าร้อนดดกไม้ที่เลื้อยระหว่างตึกคงจะสวยกว่านี้ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:06:11

ความคิดเห็นที่ 69 ถนนเส้นเดิม จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:06:49

ความคิดเห็นที่ 70 หอนาฬิกาแห่งหนึ่ง มีร้านแมคโดนัลและซับเวย์อยู่ใกล้ ๆ ทำตัวกลมกลืนดี จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:09:22

ความคิดเห็นที่ 71 จาก Freiburg ด้วยใจอาลัย จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 18:10:16

ความคิดเห็นที่ 72 ออกจาก Freiburg เราสองคนมุ่งหน้า Chamonix Mont Blanc สกีรีสอร์ทชื่อดังของฝรั่งเศส สถานที่เมื่อครั้งปี 1999 ผมมาปั้นสโนว์แมน ทำหิมะราดน้ำแดง คงจำกันได้ เราขับรถทะลุผ่านประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเข้าที่เมือง Basel ผ่าน Bern Montreux และ Martigny ครั้งปี 1999 เราเคยพยายามขึ้น Chamonix ทางนี้มาแล้ว แต่ต้องถอยกลับ เพราะมืดและถนนลื่นตามที่เล่าไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังมีแดดอยู่เลย  พอพ้นเมืองMartigny ทางก็ขึ้นเขาทันที ขับไปไม่ถึง 5 นาที ก็เงียบทั้งคันรถ ข้างทางชันมากเป็นไร่องุ่น โล่งมองลงไปแล้วเสียวมาก ถนนแคบ บางทีหักศอกไต่เขาอย่างเดียว นึกในใจว่าตอนปี 1999 นับว่าโชคดีที่ถอยกลับ มาเห็นตอนสว่างอยู่หนาวถึงขั้วหัวใจ ผมก็ขับอย่างระวังเต็มที่ บางทีบรรดาเจ้าถิ่นขับรถพุ่งสวนลงมา บางจังหวะลับตาก็ต้องคอยระวัง นึกถึงวันพรุ่งนี้ก็ต้องกลับทางเดิมหรือนี่ ตอนนั้นก็เริ่มจะหาทางเลี่ยงไว้ในหัวแล้ว ในตอนวางแผนก่อนเดินทาง ผมพยายามจองโรงแรมเดิมที่เคยพัก ปรากฎว่าเต็ม และเหลือตัวเลือกไม่มากนัก เลยได้มาพักที่ Hotel Logis Excelsior อยู่ห่างจาก Chamonix สัก 4 km. เป็นโรงแรมเดียวในทริปนี้ที่ชาร์จเงินทันที่ที่จอง 30 % ยกเลิกก็ไม่คืนเงิน ตอนจองยังไม่ขอวีซ่าเลย แต่ก็ต้องทำใจ ห้องพักสบายดีผ้าห่มหนา แต่บรรยากาศเหมือนนอนในห้องเซาน่าเพราะทั้งห้องบุด้วยไม้สน ห้องน้ำไม่ใหญ่แต่ก็สะอาดเรียบร้อย เราเลือกที่จะไม่ทานอาหารเช้าของโรงแรมเพราะค่าห้องก็ 85 ยูโรไม่รวมอาหารเช้า ถ้าจะทานก็บวกอีกไม่น้อยกว่า 10 ยูโร แต่ Doorman น่ารัก นิสัยดีมาก แต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย  นอนคาบลูกบอลอย่างเดียว เขาชื่อ Omaley ครับ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 22:36:59 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 20:16:28

ความคิดเห็นที่ 73 ตามไปย้อนรำลึกความหลังที่ยุโรปด้วยคนครับ ภาพสวยมากๆ ขอให้มีความสุขมากๆกับวันฉลองครบรอบทุกปีๆนะครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 20:47:16

ความคิดเห็นที่ 74 ชอบที่จุดเทียนในคห 50 ค่ะ เป็นรีวิวที่ย้อนอดีตได้อบอุ่นและบรรยากาศโรแมนติกมาก จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 21:00:33

ความคิดเห็นที่ 75 สวัสดีและขอบคุณครับ คุณtataweb หวังว่าอย่าย้อนความหลังแค่ตามกระทุ้นะครับ จะให้ดีไปรำลึกยุโรปเลย จะดีกว่นะครับ ผมจะได้รออ่านรีวิวบ้าง.. จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 21:04:06

ความคิดเห็นที่ 76 ยินดีต้อนรับคุณสาวหน้าใส เข้าร่วมย้อนอดีตต่อนะครับ เราเข้าไปหาอะไรทานกันเอง ก้จบลงที่แซนด์วิชกับน้ำอัดลม ก่อนเข้าเมืองแวะถ่ายรูปตรงโบถส์นอกเมืองก่อน ผมเป็นคนแพ้แสง เห็นไม่ได้ต้องเก็บภาพตลอด จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:03:48

