ความคิดเห็นที่ 1 __________________________________________________________________________________ ในคืนวันที่เกิดเรื่อง เราก็นอนไม่หลับหน่ะสิครับ สิ่งหนึ่งที่เรานึกถึงได้ว่าน่าจะเป็นที่พึ่งของเรา นั่นก็คือ สถานทูตไทย หรือสถานกงศุล ที่ประจำอยู่เมืองนั้น เราก็ค้นเบอร์เรียบร้อย พร้อมโทรในตอนเช้า ในรุ่งเช้า เราก็โทรครับ .... ปรากฎว่า เบอร์โทรศัพท์ที่มีในเมืองนั้น กลายเป็นเบอร์ fax ที่ไม่มีใครรับสาย ส่วนอีกเบอร์หนึ่ง เป็นเบอร์กลางที่ต้องต่อหลายสาย พอเจอ operator ชาวท้องถิ่นก็พูดไม่รู้เรื่องอีก จนแล้วจนรอด ก็เลยต้องค้นเบอร์โทรศัพท์ หาเบอร์ฝ่ายที่ดูแลคนไทยที่เดือดร้อนในต่างแดน ของกระทรวงต่างประเทศ เราก็เลยต้องโทรกลับไทย จนได้เบอร์คุยกับเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ที่อยู่ในประเทศนี้ ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ในเบื้องต้นก็สอบถามว่า 1. พาสปอร์ตหายหรือไม่ ? -->> ทางเจ้าหน้าที่ย้ำมาว่า พาสปอร์ตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างไรระวังอย่าให้หาย ในเมื่อไม่หายก็คือว่าเป็นความโชคดีของเราแล้วครับ (เราพกติดตัวตลอดเพราะกลัวหายเช่นกัน) 2. มีทรัพย์สินอื่นหายไปอีกบ้าง ? --> ทางเจ้าหน้าที่แนะนำว่า ของหายส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่สามารถตามคืนได้ เราแจ้งว่า ของที่หาย หายในห้องพักของโรงแรม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานงาน ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเมืองเดียวกับผมโทรศัพท์ติดต่อหาผม 3. ทางเจ้าหน้าที่ ได้กล่าวต่อไปอีกว่า สิ่งที่เราทำ นั่นก็คือ การแจ้งกับโรงแรม และ การแจ้งความกับตำรวจ ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และเราก็ได้ดำเนินการ แล้วก็รอให้เป็นไปตามกระบวนการนั้น พักหนึ่ง ทาง Front Office Manager ของโรงแรม ก็ได้เชิญผมกับคุณเธอไปคุย และก็แจ้งในเบื้องต้นว่า ปกติทางโรงแรมไม่ได้รับผิดชอบต่อทรัพย์สินที่สูญหายในห้องพัก และทางโรงแรมได้สอบสวนพนักงานทำความสะอาดแล้ว ก็บอกว่าไม่ได้เอาไป และห้องผมก็ได้ถูกตรวจค้นอีกเป็นรอบที่ 3 ในตอนเช้าโดยคุณ Front Office Manager มาดูเอง ซึ่งเราก็ยืนยันว่า อย่างไรแล้วก็คงต้องให้ดำเนินคดีความกับตำรวจ เพราะถือว่าของเราหาย ทางโรงแรมก็เลยส่ง HR Manager ไปสถานีตำรวจด้วยกันกับเรา พร้อมกับเจ้าพนักงานทำความสะอาด 2 คนให้ตำรวจสอบปากคำด้วย เราเองก็ประสบปัญหาเรื่องการสื่อสารอีก เหมือนคุณตำรวจก็ฟังเราไม่เข้าใจเต็มร้อย ส่วนใหญ่จะคุยเป็นภาษาถิ่นกับ HR Manager กันมากกว่า แต่เราก็พยายามสื่อสาร และเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด สุดท้ายเอกสารการสอบปากคำ 4 ฉบับก็ออกมาให้เราเซ็นต์อีกรอบหนึ่ง ภาษาท้องถิ่นล้วนๆ เลย คุณ HR Manager ก็แปลให้ฟัง ขาดตกบกพร่องตรงไหนก็ต้องให้ตำรวจเติม และมีเอกสารอีกชุดหนึ่ง ที่ให้เราเซ็นต์ เพื่อยืนยันว่า ข้อมูลที่เราให้ตำรวจถูกต้อง และเรายินดีที่จะมาขึ้นศาล หากเรื่องนี้ต้องขึ้นไปถึงชั้นศาล (พระเจ้าจอร์จ เราต้องกลับมาขึ้นศาลประเทศเค้าอีกเหรอนี่) จนแล้วจนรอด เราก็ต้องเซ็นต์เอกสารนี้ไป ช่วงนี้ทางเจ้าหน้าที่สถานกงศุลไทย ก็ได้ติดต่อเข้ามาครับ แต่พี่แกรีบออกตัวก่อนเลยว่า ทางสถานกงศุลไทย ทำได้เพียงแค่การประสานงานระหว่างโรงแรม, ตำรวจ เท่านั้นเอง (ในตอนแรกนึกว่าพี่แกจะมาช่วยเป็นล่าม หรือช่วยดูเอกสารก่อนที่เราจะเซ็นต์ซักหน่อย แต่คิดว่า เราอาจจะหวังมากไปจริงๆ) ทางตำรวจก็สอบปากคำเจ้าพนักงานทำความสะอาด ซึ่งก็แน่นอนว่า เค้าก็ต้องบอกว่าเค้าไม่รู้ไม่เห็น พอกลับมาทางโรงแรม ตัว Front Office Manager ก็บอกว่า เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องที่ทางตำรวจเป็นผู้ตัดสิน หากตำรวจตัดสินว่าอย่างไร เราก็จะดำเนินการไปตามนั้น (อ่าว....) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 22:56:13

ความคิดเห็นที่ 2 ในวันนั้นเราก็ตัดสินใจเช็คเอ้าท์ ย้ายโรงแรมโลดครับ ไม่ไหวแล้ว เพราะรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่กับการรักษาความปลอดภัย แถมยังไม่ทราบด้วยว่า ทางโรงแรมจะมีความรับผิดชอบอย่างไรต่อเรื่องนี้ อย่างในประเทศไทย ทางโรงแรมจะต้องรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของลูกค้าที่หายในห้องพัก (แบบไม่ได้แจ้งไว้กับทางโรงแรม) สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท แต่ในประเทศนี้ ไม่ได้มีการระบุไว้ ส่วนในคู่มือของโรงแรม แจ้งไว้ตัวเล็กๆ เพียงว่า Safety box อยู่บริเวณ Front Counter ซึ่งลูกค้าจะต้องนำของมีค่ามาฝากไว้เอง และไม่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินที่สูญหายในห้องพัก ก่อนออกจากโรงแรม เราได้ยืนคำขาดว่า หากไม่มีการตอบสนองจากทางโรงแรมภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ เราคงจะต้องใช้วิธีทางอื่น อาทิเช่น ออกสื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือสื่อออนไลน์อื่นๆ ซึ่งทางตัวแทนของโรงแรมก็รับทราบ แต่ก็ได้แต่ย้ำเตือนเราว่า เราเองก็ต้องประสานงานกับทางตำรวจด้วย เพราะเรื่องนี้ถือว่าให้ทางตำรวจเป็นผู้พิจารณาตัดสิน ..... แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 23:00:48 จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 22:56:29

ความคิดเห็นที่ 3 มารอฟังเหตุการณ์เจ้า หมอยุ่ง จากคุณ : virg_ph (virg_ph) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:05:00

ความคิดเห็นที่ 4 เวลาผ่านไป ข้ามปีใหม่ .... ถามว่าเราเองมีความสุขมากไหม เอ่อ ของหายนะครับ เราเองก็ไม่รู้สึกสบายใจ ยิ่งของมีค่านี้ต้องติดตัว หรือต้องล๊อกไว้ในรถเสมอ ไม่กล้าทิ้งไว้ในห้องพักอีกแล้ว แม้ว่าจะเก็บในกระเป๋าเดินทางก็ตาม หลังจากปีใหม่ ผมและคุณเธอ กลับมาที่สถานีตำรวจ ที่เรามาแจ้งความอีกครั้ง พบกับนายตำรวจพนักงานสอบสวนคนเดิม ซึ่งทางตำรวจเองก็ดูใจดีและเป็นมิตรมากครับ (จะเสียอย่างเดียวก็คือ สูบบุหรี่ในห้องทำงานปรับอากาศกันกลิ่นขโมงเลยทีเดียว เราก็เลยกลายเป็นผู้สูบบุหรีต่อแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้) ทางพนักงานสอบสวนก็บอกว่า จริงๆ เรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน แน่นอนว่า ทางพนักงานทำความสะอาด เค้าก็บอกว่า เค้าไม่ได้ทำ ซึ่งตำรวจเองก็ไม่สามารถสรุปเรื่องนี้ได้ เราก็เลยเล่าให้คุณตำรวจฟังว่า เรื่องนี้ ทางโรงแรมเค้าบอกว่าขึ้นอยู่กับผลการตัดสินของตำรวจ คุณตำรวจก็เลยแซวแบบขำๆ (เป็นภาษาอังกฤษ) ประมาณว่า เอะอะอะไรก็ตำรวจหมด งานนี้ ทางตำรวจก็เลยกระทุ้งไปทางโรงแรมอีกทีหนึ่งว่า ช่วยส่ง Manager  มาคุยกันหน่อยซิ ว่าจะจัดการยังไงกับปัญหานี้ ปรากฎว่า ทางโรงแรมส่งเจ้าพนักงานทำความสะอาดห้องในวันนั้นมาให้ เพลียครับ ตำรวจก็เพลีย ตำรวจก็เลยกล่อมให้เราลองไปคุยกับทางโรงแรมดูนะ เผื่อจะมีข้อสรุปอะไรดีๆ บ้าง (ตำรวจก็เหนื่อย โชว์งานให้ดูว่า งานฉันมีเป็นตั้งๆ เลย ไม่ได้ Happy New Year แบบคนอื่นเขา) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:06:40

ความคิดเห็นที่ 5 มาให้กำลังใจหมอยุ่งค่ะ จากคุณ : นมสดกับช็อคโกแลต เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:19:04

ความคิดเห็นที่ 6 ซ้ำค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 23:21:57 จากคุณ : นมสดกับช็อคโกแลต เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:19:55

