Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เตือนภัย สาวๆ ที่ไปเที่ยวเองค่ะ ติดต่อทีมงาน

เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นได้เมื่อวันก่อน (29 พ.ย.53) ค่ะ พอกลับมาถึงเมืองไทยก็อยากจะเล่า เพื่อเตือนให้ระวังกันเอาไว้

เรากับเพื่อนผู้หญิงอีกคน เดินทางไปเที่ยวมาเลเซียกัน 2 สาว นั่งรถบัสมาจากหาดใหญ่ มาจอดให้ลงตรงใกล้ๆ china town ซึ่งเราตั้งใจว่าจะต่อรถไป Cameron Highland กันเลย ก็เลยเดินหาสถานี เพราะทราบมาว่าต้องขึ้นรถบัสที่ Puduraya (แต่ตอนนี้ Puduraya ปิดซ่อม สถานีขนส่งจึงย้ายไปใช้ที่ Bukit Jaril ซึ่งทำให้ต้องนั่งรถเมล์ไปค่ะ ตอนขาไปนั่งรถเมล์ไปประมาณ 20 นาที) ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร

เรื่องมันเกิดตอนขากลับนี่แหล่ะค่ะ ตอนนั่งรถบัสกลับมาจาก Cameron Highland ลงที่ Bukit Jaril เหมือนเดิม พอรถจอดก็จะมีคน เข้ามาถามว่าจะไปแท๊กซี่ไหม??? เรียกว่ามารุมกัน พอดีว่าวันนั้นเพื่อนอีกคนที่ไปด้วยกันไม่สบายมาก บวกกับกระเป๋าใหญ่มาก (เพราะเพื่อนจะเดินทางไปอยู่ทีอื่นอีก 1 ปี แต่จะมาขึ้นเครื่องที่กัวลา เลยถือโอกาสเที่ยว) ก็เลยตัดสินใจไปแท๊กซี่กัน เพื่อนเราหันไปถามหนึ่งในผู้ชายคนที่มารุม (แต่ตอนนี้เหลือคนเดียวแล้ว) ว่าค่ารถเท่าไหร่ เค้าบอกว่าประมาณ 30 RM - ประมาณ 300 บาท ซึ่งก็ดูพอรับไหว เลยตัดสินใจไปด้วย

ผู้ชายคนที่มาถามๆ ก็เลยช่วยยกกระเป๋าไปที่รถแท๊กซี่ที่จอดอยู่ เค้าก็คุยกับคนขับ เราก็เอาแผนที่โรงแรมให้ คนขับบอกว่ารู้จัก ก็ดูไม่มีอะไร คนที่พามาพอช่วยยกของเสร็จ เขาก็แยกจากไป ก็ดูสุภาพดี

พอขับออกมาคนขับก็กดมิเตอร์ เราเห็นตัวเลขขึ้นอยู่แป๊บเดียวมากๆ แล้วก็หายไป เราก็เอะใจนิดนึง ก็เลยแกล้งถามว่า ลืมกดมิเตอร์เหรอ? คนขับบอกว่ากดแล้ว แต่แดดมันส่อง ก็เลยมองไม่เห็นตัวเลข เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ขับไปสักแป๊บเดียว พอพ้นที่ยูเทิร์นมาหน่อย คนขับก็จอดให้ผู้ชายคนแรกที่ช่วยเรายกกระเป๋า ขึ้นมาบนรถ (อยู่ๆ ก็มารออยู่ซะงั้น) เรากับเพื่อนงงมาก ได้แต่มองหน้ากัน เค้าหันกลับมาบอกว่า "ไปโรงแรมไม่ถูกเลยต้องให้คนนี้มาบอกทาง" ตอนนั้นเราก็รู้สึกแปลกมากแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง พยายามใจเย็นไว้ก่อน เพราะทั้งคู่ก็ยังดูปกติดี แล้วเขาก็ขึ้นมาเร็วมาก รถออกตัวเลยเราทำอะไรไม่ได้

สักพักรถเริ่มขับออกไปนอกเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เราเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงเส้นไหน หรือ ไปทางไหน เพราะป้ายข้างทางก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่รู้ได้ว่าออกนอกเมืองแน่ๆ ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าแปลกมากๆๆๆ แล้ว แต่สองคนนั้นก็ดูปกติ ทำเป็นชวนคุยว่ามาจากไหน มาทำอะไร เราเลยแกล้งบอกว่า มีเพื่อนอยู่ที่มาเลย์นี่ มาหาเพื่อน แต่เพื่อนทำงาน เลยมารับไม่ได้ (ตอนนั้นก็คิดได้แค่นี้อ่ะนะ)

สักพักทางก็เริ่มไกลมากๆ จนเราเริ่มสงสัย เรากับเพื่อนก็เริ่มถามว่าไปทางนี้เหรอ เค้าก็พยายามคุย ถามเรื่องรถบัสที่เรามา พยายามบอกว่ารถบัสที่เรามาน่ะ โกงเรา ให้เรารู้สึกเหมือนไว้ใจเขา ...