ความคิดเห็นที่ 77 ถ่ายไปหลายภาพเลยครับ แดดอุ่นๆ อากาศหนาวกำลังดี จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:05:26

ความคิดเห็นที่ 78 ขาตั้งกล้องมีประโยชน์มาก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:06:21

ความคิดเห็นที่ 79 แฟนผมเขาไม่ค่อยชอบแสงแยงตาตอนเช้าๆและช่วงเย็น แต่ผมอดไม่ได้เลยครับ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:07:37

ความคิดเห็นที่ 80 อุณหภูมิของแสงที่ต่างกันทำให้บรรยากาศของภาพเปลี่ยนไป ผมเลยเก็บไว้หลายภาพ กลัวแสงหมด จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:10:31

ความคิดเห็นที่ 81 คราวที่แล้วเรามทถึง Chamonix แต่ก็อดขึ้นยอด Mont Blanc เนื่องจากฟ้าปิด สถานีกระเช้าก็งดให้บริการ มาเที่ยวนี้ปี 2009 มีเมฆคลุมยอด Mont Blanc ผมกลัวว่าขึ้นไปแล้วฟ้าจะปิดเลยตัดสินใจไม่ขึ้นไปข้างบน แต่ก็ชดเชยด้วยการขึ้นกระเช้าไปที่ยอด Brevent ที่อยู่ตรงข้าม ความสูงไม่เท่า แต่คนก็นิยมขึ้นไปเล่นสกีเยอะพอสมควร ต้องสารภาพว่าผมเป็นคนไม่ชอบการขึ้นกระเช้าเลย  การขึ้นไปที่Breventต้องใช้กระเช้าสองช่วง ช่วงแรกกระเช้าขนาดเล็ก บรรทุกคน3-4คน แขวนไต่ระดับความชันของภูเขาเหนือยอดไม้สูงสัก50เมตร แต่ช่วงที่สอง ผมส่ายหน้าดิกเลย เล่นขึงระหว่างยอดเขานี้ ไปถึงอีกยอดมองเห็นลิบๆ สายเคเบิลก็ยานต่องแต่งไม่ตึงแน่น(กลัวแล้วคิดไปเรื่อย) เห็นเวลาลมพัดกระเช้าขนาดรถมินิบัสโยกไปตามแรงลม ต้องทำใจอยู่นาน คุณแฟนก็กล่อมบอกว่าไม่มีอะไรหรอก เลยยอมขึ้นไปต่อ เลยได้ภาพแบบที่เห็นนี้แหละครับ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:14:52

ความคิดเห็นที่ 82 หนาวมากแต่เจอหิมะแล้วชอบไม่อยากกลับลงไปเลย จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:16:11

ความคิดเห็นที่ 83 ชอบหิมะขนาดนี้เลยแหละ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:16:50

ความคิดเห็นที่ 84 ดูจากหิมะแล้วรู้ว่าตกมาระยะหนึ่งแล้วเพราะไม่หนานุ่มฟูเหมือนที่อื่น แต่ก็มีคนขึ้นมาเล่นสกีเยอะพอสมควร แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 22:20:44 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:20:06

ความคิดเห็นที่ 85 วิวหุบเขาด้านล่าง จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:21:57

ความคิดเห็นที่ 86 ลงจากยอดเขา เดินเที่ยวเล่นในตัวเมือง สงสัยจะเป็นโรงหนัง (ถ่ายจากมุมด้านหลังตึก) จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:23:41

ความคิดเห็นที่ 87 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ   กระทู้ยั่วกิเลส   สถานที่สวยๆ สุดยอดทั้งนั้นเลย.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:24:23

ความคิดเห็นที่ 88 โบสถ์ใกล้ๆจุดขึ้นกระเช้า แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 22:41:24 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:24:25

ความคิดเห็นที่ 89 cherry blossom ออกดอกสวยมาก จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:26:09

ความคิดเห็นที่ 90 เข้าเมืองเดินไปเจอสถานที่ประวัติศาสตร์ส่วนตัว เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 22:28:22 จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:27:42

ความคิดเห็นที่ 91 เชิญครับคุณ ป้าฟู  ผมว่าเดี๋ยวออกจาก Chamonix แล้วจะขึ้นกระทู้ใหม่ ยังตามได้อีกนานครับมีอีกหลายเมือง และมีอีกทริป ปี2010ครับ ขออภัยด้วยครับ ผมตกภาษาไทย ต้องแก้ไขคำผิด แทบจะทุกความเห็น เราออกเดินทางไปเมืองต่อไปซึ่งก็คือ Lauterbrunnen แต่อดใจไม่ไหวเจอวิวข้างทางนี้เสียก่อน จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:47:10

ความคิดเห็นที่ 92 ตอนขับรถผ่านขาขึ้นมา ผมเล็งจุดแวะถ่ายรูปไว้ ฟ้าเป็นใจสวยอย่างที่เห็น นี่คือข้อดีอีกอย่างของการขับรถเที่ยวเองครับ จากคุณ : Naddh เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 22:49:14