ความคิดเห็นที่ 7 เอาหล่ะครับ ผมกับคุณเธอก็เลยต้องกลับไปบุกโรงแรมที่เกิดเรื่องอีกครั้ง และครั้งนี้ก็พบกับคุณ Front Office Manager คนเดิม ซึ่งเหมือนแกจะตัดสินอะไรไม่ได้ เนื่องจากตัว GM (General Manager) ลาพักร้อนกลับตั้งวันที่ 10 มกราคม คุณคนนี้ก็เลยต้องทำหน้าที่ตัดสินใจแทนไปก่อน เราก็ยื่นข้อเสนอไปว่า จริงๆ แล้วอย่างไรทางโรงแรมก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นในโรงแรม (โดยที่เราก็เชื่อว่า พนักงานทำความสะอาดเอาไปแน่ๆ) 1. เราลืมทิ้งโทรศัพท์ iphone ชาร์จแบตไว้บนโต๊ะข้าง LCD TV พอกลับมาปลั๊กถูกถอดออก ม้วนไว้เป็นอย่างดี แต่โทรศัพท์หายไป ใครจะเป็นคนทำ (จริงๆ เราเก็บสายชาร์จไว้ให้ตรวจดูลายนิ้วมือด้วย แต่ตำรวจไม่ยอมตรวจแฮะ) 2. พนักงานทำความสะอาด อ้างว่า ตอนที่เขาเข้าไปทำความสะอาด เค้าไม่เห็นโทรศัพท์ iphone รวมไปถึงสายชาร์จสีขาวด้วย เห็นแต่สายชาร์จสีดำ (เป็นของโทรศัพท์ Nokia ซึ่งผมนำไปเสียบในคืนหลังจากเกิดเหตุการณ์ในช่วงตอนกลางวัน ดังนั้น พนักงานโกหกเต็มๆ) 3. ในเช้าวันที่ Front Office Manager ไปบุกห้องผมพร้อมกับเจ้าพนักงานทำความสะอาด มีอีกปลั๊กหนึ่ง ที่ผมเสียบสายชาร์จแบตกล้อง Canon ด้วย เขาก็อ้างอีกว่าเห็นสายชาร์จ Canon แต่ไม่เห็นโทรศัพท์หรือสายชาร์จ iphone เลย (ผมเพิ่งจะชาร์จแบตกล้องตอนกลางคืนหลังเกิดเรื่องไปแล้ว แล้วแกมาเห็นตอนไหนหล่ะเนี่ยะ) -->> ซึ่งผมกับคุณเธอแทบจะอุทานเป็นภาษาไทยพร้อมกันเลยว่า "แกโกหก" เราก็ย้ำต่อไปว่า ด้วยความที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงแรม แม้ทางโรงแรมเอง จะบอกว่า พนักงานเค้าบอกว่าเค้าไม่ได้เอาไป พนักงานทำงานมา 2-3 ปีแล้ว และโรงแรมนี้เปิดมาได้มากว่า 8 ปีไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้มาก่อนเลย เคสนี้เป็นเคสแรก และเค้าก็บอกว่า อยู่ดีๆ พนักงานเค้าเกิดจะอยากขโมยของขึ้นมาทำไม เราก็ยังคงยืนยัน และได้แนะนำว่า ลองหาทางออกด้วยการรับผิดขอบแบบ 50-50 ไหม ?? ทางโรงแรมจึงนำไปพิจารณา และผมก็ยืนเส้นตายต่อว่า ยังไงขอภายในวันนี้นะ เพราะผมเองก็มีเวลาไม่มากนัก หากโรงแรมไม่จัดการ งานนี้อาจมีออกสื่อนะ เพราะเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:20:45

ความคิดเห็นที่ 8 พันทิปด๋อยอีกแล้ว ..... ในเย็นวันนั้นเอง คุณ Front Office Manager ก็รีบโทรมาบอกเลยว่า เค้าได้คุยกับทาง General Manager แล้ว เค้าลองค้นดูในเว็บไซต์ พบว่าโทรศัพท์ iphone รุ่นที่หาย มีมูลค่าในตลาดประเทศเขาอยู่เท่าไหร่ แล้วอยากจะรับเป็นเงินสด หรือ Complimentary Night Stay ดีหล่ะ ?? แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 07:41:50 แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 23:27:19 จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:21:15

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่ยชื่อประเทศได้ไหมครับ จากคุณ : อาตี๋อินเทอร์เน็ต เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:21:15

ความคิดเห็นที่ 10 โห...ดูวุ่นวายทีเดียว อ่านแล้ว "เพลีย" ไปด้วยเลยค่ะ มารอฟังหมอยุ่งต่อนะคะ จากคุณ : matcha เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:22:24

ความคิดเห็นที่ 11 โอว ตามอ่านและเสียใจกับเหตุการณ์นี้ด้วยนะคะ .. กำลังคิดอยู่เลยว่า หมอยุ่งหายไปไหน เงียบไปตั้งนาน จากคุณ : Mommy&Daddy เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:22:25

ความคิดเห็นที่ 12 มาให้กำลังใจหมอยุ่งค่ะ จากคุณ : manatjang เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:29:30

ความคิดเห็นที่ 13 แอบไปควานหาว่าหมอยุ่งไปประเทศไหนตอนปีใหม่.... เสียใจกับ iPhone ด้วยนะคับ ถือเป็นฤกษ์ดีที่จะได้เครื่องใหม่ ในปีใหม่ :P ขอบคุณสำหรับกระทู้เตือนใจครับ เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างถ้าจะทิ้งไว้ต้องอยู่ในเซฟเท่านั้น ดีที่สุดคือไม่เอาไปจากเมืองไทย ถ้าไม่จำเป็น จากคุณ : กลด เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:31:52

ความคิดเห็นที่ 14 ย่องมานั่งฟังแบบเงียบๆค่ะ จากคุณ : นู๋หวานซ่าแสบ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:33:30

ความคิดเห็นที่ 15 ตามมาให้กำลังใจด้วยคนครับ... แต่มันที่ไหนหว่า??? จากคุณ : ChinHo เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:34:36

ความคิดเห็นที่ 16 แห่ะๆ งานนี้เหนื่อยจริงครับ เพราะเราต้องเล่นกันเอง 2 คน และทางเจ้าหน้าที่สถานกงศุล ผมได้ลองโทรไปสอบถามแล้ว เค้าก็บอกว่าเค้าก็ได้แค่โทรไปถามๆ นิดๆ หน่อยๆ เอง เลยรู้เลยว่า งานนี้ของเราหาย เราต้องเล่นเอง คงจะหวังพึ่งคนอื่นไม่ได้ และเราคิดว่า ที่ที่น่าจะเป็นที่พึ่งของเราในต่างแดนได้ กลับเหมือนช่วยอะไรได้ไม่มากครับ ______________________________________________ แน่หล่ะครับ ว่าเคสนี้ ยังไงก็ขอคืนเป็นเงินสด ซึ่งได้เป็นเงินสกุลประเทศเค้านะครับ เราก็เลยให้ dead line อีกรอบว่า ขอคำตอบเร็วหน่อยนะครับ เพราะเรากำลังจะกลับไทยแล้ว ตอนบ่ายวันนี้ เนื่องจากตอนแรกทางคุณพนักงานโรงแรมบอกว่าจะติดต่อมาตอนเช้าแต่ก็เงียบ ก็เลยขออนุญาตบุกโรงแรมอีกครั้งหนึ่งว่าจะเอาไงดี ถ้าวันนี้ไม่ได้คำตอบ พรุ่งนี้เช้าเจอกันแน่ครับ ออกสื่อเลยดีมั้ย ครั้นจะรอให้ต้องขึ้นศาลประเทศเค้าคงไม่ไหวแล้วหล่ะมั้งครับ ทางฝั่งโรงแรม มากันครบทีมเลยครับ มาพร้อมกับซองขาว และเอกสาร 2 ฉบับ นั่นก็คือ Agreement หรือบันทึกข้อตกลงกันนั่นเอง ชัดเจนเลยทั้งสองฝ่ายระหว่างทางโรงแรม และทางผมซึ่งเป็นลูกค้าผู้เสียหาย สรุปใจความสำคัญได้ดังนี้ (เป็นภาษาอังกฤษ) 1. ทางโรงแรมเขียนไว้ชัดเจนว่า เหตุการณ์ของหายในห้องพักนี้ มิใช่เป็นฝีมือของทางโรงแรม 2. ทางผู้เสียหายยินดีที่จะรับเงินชดเชย และยินดีที่จะยุติการดำเนินคดีความต่างๆ 3. ผู้เสียหาย จะไม่นำเรื่องราวนี้ไปบอกกับสื่อมวลชน หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ ใดๆ ทั้งสิ้น (สำหรับกระทู้นี้ ผมจึงใช้คำว่ากระทู้เตือนใจ และไม่ขอเอ่ยถึงชื่อโรงแรม และสถานที่ตั้งเพื่อจะได้ไม่ผิดข้อตกลงครับ) เพราะหากมีการกระทำที่ส่งผลเสียต่อโรงแรม โรงแรมมีสิทธิ์เอาคืนได้ สุดท้าย เมื่อทุกฝ่ายตกลงว่าจะให้เรื่องจบแบบนี้ก็จึงเซ็นต์เอกสาร พร้อมกับ ไปสถานีตำรวจอีกรอบ (รอบที่เท่าไหร่แล้วเอ่ย) เพื่อยื่นถอนแจ้งความครับ โดยมีเจ้าหน้าที่โรงแรมไปด้วย เพื่อยืนยันว่าได้ถอนแจ้งความแล้วจริงๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:37:03

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณที่มาเตือนสติ มิให้ประมาทนะครับ... เคยวางโน้ทบุคไว้บนโต๊ะในห้องที่พักในเชียงใหม่หมือนกัน ตอนนั้นรู้สึกว่าไว้ใจมากๆ เลยกล้าที่จะวางไว้อย่างนั้น ไม่ได้ใส่ในเซฟ ก็อยู่รอดปลอดภัยดี แต่มาหลังจากนั้นจะเก็บของมีค่าติดตัวไว้ หรือไว้ในเซฟตลอด ถ้าเซฟใส่ไม่ได้ก็ฝากที่เคาเตอร์ไว้เสมอ เพราะในใจลึกๆก็แอบกลัวเหใมือนกันครับ จากคุณ : TeeChoco เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:39:19

ความคิดเห็นที่ 18 รอฟังต่อคะ เสียใจกับเหตุการณ์ด้วยนะคะ จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:40:06

ความคิดเห็นที่ 19 อืม ... ได้ไม่คุ้มเสียเลยเนอะ .... สถานกงสุลไทยในต่างประเทศนี่ เหมือนจะช่วยเราได้ แต่บางครั้งก็แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ เคยได้ยินคนมาบ่นเหมือนกันว่า เรื่องเบอร์โทรศัพท์นี่ ไม่ค่อย update เลย เปลี่ยนใหม่ก็ไม่ค่อยไปอัพในเวป และส่วนมากโทรไปเจอเสียง fax ...... ถ้าดิฉันเจอเหตุการณ์อย่างคุณหมอยุ่ง ขอแค่ให้เค้ามาช่วยเราเรื่องภาษาท้องถิ่นนั้นๆ ก็ยังดี เพราะส่วนมาก สถานทูตจะมีคนเป็นภาษาคอยช่วยอยู่ หรือจะบอกว่าไม่ว่างก็ไม่รู้ซิคะเนี่ย .... หรือติดปีใหม่ก็ไม่รู้เนอะ จากคุณ : Mommy&Daddy เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:41:42

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตให้แล้วครับ จากคุณ : back room เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:46:15