สักพักเราก็บอกเค้าแบบเนียนๆ ว่าขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ แวะให้ที่ เพราะตั้งใจจะออกจากรถ และถามทาง เพราะคิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แล้ว เค้าก็รับปากบอกจะแวะให้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่แวะ (ตอนนั้นในใจกลัวมาก เพราะขึ้นทางด่วนไปแล้ว 3 รอบ แต่ข้างทางมีป้ายชี้ว่าไปกัวลา แต่ก็สงสัย เพราะขามาไม่ได้มาทางนี้ นั่งรถก็แค่ 20 นาที ทำไมตอนนี้มันเกือบ 45 นาทีแล้วยังไม่ถึง...ตอนนั้นไอ้คำที่เคยได้ยินว่าจะถูกเอาไปขายมาเลย์ มันขึ้นมาในหัวตลอดเลย )

คุยกับเพื่อนว่าเอาไงดี ก็เลยนึกได้ว่าโทรศัพท์ที่ใช้ มีระบบ Fake Call Activate เลยแอบกด สักพักก็เลยมีสายดัง เราก็แกล้งรับ ผู้ชายคนที่นั่งมาด้วยก็หันมามอง เพราะได้ยินว่ามีเสียงคนคุยกับเราผ่านโทรศัพท์ (จริงๆ เป็นไฟล์เสียงที่อัดไว้เล่นๆ)

รถขับต่อมาผ่านเมือง Putrajaya ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ระหว่าง กัวลา กับ แอร์พอร์ท เราก็งงว่ามาที่นี่ได้ไง เพื่อนเลยแกล้งบอกว่า จริงๆ กะจะมาเที่ยวเมืองนี้อยู่แล้ว ยังไงจอดให้ที่นี่เลยละกัน คนขับก็ทำอารมณ์เสีย บอกว่าไม่มีอะไรเที่ยวหรอก แล้วก็ดูจะัไม่ยอมจอดให้

ตอนนั้นเครียดมาก ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แ่ต่ค้นในกระเป๋า มีพวกปากกาปลายแหลมกับกระเป๋า ก็ได้แต่คุยกัน (เท่าที่คิดได้แค่นั้น) ว่าถ้ามีอะไรก็จัดการเอาสายกระเป๋ารัดคอ คนละคนละกัน เอาปากกาทิ่มตาซะเลย (อาจเป็นความคิดโง่ๆ แต่ตอนนั้นคิดได้แค่นั้นจริงๆ ค่ะ)

ในที่สุดผ่านไป 1 ชั่วโมง รถก็มาถึงไชนา ทาวน์ คนขับบอกว่าเกสเฮ้าส์ที่เราจะำัพักน่ะ รถเข้าไม่ได้ ต้องจอดตรงนี้แล้วเดินไป (จริงๆ มันรถเข้าได้นะ แต่มันคงกลัวว่าพอถึงเกสเฮ้าส์เราจะมีพวก เลยแกล้งบอกแบบนี้) แล้วก็บอกว่า ค่ารถ 628 RM.! ตอนแรกก็คิดว่า 62.8 RM ซึ่งแพงกว่าที่ตกลงกันไว้เท่านึง เพื่อนเราก็เลยว่าไหงว่า 30 RM. ไง ผู้ชายนกต่อก็บอกว่า 30 ต่อคนต่างหาก...
ตอนนั้นเรากับเพื่อนก็หงุดหงิดนะ แต่ก็คิดว่าช่างเหอะ ก็จ่ายไป แต่คนขับบอกไม่ใช่ 62.8 แ่ต่เป็น 628 RM!! จะบ้าเหรอ นั่นมันเงิน 6280 บาทเลยนะ!!!