ความคิดเห็นที่ 21 แต่เรื่องก็ยังไม่จบดีครับ คุณตำรวจพนักงานสอบสวน ดันไม่อยู่ เป็นวันหยุดของแกพอดี ก็เลยต้องมาใหม่อีกรอบหนึ่ง (ระบบตำรวจเค้าอาจจะแปลกๆ หน่อยนะครับ) ทาง จนท. โรงแรมก็ต้องมาสถานีตำรวจอีก (ดูเหมือนหน้าตาไม่ค่อยอยากจะมาเท่าไหร่ เพราะเวลามาที ใส่ยูนิฟอร์มมาด้วย ตำรวจและคนอื่นๆ เห็นก็จำกันได้หมดแล้ว) ก็สุดท้าย ตำรวจก็ได้ลงบันทึกว่าปิดคดีเรียบร้อย พร้อมแนบเอกสารข้อตกลงประกอบกันด้วย โดยทางโรงแรมมีการชดใช้่ค่าเสียหายส่วนหนึ่งให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเหมือนกับว่า ทางตำรวจเองก็ได้ตำหนิทางโรงแรมว่าอย่าปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก __________________________________________________________________________________ สำหรับตัวผมและคุณเธอ งวดนี้คงเป็นบทเรียนครั้งใหญ่หล่ะครับ เพราะของที่หายก็มูลค่าไม่น้อย (แม้ตอนนี้จะตกรุ่นไปแล้วก็ตามที แต่ของก็ยังใช้ได้อยู่) ต่อไปก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น (ตอนนี้ระวังแจเลยครับ) อย่าลืมของมีค่าสำคัญทิ้งไว้ในห้องพักเด็ดขาด แม้ว่าจะปล่อยให้พนักงานมาทำความสะอาดหรือไม่ก็ตาม ตรวจเช็คให้เรียบร้อยทุกครั้งก่อนออกจากห้องพัก สำหรับโรงแรม สิ่งที่ผมได้เสนอแนะไปก็คือ 1. ในห้องพักไม่มีเซฟ ก็ควรจะต้องจัดหาเซฟมาด้วย เพราะในโรงแรมระดับเดียวกัน ต่างมีเซฟเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในห้องพักทั้งสิ้นแต่โรงแรมนี้ไม่มี (มีเฉพาะห้องระดับสูงกว่านี้) 2. ควรมีป้ายประกาศเตือนสติแขกที่มาพักว่าทางโรงแรมไม่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินให้ชัดเจนยิ่งขึ้น (เอาแบบ AKA Resort หัวหิน เลยก็ได้ แต่อันนั้นอาจจะมากไปหน่อย) 3. หากเป็นไปได้ควรเปลี่ยนระบบกุญแจห้องพัก จากกุญแจแบบโบราณเป็นแบบคีย์การ์ด ซึ่งน่าจะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางโรงแรมเองก็รับปากว่า อย่างไรเคสนี้จะเป็นเคสแรก และเคสสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นกับโรงแรมเชนของเขา และผมเองก็คิดว่า เหตุการณ์ทำนองนี้ มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้ว่าจะเป็นนักเดินทางตัวยง มีโอกาสเข้าพักโรงแรมอยู่บ่อยๆ แ่ต่เรื่องพวกนี้เราก็ลืมกันได้ ดังนั้น ก่อนออกจากห้อง อย่าลืมเก็บของมีค่าไว้กับตัวให้เรียบร้อยนะครับ .... อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจโรงแรมเชน หรือที่พักที่ไหนก็ตาม ของมีค่าของท่านอาจหายได้เสมอ ปล. กระทู้นี้ขอขอบคุณ ทางโรงแรมและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่ได้แสดงความรับผิดชอบ, ทางนายตำรวจทุกท่าน ที่ให้การต้อนรับด้วยอัธยาศัยที่ดีทุกครั้ง เมื่อเราไปเยือนถึงโรงพัก, ขอบคุณทางสถานทูต และสถานกงศุลไทย ที่คอยให้คำปรึกษาให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างครับ ปล. 2 หากท่านใดค้นเจอหรือทราบว่าผมมาปีใหม่ที่ประเทศไหน หากเป็นไปได้อย่าบอกในกระทู้นี้เลยครับ เพราะกลัวว่าจะเป็นการผิดข้อตกลงกับทางโรงแรมนี้ไปครับ จุดประสงค์สำคัญ ตามที่แจ้งไว้ข้างต้นนั่นก็คือ เพื่อเตือนใจ และบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นและการดำเนินการจนกระทั่งได้รับการตอบสนองจากทางโรงแรมก็เพียงเท่านั้นครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:50:23

ความคิดเห็นที่ 22 555555 เรื่องสถานกงสุลไทยในต่างประเทศให้แต่เบอร์ fax เนี่ย ผ่านไปเป็น 10 ปีแล้ว ยังไม่เปลี่ยนอีกหรือ ???? เทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้ว  น่าเสียดายเงินภาษีชะมัดเลย จากคุณ : วิทยา (กันยายน) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:50:24

ความคิดเห็นที่ 23 พัก รร.ของไทย หรือ ตปท. ไม่เคยไว้ใจใครเลย ถ้ามีตู้เซฟ เก็บไว้ในตู้เซฟ ดีกว่า ค่ะ ของมีค่า ล่อตา ล่อใจ โจรในคราบพนักงาน จากคุณ : sa_bkk เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 00:04:29

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณ..ที่เล่าสู่กันฟัง จากคุณ : Talay&Me เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 00:13:41

ความคิดเห็นที่ 25 ต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านสำหรับกำลังใจด้วยครับ วันที่ของหายวันแรก คุณเธอเครียดมาก ผมก็เครียด ยึ่งต้องขึ้นโรงพักต่างประเทศด้วย เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมจริงๆ แค่กลิ่นบุหรี่คุณตำรวจ ก็มึนไปสองวันสองคืนเต็ม จริงๆ ถ่ายรูปไว้หมดนะครับ แต่ผมสัญญากับโรงแรมไว้แล้ว กระทู้นึ้ก็เลยมีแต่ตัวหนังสือเท่านั้นหล่ะครับ ส่วนทางพนักงานโรงแรมเอง จริงๆ เค้าก็ใจดีนะครับ เพียงแต่การดำเนินการที่ล่าช้า น่าจะเป็นผลจากการที่ตัวผู้มีอำนาจสูงสุด (GM) ไม่อยู่นั่นเอง อีกทั้งเป็นโรงแรมเชนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศด้วย ยิ่งต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเอง จริงๆ งานนี้เราก็เสียเวลาพอสมควร เสียของด้วย แต่ก็ยังดี ที่โรงแรมยังรับผิดชอบบ้าง เรายังคิดเล่นๆ อยู่เลยว่า ถ้าต้องบินกลับมาขึ้นศาลประเทศนี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่า กว่าจะถึงเวลาขึ้นศาล ผมคงไม่อดทนไม่ปริปากพูดอะไรแน่ๆ หล่ะครับ ส่วนเรื่องสถานทูต ให้เบอร์แฟกซ์ อันนี้ผมเซ็งจริงๆ ครับ สรุปต้องโทรกลับไทย ถึงจะรู้ว่าจะต้องติดต่ออย่างไร ถ้าเป็นประเทศที่ค่าโทรกลับไทยแพงๆ อันนี้คงเหนื่อยแน่นอนครับ จริงๆ หน่วยงานพวกนี้น่าจะติดต่อได้ง่ายกว่านี้ครับ แต่ทำไมรู้สึกว่าเหมือนติดต่อยาก และห่างเหินกับเราจริงๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 00:15:51

ความคิดเห็นที่ 26 คุณยุ่งไม่บอก ผมบอกแทนได้ไหมครับว่า คุณไป ประเทศไหน จากคุณ : back room เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 00:20:39

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากค่ะ เดือนนี้เดินทางหลายทริปเลย จะได้เก็บไว้เตือนใจ และจะระมัดระวังให้มากค่ะ จากคุณ : phytoplankton เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 00:23:23

ความคิดเห็นที่ 28 ถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่าล่ะกันนะน้อง เงินทอง ของนอกกาย  หาเอาใหม่ได้ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง และ สวัสดีปีใหม่ล่ะกัน มิน่าล่ะ พี่โทรไปหาไม่ได้  ออกไปฉลองปีใหม่ที่เมืองนอกนี่เอง จะกลับวันที่ 5 นี้ใช่ไม๊   อย่าคิดมาก เที่ยวให้สนุกนะ จากคุณ : วิทยา (กันยายน) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 00:24:39

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณกระทู้เตือนใจฉบับนี้ครับ จากคุณ : HighwayRider เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 00:38:07

ความคิดเห็นที่ 30 ก็ยังดีนะครับ ที่หมอยุ่งสามารถ fight จนได้เงินคืนมาครึ่งหนึ่ง ถ้าเป็นโรงแรมทั่วๆ ไป คงบอกไม่รู้ไม่เห็น ไม่รับผิดชอบ ยิ่งเป็นแขกต่างชาติ มีเวลาในประเทศนั้นจำกัด โรงแรมก็ยิ่งทำแต๊เตี่ยมประวิงเวลาให้แขกต้องหมดความอดทนรอไปเอง ถือเป็นบทเรียนไปละกันนะครับ คิดซะว่าฟาดเคราะห์ก่อนปีใหม่ จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 01:02:08

ความคิดเห็นที่ 31 วันหลังคุณหมอต้อง โหลด app "find my iPhone" ไว้ใช้ครับจะได้หาเจอว่ามันอยูตรงไหน http://www.apple.com/mobileme/features/find-my-iphone.html จากคุณ : ทองเอก (ผมชอบกิน Nasi Lemak) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 01:03:33

ความคิดเห็นที่ 32 ฟาดเคราะห์ปีใหม่เลยนะครับ ถือว่าหมอยุ่งและคุณเธอทำดีที่สุดแล้วในการรักษาสิทธิ์ของตนเอง เรื่องการจัดการต่างๆของประเทศนั้นพี่ก็พอจะเดาออกครับว่าก็เนือยๆเฉื่อยๆไม่เข้าท่าอย่างนี้แหละ นักท่องเที่ยวก็ต้องทำใจไปตามๆกัน ขออวยพรให้หลังจากนี้น้องมีแต่ความโชคดี เฮงๆๆ มีเงินไหลกองมีทองไหลมา กิจการงานใดๆขอให้รุ่งเรืองยิ่งๆขึ้น มือถือจะได้ซื้อรุ่นใหม่ไฉไลกว่าอันนี้ และได้ไปตะลอนไกลกว่าประเทศเจ้าปัญหานี้เยอะๆเลยนะครับ ป.ล. อย่าลืมไปไหว้ "พระที่บ้าน" นะครับ...เป็นมงคลที่ดีสำหรับปีใหม่นี้ครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 01:21:35

ความคิดเห็นที่ 33 ใครก็ได้ใบ้ทีว่าประเทศอะไร แต่ห้ามใบ้ว่ามีตัว A อยู่ในชื่อประเทศนะ ขอบคุณสำหรับกระทู้เตือนใจค่ะ จากคุณ : jumnyc เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 01:58:41 A:69.86.214.199 X: TicketID:292710

ความคิดเห็นที่ 34 ผมขอถามแบบคนไม่รู้นะครับ ถ้าทางโรงแรมยืนยันว่าทางโรงแรมไม่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินใดๆแล้วเรายังจะไปขอค่าชดใช้ไ้ด้หรือเปล่าครับ(ทางกฎหมาย) แต่ถ้ามีหลักฐานแล้วแจ้งความก็น่าจะได้และที่เค้าชดใช้กันนี่เพราะกลัวเสียชื่อรร.หรือเปล่าครับ(อันนี้เรามีสิทธิ์ขอชดใช้หรือเปล่าครับ) เพราะว่าบางครั้งผมก็ลืมของมีค่าไว้ในรร.ครับ จากคุณ : รพช.แห่งความสุข เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 02:17:36

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านแล้วเพลียจริงๆ ...เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 04:32:09

ความคิดเห็นที่ 36 ตามมาอ่านจ้า...เหนื่อยจริงๆ ปล่อยให้ผ่านไปกับ ความโชคไม่ดี ของปีเก่านะคะ ปีใหม่แล้ว  เริ่มกับสิ่งดีดีใหม่จ้า... จากคุณ : my_tabo เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 05:22:03

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเตือนใจ...พูดถึงตำรวจเขาน่าจะไปหาในตลาดมือ ๒ ได้นะครับว่ามี Iphone มาปล่อยหรือเปล่า เหมือนแบบที่ตำรวจไทยทำน่ะครับ จากคุณ : ผ่านมา-ผ่านไป เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 06:45:41 A:59.189.245.34 X:218.186.10.240 TicketID:282558

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณสำหรับกระทู้เตือนใจค่ะ โหวตให้แล้วนะคะ จากคุณ : ย้ำคิดย้ำฝัน เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 07:51:48

ความคิดเห็นที่ 39 ขอแสดงความเสียใจ กับหมอยุ่งด้วยครับ เสีย iphone ฉลองปีใหม่ไปซะแล้ว จากคุณ : ตระเวนเที่ยว เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 08:08:53

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าเป็นป้า  สถานการณ์คงเลวร้ายเพราะ คงติดขัดด้านภาษา  ทำอะไรไม่ได้  อย่าว่าแต่ให้ถึงมือตำรวจเลย   ... เคราะห์ผ่านไป  คราวนี้คงมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาแล้วละค่ะคุณหมอ   ป้าขอให้คุณหมอและคุณเธอ  มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาตลอดทั้งปี 2554 ค่ะ จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 08:09:22

ความคิดเห็นที่ 41 อย่างนี้ก็อดสนุกฉลองปีใหม่แย่เลยนะคับ.. จากคุณ : Jimmycool เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 08:29:04

ความคิดเห็นที่ 42 โหวตให้แล้วนะคะ ว้า ทริปครั้งนี้ หมอยุ่ง คงมีรูปมารีวิวน้อยแน่ๆ เลย เพราะ คงเสียเวลาไปสถานีตำรวจหลายรอบ จนเซ็งเป็ดแน่ๆๆ เอาเป็นว่า ฟาดเคราะห์ ขอให้ครั้งนี้ ถูกหวยหนักๆ ได้ ไอโฟน เครื่องใหม่ แบบ ฟรีๆๆ เลยนะคะ จากคุณ : ตระกูลA เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 08:37:25

ความคิดเห็นที่ 43 อืมมมม ก็พอจะเดาได้แล้วล่ะ ว่าที่ไหน เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากสำหรับเราเลยค่ะ เพราะ เวลาไปเมืองที่ผู้คนน่ารักเป็นมิตรและดูสุภาพมาก โดยเฉพาะในสายงานบริการ ทำให้เราวางใจ วางของไว้ไม่เคยระวัง มีนาคมนี้กลับไปอีกจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ ขอบคุณและเสียใจด้วยนะคะ เที่ยวไม่สนุกเลยล่ะสิ แบบนี้ต้องกลับไปซ้ำค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 09:47:01 จากคุณ : devillish girl เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 09:02:42

ความคิดเห็นที่ 44 ขอแค่เมืองหรือประเทศก็ได้ จะได้ให้คนที่ไปเที่ยวประเทศ (หรือเมืองนั้นๆ) ได้ระมัดระวังตัวเพิ่มมากขึ้น .. ให้ตายเหอะ! ยิ่งพูดยิ่งนึกถึงญี่ปุ่น ผมไปลืมเลนส์กล้องไว้ นึกออกเมื่อกลับประเทศไทย โทรไปถาม เขาก็บอกว่า ยังเก็บไว้อยู่ แต่ ต้องไปเอาเองนะ ถ้าเลยกำหนด 60 วัน เขาจะเอาไปมอบสถานีตำรวจ ... เอ้อ .. เอ๊อ .. เลนส์ราคาห้าพัน ค่าตั๋วสองหมื่น ... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 09:09:26

ความคิดเห็นที่ 45 นึกว่าฟาดเคราะห์นะคะหมอฯ ตัวเองก็ระวังอยู่นะคะ สงสัยต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นสองเท่าแหง ๆ เคยพักในเมืองไทย ชาร์ตโน๊ตบุ๊คไว้ วางยังไงก้อยังงั้น (โน๊ตบุ๊คหนักโพ่ด แถมตกรุ่นอย่างแรงงงงงงง แบกไปขายคงไม่คุ้ม) แต่ไม่เคยเอาตัวใหม่ ๆ ไป กลัวหายเหมือนกันล่ะค่ะ แหะ ๆๆ จากคุณ : ยายปลุก...มาแว้ว... เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 09:26:07

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณครับที่แบ่งปันประสบการณ์  โหวตแล้วครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 09:29:15

ความคิดเห็นที่ 47 ฟาดเคราะห์ไปครับ ว่าแต่ถอย iPhone4 เลยครับ แจ่มๆๆ จากคุณ : !!!ยอดนักสืบจิ๋ว009!!! เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 10:02:25

ความคิดเห็นที่ 48 น้องหมอยุ่งกับคุณเธอเจอแบบนี้คงจะเที่ยวไม่สนุกเลยเนาะ ปล.สวัสดีปีใหม่และก็ขอให้ได้ไอโฟนเครื่องใหม่ด้วยนะจ๊ะ จากคุณ : adangrawi เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 10:07:32

ความคิดเห็นที่ 49 ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง สูบบุหรี่ในสถาณีตำรวจ ผมเดาว่า เป็นประเทศจีนใช่ไม๊ครับ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 10:20:45

ความคิดเห็นที่ 50 เฮ้อออ..... อ่านแล้ว เพลียมาก   จริงๆ ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์เตือนใจค่ะ สวัสดีปีใหม่ 2554 ด้วยค่ะ จากคุณ : Nuttystrawberry เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 10:37:38

ความคิดเห็นที่ 51 ยินดีด้วยครับที่เรื่องจบลงด้วยดี มีข้อสรุปชัดเจน และขอบคุณที่นำเรื่องมาเตือนสติกันครับ สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔ จากคุณ : Into the Groove เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:01:27

ความคิดเห็นที่ 52 ซื้อใหม่(ได้ข้ออ้างเลย) ของควรซ่อนไว้ดีๆเช่นเพ็ชร7กะรัตวางไว้คงไม่เหลือ จากคุณ : Kenlive เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:18:14

ความคิดเห็นที่ 53 พออ่านกระทู้นี้แล้วเตือนใจจริงๆค่ะ ปรกติไปพักพวกโรงแรมที่เป็นเชนไม่เคยเก็บของมีค่าไว้ใน safety box เลย เพราะคิดว่าของคงจะไม่หายหรอก แต่เวลาออกไปข้างนอกก็จะกดเป็น do not disturb ไว้ เพื่อกันไม่ให้แม่บ้านเข้ามาในห้อง แต่ต่อจากนี้คงต้องระวังมากขึ้น อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆแม้ว่าโรงแรมจะมีชื่อเสียงก็ตาม จากคุณ : =zim= เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:52:29

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันนะครับ ผมเองเป็นคนนึงที่ไม่เคยระวังเลยสักกะอย่าง ต่อไปจะได้ระวังไว้บ้าง ไงก็ถือว่าฟาดเคราะห์ละกันนะครับ ขออนุญาตแนะนำว่า ลงลายมือชื่อใช้คำว่า "เซ็น" ไม่มี "ต์" ครับ นึกถึงกริยาคำว่า sign ที่ไม่มี t เพราะงั้นเลยไม่มี ต์ จากคุณ : ร้อยแปด ร้อยเก้า เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:53:23

ความคิดเห็นที่ 55 มาให้กำลังใจครับ ผมเองเคยกล้องหายที่ ตปท.เหมือนกัน ทั้งๆที่เหน็บกับตัวและระวังตลอดแล้วนะ พลาดนิดเดียว ตอนเบียดขึ้นบันได ก็ทำใจครับ แล้วก็ทำบุญ ปรากฏ สิ้นปี้ ถูกรางวัลได้ BB รุ่นใหม่จาก บ. ครับ ก็ถือว่าปลอบใจได้ดีมากเลย (แพงกว่าราคากล้อง) คุณหมอก็ขอให้โชคดีในเร็วๆนี้ละกันนะครับ จากคุณ : Nondiff เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:57:55

ความคิดเห็นที่ 56 โหวตค่ะ จากคุณ : ปลาไหลตัวเล็ก เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:00:22

ความคิดเห็นที่ 57 ฟาดเคราะห์ไปนะคะ ขอให้ปีใหม่นี้มีแต่เรื่องดีๆ ค่า ^^ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:20:06

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่องนี้ ถ้าหมอยุ่งไม่ได้ตามๆๆๆๆๆ และตาม ก็คงเงียบๆ หายๆ ไป ที่เขาบอกว่าไม่เคยเกิดขึ้น อาจจะเป็นว่าไม่มีใครตามไม่มีใครแจ้งความและเอาเรื่องแบบหมอยุ่งก็ได้ค่ะ จากคุณ : MaNgKoOd เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:49:54