เรากับเพื่อนตกใจมาก บอกว่าไม่มีทางจะแพงขนาดนี้ ไอ้คนขับก็บอกว่า ยังไงก็ต้องจ่าย ก็ขึ้นแท๊กซี่แล้วไม่จ่ายได้ไง ตอนนี้ราคามิเตอร์ถูกส่งไปที่ศูนย์แท๊กซี่ของมันแล้ว ลดราคาไม่ไ้ด้ ยังไงก็ต้องจ่าย

ตอนแรกจะไม่ยอมจ่าย ทะเลาะกันสักพัก เพื่อนเราบอกว่า ไปโรงพักเลยก็ได้
มันก็ทำเป็นไม่สนใจ บอกว่างั้นจะขับพาเรากับเพื่อนไปหาเจ้านายมัน
ต้องขับไปอีก 1 ชั่วโมง แล้วก็ขู่ว่าเจ้านายมันดุมาก โหดด้วย เตะคนด้วย
แล้วก็บอกเราว่าให้ไปพูดกับเจ้านายมันเอง แล้วมันก็โทรหาเจ้านายมัน แล้วยื่นให้เราคุย เราก็คุย ผู้ชายในโทรศัพท์ก็โมโหใส่เรา ว่าทำไมขึ้นรถแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน บลาๆๆ )

แล้วมันก็ออกรถจะขับพาเราไปหานายมัน แล้วก็บอกว่า นายมันจะยึดพาสปอร์ทเรา แ้ล้วเราก็ต้องเอาเงินมาไถ่ ยังไงก็จะขับไปให้ได้ ยืนยันว่าให้เราไปพูดกับเจ้านายมัน เพราะเจ้านายมันพูดจีนได้ (ทั้งๆ ที่เราบอกไป 3 รอบแล้วว่าเราไม่พูดจีน) ง่ายๆ คือ มันจะหาเรื่องพาเราไปให้ได้ ถ้าเราไม่จ่ายเงิน

เพื่อนเราเลยรีบบอกว่า จ่ายก็ได้ เพราะยังไงก็ไม่ยอมให้มันขับพาเรากับเพื่อนไปไหนแน่นอน เพราะไม่รู้่ว่าพอไปถึงจะเจออะไรบ้าง ก็เลยต้องยอมจ่ายเงิน แต่เรามีเงิน RM ไม่พอ เงินดอลล่าก็มีไม่พอ มีแต่เงินดอลล่าของออสเตรเลีย จะจ่ายแทน ตอนแรกไอ้คนขับจะไม่รับ ยังไงๆ ก็ยืนยันจะพาเราไป แต่อีกคนที่เป็นนกต่อก็ช่วยพูดให้ สุดท้ายก็เลยยอมรับเงินออสเตรเลีย เพื่อนเราจ่ายไป 200 เหรียญ มันยังมีหน้ามาทวงเศษอีก 28 RM เรียกว่าหน้าด้านสุดๆ

สุดท้ายมันก็วนมาส่งเราที่ china town แล้วเราก็เพิ่งมารู้ว่าประตูหลังทั้งสองข้างเนี่ย เปิดออกจากข้างในไม่ได้! ทั้งสองข้าง! ทำให้พอลงมาแล้วเรากลัวมากเ้ลย

ลงมาก็เลยรีบจำทะเบียนไว้ แต่พอดี ทั้งตกใจ ทั้งยุ่ง สุดท้ายเราเลยลืม จริง ๆก็แอบถ่ายป้าย no. ที่อยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับไว้ กะจะแจ้งความ แต่เจ้าของเกสเฮ้าส์บอกว่าใช้แจ้งไม่ได้

เลยได้แต่เจ็บใจ ก็คิดซะว่า เสียเงิน ดีกว่าถูกพาไปไหนต่อไหน

ยังไงก็ระวัง Taxi แถวๆ Bukit jaril นะคะ คนขับดูเป็นแขกๆ (ซึ่งเจ้าของเกสเฮ้าส์บอกว่าอาจเป็นคนอินเดีย เพราะมีคนโดนแบบนี้หลายคน)

เรื่องนี้เลยเป็นบทเรียนกับเรามาก เพราะเราชอบเที่ยว แล้วก็ชอบคิดว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่เป็นไรหรอก เรื่องอันตรายไม่เกิดกับเราหรอก ที่ไหนได้...จากนี้เราต้องระวังตัว แล้วก็รอบคอบให้มากขึ้นกว่านี้มากๆๆๆๆ

อีกอย่าง ผู้หญิง 2 คน ไปในที่ที่ไม่คุ้นเคย ขึ้นแท๊กซี่ให้ระวังมากๆ นะคะ
เพราะต่อให้เราสู้ แต่เราก็รู้่ว่าสู้แรงผู้ชายไม่ได้แน่นอน

ดีแค่มันเอาเงินไป ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นยังไง

จากคุณ : กระจ๊อกสัญจร
เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 53 17:57:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com