ความคิดเห็นที่ 59 สวัสดีปีใหม่ครับหมอยุ่ง สหายเจ้าเก่าที่ไม่ได้พบกันนาน ถึงว่า โทรไปสวัสดีปีใหม่ดันไม่อยู่ หนีไปเที่ยวแล้วก็เกิดเรื่องจนได้เน้อ เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ครับ ผมเองก็เกือบจะเคยเจอ (แต่ไหวตัวทัน) ขออนุญาตฝากข้อคิด (เท่าที่นึกออกตอนนี้) ไว้ครับ สิ่งที่สำคัญที่ควรต้องระลึกเสมอได้แก่ 1. การเลือกที่พัก ถึงจะไม่ได้ติดสบาย จองแบบเลิศหรูราคาแพงอะไร แต่อย่าสักแต่ว่าจองถูกเข้าว่า หลายคนคิดแต่ว่าขอแค่มีที่ซุกหัวนอนเป็นพอ จะเอาประหยัดถ่ายเดียว กลับละเลยไปว่าที่พักนั้นสำคัญมาก นอกจากให้เราได้พักผ่อนได้เต็มที่หลังจากที่เราไปเที่ยวมาเหนื่อยๆทั้งวัน ระบบรักษาความปลอดภัยนี่อย่าได้ประมาท ต้องคำนึงให้มากทั้งตัวที่พักเองและย่านที่ไปพักด้วยครับ ลดความเสี่ยงส่วนนี้ให้มากที่สุดครับ การอ่านรีวิวจากหลายๆเวบเช่น tripadvisor ก็ช่วยได้มากครับผม 2. พยายามไม่ทิ้งของมีค่าทุกชนิดไว้ในห้องพักครับ เพราะปรกติแล้ว ทางโรงแรมจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น (กรณีหมอยุ่งนี้ โชคดีมาก) ถ้าจำเป็นต้องทิ้งไว้เช่น พวกโทรศัพท์ กล้อง แลปทอป หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคต่างๆ ให้ใส่ในกระเป๋าเดินทางไว้เลยครับ แล้วล็อคกุญแจให้เรียบร้อย ถ้าคุณไม่ได้พักที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลาหลายวันจริงๆ ไม่ควรให้ใครเข้าห้องแม้แต่มาทำความสะอาดถ้าไม่จำเป็นนะครับ จากประสบการณ์ เคยพบนักท่องเที่ยวเก็บของมีค่าใส่กระเป๋าล็อคไว้อย่างดี มันเล่นขโมยหายไปทั้งกระเป๋าเลย !!! หรือแม้แต่เอาของกลางที่ขโมยจากคนอื่นมา หรือเอายาเสพติด ลักลอบมาทิ้งไว้ก็มีนะครับ สำหรับกระเป๋าเงิน บัตรและตั๋ว พาสต่างๆนั้นให้ติดตัวใส่กระเป๋าชั้นในใต้เสื้อโค้ดไว้เลยครับ ส่วนพาสปอร์ตให้ติดตัวไว้ตลอดเวลา แต่ทำสำเนาใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางครับผม สำเนาพาสปอร์ตจะช่วยได้มากกรณีคุณทำพาสปอร์ตหาย 3. การทำประกันภัยไว้ก่อนเดินทาง เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะละเลยกัน โดยเฉพาะไปเที่ยวแถบเอเชียละแวกไม่ไกลจากไทยเราเท่าไหร่ (การขอวีซ่าอเมริกา อังกฤษ เชงเก้น ออสเตรเลีย พวกนี้จะบังคับว่าต้องทำประกันเสมอครับ) การหวังเพียงประหยัดเล็กน้อย แต่กลับมองข้ามการสละทรัพย์เพียงไม่กี่ร้อยบาทจนถึงพันต้นๆ เพื่อเป็นหลักประกันไว้ ได้เงินชดเชยในกรณีกระเป๋าล่าช้า ทรัพย์สินสูญหาย รวมถึงการเจ็บป่วยระหว่างเดินทาง ซึ่งคุณจะซาบซึ้งมันทันทีเพราะค่ารักษาตัวที่ต่างประเทศราคาแพงมาก !!! เป็นแค่ไข้หวัดแต่รักษาตัวที่ปารีส ค่าใช้จ่ายมันอาจจะบานปลายราคาหลายหมื่นจนเกือบแสนบาทไทยนะครับ 4. สติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ เมื่อเกิดเหตุใดๆ แจ้งความและติดต่อกงสุล แต่อย่าไปคาดหวังการช่วยเหลือจากสถานกงสุลหรือตำรวจท้องถิ่นเท่าไหร่ครับ จากประสบการณ์ กงสุลไทยในบางประเทศ ไม่ทำอะไรเลยครับ ตำรวจท้องถิ่นก็เชื่อถือไม่ค่อยได้ครับ บางที่ที่เคยเจอ เช่น อิตาลี สเปน คอสตาริก้า โจรกระชากกระเป๋านักท่องเที่ยวตรงหน้า ยังไม่ทำอะไรเลยครับ ไปเที่ยวเอง สิ่งที่ช่วยได้ดีที่สุดคือสติครับผม ระวังทรัพย์สินและไม่รับข้อเสนอจากคนแปลกหน้า ที่เหลือก็คือ enjoy ครับผม ^^ ปล. เข้ามาลงชื่อให้กำลังใจหมอยุ่งครับ ถือซะว่าฟาดเคราะห์ไป ทำบุญเยอะๆนะครับ แล้วผมจะรอดูรีวิวรูปสวยๆนะครับ ผมยังนึกไม่ออกว่าที่ไหน รบกวนหมอยุ่งช่วยเปิดหูเปิดตาให้ผมได้ชมที่ที่ไม่เคยไปด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 13:22:00 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 13:17:17 จากคุณ : charan_ck เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 13:14:38

ความคิดเห็นที่ 60 ... ขอบคุณ คุณหมอ สำหรับข้อมูลเตือนใจ ค่ะ ... จากคุณ : kungtalay เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 13:42:20

ความคิดเห็นที่ 61 ผมลืมเงินสดทิ้งไว้ในห้องพักที่เกาหลี เป็นเงินสกุลอเมริกันดอลลาร์ 1,000 ดอลล่าร์ กับเงินสกุลญี่ปุ่น 100,000 เยน นึกว่าหายไปแล้ว ตั้งแต่ตอนกลางวัน ก็เที่ยวต่อไป ช่างหัวมัน เพราะเราทำอะไรไม่ได้ อยู่นอกความควบคุมของเรา พอกลับห้อง ห้องได้รับการทำความสะอาดแล้วเรียบร้อย เงินยังอยู่ในกระเป๋า ที่วางอยู่อย่างเรียบร้อยในลิ้นชักที่จัดใหม่เสร็จสรรพ ไม่มีหายแม้แต่ธนบัตรใบเดียว แม่บ้านที่เกาหลีใต้นะครับ โรงแรมที่เกาหลีใต้ โรงแรมชื่อ PJ Hotel อยู่ในเขตเมียงดง เดินทางด้วยแท็กซี่สะดวกดี แต่ร้านอาหารของโรงแรมไม่ค่อยสะดวก ----------------- เสียใจกับหมอยุ่งด้วยนะครับ สำหรับ iPhone ถึงจะเป็นรุ่น 3 ก็เถิด ของยังดี ยังใช้งานได้ดี ยังทันสมัย และมีคุณค่าอยู่เลย ได้เงินคืนมาครึ่งเดียวเท่านั้น ผมไม่ได้ว่าได้มาน้อย หรือได้มามาก และไม่ได้พูดด้วยว่า ได้คืนมาครึ่งเดียวก็ถือว่าดีแล้วด้วยนะครับ เพราะเราไม่ควรจะเสียอะไรไปแม้แต่อย่างเดียว โดยเฉพาะกับโรงแรมในประเทศที่อยู่ในระดับเหนือกว่าเกาหลีใต้ เช่นในยุโรปหลายประเทศ หรือแม้แต่จีนเองก็เถิด ในไทยเอง ที่ตรัง ผมลืมที่ชาร์ทแบตเตอรี่ของโทรศัพท์เอาไว้ในห้องพัก เขายังส่งกลับคืนมาให้ถึงที่กรุงเทพฯ เมื่อราวปี ค.ศ.1995 เลยครับ นึกเสียว่า เป็นเคราะห์ของหมอเอง ที่จะได้หมดเคราะห์หมดโศก หมดโรค หมดภัย ไปตลอดทั้งปีใหม่นี้ จะประสบแต่ความสุข สมหวัง มีโชคดีตลอดปีนะครับ คุณหมอยุ่งชมัด...สัตวแพทย์ จากคุณ : xebec เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 13:44:06

ความคิดเห็นที่ 62 มาให้กำลังใจหมอยุ่งค่ะ เราเองเคยลืมกล้องถ่ายรูปไว้ที่โรงแรมที่กระบี่ค่ะ โรงแรมส่งกล้องให้ถึงที่บ้านเลยค่ะ เมื่อหลายปีมาแล้วค่ะ จากคุณ : pormiho เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 13:56:40

ความคิดเห็นที่ 63 เข้ามาแสดงความเสียใจด้วยนะคะ ของเรา iphone4 บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม เงินสดทั้ง SGD และเงินไทยก็หาย แถมเมมโมรี่การ์ดที่ถ่ายรูปกันเกือบ 400 รูปก็หาย T__T แต่อันนี้เป็นความผิดพลาดของเราเองค่ะ เราเผลอลืมไว้ที่ MRT ของสิงคโปร์เอง และเจ้าหน้าที่ MRT ที่สถานี Lavender ก็มีน้ำใจมาก ช่วยเหลือเราทุกทาง ทั้งส่งเมล์ไปประสานงานทุกสถานี  ลองโทรติดต่อปลายทางของรถเมล์สาย 2 ให้เรา (เผื่อเราลืมไว้ที่นั่น)  และโทรกลับไปโรงแรมอีกที เผื่อลืมทิ้งไว้ที่โรงแรม (แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะลืมทิ้งไว้ที่สถานีนั้นก่อนขึ้นรถไฟฟ้า) สรุปก็คือซวย ณ วันปีใหม่เลยค่ะ ไม่ได้กลับคืนมา หายแล้วหายเลย ถือว่าฟาดเคราะห์มันซะตั้งแต่ต้นปีเลยค่ะ ดีนะที่พาสปอร์ตแยกเก็บไว้ที่กระเป๋าอีกใบเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุ ไม่งั้นอดกลับบ้านแน่ๆ  ไม่ได้แจ้งความด้วยค่ะ เพราะเรื่องมันเกิดตอนกำลังจะนั่งรถไฟฟ้าไปสนามบิน  มันไม่ทัน กลัวตกเครื่องด้วยแล้วจะแย่หนักกว่าเดิม จากคุณ : MinnieMoChi เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 14:11:06

ความคิดเห็นที่ 64 โหวตให้แล้วค่ะ เป็นข้อคิดเตือนใจให้ระวังเลยค่ะ เพราะบางทีไปเที่ยวแล้วชอบลืม ของไว้เหมือนกันค่ะ ต่อไปนี้ต้อง เตือนตัวเองบ่อยๆ แล้วให้ดูให้ดีก่อน สวัสดีปีใหม่ทุกๆ คนนะคะ จากคุณ : Pintou_Gamnim เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 15:09:02

ความคิดเห็นที่ 65 ยังดีที่จบเรื่องได้ก่อนกลับไทยนะครับ ไม่งั้นคงต้องลำบากบินไปอีกแน่ จากคุณ : supertarokung เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 15:49:41

ความคิดเห็นที่ 66 เป็นกำลังใจให้นะคะ ดีแล้วค่ะที่เรื่องจบไม่คาราคาซังมาถึงวันนี้ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 16:11:44

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นกำลังใจให้หมออยุ่งคับ เคสของผมี่ให้กุมารทองตามไปเอาของคืน แม่บ้านถึงจะยอมคืน มันต้องใช้ทุกศาสตร์เลย จากคุณ : จัดต็ม (@นำหน้า) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 17:32:21

ความคิดเห็นที่ 68 ไม่บอกชื่อโรงแรม บอกแค่ชื่อประเทศก็ได้นะครับ จะได้ระวังตัว ไม่ไช่ว่าไปอังกฤษ อเมริกาแล้วยังไม่ปลอดภัยอยู่เนี่ย คงต้องระแวงหนักเลย -_- จากคุณ : gigaboyz เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 17:41:32

ความคิดเห็นที่ 69 ยังดีนะที่ได้เงินชดใช้ ทุกทริปไม่ว่าจะเดินทางใกล้ไกล ตัวเองต้องทำประกันการเดินทางเสมอ เวลาพักรร ไม่ว่าจะ 3 ดาวหรือ 5 ดาว ไม่เคยไว้ใจ ต้องเอาของทั้งหมดใส่กระเป๋าใหญ่ แล้วเอากุญแจที่แข็งแรงล๊อคให้แน่นหนา   ส่วนของที่ไว้ด้านนอก ก่อนออกจากห้องก็จะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานตลอด พอกลับมา ก็จะมาดูเปรียบเทียบว่ามีเสื้อผ้าหรืออะไรหายไปบ้าง อาจจะดูจิตนิดหนึ่ง แต่ดีกว่าหายแล้วต้องมาเครียด จากคุณ : sueko เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 19:15:05

ความคิดเห็นที่ 70 เก่งมากเลยค่ะ อย่างน้อยก็ได้เงินคืนมาบางส่วน คิดซะว่าสะเดาะเคราะห์ปีใหม่แล้วกันค่ะ จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 20:32:41

ความคิดเห็นที่ 71 อืมมมม ประเทศที่พูดอังกฤษไม่ได้ แล้วแอร์เอเชียมีไปลง ก็คงมีไม่กี่ที่ล่ะครับ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อืมๆๆๆๆ จากคุณ : Kazai เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 20:32:54

ความคิดเห็นที่ 72 ผมเคยไปพักโรงแรมถูกๆ ที่ยุโรปเพื่อเก็บเงินเอาไว้ช๊อป กลายเป็นความทุกข์เพราะไม่ไว้ใจโรงแรมที่จะเก็บของแบรนด์แพงๆ ไว้(ไม่มีเซฟ) เลยต้องถือออกไปด้วยทุกวัน เหนื่อยมาก เลยมีความคิดว่าครั้งต่อๆ ไปหากจะไปช๊อปของแพงต้องนอนที่ดีๆ ปลอดภัย แต่ฟังเรื่องของหมอยุ่งแล้วก็คงไม่ไว้ใจที่ใดๆ อีกแน่นอน จากคุณ : WANGGANG เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 20:33:00

ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อเร็วนี้ไปพักโรงแรมเชนนึงของญี่ปุ่นมาค่ะ ออกจากห้องสายทุกวัน ทำให้ได้มีโอกาสเห็นแม่บ้านทำงาน เค้าเปิดประตูห้องทิ้งไว้ทุกห้องพร้อมๆกันค่ะ แล้วก็เข้าไปเก็บกวาดเปลี่ยนผ้าเช้ดตัวผ้าปูเตียง ยังคิดอยู่เลยว่าจะมีใครแอบเข้าไปรื้อของมั้ย เพราะแม่บ้านทั้งชั้นมีคนเดียวเอง หายเข้าห้องไปก็ไม่มีใครรู้เห็นแล้ว จากคุณ : MooMoo8181 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 21:09:30

ความคิดเห็นที่ 74 ทางโรงแรมเค้าไม่มีกล้องวงจรปิดบริิเวณโถงทางเดินไปห้องพักเหรอค่ะ?? เผื่อจะเช็คได้ว่า มีใครเข้าไปในห้องพักของเราบ้าง ถ้าไม่มี ก็ต้องเป็นแม่บ้านแน่นอน จากคุณ : alexnpat เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 21:33:24

ความคิดเห็นที่ 75 เสียใจด้วยนะค่ะ ยังไงก็ถือว่าฟาดเคราะห์ปีใหม่ละกันนะค่ะ จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 21:43:45

ความคิดเห็นที่ 76 เพื่อนฝากมาโพสค่ะ เอาไว้เตือนเพื่อนๆห้องบลู -------------------------------------------------------------------- เข้าใจความรู้สึกของคุณหมอยุ่งฯ เลยค่ะ เพราะว่า โน้ตบุค ก็หายไปจากห้องพักของเกสเฮ้าส์ที่พักที่ต่างประเทศ เหมือนกัน เพียงแต่ประเทศที่ว่านั้น อยู่ใกล้ๆ เพื่อนบ้านเรานี่เอง และเมืองที่ไปก็เป็นเมืองท่องเที่ยวสุดฮิตของหลายๆ คน วังเวียง นั่นเองค่ะ ประสบการณ์ ต้องไปโรงพักครั้งแรก (ที่ตปท. เสียด้วย) แจ้งความและถูกสอบปากคำนั้น น้ำตาแทบไหล เพราะความอัดอั้นที่ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ จากทั้งทางเกสเฮ้าส์ และ ตำรวจ   จนกระทั่งตอนนี้  2 เดือนเต็มๆ  เราให้ที่อยู่ เบอร์โทรไว้ ทุกอย่าง เงียบงัน นี่ขนาดว่า เราไปในนามรัฐบาลไปทำงานร่วมกับทีมงานของเค้านะคะ เล่าแล้วมันเจ็บจี๊ดๆ ขอฝากไว้เป็นอุทธาหรณ์กับทุกๆ ท่านค่ะ สถานที่ :  เป็นเกสเฮ้า ชื่อ proud (แปลว่า...) ห้องพักเดี่ยว แยกเป็นบ้านเล็กๆ เป็นหลังๆ ประตูลูกบิดธรรมดา บรรยากาศรีสอร์ท มีต้นไม้ กล้วยไม้สวยงาม มีนทท.ฝรั่งเข้าพักประปราย ทางเข้าออกทางเดียว ต้องผ่านเคาร์เตอร์รับแขก อยู่หลังสถานีตำรวจท่องเที่ยว ของเมือง เรากับเพื่อนเลือกพักคนละหลัง เยื้องๆกัน ช่วงเวลา ประมาณ 18.00-20.30 น.   เหตุการณ์เกิดขึ้น ราว 3 ชม. หลังเช็คอิน และเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องพัก ออกไปกินข้าว โดยฝากกุญแจไว้ที่เคาร์เตอร์ กับเด็กชายที่ช่วยยกกระเป๋าเข้าห้อง รับกุญแจไว้   --มีลูกจ้างชายวัยรุ่นอยู่แถวนั้น และลูกชายเจ้าของ (ทราบภายหลัง) ที่ติดต่อห้องพัก เป็นคนดูแล --เรากลับเข้ามาเปิดห้อง จะใช้เนทเนื่องจาก ตอนเย็นก่อนออกไป เด็กวัยรุ่นที่ดูแลอยู่ บอกว่ามี wi-fi  ปรากฏว่า โน๊ตบุค พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงและเม้าส์ หายไป จากเป้ (ไม่มีตัวล็อค) ตำรวจ – หลังจากได้รับแจ้ง มาดูสถานที่ แล้วไม่มีร่องรอยงัดแงะใดๆ ให้เราโทรเช็คที่ทำงานว่าได้ลืมคอมไว้ไหม เรายืนยันว่าเอาคอมใส่ไว้ในเป้ ไม่ได้ลืม เพราะต้องเอามาใช้ทำงาน --เรามาเห็นทีหลังว่า ระหว่างลูกบิดกับวงกบประตูนั้น มีช่อง ที่ใช้ของแข็งแบนๆ แงะก็เปิดได้สบายมาก เช้ารุ่งขึ้นไปแจ้งความ  เนื่องจากเมื่อคืน นอกเวลาไม่รับแจ้งเหตุ สอบปากคำ ให้ลงรายละเอียดคอมพิวเตอร์ที่หายไป พร้อมชื่อที่อยู่ เราไว้ เราตั้งข้อสังเกตว่า เราได้ฝากกุญแจห้องพักไว้ และห้องไม่มีร่องรอยถูกงัด   ตำรวจ คนที่รับแจ้ง บอกว่า –เจ้าของบ้านพักเค้าไม่ทำอยู่แล้ว และ กม.ของประเทศนี้ โรงแรมที่พักจะไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่เราไม่ได้แจ้งว่ามีของมีค่ามาด้วย   ----แล้วคุณ ก็จะประชุมอยู่อีกหลายวัน ว่างๆ ก็เดินๆ ดู เผื่อมีคนเอามาขาย —แม่เจ้า!!! ขโมยประเทศไหนมันจะเซ่อขนาดนั้น เราปลงว่า เราไม่ได้ของคืนแล้วแน่ๆ แต่ที่เราไม่ประทับใจคือคำพูดของตำรวจที่เข้าข้างเกสเฮ้าส์ และอีกหลายคำถาม ที่พยายามเบี่ยงเบนว่า เราไม่ได้เอาคอมฯ มาด้วย หรือคนขับรถ หรือเพื่อนเราอาจจะเป็นขโมยก็ได้ ซึ่งสองคนนั้น อยู่กับเราตลอด ตั้งแต่เดินทางจนมาถึงที่พัก เอาของเก็บเข้าห้อง ส่วนคนขับรถแยกไปพักอีกที่นึง อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณทีมงานเจ้าหน้าที่ของประเทศลาวที่เราร่วมทำงานด้วย ที่พยายามให้ความช่วยเหลือ พาไปแจ้งความ และอื่นๆ แต่แทบทุกคนบอกว่า รู้ข่าวช้าไป ถ้าใช้วิธีสอบสวนแบบพิเศษตั้งแต่คืนนั้น อาจจะได้ของคืน   แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 22:58:02 จากคุณ : ลูกเจี๊ยบในกำมือ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 22:53:09

ความคิดเห็นที่ 77 ไปเที่ยวเจอแบบนี้เหนื่อยเนอะ..ดีที่คุณหมอมีไม้ตายไปต่อรองจ้ะ ป้าจอยเคยนอนกลางวัน..ที่โรงแรมเชนดังในปารีส..เพื่อนข้างห้องไปเที่ยวกันหมด มีผู้ชายตัวดำๆเปิดประตูเข้ามาเฉยเลย..ดีนะที่เค้าเดินออกไปเอง พอเพื่อนๆกลับมา..บอกว่าห้องโดนรื้อกระจุย..แต่ไม่มีอะไรมีค่าพอจะหาย ทริปเดียวกัน..ที่ออสเตรีย..ป้าลืมกระเป๋าสะพายที่มีเงินหลายพัน$ไว้บนเตียง สัก15นาทีกลับไปดูที่ห้อง..เจอแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่ แต่กระเป๋าอยู่ที่เดิมโดยเธอไม่แตะต้อง..ตอนนั้นป้าใจหายเลยทีเดียวจ้ะ จากคุณ : ป้าจอยเอง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 23:32:43

ความคิดเห็นที่ 78 ใช่ประเทศจีนเปร่าครับ รบกวนช่วยบ่อกที่ จากคุณ : cybermax เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 02:15:30

ความคิดเห็นที่ 79 ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะครับ และเป็นฤกษ์ดีที่จะได้ถอย iPhone4G มาใช้เลย 555 โชคดีปีใหม่นะครับ จากคุณ : blacknose เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 12:34:56

ความคิดเห็นที่ 80 นอกเรื่อง - คุณเธอเกิดปีชงหรือเปล่าคะคุณหมอฯ? ขาล - มะเส็ง - วอก - กุน ยังไงก็ฟาดเคราะห์ไปนะคะ ดีที่คุณหมอฯ เอาจริงเอาจัง ก็เลยยังได้คืนมาส่วนหนึ่ง ปกติเราก็ระวังหละค่ะ แต่ก็เคยมีลืม ดีที่ของไม่หาย แหะๆ ขอบคุณสำหรับกระทู้เตือนใจนะคะ เก็บเข้าคลังเรียบร้อยแล้วค่ะ จากคุณ : สาวไกด์ใจซื่อ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 12:54:22

ความคิดเห็นที่ 81 รู้สึกเหนื่อยแทนเลยครับ ถ้าเจอแบบนี้  ...เป็นผมคงทำอะไรได้ไม่มาก ภาษาก็ไม่ได้ คงต้องทำใจอย่างเดียว จากคุณ : Jayd_m เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 13:27:27

ความคิดเห็นที่ 82 เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : JuicyGrape เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 13:33:51

ความคิดเห็นที่ 83 โรงแรมแปลกหน้า่ไว้ใจได้กา... เคยพักในไทย แต่ก็ไม่เคยโดนแบบนี้นะ จากคุณ : ChubbyMon (ChubbyMonster) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 13:42:05

ความคิดเห็นที่ 84 ถือว่าฟาดเคราะห์ค่ะ คนเรา บางทีไม่ใช่โจรโดยสันดาน แต่ถ้าสบโอกาส มีของวางล่อตาล่อใจไว้ กิเลสก็อาจจะเป็นฝ่ายชนะ หรือบางทีช่วงนั้นเค้าอาจจะแม่ป่วย หวยกิน โดนผัวไถตังค์ พอสบโอกาสก็เลยไม่พลาดที่จะฉวยมันไว้ ดังนั้น เราก็อย่าไปเผลอเปิดโอกาสนั้น จะได้ไม่มีปัญหานะคะ จากคุณ : My Pucca Girl เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 15:09:04

ความคิดเห็นที่ 85 ฟาดเคราะห์ไป ดีนะที่หายแต่โทรศัพท์ ส่วนตัวก็เคยของหายที่โรงแรมในต่างประเทศเหมือนกัน แต่ลองคำนวณดูมูลค่าของที่หาย แลกกับสิ่งชดเชยที่จะได้จากโรงแรม บวกกับการที่จะต้องเสียเวลา ติดต่อสถานทูตไทยในประเทศนั้นๆ ไหนจะต้องวิ่งรอกไปมาระหว่างโรงแรมกับสถานนีตำรวจ ทริปของเราคงเป็น ศูนย์ แน่ๆ อุตส่าได้วันหยุด ซื้อตั๋วไปเที่ยวต่างประเทศหาความสุขกับแฟน ถ้าคิดว่าไม่คุ้มแน่เราขอเลือกตัดใจ พยามยามลืมมันไป และทำตัวให้สนุกกับทริปนั้นๆ ดีกว่า แต่ก็นะต้องเสียสิทธ์ในสิ่งที่ควรทำ แถมยังอดมีเรื่องมาเล่าให้คนที่บ้านฟัง จากคุณ : Rainbowhunter เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 16:08:15

ความคิดเห็นที่ 86 ขอฝากข้อคิดเพิ่มเติมค่ะ เผื่อจะมีประโยชน์บ้างกันของหาย และหาข้อมูลในการเจรจาพิสูจน์พยานหลักฐานเพิ่มมากขึ้นค่ะ คิดว่างั้นน่ะค่ะ ประการแรก เมื่อเข้าที่พัก ควรสำรวจรอบห้องพัก ประตู หน้าต่าง ระเบียงหน้าห้อง ห้องอาบนำ้ ว่ามีลักษณะอย่างไร        ข้อดีก็คือว่าถ้าจะมีอันตรายเกิดขึ้น จะเป็นไปได้ทางไหนบ้างที่ผู้ไม่หวังดีจะเข้ามาจิ๊กของเราไป หรือเข้ามาถำ้มองอย่างเช่นกรณีห้องนำ้แบบเปิดโล่งเป็นต้น จะได้ระมัดระวังตรงนั้นเป็นพิเศษ ประการที่สอง เมื่อเข้าห้องครั้งแรก ถ่ายรูปทุกอย่าง (เชื่อว่าหลายคนคงทำกันบ้างอยู่แล้วค่ะ) แต่ออกจากห้องกรณี อยากให้พนักงานทำความสะอาด ถ่ายรูปไว้บ้างก็ดีค่ะ จะได้จะๆๆเป็นหลักฐานเลยว่าก่อนออกห้องเราวางของไว้ที่ตำแหน่งไหนบ้าง มีลักษณะอย่างไร เพื่อเวลาชั่งนำ้หนักพยานการพิสูจน์ข้อเท็จจริงยันกันระหว่างคู่กรณีนั้น คำพูดเราจะได้มีนำ้หนัก เพราะเราก็มีรูป และเวลาที่เราถ่ายรูปประกอบยืนยันเป็นข้อพิสูจน์คำพูดของเราค่ะ   เพิ่มเติมอีกนิดค่ะ ถ้าเข้ามาในห้องแล้วพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของห้องในกรณีที่เราไม่ได้สั่งให้ทำความสะอาด "อย่าเพิ่งไปค้นของ" ให้ถ่ายรูปโดยรอบๆ ไว้ทุกอย่าง และถ้ากรณีของที่เราคิดว่า เราลืมไว้ในห้อง อย่างเช่นบนโต๊ะ แล้วของนั้นหายไป อย่าเพิ่งไปจับบนสิ่งของ (อาทิเช่นแท่นชาร์จ) เพราะอาจใช้ในการพิสูจน์ลายนิ้วมือบนทรัพย์สินนั้นได้ โดยเฉพาะวัตถุที่เรียบ ลายนิ้วมือก็จะติดดีกว่าวัตถุที่ขรุขระเป็นต้น ประการที่สาม ดูเวลาก่อนออกห้อง และเวลาที่กลับ เข้ามาดีๆน่ะคะ เพราะว่าเวลาเกิดเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจจะถามบ่อยมาก เพราะเป็นข้อมูลที่สำคัญในการสืบเรื่องราว และคาดคะเนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงความเป็นไปได้ของรูปคดี ตลอกจนการติดตามเรื่องของเราด้วยค่ะ ประการที่สี่ ไปถึงที่เที่ยวก็ลอง เที่ยวสถานีตำรวจใกล้ๆ ละแวกที่เราเที่ยวดูบ้างค่ะ เผื่อมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นกับเรา จะได้ไม่ตกใจจนเกินไป และสามารถเดินทางไปถูก เพราะพิสูจน์แล้วว่าถ้าจะหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ของไทย """"อาจลำบาก"""""" หรือ""""ไม่สะดวกในการได้รับการบริการ""""" จะได้พึ่งตนเองให้ได้มากที่สุดและทันท่วงทีค่ะ เพราะเราจะรู้ได้ไงว่าถ้าพลาดขึ้นมา อาจต้องพึ่งตำรวจของประเทศนั้นก็ได้ค่ะ    สุดท้ายค่ะ ที่บอกมานั้นไม่รู้จะจิตเกินไปหรือเปล่า ขออนุญาตยืมคำพูดความคิดเห็นที่ 69  ของคุณ sueko มาใช้น่ะคะ เพราะก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ก็ป้องกันไว้อย่างเหนียวแน่น เพื่อความสบายใจจะดีกว่าค่ะ เพราะรู้ว่าของหายน่ะนอกจากเครียดแล้วได้สักพักต้อง ลุกสู้กับปัญหาใหม่น่ะค่ะ     การพยายามจดจำเรื่องราว และหาหลักฐานพิสูจน์ได้ จะทำให้การให้ปากคำกับตำรวจมีนำ้หนัก และช่วยในการสืบเรื่องราวได้ไวขึ้นค่ะ เพราะบางทีข้อมูลที่เราเห็นว่าเล็กๆน้อยๆ อาจเป็นประโยชน์ก็ได้ นอกจากเราจะเป็นนักเที่ยวแล้ว ลองเป็นนักสืบในตัวน้อยๆ ไปพร้อมๆ กันก็สนุกดีนะคะ (หัวเราะทั้งน้ำตา ) จากคุณ : BIEYE เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 18:47:31

ความคิดเห็นที่ 87 ถือว่าโชคดีที่ได้คืนมาบ้างนะคะ นับถือในความพยายามเลย ไปมาสน.ตั้งหลายรอบ ปีใหม่แล้วก็ขอให้มีเเต่โชคดีๆค่ะ เคยลืม iphone รุ่นเก่าไว้ที่ Toyoko Inn ที่ญี่ปุ่น เพราะเหตุผลเดียวกับคุณหมอฯ เปี๊ยบเลย คือไม่ได้ใช้เลยวางไว้ข้างทีวี(รู้ว่ามันไม่มี 3G ใช้ที่นู่นไม่ได้เเต่ก็ยังจะเอาไป) มารู้ตัวอีกทีวันถัดมาที่ไปถึงเมืองอื่นแล้ว เนื่องจากน้องชายลืมมือถือไว้บนรถไฟ เลยนึกถึงของตัวเอง นอนไม่หลับเลยค่ะ เพราะเสียดายรูปในนั้นเป็นพันรูป กว่าจะกลับไปเมืองเดิมก็อีกสองวัน เลยนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองไทย สองวันผ่านไป กลัีบไปถามที่รร ตอนเเรกเค้าไม่เข้าใจบอกไม่มี เลยพยายามทำท่าโทรศัพท์ เค้าก็ไปหาให้ พอเห็นปลอกสีฟ้าเลยยิ้มออกค่ะ ส่วนของน้องชายลืมไว้ข้ามวันเหมือนกัน เลยให้เจ้าหน้าที่สถานีอีกเมืองเช็กให้ ปรากฎว่าอยู่ค่ะ เเต่ต้องไปเอาที่เมืองปลายทางของรถไฟที่ลืมไว้ เราเลยขอให้เค้าส่งมือถือทางไปรษณีย์ไปที่รร.ในเมืองถัดไปที่จะไปเลยค่ะ เค้าก็โอเค เเต่ต้องโทรไปแจ้งรร.ที่จะให้ส่งไปไว้ก่อนเนื่องจากรร.ต้องออกค่าส่งให้เราก่อน เพราะไปรษณีย์เก็บเงินปลายทาง ดีที่จดที่อยู่+เบอร์โทรของรร.ไว้ มีคนบอกว่าปกติคนญี่ปุ่นจะไม่เอา แต่บางทีก็อาจจะหายได้เช่นในโตเกียว เพราะมีคนต่างชาติอยู่เยอะ หรืออาจมีคนไม่ดีปน เดี๋ยวนี้เวลาไปเที่ยวแทบไม่เอาของไม่จำเป็นไปเลยค่ะ ของเยอะดูเเลยาก กลัวหายเเล้วเซ็งเปล่าๆ จากคุณ : Big Bear's Journee เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 18:53:03

ความคิดเห็นที่ 88 ถือว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกันนะคะ ขอบคุณสำหรับคำเตือนคะ เคยมีประสบการ์ณลืมมือถือไว้ที่ห้องโรงแรมเหมือนกันคะ ที่เวียดนามพอดีไปเที่ยวกับบริษัทจะกลับก่อนก็ไม่ได้ต้องรอจนเย็น กลับมาถึงห้องเห็นยังอยู่ดีใจแทบตาย จากคุณ : nunidka เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 22:26:40

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณที่ มาแจ้งให้ทราบนะคะ แต่กลัว ว่าจะเป็นปท . ที่คิดไว้ จัง ส่วนตัวไปญีปุ่่นบ่อย ชอบทิ้ง เนตบุค ไว้ใน ห้อง แล้วก้ ของ ก้ ไม่ค่อยเก็บเท่าไหร่ ต่อไปจะระวังให้มากขึ้นค่ะ ขอบคุณนะคะ :) จากคุณ : BLboo เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 00:17:32

ความคิดเห็นที่ 90 ขอขอบคุณทุกๆ ท่านสำหรับกำลังใจ คำอวยพร และเรื่องราวที่มาแชร์กันนะครับ คิดว่าแนวคิดการป้องกันตนเองของหลายๆ ท่านน่าจะช่วยได้มากพอสมควรทีเดียวครับ ของแบบนี้ไว้วางใจไม่ได้จริงๆ เคสนี้ที่ปิดเรื่องได้ก็อาจจะเพราะเรามีเวลาอยู่ประเทศนั้นค่อนข้างหลายวัน ถ้าลูกค้าปุ๊บปั๊บกลับก็คงจบ ไม่มีใครสู้ต่อเป็นแน่แท้ สบายแฮโรงแรมไปครับ ในวันนี้ ผมเดินทางกลับมาถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพเรียบร้อยแล้วครับ ก่อนกลับก็แวะไปร่ำลาคุณตำรวจว่าจะกลับประเทศแล้ว ซึ่งแกก็ดีใจที่ปิดเคสนี้ได้ แกจะได้ไปลุยเคสอื่นๆ (ที่มีมากมายต่อไป) ระหว่างที่รอ Transit เปลี่ยนเครื่องบินในส่วนขาออกรอขึ้นเครื่อง ผมได้มีโอกาสพบกับท่าน พระมหาสมปอง (ธรรมะเดลิเวอรี่) ก็เลยได้เข้าไปนมัสการขอคำแนะนำในเรื่องนี้หน่อยว่า เราจะจัดการปัญหาเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ซึ่งท่านก็ได้ให้คำแนะนำที่ดี ว่าคนเรามีสิทธิ์ที่จะนึกเสียดายและเสียใจได้ เพราะเราเองก็อาจจะผูกผันก็ของหรือสิ่งนั้นๆ มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่สิ่งที่มีอยู่และผูกผัน ต่างก็จะต้องมีเวลาที่ต้องจาก ให้นึกเสียว่าเป็นการซ้อมการลาจากก็แล้วกัน หากเจอสิ่งไหนที่มีอยู่และต้องพลัดพลากจากกัน และเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าจะได้รับมือได้ และให้มองถึงคนรอบตัวหรือคนอื่นๆ ที่เจอเหตุการณ์ร้ายหนักกว่าเรา ที่ต้องสูญเสียทรัพย์จากเหตุที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็มีมากมย และเมื่อสละความเสียดายและเสียใจได้ ก็จะเริ่มมีสติและค้นหาหนทางคลี่คลายปัญหาได้ จริงๆ ผมอาจจะถ่ายทอดออกมาได้ไม่หมดครับ แต่ท่านยกตัวอย่างและบรรยายได้เห็นภาพชัดเจนจริงๆ รู้สึกดีใจครับที่ได้นมัสการท่านระหว่างรอขึ้นเครื่องเพียงไม่กี่สิบนาทีเท่านั้นเอง ปล. -- ถึงตา charan_ck เพื่อนรัก --> ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ เด้อ แล้วยังไงจะโทรไปคุยละกัน -- ถึงคุณ alexnpat ครับ --> โรงแรมนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดตรงทางเดินครับ และผมเองก็เชื่อมั่นว่า มีเพียงพนักงานทำความสะอาดเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในห้องพักได้ เรียกได้ว่า ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศนั้น ผมหลอนกับความว่า Housekeeper กันไปเลยทีเดียวครับ -- ถึงคุณสาวไกด์ --> ผมและคุณเธอเกิดปีกุนทั้งคู่ครับ หมอฯที่เคยดูก็เคยทักเหมือนกันว่าปี 53 กับ 54 นี่จะเหนื่อยพอดูทีเดียวครับ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 01:06:51 จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 01:05:20

ความคิดเห็นที่ 91 ต้องเป็นประเทศ "นั้น" แน่ๆ เลยครับ หุหุหุ ปล. ขอบคุณคุณหมอยุ่งสำหรับกระทู้เตือนใจนี้นะครับ :D จากคุณ : ฟีโลอาทรอส (philoatros) เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 01:45:50

ความคิดเห็นที่ 92 Fight for it ! ต้องเอาให้ได้อย่างนี้ครับ ยิ่งถ้าเห็นเราเอาจริง ทางโรงแรมหรือผู้ให้บริการย่อมแสดงความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องขโมยนี่ แม่บ้านน่าสงสัย แต่อาจจะมีการสวมรอย เพราะหลายโรงแรมเลย ทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ขณะแม่บ้านทำความสะอาดห้อง จะเปิดประตูห้องพักทิ้งไว้ เคยเจอบ่อยครั้งที่แม่บ้านมีเหตุให้ต้องละทิ้งการทำความสะอาดห้องพัก ไปทำธุระชั่วคราวที่อื่น ผมเคยเดินเข้าไปขอที่โกนหนวดกับแปรงสีฟัน ขณะที่แม่บ้านทำความสะอาดห้องพักใกล้เคียงอยู่ เผอิญมันไม่มีอยู่ในรถเข็น แม่บ้านเลยบอกว่าเดี๋ยวเดินไปเอามาให้ในห้องแม่บ้านอีกชั้นหนึ่ง ปรากฏว่าห้องพักก็ถูกเปิดว่างไว้เช่นนั้น ถ้าผมเกิดเป็นขโมยวางแผนมาก็สามารถสวมรอยเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินได้อย่างสบาย กรณีนี้ทางโรงแรมสามารถปฏิเสธให้ความรับผิดชอบได้ครับ ซึ่งส่วนมากจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเราต่อสู้เอาเรื่องจริงๆ ส่วนมากจะพยายาม compromise แน่นอนในที่สุด กรณีนี้ต้องเหนื่่อยกาย เหนื่อยใจ แถมเสียทั้งเวลา และความรู้สึก เป็นผมคงถอนใจไปแน่นอน แต่ที่จะทำคือแบล็คลิสท์ไม่ใช้บริการเชนหรือเครือนี้อีกเด็ดขาด จากคุณ : WONDERFUL_DAY เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 01:50:10

ความคิดเห็นที่ 93 อิตาลีครับ น่ากลัว ซื้อของออกจากร้าน ตามมาถึงโรงแรม งัดห้อง ขโมยของ จากคุณ : MyPoint เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 11:46:58

ความคิดเห็นที่ 94 .. ขอบคุณ สำหรับอุทาหรณ์ ข้อคิดดีๆครับ ///สวัสดีปีใหม่ น้องหมอด้วยนะครับ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 12:19:27

ความคิดเห็นที่ 95 อยากจะแนะนำสักนิดนึงครับ ในฐานะที่เป็นคนโรงแรม 1. โรงแรมที่หมอยุ่งพักอยู่ คงมี safety box แต่ไม่ได้อยู่ในห้องพัก น่าจะอยู่่ Front Counter safety boxที่อยู่ใน Front Counter มีความปลอดภัยมากกว่าในห้องพักเสียอีก ทุกครั้ง เพราะเป็นระบบเหมือนที่ธนาคาร คือ กุญแจ 1 ลูกอยู่ที่โรงแรม กุญแจอีกหนึ่งลูกอยู่ที่ลูกค้า  ทุกครั้งที่ฝากของ ลูกค้าสามารถแจ้งพนักงานว่ามีอะไรที่ฝาก หากมีการสูญหายโรงแรมจะต้องรับผิดชอบเต็มจำนวนครับ  ในขณะที่ safety boxในห้องพัก มีความสะดวกสบาย แต่เราไม่สามารถแจ้งทรัยพ์สินให้พนักงานทราบได้เลย ซึ่งหากเกิดการสูญหาย จะต้องมีเรื่องที่ดูน่าวุ่นวายครับ 2.ป้ายประกาศที่ติดไว้ตามห้องพัก ว่า ทางโรงแรมจะไม่รับผิดชอบหากทรัพย์สินมีค่าสูญหาย หากของหายขึ้นมาจริงๆ ผู้พักสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้คับ เพราะการติดประกาศถือเป็น สัญญาทางเดียว แต่ถ้าหาก โรงแรมไหนเจ๋งๆ เขียนไว้ตรงใบลงทะเบียนตอนเช็คอิน และมีให้ลูกค้าเซ็นให้รับทราบ กรณีนั้นโรงแรมไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าลูกค้าได้รับทราบกฏแล้ว 3. ระบบกุญแจแบบโบราณ คงหมายถึงแบบแม่กุญแจและลูกกุญแจ กับแบบคีย์การ์ด ระบบแบบคีย์การ์ด ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเสมอไปครับ อย่างกรณีเร็วๆนี้กับโรงแรม 5 ดาว ที่ พนง.คีย์รหัสการ์ดซ้ำ ทั้งที่ๆ ที่ยังมีลูกค้าอีกคนนอนอยู่ อยากจะแนะนำว่า ทุกครั้งที่ เข้าพักโรงแรม โปรดตรวจสอบว่า - โรงแรมที่ไปพักควรมี CCTV หรือไม่ และใช้งานได้จริง เพราะหากเกิดเรื่องขึ้น เราสามารถตรวจสอบได้ว่ามีใครเข้าไปในห้องเราบ้าง - ของหายในห้องพัก ส่วนใหญ่แม่บ้านไม่ได้ขโมยไป เพราะทางโรงแรมจะต้องสกรีนคนเข้าทำงาน และ หาคนที่ไว้ใจเข้าทำงาน ไม่ใช่ใครก็ได้ เราเคยสงสัยว่าทำไมคนทำงานโรงแรมคนนี้ไม่มี service mind โรงแรมไม่ไล่มันออกไปสักที แต่ ระหว่าง คนที่ มี service mind และไม่มีความซื่อสัตย์ กับ คนที่ไม่มี service mind แต่มีความชื่อสัตย์ คุณจะเลือกอะไรระหว่างสองคนนี้ - ของมีค่าทุกอย่าง ต้อง ไปฝากไว้ที่ safety box และแจ้งให้พนักงานโรงแรมทราบด้วยว่ามีอะไรบ้าง หากมีค่ามากๆ กรุณาบอกผู้จัดการให้กับรักษาไว้ครับ -หากไปเที่ยว อย่าได้นำของมีค่าไปมากครับ เก็บไว้ที่บ้านจะสบายใจกว่า และ passport ไม่จำเป็นต้องพก เก็บไว้ที่ safety box ของโรงแรม พกเฉพาะแต่ตัว copy คับ *โรงแรมในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะถูกลูกค้าต่างชาติ โมเม ว่าของในห้องพักหาย เพราะลูกค้าจะแจ้งความและเอาใบแจ้งความไปเคลมที่ประกัน เพราะฉะนั้นเวลาของหายในโรงแรมประเทศไทย เราๆท่านๆ จะรู้สึกว่า คนของโรงแรมคิดว่าของไม่ได้หายจริงๆ* จากคุณ : DNADNA เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 12:20:04

ความคิดเห็นที่ 96 อิอิ  เราที่ Iphone4 หายที่สิงคโปร์  ก็เกิดปีกุนค่ะ  แต่ปีกุนชงปีนี้เหรอคะ เหมือนเคยได้ยินในทีวีว่าชง  แต่ลองดูในเน็ทเห็นว่าปีกุนไม่ชงกับปีเถอะ เลยแอบ งง จากคุณ : MinnieMoChi เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 17:25:50

ความคิดเห็นที่ 97 กลับมาอ่านอีกรอบ รอพ้นตรุษจีนไปก็น่าจะดีขึ้นแล้วหละค่ะ เพราะปีชงจะเปลี่ยนเป็นปีอื่นแทน ช่วงก่อนตรุษจีนนี่ก็ระวังหน่อยแล้วกันนะคะ เราสิ พ้นตรุษจีน ชงทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะนี่  เหอๆ จากคุณ : สาวไกด์ใจซื่อ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 20:43:06